ภิกษุณีในประเทศไทย

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 31 พฤษภาคม 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ถาม : เมื่อ ๒ วันก่อนนี้ไปดู CNN ค่ะ สัมภาษณ์ภิกษุณีค่ะ ออกCNN ก็พูดดีค่ะ ?

    ตอบ : สัมภาษณ์ของไทยหรือต่างประเทศ ?

    ถาม : ต่างประเทศ ?

    ตอบ : ภิกษุณีของสายต่างประเทศโดยเฉพาะสายมหายานเขาถือว่ายังไม่ขาด

    ถาม : อ๋อ...(ไม่ชัด)...ภิกษุณีของเราน่ะ ...(ไม่ชัด)... ?

    ตอบ : ภิกษุณีของไทยรึ ... ตอนนี้ถ้าเรียกต้องเรียกว่าสามเณรี ไม่ใช่ภิกษุณี เพราะว่าต้องฝึกเตรียม เตรียม ๒ ปี ก่อนบวชภิกษุณี ถ้านับตอนนี้เมืองไทยก็มี ๒ รูปด้วยกัน คือ รูปแรกก็คุณเพลินพิศ รูปที่ ๒ ก็คือสามเณรีธัมมนันทา หรือว่า อาจารย์ฉัตรสุมาลย์ แล้วก็รูปล่าสุด ก็ลูกศิษย์อาจารย์ฉัตรสุมาลย์อีกองค์ ตอนนี้มี ๓ แล้วจ้ะเมืองไทย ใกล้ๆ ตัวอาตมาที่สุดก็คือคุณเพลินพิศ เพราะว่าแกเป็นแม่เลี้ยงของลูกเกด(หัวเราะ) แม่เลี้ยงของลูกเกด เจ้าลูกเกดมันลูกเลี้ยงอาตมาอีกทีหนึ่ง

    งั้น... ถ้าหากว่านับการบวชอย่างนั้นเป็นภิกษุณี ก็แปลว่าเมืองไทยมีแล้ว ๓ องค์ แต่จริงๆ เขายังเรียกว่าสามเณรีอยู่ เป็นสามเณรผู้หญิงไปก่อน รอปฏิบัติครบ ๒ ปี แล้วก็ค่อยบวชเป็นภิกษุณี ทุกคนมีหลักการของตัวเองทั้งนั้น เพียงแต่ว่าจริงๆ แล้วการบวช บวชใจสำคัญกว่า เป็นนักบวชหัวดำนี่แหละ ตั้งใจถือศีลปฏิบัติธรรมไป มันจะได้ผลเร็วกว่าง่ายกว่า

    อย่างเช่นว่า ของฆราวาส ต้นทุนก็คือศีล ๕ ถ้าหากว่าเปรียบการผิดศีลการล่วงศีลเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายนั้นก็มีหลุมแค่ ๕ หลุมเท่านั้น เดินหลบไปหลบมาก็พ้นได้ง่าย พอเป็นพระขึ้นมา ถนนสายนั้นสองร้อยกว่าหลุมมีสิทธิ์ร่วงเยอะเลย ปรากฏว่าภิกษุณีเยอะกว่านั้นอีก สามร้อยกว่าแน่ะ ถ้าหากว่าเอากันตามตรงแล้ว ไม่เอาชนะคะคานกันในลักษณะถือทิฏฐิว่าเราจะทำให้ได้ เป็นฆราวาสดีกว่าเป็นง่ายกว่าเยอะเลย

    เพราะว่าเรื่องของภิกษุณีของประเทศไทยเรามีมาตั้งแต่ยุคต้นๆ แล้วโน่น สมัยนรินทร์กลึง บวชลูกสาวตัวเองเป็นภิกษุณียังงั้น แล้วก็จนกระทั่งมายุคอาตมาเด็กๆ ก็คุณแม่วรมัย กบิลสิงห์ คุณแม่ของอาจารย์ฉัตรสุมาลย์ เขานั่น...ก็บวชเป็นภิกษุณีเสร็จแล้วก็สร้างวัตรทรงธรรมกัลยาณีที่นครปฐมขึ้นมา “วัตร” ตัวนี้เขาจะไม่ใช้ “วัด” เพราะว่ามันจะตรงกับคำว่าวัด ในศาสนาที่เป็นวัดที่พระอยู่ทั่วๆ ไป แต่เขาใช้ “วัตร” “ต” “ร” สะกดซึ่งมันแปลว่า “แบบอย่าง” วัตรทรงธรรมกัลยาณี เขาใช้เสียงพ้องน่ะ ให้คนได้ยินว่ามันเป็นวัดเสร็จแล้วยุคนั้นก็ซาๆ ไป มาถึงสมัย อ.ฉัตรสุมาลย์นี่ ก็มีการปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด เพราะว่าได้รับการวางแบบแผนมาจากคุณแม่วรมัยอยู่แล้ว ตัวท่านเองก็ยังจบดอกเตอร์มาด้วย ก็ได้รับการยอมรับจากสังคมมาก ในเมื่อท่านเองบวชเป็นภิกษุณีขึ้นมา เรื่องที่เคยคัดค้านรุนแรงมันก็เบาลง ตอนนี้พอท่านบวชเพิ่มขึ้นมาอีก เสียงคัดค้านมันเลยน้อยลงไปเรื่อย





    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนตุลาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ



    .
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<O:p</O:p
     
  3. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>ขออนุโมทนาธรรมเป็นอย่างสูงค่ะ

    เมืองไทยมีบวชหรือเปล่าคะ แล้วบวชได้ที่ไหน
     
  4. duangjaij

    duangjaij เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +322
    มีบวชสามเณรี ที่วัตรทรงธรรมกัลยาณี จ.นครปฐม เข้าไปดูตามลิ้งค์ที่ให้ไว้ได้เลยThai Bhikkhunis - ˹
     
  5. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    กิเลสไม่ได้อยู่ที่ผ้าครอง

    ก่อนอื่นคงต้องขอบอกว่า ไม่ใช่เรื่องของการกีดกัน สตรีเพศนะครับ...

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table width="100%" bgcolor="#222244" border="1" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>
    • ดร.ฉัตรสุมาลย์ บรรพชาเป็นภิกษุณี โดยคณะภิกษุสงฆ์ และภิกษุณีสงฆ์ สยามนิกาย ประเทศศรีลังกา ที่ประเทศศรีลังกา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544 มีฉายาว่า ธัมมนันทา ปัจจุบันจำพรรษาอยู่ที่ วัตรทรงธรรมกัลยาณี ตำบลพระประโทน จังหวัดนครปฐม (สามเณรี และ ภิกษุณี ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากคณะสงฆ์ไทย)
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    ถ้าอ้องจะกราบไหว้แม่ชีฉัตรสุมาลย์ ...
    อ้องขอกราบไหว้ท่านที่ศีล คุณธรรม ความบริสุทธิของใจและการพยายามประหารกิเลสที่ใจไม่ใช่ที่ผ้าครอง ที่เพศครับ

    คำว่ากิเลสไม่ได้อยู่ที่ผ้าครองนั้นคือ เราจะประหารกิเลสได้ที่ไหนต่างหาก

    ถ้าอ้องเคารพในพระธรรมอันบริสุทธิ์ของนิกายเถรวาท ที่พยายามรักษา
    พระธรรมและข้อพึงปฏิบัติ์ตามพระวินัยมาอย่างเคร่งครัดแล้ว

    อ้องก็คงไม่ก้าวล่วงให้เกิดปัญหาที่จะตามมาอย่างมากมายในอนาคต

    พระพุทธองค์ตรัสทำนายเอาไว้แต่แรกแล้วว่า พระภิกษุณีจะสิ้นไปหลังจากพระพุทธองค์ปรินิพานไป300ปี มาในภายหลัง

    พระภิกษุณีองค์สุดท้ายหลังจากสิ้นไปเพราะอายุขัย หรือการสืบเนื่องหายไป
    ก็เป็นอันสิ้นสุด พระภิกษุณีไปเสียแล้ว ...

    เมื่อขาดพระภิกษุณีเป็นผู้อุปัชณาย์...ในฝ่ายหญิง แล้วจะมาแก้ไขพระธรรมวินัยกันได้เช่นไร

    (อุปัชฌาย์
    (/อุ-ปัด-ชา/ หรือ /อุบ-ปัด-ชา/) ความหมายผู้เข้าไปเพ่ง กล่าวคือ ได้แก่ผู้คอยดูแลเอาใจใส่ คอยแนะนำพรำเตือนลัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์) ของตน) สิ่งที่ขาดหายไปคือผู้รู้จริง ผู้เพ่งเตือน ผู้อบรม

    นั่นก็คืออาจารย์ใหญ่ในฝ่ายหญิงหายไปและจะปรับแก้ไขพระธรรมวินัยกันเองจะถูกต้องกระนั้นหรือครับ

    ต่อมานิกายอื่นก็ได้ปรับแก้ไข ให้มีการบวชได้อีกในฝ่ายพระภิกษุณีของศรีลังกา

    สิ่งที่ขาดไปจะมาเชื่อมต่อโดยปรับแก้ไข ทำได้หรือไม่ก็คงต้องใช้ปัญญาพิจารณาดู

    ถ้าเราดูแม่ชีที่เป็นพระอริยบุคคล หลังจากเผาสรีระอัฐิกลายเป็นพระธาตุ
    ก็บ่งบอกแล้วว่า ท่านเหล่านั้น ไม่ยึดติดในผ้าครองตั้งแต่แรก...

    ท่านรู้ว่าสิ่งใดสมควร สิ่งใดไม่สมควร สิ่งใดที่จะทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง
    ก็จะไม่พึงกระทำมาตั้งแต่ต้น

    เปรียบเสมือนท่านสู้กับกิเลส ไม่ได้สู้เพื่อทิฎฐิ เพื่อต้องการให้คนสักการะบูชา
    ท่านสู้กับศีล อริยมรรค สติ คุณธรรมภายในต่างหาก

    ในทางโลก พระภิกษุในทางพระธรรมวินัยที่รักษาศีล และคุณธรรมมีน้อยลงไป
    อลัชชีมีมากมาย ภัยแห่งเพศหญิงที่อยู่ในวัดยิ่งมากขึ้นเป็นลำดับ

    ในอนาคตเมื่อนิกายเถรวาทย่อหย่อนลงไป ฝ่ายภิกษุณีในนิกายอื่นก็จ้องพยายามแก้ไขเพื่อให้เกิดภิกษุณีตามมาและกลายเป็นข้อพิพาทและความเสื่อม
    ของพระพุทธศาสนาครั้งสำคัญในอนาคต...

    หญิงชายใกล้กันไม่ได้ ยิ่งใกล้กันยิ่งเกิดปัญญาหามากมาย
    กิเลส ตัณหา ราคะ ในสถานที่ที่ต่อสู้กับกิเลส
    ถ้าปราศจากพระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุณีที่ทรงพระวินัย ที่มีคุณธรรมเสียแล้ว

    ในอนาคตแทบพูดไม่ถูกเลยว่า สามเณรรีที่คิดว่าเป็นพระภิกษุณี ครองผ้าเหมือนพระสงฆ์ ต้องการการสักการะ การยอมรับแค่ผ้าครอง จะมีอะไรเกิดขึ้นตามมา เมื่อคิดว่า ทุกอย่างต้องเท่าเทียม โดยลืมพระธรรมวินัย...

    อนุโมทนาครับ... ผิดพลาดขออภัย
    อ้องไม่มีเจตนาล่วงเกินท่านที่มุ่งสู่เส้นทางทำลายกิเลสแต่อย่างใด
    เพียงแต่ขอให้พึงไตร่ตรองพิจารณาสิ่งที่จะตามมาในอนาคตเพราะผลแห่งการกระทำของตน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  6. teera-chang

    teera-chang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ใครพอทราบรายละเอียดเรื่อง หลวงแม่ วรมัย กบิลสิงห์ จำได้แต่ว่าท่านเจ้าคุณวัดสามพระยาท่านเมตตาบวชให้ อยากรู้ว่าทำไมท่านถึงบวชให้คงต้องมีเหตุเป็นแน่ท่านถึงให้บวชเพราะสมัยนั้นถูกโจมตีง่าย และอีกอย่าง ท่านเจ้าพระคุณท่านองค์นี้หลวงพ่อท่านว่าท่านเคารพเหมือนพ่อ
     
  7. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932

    ขอบคุณค่ะสำหรับอีกหนึ่งความคิดที่อ่านแล้วทำให้ได้อีกหนึ่งมุมมองที่แตกต่างไป โมทนาค่ะ
     
  8. เด็กเมื่อวานซืน

    เด็กเมื่อวานซืน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    344
    ค่าพลัง:
    +1,222

    แต่เท่าที่ผมจำได้ ท่านไปบวชจากต่างประเทศมานะครับ ไม่ ไต้หวัน ก็ ศรีลังกา ครับ
     
  9. ming1627

    ming1627 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +15
    ดังนั้นภิกษุณีที่ทรงอุปสมบทให้องค์แรกได้แก่ พระมหาปชาบดีโคตมีเถรี ซึ่งบวชเป็นภิกษุณีรูปแรกในโลกด้วยการรับ ครุธรรมแปดประการ (ท่านเป็นรูปเดียวที่บวชด้วยวิธีเช่นนี้)

    ต่อมาพระพุทธองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์ในการรับผู้ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุณี และวางวินัยของภิกษุณีไว้มากมาย เพื่อกลั่นกรองผู้ที่ประสงค์จะบวชและมีศรัทธาจริง ๆ เช่น ภิกษุณี เมื่อบวชแล้วต้องถือศีลถึง 311 ข้อ มากกว่าพระภิกษุซึ่งถือศีลเพียง 227 ข้อ (วินัยของภิกษุณีที่มีมากกว่าพระภิกษุ เพราะผู้หญิงมีข้อปลีกย่อยในการดำรงชีวิตมากกว่าผู้ชาย เช่น ต้องมีผ้ารัดถัน (ผ้ารัดอก) ซึ่งผู้ชายไม่จำเป็นต้องมี เป็นต้น)

    ปัจจุบันการอุปสมบทเป็นภิกษุณี เหลือแต่ในพระพุทธศาสนาฝ่ายอาจริยวาทก่อนที่ผู้หญิงจะบวชเป็นภิกษุณีได้นั้น ต้องบวชเป็น "สิกขมานา" เสียก่อน สิกขมานาเป็นสามเณรีที่ต้องถือศีล 6 ข้ออย่างเคร่งครัดเป็นเวลา 2 ปี หากศีลขาดแม้แต่ข้อเดียวจะต้องเริ่มนับเวลาใหม่

    การบวชเป็นสิกขมานา จะบวชได้ต้องอายุครบ 18 ปี เพราะว่าคนที่จะบวชเป็นภิกษุณีได้นั้นต้องอายุครบ 20 แต่สำหรับหญิงที่แต่งงานแล้ว พระพุทธองค์อนุญาตให้บวชเป็นสิกขมานาได้ตั้งแต่อายุ 12 เพราะว่าคนที่แต่งงานจะได้เรียนรู้ความยากลำบากของชีวิต รู้จักสุข ทุกข์ เมื่อรู้จักทุกข์ก็จะรู้จักสมุทัย นิโรธ มรรค ได้ จนนำไปสู่การบรรลุในที่สุด


    การบวชเป็นภิกษุณี
    เมื่อผู้ที่ประสงค์จะบวชเป็นภิกษุณี ได้เป็นสิกขมานา ถือศีล 6 ข้อครบ 2 ปีแล้ว แล้วจึงมีสิทธิ์ที่จะเข้าพิธีอุปสมบท โดยต้องอุปสมบทในฝ่ายของ ภิกษุณีสงฆ์ ก่อน แล้วไปเข้าพิธีอุปสมบทในฝ่าย ภิกษุสงฆ์ อีกครั้งหนึ่งจึงจะเป็นภิกษุณีได้โดยสมบูรณ์ (บวชในสงฆ์สองฝ่าย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...