กสิณ

กระทู้นี้ล่ำค่าจริงๆ คงต้องอ่านเก็บรายละเอียดหลายวัน

เสริ้ชหาวัดถ้ำ... จ.สระบุรี มี 4-5 วัด ตามที่คุณนพบอกว่าไปฝึกมาจากวัดถ้ำ...

อ้างอิงคำพูด # 18

"ผมได้รับการแนะเทคนิคการฝึกให้สำเร็จ จากหลวงตามีชื่อท่านหนึ่ง
แห่งวัดแห่งหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อด้วย วัดถ้ำ.....ที่ จังหวัด สระบุรี"

คิดว่า คุณนพคงไปฝึกจากวัดถ้ำดาวเขาแก้ว จ. สระบุรี

https://www.youtube.com/watch?v=rqdEZrVD8Xg

 

การแก้อวิชชาในสังโยชน์ข้อ 10 ต้องทำตามหลักวิชาคือครบทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวช เริ่มจากรู้จักจาคะและสร้างนิสสัยชินในการทำบุญให้ทาน เพื่อเป็นเสบียงให้เราทั้งในชาตินี้และชาติหน้าตราบนิพพาน ต้องสมาทานศีลและรักษาศีลคือศีล5 ต้องมีดำริออกจากการดื่มเหล้า ไม่ดื่มเลยเป็นดี จากนั้นต้องหมั่นทำสมาธิให้จิตละคลายจากกามาสวะ ออกภาคปัญญาด้วยการภาวนาหลักธรรมตามที่ได้อ่านมา-ศึกษามา อวิชชาจะดับเมื่อไล่ดับสังโยชน์เป็นข้อๆ เริ่มจากสักกายทิฏฐิไปจนถึงอวิชชา ไอ้ตัวรู้ตรงนั้นแหละมันจะเกิดขึ้นเองเมื่อปฏิบัติมาตามลำดับ เมื่อปฏิบัติเป็นประจำสติปัญญาอัตโนมัติมันจะเกิดขึ้นเอง เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง ว่าอ๋อๆๆๆๆเพราะอย่างนี้เราจึงเป็นพระโสดาบัน......พระอรหันต์ เป็นต้น..............

 

ตกลงเจ้าของกระทู้ มันตั้งห้องกสิณหรือว่าห้องเสกหนังควายเข้าท้องครับ ผมว่าลองเสกเข้าท้องตัวเองก่อนดีมั้ยครับ 5555555555

 

และแล้วกสิณดิน (ปฐวีกสิณํ) เจ้าของวลี กระบือ กสิณัง ก็มาจนได้ (deejai)

ผมบอกคุณแล้ว

[FONT=&quot]"คุณอย่ากังวลใจไปเลยว่า ตัวคุณเองจะเผยแพร่ลัทธิจิตทิพย์จิต เป็นทิพย์.อะไรๆอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะมีผมอยู่ คงไม่หรอกครับ ความจริงมีอยู่ว่า ใครซึ่งยังเชื่อยังศรัทธาคุณอยู่ ก็ยังเชื่ออยู่ไม่เปลี่ยนแปลง มี ตย. เทียบเคียง คือ ลัทธินิครนถ์ ซึ่งเขาถือการนุ่งลมห่มฟ้า แก้ผ้าเดินโทงๆ ยังมีสาวกสืบต่อจนถึงทุกวันนี้ (ศาสดามหาวีระเป็นนักบวชร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า) แต่พระพุทธศาสนากลับสูญสิ้นจากแผ่นดินพุทธภูมิ เพราะฉะนั้นคุณนพอย่ากลัวเลยเผยแพร่ลัทธิจิตทิพย์ต่อไปเถอะครับ ผมเชียร์"


[/FONT]

 

เฉลยคำพูดตัวเอง ความหมายสังขาร

(เปลี่ยนวิธีอ้างอิง)

อ้างอิงคำพูดคุณนพ

nopphakan
และผมได้รับเมตตาการสอนและถ่ายทอดเทคนิคจากท่านในนิมิตร
จนกระทั้งผมพอสอบผ่านเกณฑ์ต่างๆในการนำพลังงานกองต่างๆ
ไปใช้งาน ปัจจุบันนี้ผมจึงมีความสามารถในการเรียกพลังงาน
กสิณกองต่างๆได้ครบทั้ง ๑๐ กองภายในเวลาแค่เสี้ยววินาที..


ผมว่า....

ขอนำตัวอย่างหนึ่งมาให้ดู แต่มิได้พูดว่าวิเศษนะ แต่จะบอกว่าถูกสังขารมันหลอกเอา คือสังขารมันถามตอบกัน นี่แหละทำให้ผู้ปฏิบัติมากมาย ซึ่งขาดผู้รู้แนะนำหลงไปกับมัน ดู

อ้างอิง:ด้วยสภาวะของผู้ปฏิบัติท่านหนึ่ง

พอดีเมื่อวานได้นั่งสมาธิแล้วได้กำหนดพุธ-โธเมื่อจิตสงบก็ พิจารณากาย ในกาย เช่นหายใจเข้าเป็นลมเข้าไปสู่ร่างกายออกมาพิจาณาสิ่งปฏิกูลใน ร่างกายไป สักพัก เหมือนเปลี่ยนฐานะตัวเองเป็นผู้ดู มีสติ เห็นเหมือนภาพ มีกล่องใบใหญ่มาก สีขาว

ทันใดนั้นกายก็ถูกแยกออก เป็นส่วนๆ เช่น ปอด ม้าม ตับ ไต ไส้ สมอง เล็บ ขน ฟัน หลุดเอาไปรวมในกล่องนั้น แล้วก็มีภาพพ่อ แม่ คนที่มีใจผูกพันธ์ ถูกแยกกายออกเป็นชิ้นๆเหมือนเราอวัยวะถูกรวมไปใน กล่องใหญ่ใบนั้น จิตเรามันอยากเห็นอะไรในกล่องพอมองลงไปก็เห็นแต่ อวัยวะต่างๆกองรวมกัน

ทันใดก็มีเสียงหนึ่งถามว่า "กายเธออยู่ที่ไหน" เมื่อได้เห็นแบบนี้ก็เลยตอบว่า "ไม่มี" แล้วเสียงนั้นก็ตอบ ว่า "แล้วจิตเธออยู่ที่ไหน" ดิฉันพยายามมองหาคำตอบ ว่า จิตอยู่ที่ไหน เพราะตอนนี้กายไม่มีแล้ว ก็จะบริกรรมพุธโธต่อแต่ ไม่มีกายก็ไม่มีลม คำบริกรรมก็หาย มันมีสภาวะที่โล่งๆว่างๆเลยตอบไปว่า "จิตก็คงไม่มี" แล้วมันก็สว่างวาบแล้วเหมือนมีกระแสไฟกระจายไปทั่วความสว่างนั้น

อยากจะถามผู้รู้ ว่า

1.สิ่งที่เกิดขึ้นนี่คืออะไร เป็นนิมิตอะไร อะไรแสดงธรรมอยู่

2.ดิฉันควรปฏิบัติต่อไปอย่างไร

ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกดิฉันเห็นตัวเองเป็นซากศพ มีอะไรมากัดกิน

ส่วนครั้งอื่นๆ จะไม่เกิดนิมิตเกิดแต่ความสว่างจ้า สถาวะสงบสุข




สังขารในที่นี้ ได้แก่ คุณสมบัติของจิต ซึ่งปรุงแต่งจิต ให้ดีให้ชั่วให้เป็นกลางๆ ซึ่งก็คือเจตสิก 50 ชนิด ที่เกิดร่วมกันจิต ในฝ่ายสังขาร (ขันธ์) นี่เอง

(สังขารอีกนัยหนึ่ง แปลว่า ถูกปรุงแต่ง คือคลุมทั้งรูปธรรมนามธรรม หมายความว่า รูปนาม ถูกปรุงแต่ง สังขารนัยแรก นามธรรมอย่างเดียว)

 

มา ผมอธิบายให้ จะให้คนอื่น อธิบาย มันก็จะบีบคั้นเขาเกินไป กลั้นความฮาขี้แตกขี้แตน ไม่อยู่


ลำดับแรก ขออุปมาก่อน

จากที่ คุงนพ อะไรนี่ เขาเล่าว่า เขาสามารถใช้อำนาจกสิณ10 อย่าง เสกให้เกิด
ของ ทำให้แผ่นดินไหว ทำให้น้ำแข็งตัว ทำให้อากาสกลายเป็นแผ่นดิน เหยียบ
ขึ้นไปยืนได้ นี่ อุปมาเหมือน " คนเขาลงไปในรถแข่งแล้วขับมันออกไปจริงๆ "

แต่.....

แต่ ตัวอย่างที่ " มาจากเด_ " ไปลักลอบตัดคำพูดของคนอื่น มายก เทียบ
อันนี้ มันเหมือน " คนกำลังนั่งคิดนอนคิดว่าตัวเองได้ขี่ควาย " งง ไหม

คือ ตัวอย่างที่ มาจากเดน ยกมา เนี่ยะ มันยัง งง ตัวเองอยู่เลยว่า กูขี่ควายอยู่
หรือ กูคิดเอาว่าได้ขี่ควาย แล้วก็มาถามเพื่อนๆ เกิดอะไนขึ้น นี่กูได้ ขีควาย
ตามความเป็นจริงหรือยัง โถ่ ก็ ยังนั่งคิดนอนคิด วาดฝัน มะงุมมางาหรา
อยู่เลย จะต้องมาถามทำไมว่า " ได้ขี่ควายจริงๆกับเขาหรือยัง (เกิดอะไรขึ้นค่ะ ?)"


มาจากเด_ งง ตึบ เห็นว่า เป็นการเล่าประสบการณ์ลงมือปฏิบัติเหมือนกัน
แล้ว จับมาเทียบกัน


คนที่เขาปฏิบัติ เขาก็ ฮากลิ้ง หรือ รู้เลยว่า " มาจากเด_ " ฮ่วยแตก
เสียยิ่งกว่า คนที่เป็นตัวอย่าง

เพราะ คนมะงุมมะงาหรา ยังภาวนาไม่เป็น มาจากเด_ เห็นไปว่า โอ้โห ประสบการณ์
ภาวนาสุดยอด

เลย คว้าเอา ความฝันลมๆแล้งๆ มาเทียบกับ สิ่งที่เขาลงมือทำจริงๆไม่ใช้แสตนอิน


อนึ่ง พึงทราบว่า ฌาณวิสัย มันเป็น โลกียภิญญา หมายถึง มันมี การเจริญ แล้วก็
เสื่อม โดยปรกติของมัน

ดังนั้น คนที่ทำกสิณได้ สำเร็จอภิญญา5 จะไม่มีใครโง่ มาพูดว่า ฉันทำได้

อย่างมากจะเล่าแค่ว่า " เคยทำได้ " ซึ่งนั่นคือ ข้อเท็จจริง ที่ถูกต้องตามธรรม

แต่ พวกที่วิปัสสนึก คิดเอา เดาเอา จะ งง และ ทวงถามว่า " เฮ้ยแกทำได้ ไหน
ไปยืนคนละฟากของสนามหลวงสิ แล้ว มาเล่นกัน "

คนเขาเอาธรรมเป็นใหญ่ คือ เอาการเห็น การเจริญ แล้ว เสื่อมเป็นใหญ่ เขา
ฝึกหัดเล่นกสิณ เดี๋ยวได้ เดี๋ยวไม่ได้ ก็เพื่อ ตามเห็นความแปรปรวน เพื่อ สาว
ไปหา จิตที่เขว่ากันว่ามันมีอวิชชาของมันอยู่ มันจึงเกิด การเจริญ แล้วเสื่อม
ด้วยอำนาจของจิตที่เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่เขา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่อยู่ใน
อำนาจบังคับบัญชา ปฏิบัติเนิ่นช้า แต่ รู้เร็ว

แต่ พวกที่วิปัสสนึก คิดเอา เดาเอา ไม่เข้าใจอนัตตาธรรม ตามความเป็นจริง
จะ งง และ ทวงถามว่า " เฮ้ยแกทำได้ ไหนไปยืนคนละฟากของสนามหลวงสิ
แล้ว มาเล่นกัน "

 

เอาอีก :d

อ้างอิง

"เพิ่งปฏิบัติมาได้ไม่นานเท่าไรค่ะ แต่ว่าในบางครั้งที่นั่งสมาธิอยู่ๆ ก็จะมีเสียงพูดขึ้นมาสอนบ้าง หรือ พูดประโยคบางประโยคซึ่งมั่นใจว่า ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน (เพราะดิฉันไม่น่าจะคิดคำ พูดแบบนั้นได้แน่ๆ) และก็ไม่ได้เป็นการได้ยินจากข้างนอกนะคะ มันไม่ได้เป็นการกระทบ หรือรับรู้จากภายนอก แต่เป็นการได้ยินจากข้างในค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี) หรือในบางครั้ง ที่ดิฉันนอนหลับอยู่ และตื่นขึ้นมา ก็เคยได้ยินจิตมันร้องเพลง ขึ้นมาเองได้ ซึ่งอาการไม่ได้เหมือนเราร้องเพลงในใจนะคะ คือ แบบว่า เราไม่ได้คิดนะ แต่จิตมันร้องออกมาเองได้ ซึ่งเป็นเพลงที่เราไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย (เป็นเพลงธรรมะ) รบกวนผู้รู้อธิบายด้วยคะ"

 

การภาวนา คืออะไร คือการทำให้เจริญขึ้น

เจริญอย่างไร ก็ " กิเลสลด ละ วาง หาย " หรือ สุดๆก็ ปหานะ

ดังนั้น

" มาจากเด_ " เวลาจะยกตัวอย่าง นักภาวนา ที่สมควรเป็นตัวอย่าง ต้องคัดเอา
เฉพาะที่เขา ปรารภถึงความไม่กระเพื่อม สั่นไหว ของจิต ที่มีรสไปทาง สำรอกราคะ
โทษะ โมหะ

ถ้า " มาจากเด_ " ไม่เคยภาวนา ภาวนาไม่เป็น ร้อยละร้อย มันจะหยิบตัวอย่างผิด

ไปหยิบเอาอาการคนละเมอ นั่งคิด นอนคิด ยังภาวนาไม่เป็นเลย แต่ สำคัญว่า มีรส
หรือประสบการณ์การภาวนายอดเยี่ยม

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ซึ่ง ในแง่ของ การปรารภความเพียร คนที่เขาเล่าประสบการณ์ ภาวนาผิดไหม เขาจะไม่ปรักปรำ
กันว่า ภาวนาผิด

แต่ ไอ้คนที่เลวลายามตามช้า เนี่ยะ คือ คนที่ไปเที่ยว ตัดแปะ คำพูดที่เขาปราณามา มาทำ
การแสดง ซึ่งในแง่ของ อำนาจแห่งขันธ์ ธรรม และ จิต การทำแบบนี้ มันจะส่งให้ จิตเจ้าของ
ที่ปรารภประสบการณ์นั้น สะเทือน หรือ ถูกรบกวน ขณะภาวนา

ดังนั้น หากนักภาวนา ที่มาจากเด_ เขาภาวนาแล้ว ติดขัด ....ในทางธรรม เขาจะชี้ว่า " มาจากเด_ "
คือเหตุของการ ขัดขวางธรรมปฏิบัติของเขา เหล่านั้น

แล้ว กรรมใดเล่า จะเกิดขึ้นกับ มาจากเด_ ก็ไม่ยาก อะไรที่เป็น ธรรม มาจากเด_ จะเกิด ทิฏฐิ
แล่นไปอย่างไม่มีสติกั้น เห็นเป็นว่า นั่นอธรรม ไม่ควรฝึก ไม่ควรหัด ....เรียกอีกอย่างว่า " ธรรมชักสะพาน "
แล้วพอตนไม่สามารถทรงธรรมได้ทำอย่างไร ก็เกิดการเห็นไปว่า การท่องนกแก้วนกขุนทอง คือการรู้ธรรม ซึ่ง ภาษาพระเรียกว่า ธรรมปะผุ

 

ดีเลย :d ภาวนายังไงครับ ถึงจะถูกจะเป็น เรียนเชิญเอกวีร์ว่าไปสิครับ

 

เนี่ยะ คุณรู้จักศีลไหม เคยรักศีลหรือเปล่า มีศีลเป็นที่รัก เคยทำไหม


ก็คุณ พยายามแล้ว พยายามเล่า ที่จะเอาเท้า ยีปาก ของผม กล่าวว่า
ผมปฏิบัติไม่เป็น ไม่รู้ซึ่งธรรม เหล่านี้ คือ สัจจความจริง ที่มาจากเด_
พยายามพิสูจน์มาเป็นแรมปี

ก็คุณพยายามทำสัจจนั้นให้ปรากฏ

แล้ว คุณจะมา วางท่าที กล่าววาจา ขอเรียนธรรมนั้น จากผม

คุณคร้าบ เอาให้แน่ จะทำแบบไหน

ให้ดี ควรรักษาศีล รักษาวาจา ไม่ควร มุสา ทำโวหาร ว่า อยากเรียนธรรมะปฏิบัติ
จากผม ผู้ซึ่ง คุณเอา เท้ายัดปากผมอยู่นี่ ...ใครมันจะ พูดได้ ไม่ใช่ฐานะ
ที่จะไปสอนคุณได้

การทำลีลา ขอเรียนธรรมจากผม จึงเป็น อาการของความปลิ้นปล้อน คุณเองก็ทราบ
อยู่แก่ใจ

ถ้าจะกล่าว กล่าวด่าไป เสียยังมี สัจจ รักษาสัจจ ไว้ได้ สวยสดงดงามกว่า


เหมือน กรณี เทวทัต พระเทวทัต กำทรายขึ้นมา ประกาศสัจจว่า จะตามจองล้างจองผลาญพระสมณะโคมดม
แล้ว ท่านก็ รักษาสัจจาธิษฐาน ไว้ได้ตามนั้น และ ด้วยเหตุนั้น จึงทำให้มี สัจจบารมี เป็นเหตุใหญ่ในการ
สำเร็จ พระปัจเจกพุทธเจ้า เลิศกว่าสาวก ทั้งปวง




ปล.ลิง แทรกหน่อย เดี๋ยวน้องๆ หนูๆ งง

การทำสัจจาธิษฐาน แล้ว ทำสำเร็จตามสัจจที่ตั้งไว้ จัดเป็น บารมี

เพียงแต่ วิธีการตั้งจิต ตั้งสัจจะ พระพุทธองค์อธิบายไว้ว่า พระเทวทัต " ตั้งจิตผิด "
คือ ถ้าเอากริยาจิตทำสัจจาธิษฐาน แล้ว ประกอบด้วยการตั้งจิตให้ถูก ก็จะปฏิบัติโดย
ไม่ลำบาก ไม่ยาก ....นี่ตั้งจิตไว้ไม่ตรง ก็เลย ต้อง ประกอบสิ่งยากๆ

ทีนี้ พระเทวทัตตอนบวช ก็ตั้งสัจจไว้อีก แต่คราวนี้ก็ต้องเป็นการ " ปรารภอยู่ในโอวาท "

การสิ้นฤทธิ์ ฌาณเสื่อม ก็เกิดจาก ผิดสัจจใน ภพปัจจุบัน แต่ สัจจในภพก่อนสำเร็จ
และจะเป็นปัจจัยให้เกิดอุปนิสัย สู้สุดฤทธิ์ ที่ทำให้สำเร็จ "เมื่ออกุศลธรรมผลิกเป็น ธรรมา"
อกุศลธรรมตักเตือนทำให้แจ้งธรรม [ ถ้าเป็นสาวก เวลาภาวนาแล้ว โดนโน้น โดนนี่
เลือดตกยางออก ก็ ป้อแป้ๆ ท้อถอย ....แต่กรณีพระเทวทัต ต่อให้ ธรณีกำลังสูบบีบอัด
ก็จะเกิด สติ สู้สุดฤทธิ์ ไม่ย้อท้อทิ้งการภาวนากลางคัน ]

 

เอาอีกแระ :d

บอกให้บอกเรื่องภาวนา วิ่งรอกไปศีลอีกแระ

เอกวีร์ขอรับ วางถุงกาวก่อน

แล้วกินยานี้ ครั้ง 2 เม็ดก่อนโพสต์ทุกๆครั้งนะ

​

 

พินาเอาเองนะฮับ

จะเอายังไง

จะปรารภ ขอเรียนธรรมะจากผม ขอฟังการปฏิบัติจากผม เพื่อ น้อมนำไปปฏิบัติ

หรือ จะแสดงความปลิ้นปล้อน ไปเรื่อยๆ

คือ ถามให้เขาสอน แต่พอเขา สอนโดยลำดับ เริ่มจากศีล พี่ก็ สำแดงการผิดสัจจ

ปรารภจะเคารพ จะฟังคำสอน แต่ทว่า แท้จริงชอบใจใน มุสาวาทา แล้วก็ ปล่อยให้
มันแล่นไป ชักนำไปกระทำอะไรที่คิดว่า เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ และ การแสดงออกนั้นคือ
ตัวอย่างการดำเนินไปนิพพาน งุดงะงรรม จานลาย !!!

 

ดูเหมือนคุณมาจากดินจะโดนพรหมทัณฑ์แฮะ

 

ถามความหมายภาวนา ซึ่งตัวก็พูดเอง ว่าภาวนาไม่เป็น เราก็ถามว่าภาวนาทำยังไง ก็ไพล่ไปศีล แล้วมันเกี่ยวยังไงกับศีล นี่ไปนิพพานอีกแระ

 

.
เขียน ๒๒.๕๑

นี่นี่ คุณมาจากดิน เราว่าคุณตัดแปะของคุณไปเหอะ
อย่าไปเถียงกะใครเค้าเลย ทุเรศเกินเหตุอ่ะ ๕๕๕

เฮ้อ..เถียงคำไม่ตกฟาก คนอื่นเค้าพูดอะไรก็ไม่ยอมฟังด้วยหู
เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาตลอดตลอด อ่านแล้วบางทีก็คันตีนจังแฮะ

แต่ที่ท่านแปะเราก็อ่านนะ บางอันก็ชอบ ได้ความรู้พอได้
พอดีไม่ค่อยชอบเรียนตามตำรา เลยยังโง่อยู่หลายพอดู

แต่ถ้าจะให้ดี ช่วยให้เครดิตเจ้าของเค้าบ้างดีไม๊
ใส่ชื่อ หรือที่มาของข้อมูลซะหน่อย น่าจะดี
คนอื่นใด หรือใครบางคน เค้าจะได้ไม่ด่า ว่าเนรคุณจัง ๕๕๕ ขำป่าววะ


กระต่ายป่า แห่งแก๊งนาฬิเกร์ / นายกองกัซ
.

 

ว่าง เซ็ง ไปนอนดีกว่า

 

คุณ gratrypa คงไม่ใช่แฟนพันธ์แท้เหมือนเอกวีร์แน่ๆเลย จึงไม่รู้ว่าผมนำหลักพระพุทธศาสนามาจากแหล่ง่ไหน ที่ผ่านมาก็อ้างบ้างไม่อ้างบ้าง หมายถึงคัมภีร์ที่มาที่เป็นคาถา (ไม่ใช่หนังสือที่อ่าน) ถึงแม้หนังสือพุทธธรรมจะรจนาโดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) แต่ท่านก็มิได้คิดเอาเอง ท่านนำมาจากพระไตรปิฎก และอรรถกถา ฯลฯ ท่านอ้างคัมภีร์ที่มาไว้ทุกที่ทุกแห่ง

หน้าตาหนังสือเป็นยังงี้ครับ

​

ที่เถียงเพราะผมรู้ว่าเอกวีร์ไม่รู้นะสิขอรับ เถียงที่เขาไม่รู้ แต่ผมรู้ งงไหมครับ คิกๆๆ

คันตีน อิอิ หาต้นเสาแถวๆนั้นเตะสิครับ (deejai)

 

ชื่อหนังสือ "พุทธธรรม" ท่านนำมาจากไหน ? (คิดเองนะ) ท่านน่าจะเอามาจาก

พุทธการกธรรม ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า ตามปกติหมายถึง บารมี ๑๐ นั่นเอง (ในถาคาบางทีเรียกสั้นๆว่า พุทธธรรม)

 

เขียน ๑๐.๓๑

ครับ ก็เป็นอันทราบกัน ว่าท่านยึดใครเป็นตัวประกัน ๕๕๕
มิน่าล่ะ ถ้อยคำรัดกุม สะกดเราได้เป็นบางช่วงบางตอน
ที่แท้ก็เป็นผลงานของระดับยอดฝีมือในตำนาน ท่านนี้นี่เอง

เรื่องแฟนพันธ์แท้ อาจจะเป็นก็ได้นะเออ หึหึหึ
แต่สงสัยจะคอยตามอ่าน แล้วร่วมยำกะเค้ารึป่าวน้อ ๕๕๕

เอ..ขนาดยอดฝีมือเค้ายังอ้างที่มา ไว้ทุกที่ทุกแห่ง
แล้วไยท่านไม่เลียนแบบล่ะครับ โดนด่าฟรีไปหลายแล้วนะ สิบอกให้
หรือเจตนาให้คนอ่าน หรือเอกวีร์ ด่ายอดฝีมือ เป็นการทำกรรมทางอ้อมกันน๊า หึหึหึ

ที่เถียงกันว่ารู้หรือไม่รู้นั้น เราไม่ทราบและไม่อยากสนทั้งคู่นั่นแหละ ยังอ่อน หึหึหึ
แต่เราอ่านแล้วรู้ก็แล้วกัน ว่าความน่าจะเป็น ของของแท้นั้นเป็นไฉน
เหตุเพราะเราสา มา รถ ถามใคร ที่สมาคมพุทธะได้ แบบออนไลน์น่ะ นะ เนอะ

เรื่องคันตีนเนี่ยนะ เหตุที่แท้จริงคือยุงกัดตีนน่ะครับ ๕๕๕
บางทียุงแยะ ชอบมาแทะที่ตีน แต่บางทีก็เพราะท่านเป็นเหตุ ก็มีบ้าง หึหึหึ

เอ้อ..คันตีน แต่แนะนำให้ไปเตะเสา ท่าจะบ้าจริงจริงแฮะ ๕๕๕ ประสาท


กระต่ายป่า แห่งแก๊งค์นาฬิเกร์ / ค้างคาวแห่งแสงไม้ขีดไฟ
.

 

" งุดงะงรรม จานลาย !!! "

ก็กล่าวให้ได้ยินนี่

เหตผล ก็เคย บอกกลับ พระ ที่บวชใน วัดดังกล่าวไปแล้วว่า มันเป็น การร้อยเรียง
คำสอนในรูปแบบใหม่ จัดเป็น การเอาลิ่มไม้จานลาย ตอกลงไปใน กลองจานลาย

ดังไหม มันก็ตีดัง คือ หมายถึง กูก็ซื้อมาอ่าน แต่ ............

แต่มันจานลาย ตรงที่มันไม่มีเหตุ มีผลในการ กล่าว รสของการ สอนธรรม มันหายไป

มันเหลือแต่ การแล๊ดเชอร์ หรือ สอบเอา กระดาษประกาศรับรองนิพพาน มาแทะ !!!


การสอนธรรม คืออะไร พระพุทธองค์ ชี้เป็นฏีกาว่า การสอนธรรมนั้นสอนยาก พระพุทธองค์
เท่านั้นที่จะเป็น ผู้สอนได้ เป็นผู้หมุนธรรมจักร สาวกก็แค่ ท้าวโฆษกประกาศว่า พระ
พุทธองค์เท่านั้นที่สอนธรรมได้

การสอนธรรม คืออะไร คือการกำหนดรู้ลงที่จิตในปัจจุบันธรรม ธรรมต้องสอนกันสดๆร้อนๆ

ธรรมบรรยาย เวลา หลวงปู่ หลวงตา ที่มีธรรมจริงๆ ท่านร่ำ คำสอนออกไป ท่านจะ สัมผัส
รับรู้ ขันธ์5 ที่แวดล้อมอยู่ แล้ว กล่าวไปตามผัสสะที่กระทบนั้นๆ

ธรรมแนวเดรัจฉานวิชา จะ อุปทานขันธ์5กำหนดความเป็นสัตว์ขึ้นมาก่อภพก่อน แล้วก็
อธิบายธรรมไปตาม อุปทานขันธ์ ธรรมส้นตี_ !!! สาธยายธรรมเพื่อให้ ภพชาติ มัน
ร้อยรัดอัดแน่น ....ยิ่งอุปทานว่ากูสัตว์ผู้เรียนรู้ มันก็ยิ่งเรียน ยิ่งแทะกระดาษ อมแล็คเชอร์