ภัยพิบัติในญี่ปุ่นจะหยุดเพียงเท่านี้...จริงหรือ

ด้วยสภาพทางธรณีวิทยาแล้ว ญี่ปุ่นยังสุ่มเสี่ยงต่อภัยพิบัติมากกว่านี้ และหากเกิดการระเบิดของโรงงานไฟฟ้านิวเคลีย ย่อมส่งผลร้ายต่อประเทศนี้มาก เท่าที่ดูมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการแยกตัวของแผ่นดิน บางส่วนของเกาะอาจจะแตกออกจากกัน และภัยธรรมชาติ อาจลุกลามไปถึงทางฝั่งแอฟริกา หรืออเมริกาใต้ หรืออเมริการเหนือ และอาจวนกลับมายังฝั่งทวีปเอเชียอีกรอบ ส่วนประเทศไทยอาจมีภัยธรรมชาติในรูปแบบของวาตภัย และอุทกภัยมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการปรับสมดุลของโลก เฉพาะปีนี้ยังมีภัยทางธรรมชาติเกิดขึ้นอีก แต่ขอภาวนาว่าอย่าให้เกิดอีกเลย ถ้าเกิดก็อย่าให้เสียหายล้มตามให้มากกว่านี้ น่าสงสารผู้ที่ตายและสูญเสีย แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ คงได้แต่เฝ้ามอง และทำใจเพราะวันหนึ่งทุกคนย่อมต้องจบชีวิตเหมือนกัน เพียงแต่จะเป็นไปในลักษณะใดเท่านั้น

 

ถ้าแย่สุดๆก็อาจจะจมหายไปหมดเลยทั้งเกาะก็ได้

 

ฉากที่หนึ่งของภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นเริ่มแล้ว แน่นอนว่าฉากที่สอง ฉากที่สาม กำลังตามมา

 

ไม่ถึงขนาดนั้นนะ ผมว่า

 

ผมก็หวังไว้ว่ามันจะไม่เกิด แต่ที่ผ่านมาตามที่คาดไว้มันเกิดเกือบจะทั้งหมด มีผิดพลาดบ้างคือเรื่องของระยะเวลาในการเกิด กับขนาดความรุนแรงของการเกิด ถ้าสิ่งที่คาดการณ์ในปีนนี้เกิดขึ้นจริง ในปีหน้ามันก็หนักเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนในหนัง 2012 ซึ่งเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุด คือ แผ่นดินไหวครับ แต่อย่างไรประเทศไทยก็ไม่เจอขนาดหนักเหมือนต่างประเทศ ครับ

 

คิดว่ามันแค่เริ่มต้น ขนาด กทม. เอง เดือนนี้มีตั้ง 3 ฤดู วันก่อนร้อนตับแตก เมื่อวานฝนตกหนัก ตอนเช้าวันนี้อากาศหนาวฟ้าครึ้มเชียว อะไรกันเนี๊ยะ

 

ยังเหลือภูเขาไฟอีกครับ ได้ข่าวว่ากำลังเริ่มปะทุ

 

วันนี้อากาศหนาวมากจริงๆ ด้วย ต่อไปจะปรวนแปรจนถึงขั้นที่ต้องเปลี่ยนเขตเวลาของฤดูกาลกันใหม่แล้วหรือเปล่านะ

 

เหอๆ ประเทศญี่ปุ่นเสี่ยงทั้งประเทศอ่ะครับ ไปดูที่อเมริกาบอกไว้ ประเทศที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวและมีโรงไฟฟ้นิวเคลียร์ ประเทศญี่ปุ่นนี่แดงเกือบหมดเลยอ่ะครับ
แถมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เยอะมากครับ เป็นสิบ

 

ตอนนี้เห็นว่ายังไม่หยุดนะ aftershock ตามมาเรื่อยๆ
และถ้าควบคุมนิวเคลียร์ไม่ได้จะเป็นอย่างไรต่อไป...
คงต้องเตรียมพร้อมนะ..ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว

 

เพราะเขาอยู่ ริงออฟไฟ

 

ตราบใดที่มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่ จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก

 

อ่ะไรเป็นตัวกำจัดคนครับ

 

ประเทศญี่ปุ่นอาจต้องเจอะสภาวะของภัยพิบัติไปอีก 3 เดือน(โดยประมาณ) ภัยธรรรมชาติอาจมีการเกิดขึ้นอีก และอาจมีสภาพของอากาศที่เลวร้ายมากขึ้น หลังจากนั้นภัยธรรมชาติจึงไปเกิดยังจุดอื่นต่อ(สาเหตุจากแกนโลกที่เริ่มเอียง) สิ่งเหล่านี้มีเหตุผลเป็นไปได้ทางหลักการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เพราะทุกอย่างในโลกล้วนมีสัญญานบอกเหตุ เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุการณ์กระทบให้อีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น เพียงแต่การระบุระยะเวลาที่แน่นอน และตายตัวนั้นทำได้ยาก จึงทำได้เพียงแค่มองสิ่งที่คาดการณ์ในความเป็นจริง บนหลักแห่งความเป็นจริงให้มากที่สุด

 

:boo::boo::boo:เลิกเดาเสียทีเถอะเห็นมาเยอะแล้วครับ

 

ขอบคุณมากครับที่ท่านเตือนสติด้วยความเป็นห่วง ทุกอย่างเป็นแค่การคาดการณ์หรือเรียกว่าเดาก็ได้ครับ ผมยินดีรับคำตำหนิครับ แต่ผมรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ก่อนมาเล่นในเวปพลังจิตก่อนคลื่นยักษ์จะเกิดในเมืองไทยประมาณ 1 ปี ตอนนั้นได้ไปนั่งฟังคนที่เขาบอกเรื่องซึนามิ ซึ่งผมก็ไม่รู้จักหรอกครับเพราะบอกว่ามันจะเกิด ผมก็ฟังไปงั้นๆ แหละครับ แต่ต่อมามันก็เกิดขึ้นจริง ผมก็เลยลองค้นหาเรื่องราวตรงนี้เลยได้เจอกับเวปนี้ในปี 2005 ก็เข้ามาดูบ้างเป็นบางครั้ง และได้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เป็นพวกกระต่ายตื่นตูม ไม่เป็นแก่นสารเกี่ยวกับการปฏิบัติ ผมก็หันไปวัดสวดมนต์นั่งสมาธิอะไรพวกนี้ดีกว่า จึงได้รับทราบว่าภายนอกก็มีการถึงเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ผมก็ค่อยติดตามดู และคอยติดตามข่าวจากผู้ใหญ่ที่ผมรู้จักบางคนซึ่งไม่ใช่คนที่เขาจะมาพูดอะไรเล่นๆ แบบนี้ และได้รับรู้เกี่ยวกับผู้ปฏิบัติธรรมบางท่านที่ได้ฤทธิ์ทางจิตแต่มักจะไม่ค่อยเป็นที่เปิดเผย ได้บอกกล่าวเรื่องต่างๆให้ฟังบ้าง และได้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่ท่านกล่าวมาเกิดขึ้นหนักบ้าง เบาบ้าง อาจไม่ตรง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็พอให้เกิดความมั่นใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้คงเป็นส่วนของความจริงไม่มากก็น้อย จึงได้เข้ามาตอบในบางกระทู้บ้าง แต่ก็พยามเตือนให้เข้าใจความเป็นไปในเหตุการณ์ที่เกิดและพยามชี้ให้เห็นถึงสัจธรรม อย่าไปห่วงกังวลจนเกินไป ในระหว่างนี้ผมก็พยายามปฏิบัติธรรมไปเรื่อย จนช่วงหลัง 4-5 ปีที่ผ่านมาผมได้ปฎิบัติธรรมกับท่านผู้หนึ่ง ซึ่งมองจากภายนอกก็ไม่มีอะไร แต่ท่านสามารถที่จะสอนเรืื่องของจิต และหลักธรรมต่างได้อย่างอัศจรรย์ ที่ว่าอัศจรรย์คือท่านเรียนหนังสือแค่ ป.4 ไม่ได้ตำรา หรือหนังสือธรรมมะอะไรมากมาย แต่ธรรมะทั้งหลายท่านบอกมันจะออกมาจากจิต รู้ เห็น และเข้าใจด้วยจิต จะเข้าถึงก็ด้วยจิต จะหลุดพ้นก็ด้วยจิต ท่านให้ปฏิบัติไปเพื่อล้างอุปทานของจิต เพื่อให้จิตเป็นจิตสามัญสำนึก มีเหตุมีผล ซึ่งบางอย่างมันมีเหตุมีผลมาจากกฏของกรรม ซึ่งท่านบอกว่า กรรมก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เมื่อผมปฏิบัติมาได้ประมาณ 2 ปี ท่านเห็นว่าผมน่าจะได้รู้เรื่องบางอย่าง จึงค่อยๆบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ มาให้ฟัง ตอนนั้นผมฟังแล้วก็อึ้ง และในปีนั้นที่ท่านบอกมามันเกิดขึ้นจริงๆต่างกันที่ระยะเวลาที่คลาดเคลื่อนไปบ้างเท่านั้น และเหตุที่ผมออกมาบอกกล่าวซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการถูกตำหนิ เนื่องจาก 2 อาทิตย์ก่อนเกิดเหตุในญี่ปุ่นนั้น ได้มีน้องชายของเพื่อนซึ่งเป็นพระปฏิบัติรูปหนึ่ง ได้มีโยมผู้หนึ่งมาพบและเล่าเรื่องราวของการปฏิบัติของท่านและได้มีการพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองแล้วว่าโยมท่านนี้ก็เป็นผู้มีญานรู้ล่วงหน้าในระดับหนึ่ง ท่านได้บอกเล่าว่าในปีหน้า(2555) จะเกิดภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อพระท่านได้ฟังจึงมาฝากถามเพื่อนผม ให้ถามท่านผู้สอนการปฎิบัติให้ผมว่าจริงหรือไม่ คำตอบที่ได้ท่านกล่าวว่าไม่ต้องรอปีหน้า ปีนี้ก็มาแล้วหนักมาก เมื่อได้ฟังคำตอบผมก็ไม่คิดอะไร แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นผมจึงตัดสินใจบอกกล่าวเพื่อหวังว่าท่านผู้ปฎิบัติธรรมทั้งหลายจะได้ไม่ประมาทต่อชีวิตและการณ์ปฏิบัติเพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงเราทั้งหลายที่อยู่ในโลกใบนี้ย่อมได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ผมเล่นเวปนี้มาก็เห็นว่ามีประโยชน์ใช้สื่อสารหรือแสดงความคิดเห็น การตอบกระทู้ของผมก็พยายามให้ไปกระทบกับท่านผู้ใดไม่มีใครถูกและผิด มีแต่รู้กับไม่รู้ และความรู้สูงสุดของผู้ปฏิบัติคือความหลุดพ้น ในใจผมจึงมีแต่การให้กำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติทุกท่าน และอวยพรให้ทุกท่านมีความสุข ผมไม่โทษใครที่ผมถูกตำหนิ แต่ยินดีที่มีคนที่มาอ่านและเตือนสติด้วยความหวังดี ไม่ให้ผมเป็นผู้คิดมากเหลวไหล ผมขอบคุณมากครับเพราะที่ผ่านผมพยายามปฏิบัติและพยายามมองให้เห็นความผิดของตัวเองเท่านั้น คำตำหนิหรือว่ากล่าวผู้อื่นก็พยายามที่จะไม่ให้มี(ยังมีอยู่ครับเพราะเป็นแค่ผู้ปฏิบัติใหม่เท่านั้น) ทุกวันนี้ก็พยายามร่วมกลุ่มกันปฏิบัติก็ได้แค่กลุ่มเล็กๆ ประมาณ 20 คน บ้างคืนไม่มีธุระอะไรก็ไปปฏิบัติ นั้งกันถึงตี 1 ตี 2 เพื่อฝึกความอดทนให้ตัวเอง มีความเพียร เพื่อผลการปฏิบัติต่อไปในอนาคตเท่านั้น ขอบคุณที่ช่วยเตือนสติขอให้ท่านจงมีความสุข และขอให้มีบุญบารมีสูงขึ้นนะครับ

*** จิตคือธรรมชาติ ธรรมชาติของจิตเดิมแท้นั้นบริสูทธิ์ ไม่มีเรื่องราวใดๆ ไม่มีแม้แต่คำภาวนา เพราะสงบระงับจากสิ่งทั้งปวง แต่ที่จิตมีเรื่องราวอยู่ทุกวันนี้ เพราะดวงจิตได้ผ่านภพผ่านภูมิ กายแตกแต่จิตไม่แตกตาม อาศัยบุญกรรมที่ตนทำมาส่งให้ไปเกิดในภพภูมิต่างๆ และได้คอยรับผลเหล่านั้น เวียนว่ายตายเกิดตามหลักของธรรมชาติ เมื่อใดที่รู้จักปล่อยวาง ทำดวงจิตให้บริสุทธิ์ ให้เป็นธรรมชาติเดิมที่เคยเป็น เมื่อนั้นธรรมภายในและธรรมภายนอกย่อมเป็นสิ่งเดียวกันบริสุทธิ์เหมือนกัน เมื่อนำจิตเข้าสู่ธรรมชาติ จิตเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ก็จะแจ้งในธรรมชาติ เข้าถึงหลักธรรมชาติว่าทุกอย่างนั้นเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปโดยหลักของธรรมชาติ เป็นการเข้าถึงด้วยจิตเป็นวิปัสนาญานที่แท้ ไม่ได้เกิดจากความนึกคิด หรือสัญญาใดๆ แต่เป็นจิตที่รู้ จิตที่ตื่น และจิตที่เบิกบาน ญานที่ได้นั้นจะบริสุทธิ์(จิตรู้) จะสามารถทะลวงสภาวะต่างๆ ภพภูมิต่างๆ รู้ในกรรมของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะทุกชีวิตเกิดมาจากธรรมชาติ ศาสตร์ทั้งหลายก็อิงมาจากธรรมชาติ คนจะเกิด จะตาย แผ่นดินจะไหว น้ำจะท่วม ก็มีสัญญานอยู่ในธรรมชาติทั้งนั้น หากจิตเรากลายเป็นจิตในธรรมชาติก็จะรู้เหตุที่จะเกิดได้ แต่ขอให้สิ่งที่รู้อยู่ตอนนี้จงไม่เป็นจริง ขอให้สิ่งศักดิสิทธิ์และบารมีพระพุทธเจ้าได้โปรดเมตตาให้ช่วยเหลือให้ผ่านพ้นไปด้วยเถิด