เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗

​

 

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศทางจังหวัดสกลนครอยู่ที่ ๑๓ องศาเซลเซียส กำลังเย็นชื่นใจ ตั้งแต่ตี ๓ กระผม/อาตมภาพก็ออกไปเดินจงกรมภาวนารอบวิหารหลวงพ่อองค์แสนและพระบรมธาตุเชิงชุม อุทิศส่วนกุศลให้กับเทพเจ้าที่รักษาหลวงพ่อองค์แสนและพระบรมธาตุเชิงชุมในทิศทั้ง ๔ แล้วก็นิมิตเห็นพญานาคสีทองอร่ามตนหนึ่ง ผุดโผล่ขึ้นมาที่กลางลานพระบรมธาตุเชิงชุม บอกว่า "ขอให้พระคุณเจ้าช่วยในการบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระบรมธาตุในชิ้นส่วนที่ ๔ นี้ด้วย..!"

กระผม/อาตมภาพถามว่า "ท่านมีนามว่าอะไร ?" ท่านบอกว่า "สุวัณณนาคราช เป็นบริวารของท่านมณิอักขินาคราช" ถามต่อไปว่า "ท่านมณิอักขินาคราชคือใคร ?" ท่านบอกว่า "เป็นพญานาคผู้ที่มีประวัติอยู่ในคัมภีร์มหาวงศ์"

ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพศึกษามาน้อย เมื่อสอบถามต่อไปถึงได้รู้ว่าที่ประเทศศรีลังกานั้นมีรูปของมณิอักขินาคราช ซึ่งเป็นพญานาคที่คอยดูแลพระบรมธาตุเจดีย์ และต้นพระศรีมหาโพธิ์อยู่ที่วัดเกลานิยะวิหาร ซึ่งกระผม/อาตมภาพเคยขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปในวิหารนั้นมา ๒ วาระแล้ว และก็ยังถ่ายรูปท่านมณิอักขินาคราชมาด้วย

กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวกับท่านว่า "ในปีหน้านั้นจะมีการฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ ขอให้ท่านอนุโมทนาด้วย" ท่านจึงขอมีส่วนในการที่จะร่วมงานฉลอง โดยให้กระผม/อาตมภาพนำเอาพระขุนแผนเกราะเพชรที่มีอยู่ มาออกให้ญาติโยมทั้งหลายได้บูชากัน เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพในงานฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ และถวายสังฆทานต่อพระสงฆ์ชาวศรีลังกา ๕๐๐ รูป ปัจจัยอีกส่วนหนึ่งให้แบ่งมาร่วมบูรณะชิ้นส่วนที่ ๔ ของยอดองค์พระบรมธาตุเชิงชุมในที่นี้

จึงได้เรียนกับท่านไปว่า "ระยะนี้เศรษฐกิจไม่ดี ญาติโยมทั้งหลายขาดความคล่องตัว พระขุนแผนเกราะเพชรที่กระผม/อาตมภาพเหลืออยู่นั้น เป็นพระที่ฝังตะกรุดทองคำและตะกรุดนาก ซึ่งราคาค่อนข้างสูง ญาติโยมน่าจะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะร่วมบูชาเพื่อที่จะร่วมบุญใหญ่ทั้งสองแห่งในครั้งนี้" ท่านบอกว่า "ให้ลดราคาลงมาให้ต่ำสุดเท่าที่จะทำได้"

กระผม/อาตมภาพจึงมาคิดแล้วกล่าวว่า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าหากว่าญาติโยมท่านใดที่ร่วมบุญมาทั้งสองแห่ง ก็ขอฝากท่านพญานาคราชและบริวารทั้งหลายช่วยดูแลความปลอดภัย หากท่านทั้งหลายเหล่านั้นเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในประเทศศรีลังกา หรือว่าพระบรมธาตุเชิงชุมที่จังหวัดสกลนครแห่งนี้" ท่านมณิอักขินาคราชก็รับปาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกยินดี เพราะว่ามีบุคคลสำคัญร่วมมาช่วยเหลือการงานในครั้งนี้

 

ช่วงเช้าหลังจากฉันเช้าแล้ว ก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถวายสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพสิทธิโสภณ (สุรสีห์ กิตฺติโสภโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๘ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร กระผม/อาตมภาพกราบเรียนท่านว่า "มาทำการบวงสรวงเพื่อขออนุญาตในการบูรณะยอดส่วนที่ ๔ ขององค์พระบรมธาตุเชิงชุมครับ" หลวงปู่ที่ท่านร่างกายไม่ค่อยจะดียังอุตส่าห์มีการแซวติดตลกว่า "ขุดทองเองได้หรือ ?" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายไปว่า "จังหวัดกาญจนบุรีแปลว่าเมืองทองครับ..!" ทุกคนก็เลยหัวเราะกันใหญ่

หลังจากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ถวายสักการะต่อพระเดชพระคุณพระราชวชิราทร (วินัย สจฺจวํโส ป.ธ. ๕) เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร แล้วก็ทักทายกับพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็คือหลวงพ่อพระครูณรงค์ศักดิ์ (พระครูกิตติธรรมนิวิฐ) รองเจ้าคณะจังหวัดสกลนครอีกรูปหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นพระวิปัสสนาจารย์ ๖๔ ด้วยกัน แล้วก็ชวนกันไปทำการบวงสรวงขออนุญาตอย่างเป็นทางการ โดยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณสุรสีห์ (พระเทพสิทธิโสภณ) ท่านเมตตาให้คนเข็นรถนำท่านออกไปนั่งเป็นประธานให้

เมื่อทำการบวงสรวงแล้วก็มีการเจริญพระพุทธมนต์ฉลอง ตามด้วยการแสดงของชมรมรักพระบรมธาตุ ซึ่งขนเอานางรำมาถึง ๑๕๐ คน..! ทำการฟ้อนภูไทยในเพลง "สกลนครบ้านเฮา" อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อเจ้าคุณวินัย (พระเดชพระคุณพระราชวชิราทร) เจ้าคณะจังหวัดสกลนครบอกว่า "ผมสนับสนุนให้นางรำทั้งหลายเหล่านี้ออกงานทุกครั้งที่มีโอกาส งานเล็ก ๆ แบบนี้ก็มา ๑๕๐ คน ถ้างานใหญ่ ๆ อย่างงานฉลองพระบรมธาตุเชิงชุม ก็มากัน ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ คน จนรอบลานพระบรมธาตุนี้แทบจะไม่มีที่ให้ยืน..!"

กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ยังรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าตนเองนั้นถึงแม้ว่าจะสนับสนุนการแสดงของเด็ก ๆ ทุกโรงเรียนในอำเภอทองผาภูมิ แต่เมื่อเปรียบกับงานของหลวงพ่อเจ้าคุณวินัย ที่ท่านสามารถดึงเอาญาติโยมมาทีหนึ่ง ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ คนแบบนี้ เรื่องที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่กลายเป็นเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ในงานของท่านเท่านั้น

เมื่อเสร็จจากการชมฟ้อนรำแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็นำเข้าไปในองค์พระบรมธาตุ ซึ่งมีพระพุทธรูปสำคัญที่องค์ในหลวง สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง ได้ถวายบูชาองค์พระบรมธาตุเชิงชุมมา ตลอดจนกระทั่งพระธาตุก้อนข้าวก้นบาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..!

 

ตามประวัติว่าพระพุทธองค์ท่านเสด็จมาประทับรอยพระบาทเอาไว้บนแผ่นศิลา รวมกับรอยพระพุทธบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภัทรกัปนี้อีก ๓ พระองค์ จึงได้มีชื่อว่าพระบรมธาตุเชิงชุม แล้วพระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหาร ก็ได้ถวายภัตตาหารต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ท่านเสวยแล้ว ได้ประทานข้าวเหนียวก้นบาตรให้ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งกลายเป็นพระบรมธาตุองค์สำคัญที่บรรจุอยู่ภายในพระบรมธาตุเชิงชุมแห่งนี้

แล้วทางหลวงพ่อสุรสีห์ยังอุตส่าห์เมตตาอนุญาตให้หลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร อุ้มเอาก้อนข้าวก้นบาตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งกลายเป็นพระธาตุ คือเป็นหินทั้งองค์แล้ว ออกมาให้ญาติโยมได้ปิดทองเป็นพุทธบูชาอีกด้วย ทำให้ทุกคนได้ชื่นอกชื่นไปตาม ๆ กัน

กระผม/อาตมภาพเมื่อถวายสักการะแล้ว ก็ออกมากราบหลวงพ่อองค์แสนทางด้านนอก นอกจากกราบขอบพระคุณแล้วยังเป็นการกราบลา ถ้ามีโอกาสจะมาถวายสักการะใหม่ แล้วก็มานั่งรอรับการสักการะจากหลวงพ่อนิลและคณะ ที่มาถวายมุทิตาเนื่องในโอกาสที่มหาเถรสมาคม มีมติแต่งตั้งให้กระผม/อาตมภาพเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อรับปัจจัยไทยธรรมจำนวนหลายหมื่นบาทมาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ถวายคืนให้กับหลวงพ่อนิล เพื่อร่วมในการบูรณะพระบรมธาตุเชิงชุมในครั้งนี้ แล้วไปฉันเพลร่วมกับหลวงพ่อเจ้าคุณวินัย และท่านพระครูณรงค์ศักดิ์ เมื่ออิ่มแล้วก็ขออนุญาตท่านเลยว่าขอลาแค่ตรงนี้ เนื่องเพราะว่าท่านอาจจะงานยุ่งจนไม่มีเวลาที่จะมาลากันอีก

หลวงพ่อเจ้าคุณวินัยยังฝากความคิดถึงเพื่อน ก็คือ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งว่าวันที่ ๗ เดือนหน้าจะมีงานฉลองพระบรมธาตุเชิงชุม ถ้าหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีว่าง ช่วยเรียนถวายให้ท่านมาร่วมงานด้วย

กระผม/อาตมภาพกราบลาแล้ว ได้มาทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน เนื่องเพราะว่าบริเวณท่าอากาศยานสกลนครนั้น ไม่สะดวกในการที่จะบันทึกเสียง เนื่องเพราะว่าขาดเครื่องไม้เครื่องมือ จึงไม่แน่ว่าเสียงจะออกมาดีหรือไม่ดีอย่างไร ? เพราะว่าต้องมาแอบบันทึกอยู่ภายในห้องน้ำ ถ้าเสียงไม่ชัดเจนหรือมีความก้องอยู่บ้าง ก็ต้องขออภัยต่อทุกท่านเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทุกท่านแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)