ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย อุรุเวลา, 20 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [​IMG]


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๑๕๕/๔๑๘
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บุพพารามปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา
    ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล หลานของนางวิสาขามิคารมารดาเป็นที่รักที่พอใจ ทำ
    กาละลง ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมารดามีผ้าเปียก ผมเปียกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
    ในเวลาเที่ยง ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะนางวิสาขา
    มิคารมารดาว่า เชิญเถิดนางวิสาขา ท่านมาแต่ไหนหนอ มีผ้าเปียก มีผมเปียก เข้ามา ณ ที่นี้
    ในเวลาเที่ยงนางวิสาขากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หลานของหม่อมฉัน เป็นที่รักที่
    พอใจ ทำกาละเสียแล้ว เพราะฉะนั้น หม่อมฉันจึงมีผ้าเปียกมีผมเปียก เข้ามา ณที่นี้ในเวลา
    เที่ยง เจ้าค่ะ ฯ
    พ. ดูกรนางวิสาขา ท่านพึงปรารถนาบุตรและหลานเท่ามนุษย์ในพระนครสาวัตถีหรือ ฯ
    วิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ หม่อมฉันพึงปรารถนาบุตรและหลานเท่ามนุษย์ใน
    พระนครสาวัตถี เจ้าค่ะ ฯพ. ดูกรนางวิสาขา มนุษย์ในพระนครสาวัตถีมากเพียงไร ทำกาละอยู่ทุกวันๆ ฯ
    วิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มนุษย์ในพระนครสาวัตถี ๑๐ คนบ้าง ๙ คนบ้าง ๘ คนบ้าง
    ๗ คนบ้าง ๖ คนบ้าง ๕ คนบ้าง ๔ คนบ้าง ๓ คนบ้าง ๒ คนบ้าง๑ คนบ้าง ทำกาละอยู่ทุกวันๆ ฯ
    พ. ดูกรนางวิสาขา ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ท่านพึงเป็นผู้มีผ้าเปียกหรือมี
    ผมเปียกเป็นบางครั้งบางคราวหรือหนอ ฯ
    วิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าค่ะ พอเพียงแล้วด้วยบุตรและหลานมาก
    เพียงนั้นแก่หม่อมฉัน ฯ
    พ. ดูกรนางวิสาขา
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑๐ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑๐
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๙ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๙
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๘ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๘
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๗ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๗
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๖ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๖
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๕ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๕
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๔ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๔
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๓ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๓
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๒ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๒
    ผู้ใดมีสิ่งที่รัก ๑ ผู้นั้นก็มีทุกข์ ๑
    ผู้ใดไม่มีสิ่งที่รัก ผู้นั้นก็ไม่มีทุกข์
    เรากล่าวว่า ผู้นั้นไม่มีความโศก ปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่มีอุปายาส ฯ
    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า
    ความโศกก็ดี ความร่ำไรก็ดี ความทุกข์ก็ดี มากมายหลายอย่างนี้
    มีอยู่ในโลก เพราะอาศัยสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักเมื่อไม่มีสัตว์หรือ
    สังขารอันเป็นที่รัก ความโศก ความร่ำไรและความทุกข์เหล่านี้ย่อมไม่มี
    เพราะเหตุนั้นแล ผู้ใดไม่มีสัตว์หรือสังขารอันเป็นที่รักในโลกไหนๆ
    ผู้นั้นเป็นผู้มีความสุข ปราศจากความโศก เพราะเหตุนั้น ผู้ปรารถนา
    ความไม่โศก อันปราศจากกิเลสดุจธุลี ไม่พึงทำสัตว์หรือสังขารให้เป็น
    ที่รัก ในโลกไหนๆ ฯ
     
  2. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ขออนุโมทนาด้วยกับสาระที่พึงนำมาฝาก
    ให้เป็นแง่คิดในการดำเนินชีวิตต่อไปด้วยสติ
    ในทุกๆ ย่างก้าวของความเป็นไป
    มีการพิจารณาด้วยความรอบคอบและเห็นในธรรม
     
  3. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    อนุโมทนาสาธุเช่นกันครับ ถูกแล้ว ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ผมทราบดีทุกอย่าง และจริงอย่างที่กล่าวไว้ แต่ในปัจจุบันนี้มีกลุ่มคนที่พยายามกระทำอะไรสักอย่างในสังคม สื่อบางอย่างก็ใช้ผลของกระแสมากระทำการนำเสนอผิด ๆ และไม่เข้าใจจริง ๆ โดยดูได้จากรายการต่าง ๆ ผมไม่อยากจะเอ่ย...มันจะผิด ผมจึงได้นำเสนอสิ่งที่สื่อต่าง ๆ ได้ลงไว้มาบอกกล่าวให้ทางพี่น้องได้ทราบไว้บ้าง จะได้แก้ไขได้ทันเวลา ผมกังวลใจเรื่องนี้อยู่มาก......
     
  4. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    ผมเฝ้าสังเกตุเหตุการณ์ในสังคมมาตลอด โดยเฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ รู้เห็นอะไรมาก บางครั้งก็อดที่จะมีอารมณ์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ระงับไว้ มองแต่ในแง่ดีว่า บางทีจะเป็นประโยชน์ แต่ก็กังวลใจ เพราะยิ่งไปต่อต้านหรือคัดค้าน ยิ่งกลับแสดงการกระทำของกลุ่มคนที่มีผลประโยชน์ในเดือนนี้มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงว่าสังคมไทยเสื่อมโทรมมากแค่ไหน และมีอิทธิพลจากกลุ่มคนภายนอกมากแค่ไหน ครั้งหนึ่งผมไปสอนให้คน ๆ หนึ่งทราบว่า ความรัก จะเจือไปด้วยกิเลส และความลำเอียง ยังมีอีกที่สอนแต่ไม่เอ่ยนะครับ ไม่ว่าคุณจะรักแบบไหนก็ตาม ปรากฏว่าสื่อเอาไปประโคมข่าวสรรเสริญความรักใหญ่เลย ผมเลยยิ่งสังเวชมากขึ้น ปล่อยไปตามกรรมดีกว่า และมาคิดอีกทีว่าบางทีถ้าทำ (ความรัก) ในทางที่ถูกที่ควร ก็ยังดีกว่าปล่อยออกไปตามสภาพ เพราะเดี่ยวอิทธิพลของพวกต่างศาสนามันจะฉวยโอกาสเข้ามาทำร้ายเราได้ ในอีกทางหนึ่ง ถ้าปล่อยไปมาก ก็เหมือนกับไปสนับสนุนพวกนี้อีก บอกตามตรงแม้ในเวปพลังจิตนี้ก็ยังปล่อยให้เข้ามาได้เลย ดังนั้นผมเลยคึดว่าถ้าสิ่งไหนเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาก็ต้องกระทำ แต่สิ่งไหนที่เห็นแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อพระศาสนาก็ต้องระงับและแก้ไขให้ทันท่วงที


    ขอให้ทุกท่านเห็นความรักเป็นทุกข์ แล้วจงข้ามความรักไปเพื่อไปสู่ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก จะพบความสุขที่แท้จริงครับ.....
     
  5. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    อนุโมทนาครับ
     
  6. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค หน้าที่ ๖๘/๒๘๘

    [๑๕๔] ก็ญายธรรมอันประเสริฐ อันอริยสาวกเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา
    เป็นไฉน ดูกรคฤหบดี อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ กระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถึงปฏิจจสมุป
    บาทเป็นอย่างดีว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้น สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี
    เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ด้วยประการดังนี้ คือ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมี
    สังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะนามรูป
    เป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะเพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมี
    เวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน เพราะอุปาทาน
    เป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ
    โสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาส ความเกิดแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการ
    อย่างนี้ ก็เพราะอวิชชาดับด้วยสำรอกโดยไม่เหลือ สังขารจึงดับ เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
    เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ เพราะสฬายตนะดับ
    ผัสสะจึงดับ เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับเพราะตัณหาดับ
    อุปาทานจึงดับ เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชราและ
    มรณะโสกปริเทวทุกขโทมนัสและอุปายาสจึงดับความดับแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วย
    ประการอย่างนี้ ญายธรรมอันประเสริฐนี้ อริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้ว ด้วยปัญญา ฯ
    [๑๕๕] ดูกรคฤหบดี เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อ
    นั้น อริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างและญายธรรมอย่าง
    ประเสริฐนี้ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่
    พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีปิตติ
    วิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นโสดาบันมีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้
    เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า ฯ
     
  7. ชัยบวร

    ชัยบวร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2011
    โพสต์:
    928
    ค่าพลัง:
    +1,642
    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ ผมคนเดียวคงจะแก้ไขอะไรไม่ได้มากนัก ขอเชิญผู้มีธรรมทุกท่านร่วมด้วยช่วยกัน จรรโลงพระพุทธศาสนาให้สืบต่อไปจนนิรันดร์ ขอให้ผลบุญนี้ช่วยให้ผมหลุดพ้นด้วยเถิด สาธุ...
     
  8. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +1,919
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส

    ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง



    [๖๖๘] ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง. ทุกข์นี้ เป็นไปตามความรัก ย่อมปรากฏ. บุคคลเมื่อเห็นโทษอันเกิด แต่ความรัก พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

    [๖๖๙] ความเกี่ยวข้องมี ๒ อย่าง คือ ความเกี่ยวข้องเพราะได้เห็น ๑ ความเกี่ยวข้อง เพราะได้ฟัง ๑ ชื่อว่าสังสัคคะ ในอุเทศว่า สํสคฺคชาตสฺส ภวนฺติ เสฺนหา ดังนี้.

    ความเกี่ยวข้องเพราะได้เห็นเป็นไฉน? บุคคลบางคนในโลกนี้ เห็นสตรีหรือกุมารีที่มี รูปสวย น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงามอย่างยิ่ง ครั้นพบเห็นแล้ว ก็ถือ นิมิตเฉพาะส่วนๆ ว่า ผมงาม หน้างาม นัยน์ตางาม หูงาม จมูกงาม ริมฝีปากงาม ฟันงาม ปากงาม คิ้วงาม นมงาม อกงาม ท้องงาม เอวงาม ขางาม มืองาม แข้งงาม นิ้วงาม หรือว่าเล็บงาม ครั้นพบเห็นเข้าแล้ว ย่อมพอใจ รำพันถึง ปรารถนา ติดใจ ผูกพันด้วยอำนาจ ความรัก. นี้ชื่อว่าความเกี่ยวข้องเพราะได้เห็น.

    ความเกี่ยวข้องเพราะได้ฟังเป็นไฉน? บุคคลบางคนในโลกนี้ ย่อมได้ฟังว่า ในบ้าน หรือในนิคมโน้น มีสตรีหรือกุมารีรูปสวย น่าดู น่าชม ประกอบด้วยความเป็นผู้มีผิวพรรณงาม อย่างยิ่ง ครั้นได้ยินได้ฟังแล้ว ย่อมชอบใจ รำพันถึง ปรารถนา ติดใจ ผูกพันด้วยอำนาจ ความรัก. นี้ชื่อว่าความเกี่ยวข้องเพราะได้ฟัง.

    ความรัก ในคำว่า เสนหา มี ๒ อย่าง คือ ความรักด้วยอำนาจตัณหา ๑ ความรัก ด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑.

    ความรักด้วยอำนาจตัณหาเป็นไฉน? สิ่งที่ทำให้เป็นเขต ทำให้เป็นแดน ทำให้เป็นส่วน ทำให้มีส่วนสุดรอบ การกำหนดถือเอา ความยึดถือว่าของเราโดยส่วนแห่งตัณหาเท่าใด คือ บุคคลถือเอาว่า สิ่งนี้ของเรา นั่นของเรา สิ่งเท่านั้นของเรา ของๆ เราโดยส่วนเท่านี้ รูปของเรา เสียงของเรา กลิ่นของเรา รสของเรา โผฏฐัพพะของเรา เครื่องลาดของเรา เครื่องนุ่งห่มของเรา ทาสีของเรา ทาสของเรา แพะของเรา แกะของเรา ไก่ของเรา สุกรของเรา ช้างของเรา โคของเรา ม้าของเรา ลาของเรา ไร่นาของเรา ที่ดินของเรา เงินของเรา ทองของเรา บ้านของเรา นิคมของเรา ราชธานีของเรา แว่นแคว้นของเรา ชนบทของเรา ฉางข้าวของเรา คลังของเรา ย่อมยึดถือแผ่นดินใหญ่แม้ทั้งสิ้นว่าของเราด้วยอำนาจตัณหา. ตัณหาวิปริต ๑๐๘ นี้ชื่อว่าความรักด้วยอำนาจตัณหา.

    ความรักด้วยอำนาจทิฏฐิเป็นไฉน? สักกายทิฏฐิมีวัตถุ ๒๐ มิจฉาทิฏฐิมีวัตถุ ๑๐ อันตคา- *หิกทิฏฐิมีวัตถุ ๑๐ ทิฏฐิเห็นปานนี้ ทิฏฐิไปแล้ว ทิฏฐิรกชัฏ ทิฏฐิกันดาร ทิฏฐิเป็นเสี้ยนหนาม ทิฏฐิกวัดแพว่ง ทิฏฐิเป็นสังโยชน์ ความถือ ความถือเฉพาะ ความถือมั่น ความลูบคลำ ทาง ผิด คลองผิด ความเป็นผิด ลัทธิแห่งเดียรถีย์ ความถือด้วยการแสวงหาผิด ความถืออันวิปริต ความถืออันวิปลาส ความถือผิด ความถือว่าจริงในวัตถุอันไม่จริง ทิฏฐิ ๖๒ ประการ. นี้ชื่อว่า ความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ. คำว่า ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง ความว่า ความรักด้วยอำนาจ ตัณหา และความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ ย่อมมี คือ ย่อมเกิด ย่อมเกิดพร้อม ย่อมบังเกิด ย่อม บังเกิดเฉพาะ ย่อมปรากฏ เพราะเหตุแห่งวิปัลลาส และเพราะเหตุแห่งความเกี่ยวข้องด้วยการ ได้เห็นและการได้ยิน เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง.

    [๖๗๐] ชื่อว่า ความรัก ในอุเทศว่า เสฺนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ ดังนี้ ความรักมี ๒ อย่าง คือ ความรักด้วยอำนาจตัณหา ๑ ความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑. ฯลฯ นี้ชื่อว่าความรัก ด้วยอำนาจตัณหา. ฯลฯ นี้ชื่อว่าความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ. ฯลฯ

    คำว่า ทุกข์นี้ ... ย่อมปรากฏ ความว่า บุคคลบางคนในโลกนี้ ประพฤติทุจริตด้วยกาย ประพฤติทุจริตด้วยวาจา ประพฤติทุจริตด้วยใจ ฆ่าสัตว์บ้าง ถือเอาทรัพย์ ที่เขามิได้ให้บ้าง ตัดที่ต่อบาง ปล้นหลายเรือนบ้าง ทำการปล้นเฉพาะเรือนหลังเดียวบ้าง ดักตีชิงในทางเปลี่ยว บ้าง คบชู้ภรรยาของผู้อื่นบ้าง พูดเท็จบ้าง. พวกราชบุรุษจับบุคคลผู้นั้นได้แล้ว ทูลแด่พระ- *ราชาว่า ขอเดชะ ผู้นี้เป็นโจรประพฤติชั่ว ขอพระองค์ทรงลงอาชญาตามพระประสงค์แก่ผู้นั้น. พระราชาก็ทรงบริภาษผู้นี้. ผู้นั้นย่อมเสวยทุกขโทมนัส แม้เพราะเหตุแห่งบริภาษ. ทุกข์โทมนัส อันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะ เหตุแห่งความกำหนัด เพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น. พระราชา ยังไม่พอพระทัยแม้ด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้จองจำผู้นั้นด้วยการตอกขื่อบ้าง ด้วยการผูก ด้วยเชือกบ้าง ด้วยการจำด้วยโซ่บ้าง ด้วยการผูกด้วยเถาวัลย์บ้าง ด้วยการกักไว้ในที่ล้อมบ้าง ด้วยการกักไว้ในบ้านบ้าง ด้วยการกักไว้ในนิคมบ้าง ด้วยการกักไว้ในนครบ้าง ด้วยการกักไว้ ในแว่นแคว้นบ้าง ด้วยการกักไว้ในชนบทบ้าง ทรงทำให้อยู่ในถ้อยคำเป็นที่สุด (ทรงสั่งบังคับเป็น ที่สุด) ว่า เจ้าจะออกไปจากที่นี้ไม่ได้. ผู้นั้นย่อมเสวยทุกข์โทมนัสแม้เพราะเหตุแห่งพันธนาการ. ทุกข์โทมนัสอันน่ากลัวนี้ เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความ ยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้ นั้น. พระราชายังไม่พอพระทัยด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้ริบทรัพย์ของผู้นั้น ร้อยหนึ่งบ้าง พันหนึ่งบ้าง. ผู้นั้นย่อมเสวยทุกข์โทมนัสแม้เพราะเหตุแห่งความเสื่อมจากทรัพย์. ทุกข์โทมนัส อันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะ เหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น. พระ- *ราชายังไม่พอพระทัย แม้ด้วยอาชญาเท่านั้น ยังรับสั่งให้ทำกรรมกรณ์ต่างๆ แก่ผู้นั้น คือ ให้เฆี่ยนด้วยแส้บ้าง ให้เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง ให้ตอกคาบ้าง ตัดมือบ้าง ตัดเท้าบ้าง ตัดทั้ง มือทั้งเท้าบ้าง ตัดใบหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดทั้งใบหูทั้งจมูกบ้าง ทำให้เป็นผู้มีหม้อข้าว เดือดบนศีรษะบ้าง ให้ถลกหนังศีรษะโล้นมีสีขาวเหมือนสังข์บ้าง ให้มีหน้าเหมือนหน้าราหูบ้าง ทำให้มีไฟลุกที่มือบ้าง ให้ถลกหนังแล้วผูกเชือกฉุดไปบ้าง ให้ถลกหนังเป็นริ้วเหมือนนุ่งผ้า คากรองบ้าง ทำให้มีห่วงเหล็กที่ศอกและเข่า แล้วใส่หลาวเหล็กตรึงไว้บ้าง ให้เอาเบ็ดเกี่ยว ติดที่เนื้อปากบ้าง ให้เอาพร้าถากตัวให้ตกไปเท่ากหาปณะบ้าง ให้เอาพร้าถากตัวแล้วทาด้วย น้ำแสบบ้าง ให้นอนลงแล้วตรึงหลาวเหล็กไว้ในช่องหูบ้าง ให้ถลกหนังแล้วทุบกระดูกพันไว้ เหมือนตั่งใบไม้บ้าง รดตัวด้วยน้ำมันอันร้อนบ้าง ให้สุนัขกัดกินเนื้อที่ตัวบ้าง เอาหลาวเสียบ เป็นไว้บ้าง และย่อมตัดศีรษะด้วยดาบ. ผู้นั้นย่อมเสวยทุกข์โทมนัส แม้เพราะเหตุแห่งกรรมกรณ์. ทุกข์โทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น. พระราชาเป็นใหญ่ในการลงอาชญาทั้ง ๔ อย่างนี้. ผู้นั้น เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะกรรมของตน. พวกนายนิรยบาลย่อมให้ทำกรรมกรณ์ ซึ่งมีเครื่องจำ ๕ ประการกะสัตว์นั้น คือ ให้ตรึงหลาวเหล็กแดงที่มือ ๒ ข้าง ที่เท้า ๒ ข้าง ที่ท่ามกลางอก. สัตว์นั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้าแสบเผ็ดร้อนในนรกนั้น แต่ก็ยังไม่ทำกาลกิริยา ตลอดเวลาที่ บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้นสุด. ทุกขโทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความ รัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วย อำนาจความยินดีของผู้นั้น. พวกนายนิรยบาลให้สัตว์นั้นนอนลงแล้วเอาผึ่งถาก และจับเอาเท้าขึ้น เอาศีรษะลงแล้วเอาพร้าถาก และให้เทียมสัตว์นั้นเข้าที่รถแล้วให้วิ่งไปบ้าง วิ่งกลับไปบ้าง บน แผ่นดินที่ไฟติดโชนมีเปลวลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงบ้าง ต้อนให้ขึ้นภูเขาถ่านเพลิงใหญ่ไฟติดโชน มีเปลวลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงบ้าง ให้กลับลงมาบ้าง และจับสัตว์นั้นเอาเท้าขึ้นเอาศีรษะลงแล้ว เหวี่ยงไปในหม้อเหล็กแดงอันไฟติดโชนมีเปลวรุ่งโรจน์โชติช่วง. สัตว์นั้นย่อมเดือดพล่านอยู่ใน หม้อเหล็กแดงเหมือนฟองน้ำข้าวที่กำลังเดือด สัตว์นั้นเมื่อเดือดร้อนพล่านอยู่ในหม้อเหล็กแดง เหมือนฟองน้ำข้าวที่กำลังเดือด ไปข้างบนคราวหนึ่งบ้าง ไปข้างล่างคราวหนึ่งบ้าง หมุนขวางไป คราวหนึ่งบ้าง. สัตว์นั้นเสวยทุกขเวทนาอันกล้าแสบเผ็ดร้อนอยู่ในหม้อเหล็กแดงนั้น แต่ก็ยัง ไม่ทำกาลกิริยา ตลอดเวลาที่บาปกรรมนั้นยังไม่สิ้น. ทุกข์โทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะ เหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของผู้นั้น. พวกนายนิรยบาลเหวี่ยงสัตว์นั้นลงในนรก. ก็แหละนรกนั้นเป็นมหานรก สี่เหลี่ยม มีสี่ประตู อันบาปกรรมจัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ มีกำแพงเหล็กกั้นไว้เป็นที่สุด ปิดครอบด้วยแผ่นเหล็ก มี พื้นล้วนเป็นเหล็กไฟลุกโคลงอยู่ แผ่ไปร้อยโยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกสมัย. นรกใหญ่ ร้อนจัด มีเปลวไฟรุ่งโรจน์ ยากที่จะ เข้าใกล้ น่าขนลุก น่ากลัว มีภัยเฉพาะหน้า มีแต่ทุกข์. กองเปลวไปตั้งขึ้นแต่ฝาด้านหน้า เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรม ลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านหลัง. กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝา ด้านหลัง เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจดฝาด้านหน้า. กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านใต้ เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านเหนือ. กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านเหนือ เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดฝาด้านใต้. กอง เปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาด้านล่าง น่ากลัว เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรม ลามก ผ่านไปจนจดฝาปิด. กองเปลวไฟตั้งขึ้นแต่ฝาปิด น่ากลัว เผาเหล่าสัตว์ที่มีกรรมลามก ผ่านไปจนจดด้านพื้น ล่าง. แผ่นเหล็กที่ไฟติดทั่ว แดงโชน ไฟโพลง ฉันใด อเวจีนรกข้างล่าง ก็ปรากฏแก่สัตว์ที่เห็นอยู่ในข้างบน ฉันนั้น. เหล่าสัตว์ในอเวจีนรกนั้นชั่วช้ามาก ทำกรรมชั่วมาก มีแต่กรรมลามกอย่างเดียว ถูกไฟไหม้อยู่แต่ไม่ตาย. กาย ของเหล่าสัตว์ที่อยู่ในนรกนั้นเสมอด้วยไฟ. เชิญดูความ มั่นคงของกรรมทั้งหลายเถิด. ไม่มีเถ้า แม้แต่เขม่าก็ไม่มี. เหล่าสัตว์วิ่งไปทางประตูด้านหน้า (ที่เปิดอยู่) กลับจากประตู ด้านหน้าวิ่งมาประตูด้านหลัง วิ่งไปทางประตูด้านเหนือ กลับจากประตูด้านเหนือวิ่งมาทางประตูด้านใต้. แม้จะวิ่งไป ทิศใดๆ ประตูทิศนั้นๆ ก็ปิดเอง. สัตว์เหล่านั้นหวังจะ ออกไป แสวงหาทางที่จะพ้นไป แต่ก็ออกจากนรกนั้นไป ไม่ได้ เพราะกรรมเป็นปัจจัย. ด้วยว่ากรรมอันลามก สัตว์ เหล่านั้นทำไว้มาก ยังมิได้ให้ผลหมด ดังนี้.

    ทุกข์โทมนัสอันน่ากลัวนี้เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของสัตว์นั้น.

    ทุกข์อันมีในนรกก็ดี ทุกข์อันมีในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานก็ดี ทุกข์อันมีในเปรตวิสัยก็ดี ทุกข์อันมีในมนุษย์ก็ดี เกิดแล้ว เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดเฉพาะแล้ว ปรากฏแล้ว เพราะเหตุอะไร? ทุกข์เหล่านั้น ย่อมมี ย่อมเป็น ย่อมเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ย่อมปรากฏ เพราะเหตุแห่งความรัก เพราะเหตุแห่งความยินดี เพราะเหตุแห่งความกำหนัด และเพราะเหตุแห่งความกำหนัดด้วยอำนาจความยินดีของสัตว์นั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ทุกข์ นี้เป็นไปตามความรักย่อมปรากฏ.

    [๖๗๑] ชื่อว่า ความรัก ในอุเทศว่า อาทีนวํ เสฺนหชํ เปกฺขมาโน ดังนี้ ความรัก มี ๒ อย่าง คือ ความรักด้วยอำนาจตัณหา ๑ ความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ ๑. ฯลฯ นี้ชื่อว่าความรัก ด้วยอำนาจตัณหา. ฯลฯ นี้ชื่อว่าความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ.

    คำว่า เมื่อเห็นโทษอันเกิดแต่ความรัก ความว่า เมื่อเห็น เมื่อแลเห็น เมื่อเพ่งดู เมื่อพิจารณาเห็น ซึ่งโทษในความรักด้วยอำนาจตัณหา และในความรักด้วยอำนาจทิฏฐิ เพราะ ฉะนั้นจึงชื่อว่า เมื่อเห็นโทษอันเกิดแต่ความรัก พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.

    เพราะเหตุนั้น พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้นจึงกล่าวว่า ความรักทั้งหลายย่อมมีแก่บุคคลผู้มีความเกี่ยวข้อง. ทุกข์นี้ เป็นไปตามความรัก ย่อมปรากฏ. บุคคลเมื่อเห็นโทษอันเกิด แต่ความรัก พึงเที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2012
  9. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ที่ใดมีทุกข์ ที่นั่นมีสมุทัย นิโรธ และนิโรธคามินีปฏิปทา
    มีทุกข์ ก็เผชิญหน้ากับมัน
    แจ้งในอริยสัจสี่
     
  10. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    น้อมนำเข้ามา ไตรลักษณ์
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนที่แน่นอนยั่งยืน
    แม้สิ่งที่รัก หรือทุกข์สุข หรือแม้ขันธ์๕ ล้วนไม่เที่ยง
    น้อมเข้ามาเป็นโยนิโสมนสิการ
    เห็นไตรลักษณ์ เห็นโลก เหนือโลก พ้นโลก พ้นรัก พ้นหลง พ้นยึด พ้นสงสาร
    พ้นทุกอย่างคือความไม่ยินดียินร้าย
    ;aa26;aa30love_;aa15;aa17
     
  11. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=YFe3JIYs42c&feature=player_embedded]Buddha Thus Have I Heard - 26 พระราหุลราชกุมารบรรพชา - YouTube[/ame]
     
  12. อุรุเวลา

    อุรุเวลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,002
    พระโพธิญาณเถร(ชา สุภทโท)

    ชีวิตแต่งงานครอบครัว (อุปมาด้วยถูกครอบและถูกทิ่มแทง, อสรพิษ)
    ครอบหมายความว่า งุม (ภาษาอีสาน) คนเราอยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรมาครอบมางุมมันสบาย
    หายใจก็สบายเดินไปเดินมาก็สบายลองเอากะเพียด (รูปร่างเหมือนสุ่ม)มาครอบเดี๋ยวนี้ซิจะอยู่
    สบายไหมนี่หมายถึงการครอบ ครัวก็หมายถึงการทิ่มแทงถ้าหากมีคนหนึ่งเอาอะไรมาครอบ
    อีกคนหนึ่งเอาหอกไปทิ่มแทง ไปแหย่จะอยู่ตรงไหนก็อยู่ไม่ได้นี่คือครอบครัว บรรพบุรุษเราตั้ง
    ชื่อว่าครอบครัวคือ มันยุ่งนั่นเองมันมีปัญหาหลายเราจะต้องพากันมาแก้ความยุ่งทั้งหลาย
    เหล่านี้ ให้ตัดความยุ่งใจ นั่นใจของเรา วันนี้แต่งงานกันก็รักกันหวงกันดีอยู่แต่ว่ามันไม่เป็น
    อย่างนี้ไปเรื่อย ๆ นะ เหตุการณ์ข้างหน้าโน้นมันยังมีมากกว่านี้ บางทีมันจะเกลียดกันก็ได้นะ
    เกลียดจนแทบเลิกกันกาแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นของสําคัญ เช่นการทํามาหากิน ผู้หญิงหรือผู้ชาย
    จะต้องอยู่ในวงจํากัดวงจํากัดของเจ้าของการมาหาสู่กันการใช้จ่ายเงินทองต้องอยู่ในวงจํากัด
    ทั้งนั้น๓๘
    ถ้าเห็นแล้วก็จะไม่เป็นอะไรอย่างงู อสรพิษตัวร้ายๆ มันเลื้อยมาเราเห็น เราเห็นมันก่อนก็หน
    มันไม่ได้กัดเราหรอก เพราะเราได้ระวังมัน ถ้าเราไม่เห็นมัน เดินๆ ไปไม่เห็นก็ไปเหยียบมัน
    เดี๋ยวมันก็กัดเลยศัพท์ที่ว่า ครอบ นี้ศัพท์ทุกข์ ไปไม่ได้มันมีจํากัดแล้ว ต่อไปอีก ครัวก็หมายถึง
    การก่อกวนแล้วทิ่มแทงแล้ว โยมผู้หญิงก็เข้าครัว โขลกพริกคั่วพริกแห้งไหม้ ไอ จาม ทั้งบ้าน
    เลย ศัพท์ ครอบครัว มันวุ่น ไม่น่าอยู่หรอก อาตมาอาศัยสองศัพท์นี้แหละจึงบวชไม่สึก
    ครอบครัวนี้น่ากลัว ขังไว้จะไปไหนก็ไม่ได้ ลําบากเรื่องลูกบ้าง เรื่องเงินทองบ้างสารพัดอย่างอย
    ในนั้น ไม่รู้จะไปที่ไหน มันผูกไว้
    แล้ว ลูกผู้หญิงก็มีลูกผู้ชายก็มี มันวุ่นวายเถียงกันอยู่นั่นแหละจนตายไม่ต้องไปไหนกันละ
     

แชร์หน้านี้

Loading...