การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]

    สัตว์ใต้ผิวโลกและบนผิวโลกกำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม


    1 สัตว์ใต้ทะเลลึกหนีความร้อนขึ้นมาอาศัยบริเวณน้ำตื่นหรือชายฝั่ง เช่น ปลาโบราณ ปลาหมึกขนาดใหญ่ ปูน้ำลึก การเข้ามาเกยตื้นของสัตว์น้ำหลายชนิด เป็นต้น

    2 สัตว์ที่อยู่ใต้พื้นดินทำรังหรือขุดรูอยู่ในที่ตื้นขึ้น และบางชนิดเริ่มอาศัยอยู่บนผิวดิน หรือโพรงไม้ เช่น ตุ่น กบ อึ่งอ่าง งูบางชนิด และยังมีพิษมากขึ้นด้วย

    3 สัตว์พาหะนำโรคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อรับเชื้อโรคที่รุนแรงมากขึ้น ยุงบางชนิดบินได้สูงขึ้น
    รับเชื้อไวรัสที่กำลังปรับตัวให้สามารถทำลายมนุษย์ทั้งโลก ได้อย่างเฉียบพลันในอนาคตอันใกล้นี้
    หนูมีขนที่เริ่มตั้งขึ้นวิ่งเร็วขึ้น มีอาการตกใจมากขึ้น เพื่อรอรับเชื้อกาฬโรคสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน
    ริ้นทะเลและตัวคุ่น (ภาษาภาคเหนือ) คือแมลงวันดูดเลือดเพิ่มขีดความสามารถในการขยายพันธุ์
    และกำลังปรับตัวให้อาศัยอยู่ได ้ในพื้นที่กว้างขึ้น สัตว์ทั้งหมดบนโลกนี้ก็กำลังปรับตัวเพื่อการมีชีวิตรอดเช่นกัน โดยสัตว์มีความสามารถที่จะรับรู้ข่าวสาร จากสัญญาณของจักรวาลได้โดยตรง ไม่ต้องแปลออกมาเหมือนมนุษย์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2007
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    จะเห็นว่าขณะนี้สัตว์ทั้งหลายมีพฤติกรรมแปลกๆ ก็เพราะมัน ต้องการมีชีวิตรอดพ้นจากภัยธรรมชาติทั้งหลายนั่นเอง และเมื่อถึงเวลาเกิดมหันตภัยในครั้งใหญ่ต่อไปนี้ จะมีสัญญาณบอกเหตุร้ายของมหันตภัย ขณะก่อตัวขึ้น :

    เริ่มต้นด้วยการที่ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง มาทางทิศตะวันตก เฉียงใต้ แล้วเกิดพายุฝนกระหน่ำ ๓ วัน ๗ วันมาในทิศเดียวกัน จากนั้นจะเกิดเสียงดังสนั่นคำรามจากใต้พิภพ (มนุษย์นึกว่าฟ้าร้อง) พร้อมมีความร้อนใต้พิภพผุดขึ้นมานาน ๓ วัน แล้วเกิดแผ่นดินไหว รุนแรงไปทั่วโลก แผ่นดินสะบัดเหมือนแผ่นผ้าปลิวลม พื้นดินที่ราบลุ่ม สั่นเป็นระลอกคลื่น ผืนดินแยกออก ยุบตัวลง ภูเขาถล่ม ตึกสิ่งก่อสร้างทั้งหลาย และเขื่อนพังทลาย น้ำท่วม ท่อก๊าซระเบิด พายุฝนตกหนักต่อเนื่อง เพิ่มความรุนแรงของน้ำท่วมที่เผชิญอยู่อย่างรุนแรงมากขึ้น เกิดความอดอยาก ของผู้คนไปทั่วโลกหลังจากมหันตภัยจบลง และในอีกไม่นานนัก ก็จะเกิดเช่นนี้อีกหลายครั้ง จนกว่าโลกปรับตัวสมดุลเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2007
  3. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    สังเกตว่าฟ้ามืดเจ็ดวันเจ็ดคืนนี่ตรงกันแทบทุกสำนัก รวมทั้งพระพุทธเจ้าท่านก็เคยได้ตรัสกล่าวไว้ เราควรนำมาพิจารณาไว้ด้วยครับ


    สัญญาณตามรหัส 7:7:49
    หมายถึงฟ้ามิดติดต่อกันช่วงละ 7 วัน 7 คืน (รวมเป็นหนึ่งวัน)
    มีเว้นเล็กน้อย และเกิดซ้ำอีก 7 วัน 7 คืน ต่อเนื่องไปจนครบ 7ครั้ง

    รวมแล้ว 49 วัน

    และ+ ชำระล้างด้วยฝนทิพย์อีก 7 วัน 49+7 =56 วัน...(ช่วงนี้น้ำฝนพอจะดื่มได้แล้ว)
    และมนุษย์ที่เหลือรอดก็ช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาดโลก อีก 3 ปีเป็นอย่างน้อย..
    เท่าที่ทราบมาก็บอกไว้เลยดีกว่า เอาไว้เป็นข้อมูลครับ

    ตั้งแต่เวลานี้ขอให้มนุษย์ทั้งหลาย ร่วมกันสร้างสนามพลังงานแห่งธรรมชาติที่เข้มแข็ง มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดการเกิดมหันตภัยที่จะมาถึง หรือก็ให้มันไม่สามารถ เกิดขึ้นได้เลย ในระยะเวลาดังกล่าว จะถือได้ว่าเป็นชัยชนะแห่งมวลมนุษยชาติ ในยุคปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2007
  4. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    คาดว่าที่เว้นวรรคและมืดมิดช่วงละ 7 วัน น่าจะเกิดจากแกนโลกพลิกกลับด้านสลับกันกับทางตะวันตกด้วย เทคนิคของการชำระบบโลกเราอาจคาดไม่ถึง ฟ้าที่มืดมิดผสมกับเถ้าถ่านของถูเขาไฟที่ระเบิด และฝุ่นเถ้าถ่านจากอาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธชีวภาพ ผสมกับเม็ดฝนตกลงมา กลายเป็นฝนกรดสีแดงๆ กัดกินทะลุทะลวงอิฐปูนได้ด้วย..ดูสภาพแล้วเข้าใจเลยว่า ทำไมมนุษย์จึงเหลือรอดเพียงแค่ 3ใน10 ส่วนเท่านั้น

    ในจำนวน 10 คน จะมีอยู่ 3คนที่รอด..เพราะสามารถทำตัวให้กลมกลืนกับพลังงานด้วนบวกได้ ไม่มีผลกรรมที่เป็นลบเจือปนเกิน 30 %..การคัดเลือกมนุษย์โลกโดยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นตามกระบวนการนี้..ด้วยเหตุนี้ เรารู้แล้วก็ควรรีบเปลื่ยนจิตสำนึกให้เป็นบวกให้ได้โดยเร็ววัน..อย่างน้อยก็ทำจิตเราให้เป็นพลังงานที่สมดุลที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ตามจริตของแต่ละคนดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2007
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    การพลิกกลับของแกนโลกนับเป็นปรากฏการณ์ที่มีผลต่อโลกดวงนี้อย่างสูง

    ยิ่งมนุษย์โลกมีจิตในทางลบกันอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมไปทุกประเทศ ผลร้ายย่อมมีมากขึ้นทบทวีคูณ "ซึ่งปัจจุบันก็เป็นอย่างนั้น"

    ผู้รู้บางท่านกล่าวว่า 10 คน อาจเหลือเพียง 1 คน เท่านั้น

    ท่านผู้เจริญเร่งไปพิจารณากันเอาเองเถิด
     
  6. aew.st

    aew.st เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +461
    จริงอย่างที่ คุณ mead บอก เรื่องฟ้าสีแดง เพราะว่าอยู่ที่เชียงใหม่ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว สังเกตุเห็นท้องฟ้าเป็นสีแดงตอนกลางคืนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นอยู่ 3 - 4 วัน อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งก็มีแผ่นดินไหวตามมา และเมื่อคืนนี้เองก็สังเกตุเห็นฟ้าเป็นสีแดงอีกแล้ว ไม่รู้ว่าคราวนี้จะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่จะเกิดหลังจากการพลิกกลับขั้วแม่เหล็ก


    [​IMG]

    โลกจะพลิกตัวลงไปทางใต้ แล้วกลับขึ้นไปใหม่ ขั้ว S กลับเป็น N ใข้เวลาราว 2เดือน ตามรหัส 49+7

    1.แนวแกนหมุนของโลกทำมุมกับแนวดิ่ง 32 องศา (เอียงเพิ่มอีก 8.5 องศาจากเดิม 23.5 องศา)ทาง NE*
    2.แนวแกนแม่เหล็กโลก จะย้ายไปอีก 3องศา (เดิม 11 องศา) + 3องศา
    3.ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก จะยกตัวสูงขึ้น 60.000 กม.
    4.น้ำหนักมวลบนผิวโลกจะลดลง
    5.ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนเป็น 22 เกาส์ (จากเดิม 14 เกาส์)
    6.โลกจะหมุนเร็วขึ้นจาก 24 ชม. เป็น 22 ชม.ต่อรอบ


    อันนี้เป็นข้อมูลของอาจารย์ปริญญา เกี่ยวกับการเปลื่ยนแปลงทางกายภาพเพื่อปรับสมดุลใหม่
    ถ้าเป็นแบบนี้ทางภาคเหนือของไทยคงมีหิมะตกแน่นอนเพราะไม่ได้อยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรเดิมแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2007
  8. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หลายพื้นที่ทั่วโลก ประสบภาวะอากาศแปรปรวน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>27 มิถุนายน 2550 12:53 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> พื้นที่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็นโรมาเนีย กรีซ อิตาลี แอลแบเนีย บอสเนีย โครเอเชีย และตุรกี กำลังเผชิญกับภาวะคลื่นความร้อนพัดเข้าถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตโดยรวมไปแล้วอย่างน้อย 46 คน ซึ่งกรุงบูคาเรสต์ของโรมาเนีย เป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงสุดในยุโรปอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส จนรัฐบาลในหลายประเทศต้องออกประกาศเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่การกลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังสั่งให้หน่วยแพทย์และพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยเตรียมความพร้อมเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ทุกเมื่อ
    ขณะที่กรีซ ซึ่งมีอุณหภูมิถึง 44 องศาเซลเซียส ได้รณรงค์ให้ช่วยกันประหยัดพลังงานที่มีการใช้กันมากขึ้นในช่วงนี้ เริ่มด้วยการสั่งให้ข้าราชการ ทหาร หยุดงานได้ในช่วงครึ่งวันบ่าย
    ส่วนที่อังกฤษยังเผชิญกับฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ เนื่องจากเกรงว่าระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เขื่อนกักเก็บน้ำแตกได้ และทำให้น้ำทะลักท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชน
    ขณะที่ปากีสถานนอกจากจะมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 235 คน จากน้ำท่วมในการาจี ล่าสุดเจออิทธิพลของพายุไซโคลนพัดเข้าชายฝั่งทางทะเลทางตอนใต้ของประเทศมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 18 คน สูญหายจำนวนมาก
    เช่นเดียวกับพื้นที่ทางตอนใต้และตะวันออกของจีน มีฝนตกหนักตลอด 5 วันที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 48 คน ในจำนวนนี้ 37 คน ถูกฟ้าผ่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. อนันตรา

    อนันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +325
     
  10. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    .
     
  11. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทัพจีนส่งทหารสู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2007
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    ผลจากการเปลื่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
    อย่า ประหาร จับกุมส่งตัวมาไทย ด่วน !!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    ช่วงนี้กองทัพแมลงปิกแข็งบุกยึดบ้าน เป็นข่าวให้เห็นบ่อยมากๆ
    ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังและเข้าหูเด็ก และยังทำลายข้าวของได้อีกด้วย
    ฉีดยาฆ่าแมลงแล้วก็ไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ต้องใช้ไฟเผา
    สายพันธุ์นี้ชอบขยายพันธ์ตามบ้าน ส่วนมากอาศัยอยู่ทางภาคเหนือ
    แถมยังมีข่าวยุงยักษ์ขนาดตัวยาวถึง 4 CM ชาวบ้านว่าดูดเลือดได้ด้วย..กำลังพิสูจน์กันอยู่..
    บันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานครับ
     
  14. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยุงยาวสี่เซน นี่สองนิ้วแล้วนะครับ
    ไม่ธรรมดา
     
  15. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    เห็นบอกว่าเป็นแมงมุมชนิดหนึ่งที่กินน้ำหวานจากดอกไม้ ฟังข่าววิทยุในรถ ยังไม่เห็นตัวจริง......อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  16. winny

    winny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +659
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ไวรัสมะละกา" เชื้อพบใหม่คล้ายซาร์สแพร่จากค้างคาวสู่คน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>3 กรกฎาคม 2550 14:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>ค้างคาวเป็นแหล่งหลบซ่อนของไวรัสที่พร้อมจะแพร่สู่คนมากมายหลายสายพันธุ์ (ภาพจาก www2r.biglobe.ne.jp)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ดร.หลินฟา หวัง </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>นักวิจัยพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคทางเดินหายใจ ให้ชื่อว่า "ไวรัสมะละกา" ตามชื่อเมืองที่พบค้างคาวต้นตอของไวรัส (ภาพจาก www2r.biglobe.ne.jp)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ค้างคาวกินผลไม้ชนิด เทอโรปัส ไฮโปเมลานัส (Pteropus hypomelanus) (ภาพจาก www2r.biglobe.ne.jp)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอพี/เอเยนซี/ไซน์เดลี่ – พบเชื้อไวรัสชนิดใหม่ในค้างคาวมะละกาแพร่สู่ชาวมาเลย์ 3 ราย นักวิจัยระบุเป็นไวรัสโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันเช่นเดียวกับซาร์สที่เคยระบาดมาแล้วทั่วเอเชีย แต่โชคดีที่ไวรัสตัวนี้รุนแรงน้อยกว่าและไม่ทำให้ผู้ป่วยถึงตาย

    นักวิจัยออสเตรเลียและมาเลเซียรายงานการค้นพบไวรัสชนิดใหม่ที่มีค้างคาวเป็นพาหะ ต้นเหตุโรคทางเดินหายใจรุนแรงในคน และยังสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ แม้รุนแรงแต่ไม่เป็นอันตรายถึงตายลงในวารสารสมาคมวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ (Proceedings of National Academy of Sciences : PNAS) ฉบับเดือน ก.ค. 2007

    ผลการวิจัยดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างนักวิจัยจากห้องปฏิบัติการสุขภาพสัตว์ออสเตรเลีย (Australian Animal Health Laboratory: AAHL) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม หรือ คิสโร (Commonwealth Scientific and Industrial Research Organisation: CSIRO) เมืองจีลอง (Geelong) รัฐวิคตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย และ ห้องปฏิบัติการสาธารณสุขแห่งชาติ (National Public Health Laboratory) รัฐเซลังงอร์ (Selangor) ประเทศมาเลเซีย

    นักวิจัยเปิดเผยว่าเมื่อเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว แพทย์ในรัฐมะละกา (Melaka) ทางตอนใต้ของมาเลเซีย พบคนไข้ชายรายหนึ่งป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจอย่างรุนแรง มีไข้สูง ไร้เรี่ยวแรง และเบื่ออาหาร ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ลูกสาวและลูกชายของเขาก็ป่วยในลักษณะเดียวกันแต่อาการไม่รุนแรงเท่า แต่ในที่สุดทั้ง 3 คน ก็ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ

    จาการตรวจสอบพบว่าก่อนหน้าที่ชายคนนี้จะป่วยประมาณ 1 สัปดาห์ ระหว่างที่เขาและลูกๆ นั่งชมโทรทัศน์อยู่ในบ้าน มีค้างคาวตัวหนึ่งบินเข้ามาเพ่นพล่านไปทั่วห้องราว 2-3 นาที ก่อนจะบินออกไปทางประตูเดิม หลังจากนั้นเขาก็ป่วย

    คณะวิจัยต่างพยายามศึกษาวิเคราะห์ไวรัสที่สกัดแยกมาจากผู้ป่วยครอบครัวดังกล่าว กระทั่งพบว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และเรียกไวรัสสายพันธุ์นี้ว่า "ไวรัสมะละกา" (Melaka virus) ตามชื่อเมืองที่พบค้างคาวตัวต้นเหตุ

    "ไวรัสมะละกาเป็นไวรัสในสกุลรีโอไวรัส (reovirus) ซึ่งก่อโรคในคนและสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ แม้จะทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจและมีอาการรุนแรง แต่ก็สามารถรักษาหายได้ ดังนั้น ไวรัสนี้ไม่น่าทำให้ผู้ป่วยเป็นอันตรายถึงตายแต่อย่างใด" ดร.หลินฟา หวัง (Dr. Linfa Wang) หัวหน้าทีมของคิสโร ชี้แจง

    ทั้งนี้ รีโอไวรัส เป็นอาร์เอ็นเอไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ สกัดแยกจากคนได้เป็นครั้งแรกเมื่อต้นทศวรรษ 1950s แม้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าไวรัสมะละกานี้มีต้นกำเนิดมาจากค้างคาว แต่ค้างคาวเป็นพาหะอย่างแน่นอน และจากการพิสูจน์ ดร.หวัง ยืนยันว่า ไวรัสมะละกาเป็นสายพันธุ์ใกล้ชิดกับไวรัสพูเลา (Pulau virus) ซึ่งพบครั้งแรกเมื่อปี 1999 ในค้างคาวกินผลไม้ชนิด เทอโรปัส ไฮโปเมลานัส (Pteropus hypomelanus) หรือ ค้างคาวแม่ไก่เกาะ บนเกาะเตียวมัน (Tioman) มาเลเซีย

    เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยยังตรวจพบแอนติบอดีต่อไวรัสมะละกาในซีรัมตัวอย่างที่เก็บมาจากประชากรบนเกาะเตียวมัน ซึ่งเก็บไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2001-2002 เพื่อการเฝ้าระวังไวรัสนิปาห์ (Nipah virus) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้สมองอักเสบที่เคยระบาดในมาเลเซีย เมื่อปี 1999 และมีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย

    ค้างคาวเป็นแหล่งเชื้อไวรัสหลากหลายชนิดที่สามารถแพร่สู่คนได้ แต่มักไม่ค่อยแสดงอาการในผู้ติดเชื้อสักเท่าใดนัก ส่วนการแยกไวรัสชนิดต่างๆที่เป็นสาเหตุของโรคทางเดินหายใจได้ จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคและให้การรักษาได้อย่างถูกวิธี” ดร.หวัง กล่าว

    อย่างไรก็ดี หลังจากนักวิจัยประกาศชื่อ "ไวรัสมะละกา" ออกไปสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวเมือง เพราะอาจทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดคิดว่าเมืองมะละกาเป็นแหล่งของโรคระบาด เพราะมะละกาเป็นมืองเก่าที่มีมนต์เสน่ห์และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก

    แม้แต่อาลี รุสตาม (Ali Rustam) เจ้าผู้ปกครองรัฐมะละกา ยังออกมากล่าวว่า มะละกาเป็นรัฐที่สวยงาม น่าอยู่ และเป็นเมืองที่สงบสุข ไม่ใช่แหล่งกำเนิดโรคร้ายแต่อย่างใด</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    ถ้ามีไวรัสมะละกอ เราต้องอดกินส้มตำแน่เลย
     
  18. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258


    หมายถึง ตั๊กแตน หรือ ทักกแตน จ๊ะ?
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,093
    ค่าพลัง:
    +62,396
    อิอิ เห็นคนไทยส่วนมากรู้วิธีจัดการ ตั้งกะทะใส่น้ำมันเอาไว้คับ..
    แต่อย่าไปหม่ำเลยครับ สัตว์ประจำโลก ไร้เดียวสาและน่าสงสารมากๆ
    ทานส้มตำผลไม้อร่อยกว่าคับ ++
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,729
    ค่าพลัง:
    +77,793
    ตอนนี้ที่บ้านมดเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด
     

แชร์หน้านี้

Loading...