ขออุบายให้จิตเข้าวิมุตติหน่อยค่ะ

ผมขอถามกลับนะ

เมื่อพระอรหัน เข้านิพพาน อย่างเช่น พระสารีบุตรเป็นต้น

ทำไมพระพุทธเจ้าถึงรู้ว่า พระสารีบุตรเข้าพระนิพพานแล้ว

เพราะพระองค์สามารถเห็น พระนิพพาน จึงรู้ว่าพระอรหัน เข้านิพพานแล้ว

ถ้าพระองค์สามารถเห็นพระนิพพานได้ แล้วทำไมพระองค์จะไปพระนิพพานไม่ได้ละ

แต่พระองค์ และพระอรหัน มีภารกิจในการช่วยเหลือสัตว์ ไม่ได้มีกิจไปคุยกับผู้ที่เข้าพระนิพพานแล้วซะหน่อย แล้วพระองค์และ พระอรหัน จะถอดจิตไปนิพพานทำไมละครับ



ส่วนเรื่อง พระอุปคุต ท่านเป็นสาวกที่ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าในสมัยมีชีวิตอยู่ก็จริง

แต่เมื่อท่านบรรลุอภิญญา ท่านก็สามารถเห็นพระพุทธเจ้าด้วยอภิญญาได้



ขอถามกลับ ว่า ทำไมเวลาที่พญามาร แปลงกายเป็นพระพุทธเจ้า

แล้วทำไมพระอุปคุต ถึงเชื่อละว่าใช่ ถ้าไม่เคยเห็นแล้วจะเชื่อได้อย่างไร ถูกไหม

ของอย่างนี้มันต้องเคยเห็นมาก่อนเท่านั้นถึงจะเชื่อได้ ใช่ไหมครับ



ส่วนเรื่อง พระพุทธเจ้าปรินิพพาน

สาวกที่เป็นปุถุชน ย่อมเสียใจเป็นเรื่องธรรมดา

ส่วนสาวกที่เป็นพระอรหัน ทำไมถึงมีแต่ธรรมสังเวช ทำไมถึงไม่เสียใจละ

ที่ท่านไม่เสียใจ เพราะท่านก็เห็นพระนิพพาน และก็เห็นพระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานเช่นกัน

อย่าง พระอนุรุทธะ ท่านก็เห็นพระพุทธเจ้า เข้าพระนิพพาน

แต่ที่ยังเกิดธรรมสังเวช ก็เพราะท่านเห็นว่า ร่างกายนี้มันมีแต่ความทุกข์

เพราะมีร่างกายนี้ ถึงมีการแก่

เพราะมีร่างกายนี้ ถึงมีการป่วย

เพราะมีร่างกายนี้ ถึงมีการตาย

พระอรหัน ท่านมีธรรมสังเวช ที่ตรงนี้ครับ



ส่วนเรื่องมโนมยิทธิ ท่านอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์

มโนมยิทธิ เป็นการฝึกในส่วนของอภิญญา

ผู้ที่ได้วิชชา 3 สามารถเห็นได้อย่างเดียว ไม่สามารถถอดจิตได้

ผู้ที่ได้อภิญญาเท่านั้น ถึงจะสามารถถอดจิตไปเที่ยวที่ไหนก็ได้

เพียงแต่มโนมยิทธิ เป็นอภิญญาเล็ก ถ้าเป็นอภิญญาใหญ่จะสามารถเอากายเนื้อไปได้




ถ้าท่านยังไม่ได้ฝึก มโนมยิทธิ ก็อย่าไปปรามาสว่าเป็น ไสยศาสตร์

เพราะจะเป็นการปรามาสใน พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ โดยที่ท่านไม่รู้ตัวนะครับ

เพราะวิชานี้ เป็นวิชาที่ได้มาจาก พระพุทธเจ้า และหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ผู้สอน ท่านก็เป็นพระอริยะสงฆ์

การที่ท่านกล่าวอย่างนี้ ถือเป็นการปรามาส พระรัตนตรัยนะครับ




ส่วนเรื่องวัตถุมงคล ท่านถือว่าเป็น การเจริญพุทธานุสติ และ สังฆานุสติ

การที่ท่านสวมพระพุทธไว้ที่คอ ท่านก็มีความรู้สึกในใจว่า

ท่านเห็นพระพุทธรูป เป็นรูปตัวแทนของพระพุทธเจ้า

ท่านมีความเคารพ ท่านจึงสวมไว้ ท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าดี ท่านจึงสวมไว้เป็นสิริมงคล

ถ้าท่านคิดว่าไม่ดี ท่านจะสวมไว้ทำไมละครับ

ส่วนการสวมรูปพระอริยะสงฆ์ ก็ถือเป็น สังฆานุสติ



เรื่อง ศาสนา เป็นเรื่องที่ละเอียด เป็นเรื่องที่ต้องใช้ปัญญาเข้าพิจารณา และเข้ามาพิสูจน์ให้เห็นจริง

ท่านอย่าเอาแต่ฟังคนอื่น ว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ โดยที่ท่านไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเองเลย

ท่านที่ได้มโมนยิทธิ ก็มีมาก ทำไมไม่ลองไปศึกษาดูก่อนละว่าจริงไหม ก่อนที่จะเชื่อว่าเป็นไสยศาสตร์




พระพุทธเจ้า ก็ทรงตรัสเสมอว่า ศาสนาของคถาคต และพระธรรมคำสอนของพระองค์

ขอให้ท่านมาพิสูจน์เถอะแล้วท่านจะรู้เองว่า มันจริง หรือไม่จริง

 

ผมบอกได้คำเดียวว่า เรื่องพระนางรูปนันทา ที่คุณนำมาอ้างนั้นบิดเบือนครับ
พระนางรูปนันทา ตามประวัติแล้ว มีศักดิ์เป็นน้องสาวต่างมารดากับพระพุทธเจ้า
เป็นธิดา ของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางมหาปชาบดีโคตมี

ส่วนมเหสีที่พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ส่งไปขอ เพื่อหวังจะเกี่ยวดองกับพระพุทธเจ้านั้น เป็นธิดาของพระเจ้ามหานาม
เป็นพระญาติกับพระพุทธเจ้าเช่นกัน

และตามประวัติจริงๆแล้วพระนางรูปนันทา ไม่ปรากฏว่าแต่งงาน
ท่านบวชในขณะที่ยังโสด

แต่จะยังโสดหรือแต่งงานแล้วไม่สำคัญ
สิ่งสำคัญทีี่สมควรต้องพิจารณาคือ สิ่งใดที่สอดคล้องกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
สิ่งใดที่ขัดแย้งกับหลักคำสอนของพระเจ้า
การยินดีอยู่ในกามเป็นการออกไปจากทุกข์ หรือว่าการออกไปจากกามเป็นทางออกไปจากทุกข์
ตรงนี้ต่างหากที่จะเป็นตัวชี้ว่าอันไหนผิดอันไหนถูก
การแต่งงานมีครอบครัว...ไม่ผิดสำหรับผู้ไม่ได้ปรารถนาความหลุดพ้นในชาตินี้
แต่การแต่งงานมีครอบครัว...เป็นอุปสรรคอย่างแน่นอนสำหรับผู้ปรารถนาความหลุดพ้นในชาตินี้
ไม่งั้นพระพุทธเจ้าท่านบวชทำไม ? พระอรหันตสาวกต่างท่านบวชทำไม ?
หลวงพ่อฤาษีลิงดำบวชทำไม ?
ถ้าหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้บวช แต่เป็นฆรวาส มีเหย้าเรือน มีบุตรมีภรรยา จะเป็นหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
อย่างที่เป็นนี่ไหม ?
หากการครองเรือน ไม่มีผลกระทบกับการปฏิบัติจริง ทำไมต้องบวช ?

ถามว่าเรื่องราวที่บิดเบือนนั้นคุณจะอ้างอะไร พระไตรปิฎก อรรถกถา
หรืออ้างเพียงคำบอกเล่า......เท่านั้น
บุคคลที่บอกใครต่อใครว่าเคยไปพบพระเยซูบนเทวโลก แถมยังบอกว่า
พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเนี่ยะนะ

สำหรับเรื่อง วิชามโนยิทธิ ไม่ใช่การปรามาส
แต่เป็นเรื่องเล่าจากหลวงพ่อฤาษีลิงดำเองว่า
ก่อนจะมาเป็นวิชามโนยิทธิ ท่านได้ไปเห็นและไปเรียนที่ไหน จากใคร

 

เรื่องพระนางรูปนันทา เป็นมเหสีของพระเจ้าปัสเสนทิโกศลนี้บิดเบือนครับ

มเหสีของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล เป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นธิดาของพระเจ้า
มหานาม ซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้าเช่นกัน แต่ไม่ใช่
พระนางรูปนันทา ที่สำคัญ...มเหสีองค์นั้นก็ไม่ได้มีประวัติว่าได้บรรลุธรรมแต่อย่างใด...

การกล่าวอ้างว่า พระนางรูปนันทาได้แต่งงานกับพระเจ้าปัสเสนทิโกศล แล้วยังได้บรรลุพระอรหันต์
จึงเป็นเรื่องที่บิดเบือน

 

ที่คุณถามว่า ทำไมว่าไมพระพุทธเจ้าจึงรู้ว่าพระสารีบุตรนิพพานแล้ว

ก็พระสารีบุตรท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ไม่มีการเกิดอีกแล้ว

การสิ้นชีพของพระอรหันต์ก็คือนิพพาน

พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่าสามารถเห็นวิญญาณของพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วได้

แต่พระองค์มีจุตูปปาตญาณ รู้การจุติและเกิดของสัตว์

ดังนั้นเมื่อท่านพระสารีบุตรสิ้นชีพพระพุทธองค์จึงรู้ได้

ผมถามว่า คุณกับผมและใครต่างก็รู้ว่าพระพุทธเจ้านิพพานมาแล้วสองพันกว่าปี

จำเป็นด้วยหรือที่จะต้องเห็นวิญญาณของพระองค์ในนิพพานเสียก่อนแล้วถึงจะทราบว่า

พระองค์นิพพาน

ก็พระองค์เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีการเกิดแล้ว สิ้นชีวิตแล้ว

ถ้าไม่นิพพานจะให้ไปที่ไหน

เปรียบเหมือนคนที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้วก็ต้องเลิก

ถ้าไม่ให้เลิกแล้วจะให้ไปทำอะไรอีก...

 

เรื่องที่สำคัญอีกเรื่องคือ เรื่องการทำสังคายนาครั้งแรก ที่ต้องอาศัยพระอานนท์เป็นหลัก

ถ้าหากว่ามีการสามารถเห็นหรือติดต่อกับวิญญาณพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้วได้

เหตุใดไม่ทูลเชิญพระพุทธเจ้า กับท่านพระสารีบุตรมาร่วมสังคายนาด้วย

ถ้าทูลเชิญพระพุทธเจ้ามาเองมิง่ายกว่าหรือ เพราะจะเปรียบเสมือนดั่งพุทธองค์ยัง

ทรงพระชนม์อยู่ ไม่ต้องเสียเวลารอให้พระอานนทฺบรรลุพระอรหันต์เสียก่อน

ทำสังคายนาพระธรรมวินัยโดยรับฟังธรรมจากพระโอฐของพระพุทธเจ้าเลย ตรงกว่า ชัดกว่า ดีกว่าที่จะต้องมารับฟังจากพระอานนท์อีกที

 

การที่พระอนุรุทธะสามารถรู้ได้ว่าพระพุทธองค์ทรงนิพพาน
เพราะดวงจิตของพระองค์ดับ ไม่ใช่ไปรู้เห็นว่าพระองค์อยู่ในนิพพาน

 

โต้แย้งกันด้วยเหตุผลดีแล้วค่ะ แต่ระวังอย่าใส่อารมณ์เข้ามาร่วมนะคะ ..กลัฝกระทู้ปลิวค่ะ หลายความเห็นในนี้มีประโยชน์มาก อยากให้ได้อ่านกันทั่วๆค่ะ

 

*กลัว

 

จริงๆคนที่กำหนดว่าอะไรคือเจโตวิมุตติ
คือ พระรัตนตรัย

ก็ไปยึดอำนาจพระรัตนตรัยมากันเอง

 

ถ้าถามต่อว่าอย่างไรจึงจะเรียกอำนาจพระรัตนตรัย

ตอนนี้เรียกว่า วิจิกิจฉา เป็นพระธรรมรัตน
คิดถึงพระวิืจิกิจฉา ในพระนีวรณ์บรรพ ในพระมหาสติปัฏฐานสูตร

อำนาจธรรม ในธรรม

คุถณตะหากที่อุ้มความคิดเห็ฯผมหายไป

ธรรมในธรรม

คุณคือคนทำ

 

......คิดว่า นะครับ ....สัมมาทิฐฐิ นั้นคืออะไร...ความเข้าใจที่ว่า มิจฉาทิฐฐิ คือ เห็นว่า ตายแล้วสูญ กับ ตายแล้วเกิด นั้นคือ มิจฉาทิฐฐิทั้งคู่

 

ความเข้าใจที่แท้ของ ปฎิจสมุปบาท อิทัปปัจยตา ...เยธัมมาเหตุปัพว่า อยู่ที่ใหน?....การอธิบายทุกอย่าง คงต้อง กำหนดรู้ เป็น" สังขารขันธิ์" วจีสังขาร เท่านั้น

 

ถูกต้อง แต่พระอรหันต์ท่านไม่เกิดอีกแล้ว

ท่านละเบ็ญจขันธ์ได้ทั้งหมด จึงไม่เกิดเป็นอะไรๆอีก...

 

....อิอิ ไม่อยาก เข้มมาก...แต่ พูดง่ายง่าย มัน ใช่ จะเข้าใจถูก นะครับ อิอิความเข้าใจเรื่อง ปฎิจสมุปบาท คือ อะไร?

 

..............วิชชา ในพระพุทธศาสนา คืออะไร?...เมื่อ ตอนเริ่มเรียน คิดว่า อธิบาย ทุกอย่างถูกแล้วได้ สบาย....มาตอนนี้ จะ แตะสักหน่อย คงต้องคิดนะครับ ละเอียด ปานใด

 

ทำไมพระท่านว่า...ท่านทำได้ แค่เพียง ชี้ทางเท่านั้น

 

ไปไป มามา เจ้าของกระทู้ ไม่ได้ มาเสวนาเพื่อ ธรรมปฏิบัติ


เข้ามาเสวนา ก็เพื่อ แกว่งหวี ไปมา



แกว่งแล้วก็กลัว โน้นหาย นี่หาย มีแต่ การพอกพูลของ อุปทาน

การเข้าหา การคลุกคลี การไม่วิเวก ไม่มีการน้อมไปในวิโมกข์

 

555+นึกแล้วต้องเข้ามาด่า ประเด็นของข้าน้อยปิดไปแล้วค่ะ ได้ข้อสรุปแล้ว ประเด็นอื่นๆท่านสมาชิกเค้าโต้กันเอง และข้าน้อยจะบอกว่า ข้าน้อยไม่สวยถึงขนาดที่แกว่งหวีทีเดียวผู้ชายเป็นฝูงจะวิ่งเข้าใส่ค่ะ ตั้งแต่เข้ามารอบนี้สภาพจิตก้อดีขึ้น เพราะใกล้ตัวไม่มีใครที่คุยด้านนี้ด้วยได้เลย พูดถึงวิเวก คงต้องสวดมนต์ตี1เหมือนเดิม สวดตอนกลางวันสวดไปง่วงไป

 

เนียะ ยิ่งทำให้ ชัดเจนว่า ไม่ได้เข้ามาเสวนาเพื่อ ธรรมะ

พอถามหาวิเวก วิโมกข์ ก็เลยไป คว้าเอา พฤติกรรมในอดีตมาอ้าง

ทั้งๆที่


ปัจจุบันธรรม เนี่ยะ จิตเป็นยังไง ไม่รู้เรื่อง


เสวนาธรรมไปแบบนี้ เดี๋ยวก็เหมือน พวก " กล้วยโชวเป็นหวี "
เป็นเครือ ( หากยัง ไม่เข้าใจ จะคิดไปเรื่อง เพศ หากเข้าใจ
จะเห็นเลย ไม่ใช่เรื่องเพศ เพราะหากเป็นเรื่อง เพศ ไอ้คนที่
โชว์กล้วยเป็นเครือ ยิ่งหาเพศตัวเองไม่เจอ มีแต่ ความ ลา ยาม
dongy guardian )


พิจารณาเอานะ จะมา เสวนา เพื่อ ปักจิต วนเวียนในบอร์ด เพื่อ
ความวิบัติ สับสน ตึงเครียดของ ครอบครัว สวดมนต์จนเขาไล่เตะ !!!

หรือ จะมาเสวนาธรรม เพื่อ ธรรมปฏิบัติ ประโยชน์ ความสงบ รำงับ
ไว้วางใจได้ เพราะ นำประโยชน์แท้จริงมาให้

ก็พิจารณาเอา


ถ้าสวดมนต์ รักศาศีล แล้ว มีคนไล่เตะ ครอบครัววิบัติ เพราะ สมาชิกโง่ๆ เข้ามา
ยกหาง สำทับ แนะนำ หา ภัยเข้าสู่ครอบครัวคนแนะนำ ในภายภาคหน้า ติดโรค
ติดกรรมเพราะความไม่รู้ ทะลึ่งแนะนำ อย่ามาอ้างว่า เพราะศาสนาทำให้วิบัติ

ต้องไปพิจารณาดีๆ ว่า อะไรอยู่เบื้องหลัง การแกว่งหวี กันแน่ ให้ดีๆ

 

ช่วยตอบตรงๆเลยได้มั้ยคะ? ปัญญาข้าน้อยมีนิดเดียว