การศึกษาไทย ควรก้าวไปทางไหนดี

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 3 พฤศจิกายน 2014.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    อรุณสวัสดิ์ค่ะ
    คุณ(-*-)เป็นท่านสมาชิกที่มองโลกในด้านดีมากๆ ด้วยความที่มีจิตใจงดงามและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
    ส่วนพี่ระมิงค์ น้องพายุ ครูติง เป็นผู้ที่พูดความจริงจากประสบการณ์ตรงที่ได้รับมาจากครูในวัยเรียน
    ชักสงสัยว่าเรียนมาจากโรงเรียนเดียวกัน และครูคนเดียวกันหรือเปล่า:)cool:)
    เพราะประสบการณ์ของติงช่างคล้ายกับที่พี่ระมิงค์เล่ามามาก
    เพียงแต่ว่าติงไม่เคยติด F เหมือนน้องพายุ(ที่พูดเล่นๆ)
    ...
    ติงหนีวิชาภาษาอังกฤษหัวซุกหัวซุนไปเรียนวิทยาศาสตร์
    เรียนครูก็เลือกคณิตศาสตร์เพราะเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษน้อย
    (ป.ตรี ติงอ่านตำราคณิตศาสตร์ที่มาจากต่างประเทศ แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นคำศัพท์ที่คุ้นๆ)
    จบมาเป็นครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ก็มีความสุขดี
    แต่สองปีมานี้สิคะ นรกรับประทานศรีษะครูติง
    ผอ.ให้ครูที่ปรึกษา(นโยบายท่านผอ.เขต)สอนสนทนาภาษาอังกฤษทุกๆเช้า
    ตามที่พี่ระมิงค์ว่ามานั่นแหละค่ะ ๕๕๕
    แถมมีโครงการห้องเรียนEIS(สอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษโดยใช้ครูไทย)
    ติงเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระฯ มองหน้าคุณครูคนไหน ว่าจะอาสาสอน ทุกๆคนสมัครสมานสามัคคีกันส่ายหน้าโดยไม่ได้นัดหมายมาก่อน
    ติงก็เลยต้องลุยเอง แบบไปตายเอาดาบหน้า
    นอน ๖ ทุ่มทุกๆวัน เพียงเพื่อท่องๆๆๆๆๆ ไปสอน
    ๕๕๕ ปัจจุบันก็ยังท่องอยู่
    ดีแต่ว่าเด็กๆน่ารัก ติงบอกเด็กๆว่าเราจะเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน
    เวลาพูดอะไรผิดติงก็ขอโทษเด็กๆแล้วพูดใหม่
    ไม่น่าเชื่อว่าเด็กๆกลุ่มที่เรียนคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษทำข้อสอบได้คะแนนสูงกว่าเด็กๆที่เรียนคณิตศาสตร์เป็นภาษาไทย
    สงสัยเขากลัวสอบตก ก็เลยตั้งใจเรียน
    :':)'(
     
  2. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ไม่ได้พูดเล่น ค่ะ

    หนูติด F จริงๆ ตอน มหาวิทยาลัยค่ะ ๕๕๕๕

    ตอน ม.ต้น น่ะ ๔ ตลอด
    แต่มอปลาย นี่สอบตก ทั้ง อังกฤษหลักอังกฤษเสริมละค่ะ

    แต่จริง เหมือนพี่ติงว่า ท่านระมิงค์ ตอนเรียน เจอมา คล้ายกะหนูเลยจริ
    ๆ เหมือนเลย


    และหนูก็หนีภาษาอังกฤษ เหมือนพี่ติง นี่ล่ะค่ะ

    ๕๕๕๕
     
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องว่าจะทำยังไงให้เด็กนักเรียนที่มีผลการเรียนธรรมดาๆ พูดและฟังภาษาอังกฤษได้นั้น ก็พอจะมีแนวทางอยู่ มันอาจจะนอกคอกไปสักหน่อยนึง...แล้วจะเล่าให้ฟัง...

    แต่ว่าโพสนี้จะขอเล่าถึงครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพ และนับเป็นปูชนียบุคคลที่ปู่ย่าตาทวดเคารพ ยกมือไหว้ ท่านเหล่านี้เป็น ครุ คือมีภาระกิจหนัก ทำตัวเป็นเรือเฟอรี่ข้ามฟาก ให้พวกผมและผองเพื่อน...

    ครูสอนเลขสมัยม.3 ครูท่านนี้มีความดุอยู่ในตัวพร้อมๆกับความใจดี เด็กคนไหนเรียนเลขอ่อน ท่านจะเรียกไปสอนเพิ่มให้ตอนพักเที่ยงบ้าง หลังเลิกเรียนบ้าง ท่านให้ความรักความเมตตาเด็กที่เรียนเลขอ่อนเป็นพิเศษ ความใส่ใจโดยไม่หวังผลรายได้ใดๆ เพียงต้องการให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้น...ท่านยังให้คนที่เรียนเลขเก่ง รับผิดชอบในการดูแลเพื่อนที่เรียนเลขอ่อน ให้แบบฝึกหัดไปทำเพิ่มเป็นพิเศษ อดทนอธิบายซ้ำแล้วเล่า อย่างไม่เบื่อหน่าย...สุดท้ายสามีขอให้ลาออก ไปเลี้ยงปลาหางนกยูงขาย...

    ครูฝ่ายปกครองผู้ชาย ที่เฮี๊ยบมาก...แต่ก่อนที่โรงเรียนจะมีการยกพวกตีกันกับโรงเรียนละแวกใกล้เคียงเป็นประจำ...จนผอ.เรียกนักเรียนพวกนี้มาคาดโทษ สุดท้ายกำลังจะไล่ออก ก็ได้ครูฝ่ายปกครองท่านนี้ ที่ยับยั้งเอาไว้ ท่านบอกว่า เด็กเกเร พวกนี้ ถ้าโรงเรียนไม่ยอมอบรมสั่งสอน ขับไล่ไปแล้ว ใครจะเป็นคนสอนได้เล่า อนาคตเด็กเหล่านี้ก็ต้องไปสร้างปัญหาให้กับสังคม โรงเรียนมีหน้าที่ที่จะต้องอบรมสั่งสอนคนให้เป็นคนดี ดังนั้นจะมาไล่ออกแบบนี้ไม่ได้...อาจารย์ท่านนี้รับปากจะแก้ปัญหาเอง ...

    ก่อนงานกีฬาสีที่โรงเรียน อาจารย์ท่านส่งเทียบเชิญท้ารบไปยังโรงเรียนคู่อริที่ชอบตีกัน ให้มาขึ้นชกที่เวทีของโรงเรียน...ชกกัน 5 ยก โดยท่านรวบรวมเรี่ยไรเงินมาซื้อนวมซื้ออุปกรณ์ป้องกันเพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บ...
    ท่านว่า ถ้ามันอยากจะชกกันดีนัก ก็ให้มาชกกันให้เราเห็นซึ่งๆหน้านี่แหละ ให้มันรู้กันไปเลย ดีกว่าไปแอบชกต่อยตีกัน บางทีมีอาวุธก็จะบาดเจ็บพิการ จับมันมาชกกันแบบนี้ดีกว่า...มีกติกา มีอุปกรณ์ป้องกัน...

    พวกนี้หมั่นไส้กันอยู่แล้ว ยก1มาถึงก็ใส่กันทันที...ไม่มียั้ง พอยก 3 เท่านั้นแรงหมด ยกที่เหลือเลยเหมือนจะตบกันซะมากกว่าต่อย...จบลงที่หมดสภาพทั้งสองฝ่าย กรรมการตัดสินให้เสมอกัน...คู่ต่อไปก็ขึ้นมาชก แล้วผลก็ออกมาแบบเดียวกัน...
    หลังจากนั้นมาก็ไม่มีปัญหาเรื่องยกพวกตีกันนอกโรงเรียน แถมชกกันบนเวทีเสร็จลงจากเวที เกิดชอบใจนิสัยกันขึ้นมาก็คบหาเป็นเพื่อนกันต่อไป...
    หลังจากเรียนจบ จนมีงานมีการทำ เด็กที่เคยเกเรเหล่านี้ยังกลับมาหาอาจารย์ฝ่ายปกครอง ด้วยสำนึกในบุญคุณที่ช่วยเหลือเอาไว้ไม่ให้โดนไล่ออกและยังหาวิธีอบรมปรับปรุงนิสัยได้อีกด้วย...แบบนี้แหละครับ ที่ผมเรียกว่า ครู...
     
  4. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    อีกท่านนึงซึ่งยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ทำงานอยู่กับบริษัทฯใหญ่ที่สวิสฯหลังเรียนจบ ป.เอก ที่นั่น...
    ท่านยอมกลับมารับเงินเดือนถูกๆ ใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวแขนสั้น ใส่จนกลายเป็นสีครีม ขับรถยนต์เก่าๆมาสอนหนังสือ จนวันเกษียณอายุราชการ...
    ท่านเป็น 1 ใน 5 ผู้เชี่ยวชาญในระดับประเทศ...
    สาเหตุที่ท่านยอมกลับมารับเงินเดือนถูกๆเพื่อสอนนิสิตนั้น
    ท่านบอกว่า หากท่านทำงานอยู่สวิส ท่านก็ได้เงิน ได้ความเป็นอยู่ที่ดี แต่มันก็ทำประโยชน์ได้แต่ตัวท่านเพียงคนเดียว...

    ถ้าหากว่าท่านกลับมาสร้างวิศวกรที่มีคุณภาพ จะมีวิศวกรอีกจำนวนมากและวิศวกรเหล่านี้จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานต่างๆให้กับประเทศชาติ ได้อีกมากมายเพียงใด...
    ท่านจึงยอมทิ้งความสุขสบาย ตลอดชีวิตของท่าน กินอยู่อย่างสมถะ ทั้งสอนหนังสือ จัดอบรมสัมนา เป็นวิทยากรบรรยาย ให้ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน..
    เพื่อถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับ นิสิตนักศึกษาและวิศวกรทั้งหลาย...
    จวบจนท่านเกษียณไปแล้ว ทุกวันนี้ก็ยังไปบรรยาย อบรม ให้ความรู้กับบุคคลากรทางด้านวิศวกรรมทั้งหลาย...กว่า 50 ปีที่ท่านเหน็ดเหนื่อย...โดยไม่ได้ต้องการหรือหวังสิ่งใดเพื่อตัวเองเลย...ทั้งที่มีบริษัทฯมากมายเสนอเงินเดือนๆละครึ่งล้าน เพื่อให้มาเป็นที่ปรึกษา...ท่านกลับปฏิเสธ โดยบอกเพียงว่า ถ้าผมทำอย่างนั้น...ต่อไปผมไม่ต้องเป็นนักวิชาการแล้ว เพราะผมจะไม่มีความเป็นกลาง...
    แบบนี้แหละครับ ที่ผมเคารพว่าท่านเป็นครู จิตวิญญาณของความเป็นครู...
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730

    ปาเจราจริยา โหนติ คณุตะรานุสาสกา

    ข้อขอประณตน้อมสักการ
    บูรพคณาจารย์
    ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา
    ทั้งผู้ประสาทวิชา
    อบรมจริยา
    แก่ข้า ฯ ในการปัจจุบัน
    ข้าขอเคารพอภิวันท์
    ระลึกคุณอนันต์
    ด้วยใจนิยมบูชา
    ขอเดชกตเวทิตา
    อีกวิริยะพา
    ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
    ศึกษาสำเร็จทุกประการ
    อายุยืนนาน
    อยู่ในศีลธรรมอันดี
    ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี
    ประโยชน์ทวี
    แก่ข้า ฯ และประเทศไทยเทอญ

    ปัญญาวุฒิ กะเรเตเต ทินโนวาเท นะมามิหัง

    น้อมบูชาคุณครูที่พี่ระมิงค์เอ่ยถึงและคุณครูผู้มีจิตวิญญาณแห่งครูด้วยความเคารพศรัทธายิ่งค่ะ
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    [​IMG]
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    การศึกษา สมัยใหม่ ในวันนี้
    นโยบาย มากมี ส่งมาให้
    กำชับครู รายงาน อยู่ร่ำไป
    อกครูไทย สะอื้น ฝืนใจทำ

    รับประเมิน ทุกด้าน ท่านต้องผ่าน
    รับนิเทศ ทุกการ ช่างน่าขำ
    เวลาเรียน ศิษย์เหลือน้อย พลอยรับกรรม
    นายอิ่มหนำ ช้ำคือครู สู้ต่อไป
     
  8. (-*-)

    (-*-) เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +1,060
    การตั้ง KPI ต้องตั้งให้ถูกต้องด้วยนะครับ

    หลายคนใช้เทคนิคให้มี KPI แต่ มันไม่ได้ส่งผลลัพธ์เลย
    มีแต่อื้อประโยชน์แก่ผู้ทำเท่านั้น

    ได้แก่ KPI จำพวกบอกว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
    เช่น
    - จะต้องซื้อหนังสือใหม่ๆ เพิ่มขึ้นกี่เล่มทุกๆ ปี
    - จะต้องจัดกิจกรรม xxx ปีละกี่ครั้ง

    จะเห็นว่า KPI เหล่านี้ ฟังแล้วดูดีนะครับ
    ว่าเป็นคนขวนขวายหาอะไรทำ
    คนที่ไม่เคยทำ KPI หรือประเมิน จะดูไม่ค่อยออกครับ

    แต่เมื่อได้ลงมือทำผ่านไปแล้วจะพบว่า
    หลายครั้งสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม
    หรือจริงๆ ก็คือ แทบไม่ต่างจากเดิมเลย
    ส่วนมากจะได้หน้าตาเสียมากกว่า

    เพราะอะไร?
    KPI จำพวกนี้ เป็นช่องว่างของคนเอาตัวรอดระบบประเมิน

    เพราะไม่ได้มีตัววัดผลการดำเนินงานว่ากิจกรรมเหล่านั้น
    มีอะไรเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ

    ดังนั้นกลับมาที่ข้อความ "โรงเรียนผ่านการประเมินมากมาย แต่ทำไมผมยังโง่"
    ก็คือมีการตั้งวิธีการวัดผิดนั้นเองครับ

    ไม่เชื่อลองตั้งว่า นักเรียนทุกคน ต้องให้มีการพัฒนาการเรียนที่ดีขึ้น
    เช่น เกรดจะต้องสูงขึ้น สิครับ

    (แต่ไม่รวมเรื่องการแอบช่วยเด็กออกข้อสอบง่ายนะครับ)

    แต่การตั้ง KPI ที่โหดย่อมมีผลข้างเคียง
    เพราะมีงานวิจัยออกมาแล้วว่า
    1 ใน 3 ของเหตุทุจริต เกิดจาก Pressure
     
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    การเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤษให้ได้ผล...
    ต้องไม่ใช่การเรียนภาษาอังกฤษ เพราะธรรมชาติของคนเราไม่ได้อยากเรียน...
    แต่เราอยากรู้...
    ดังนั้นต้องทำให้เด็กอยากรู้...ไม่ใช่อยากเรียน...

    ผมนี่อ่อนวิชาที่ต้องท่องจำทั้งหมดเลยครับ
    ภาษาไทยผมก็กระดกลิ้นไม่เป็น แต่ผมก็ยังคุยกับคนไทยรู้เรื่องนะครับ
    ภาษาแต้จิ๋วผมก็ออกเสียงเหน่อ..เพราะเตี่ยมาจากเตี้ยเอี๊ยะ ไม่ใช่แต้จิ๋ว คือเหมือนคนสุพรรณบ้านเรานี่แหละครับ สำเนียงจะออกเหน่อๆหน่อย แต่ก็ยังคุยกันรู้เรื่องครับ..

    แต่เชื่อไหมครับว่า...
    ผมไปตุเลงๆ ภาคอีสาน ผมก็ฟังภาษาอีสานได้ พอคุยรู้เรื่อง ยกเว้นครั้งนึงที่เจอยายแก่ๆ ฟันแกหมดปากแล้ว พูดเร็วๆมา อันนี้ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน...

    ไปตุเลงๆ ภาคเหนืออยู่หลายปี ผมก็ อู้กำเมืองบ่ได้ก๋า ... คือว่า โสเหล่ กับเขาไปทั่วครับ ไปเที่ยวจำเขามาบ้าง ได้ศัพท์ใหม่ๆทุกวัน...อืม..โสเหล่นี่อีสานนิ...

    ไปใต้ก็แหลงใต้กับเขาด้วยนะ...ที่ฟังยากหน่อยคือคนพัทลุง เพราะพูดเร็วแล้วเสียงจะอยู่ในลำคอซะส่วนมาก...แต่อยู่ด้วยกันนานๆก็พอฟังกันได้...แรกๆนี่ผมวิป เหมือนกันนะ...

    แต่ภาษาใต้ไปใช้3จังหวัดชายแดนไม่ค่อยได้ครับ แถวนั้นใช้ยาวี...ผมงี้ก็ ตรีมอกาเซะ... อาแบอีงะ อาเด๊ะ...ที่ห้ามมากๆเลยคือ บ่าบี๊...คือหมูนั่นเองครับ...เรื่องจะผิดอะแด๊ดเล็ก อะแด๊ดใหญ่ เนี่ย ผมก็รับรู้ไว้เหมือนกันจะได้ไม่ไปผิดใจเพื่อนพ้องน้องพี่...

    ถ้าไปตากใบก็จะได้ยินภาษาเจ๊ะเห...เป็นภาษายาวีปนเหนือปนอีสาน เกิดจากสมัยที่จอมพลป. กลัวว่าภาคใต้จะแยกแผ่นดินเพราะมีแต่คนอิสลาม จึงเกณฑ์คนทางเหนือทางอีสานไปอยู่ตั้งรกรากที่นั่น เพื่อให้เกิดความกลมกลืนทางวัฒนธรรม ทำให้เกิดภาษาชนิดใหม่นี้ขึ้นมา...

    เมื่อกลับมานั่งนึกย้อนดูแล้ว ผมก็พบว่า ถ้าให้ผมเรียนภาษาเหนือ คือจับผมมาเข้าห้องเรียน ผมคงไม่เอา ไม่ไหวแน่ๆ ไม่ชอบอย่างแรง...ภาษาใต้ให้ผมมานั่งเรียน มันไม่หลอยแล...ผมไม่เอาด้วย...
    ผมแค่อยากรู้ว่าเขาพูดอะไรกัน เขาคุยเรื่องอะไรกัน แบบว่าชอบเผือกอ่ะนะ...ผมก็จะซอกแซกถามไปถามมา เฮฮา บ้าๆบอๆ สนุกสนาน แล้วเราก็จะเริ่มคุ้นเคยกับภาษาที่เขาพูด แม้เราจะพูดไม่ได้สำเนียงแบบเขา แต่ก็พอจะฟังกันเข้าใจบ้าง...
    ในที่สุดก็พอมั่วๆไปได้เหมือนกัน....

    อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว พอจะเริ่มนึกออกหรือยังครับว่า
    อยากเรียน กับ อยากรู้ มันต่างกันอย่างไร...
    เหมือนตอนที่ผมเข้าไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา จะไปสอบเข้าป.โท ต้องมีแอดไวเซอร์ ผมบอกอาจารย์ผมว่า ผมมาเรียน เพราะผมอยากรู้ ผมไม่ได้มาเรียนเพราะผมอยากเรียน...
    ...แต่อาจารย์ผมท่านคงไม่เข้าใจมั๊งครับ...ท่านจัดวิทยานิพนธ์มาให้ซะผมกลับบ้านไม่เป็นเลย....ผมไม่อยากเรียนก็เพราะแบบนี้แหละครับ...มันไม่สนุก มันเครียด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2014
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ๕๕๕ พี่ระมิงค์คะ
    ติงคนอีสานตกม้าตายคำว่า"โสเหล่"ค่ะ
    งงว่าแปลว่าอะไรอยู่แป๊บนึงค่ะ:cool:
    เอ๊ะ! แล้วจริงๆ แปลว่าอะไรนะ ฟังรู้เรื่อง แต่จะให้แปลกลับคิดคำที่แสดงความหมายไม่ได้ ^_____________^

    วันนี้ประชุมคณะกรรมการบริหารโรงเรียน
    ท่านรองวิชาการ จะให้ติวนักเรียนชั้น ม.๓ และ ม.๖ เพื่อให้ผลการประเมินระดับชาติ(O-NET)สูงขึ้น มีงบประมาณให้กลุ่มสาระฯ ละ ๑๐,๐๐๐ บาท โดยมีเงื่อนไขว่า ท่านผอ.ไม่ให้จ้างบุคคลภายนอก ให้ครูติวกันเอง...แล้วให้รางวัลครูที่ติวได้ผล คือคะแนนเด็กสูงขึ้น

    ติงให้ข้อคิดว่า
    ๑. ถ้าจะให้รางวัลครู เปลี่ยนไปให้รางวัลนักเรียนน่าจะได้ผลมากกว่า เด็กๆที่มีคะแนนสอบ Pre O-NET สูงขึ้นควรได้รางวัลที่เขาขยันและมุ่งมั่นจนประสบผลสำเร็จ (สอบPre O-NET จำนวน ๓ ครั้ง)

    ๒. การจ้างบุคคลภายนอก ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายจนรับไม่ได้ สังเกตว่าวันไหนที่มีคนแปลกหน้าไปพูดหน้าเสาธง เด็กๆจะตั้งใจฟังมาก ในขณะที่ถ้าเป็นท่านผอ. หรือครูเวรพูด เด็กจะหันข้างให้ พอถามว่าครูพูดอะไร เด็กๆจะตอบไม่ได้

    เด็กๆยินดีไปเรียนพิเศษที่อุบลราชธานี ขอนแก่น ยอมเสียค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหาร เพียงเพราะอยากเรียนกับสถาบันที่เขาคิดว่าดี แต่พอครูนัดเรียนเด็กๆส่วนใหญ่ จะไม่อยากมาเรียนเพราะเหตุใด (เพราะเบื่อ เห็นหน้าครูก็ทราบแล้วว่าครูจะพูดอะไร)

    ตอนที่ติงจัดค่ายคณิตศาสตร์ สอนทักษะการคิดใช้วิทยากรที่นักเรียนไม่เคยเรียนด้วย เชิญมาจากที่อื่น เห็นได้ชัดว่านักเรียนไม่อยากพักเบรคเลย แล้วก็หัวเราะสนุกตลอด แถมอยากให้จัดค่ายนี้อีก

    บางที ถ้าปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอาจพุ่งทะลุเป้าหมายที่วางไว้ก็ได้นะคะ
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ว่างๆจะเล่าถึงดัชนีชี้วัด (Key Performance Indicator ) ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษานะคะ มันเกือบทำลายอนาคตของครูบางคนได้เพราะความโลภ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น ทำลายเด็กๆในระยะยาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
     
  12. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    มีโสตาย...ด้วยนะ...อิอิ...
    ตอนงานบั้งไฟ พวกขี้เมายังมีอุทานว่า"อีพี่ลิ่นๆๆๆ..."
    ....
    อธิการคนใหม่ของเซนโยฯ จ้างพี่ซุปเค มาติวนักเรียนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยนะ..
    ....
    รางวัลควรให้กับเด็กที่เรียนดีมีพัฒนาการ อันนี้เห็นด้วยเลย...
    ตามศิษย์เก่าที่เรียนเก่งๆ สอบติดไปแล้ว ให้กลับมาสอนน้องๆ...
    มูลนิธิของซินแสซีพีท่านนึง...ให้ทุนการศึกษากับเด็กนักเรียนที่มีความประพฤติดี แต่ยากจน...ท่านให้ความเห็นว่าคนเก่งฝึกกันได้ คนดีต้องดีจากภายในหายากกว่า...
     
  13. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    ครูสมัยก่อนสอนเด็กให้ได้คิด
    รู้ถูกผิดประดิษฐ์สร้างสรรค์
    ไม้ไผ่กล้วยมะพร้าวเข้าด้วยกัน
    ปั้นดินนั้นงานฝีมือมีชื่อไกล


    สานจักถักร้อยห้อยตองมารองห่อ
    เป็นตะกร้อล้อลวงเป็นห่วงสาย
    ปลาตะเพียนฝีมือของเด็กไทย
    ของเล็กใหญ่สุดฝีมือถือกันมา


    ใช้สมองลองปัญญามาประดิษฐ์
    สอนให้คิดมีความเพียรเรียนจากฝัน
    บรรจงแต่งงานฝีมือฝึกปรือกัน
    ประกวดขันชื่นชมสมเด็กไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06288.JPG
      DSC06288.JPG
      ขนาดไฟล์:
      550.6 KB
      เปิดดู:
      29
    • DSC06331.JPG
      DSC06331.JPG
      ขนาดไฟล์:
      609.8 KB
      เปิดดู:
      27
  14. คมสันต์usa

    คมสันต์usa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +11,861
    เล่าการเรียนสมัยก่อนครูสอนเด็ก
    เริ่มแต่เล็กเฝ้าตามดูคุณครูสอน
    สารพัดวิชาสอนคนเดียวนั้นแน่นอน
    เข้าห้องสอนถือไม้เรียวเชียวคุณครู


    มีให้เลือกหลายชนิดผิดลงโทษ
    มิใช่โหดคุณครูรักจักสั่งสอน
    ก้านมะยม กิ่งไม้ไผ่ หวายสามตอน
    ไม่ผิดซ้อนเด็กจดจำคำคุณครู


    ยืนหน้าชั้น คาบ ปากกา อยู่หน้าแถว
    พวกเด็กแนวส่งเสียงดังฟังครูสอน
    เลิกเรียนแล้วกวาดถูห้องต้องโทษรอง
    รักเหมือนน้องต้องใช้งานลูกหลานครู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • PICT0665.JPG
      PICT0665.JPG
      ขนาดไฟล์:
      942 KB
      เปิดดู:
      20
    • PICT0711.JPG
      PICT0711.JPG
      ขนาดไฟล์:
      942.8 KB
      เปิดดู:
      41
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    คำว่า"โสตาย" ติงทราบความหมายค่ะพี่ระมิงค์
    มาตกช้างตายกับคำว่า"อีพี่ลิ่นๆๆๆ..."คิดไม่ออกจริงๆค่ะ อิอิ...

    ธรรมดาไม่ว่าใครก็ตามจะไม่ชอบถูกประเมิน ไม่ชอบการแข่งขันกับคนอื่น
    ดังนั้นการแข่งขันกับตนเองจะเป็นการดีที่สุด
    ชนะ ก็ชนะตนเอง
    แพ้ ก็แพ้ตนเอง ไม่รู้สึกว่าเสียหน้าแต่อย่างใด(ทั้งหน้าก็ยังอยู่ปกติดี)

    เวลาประกวดห้องเรียนคุณภาพ
    ติงจะไม่ค่อยได้รางวัลชนะเลิศ
    เพราะห้องเรียนของติงจะปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา
    แต่คนที่ยกเครื่องครั้งเดียวก่อนวันประเมิน
    ห้องเขาจะสวย ดูดี มีระดับ ผลงานทุกๆอย่างใหม่เอี่ยมสวยงามน่าดูน่าชม
    ป้ายนิเทศสดใสวิ้งๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลนักเรียนหรืออะไรต่อมิอะไร

    แต่ติงไม่ติดใจค่ะ ไม่ว่าอะไร
    อย่างน้อยโรงเรียนได้ห้องสวยตอนประกวดก็ยังดีกว่าเขาไม่ทำอะไรเลย
    นี่กระมังจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการบริหารการศึกษา
    นั่นคือการนิเทศ การประเมินที่ติงเกลียด

    ฝ่ายบริหารเขาคิดว่าอย่างน้อย โรงเรียน ครู ก็ยังมีผลงาน
    อย่างน้อยก็ตอนที่เขามาเยี่ยม

     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    มีหลายบริษัทที่รับคนทำงานโดยเลือกคนดีมาเป็นอันดับแรก
    เพราะเขามีความเชื่อว่าความรู้นั้นสามารถสอนและสามารถพัฒนากันได้
    ขนาดจ้างซินแสมาช่วยดูโหงวเฮ้งกันเลยทีเดียว
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    "อ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็น"
    "คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น"
    "ความรู้ควบคู่คุณธรรม"
    "คุณธรรมนำความรู้"
    ...
    อะไรน้อ....ดูคุ้นๆแฮะ ^_____^
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ติงมีความคิดว่าการจัดการศึกษาของไทย
    มักเป็นการจัดการศึกษาแบบไฟไหม้ฟาง
    วิ่งตามผู้นำ เปลี่ยนผู้นำใหม่ก็ปรับเปลี่ยนใหม่
    ก็เลยได้เริ่มต้นใหม่อยู่เรื่อยไป
    แถมท่านผู้นำชอบไปดูงานต่างประเทศ
    แล้วก็เอาสิ่งที่เห็นมาปรับใช้(ส่วนมากลอกมาทั้งดุ้น โดยไม่ดูบริบทของตนเอง ถ้าใช้คำว่ากำพืดก็จะดูรุนแรง แต่ก็สะใจดี)
    คู่มือการปฏิบัติงานตามนโยบายบางเล่ม จ้างนักวิชาการมาแปลแล้วก็นำออกมาใช้ อ่านกี่รอบๆ ก็งงได้ทุกรอบ ยอมรับเหมือนกันว่าตนเองอ่อนด้อยความรู้ ตาม"ทั่นๆ"ไม่ทัน ๕๕๕
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    ฟังท่านอาจารย์คมสันต์ร่ายบทกลอนมา...
    ท่านน่าจะทันหลักสูตรพุทธศักราช ๒๕๐๓
    ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรดังนี้
    หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๒๑ และ ๒๕๒๔
    หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๒๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๓๓)
    พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒(พ.ศ.๒๕๔๔ )
    หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
    ก่อนที่จะปรับเป็นการปฏิรูปหลักสูตร พ.ศ. ๒๕๕๖(ที่ยังไม่ได้ใช้ทั่วประเทศ)

    มีการจัดกลุ่มความรู้เป็น ๖ กลุ่ม คือ
    ๑) ภาษา และวรรณกรรม
    ๒) สื่อ และการสื่อสาร
    ๓) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์
    ๔) การดำรงชีวิตและโลกของงาน
    ๕) สังคมและความเป็นมนุษย์
    ๖) อาเซียน ภูมิภาค และโลก
     
  20. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ท่านคมสันต์ กล่าวถึงเรื่องการตีเด็กนักเรียนของครูสมัยก่อน...
    ผมก็เคยโดนตีมาหลายครั้ง อืม..จนจำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้ง ครูติงยังจำได้ว่าโดนตีครั้งเดียว
    นอกเหนือจากไม้ที่ท่านคมสันต์ว่ามาแล้ว ผมยังโดนไม้ขัดหม้อข้าว ไม้ขัดเข่ง ไม้แขวนเสื้อ เข็มขัด สายไฟ...อืม...
    แต่พวกโซ่ แส้ กุญแจมือ อะไรแบบนี้ไม่เคยโดนนะครับ อันนั้นก็ซาดิสต์เกินไป...

    พี่สาวผมที่เป็นครูบอกว่า ข้าฯตีให้จำ ไม่ได้ตีให้เจ็บ (แต่เห็นตีแต่ละทีเนื้อแตก เลือดซึมทุกที) คาดว่าคงจำขี้ปากคนอื่นมาพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้นเอง...เพราะเห็นทะเลาะกับผู้ปกครองเป็นประจำครับ...

    การตีเด็กนักเรียน จำเป็นต้องตีอยู่ครับ...
    แต่ทราบไหมครับว่า มูลเหตุที่มา ที่ต้องใช้การเฆี่ยนตีนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร เพราะอะไรจึงไม่ใช้การพูดอธิบายอ้างเหตุผลหรือชักแม่น้ำทั้ง5มาแทนการตี?
     

แชร์หน้านี้

Loading...