การฝึกเพ่งเรียกนิมิตกสิณ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 6 มิถุนายน 2010.

  1. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ไม่ใช่ครับ อันนี้ เรียกว่าภาพติดตา กสินนี่ใช้ภาพติดใจ ครับ คุณวางอารมณ์ผิดนะ

    คำว่ากสิน คือมองภาพให้จำได้ แล้วหลับตานึกภาพ ใช้ประสาทใจ เหมือนเรานึกถึงบ้าน นึกถึงที่ทำงาน ประมาณ นี้
    เมื่อฝึกจนภาพเกิดกับใจ (ไม่ได้เกิดกับตา) เรียกว่า อุคหนิมิต
    เมื่อฝึกจนภาพที่เกิดกับใจ เริ่มใสสว่าง และเป็นประกายพฤษ์ คล้ายแก้ว ที่มีแสงในตัว มีความระยับ เรียกว่า ปฏิภาคนิมิต

    ดูการแนะนำเรื่องกสิน อ่านเข้าใจก่อน ก่อนปฏิบัติ จะได้ไม่เสียเวลาฝึก
     
  2. nataphat

    nataphat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2009
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอบคุณครับถ้างั้นนิมิตกสินที่ควรจำใช่การนึกถึงภาพเปลวไฟที่ลุกขึ้นมากจากเทียนไหมแล้วถ้างั้นจะเพ่งเทียนทำไมอ่ะครับผมว่ามันนึกออกจะง่ายเหมือนถึงบ้านนึกถึงภาพพระ
    รบกวนอีกหน่อยครับแล้วกสินลมละผมเองมองเห็นอ่ะลมอ่ะ ที่เป็นไอระเอียดๆลอยๆคลายๆไอน้ำแต่มันใสกว่าไม่ใช่ไอความร้อนเพราะมันไม่หักเหแสงแล้วมองเห็นได้ทุกที่ที่มีอากาศถ้าตรงไหนอากาศเคลื่อนไหวช้ายิ่งชัด แล้วจะทำยังไงกับมันให้การเป็นนิมิตกสินอ่ะหรือให้มองมันดิบๆแล้วทำให้มันเป็นประกายพฤษขอโทษที่ครับผมงงๆ
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,101

    ด้านหลังหนังสือ "กสินไฟกรรมฐานที่ทรงพลัง" มีที่อยู่กับเบอร์ติดต่อครบเลย ผมเคยไปนั่งคุยกับอาจารย์มาครั้งหนึ่งแต่คุยเรื่องอื่นๆ ไม่ได้คุยเรื่องกสิณ เอาล่ะทีนี้ผมมีวิธีทดสอบจิตใจสำหรับผู้ที่คิดว่าจิตใจนิ่งจนได้กสิณแล้ววิธีที่ง่ายที่สุดคือ นำพระเครื่องที่มีพลังแรงเช่นหลวงปู่ทวดรุ่นใดก็ได้นำมาไว้ในมือ ให้เพ่งจิตผ่านทะลุดวงกสิณที่ตนเองคิดว่าฝึกได้แล้ว เพ่งไปที่หลวงปู่ทวด ขอดูพลังบารมีท่าน จิตนิ่งดีก็จะพบพลังของท่านผ่านเข้ามาพอเป็นกำลังใจ ฝึกไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปเร่ง ไม่ต้องไปอยาก ความอยากจะทำให้จิตไม่นิ่ง ความไม่อยากคือความว่างจะทำให้จิตนิ่งเร็ว ที่สำคัญฐานของจิตที่มีกำลังต้องมาจาก ทานและศีล หากมีศีลครบ ทำทานหรือใส่บาตรบ่อยๆ หรือทำบุญบ่อยๆ ไม่ต้องกลัว ทำสมาธิไม่มีกังวลจิตนิ่งดิ่งแน่ เราฝึกเพ่งจิตยังไงก็ต้องสำเร็จ อุปมาดั่งปลูกพริก ต้องได้กินผลคือพริก หมั่นรดน้ำพรวนดินไว้ ไม่ต้องไปเร่งถึงเวลาพริกออกลูกเอง สำคัญก็คืออย่าคิดว่าไม่ได้ผลเลยพาลไปถอนต้นพริก คือเลิกฝึก ผลก็คือจะไม่ได้อะไรเลย ทุกอย่างเทวดาข้างบนท่านเฝ้าดูเราอยู่แล้ว และถึงเวลาท่านจัดสรรมาให้เอง อย่านึกน้อยใจหรือดูถูกตัวเองว่าฉันไม่มีของเก่าแล้วทำไม่ได้ การมีของเก่านั่นหมายถึงเขาไปเร็วกว่าเราหน่อย แต่ถ้าเราก้มหน้าก้มตาเดินไป ทำไป สำเร็จหมด ไอ้ที่เกิดเป็นคนได้นี่ก็มีของเก่าโขอยู่แล้ว ไม่งั้นไปเกิดเป็นสรรพสัตว์ทั้งหลายหมดเกลี้ยง พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายท่านเคยเสวยพระชาติเป็นเดรัจฉานมาก่อนแล้วทั้งนั้น ไม่ต้องกลัว หมั่นรดน้ำพรวนดินไว้ก็แล้วกัน อิทธิบาท 4 พยายามประคองไว้ ต่ำสุดแค่วันละสามนาทีถ้าจิตนิ่งตัดภพชาติได้ครั้งหนึ่งแล้ว อย่างที่โบราณบอก ใส่บาตรจนขันทะลุ ยังไม่เท่าจิตนิ่งเพียงครั้งหนึ่ง ฝากเป็นข้อคิดสำหรับพวกที่ฝึกกสิณแต่ศีลไม่ครบ อาจจะเป็นพวกไสยศาสตร์ไปคือมีกำลังผีมาช่วยเหมือนพ่อมดหมอผีที่มีกำลังครูอาจารย์ฝ่ายต่ำมาช่วย แทนที่จะมีกำลังพระไตรสรณคมณ์ฝ่ายดีมาช่วย ก่อนทำสมาธิ ให้สวดมนต์ ไหว้พระ ขอเอาพระบารมีและฉัพพรรณรังสีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งมาช่วยเช่นพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากกุธสันโธ หรือองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณโคดม ขอบารมีครูอาจารย์ที่เคารพมาช่วย สุดท้ายเอาบารมีตนเองที่ได้บำเพ็ญไว้ดีแล้ว ประณีตแล้ว ทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติมาช่วย จะทำให้ได้สมาธิที่เร็วขึ้นมากสำหรับพวกที่น้อยใจว่าของเก่ามีน้อย แต่อย่าลืม อย่าไปถอนต้นพริกก่อนน๊ะ ขอให้กำลังใจทุกคน ผมเห็นผลในระดับหนึ่งแล้วจึงมาบอกต่อเพื่อเป็นวิทยาทานครับ (ควรจับกสิณฐาตุ คือดิน น้ำ ไฟ ก่อน จะฝึกได้เร็วเพราะมีรูปให้เห็น ส่วนลมนั้นฝึกยากครับเพราะเป็นอรูป แต่ถ้าสำเร็จแล้ว เล่นได้ทุกกอง)

    พันวฤทธิ์

    12/6/53
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2010
  4. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ก่อนจะฝึกกสิน ควรจะใช้กรรมฐานที่ตัวเองทำแล้วรู้สึกว่าง่าย ปูทางเสียก่อน

    จะลองอุปมา อุปมัย สักนิดหนึ่งนะ

    "ถ้าคุณอยากจะเขียนกลอนรักส่งให้แฟนหรือคนที่คนแอบปลื้ม
    สิ่งแรกที่คุณควรจะทำได้ คือ ต้องอ่านออกเขียนได้ในภาษาที่คุณจะใช้เขียนกลอนซะก่อน ซึ่งถ้าหาก...
    คุณรู้ภาษาไทย ไม่รู้ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ไม่รู้ภาษาเกาหลี แต่คุณอยากจะเขียนกลอนเป็นภาษาเกาหลีเพียงเพราะเห็นว่ากระแสกำลังมาแรง กำลังเป็นที่นิยม
    คุณก็คงต้องเริ่มจากการคัดตัวอักษรเกาหลี ก่อนที่จะ ผสมคำ เรียนรู้หลักภาษา และขั้นสูงต่อไป
    ซึ่งแตกต่างกันถ้าหากคุณจะเขียนกลอนเป็นภาษาไทย คุณก็แทบไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเลย แค่คิดคำหวานๆซึ้งๆที่คิดว่าคนอ่านจะประทับใจ แล้วก็เขียนมันลงไปได้ทันที
    หรือ ถ้าคุณยังดึงดันที่จะใช้ภาษาเกาหลี และสามารถหาครูสอนที่เป็นภาษาไทย หรือหาหนังสือที่เป็นภาษาไทยมาประกอบได้ ก็จะทำให้คุณเรียนรู้ภาษาเกาหลีได้เร็วขึ้นและเขียนกลอนได้ดังใจเร็วขึ้น"

    ทำนองเดียวกัน

    ถ้าคุณเคยฝึกกรรมฐานกองใดกองหนึ่งสำเร็จชนิดที่เรียกกว่าคล่องปรื๋อมาแล้ว คุณก็ย่อมสามารถที่จะใช้กรรมฐานกองนั้นให้บรรลุจุดสูงสุดได้โดยง่ายดาย หรือใช้กรรมฐานกองเดิมปูทางเพื่อจะไปกรรมฐานกองใหม่ต่อไป
    ซึ่งถ้าคุณดึงดันที่จะฝึกกรรมฐานตามกระแสสังคม ทั้งที่มันไม่ใช่ของเก่าของคุณเลย ก็คงต้องเริ่มจากคัดตัวอักษรอย่างที่เปรียบเทียบไปในตอนนั้น

    จะรู้ได้อย่างไรว่ากรรมฐานกองต้นของเราคืออะไร?
    ถ้าแบบสังเกตโดยผิวเผิน ก็คือกรรมฐานที่คุณทำแล้วรู้สึกว่าง่าย รู้สึกว่าทำแล้วสบายใจ นั่นแหละ มันเหมาะสำหรับคุณ
    ถ้าแบบเอาจริงเอาจัง คงต้องอธิษฐานขอบารมีพระมาช่วย เหมือนอย่างที่มีบันทึกในหนังสือประวัติหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นผู้บันทึก วิธีนั้นแหละ ลองทำได้ผลมาแล้ว
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,789
    ค่าพลัง:
    +16,101
    เอาล่ะ อาจจะยากไปสักนิดนึง ให้ใช้วิธีนึกถึงดวงกสิณที่แวบขึ้นมา แค่แว๊บเดียวนี่ล่ะจิตจะชุ่มชื่นมีกำลัง โน้มจิตตรงนั้นไปที่องค์หลวงปู่ทวดพลังท่านจะขึ้นมาชนิดมีดบาดมือ (เวลาจับพระให้ใช้แค่นิ้วนางนิ้วชี้และนิ้วโป้งประคองกันแค่นั้นก็พอ หากไม่มีหลวงปู่ทวด ก็หาพระพิมพ์สกุลวังหน้ามาจับดู หรือถ้าไม่มีอะไรเลย วันอาทิตย์ที่ 27/6 นี้ ไปเจอที่ รพ.สงฆ์ตอน 7.30 น. ที่บริเวณโรงอาหารข้าง รพ. ถามหาพี่เสือ ผมจะให้พระหลวงปู่โลกอุดรไว้ใช้ฟรีๆ หนึ่งองค์ เอาไปลองสัมผัสดู พระแท้จิตดี ทำบุญทำทานเป็นพื้นฐาน สมควรได้รับท่านไว้คุ้มครองทั้งตัวเองและครอบครัวครับ อย่าลืมขอนมสักกล่อง ขนมสักชิ้น ผลไม้สักหน่อย ไปทำสังฆทานให้พระสงฆ์อาพาธที่อยู่บนตึุกกัลยาณิวัฒนากัน ผมทำกันทุกเดือนทำมาสองปีครึ่งแล้วถวายทีเป็นร้อยองค์ เข้าไปดูรายละเอียดตามลายเซ็นต์ผมได้ ไปเจอผู้ที่เก่งๆ ผู้ที่มีจิตดีทั้งหลายร่วมทำบุญกัน บางทีอาจจะถึงเวลาของคุณแล้วก็ได้)

    สุดท้ายสำหรับผู้ัที่ชอบฝึกกสิณ การเล่นฤทธิ์ก็นับว่าดีถ้าเล่นได้ แต่แก่นแท้ของสมถะภาวนาก็คือ อานาปานสติ หรือเล่นลมอนาปาฯ กำตรงนี้ให้แน่น ลมดี พื้นฐานดี ทำวิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกัคตารมณ์ให้เกิด นี่คือปฐมฌาณ เมื่อเดินสมถะแน่น เล่นกสิณไม่ยาก ชาตินี้ถึงแม้ไม่ได้กสิณ อย่างน้อยอนาปานสติภาวนาก็บังเกิดแล้ว ขนิกสมาธิบังเกิดแล้ว แค่นี้ก็มีทุนพิจารณาธรรมเป็นวิปัสสนาสำหรับพัฒนาจิตได้ แถมยังพอเป็นเสบียงเลี้ยงตัวข้ามภพชาติ ได้อย่างสบาย หากมีเวลาควรทำบ่อยๆ และฝึกให้ทำจนชำนาญจะได้ไม่ต้องลงไปเจอกับอบายภูมิขุมต่างๆ ครับ ขออวยพรให้มีแต่ความสำเร็จ และขอสวัสดีอีกครั้ง
     
  6. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->nataphat<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3412769", true); </SCRIPT>


    ขอบคุณครับถ้างั้นนิมิตกสิน ที่ควรจำใช่การ นึกถึงภาพเปลวไฟที่ลุกขึ้นมากจากเทียนไหม
    ภาพสีของไฟ นะ คือเหลือง ๆ แดง ๆ น่ะ

    แล้วถ้างั้นจะเพ่งเทียนทำไมอ่ะ ครับผมว่ามันนึกออกจะง่าย เหมือนถึงบ้านนึกถึงภาพพระ
    ท่านสอนมาอย่างนี้ นะ กสิน ไม่ใช่ของยาก ที่ยาก เพราะพูดกันไปเอง ศิษย์หลวงพ่อ ฤาษี ท่านทำได้มาก นะ ถ้าเรานึกภาพพระได้ เราก็สามารถ สร้างความเป็นทิพย์ ให้เกิดกับจิต ได้โดยไม่ยาก นะ คนที่ฝึกมโนมยิทธิ ๑๐ คน ที่จะไม่ได้ ไม่เกิน ๒ นะ ตอนนี้

    รบกวนอีกหน่อยครับแล้วกสินลมละผมเองมองเห็นอ่ะลมอ่ะ ที่เป็นไอระเอียดๆลอยๆคลายๆไอน้ำแต่มันใสกว่าไม่ใช่ไอความร้อนเพราะมันไม่หักเหแสงแล้วมองเห็นได้ทุกที่ที่มีอากาศถ้าตรงไหนอากาศเคลื่อนไหวช้ายิ่งชัด แล้วจะทำยังไงกับมันให้การเป็นนิมิตกสินอ่ะหรือให้มองมันดิบๆแล้วทำให้มันเป็นประกายพฤษขอโทษที่ครับผมงงๆ

    กสินลมนี่ เขาจับความไหว ของกิ่งไม้ หรือ ลักษณะปลิวว่อน ของวัตถุ เราควรทำ กสินที่ง่ายก่อน เมื่อเราได้ กองใดกองหนึ่งแล้ว อีก ๙ กอง ก็ไม่ยาก เพราะใช้อารมณ์ เดียวกัน เราจะนึกภาพพระ ก็จัดว่าเป็น กสิน เหมือนกัน นะ

    การฝึกกสิน เราต้องรู้ว่า เราฝึกเพื่อต้องการ อะไร เพราะแนวทาง ไม่เหมือนกัน เช่น วิชชาสาม มโนมยิทธิ อภิญญาหก ปฏิสัมภิทาญาณ
     
  7. dawsonsc222

    dawsonsc222 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +60
    ขอโทษนะครับ อันนี้สงสัยมากจริงๆ
    เพราะไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว (หรือผมอ่านไม่เจอ)

    คือเวลาเพ่งกสิณที่ถูกวิธี ต้องรับรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วยใช่ไหมครับ

    แล้วถ้าแบบนี้ได้ไหมครับ
    เวลาลืมตาเพ่ง ก็หายใจเข้า พร้อมบริกรรมกสิณกองนั้นๆ
    เวลาหลับตานึกภาพทางใจ ก็หายใจออก พร้อมบริกรรมกสิณกองนั้นๆ
    แล้วก็สลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ

    ที่สงสัยเพราะถ้าเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนกับเราบังคับการหลับตาลืมตา
    ให้ตรงกับจังหวะการหายใจเข้าออก ซึ่งเหมือนกับการฝืนธรรมชาติ

    แต่ถ้าจะปล่อยไปตามธรรมชาติ จังหวะใครจังหวะมัน แล้วจะบริกรรมกสิณตามจังหวะการหายใจ หรือบริกรรมตามการลืมตาหลับตาครับ หรือจังหวะการบริกรรมก็แยกไปอีกต่างหาก

    ขอความกรุณาผู้รู้ผู้ปฏิบัติสำเร็จด้วยเถอะครับ อันนี้สงสัยมากจริงๆ

    ปล แล้วการลืมตาเพ่งควรสักกี่วินาทีครับ พอดีหลายสำนักเหมือนจะกล่าว
    ไม่เหมือนกัน
    อย่างของดร.จรูญ จะมีการเพ่งหลายแบบ แบบลืมตาเพ่ง 15 วิ แบบ 2-3 วิ
    เป็นต้นครับ
     
  8. gatsby_ut

    gatsby_ut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    821
    ค่าพลัง:
    +14,291
    ขอโทษนะครับ อันนี้สงสัยมากจริงๆ เพราะไม่เคยมีใคร พูดเรื่องนี้มาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว (หรือผมอ่านไม่เจอ) คือเวลาเพ่งกสิณที่ถูกวิธี ต้องรับรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วยใช่ไหมครับ
    ไม่จำเป็น เราฝึกที่ใจ ถ้าควบลมได้ ก็ดี

    แล้วถ้าแบบนี้ได้ไหมครับ
    เวลาลืมตาเพ่ง ก็หายใจเข้า พร้อมบริกรรม กสิณกองนั้นๆ
    เวลาหลับตานึกภาพทางใจ ก็หายใจออก พร้อมบริกรรมกสิณกองนั้นๆ
    แล้วก็สลับกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
    แบบนี้ใช้ได้ไหมครับ

    ที่สงสัยเพราะถ้าเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนกับเราบังคับการหลับตาลืมตา
    ให้ตรงกับจังหวะการหายใจเข้าออก ซึ่งเหมือนกับการฝืนธรรมชาติ

    แต่ถ้าจะปล่อยไปตามธรรมชาติ จังหวะใครจังหวะมัน แล้วจะบริกรรมกสิณตามจังหวะการหายใจ หรือบริกรรมตามการลืมตาหลับตาครับ หรือจังหวะการบริกรรมก็แยกไปอีกต่างหาก
    งงครับ ปฏิบัติตามแนวทาง ที่ท่านสอน ความลังเล สงสัยเป็นนิวรณ์ นะ

    ขอความกรุณาผู้รู้ผู้ปฏิบัติสำเร็จด้วยเถอะครับ อันนี้สงสัยมากจริงๆ

    ปล แล้วการลืมตาเพ่งควรสักกี่วินาทีครับ พอดีหลายสำนักเหมือนจะกล่าว
    ไม่เหมือนกัน อย่างของดร.จรูญ จะมีการเพ่งหลายแบบ แบบลืมตาเพ่ง 15 วิ แบบ 2-3 วิ เป็นต้นครับ
    ถ้าคุณกระหายน้ำ และคุณกินน้ำ จนหายกระหาย คุณใช้เวลากิน เท่าไหร่ ?
    ฉันใดก็ ฉันนั้น นะ การมองภาพกสิน เอาแค่พอจำได้ เมื่อจำได้ แล้วก็หลับตานึก ใช้ประสาทใจนะ

    แนะนำ ให้ศึกษา แนวทาง ที่เขาทำได้ผล มาแล้ว คือแนวทาง ของหลวงพ่อ ฤาษี ฯ ครับ
     
  9. ซาตานคลั่ง

    ซาตานคลั่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    496
    ค่าพลัง:
    +1,449
    ถ้าเป้าหมายคือการบรรลุถึงระดับฌาณโดยเฉพาะฌาณ4(อยากได้กันมาก) ก็จำเป็นต้องรับรู้ลมหายใจ ไม่ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะได้แค่อุปจาระสมาธิซึ่งเป็นอารมณ์ที่เริ่มมีความผ่อนคลายและสบายใจ
    ฌาณ4 เป็นฌาณที่ไม่มีลมหายใจ ไม่ใช่ว่าจะลืมคิดถึงเรื่องลมหายใจ เพราะมีการรับรู้ลมหายใจอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่"รับรู้ว่าไม่มีลมหายใจหรือหยุดหายใจ"

    การลืมตาเพ่ง( เพ่งแปลว่าจำ) ทำในกรณีที่นึกภาพกสิณๆไม่ออก หรือจิตใจว้าวุ่นจนไม่เป็นสมาธิ จึงลืมตามองเพื่อให้จุดสนใจไปหยุดที่กสิณ
    การบริกรรม สำหรับกสิณ หายใจเข้า ชื่อ"ชื่อกสิณ" หายใจออก "กสินัง" เพราะคนเราไม่คุ้นเคยกับการรับรู้ลมหายใจเข้าออก จึงมีการเผลอหลุดจากการรับรู้ลมหายใจอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้ามีการบริกรรมก็พอจะรู้ลมหายใจได้เช่น กำลังบริกรรมถึงคำว่ากสินัง ก็แปลว่ากำลังอยู่ในช่วงหายใจออก

    อันที่จริงการมองกสิณควรจะมองแค่พอจำได้ พอจำได้แล้วก็พับตัวกสิณเก็บไปเลย แล้วนึกถึงกสิณนั้นขึ้นมาให้ได้ ให้ภาพจากจินตนาการคือภาพที่คุณนึกถึงกสิณนั้นค้างอยู่ในสมองเลยพร้อมกับรับรู้ลมหายใจ ซึ่งจริงๆแล้วมันค้างอยู่ได้ไม่นานหรอก ต้องปวดหัวแทบเป็นแทบตายหรือไม่ก็ภาพหายไปซะเฉยๆแน่ๆ เลยต้องมีการลืมตามามองกสิณอยู่บ่อยๆ

    สรุปง่ายๆว่า ให้บริกรรมตามจังหวะการหายใจ เร็วบ้างช้าบ้างปล่อยเป็นเรื่องของร่างกายที่จะหายใจเข้าออกสั้นหรือยาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2010
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เล่าปัง*, Tboon </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    ฝึกกสิณ ดีกว่าจับลมหายใจ เพราะมีตัวช่วยจับจิตให้นิ่งแต่เวลาฝึกเราก็ต้องหายใจอยู่แล้ว เวลาฝึกมันก็จับได้ทั้งภาพ ทั้งลมหายใจนั่นล่ะ ตอนนี้ผมมีแผ่นกสิณสีขาว กำลังจะลองฝึกดู แต่ก่อนไม่เข้าใจเรื่องกสิณเลยว่าการวางอารมณ์เป็นยังไงการใช้ตามอง กับ ใช้ใจมองเป็นยังไง ตอนนี้เข้าใจแล้วหลังจากได้ฟังเรื่องมโนนี่ล่ะ
     
  12. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ขอขอบคุณทุกท่านที่มาให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องกสิณ เพราะกำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มปฏิบัติอยู่พอดี และถ้าวันอาทิตย์ที่ 27 นี้หากไปที่โรงพยาบาลสงฆ์ได้ ก็จะไปหาพี่เสือเพื่อขอนิมนต์หลวงปู่โลกเทพอุดรสัก 1 องค์เพื่อไว้บูชา ขออนุโมทนาสาธุกับสิ่งดีดีที่ทุกท่านได้ให้คำแนะนำไว้
     
  13. kosondesign

    kosondesign Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +66
    ขอบคุณครับ
     
  14. ทำเป็นงง

    ทำเป็นงง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +557
    ดันกระทู้หน่อย ดิ<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. จริยากุ

    จริยากุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,314
    ค่าพลัง:
    +1,446
    ท่านมีบุญเก่ามาก ไปได้เร็วหมั่นทำบ่อยๆจิตจะไปได้เร็วแล้วท่านจะได้พบกับควมาก้าวหน้าที่รออยู่ เกิดชาตินี้เป็นคน นับเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของชีวิต ถ้าตั้งมั่นทำจริงย่อมเห็นผลในไม่เกิน 7 วัน 7เดือน 7 ปี ตามที่พระพุทธเจ้าเคยกล่าวไว้ อยู่ที่ท่านจะทำจริง เอาจริง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับที่ นิพพานจะมีจริงถ้าทำจริง
     
  16. จริยากุ

    จริยากุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,314
    ค่าพลัง:
    +1,446
    อนิจัง? อะไร ?
    ทุกขังที่ไหน ทิ้งอย่างไร?
    อะไรที่เรียกว่า อนัตตา?
    ทำอย่างไรทิ้งได้หมด
     
  17. wattanadist

    wattanadist เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +1,134
    ผมยังไม่ได้ฝึกกสิณเลยอะครับ...ได้แต่แค่อานาปานุสสติ...เฉย ๆ เอง
     
  18. veget_1

    veget_1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +1,006
    น่าจะมีของเก่าติดตัวมาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...