การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 มิถุนายน 2010.

  1. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    2มาตรฐานหรือป่าวหละ ถ้า2มาตรฐานหลักฐานก็ไม่จำเป็น(k)
     
  2. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    หรอ นี่ผมบอกว่าพระอรหันต์ทิ้งจิตหรือ ไม่ได้ดัดแปลงเอาเองนะครับท่านจอมปรุงแต่ง
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็จะไปสนใจทำไมหละว่า ผมจำผิด จำถูก อย่างไร

    หากคุณประสงค์จะเผยแผ่คำสอนพระที่คุณนับถือ คุณก็กล่าวมาสิว่า

    ท่านเป็นใคร แล้ว กล่าวไว้จริงๆ อย่างไร ไม่เห็นจะต้องละล้าละลัง
    หรือมาสนใจผมเลยว่า ผมเป็นนักปรุงแต่ง อย่างที่ใจคุณระลึกไว้หรือไม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2010
  4. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถิร แปลว่าเสถียร
    ถิรสัญญา ก็คือ การหมายรู้ในสิ่งที่เสถียร
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สภาวะอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่สิ่งที่เสถียรเลย<O:p</O:p
    อารมณ์คนเราเปลี่ยนเวียนไปหลากหลาย 108 อารมณ์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ถิรสัญญา คือ การหมายรู้ในพุทโธ หรือ ลมหายใจเป็นต้น<O:p</O:p
    พุทโธ หรือ ลมหายใจ นี้เสถียร เพราะพุทโธ หรือ หายใจ อยู่ซ้ำ ๆ<O:p</O:p
    เป็นสิ่งที่เสถียร ไม่หมุนเวียนเปลี่ยนไปมา เหมือนสภาวะอารมณ์ต่าง ๆ<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    ดังนั้นการกล่าวว่า ถิรสัญญา คือ การจดจำสภาวะอารมณ์ให้แม่นยำนั้น<O:p</O:p
    เป็นการด้นเดาทั้งสิ้น บ่งบอกได้เลยว่าบุคคลผู้นี้ไม่รู้จักสติในอริยมรรคอย่างแท้จริง....<O:p</O:p
     
  5. ผู้เตือน warn

    ผู้เตือน warn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +688
    การเข้าถึงธรรม ในที่นี่หลายคนสู่ผมไม่ได้นะ

    ทุกท่าน มีแต่อวดโอ้ ราคาคุยกันทั้งนั้น

    ของจริง รู้จริง ผมนี่แหละ แต่ไม่อยากโชว์

    ทุกคนในที่นี้ผมบอกได้คำเดียว ความรู้ ท่วมหัว แต่เอาตัวไมรอด

    ประเภท กิเลสสูงเลยหัว ท่วมหัวกันทุกคน แต่ทำมาเป็นแสดงธรรม

    มือถือสาก ปากถือศีล กันทั้งนั้น หรือจะเถียง
     
  6. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ทำเป็นตุ๊กแก กินปูนร้อนท้องไปได้ ใครจะไปว่าอะไรท่าน
    จะเข้าจะออก ลมเพลมพัดมันเรื่องของท่าน ผมเห็นมีสมาชิกไล่ท่าน
    ตั้งหลายคน ทำไมต้องมาให้ความสำคัญกับผมนัก ผมไม่สนใจหรอก
    ถือเสียว่า เด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ แถมงอแงอีกต่างหาก

    .....ผมเอาธรรมให้อ่าน อ่านหรือยัง แล้วเรื่องที่คุยค้างกันไว้ละ
    เล่นโวยวายชาวบ้านเขา หายไปแป๊บเดียว เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย

    อ้าว! แล้วใครละครับบอกผมว่า ให้บังคับสติ สติบังคับได้
     
  7. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านเตชครับ ทำไมไปแปลคำของเขาอย่างนี้ล่ะครับ
    ก็เพราะอารมณ์เรา มันเปลี่ยนไปเรื่อย เราเลยต้องจำลักษณะของอารมณ์แต่ละตัวให้ขึ้นใจ เพื่อจะไม่ให้คล้อยตามปรุงแต่งไปตามอารมฌ์นั้นๆ


    ถามจริงวันๆท่านอยู่กับลมหายใจ อยู่กับพุทโธตลอดเลยหรือครับ
    ระวังรถชนหรือไปเหยียบขี้หมานะครับ
     
  8. เต้าเจี้ยว

    เต้าเจี้ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2008
    โพสต์:
    956
    ค่าพลัง:
    +1,697
    *
    ใจเรานะ คิดถึงถิรสัญญา ในระดับ เข้าถึงนิพพาน หรือเข้ากระแสนิพพานเลย
    คือ เห็นไตรลักษณ์ และเห็นความดับไปของอารมณ์ที่หมายมั่นเอาไม่ได้
    ไม่ว่าจะดีจะเลว ก็ล้วนเกิดและดับไป
    เป็นสัญญาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนได้เมื่อนึกถึง ต่างกับสัญญาความรู้สึกนึกคิดอื่นๆ

    ทีนี้ การนำมาสัญญามาพูดในระดับโลกียธรรม
    เช่น จำได้ว่าอะไรโกรธ แล้วมีผลเสียอย่างไร แล้วเกิดสติขึ้นมา
    อะไรดีใจ ถ้าหลงความดีใจไป แล้วมีผลดีผลเสียอย่างไร ก็เกิดสติขึ้นมา..
    เราว่า ก็น่าจะเข้าใจได้ เช่นกัน
    (ที่ไม่เห็นด้วยกับเล่าปัง คือไม่เห็นด้วยในภาษาที่เขาใช้ ..ไม่ใช่ความหมายที่เขาสื่อ)


    แสดงกระทู้ - การปฏิบัติดูจิตจนถึงจิต • ลานธรรมจักร

    ผู้ปฏิบัติต้องไม่ให้จิตหยุดที่สมถธรรมหรือเพียงสมาธิเท่านั้น แต่ต้องรู้เท่าทันด้วยสัมปชัญญะและมีความแยบคายไม่ให้จิตเกาะเกี่ยวสภาวธรรมใดเสมอๆ จิตที่มีกำลังไม่หวั่นไหวย่อมเห็นสภาวธรรมในจิตทุกชนิดแยกออกจากกัน แต่ทำงานสืบเนื่องกัน เช่น เมื่อสัญญาคือความจำได้หมายรู้เกิดขึ้น สังขารและเวทนาคือความปรุงแต่งของจิตจะทำงาน กิเลสจะย้อมจิตและเกิดความหวั่นไหว ยั่วเย้าให้กระทำกรรมทางใจและทางกายอื่นๆขึ้นมาอีก เป็นต้น แต่จิตที่กำลังไม่หวั่นไหวนั้นไม่เกาะเกี่ยวกับสภาวธรรมใดๆที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเห็นชัดว่าจิตที่เนื่องกับสภาวธรรมนั้นเกิด-ดับไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้จิตย่อมฉลาดว่าอะไรเป็นเหตุและลักษณะของสภาวธรรมและจิตที่มีสภาวธรรมนั้นอาศัย เกิดเป็นถิรสัญญาหรือความแม่นยำว่องไวในการรู้เท่าทันด้วยสัมปชัญญะ ย่อมฉลาดว่าอะไรเป็นคุณเป็นโทษของสภาวธรรมและจิตที่มีสภาวธรรมนั้นอาศัย เกิดเป็นหิริโอตัปปะ อินทรียสังวรศีลและสมาธิ ทั้งยังฉลาดว่าอะไรเป็นสัจธรรมของสภาวธรรมและจิตที่มีสภาวธรรมนั้นอาศัย เกิดเป็นปัญญา ไม่หวั่นไหว ไม่เกาะเกี่ยวกับสภาวธรรม มีความเข้าใจอย่างชัดแจ้งขึ้นเป็นลำดับ สติสัมปชัญญะหรือความรู้สึกตัวแผ่กว้างขึ้นเป็นปฏิภาคกับกิเลสและความหลงซึ่งหดสั้นลง ยังศีลและสมาธิให้มั่นคงแนบเป็นเนื้อเดียวกับจิต ไม่ได้แยกจากกันอีก


    ({)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2010
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เต้าเจี้ยวตอบตรงใจ

    อยากให้เน้น "สัมปชัญญะ" บ่อยๆ สนทนากันให้มากๆ

    เห็นพูดเรื่องสติกันมาหลายปีแล้ว น่าจะพอแล้ว เข้าใจกันแล้ว ควรเข้าปัจจุบันกันได้แล้ว

    กุศลาธรรมา อกุศลาธรรมา อัพยากตา

    รู้ได้ ระลึกรู้ได้ รู้แล้วเฉย รู้แล้วยังทำ รู้แล้วละ รู้แล้วไม่เอากับมัน หรือรู้แล้วช่างหัวมัน มันต่างกันตรงนี้แหละ

    [MUSIC]http://www.4shared.com/audio/tujTL6GO/_-___-_-_.html[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 มิถุนายน 2010
  10. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    อ้าว...แล้วลักษณะของอารมณ์มันเสถียรมั้ยล่ะ
    เป็น ถิร มั้ยล่ะ
    ก็ไม่ใช่ มันหมุนเวียนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด
    แล้วจะเรียกถิรสัญญาได้อย่างไร

    ที่เสถียรและแน่นอน คือพุทโธ
    เมื่อเป็นอารมณ์ พุทโธ ก็พุทโธ อยู่อย่างนั้น
    เสถียร ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

    ผมจะบอกให้นี่ล่ะนักอ่านตัวยงล่ะ
    อ่านมาแล้วก็ด้นเดาอย่างนั้นอย่างนี้
    พอวันหนึ่งตัวเองมีอาการตื่น จากความหลงชั่วขณะ
    ก็นึกว่าเป็นผลการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ของตนเอง
    ที่ตื่นจากการหลงอย่างนั้นน่ะ
    ผมจะบอกให้ตื่นเพราะการรู้การเข้าใจในหลักธรรมมากขึ้น
    รู้ผิด รู้ถูก รู้ความจริง มากขึ้น

    เมื่อมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมมากขึ้น
    พร้อมกับการให้ความสนใจกับความคิดตัวเองบ่อย ๆ
    ก็จะทำให้เห็นว่าความคิดของเรานี่ปีนเกลียวกับธรรม
    ทั้งนี้เพราะความคิดเราดั้งเดิม เกิดจากการทำงานของกิเลส
    เมื่อมีธรรมแทรกเข้าในใจมากขึ้น
    ก็รู้ได้มีสติระลึกรู้ เป็นอาการตื่นตัวขึ้นมา
    สติแบบนี้เกิดจากมีสัมมาทิฏฐิมากขึ้น

    แต่สติแบบนี้ไม่มีกำลังพอที่จะเป็นมหาสติได้...
     
  11. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    นี่ไง คนมันไม่เคยพุทโธ
    หลวงปู่มั่น ท่านว่าจะเหยียดจะคู้ให้รู้ตัวมีสติตลอด
    จะเดินไปไหนมาไหนก็อยู่กับพุทโธได้
    โทรศัพท์พูดคุยเสร็จก็กลับมาอยู่กับพุทโธ มีสติรู้งานอยู่ตลอดเวลา

    พอมีเวลาภาวนา เดินจงกรม ก็พุทโธ มันจะได้งานง่ายกว่า

    พูดออกมาคำเดียวรู้เลยว่า ไม่เคยพุทโธหรือจับลมหายใจระหว่างวัน
    กิเลสไง มันพาให้ขี้เกียจ ปล่อยจิตปล่อยใจให้ลอยไป อุ๊ สติมาเอง

    ปล... แต่มันมีคนบ้าอยู่หนึ่งคน (ไม่ใช่คุณบุญฯ นะ แต่อาจเป็นคนที่คุณบุญฯศรัทธาหรือเปล่า??)
    มันว่าระวังนะขับรถอยู่อย่าภาวนา เดี๋ยวจะไปเข้าอัปปนาฯ รถจะไปชน
    มันบ้าพูดมาได้ เพราะทำสมาธิไม่เป็น

    ขึ ขึ สติคืออะไร สติคืออะไรไม่รู้นะ อัตโนมัติๆน่ะ
    สติคืออะไรไม่รู้นะ ต้องทำเหตุให้สติเกิด สติจะมาแบบว่าถิรสัญญาไง
    เดินตกท่อปุ๊บ สติมาปั๊บ ไง
    ย้ำ เพราะมีไอ้บ้าพูดอย่างนี้ไง ครูจารย์เลยต้องออกมาบอกว่า สติคือสติ
     
  12. poppykun

    poppykun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +82
    มามึงๆกูๆอยู่แถวนี้

    แล้วที่ปัดฝุ่นปัดผง ไปถึงไหนแล้วล่ะ???
    โต๊ะยังอยู่ทั้งตัวเลยนะ เอาไงดีท่านนิวรณ์???
     
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    เอานี่ฟังผมนะ...
    ผมจะอธิบายเรื่องการบำรุง รักษา หรือ เจริญ สติให้ฟัง

    สติถ้าจะเปรียบเหมือนต้นกล้าไม้ที่เราเอาไปปลูก
    การนำไปปลูกเพื่อให้เกิดต้นสติใช่มั้ยล่ะ
    เมื่อลงปลูกที่แรกก็ยังเป็นต้นกล้าอ่อนอยู่

    การทำให้ต้นกล้าเจริญ เป็นต้นไม่ใหญ่ได้นั้น
    ต้องดูแล บำรุง รักษา ใช่มั้ย เพื่อทำให้เจริญเติบโต
    การบำรุงรักษา ก็คือการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย
    ไม่ได้ไปทำให้ต้นไม้มันใหญ่เองใช่มั้ย
    จะไปดึงต้นไม้ให้มันยืดออก ให้มันโตขึ้น มันทำไม่ได้ใช่มั้ย
    สิ่งที่ต้องทำคือ ทำการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย

    การทำให้สติเจริญก็เช่นเดียวกัน
    ก็ต้องดูแลรักษาสติ ด้วยการบำเพ็ญภาวนาพุทโธ
    นี่เรียกว่าการบำรุง รักษา สติ ให้เจริญ
    ก็เหมือนการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย นั่นล่ะ

    การปลูกต้นไม้แล้ว ละเลยไม่ทำการดูแลรักษา
    ก็รอได้อย่างเดียวว่า ต้นกล้าต้องตายอย่างแน่นอน
    ก็เหมือนการทำให้มีสตินั่นล่ะ ไม่ต้องทำอะไร
    ให้รอจำอารมณ์อย่างเดียว
    กว่าจะรู้ตัวอารมณ์มันก็เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนแล้ว
    ทำบาปทำกรรมไปนักต่อนักแล้ว
    เพราะอารมณ์ต่าง ๆ กิเลสเป็นผู้ผลักดัน
    มันลากไปทำบาปทำกรรมเรียบร้อยแล้วถึงจะรู้ทันมัน

    ท่านจึงให้พุทโธ เลย เพื่อดักอารมณ์เอาไว้ก่อน
    ก่อนที่มันจะแสดงตัว หรือ ถึงแม้มันจะแสดงตัวออกมา
    การภาวนาพุทโธ ก็ทำให้มีสติเป็นเบรคห้ามล้อ
    ไม่ให้อารมณ์มันเลยเถิดไป
    เพราะเมื่อตั้งใจภาวนาอยู่ สติก็จะอยู่กับพุทโธนั่นล่ะ
    เมื่อมีอารมณ์ผุดขึ้นมา สติที่มีอยู่แล้วก็ทำงานได้ทันที

    ถ้าหากอยู่เฉย ๆ รอให้มีสติขึ้นมาเอง
    ก็ไม่ทันอารมณ์หรอก

    มันต้องมีสติตั้งกับพุทโธ
    ไว้รอรับมือ มันถึงจะทันกิเลส

    ถ้ามาทำแบบ รอให้มีสติก่อน
    กิเลสมันเอาไปกินหมดนั่นแหละ...
     
  14. นายตถาตา

    นายตถาตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    829
    ค่าพลัง:
    +705
    เข้ามาฮาครับอิอิ
     
  15. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    จะบอกให้ครับ ธรรมทุกอย่าง มันเป็นอนิจจังไม่เที่ยงแล้วก็ไม่เสถียรด้วย
    ที่สำคัญที่สุด ผู้ที่ให้บัญญัติคำๆนี้ ท่านยึดแม้กระทั่งจิตก็ไม่เที่ยง
    แล้วท่านจะให้ความหมาย คำนี้ตามที่ท่านเตชบอกได้อย่างไร

    ท่านเตชครับ ก่อนที่ท่านจะแสดงความเห็นอะไร กรุณาดูที่มาที่ไปเสียก่อน
    ไม่ใช้เห็นอะไรแล้วนึกว่าได้เปรียบ ได้ที่ใส่ใหญ่เลย มันจะแสดงและโชว์สิ่งที่
    ไม่ควรโชว์

    ฟังนะครับ ความหมายของคำว่า"ถิรสัญญา" ในความเห็นผม
    ......เพราะอารมณ์แปรเปลี่ยนตลอดเวลา เนื่องด้วยผัสสะที่มากระทบ
    มันหลากหลายและเร็ว บางอารมณ์รับมา เป็นเวลานานแล้วจึงนึกขึ้น
    มาได้หรือจำได้ อันนี้เรียก....สัญญา
    ......แต่ถ้าเป็นอารมณ์ที่ เราจำได้ทันที่หลังจากที่เกิด โดยไม่มี
    อารมณ์อื่นมาแทรก.....ถิรสัญญา

    ฉะนั้นความหมายของคำว่า..ถิรน่าจะสือว่า จำได้ดีและระลึกได้อย่าง
    รวดเร็วครับ

    ท่านเตชถามจริง ท่านรู้เรื่องกฎแห่ง ...ไตรลักษณ์มั้ยครับ พุดโธ่เอ๋ย!
    ก็พูดแบบนี้ไง พูดโดยไม่ยึดหลักความเป็นจริง
    ตลอดวันอยู่กับอารมณ์พุทโธ มิน่าล่ะถึงบอกว่า..สติสืบเนื่องเป็นสายน้ำ
    ผมถามหน่อย วันๆถ้าท่านโดนใครด่า อารมณ์แรกที่เกิด มันเป็นอะไร อย่า
    บอกนะว่าพุทโธ ถ้าท่านบอกอย่างนี้ แสดงว่าท่านโกหกซ้ำซาก
    ผมมีหลักฐานนะ
    เป็นนักอ่านตัวยงนี้เอง มิน่าล่ะ การแสดงความเห็น มันถึงได้เหมือนในตำราเด๊ะ

    จะบอกให้นะครับว่าที่ท่านกำลังพูดอยู่คืออาการหลงละ แต่ชาวบ้านเขาเรียก..
    ไอ้นี้มันหลงตัวเองว่ะ..ฮา ฮา ฮา
    ท่านจะมาสาธยายทำไมครับ ท่านรู้มั้ยสิ่งที่ท่านนำมาโพสท์
    มันเป็นบทความที่ ชาวบ้านร้านตลาดเขาพิมพ์แจกในงานศพ
    สิ่งที่สมาชิกในนี้เขาคุยกันมันเรื่อง การปฏิบัติเฉพาะตัว
    .....ไหนบอกไม่หลงแล้วงัย

    อีกอย่างนะครับ ผมว่าท่านควรลดปมเขื่องของท่านลงบ้าง
    ถ้าเกิดว่า ท่านแสดงอาการเขื่องจนลืมตัว ไปหยิบยกประเด็นที่ท่าน
    เป็นปมด้อยอยู่ คนอื่นเขาย้อนเอาท่านจะมาตีโพยตีพาย เหมือนโดน
    รังแกไม่ได้นะครับ
     
  16. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านpopฯกับท่านธรรมภูติ รับงานเป็นกะสลับกันหรือครับ อะไรกันเดี๋ยวคน
    หนึ่งมา เดี๋ยวคนหนึ่งไป จนผมงงเลยว่าคุยค้างอะไรกับท่านpopฯไว้ ท่าน
    ครับเราคุยกันเรื่องธรรม เอากันแบบตรงไปตรงมากันเลย ผมว่าอย่างนี้จะดี
    กว่ามั้ยครับ
    ......นึกออกแล้ว เราคุยกันเรื่องบังคับสติ

    ใช่ครับผมไม่เคยพุทโธ แต่ผมเคย "พุดโถ่เอ๊ย" บ่อยครับ
    การภาวนาพุทโธกับการเดินจงกรม มันไปบังคับ สติตรงไหนครับ
    มันก็เห็นๆอยู่ว่า......
    จิตไปบังคับสมอง ให้ภาวนาพุทโธ
    จิตไปบังคับกาย ให้เดินให้ย่าง

    หลวงตาไต๋ เคยบอกเอ้ยไม่ใช่เคยด่าผมตอนเป็นพระ
    แกบอกว่า การทำงานก็คือการปฏิบัติธรรม
    ผมก็ถามว่า มันจะเป็นได้อย่างไร มันต้องพุทโธซิครับ
    แกสมมุติว่า การล้างห้องส้วม ถ้าจิตเราไม่อยู่ที่โถส้วม
    เผอิญมีขี้ที่ยังไม่ได้ราด จิตที่อยู่กับพุทโธ เราเอามือลงไปแปลง
    ด้วยความเคยชิน มือไม่เปื้อนขี้หมดหรือ

    ฉันใดก็ฉันนั้น การไม่ทำตามอย่างตัวแล้วเที่ยวไปว่า เขาขี้เกียจนี้ ผมว่าผู้ที่
    ว่าไม่ค่อยฉลาดเท่าไร
    เหมือนกับมีลูกน้อง ลางานเพื่อกลับบ้าน นายจ้างก็ดุด่าว่าขี้เกียจ
    ในความเป็นจริงลูกน้องจะกลับบ้านไปทำนา ซึ่งเป็นงานหนักมากกว่างานที่
    ทำอยู่

    เปรียบเหมือนการตามรู้ตามดูอารมณ์ตลอด กับการภาวนาอยู่ในอารมณ์
    พุทโธแต่อย่างเดียว อันไหนขี้เกียจกว่ากันครับ
     
  17. บุญพิชิต

    บุญพิชิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    686
    ค่าพลัง:
    +418
    ท่านเตชพโลครับท่านมาผิดห้องแล้วครับ
    ผมแนะนำให้ไปห้องนี้เลยครับพุทธศาสนา สำหรับผู้เริ่มต้น
    ฮา.ฮา.ฮา. หลงมาคุยกับผู้ยังรู้ดินฟ้ามหาสมุทร
    ทำม้าย.ทำไม ชอบอยู่กับลมๆแล้งๆ มันแปลกจริง
    เขามีแต่รู้แล้วละ นี้มันอะไรกันมาละก่อน ยังไม่รู้เลยว่า
    อะไรจะเกิดหรือไม่เกิด อารมณ์ที่จะเกิดเป็นอย่างไร
    เห็นไปคุยเรื่องปัจจุบันธรรมเสียเป็นคุ้งเป็นแคว
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    หรือครับคุณบุญพิชิต เรื่องที่คุณไม่คิดจะเล่นด้วย

    ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้นใช่มั้ยครับ???

    อย่าลืมนะครับในความไร้สาระก็มีสาระปนอยู่ด้วยเสมอ

    ผมรู้ครับว่าคุณเป็นคนใจกว้าง ไม่ใช่พวกเก็บกด ที่จะมาแค้นเคืองในตัวผมนะครับ

    แต่ธรรมก็คือธรรม รู้ผิดก็เสียเวลาพาเนิ้นช้า รู้ถูกหยุดเวลาพาให้หลุดพ้นได้

    คุณสังเกตุให้ดีๆสิครับ ธรรมล้วนเป็นเรื่องซ้ำซากทั้งนั้นครับ

    ;aa24
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณบุญฯครับ คุณสับสนอะไรอยู่หรือเปล่าครับ? ที่ให้ใจเป็นสมอง

    ผมถามหน่อยนะครับว่า คนสมองดีทุกคน ใจดีเหมือนกันหมดทุกคนมั้ยครับ???


    คุณบุญฯครับ คุณอย่าใช้ภาษาแบบรู้เองคนเดียวสิครับ

    ที่คุณพูดว่า จิตบังคับจิตนั้น หมายถึงบังคับจิตตนเอง หรือบังคับจิตคนอื่นครับ???

    ถ้าจิตบังคับอาการของจิตหนะใช่ เพื่อไม่ให้แสดงอาการไม่ดีไม่งามผ่านทางกายออกมานะครับ

    ที่คุณพูดว่า "แม้กระทั่งอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นท่านก็โมเมว่า เป็นอาการของจิต"

    แล้วที่คิดว่า ไม่โมเมว่า เป็นอาการของจิต แล้วเป็นอาการของอะไรครับ???

    ;aa24
     
  20. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ไม่เกี่ยวกับคนอื่นได้ยังไงล่ะครับ
    ก็คุณพูดเองชัดๆว่า "ใช้กำลังหรืออำนาจให้ผู้อื่นทำตามนิครับ"

    ใครเป็นผู้แยกกายใจของเราออกจากกันให้ได้เสียก่อนครับ???

    คุณไม่รู้จริงๆหรือแกล้งไม่รู้ครับว่า จิตที่ยังยึดกายอยู่มันคนละเรื่องเดียวกันกับ

    จิตบังคับจิตของตนเอง จิตบังคับสติของตนเอง ใช่มั้ยครับ???

    ผมมักเตือนเสมอว่าเวลาสนทนากันควรอยู่บนหลักเหตุผล คุณคงจำได้ดีนะครับ

    คุณช่วยอธิบายคำว่า เหตุและผล และเหตุปัจจัย เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรครับ???

    ;aa24
     

แชร์หน้านี้

Loading...