การวัดค่าพลังงานด้วยระบบ (HADO)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ศิริพัฒน์, 2 สิงหาคม 2009.

  1. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    [FONT=&quot]HADO ของขนมขบเคี้ยว ผลิตภัณฑ์น้ำมัน<o>

    </o>[/FONT] [FONT=&quot] ไขมัน น้ำมัน ที่เสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคจากการใช้ชีวิต น้ำมันที่ถูกอ๊อกซิไดซ์ กลายเป็น น้ำมันที่ถูกอ๊อกซิไดซ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำให้น้ำมันร้อนกว่า 200 [/FONT][FONT=&quot]°C [/FONT][FONT=&quot]([/FONT][FONT=&quot]น้ำมันจะทำปฏิกิริยากับออกซิเจน[/FONT][FONT=&quot])[/FONT][FONT=&quot] จะเกิดสารที่ก่อปัญหามาก [/FONT][FONT=&quot]น้ำมันที่ถูกอ๊อกซิไดซ์จะไม่เป็นพิษ แต่เป็นสารที่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาอนุมูลอิสระ พิษเพิ่มขึ้นจากปฏิกิริยาลูกโซ่ สารที่ได้ก็จะก่อปฏิกิริยาลูกโซ่ สร้างพิษไปเรื่อยๆ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    ในตารางวัดค่า[/FONT][FONT=&quot]HADO ของน้ำมันสลัดก่อนทอดเทมปุระและเทมปุระหลังทอด แม้ทอดครั้งเดียว พบว่าน้ำมันจะเปลี่ยนสภาพไป โดยเฉพาะน้ำมันจะสกปรกเมื่อใช้ทอดเนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    มาดูการเปลี่ยนแปลงของของหน่อไม้สดที่ปลูกแบบอินทรีย์ชุบแป้งทอดเทมปุระ ผ่านไป 1 วัน ค่าที่ได้เป็น ลบ คงจะทราบดีกว่า อาหารที่ทอดด้วยน้ำมันจะเสื่อมสภาพได้ง่าย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    อาหารที่ทอดด้วยน้ำมัน เช่น ขนมขบเคี้ยว[/FONT][FONT=&quot], บะหมี่สำเร็จรูป แม้จะใส่วิตามินอี ซึ่งเป็นสารป้องกันการอ๊อกซิไดซ์ แต่ก็น้อยมาก<o></o>[/FONT] ช่วยอะไรไม่ได้มาก
    [FONT=&quot]
    ขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ นอกจากจะมีค่าHADO ของผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ต่ำมาก ซึ่งพิษของน้ำมันที่ถูกอ๊อกซิไดซ์จะรุนแรง ในปี 2002 สถาบันอาหารแห่งชาติสวีเดนประกาศผลการวิจัยอันตรายของอาหารประเภทน้ำมัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์แป้งสาลี เช่น มันฝรั่งและขนมปังด้วยความร้อนสูง จะเกิด อะคลีลิกอาไมด์ [/FONT][FONT=&quot](Acrylic Amide) ในปริมาณมาก ซึ่งแน่นอนว่า สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ได้ระบุว่า อะคลีลิกอาไมด์ เป็นสารก่อมะเร็ง มีพิษร้ายแรง<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    อะคลีลิกอาไมด์ [/FONT][FONT=&quot](Acrylic Amide) เกิดได้อย่างไร ทำไม เพิ่งจะมาทราบ<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    อะคลีลิกอาไมด์ เกิดจาก กรดอะมิโน [/FONT][FONT=&quot]Asparagines ทำปฏิกิริยากับน้ำตาลกลูโครสGlucose ณ อุณหภูมิสูง Asparagines เป็นกรดอะมิโนที่มีมากในมันฝรั่ง หากต้มที่ 100 [/FONT][FONT=&quot]°C [/FONT][FONT=&quot]ก็จะไม่เกิด[/FONT][FONT=&quot]อะคลีลิกอาไมด์ การทอดรวดเร็ว ณ อุณหภูมิสูง เช่น การทอดด้วยน้ำมันที่ถูกอ๊อกซิไดซ์แบบที่ทอดปัจจุบันและการทอดมันฝรั่งแช่แข็งด้วยน้ำมันร้อนจัด จะก่อให้เกิด อะคลีลิก อาไมด์[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] ดังแสดงค่าอาหารทอดด้วยน้ำมัน ในตารางหน้าถัดไป[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    อาหาร หรือน้ำมันที่เสื่อมสภาพหรือถูกอ๊อกซิไดซ์ คัวเลข HADO ต่ำมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้และโรคจาการใช้ชีวิตประจำวัน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    นอกจากนี้ อาหารฟาสฟูด เช่น มันฝรั่งทอด ก็พบว่า แม้จะเป็นมันฝรั่งทอดเหมือนกัน แต่บริษัท [/FONT][FONT=&quot]Mc [/FONT][FONT=&quot]จะทอดเตรียมไว้ [/FONT][FONT=&quot]บริษัท[/FONT][FONT=&quot] Mo [/FONT][FONT=&quot]จะทอดเมื่อลูกค้าสั่ง แม้วัตถุดิบจะแตกต่าง วิธีการปรุงก็แตกต่าง ที่สำคัญ คือ คิดถึงลูกค้าที่อยู่ต่อหน้าหรือไม่[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ยินดีครับ แล้วถ้ามีความสงสัยเรื่องใดก็ถามมานะครับ
     
  3. kwamawauyo

    kwamawauyo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    499
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ
     
  4. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    HADO[FONT=&quot] ของผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ตัวอย่างเนื้อวัว[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาว่า [/FONT]“[FONT=&quot]เนื้อวัวที่กินปลอดภัยหรือไม่[/FONT]”<o></o>
    [FONT=&quot]อันดับแรก เราอาจไม่รับประทานข้าวหน้าเนื้อวัว (งิวด้ง) ราคาถูกของร้าน โยชิโน่ยะ เพราะร้านโยชิโน่ยะไม่ได้ซื้อวัวทั้งตัวมาจากออสเตรเลีย แต่จะซื้อเนื้อวัวจากอเมริกา อาหารข้าวหน้าเนื้อวัว (งิวด้ง) ของญี่ปุ่นนี้ จะมีมันมาก ส่วนมากใช้เนื้อบริเวณหน้าท้อง คนญี่ปุ่นที่ชอบกินข้าวหน้าเนื้อวัว (งิวด้ง) ราคาถูก จะไม่ได้กินเนื้อวัวจากออสเตรเลีย เพราะว่าที่อเมริกาเกิดโรคระบาดวัวที่เรียกว่า โรควัวบ้า[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    โรควัวบ้า เรียกว่า [/FONT]Mad Cow Disease, BSE: Bovine Spongiform Encephalopathy[FONT=&quot](โรคเยื่อสมองวัวอักเสบ)[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ในปี 1986 ในอังกฤษมีรายงานโรคนี้ แต่ยังไม่ทราบกลไกชัดเจน สัตว์อื่นๆ นอกจากวัว เช่น แกะ แพะ แมว ก็มีอาการด้วย พบโรคเยื่อสมองคนถูกทำลาย เรียกว่า โรคยาคอบ แต่ยังไม่ทราบสาเหตุหรือความสัมพันธ์ชัดเจน แน่นอนว่ายังไม่สามารถพิสูจส์ได้ว่าโรค [/FONT]BSE[FONT=&quot]จากวัวจะแพร่ไปสู่คนได้[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ในญี่ปุ่น ปี 2001 พบโรคที่จ.ชิบะ ปี 2004 เมษายน ปัจจุบัน มีรายงานว่า มีวัว 11 ตัวที่เป็นโรควัวบ้า[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] มาตรการก็เช่นเดียวกับของอังกฤษปปี 1986 คือ ห้ามผสมเนื้อสัตว์และกระดูกป่นลงในอาหารสัตว์[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    การวิจัยที่ดำเนินมาจนปัจจุบัน ทราบว่า โปรตีนผิดปกติ ชื่อ [/FONT]prion[FONT=&quot]จะสะสมที่สมองและไขสันหลัง อาการเช่นเดียวกับโรคยาขอบในคน [/FONT]prion[FONT=&quot]จะทนความร้อนสูงได้ดี นั่นคือความร้อนธรรมดาไม่สามารถสลาย [/FONT]prion[FONT=&quot]ได้[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ทำไมปัจจุบัน จึงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ความสัมพันธ์ของโรค [/FONT]BSE[FONT=&quot] ยังไม่ชัดเจน [/FONT][FONT=&quot]เนื้อและกระดูกป่นเป็นสาเหตุ การให้วัวกินวัว การให้กินกันเป็นปัญหา นั่นคือ สาเหตุที่ฝืนธรรมชาติของการกิน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    เนื้อวัวที่มีค่า [/FONT]HADO[FONT=&quot]สูง ไม่ได้เป็นเนื้อวัวที่อร่อย หมูและไก่ก็เช่นกัน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] เนื้อที่อร่อยตรงนุ่ม คนยุโรปและอเมริกาชอบเนื้อนุ่มมะจึซากาแบบลายหมอก ซึ่งมี [/FONT]HADO[FONT=&quot]ต่ำที่สุด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    โดยปกติ ปศุสัตว์ที่แข็งแรง เนื้อและไขมันจะไม่มีลายหมอก เนื้อลายหมอกเพราะขาดวิตามิน[/FONT] A[FONT=&quot] นั่นคือใช้เทคนิค ใส่ไขมันในเซลเนื้อ(ส่วนที่เป็นเนื้อแดง) ตาย นั่นคือ ทำให้วัวเป็นโรคแต่ไม่ตาย ขุนด้วยอาหาร มีคนบอกว่า เนื้ออร่อยและหวานนั้นได้จากวัวที่เป็นโรคเบาหวานและตาบอด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ปศุสัตว์ไม่มีจุดประสงค์เลี้ยงแบบนี้ การเลี้ยงแบบโรงงาน ต้องการเร่งให้เร็ว ถูกที่สุด เพื่อให้ได้ปริมาณเนื้อมาก วิธีการเลี้ยงดู จึงผิดธรรมชาติ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ตารางข้างล่างนี้เป็นค่า[/FONT]HADO[FONT=&quot]ของเนื้อวัวชั้นเลิศลายหมอกและเนื้อจาก ออสเตรเลีย ค่า[/FONT]HADO[FONT=&quot]ของเนื้อวัวชั้นเลิศลายหมอก แสดงค่าโรคจากชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน ค่า[/FONT]HADO[FONT=&quot]ของวัวที่ไม่แข็งแรง แพร่เชื้อโรคติดต่อได้[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] วัวจากออสเตรเลีย เลี้ยงในทุ่งหญ้า ผลคือตัวเลขแสดงว่าแข็งแรง[/FONT]<o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    [FONT=&quot]ตัวอย่างเนื้อหมู เนื้อไก่[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    จะแตกต่างจากเนื้อวัว ค่า [/FONT]HADO[FONT=&quot]สูง จะอร่อย การเลี้ยงสัตว์อย่างสุขภาพดีจะได้เนื้อที่อร่อยและค่า[/FONT] HADO[FONT=&quot]สูง[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    แต่จากความคิดของผู้ผลิต จะมองในแง่สินค้ามาตรฐาน ผักก็เช่นเดียวกับเนื้อสัตว์ จะมองที่ต้นทุนในการผลิต แน่นอนว่าเนื้อหมูดำของกาโงชิมะเป็นเนื้อพิเศษ แม้ว่าจะลงทุน เพื่อให้ได้เนื้ออร่อย แต่คุณค่าอยู่ที่น้ำหนักเนื้อ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] การป้องกันโรคสัตว์เป็นกุญแจในการบริหาร ต้นทุน เพราะหากสัตว์ 1 ตัว เป็นโรค จะเกิดการแพร่ระบาดทำให้ตายหมด เช่น ปัญหาไข้หวัดนกใน ปี 2004[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ผู้บริหารคอกปศุสัตว์จะต่อสู้กับโรค โดยการใส่ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์ ฉีดวัคซีนและป้องกันโรคอย่างเด็ดขาด แม้กระนั้น ก็ยังเกิดโรคระบาดต่างๆมากมาย[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ยิ่งกว่านั้นปัญหาจะเกิดเชื้อที่ทนต่อยาปฏิชีวนะ คือยาปฏิชีวนะใช้ไม่ได้ผล[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น โลกของคน เป็นโลกแห่งความทุจริต ถ้าตัวร้ายถูกทำลาย ตัวร้ายกว่าจะเกิดขึ้น วิธีแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่แตกต่างจากการต่อสู้ นั่นคือ เลี้ยงสัตว์ให้แข็งแรง จะสามารถที่จะมีภูมิคุ้มกัน โดยไม่ใช่ยาปฏิชีวนะและวัคซีน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    อันดับแรก การคัดเลือกน้ำ ควรดื่มน้ำที่ดี น้ำที่มีความสามารถในการรีดิวซ์[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]กลิ่นของอุจจาระจะลดน้อยลง สิ่งแวดล้อมเหม็นจะเรียกของไม่ดี จะก่อให้เกิดเชื้อโรคและเชื้อไม่ดี จะกระจายความบูดเน่าไปสู่ข้างเคียง กลายเป็นที่เพาะเชื้อโรค การเปลี่ยนน้ำอย่างเดียวอาจจะไม่พอ การเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญมาก[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ขั้นต่อไป ปัญหาของอาหารสัตว์ แน่นอนอาหารมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต การใส่สมุนไพร น้ำส้มควันไม้ที่มีฤทธิ์ต้านอ๊อกซิเดชั่น มีความสำคัญ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ในญี่ปุ่นมีตัวอย่างของเจ้าของกิจการอาหารยักษ์ใหญ่ ใช้ไก่ที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ผสมสมุนไพร ทำให้กิจการพลิกฟื้น[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ผมเคยเข้าใจผิดไปว่าเนื้อไก่จะเหม็นสาบไก่ เนื้อแกะจะเหม็นสาบแกะ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]จริงๆแล้ว เนื้อของสัตว์ที่แข็งแรงจะไม่มีกลิ่นเหม็นสาบ แต่จะมีความอร่อยเฉพาะตัว[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] ซึ่งลูกค้านั้นเข้าใจความอร่อยของไก่ผสมสมุนไพรของบริษัทผลิตอาหารยักษ์ใหญ่[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ตารางต่อไปนี้ เปรียบเทียบการเลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ทั่วไปและอาหารสัตว์ผสมสมุนไพร ดูค่า [/FONT]HADO[FONT=&quot]จะพบว่าค่าไนโตรเจนแตกต่างกัน ค่าไนโตรเจนแสดงกลิ่นเหม็นและกลิ่นสาบ เนื้อดีขึ้น ในขณะเดียวกันกลิ่นเหม็นเล้าไก่ได้รับการปรับปรุง เพื่อเปรียบเทียบค่าไก่แช่แข็งจากไทย ไม่ใช่ว่าเนื้อไก่ของไทยไม่ดี แต่หากสามารถเปลี่ยนอาหารและสิ่งแวดล้อม จะช่วยทำให้ดีขึ้น[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ทุกอย่างเหมือนกัน หากมีการยอมรับ คนก็จะพยายาม[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] เกษตรและปศุสัตว์ของญี่ปุ่นได้มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้บริโภครู้ว่าของดี จะเรียกร้อง ทำให้ร้านซุปเปอร์มาเก็ตและร้านอาหารต้องจัดหามาจำหน่าย[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    [FONT=&quot]ตัวอย่างของไข่[/FONT]<o></o>
    <o></o>
    [FONT=&quot] ในญี่ปุ่น ไข่ 10 ฟองราคาขาย ต่ำกว่า 100 เยน บางครั้งแจกฟรีก็มี เพื่อเรียกลูกค้า โดยเฉพาะปี 1980 มีการแข่งขันในเรื่องการกระจายสินค้า เป็นยุคของการลดราคา แต่หากพิจารณาราคาสินค้าและค่าแรงแล้ว อุตสาหกรรมก็อยู่ไม่ได้[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] จึงเป็นที่มาของไข่ ว่าจะเลี้ยงไก่อย่างไรให้ต้นทุนถูกที่สุด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ การเลี้ยงปริมาณมากในที่จำกัด เป็นเทคโนโลยี[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ไม่น่าเลยว่า คนก็ทนกินไข่ที่แย่ที่สุดในยุค 1980[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] โดยเฉพาะไข่ที่กินดิบ คนญี่ปุ่นชอบไข่ รู้ถึงจุดแย่สุด ปี 1990 มีไข่เสริมวิตามิน ไข่จากการเลี้ยงไก่แบบปล่อย 10 ใบราคา 200 [/FONT]–[FONT=&quot] 400 เยน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ซุปเปอร์มาเกตยักษ์ใหญ่ขอให้ผมวัด[/FONT][FONT=&quot]HADOของไข่ เพื่อพัฒนาไข่ที่มีค่า HADO[/FONT][FONT=&quot] สูงๆ[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ผลที่ผมรวบรวมได้ คือ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    <!--[if !supportLists]-->
    • [FONT=&quot]ไข่ดีหรือเลวขึ้นอยู่กับสภาพความแข็งแรงของไก่[/FONT]
    • [FONT=&quot]สภาพความแข็งแรงของไก่สัมพันธ์กับคุณภาพของอาหารไก่[/FONT]<o></o>
    • [FONT=&quot]ไข่ที่ดีได้จากเล้าที่เหม็นน้อย[/FONT]<o></o>
    • [FONT=&quot]ค่า [/FONT][FONT=&quot]HADO ไม่สูง แม้จะมีวิตามินและไอโอดีนมาก[/FONT]
    • [FONT=&quot]ใช้อาหารสัตว์ที่ไม่ธรรมชาติ ค่า [/FONT][FONT=&quot]HADO ของต่อมไทรอยด์จะต่ำ[/FONT]<o></o>
    • [FONT=&quot]ไข่ที่แข็งแรง จะไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ อาการอ่อนเพลีย[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] การผลิตไข่ไม่ใช่ตามความต้องการของ[/FONT][FONT=&quot]ซุปเปอร์มาร์เกตหรือผู้ผลิตที่จะเน้นเพื่อขายให้คน แต่ไข่เป็นสิ่งตอบแทนที่ได้จากการเลี้ยงไก่ให้มีสุขภาพดี[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ในโรงเรียนประถมมีการสอนการเลี้ยงไก่ เพื่อให้เข้าใจความสำคัญของชีวิต หากใส่ใจ ก็จะได้ไข่อร่อยมารับประทาน[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    แต่การผลิตแบบอุตสาหกรรมจะแตกต่าง ไข่ปกติผลิตยาก ต้องผสมสมุนไพรต้านอ๊อกซิเดชั่นและน้ำที่มีค่า [/FONT][FONT=&quot]HADOสูง ก็จะได้ไข่ที่มีค่า HADO สูงและอร่อย<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] ที่ไต้หวันมีการวิจัยไข่ [/FONT][FONT=&quot]HADO สูง[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    [FONT=&quot]HADO[/FONT][FONT=&quot] กับ การเกษตร[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ตั้งแต่ ปี 1990 ญี่ปุ่นเริ่มสนใจผักอินทรีย์ ปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้ยาเคมี ปี 1998 นิยมสูงสุด[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT][FONT=&quot] แน่นอน การปลูกผักแบบอินทรีย์ ทำให้ผู้บริโภคปลอดภัย สบายใจ ผักรสชาติอร่อย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT][FONT=&quot] แต่ผักอินทรีย์ก็ไม่ดีเสมอไป เพราะอินทรีย์ต้องมีสมาคมรับรอง ผักที่วางขายในซุปเปอร์เชื่อได้หรือไม่ เพียงแค่ติดสติ๊กเกอร์ ผู้บริโภคก็เชื่อ เพราะไม่สามารถแยกแยะว่าปลูกแบบทั่วไปหรือปลูกแบบอินทรีย์ เนื่องจากกระแสนิยม ฝ่ายจัดซื้อของร้านซุปเปอร์หรือร้านอาหาร หรือโรงแรม คงไม่ทราบชัดเจนด้วย[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    คนต้องการความอร่อยของผักเช่นเดียวกับเนื้อ ไม่ใช่ต้องการสติ๊กเกอร์ ต้องมีความแตกต่าง รับประทานดูก็จะรู้ มีร้านซุปเปอร์หรือร้านอาหารที่เอาใจใส่จริงจัง ทำให้ลูกค้าเข้าใจ[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT][FONT=&quot] ความอร่อยของผัก ไม่เพียงแค่ สายพันธุ์ ปลูกแบบอินทรีย์ ไม่ใช้ยาเคมี โครงสร้างของอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศญี่ปุ่นกำลังเปลี่ยน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    การเกษตรของ[/FONT][FONT=&quot]ญี่ปุ่น จะมีสหกรณ์แต่ละท้องถิ่นจะรวบรวมรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรจากเกษตรกรตามมาตรฐานแล้วขายส่งให้กับตลาดโครงสร้างนี้คงมี แต่ความอร่อยของผักขึ้นอยู่กับวิธีการปลูก ผู้ปลูก ทำให้ร้านซุปเปอร์หรือร้านอาหารต้องแสวงหาเกษตรกรและรับซื้อโดยตรง[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    ปัจจุบันจะผลิตอะไรก็ตาม ต้องอร่อย ส่งผลให้รายได้แตกต่างกัน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT][FONT=&quot] ถ้าต้องการความอร่อย ต้องพยายามมากกว่าการปลูกแบบอินทรีย์ เช่น เพิ่มความหวาน[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot] หลักการปลูกผักที่อร่อย ต้องทำดินให้มีชีวิต ดังตารางแสดงค่า [/FONT][FONT=&quot]HADO ของดิน ความยากของผลผลิต มีปัจจัยสภาพอากาศเข้าเกี่ยวข้อง นอกไปจากการเตรียมดินที่มีค่า HADO สูง แต่แน่นอนว่าผลผลิตที่ได้จากดินที่มีค่า HADO ต่ำ จะไม่อร่อยและไม่ดี<o></o>[/FONT]
    [FONT=&quot]
    ดินให้มีชีวิตหมายถึงดินที่มีจุลินทรีย์ การใส่ปุ๋ย [/FONT][FONT=&quot]NPK ที่เป็นแร่ธาตุพืช แต่ความหวาน อร่อย รสเปรี้ยวจุลินทรีย์ในดินมีส่วนเกี่ยวข้องมาก[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] ดังนั้นมีการพัฒนาวิธีการต่างๆ เช่น การผสมรำข้าวและโปรตีนถั่วเหลืองเป็นต้นหมักกับปุ๋ยหมัก และหว่านแร่ธาตุที่มีรังสีอินฟราเรดสูง ฉีดพ่นน้ำกระเทียมหมักในแลคโตบาซิลลัส[/FONT][FONT=&quot]([/FONT]Lactobacillus)[FONT=&quot]ซึ่งมีฤทธิ์ยาปฏิชีวนะ[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] ซึ่งทำให้เกิดความประทับใจในผักรสชาติอร่อย เช่น มะเขือเทศหวานกว่าผลไม้ แตงกวารสเข้มเหมือนเมลอน แครอทที่หวานราวกับสัปรส แตงอร่อยเหมือนเกาลัด ข้าวโพดอร่อยรสองุ่นสด[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]
    ผักที่อร่อยจะมีค่า[/FONT][FONT=&quot]HADO[/FONT][FONT=&quot] สูงกว่า +15 คุณภาพเป็นยา[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2009
  8. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    [FONT=&quot]ยาเคมีเกษตร[/FONT]<o></o><o>

    </o>
    [FONT=&quot] ในสมัยที่ไม่มียาเคมีเกษตร พืชได้รับความเสียหายจากแมลงและโรค เกิด คนตายมากมายเพราะอดอยาก หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงขาดแคนอาหาร ยาเคมีเกษตรมาช่วยทำให้การเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ยาเคมีเกษตรช่วยพลิกฟื้นญี่ปุ่น แน่นอนว่ายาเคมีเกษตร มีอันตรายรุนแรง ก่อให้เกิดมะเร็ง ทำให้รูปร่างประหลาด เปลี่ยนแปลงพันธุกรรม

    [/FONT][FONT=&quot]วิทยาการหลังเก็บเกี่ยว [/FONT]Post Harvest<o>
    </o><o></o>
    [FONT=&quot] วิทยาการหลังเก็บเกี่ยว จะใช้ยาเคมีหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตร[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]ส้ม แอปเปิ้ลแวว ก็เป็นผลจากวิทยาการหลังเก็บเกี่ยว[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] ผมอยากให้ทุกคนทราบความร้ายกาจของวิทยาการหลังเก็บเกี่ยวมากกว่ายาเคมีเกษตร เช่น เกรบฟรุ๊ตจำนวนมากในอเมริกา แมลงวันที่เป็นหนอนปะปนเข้ามาในญี่ปุ่น จะทำให้พืชตระกูลส้มในญี่ปุ่นตายเรียบเสียหาย[/FONT]<o></o>
    <o></o>
    [FONT=&quot]อันตรายจากวิทยาการหลังเก็บเกี่ยว [/FONT]Danger from Post Harvest<o></o>
    [FONT=&quot]
    ยาเคมีที่ใช้ในวิทยาการหลังเก็บเกี่ยว เพื่อป้องกันไม่ให้ผลผลิตทางเกษตรเน่าเปื่อยและป้องกันการเจริญของเชื้อรา และกำจัดหนอนแมลงต่างๆ รวมทั้งป้องกันการงอก[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] นอกจากพืชตระกูลส้ม ยังรวมทั้ง ผัก ผลไม้ เม็ดกาแฟ ข้าวโพด ถั่วเหลือง แป้งสาลี พืช ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อาจจะไม่ได้รมควันเคมีทั้งหมด จึงต้องมีการตรวจสอบและฉีดยากำจัดหนอนแมลง ณ จุดตรวจสอบการนำเข้า ดังตารางที่ 2-16พบว่ากว่า 70[/FONT][FONT=&quot]%[/FONT][FONT=&quot]ของผลไม้ต้องฉีดยากำจัดหนอนแมลง[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] นอกจากนี้ การควบคุมความสดในจีนแย่มาก และไม่พยายามทำ จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่จะต้องพึ่งยาเคมีตลอดเวลา[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] แน่นอนว่า มีค่ามาตรฐานควบคุม แต่...

    [/FONT][FONT=&quot]เป็นเรื่องที่น่ากลัว[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]ยาเคมีที่ใช้วิทยาการหลังเก็บเกี่ยว [/FONT]Post HarvestChemical[FONT=&quot]มีหลากหลายตั้งแต่ ยาเคมีแบบสารเจือปนอาหาร (มีพิษเฉียบพลันต่ำ) จนกระทั่งสารพิษรุนแรง แต่ละชนิดจะมีมาตรฐานควบคุม[/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot] 2-4 [/FONT]D[FONT=&quot] เป็นยาเคมีที่ได้รับอนุญาต โดยมากในอเมริกาจะใช้กับพืชตระกูลส้มเช่น เกรบฟรุ๊ต ส้ม มะนาว [/FONT]<o></o>
    [FONT=&quot]2-4 [/FONT]D[FONT=&quot] เป็นส่วนผสมหนึ่งในยาเคมีที่ทำให้ใบแห้ง ซึ่งกองทัพอเมริกันใช้ฉีดพ่นในสงครามเวียตนาม(ยาเคมีที่ทำให้ใบแห้งจะมี2-4[/FONT]D[FONT=&quot]และ[/FONT]2-4-5-T[FONT=&quot]เป็นส่วนผสม 2 ชนิด)[/FONT]<o></o>[FONT=&quot] ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้เกิดรูปร่างผิดปกติ ก่อให้เกิดมะเร็ง

    [/FONT][FONT=&quot]ดังแสดงในตาราง[/FONT][FONT=&quot]ประกาศกระทรวงสาธารณสุขประจำปี [/FONT][FONT=&quot]2002 ตัวอย่าง Post Harvestที่ไม่ถูกต้อง และ[/FONT][FONT=&quot]ตาราง[/FONT][FONT=&quot]รายงานประจำปี[/FONT][FONT=&quot] 2001: สถาบันวิจัยสาธารณสุขโตเกียว/สารเคมีตกค้างที่พบในพืชตระกูลส้ม[/FONT]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...