ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ศิลาพระจันทร์ลอย

​

ศิลาพระจันทร์ลอย ไม่ใช่ ดวงแก้วพระจันทร์ หรือ แก้วพระจันทร์นะคะ แต่เป็นหินแกรนิตทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร หนาสัก 6 นิ้ว​

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างพระตำหนักนครหลวง ห่างจากปราสาทนครหลวง เพื่อเป็นพระราชฐานยามเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ได้นำศิลาพระจันทร์ลอยนี้ประดิษฐานในพระตำหนักนครหลวงด้วย ปัจจุบันศิลาพระจันทร์ลอยประดิษฐานในศาลาจตุรมุข ภายในวัดนครหลวงค่ะ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=95DhCEg3OQM&feature=related"]YouTube- Laoduangduan[/ame]​

XXXXXXXX ​

สมาชิก




ลองเดาความคิดคนโบราณดู คนโบราณเขาอาจจะเรียกว่าศิลาแผ่่นนี้ว่าดวงแก้วจากพระจันทร์หรือมณีจันทร์ก็ได้นะคะ (เดาล้วนๆ) แต่ที่จริงแล้วสิ่งนี้เป็นแผ่นศิลาแกรนิตขนาดใหญ่ที่ลอยน้ำมาอยู่บริเวณวัดนครหลวงในปัจจุบัน ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ว่าสมเด็จพระเจ้าปราสาททองจะทรงอัญเชิญศิลาพระจันทร์ลอยนี้ ขึ้นมาประดิษฐานในตำหนักของพระองค์ท่านเมื่อเริ่มสร้างพระตำหนักนครหลวงแล้วค่ะ

 

วัดทองบ่อ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="98%" align=center><TBODY><TR><TD class=WorkCenterHeader>ความเป็นมาพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดทองบ่อและแหล่งเรียนรู้ชุมชนมอญ

​

</TD></TR><TR><TD class=WorkCenterContent>

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD style="PADDING-BOTTOM: 5px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; VERTICAL-ALIGN: top; PADDING-TOP: 5px" class=WorkCenterContentFont>

Edit TitleEdit Detail
ความเป็นมา
ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ปรากฏว่า มีการอพยพของชาวมอญ เข้าสู่ประเทศไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระนเรศวร สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และในสมัยกรุงธนบุรี รวมทั้งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเข้ามาหลายทาง ได้แก่ ด่านเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี ด่านแม่ละเมา จังหวัดตาก เข้ามาทางจังหวัดเชียงใหม่ และทางจังหวัดอุทัยธานี ชาวมอญจะพำนักอาศัยอยู่ตามริมน้ำ โดยเฉพาะบริเวณฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตามลำน้ำแม่กลอง และลำน้ำท่าจีน​

ชุมชนมอญ บ้านเสากระโดง ไม่ทราบแน่ชัดว่า อพยพเข้ามาในสมัยใด แต่สันนิษฐานจากคำบอกเล่า ของผู้อาวุโสภายในหมู่บ้าน และจากโบราณสถาน ภายในวัดทองบ่อ คือ เจดีย์โบราณ ทำให้คาดคะเนว่า น่าจะอพยพเข้ามาอยู่ ณ ชุมชนนี้ ตั้งแต่ช่วงสมัยอยุธยาตอนปลาย ถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยเฉพาะจากคำบอกเล่าของคุณป้าภูมิ พลอยรัตน์ (ธรรมนิยาม) ว่า คุณตาฉ่ำ ธรรมนิยาม ผู้บิดาเล่าให้ฟังว่า บรรพบุรุษมาจากเมืองมอญ เข้ามาทางจังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินทางเข้ามาทางเกวียน มาก่อตั้งหมู่บ้าน ในระยะมีอาชีพทำนา ค้าเกลือ เผาอิฐ ในช่วงที่อพยพเข้ามาประมาณ ปี พ.ศ. ๒๓๖๐ หมู่บ้านเสากระโดง เดิมเรียกกันตามภาษามอญว่า กวานปราสาท และวัดทองบ่อ ก็มีการเรียกกันแต่เดิมว่า เพียปราสาท ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นวัดทองบ่อ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งหมู่บ้านในอดีต เป็นด่านขนอน (ด่านเก็บภาษีอากรในสมัยกรุงศรีอยุธยา) มีคำบอกเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการใช้เรือสำเภา ในการขนส่งสินค้า และเดินทาง เกิดเหตุอัปปางลงเรือพร้อมเสากระโดง ลอยมาติดอยู่แถวหมู่บ้านนี้ จนทำให้ผู้คนผ่านไปมา เรียกหมู่บ้านว่าหมู่บ้านเสากระโดง ปัจจุบัน เสากระโดงได้เก็บรักษาไว้ ในบริเวณวัดทองบ่อ เป็นโบราณวัตถุ และสัญลักษณ์ของหมู่บ้านเสากระโดง​

สถานที่ตั้ง ชุมชนมอญบ้านเสากระโดง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๔ และหมู่ที่ ๕ ตำบลขนอนหลวง อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา​

อาชีพ เดิมประกอบอาชีพการเผาอิฐ ค้าขายเกลือ จาก ทำนา ปัจจุบันประกอบอาชีพรับจ้าง รับราชการ พนักงานโรงงาน และอื่น ๆ​

ศาสนา ประชาชน ในชุมชนมอญบ้านเสากระโดง นับถือศาสนาพุทธทั้งหมด มีวัดทองบ่อเป็นศูนย์กลางของชุมชน ผู้สูงอายุ ยังคงสวดมนต์ภาษามอญ ทำวัตรเย็นเป็นประจำทุกวัน และในวันพระยังคงถือศีลอุโบสถ​

ภาษา ผู้สูงอายุในหมู่บ้านยังพูดภาษามอญ สวดมนต์ภาษามอญ สำหรับผู้ที่สามารถเขียน และอ่านภาษามอญได้มีจำนวนน้อย แต่ปัจจุบันเจ้าอาวาสวัดทองบ่อ ดำริจะจัดการสอนหนังสือภาษามอญ ให้กับเด็ก เยาวชนและผู้ที่สนใจ โดยจัดตั้งศูนย์ศึกษาภาษามอญ​

วัฒนธรรมประเพณี ชาวบ้านในชุมชนมอญบ้านเสากระโดง เคร่งครัดในศาสนา จะร่วมถือศีลฟังธรรม ในวันพระและวันสำคัญทางศาสนา รวมทั้งร่วมกิจกรรมทางศาสนา เช่น เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลเข้าพรรษา ประเพณีการตักบาตรน้ำผึ้ง เทศกาลออกพรรษา การเทศน์มหาชาติ รวมทั้งกิจกรรม ในงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินีนาถ
แม้ที่วัฒนธรรมได้เปลี่ยนไป ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป แต่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดทองบ่อ ยังรักษาเอกลักษณ์การสวดพระอภิธรรมภาษามอญ ตลอดมา​

การฟื้นฟูประเพณี เจ้าอาวาสวัดทองบ่อ ร่วมกับชาวบ้าน ได้ฟื้นฟูประเพณีที่สูญหายไปประมาณ ๕๐ ปี โดยเฉพาะประเพณีแห่หงส์ –ธงตะขาบ ในเทศกาลสงกรานต์ ได้เริ่มฟื้นฟูมาเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี จนปัจจุบัน ประเพณีนี้ เป็นที่นิยมของชุมชนชาวมอญบ้านเสากระโดง และชาวอำเภอบางปะอิน และ ในอนาคต จะพัฒนาและประชาสัมพันธ์ให้รู้จักแพร่หลาย ในระดับจังหวัดต่อไป รวมทั้ง จะฟื้นฟูให้เยาวชนได้แต่งกายแบบชาวมอญ ในโอกาสงานสำคัญ ๆ ด้วย

​

เมื่อวานที่เจอท่านพระครูโดยบังเอิญ ก็เห็นหน้าท่านยังหนุ่มคิดว่าท่านเป็นพระลูกวัด
ทางสายธาตุุถามท่านว่า ท่านจำพรรษาวัดไหนเจ้าคะ
ท่านบอกว่า วัดทองบ่อ บางปะอิน
ทางสายธาตุเห็นลายปักบนย่ามท่านจึงถามว่า วัดท่านมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองด้วยหรือเจ้าคะ
ท่านบอกว่า ใช่
จึงถามพระท่านไปว่า เจ้าอาวาสวัดชื่ออะไรหรือเจ้าคะ​

ท่านบอก ก็อาตมานี่แหละ เจ้าอาวาสชื่อ พระสุทัศน์ ​

อะพิโธ่ โยมก็นึกว่าหลวงพี่ยังหนุ่มอยู่คงเป็นพระมหาอะไรอย่างนี้แหละ ท่านก็ว่าอาตมาก็พระมหานะโยม อายุปีนี้ 51 ปี พรรษา 15​

​

http://watthongbor.igetweb.com/?mo=3&art=429906
</TR></TBODY>​

</TR></TBODY>

 

เกร็ดประวัติศาสตร์เกี่ยวกับศิลาพระจันทร์ลอย (เพิ่มเติม)

(2) วัดนครหลวง อยู่ในส่วนของปราสาทนครหลวง ซึ่งสร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยได้ถ่ายแบบมาจากเขมรแต่สร้างไม่เสร็จ จนในสมัยรัตนโกสินทร์ ตาปะขาวปิ่นได้สร้างต่อเป็นวัดนครหรือวัดนครหลวง เมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงบูรณะและสร้างเพิ่มเติม เข้าไปสักการะพระพุทธบาทสี่รอย ไหว้พระพิฆเนศ ขอพรพระสังกัจจายน์ แวะสักการะศิลาพระจันทร์ลอย (หินทรายทรงกลมคล้ายพระจันทร์) ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าศิลาพระจันทร์นี้ลอยน้ำมา รัชการที่ 5 เคยอัญเชิญไปไว้ที่ท่าพระจันทร์ แต่เค้าว่ามีใครไปเข้าฝันบอกท่านว่าศิลาพระจันทร์ลอยไม่อยากอยู่ที่ท่าพระจันทร์ เค้าบอกว่าถ้าศิลาอยากอยู่กับรัชการที่ 5 ก้อลอยไปหาตั้งนานแล้ว แต่นี่อยากอยู่ที่วัดนี้ช่วยเอากลับไปที รัชการที่ 5 เลยทรงอัญเชิญกลับมาที่วัดนครหลวงอย่างเดิม

 

ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือไม่นะคะ พรมเขียวค่ะ​

 

ฟ้าเปิดเมื่อไร จะได้ไปวัดวรเชษฐ์ ครับ พี่ทางสายธาตุ เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างครับ

 

ผู้ใดมีเรื่องราวเกี่ยวกับสมเด็จเจ้าฟ้าสุทัศน์ นำมาเล่าเรื่องให้ฟังหน่อยนะครับ

 

น้อง of ลองอ่าน "เจ้าไล" นิยายอิงประวัติศาสตร์ของ อ. คึกเดชหรือยัง แต่ถ้ารอได้ พี่จะเอาของพี่ไปให้ยืมอ่าน อ่านได้ความรู้ดีแต่เรื่องประวัติบุคคลจะถูกต้องไหม ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

พี่อ่านเมื่อกลางๆปีที่แล้ว ตอนนั้นอยากทราบพระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในมุมมองต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ในนิยาย อีกเล่มที่นำมาอ่านตอนนั้นคือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์นักสู้ ของ นพ. วิบูล วิจิตรวาทการ แต่ว่าเล่มหลังนี้ไม่มีประวัติของเจ้าฟ้าสุทัศน์เลยนะคะ ต้องอ่านนิยาย "เจ้าไล" จะมีพระประวัติเจ้าฟ้าสุทัศน์มากหน่อยค่ะ

​

<TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top rowSpan=2 width="26%"><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD></TR></TBODY></TABLE>




</TD><TD vAlign=top width="74%"><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD>เจ้าไล :นวนิยายอิงประวัติศาสตร์



</TD></TR><TR><TD>ผู้แต่ง/ผู้แปล : คึกเดช กันตามระ



</TD></TR><TR><TD>Barcode : 9789740326939



</TD></TR><TR><TD>ISBN : 9789740326939



</TD></TR><TR><TD>ปีพิมพ์ : 4 / 2553



</TD></TR><TR><TD>ขนาด (w x h) : 145 x 210 mm.



</TD></TR><TR><TD>ปก / จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 887 หน้า



</TD></TR><TR><TD>หมวดหนังสือ : นวนิยาย



</TD></TR><TR><TD>ราคาปกติ : 480.00 บาท



</TD></TR><TR><TD>ราคาพิเศษ : 408.00 บาท



</TD></TR><TR><TD>ส่วนลด : 72.00 บาท



</TD></TR><TR><TD><FORM id=addtocart onsubmit=return(foul.validate(this)) method=post name=addtocart action=shopping.asp><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="80%" align=left><TBODY><TR><TD> <!-- ҤŴҤŴ -->

​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top><!---->

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
</FORM>


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่ศูนย์หนังสือจุฬา น่าจะมีค่ะ เพราะอาจารย์คึกเดชเป็นอาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬา

 

วันนี้ได้ pseudo iPhone มาแล้ว มีกล้องแบบ 5 ล้านพิกเซลติดมาด้วย ไปไหนมาไหนต่อไปนี้จะถ่ายรูปมาลงบ้างนะคะ

pseudo เป็นภาษาลาติน ในทางวิทยาศาสตร์ใช้เรียกของปลอมค่ะ เช่นขาปลอมของปรสิต จะเรียกว่า pseudo legs มั้งเอาความรู้ถ่วงน้ำไปนานแล้วขอเติมมั้งไว้เพื่อจะผิด เดี๋ยวเพื่อนสมัยเรียนเข้ามาอ่าน เขาจะฮาเอา

เพื่อแสดงโลเกชั่นต่างๆที่ไปท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์นั้นๆค่ะ ^_^

 

ทำให้คิดถึงหนัง 2012 เลยค่ะพี่

คิดว่าการทำบุญทำกุศลไว้อย่างสม่ำเสมอจะทำให้เกิดจังหวะที่ดีในชีวิตได้ เช่นถึงเวลานั้นอาจจะมีความจำเป็นต้องย้ายบ้านแล้วได้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยพอดี ก็เชื่อๆเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนะคะ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา จังหวะของเวลาที่เปิดขึ้นมาพอดิบพอดี ตอนที่อยู่วัดวรเชษฐ์นั้น ได้สนทนากับพระอาจารย์วัลลภจนมีญาติโยมอีกกลุ่มหนึ่งมาพบท่าน ตอนแรกก็ไม่ทราบว่าท่านจะไปธุระข้างนอกกับโยมกลุ่มนั้น จังหวะเดียวกันหลวงพ่อสิงห์ทนท่านก็ว่างจากการรับแขกพอดี เราสองคนจึงขึ้นไปกราบหลวงพ่อสิงห์ทนสักพักหนึ่ง โยมกลุ่มที่สนทนาอยู่กับพระอาจารย์วัลลภก็ขึ้นไปสมทบเพื่อสนทนากับหลวงพ่อสิงห์ทน เราสองคนเห็นว่าหลวงพ่อมีเพื่อนแล้วจึงสลับลงไปจากหอสวดมนต์ไปสนทนากับพระอาจารย์วัลลภต่อ คิดว่าจะสนทนากันอีกนานเพราะชอบสนทนากับพระอาจารย์วัลลภบุคคลิกท่านเหมือนทหาร ห้าวๆและพูดจามีมุกขำ สนทนาได้ไม่เท่าไหร่กลุ่มข้างบนหอสวดมนต์ก็มาบอกว่าจะขอเชิญพระอาจารย์วัลลภไปกัน ทางสายธาตุกับเพื่อนก็เลยเดินไปกราบพระปรางค์ประธานของวัดแล้วเดินทางต่อเลย

นี่คือจังหวะของเวลา เพราะทำให้ถึงวัดทอง บางปะหัน จังหวะที่ประตูโบสถ์เก่าเปิดไว้อยู่ ถ้าไปตอนที่ตำรวจกำลังตรวจเก็บหลักฐานของโจรงัดแงะโบสถ์อยู่ ตำรวจเขาอาจจะกันไม่ให้เข้าไปก็ได้ ไปถึงจังหวะที่สวนทางกับตำรวจพอดีเลย ไปถึงโบสถ์ประตูก็เปิดอยู่แล้วเดินเข้าไปเลยไม่มีใครอยู่ในโบสถ์ ทางสายธาตุค่อนข้างรู้สึกประทับใจในเรื่องจังหวะของเวลาที่เหมาะสม ที่ได้เจอมากับตัวเองเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเหมือนกันค่ะ

 

งานของแม่ไม่เคยหมด

http://palungjit.org/attachments/a.1105428/​

สาธุ พี่อุกามณีที่มาเผยแพร่ไว้ในอินเตอร์เนต ขอนำมาเผยแพร่ต่อเนื่องในเดือนแห่งวันแม่นะคะ​

 

พระอดีตพุทธเจ้า ๗ พระองค์ พระประธานในพระอุโบสถวัดชุมพลนิกายาราม อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา



ถ้ายังไง ได้ไปไหว้พระที่วัดชุมพลนิกายาราม ที่บางปะอิน อยุธยา ที่มีคุ้งน้ำวน อยู่ไม่ไกลจากวัด ก็ลองหยั่งจิตดู นะครับ ว่า "สถานที่บริเวณ ละแวกนี้ พระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมาประทับ แสดงธรรมอยู่หรือไม่?" หรือเป็นที่บริเวณใด ใครได้คำตอบว่าอย่างไร กลับมาเล่าสู่ให้กันฟังบ้างนะครับ


จำได้แล้ว คุณเคยเล่าไว้ที่เวปไหนสักแห่งหนึ่ง เลาๆว่าเวปของศูนย์ฯสิรินธร ชื่อศูนย์จำได้แค่ชื่อพระนามเจ้าฟ้าท่าน คุณเคยเขียนไว้เกี่ยวกับวัดชุมพลฯและวังน้ำวนหน้าวัด จำได้แล้วว่าเป็นคุณอิสสโรนั่นเองที่เขียน เจอตัวคนเขียนแล้ว

คิดว่าหน้าวัดตอนนี้เป็นเส้นทางเสด็จที่รัชกาลที่ 5 ทรงตัดเป็นคลองพระราชดำเนินจากสถานีรถไฟบางปะอินเพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชวังบางปะอิน

ดังนั้นวังน้ำวนจะต้องนั่งเรือแจวข้ามคลองเล็กๆที่ตัดผ่านหน้าวัดไปก่อน เพื่อให้ถึงฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงนั้นจึงจะเป็นวังน้ำวนกระมังคะ<!-- google_ad_section_end -->

ป.ล. คืนนี้จะเข้ามาเปลี่ยนเพลงเป็นล้านนาบารมีของคุณโมเยนะคะ เพราะน้องโมเยบอกมาว่าพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระราชชายาเจ้าดารารัสมีค่ะ จึงจะเทิดพระเกียรติท่านด้วยเพลงของคุณโมเยนะคะ ขอให้คุณโมเยได้นำพระราชประวัติบางส่วนของพระราชชายาเธอฯมาให้อ่านกันด้วยนะคะ

http://palungjit.org/posts/3698226

 

ได้คุยกับคุณโมเย ซึ่งเป็นญาติธรรม เธอทำให้ทางสายธาตุรู้ตัวว่าลืมอธิบาย ว่าทำไมจึงรู้เรื่องวังน้ำวนหน้าวัดชุมพลนิกายาราม อ.บางปะอิน เรื่องราวเป็นมาอย่างนี้ค่ะ เรื่องที่ตามหาข้อมูลอยู่เป็นเรื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาไม่ใช่สมัยพุทธกาลนะคะ ทีนี้ข้อมูลที่หาได้จึงทำให้ทราบว่า เกาะบ้านเลน หรือ เกาะบางปะอินนี้เคยเป็นเกาะใหญ่ๆ ไม่ใช่เกาะอกแตกเหมือนปัจจุบัน ดังนั้นคนที่ไม่ทราบเรื่องคลองเสด็จพระราชดำเนินนั้นมาขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้วจะหาวังน้ำวนไม่เจอเพราะมันต้องข้ามคลองขุดนี้ไปอีกฝั่งแล้วเดินไปริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยาอีกที น่าจะยังเห็นวังน้ำวนอยู่นะคะ จึงสนใจความเห็นคุณเอกอิสสโรด้วยเหตุนี้ค่ะ เพราะคุณเอกได้บอกถึงวังน้ำวนแถววัดชุมพลนิกายารามไว้และทางสายธาตุคิดว่าน่าจะมีวังน้ำวนที่ว่านั้นค่ะ

ส่วนเรื่องสมัยพุทธกาลนั้นไม่มีความรู้เลยค่ะ ทางสายธาตุเพียงรู้สึกว่าหลวงปู่ หลวงพ่อหลายคนพูดถึงเรื่องนี้นะคะ น่าสนใจ

เอาแผนที่โบราณที่เขียนว่า Pagod Royal , I. Royall , Palace Royal เป็นภาษาฝรั่งเศสคงเป็นชาวฝรั่งที่เข้ามาค้าขายกับกรุงศรีฯแล้ววาดไว้

​

http://palungjit.org/threads/อยุชฌบ...ยา-ที่ประเทศอินเดีย.254046/page-2#post3701222​

<!-- google_ad_section_end -->

 

ครับ ขอบคุณสำหรับชื่อหนังสือนะครับ พี่ทางสายธาตุ

 

เพลงหนึ่งเพชรล้านนา

​

​

พระราชชายา เจ้าดารารัศมี (๒๖ สิงหาคม๒๔๑๖ - ๙ ธันวาคม๒๔๗๖) เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ฝ่ายเหนือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการรวมล้านนาเข้ากับสยาม เจ้าหญิงผู้เป็นดั่งดวงประทีปแห่งล้านนา ผู้มากด้วยพระอัจฉริยภาพ เจ้าหญิงผู้ทรงพลิกฟื้นศิลปะวัฒนธรรมแห่งแผ่นดินล้านนา เจ้าหญิงผู้เสด็จลงมาถวายตัว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ด้วยเหตุทางการเมือง ก่อเกิดเป็นตำนานรักอันยิ่งใหญ่ระหว่างสองพระองค์ที่ยากจะพรรณนา​

พระราชชายา เจ้าดารารัศมี มีพระนามเดิมว่า "เจ้าหญิงดารารัศมี" พระนามลำลองเรียกกันในหมู่พระประยูรญาติว่า "เจ้าอึ่ง" ประสูติเมื่อวันอังคาร ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีระกา (หากนับทางเหนือ เป็นเดือน ๑๐) หรือตรงกับวันที่ ๒๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ เมื่อเวลา ๐๐.๓๐ น.เศษ ณ คุ้มหลวงกลางเวียง นครเชียงใหม่ (ที่ตั้งของ "ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่หลังเดิม) เป็นพระราชธิดาใน พระเจ้าอินทวิชยานนท์ กับ แม่เจ้าเทพไกรสรพระมหาเทวี ซึ่งแม่เจ้าเทพไกรสรนั้นทรงเป็นพระราชธิดาใน พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ และพระมหาเทวี เจ้าหญิงดารารัศมี มีพระพี่นางร่วมพระโสทรหนึ่งพระองค์ คือ เจ้าหญิงจันทรโสภา​

เมื่อทรงพระเยาว์ เจ้าหญิงดารารัศมีทรงพระอักษรทั้งฝ่ายล้านนา สยาม และภาษาอังกฤษ จนแตกฉาน ทั้งยังได้ทรงศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆจนนับได้ว่าทรงเป็นผู้รอบรู้ในด้านขนบประเพณีอันเก่าแก่เหล่านั้น ดีที่สุดคนหนึ่งทีเดียว ในด้านการกีฬานั้นเล่า ก็ทรงโปรดการทรงม้าเป็นอย่างยิ่ง​

วันที่ 26 สิงหาคมเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระราชชายา เจ้าดารารัศมี คุณโมเยได้น้อมจิตกตัญญูแต่งเพลงถวายพระองค์ท่านเพื่อเทิดพระเกียรติ ขออนุโมทนาค่ะ​

​

[MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=56687[/MUSIC]​

หนึ่งเพชรล้านนา ล้านนาบารมี ​

บทเพลงแห่งศรัทธา
ชุด หนึ่งเพชรล้านนา
สงวนลิขสิทธิ์ มีนาคม 2552​

กัญญนัทธ์ ศิริ / ขับขาน
​

เผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน
สงวนลิขสิทธ์ ในการใช้หาผลประโยชน์ส่วนตน​

หนึ่งเพชรล้านนา ล้านนาบารมี - Buddhism Audio​

 

โมเย ต้องเอาเพลงออกก่อน ตอนนี้เพลงเป็นแอคโค่เลยค่ะ 555

 

ขอบคุณและอนุโมทนา กับ คุณพี่ทางสายธาตุ ที่นำข้อมูล มาเสนอให้ค่ะ


แม่ศรีนครพิงค์ แม่ญิงมิ่งล้านนา

ขอกราบแทบพระบาทา ไหว้สามิ่งบารมี


ไหว้สาวันทาเจ้า
ไหว้สาวันทาเจ้า
ไหว้สาวันทาเจ้า

บารมีพระแม่เจ้า ปกคุ้มเกศา

 

มณีดำ แห่งสมเด็จพระนเรศอาจจะมีอีกหนึ่งเม็ดนะครับ และสวัสดีครับพี่โมเย

 

สวัสดีจ้า น้องออฟ สบายดีหรือเปล่าจ๊ะ

 

ไหว้สาวันทาเจ้า

ขอกราบแทบพระบาทา ไหว้สามิ่งบารมี



แม่ศรีนครพิงค์ แม่ญิงมิ่งล้านนา

 

ครับ อ็อฟสบายดีครับ พี่โมเปงอย่างไรบ้างครับ