กันลืม

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ติงติง, 23 กันยายน 2009.

  1. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    สมัยหนึ่ง พระมหาโมคคัลลานะ เห็นเปรตตนหนึ่ง โผล่ศีรษะขึ้นมาจากหลุมขี้ ศีรษะ ใบหน้า และปากเต็มไปด้วยอุจจาระ ไม่นานก็มุดกลับลงไปในอุจจาระดังเดิม พระเถระทูลถามบุพกรรมของเปรตกับพระพุทธเจ้า

    พระพุทธองค์ตรัสว่า เมื่อก่อนเปรตตนนี้เกิดเป็นชายหนุ่มรูปงามในเมืองราชคฤห์ เขาอาศัยความหล่อเหลาหลอกล่อหญิง และกระทำการร่วมประเวณีกับพวกนาง โดยไม่สนใจว่าหญิงผู้นั้นจะเป็นญาติ พี่น้อง หรือภรรยาของใคร เพราะความที่เขาเป็นคนมักมากในกาม

    ด้วยผลแห่งกรรมที่เกิดจากการไม่สำรวมในกาม หลังจากตายไปเขาได้ไปเกิดในนรกหลายปี พ้นจากนรกแล้วด้วยอำนาจของเศษกรรมจึงมาเกิดเป็นเปรตจมอยู่ในหลุมขี้

    กามกิจ เป็นกิจที่เกลือกกลั้วด้วยของสกปรกทั้งคราบน้ำลายและน้ำกามที่เน่าเหม็น ผู้ที่ทำตัวหมกมุ่นในเรื่องกามจึงเป็นผู้ที่ยินดีในของสกปรก ดังนั้น กรรมจึงจัดสรรผู้ที่มัวเมาในกามให้ต้องมาคลุกเคล้ากับของสกปรกโสโครก


    เครดิต : หนังสือ “ระวังจะเป็นเปรต”
    ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึงพุทธะดอทเน็ท
     
  2. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  3. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    ใกล้สุกแล้วตอนนี้.....

    ชาวไอริชผู้หนึ่งชื่อ Tichyand Sherman (1993) ทำการเปรียบเทียบปฏิกิริยาตอบสนองของกบ โดย เอากบตัวหนึ่งใส่ลงไปในน้ำร้อน ปรากฏว่ามันรีบกระโดดหนีโดยทันทีจากอันตรายนั้น รอดมาได้อย่างหวุดหวิด แต่สำหรับกบอีกตัวหนึ่ง ที่ถูกใส่ลงไปน้ำปกติ มันก็จะเล่นอย่างสบายใจเฉิบ แล้วเขาค่อยๆเพิ่มความร้อนเข้าไปทีละนิดทีละหน่อย ในตอนแรก มันก็จะปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น โดยไม่รู้ว่าภัยร้ายใกล้จะมาถึงตัวแล้ว และเมื่อน้ำร้อนได้ที่แล้ว มันก็กลายเป็นกบต้มสุก ไม่สามารถหนีรอดออกมาได้ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว

    ด้วยสัญชาติญาณของการเอาตัวรอด กบจะรอดได้ต้องไวต่อความเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว
    เรื่องต้มกบ หรือ กบต้ม เป็นการทดลองที่บ่งบอกให้เราต้องรู้จักปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว บ่อยครั้งที่เรามักจะเฉื่อยชาต่อความเปลี่ยนแปลงใดๆที่เกิดขึ้น ซึ่งมักจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย แต่มันก็เป็นสัญญาณเตือนให้ระวัง จงอย่าตายใจในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนะครับ

    ยกตัวอย่างเช่น ในทุกๆปี น้ำที่กักเก็บลดลงทีละนิ้ว สองนิ้ว เราก็จะรู้สึกว่า “ไม่เป็นไร” เพราะมันยังมีน้ำอยู่ น้ำพร่องไปหน่อย ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจู่ๆ น้ำที่กักเก็บรั่วหายไปหมดล่ะ จะรู้สึกอย่างไร เป็นอุทาหรณ์ให้รู้ว่า ต้องหมั่นสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราและอย่า “เฉื่อยชา” ต่อสิ่งที่กำลังเปลี่ยน

    ในเชิงธุรกิจ พบว่าหลายๆบริษัทปิดตัวเองลง เพราะไม่ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น การปรับตัวจึงเป็นความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างองค์กร หรือบทบาทหน้าที่ต้อง “ไว” ต่อสถานการณ์ของปัญหาที่อยู่ข้างหน้า

    ผู้เขียน เคยสังเกตเห็นว่า หลายๆบริษัทมองข้ามคำร้องเรียนจากลูกค้า โดยมักเห็นว่า คำร้องเรียนจากลูกค้า ก็เคย “ข้อต่อรอง” นั่นเอง บางคนก็เห็นว่า เป็น “คำบ่น” ด้วยซ้ำไป ดังนั้น ผู้บริหารบางท่านจึงละเลย ไม่สนใจ ไม่นำพาต่อคำร้องเรียน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ แม้ว่า คำร้องเรียนจะเป็นเรื่องซ้ำๆที่เกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นเล่าก็ตาม ผลสะท้อนดังกล่าวนำมาซึ่งยอดขายลดลงทีละเล็กละน้อย ผู้บริหารก็ยังคงเห็นว่า เป็นธรรมดานั่นเอง แต่หารู้ไม่ว่า ในขณะที่ลูกค้าเริ่มไม่พอใจ ลูกค้าเริ่มหาช่องทางใหม่ ลองคิดดูว่า หากลูกค้าเจรจาหาคู่ค้าธุรกิจรายใหม่ได้สำเร็จ และยกเลิกการซื้อขายกับบริษัทโดยทันที จะเกิดอะไรขึ้นเตรียม

    พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง
    • เปิดทัศนคติให้ตระหนักว่า โลกภายนอกหมุนไปเร็วมาก “จงอย่าทำตัวเป็นกบในกะลา”
    • สภาวะการณ์ที่จะอยู่รอดได้นั้น รองรับได้เพียงบางสถานการณ์เท่านั้น “แต่ทุกคนมีความอดทนอดกลั้นต่างกัน”
    • ไม่มีกลุ่มใดที่จะแยกตัวอยู่ได้โดยลำพัง
    • เมื่อเปิดประตูออกไปสู่โลกภายนอก สิ่งแปลกๆใหม่จะเข้ามากระทบ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
    • หากคิดจะเปลี่ยน ให้กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อน
    • ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ย่อยไม่มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้น
     
  7. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]


    ฝึกตัวเองให้มีความสุขแบบง่ายๆ


    1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป

    2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระ ไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย

    3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง

    4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่า ถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดี เป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว

    5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย

    6. ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลก แม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูก คนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา

    7. ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน

    8. ฝึกให้ตัวเองเสียสละ และยอมเสียเปรียบ หมายความว่า การที่คนๆ หนึ่งยอมเสียเปรียบผู้อื่นบ้าง เป็นเรื่องจำเป็น ใครก็ตามที่บ้าความถูกต้อง บ้าเหตุบ้าผล ไม่ยอมเสียเปรียบอะไรเลย ไม่ช้า คนๆ นั้นก็จะเป็นบ้าสติแตก...
     
  8. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    การเรียนซ้ำชั้น โดย ครูซี 11
    +โพสต์เมื่อวันที่ : 19 ต.ค. 2556


    .....
    สืบเนื่องจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องให้นักเรียนที่สอบตกให้เรียนซ้ำชั้นของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจะยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศนั้น ผมเป็นผู้หนึ่งที่สนใจการศึกษามาตลอด

    เพราะได้เริ่มชีวิตจากการเป็นครูที่ได้รับทุนจังหวัดมาเรียนที่โรงเรียนฝึกหัดครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ตั้งแต่ ม.ศ.6 (คือ ม.ศ.4 ปัจจุบัน) จนสำเร็จปริญญาตรี ตลอดจนได้ทุนต่อเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยอินดีแอนาสหรัฐอเมริกา

    พวกผมที่เรียนบ้านสมเด็จเจ้าพระยาด้วยกันมักได้ทุนเหมือนผมแล้วก็ได้ทุนไปเรียนการศึกษาและวิชาใกล้เคียงในต่างประเทศคล้ายกัน กลับมาทำงานการศึกษาได้ก้าวหน้า มีตำแหน่งสำคัญกัน บางคนเป็นรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ศาสตราจารย์ ปริญญาเอก ราชบัณฑิต เป็นต้น และมักพบปะพูดถึงการศึกษาอยู่ตลอด

    เมื่อได้ทราบว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งมั่นจะยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ก็ดีใจและสนับสนุนกัน เพราะการศึกษากำลังตกต่ำ เสื่อมลงเรื่อยๆ เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ทั้งๆ ที่ประเทศไทยได้ทุ่มเทเงินงบประมาณการศึกษามากกว่าระยะใดๆ

    และเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลกเมื่อเทียบงบประมาณต่อหัวต่อคนของพลเมือง

    กระทั่งเมื่อสองสามวันก่อนพวกเราได้ทราบจากหนังสือพิมพ์ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง มีแนวนโยบายจะให้นักเรียนที่เรียนสอบตกไม่พร้อมจะเรียนชั้นสูงขึ้นไป ให้เรียนซ้ำชั้นจนกว่าจะพร้อม จึงเห็นด้วยว่าเป็นนโยบาย ดำริที่เหมาะสมยิ่งจะเป็นส่วนหนึ่งสำคัญช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาปัจจุบัน

    ทั้งนี้ เห็นว่าระบบนี้เคยมีมาแล้วในสมัยที่พวกผมเรียนอยู่และปฏิบัติงานการศึกษาอยู่ โดยได้วิเคราะห์จากหลักวิชาการศึกษาและหลักจิตวิทยาแล้วแน่ใจว่าเด็กนักเรียนที่ไม่พร้อมที่จะเรียนในชั้นสูงแล้วขึ้นเรียนชั้นสูง ย่อมเป็นภัยแก่เด็ก

    เพราะการเรียนการสอนจะได้ผลเด็กต้องพร้อม (Readiness) นักเรียนไม่พร้อมให้เรียนไปก็เสียเวลาเปล่า ยิ่งกว่านั้นเป็นการกดดันเด็ก เร่งเด็กทำให้เด็กเกิดความหงุดหงิด (Frustration) อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปในทางที่ไม่พึงประสงค์ได้

    เช่น ก้าวร้าว ทำให้สังคมไม่ปรารถนา ไม่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือหาปมเขื่องอย่างอื่นชดเชยในทางที่สังคมไม่ปรารถนา เช่น ทำตัวเป็นนักเลงหัวโจก เป็นต้น อีกทั้งการเรียนที่สูงกว่าทักษะ ความรู้ของเด็ก เป็นการสร้างสถานะปลอมให้แก่เด็กที่เป็นจริง ทำให้ผู้ปกครองบิดามารดาคาดหวังไม่ตรงความจริงตามสภาวะการเจริญเติบโตของเด็กทางร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ทักษะ ทำให้ผู้ปกครองร่วมมือให้การศึกษากับครูโรงเรียนไม่ตรงความจริง ย่อมเป็นผลร้ายแก่เด็กอย่างยิ่ง

    สมัยก่อนการเรียนซ้ำชั้น เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป การเรียนซ้ำชั้นนี้ได้สร้างคนมีคุณภาพไว้มาก ในต่างประเทศที่มีการพัฒนาก็มีการเรียนซ้ำชั้นกัน การมีระบบการเรียนซ้ำชั้นสมัยก่อนทำให้คุณภาพการศึกษาดีกว่าปัจจุบัน

    ส่วนผู้ที่ไม่เห็นด้วยว่า การสอบรวมเพื่อดูมาตรฐานการศึกษา พัฒนาการเรียน การสอน พัฒนาครูและกำหนดว่าเด็กผู้ใดผ่านการศึกษาในระดับนั้นๆ ตามที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ดำริทำได้ยากเพราะปัจจุบันมีนักเรียนจำนวนมากประมาณ 10 ล้านคน

    พวกกระผมเห็นว่านักเรียนมากในปัจจุบันไม่น่าจะเป็นอุปสรรคนัก เพราะสมัยก่อนก็มีการสอบรวม โดยสอบรวมชั้นประถมปีที่ 4 มัธยม 3 มัธยม 6 และมัธยม 8 ทำได้ผลดี ทำให้การศึกษาเป็นที่ยอมรับมีคุณภาพดี เทียบกับต่างประเทศดีกว่าปัจจุบัน

    สมัยนี้มีนักการศึกษา นักวิชาการการศึกษาเรียนมาสูง เชี่ยวชาญสูงกว่าแต่ก่อน แถมยังมีสำนักทดสอบหลายแห่งซึ่งก่อนไม่มี อีกทั้งจำนวนครูอาจารย์ผู้ปฏิบัติทางการศึกษา งบประมาณและสถานศึกษามากกว่าแต่ก่อนเมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียน จึงน่าจะดำเนินการสอบรวมได้ดีกว่าแต่ก่อนแน่

    สำหรับจะให้สอบรวมในระดับใดชั้นใดนั้นไม่น่าจะเป็นปัญหาสำคัญ ผมเห็นว่าถ้ายังไม่พร้อมที่จะทำหลายระดับในช่วงเริ่มแรกก็เสนอให้นำแนวสมัยก่อนมาใช้ไปพลางก่อนๆ ให้สอบระดับประถมปีที่ 3 ระดับประถมปีที่ 6 มัธยมต้นปีสุดท้ายคือ ม.ศ.3 สุดท้ายมัธยมปลาย คือ ม.ศ.6 รวม 4 ระดับคล้ายสมัยก่อนรวม 4 ระดับเช่นเดียวกัน ต่อไปถ้าพร้อมมากขึ้นก็จัดสอบรวมมากระดับขึ้น

    ส่วนการพิจารณาว่านักเรียนคะแนนระดับใดหรือลักษณะคะแนนอย่างไร ควรเรียนซ้ำชั้น หรือจะจัดให้อยู่ในดุลพินิจของครูและสถานศึกษาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญว่าจะเลื่อนชั้นไปก่อนแล้วจึงสอนเข้มภายหลัง หรือจะดำเนินการตามความเหมาะสมอย่างอื่นตามหลักวิชาการศึกษาเพื่อให้ศึกษามีคุณภาพ

    เด็กจะได้เจริญพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และทักษะได้อย่างเต็มที่

    จึงขอสนับสนุนแนวคิดของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ให้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปครับ
    (ที่มา:มติชนรายวัน 17 ต.ค.2556)

    ครูน้ำทิพย์ : ครูภาษาอังกฤษส่วนมากเห็นด้วยค่ะ เพราะถ้านักเรียนไม่กระตือรือร้นในการท่องคำศัพท์ใหม่ หรือพยายามหาคำศัพท์ใน dictionary เมื่อครูให้งาน ไม่ยอมทำแบบฝึกหัด จะเรียนรู้ได้อย่างไร ทุกวันนี้ เด็ก ไม่ทำอะไร รอซ่อม รอลอกการบ้านเพื่อน ผู้บริหารก็เพ่งเล็งครูที่เอาจริงเอาจัง บอกว่าครูตั้งมาตรฐานไว้สูงเกินไป ความจริงคือเอาเด็กอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ที่ผ่านกันมาตั้งแต่ระดับประถม มาเรียน ม.1 แล้วครูม.1 ก็ต้องให้ผ่านไปอีก

    การจะไปบูรณาการกับวิชาอื่น นักเรียนต้องมีความรู้พื้นฐาน ให้ทำโครงงาน กำหนดเวลาส่งเป็นระยะๆ ก็ไม่ส่ง ไม่ทำอะไรเลย รอตกแล้วซ่อม ได้ความรู้นิดๆ หน่อยๆ

    บางคนไม่ซ่อม ก็ค่าเท่ากันกับสอบตก คือ เรียนไม่จบ

    ถ้ามีระบบสอบตก นักเรียนจะได้เรียนรู้จากชีวิตจริง ว่าความสำเร็จย่อมได้มาจากความมุมานะ พยายาม อุตสาหะ

    อยากให้มาดู มาลองสอนด้วยตนเองดูซักครั้ง สำหรับนักวิชาการที่บอกว่า ครูต้องสอน ต้องกระตุ้นให้เด็กอยากเรียน ก็เค้าได้ประสบการณ์จากโรงเรียนประถมมาตั้ง 6 ปี ว่า ยังไงเค้าก็ต้องได้กระดาษใบประกาศนียบัตร หรือวุฒิการศึกษาออกไป ญาติที่เล่นการเมืองท้องถิ่นต้องการใบนี้ไปให้ลูกหลานสืบทอดแทน แล้วเราก็ได้นักการเมืองคุณภาพต่ำๆ มาบริหารบ้านเมือง


    ...ข้อความด้านบนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนะคะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2013
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  10. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    "น้ำเต้าหู้ กับ มะนาว คุณค่าอาหารเสริมยาอายุวัฒนะ"

    น้ำเต้าหู้ 1 ถุง ไม่ใส่น้ำตาล ไม่เย็น ไม่ร้อน บวกกับมะนาว 1 ลูกแล้วคนให้เข้ากัน ลักษณะของน้ำเต้าหู้จะเปลี่ยนไปเป็นไขขุ่นคล้ายซีลีแลค หรือ คล้าย วุ้นเละๆ หรือ โจ๊กมะนาว จะทำปฎิกริยากับน้ำเต้าหู้ ส่วนรสชาติ อย่าไปนึกถึงค่ะหน้าตาจะไม่สวยแต่คุณค่าสูง


    นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัยจักษุแพทย์ โรงพยาบาลเอกชัย จ.สมุทรสาคร ...ได้แนะนำคนไข้ดื่มน้ำนมถั่วเหลือง + ผสมน้ำมะนาวอาหารเสริมอายุวัฒนะสรรพคุณโดยรวม .... เป็นอาหารเสริมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย สมอง และสายตา หากดื่มเป็นประจำทุกวัน มีสรรพคุณที่โดดเด่นดังต่อไปนี้ คือ


    1. ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยทั่วร่างกาย มีความยืดหยุ่นดี ไม่เปราะหรือแตกง่าย ดังนั้น คนที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยเปราะแตกง่าย และมีเลือดออกตามร่างกาย เช่น เลือดออกที่
    ใต้เยื่อบุตาขาว หรือในผู้หญิงที่มักจะเกิดรอยจ้ำเขียวช้ำเวลาถูกกระทบกระแทกหรือในผู้สูงอายุที่มักจะมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ก็ช่วยให้ดีขึ้น และยังเชื่อว่าสามารถป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองตีบตันหรือแตกได้เช่นกัน( ป้องกันโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต )


    2. ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ต้านทานโรคติดเชื้อได้ดี ไม่เจ็บป่วยง่าย เช่น ในคนที่เป็นโรคเริมที่ริมฝีปากหรือบริเวณอวัยวะเพศ จะช่วยลดหรือหยุดการกำเริบซ้ำได้ หรือในรายที่ภูมิคุ้มกันไม่ค่อยดี เป็นไข้ ไอ เจ็บคอบ่อยๆ ก็จะช่วยให้อัตราการป่วยลดลงได้เช่นกัน


    3. ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนเลือด ทำให้อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้เต็มที่ สมองแจ่มใส ไม่มึนงง ร่างกายสดชื่น ( ผู้สูงอายุที่มีอาการมึนงง เซื่องซึม และเดินเซ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นชัดเจน ) สามารถทนต่อการทำงานตรากตรำที่ต้องอดหลับอดนอนได้ดีขึ้น เช่น นักเรียน
    นิสิต นักศึกษาที่ต้องคร่ำเคร่งใช้สมองทบทวนตำราใกล้สอบ
    หรือผู้ที่ต้องทำงานหรือขับรถทางไกลในเวลาค่ำคืนเป็นประจำ


    4. ช่วยให้เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายแข็งแรง สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี บาดแผลทุกชนิดจะหายเร็วขึ้น และช่วยให้รากผมแข็งแรง บรรเทาปัญหาผมร่วงในหญิงวัยทองได้


    5. เมื่อสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ก็จะทำให้สมรรถภาพทางเพศดีตามไปด้วย


    6. จากคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ของวิตามินซีในมะนาว และสารไอโซฟลาโวนในถั่วเหลือง ทำให้เชื่อได้ว่า การดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นประจำ อาจจะป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วยหมายเหตุ...


    >>>สูตรอาหารเสริมอายุวัฒนะดังกล่าว ผ่านการเก็บข้อมูลและพิสูจน์จากผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี
    มีความประสงค์ที่จะเผยแพร่เป็นวิทยาทาน เพื่อสุขภาพที่ดีของมวลมนุษยชาติได้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา
    เอาไว้แล้ว หากผู้ใดนำสูตรดังกล่าวไปทำประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาติ จะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย
     
  11. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    การเรียนธรรมะ
    ก็เพื่อให้รู้จักความจริง รู้จักเรื่องของตน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา
    ๑. เพื่อให้รู้ว่าคนอื่นเขาก็เหมือนเรา
    ๒. เพื่อให้รู้จักเห็นใจซึ่งกันและกัน อย่างที่ว่าเห็นอกเขาอกเรา
    ๓. เพื่อให้รู้จักสิทธิหน้าที่ของตน
    ๔. เพื่อให้รู้จักเคารพสิทธิของกันและกัน
    ๕. เพื่อให้รู้จักความต้องการของสังคม
    ๖. เพื่อให้รู้จักปรับปรุงตัวเองเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อม
    ๗. เพื่อให้รู้จักส่งเสริมมนุษยธรรม
    ๘. เพื่อสวัสดิภาพของตนเองและผู้อื่น
    ๙. เพื่อให้รู้จักทางพ้นทุกข์
     
  12. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  13. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    การมีสติประคองจิตให้เป็นปกติและสงบนั้น
    ไม่จำเป็นว่าต้องหลีกเร้นไปอยู่ที่เงียบๆ
    ห่างไกลผู้คน หรือไกลจากงานการ

    ถ้ารู้จักใช้สติประคองใจ แม้อยู่ในที่อึกทึก
    พบปะผู้คนมากมาย หรือทำงานการ
    จิตใจก็ยังสงบอยู่ได้

    เพราะสติช่วยให้เรารู้จักปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ ที่มากระทบ
    ทันทีที่รู้ว่าโกรธ หงุดหงิด ฉุนเฉียว
    ก็ละวางจากอารมณ์เหล่านั้น

    ทันทีที่รู้ว่าใจกำลังกังวลอยู่กับการนัดหมายข้างหน้า
    หรือหมกมุ่นกับความผิดพลาดในอดีต
    สติก็ดึงจิตกลับมาสู่การงานที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน

    พระไพศาล วิสาโล
     
  14. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]
     
  15. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    ยกให้ค่ะ ....
     
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    ..บารมีต้องสร้างเอา
    เหมือนอยากให้มะม่วงของตน มีดอกผล
    ต้องหมั่นบำรุงรักษาเอา ไม่ใช่แห่ไปชื่นชม
    ต้นมะม่วงของคนอื่นเขา ตนต้องไปปลูก
    ไปบำรุงต้นมะม่วงของตนเอง
    การสร้างบารมีก็เช่นกัน
    ต้องสร้างเอง ต้องทำเอาเอง..

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ.
     
  17. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    สวยนะคะ...
    ธรรมชาติจริงๆแล้งงดงามเสมอ
     
  18. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG] [​IMG]

    สมัยยังเด็ก ชอบไปนั่งเก็บหินสวยๆ
    ตอนนี้ก็ยังชอบ....
     
  19. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]

    ๕๕๕
    ตอนเรียนจบ จะสอบบรรจุครู
    วิชาที่กลัวที่สุดคือวิชาเอกค่ะ
    พอสอบจริงๆ วิชาที่ยากที่สุด กลับเป็นวิชาภาษาไทยซะนี่
     
  20. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,732
    [​IMG]


    โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น

    "ผู้ถือไม่มีบาป ไม่มีบุญ ก็มากมายเข้าแล้ว แผ่นดินนับวันแคบ มนุษย์แม้จะถึงตาย ก็นับวันมากขึ้น นโยบายในทางโลกีย์ใดๆก็นับวันประชันขันแข่งกันขึ้น พวกเราจะปฏิบัติลำบากในอนาคต เพราะเนื่องด้วยที่อยู่ไม่เหมาะสม เป็นไร่เป็นนาจะไม่วิเวกวังเวง
    ศาสนาทางมิจฉาทิฐิ ก็นับวันจะแสดงปฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย ฉะนั้นพวกเราทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่แก่ธรรมดังไฟที่กำลังใหม้เรือน จงรีบดับเร็วพลันเถิด ให้จิตใจเบื่อหน่ายคลายเมาวัฏสงสาร ทั้งโลกภายในหนังหุ้มอยู่โดยรอบ ทั้งโลกภายนอกที่รวมเป็นสังขารโลก ให้ยกดาบเล่มคมเข้าสู้ คืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาติดต่ออยู่ไม่มีกลางวันกลางคืนเถิด ความเบื่อหน่ายคลายเมาไม่ต้องประสงค์ ก็จะต้องได้รับแบบเย็นๆและแยบคายด้วยจะเป็นสัมมาวิมุตติ และสัมมาญาณะอันถ่องแท้ ไม่ต้องสงสัยดอก พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแหละ"

    โอวาทครั้งสุดท้ายของอาจารย์มั่น
    (บันทึกโดยพระอาจารย์หล้า เขมปตฺโต)
    จากหนังสือ"เพชรน้ำหนึ่ง"
     

แชร์หน้านี้

Loading...