ตัวอย่างของสักกายะทิฎฐิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 14 เมษายน 2012.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    "มีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่ง อยู่กินกันมานาน

    ฝ่ายภรรยาชอบใช้สามี ให้ทำนั่น ทำนี่

    และ ก็ชอบดุด่าว่ากล่าว ว่าทำไมไม่ทำแบบนั้น

    แต่ฝ่ายภรรยาไม่เคยได้กระทำด้วยตนเองเลย

    จนฝ่ายสามีทนไม่ไหว จึงบอกฝ่ายภรรยาว่า

    ถ้าเก่งทำไมไม่ทำเองล่ะ มาสั่งอยู่ได้

    ฝ่ายภรรยาจึงได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง

    แต่ก็ไม่สามารถทำให้ได้ดีเท่าฝ่ายสามี

    จึงต้องไปขอร้องให้ฝ่ายสามีกลับมาทำเช่นเดิม"

    สาธุครับ
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากมีผู้ใดสนใจคำว่าชีวิต ต้องการที่จะเข้าใจในการมีชีวิต

    ให้มองที่เด็ก และ คนแก่ จะเห็นสิ่งที่คล้ายๆกัน

    การที่มาจากความว่างเปล่า และ กลับสู่ความว่างเปล่า

    ส่วนที่อยู่ระหว่างกลางนี้ อะไรเป็นต้นเหตุแห่งความเป็นทุกข์

    สาธุครับ
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    อื้อฮือ..เรื่องที่คุณมรึงยกมานี่นะ กรูจะจำไปชั่วชีวีเลย..เกิดมากรูก็เพิ่งเคยเจอ..เคยอ่าน ..ช่างลึกซึ้งนักหนา อื้อฮื อื้อ ฮือ..!
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ผมเห็นว่าเรื่องที่กล่าวเป็นการบังคับให้เค้าทำ ดังใจเราไม่ได้ ควบคุมให้เป็นดังใจเราไม่ได้
    จะสื่อว่าร่างกายคนอื่นไม่ใ่ช่ของเราหรือเปล่าคับ...แต่หัวข้อกระทู้....เป็นส่วนพิจารณาร่าง
    กายตนเองตัวเองที่เห็นสิ่งต่างๆเป็นของตนเป็นตัวตนของเราไม่ใช่หรือครับ...
    ยังไงลองทบทวนพิจารณาดูหน่อยไหมครับ.หรือ ลองถาม อากู๋google ก่อนดีไหมครับ
    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  5. apichayo

    apichayo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    488
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,936
    สักกายทิฏฐิ หมายถึง ความยึดมั่นถือมั่นว่า กายกับใจนี้เป็นของตน เมื่อมีความรู้สึกคิดเช่นนั้นแล้ว
    เขาก็หวงแหน อยากให้มันดี ให้มันเที่ยงแท้ถาวร เพื่อประโยชน์แก่ "ตัวเขา" โดยธรรมชาติที่แท้นั้น
    มันไม่มีอะไรที่จะเป็นของเขาได้เลย แต่ความหลงผิด ทำให้เขาเข้าใจว่ามันมีอะไรๆ เป็นของเขาจนได้

    การละสักกายทิฏฐิ คือการละความยึดมั่นถือมั่นว่า กายนี้ ใจนี้ เป็นตน เป็นการละด้วยจิต
    (ด้วยการปฏิบัติตาม มรรค8) ไม่ใช่ละ ด้วยความคิด





     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 เมษายน 2012
  6. หม้อหุงข้าว..!

    หม้อหุงข้าว..! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,103
    ค่าพลัง:
    +1,072
    ก็ดี พอได้ !!
    ประมาณไปที่ผู้เอา นิ้วจิ้ม "ขี้ !!" :cool:

    รู้ว่าเหม็น แต่อย่าเอามาดม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 เมษายน 2012
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มองดูฝ่ายภรรยาสิครับ เมื่อใช้ฝ่ายสามีให้ทำ ก็ด่าว่า ว่าฝ่ายสามีทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง

    ต้องทำแบบนี้สิ การที่นึกคิดว่าต้องทำแบบนี้สิ นี่แหละครับ บ่งชี้ถึงตัวตนขึ้นมาทันที

    ด้วยการนึกคิดว่า หากเป็นตนเองต้องทำแบบนี้ จึงบอกกล่าวฝ่ายสามี แต่ครั้นได้กระทำเอง

    กลับกระทำได้ไม่ดีเท่าฝ่ายสามี ฝ่ายภรรยาจึงได้รับรู้ว่า การนึกคิดโดยไม่ทดลองทำ

    ย่อมไม่เกิดผลอันใด แต่สิ่งที่จะได้ คือ การนึกคิดด้วยการเปรียบเทียบตนเองว่าต้องเป็นเช่นนั้น เช่นนี้

    สาธุครับ
     
  8. ช่างมัน

    ช่างมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +371
    สักกายะทิฏฐิ ต้องหัก ดิบ หมายถึง ร่างกาย มันเป็นที่ ทำให้เกิดทุกข์ กลัวว่ามันจะเป็นอะไร ทั้งๆที่ไม่กลัวเลย เพราะยังไงมันก็ต้องเป็น เขาด่าว่า ร่างกายนี้ เขาทำร้ายร่างกายนี้ สิ่งที่ ตัดได้ดีที่สุด คือ ทำญาณ8ประการให้เกิขึ้นแล้วใช้ให้คล่อง เพื่อจะได้แจ้งแก่ตน ว่า ร่างกายนี้เป็นเพียงที่อาศัยชั่วคราว เท่านั้น การตายมีแน่นอน แล้ว การเคลื่อนไปของจิตนี้ ไปยังภพภูมิอื่น มีแน่นอน ไปดูเองให้ รู้ชัดเอง คนเราจะตายเมื่อไหร่ก้ไม่มีใครทราบ โชคดีมากมายมหาศาลแล้ว ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และภพ พระพุทธศาสนา อย่าลังเลสงสัยอะไรเลย รีบๆเร่งๆเร็วๆไวๆ ก่อนที่เราตายแล้ว เสียดายที่มีโอกาสที่ดีมากแล้ว แต่ไม่ได้ทำ ละสักายทิฐิ ยังไงเราก็ต้องตาย ถ้าอย่างนั้น ตายแล้วไปไหน ถ้าใครไม่มั่นใจลองหาความจริงจาก เทคโนโลยี อินเตอร์เนต ดูนะครับ หาข้อมุล ตายแล้วฟื้น ตายแล้วเข้าสิงคนอื่น ก็ได้ หาดู ก่อนหมดโอกาสนะครับ
     
  9. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การละสักกายะทิฎฐิ คือ จิตวางลงแล้วซึ่งร่างกาย ไม่เกรงกลัวต่อความตาย

    ร่างกายนี้เป็นของโลก เราไม่สามารถคงอยู่ในร่างกายนี้ได้นาน

    เมื่อตายแล้ว จิตย่อมเป็นไปตามกรรม จิตจะเดินไปตามกรรมที่กำหนดไว้

    ด้วยการกระทำของตัวเราเอง ที่ได้สร้างกรรมเอาไว้ เมื่อจิตแยกจากกายแล้ว

    จิตยังต้องแยกจากใจด้วย ในขณะที่จิตจะละทิ้งกายนั้น โทสะ และ กามรมณ์

    จะถูกตัดทิ้งไปอย่างถาวร จิตจึงจะมาทำการแยกออกจากใจ

    สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  10. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    คุณมรึงนี่..สอนไม่ได้ ว่าไม่ได้ อาจารย์ ยอมแพ้แล้วว่ะ..รอให้ผู้มีบุญญาธิการ มาสอนต่อ..ความรู้มรึงผิดบ้าง ถูกบ้าง ผสมปนเปมาสอนคนอื่น..ไม่เคยเอะใจดูตัวเอง..
    แหมเห็นเมื่อไหร่ ..กรูอดด่ามรึงไม่ได้ว่ะ ทำไมมรึงเบ๋อไบ๋ ขึ้นทุกวันวะไอ้ซื่อบื้อ อาจารย์อายคนอื่นเขา..มรึงนี่มันแค่หัดบิน ติดนิมิตสมถะ แค่สงบแล้วจดจำได้บางอย่างเท่านั้น ..มึงอยู่ลึกเกินไปจริงๆวะ เพื่อนสมาชิกเขาเตือนกรูแล้วกรูอยากลองของเอง ยอมแพ้เว้ยยยส์..ประกาศแขวนกางเกงในยอมแพ้.:mad::cool: กระทู้ท่านธรรภูติ สมาชิกเขาก็เตือน มรึงดื้อด้านเหลือกำลัง ไอ้หัวน็อต ไอ้เครื่องจัก เบื่อเว้ยยส์ ไม่สนุกแล้ว.:'(
    เวลากายมรึงตายแตกดับ..จิตมรึงตายไหม..ไอ้สันขวาน สักกายะมรึงหลุดไหม..ไอ้ซื่อบื้อ..!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012
  11. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากตนเองไม่เห็นแม้แต่การกระทำของตนเองแล้ว จะไม่มีทางเข้าใจในตนเองได้

    การที่มนุษย์จะละการยึดถือตนเองได้นั้น ต้องเห็นตนเองอย่างชัดเจนในทุกอริยาบท

    ความไม่เที่ยงของร่างกายนี้ มีการแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความคงที่แม้แต่น้อย

    ผู้ที่ยังไม่เห็นตัวตนของตนเองอย่างชัดเจน ย่อมไม่เข้าใจถึงจะยึดมั่นถือมั่นในตัวตน

    ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจได้ ถึงการดับไปของร่างกาย บ่งบอกว่ายังเกรงกลัวความตายอยู่ ฉนั้น

    บุคคลเช่นนี้ จะยึดถือในตัวตน เฉพาะเจาะจงที่ตัวตนบุคคลเราเขาอย่างแน่นแฟ้น

    โดยไม่มองที่ประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติ จะมองแต่เพียงประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงถ่ายเดียว

    นี่คือ ตัวอย่างของสักกายะทิฎฐิ ในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีให้เห็นมากมายในโลก

    สาธุครับ
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    โอ้โฮ..อื้อฮือ..กรูละหน่ายกับความเห็นของมึงจริงๆ การเห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งนั้น จะก่อให้เกิด..เมตตา.. ได้ง่ายนี่หลักของการเจริญเมตตา
    มึงไปเอาจากไหนมาพูดนี่ว่าเห็นแบบมึงแล้ว ความไม่แน่นอนในสรรพสิ่ง ทำให้ละสักกายะทิฏฐิได้..มันก็ได้แต่มันไกลเกินเหตุ เกินธรรมที่เขาปรากฏให้ดูในปัจจุบัน ไอ้ซื่อบื้อ..
    ..ไอ้สันขวาน สันมีด กูละหน่ายกับมึงจริงๆ พูดไม่รู้ฟังอวดรู้ อวดฉลาด พูดไปทั่วทั้งที่ไม่รู้จริง..ไอ้ๆๆๆๆๆ..ฯลฯ:mad:(ติดอ่างเลยกรู)
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    " ...อันที่จริงคนเขาอยากให้เราดี<WBR>
    แต่ถ้าเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้
    ...
    จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย
    ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน...<WBR> "

    ....หลวงวิจิตรวาทการ....
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +4,062
    สาธุ..คุณดีจริงๆพ่อมหาจำเริยลงเรื่อยๆ..ไอ้อนันต์ บุญนาค..!:mad:
     
  15. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    โกรธพี่เขาเหรอ สับสนหายสับสนรึยัง ศีล 5 เอาให้ดีนะ วัยรุ่นนี่คุณน่ะ *_*
     
  16. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ให้ดูภาพอสุภะกรรมฐานแล้วให้เข้าใจความหมายของคำว่าอนัตตา อนัตตาคือความไม่ใช่ตัวตน เป็นของไม่ใช่คน สัตว์ สิ่งของ สักแต่เป็นธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม และบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่เรา ดังนั้นสักกายะทิฏฐิจึงหมายถึงความยึดถือในกายว่าเป็นเราเป็นของเรา เป็นสมบัติที่ทรงสภาพ เรามองกระจกพิจรณาดูรูปร่างกายเรามันไม่ใช่เรา มันแก่มันหง่อมไปเป็นธรรมดา เราจึงไม่มีสักกายะทิฏฐิว่า รูปร่างกายเราไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา เราคือใจหรือจิต จิตหรือใจ รูปกายเป็นอนัตตา วิญญาณเราเป็นอัตตา...ตอบตามภูมิธรรมผิดพลาดประการใดขอโทษด้วย...
     
  17. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    สิ่งที่คุณกล่าวมานี้ เป็นการเริ่มต้นที่เฝ้ามองดูร่างกาย หากแต่ยังมีสิ่งที่เป็น

    สักกายะทิฎฐิมากกว่านี้ แค่คำด่าว่ากล่าวที่ไม่พึงพอใจ แล้วแสดงอาการก็เป็น

    สักกายะทิฎฐิเช่นกันครับ ความเป็นจริงของโลก ในที่แห่งนี้ที่เรียกว่าโลก

    ล้วนเป็นสมมุติบัญญัติทั้งสิ้น เราก็ตายเกิดอยู่อย่างนี้จนนับไม่ถ้วน

    ชาตินี้เราเป็นคนนี้ อีกชาติหนึ่งเราก็เป็นอีกคนหนึ่ง หรือ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง

    วนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว เราควรที่จะหาหนทางที่ไม่กลับมาเกิดอีก

    สาธุครับ
     
  18. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    สักกายะทิฏฐิที่กล่าวก็ถูกแล้ว ผมไม่รู้ธรรมของคุณ พระอริยะท่านไม่ได้กล่าวภพชาตินั้นภพชาตินี้ ท่านอยู่กับปัจจุบัน มันว่างในปัจจุบัน ไม่มีตัวกู-ของกู ไม่มีคำอธิบาย ไม่รู้จะว่าไง............
     
  19. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ใช่แล้วครับ อยู่ในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ผมบอกกล่าวนี้ เป็นการเริ่ม

    แม้แต่คุณเฝ้าดูร่างกายที่ไม่มีลมหายใจแล้ว ก็เป็นการเริ่มต้น

    การที่จะละสักกายะทิฎฐิได้ ต้องเห็นทั้งหมด ในการเกิด และ ตาย

    ถ้าหากเกิดแค่ชาติเดียว ก็ไม่ต้องไปสนใจในชาติภพที่ผ่านมา

    การระลึกอดีตชาติได้ จะเห็นการเกิด และ ตาย ของตนเองบ่อยครั้ง

    ที่สุดก็มาดับที่ชาติปัจจุบัน เพราะอดีตนั้นล่วงมาแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง

    รู้เห็นให้ชัดเจน ก็จะค้นพบวิธีการละสักกายะทิฎฐิ ด้วยตนเอง

    สาธุครับ
     
  20. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +574
    -สักกายะทิฏฐิ คือ เห็นนครกายนี้ ว่าไม่ใช่กายเพียงแต่เป็นธาตุ 4 เท่านั้นที่ประชุมกัน เป็นกายนี้

    -ท่านช่วยอธิบาย ธรรม ของท่านด้วยเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก ที่ท่านยกมามันเป็น สักกายะทิฏฐิ ตรงใหน เท่าที่อ่านดูมันคืออาการหรือกริยาของคน ขี้เกียจ ก็เท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...