ติดตามสถานะการณ์

สรุปครบจบจึ้ง! ดราม่า แอดมิน ดร. ขอทาน..ฟรี ร้านบุฟเฟ่ต์ดัง ล่าสุดไม่ขอออกโหนกระแส

จากกรณีดราม่า แอดมินกลุ่มบุฟเฟ่ต์ ไปขอรีวิวกินฟรี กับร้านบุฟเฟ่ต์ Wisdom International Buffet แต่ทางร้านปฏิเสธและให้สมาชิก 2 จากทั้งหมด 4 คน ต้องจ่ายเงิน

จนชาวเน็ตให้นิยามว่า "การศึกษาสูง แต่พฤติกรรมตรงข้าม" แถมยังชวนกันขุดพฤติกรรมเละเทะ มีดีกรีระดับ ดร.จบดุษฎีบัณฑิตจากภาควิชาพฤกษศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง

ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับทุนไปทำวิจัยที่ประเทศอิตาลี อีกทั้งยังได้รับรางวัลวิจัยแห่งชาติ และเงินรางวัลจำนวน 50,000 บาท ซ้ำยังโดนข่าวลือเรื่องนำคูปองอาหารที่ได้จากร้านอาหารชื่อดังต่างๆ ไปโพสต์ขายต่ออีกด้วย

ไม่ต้องหาอ่านที่ไหน coconews อาสาสรุปให้ฟังค่ะ

1. หนึ่งในแอดมินผู้ก่อตั้งกลุ่มบุพเฟ่ต์ ได้อินบ๊อกไปที่ร้าน "Wisdom International Buffet" ว่ากำลังจะไปกินอาหารที่ร้าน และได้รับคูปองจากทางร้านมา 2 ใบ ไม่ทราบว่าต้องจองก่อนหรือไม่ และจะรีวิวได้ไหม ทางร้านก็บอกว่าไม่ต้องจองก่อน สามารถวอล์กอินมาที่หน้าร้านได้เลย

2.แอดมินเฟซบุ๊กคนดังกล่าว ได้สอบถามในการจะขอคูปองเพิ่ม แต่ทางร้านบอกว่าจะสอบถามให้ จากนั้นทางแอดมินก็ได้เดินทางมาที่ร้าน 4 คน และมารอคูปองที่หน้าร้าน 2 ใบ ซึ่งทางร้านยังไม่ให้เข้าไปในร้าน เพราะต้องรอคอนเฟิร์มคูปองก่อน

3.จากนั้น ทางร้านได้ตอบกลับไปว่า ทางร้านได้ส่งคูปองให้ท่านไปก่อนหน้านี้แล้ว 8 ใบ เป็นคูปองราคา 2,000 บาท 4 ใบ กินที่ร้านในเครือของบริษัท และคูปองราคา 1,647 บาท อีก 4 ใบ กินได้ที่ร้าน Wisdom หากทานเกินราคาก็ต้องจ่ายเพิ่ม

4.ทางแอดมินเฟซบุ๊กก็กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมีคูปองแค่ 2 ใบ ตนต้องการคูปองเพิ่ม 2 ใบ แบบเฉพาะที่ทานได้ที่ร้าน Wisdom เนื่องจากมาจ่อที่หน้าร้านแล้ว 4 คน (เดินทางมากดดัน)

***(ขยายความ ทางร้าน Wisdom ได้ให้คูปองกับทางกลุ่มเฟสบุ๊คบุพเฟ่ต์ ไป 8 ใบ จากนั้นแอดมินกลุ่มก็ได้แจกจ่ายให้กลับแอดมินคนอื่น ซึ่งแอดมินที่มีปัญหาได้มาเพียง 2 ใบ เท่ากับว่าคูปองอยู่ที่คนอื่นอีก 6 ใบ)***

5. หลังจากนั้นแอดมินกลุ่มบุฟเฟ่ต์ จึงอินบ๊อคเข้าไปตำหนิเป็นข้อความว่า

"ถ้าให้จ่ายผมก็ไม่รีวิวให้นะครับ เพราะมากินเสียเงิน เช็กดูแล้ว คุยกับทางร้าน และร้านคงไม่เข้าใจคำว่ารีวิว รีวิวคือ การมากินแล้วคนกินไม่เสียเงิน แล้วเราไปทำโฆษณาให้ บางร้านนี่คือนอกจากจะได้กินฟรีแล้วยังเสียเงินให้คนรีวิวอีก ไม่ประทับใจทั้งร้าน ไม่ประทับใจทั้งแอดมินเฟซบุ๊กร้าน แล้วให้คุณไปถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถ้าคุณไม่ให้คำตอบ กลุ่มขอแบนร้านนี้และห้ามกล่าวถึงนะครับ"

"ทางกลุ่มขอแบนร้านนะครับ ถ้าทางร้านอยากเสียสมาชิกเกือบ 1 ล้านคนในกลุ่ม กับมูลค่าที่หายไป ก็ตามใจครับ ในเมื่อแลกกับมูลค่าความรู้สึกที่เสียไป เข้าไปดูได้ไหมครับ ผมเป็นแอดมินมีอำนาจควบคุม"

6. แอดมินร้านจึงตอบกลับว่า "คุณแนะนำตัวแค่ว่าเป็นแอดมิน ไม่ได้บอกว่าเป็นนักรีวิวมืออาชีพ หากอยากจะรีวิวแล้วให้ร้านเสียเงินให้ คุณต้องแนะนำผลงานต่าง ๆ ให้ร้านทราบก่อน คุณไม่ได้มีผลงานมานำเสนอ แต่จะมากินฟรีเลยโดยการอ้างเป็นแอดมิน ทางร้านจึงไม่สามารถทำให้ได้"

7. หลังจากนั้นทางร้าน "Wisdom International Buffet" ได้ประกาศชี้แจงบนเพจเฟซบุ๊ค ถึงกรณีดังกล่าว

>>

จนทัวร์ไปลงที่แอดมินกลุ่มบุฟเฟ่ต์ และเฟสบุ๊คส่วนตัว "Santi Saraphol(San)"

8. หนึ่งในแอดมินกลุ่มบุฟเฟ่ต์ออกมาแถลงการณ์ขอโทษ พร้อมยืนยันว่าไม่มีนโยบายแบนร้านไหน และให้ "Santi Saraphol(San) พ้นสภาพจากการเป็นแอดมินกลุ่ม

9 ทวิตเตอร์ Ch3ThailandNews ยังได้ออกมาโพสต์คลิปเสียงสัมภาษณ์สดครั้งแรกของ อดีตแอดมิน พร้อมกับระบุข้อความว่า “เปิดใจที่แรก! “แอดมินสันติ” ปมขอกินฟรีแลกรีวิว ยอมรับอารมณ์ร้อน หลังถูกเรียกเก็บเงิน พ้อชีวิตได้รับผลกระทบเยอะมาก

เสียงสัมภาษณ์ >>

10 .ด้าน “อาจารย์อ๊อด” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ว่า ทางฝั่งอดีตแอดมินจะไปขอโทษกับทางร้านอย่างเป็นทางการ ในวันพรุ่งนี้ ผ่านรายการโหนกระแส

11. ดร.สันติ สาระพล แอดมินที่ถูกแฉเรื่องคูปอง ได้ออกมาโพสต์ข้อโทษแล้ว โดยระบุว่า

"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผมรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อสิ่งทำไป ทั้งข้อความและกิริยาใด ๆ ก็ตามที่ไม่ดีและไม่เหมาะสม ที่เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของผม จากการทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมขอโทษและขออภัยร้าน Wisdom International Buffet

ผมขอรับความผิดไว้เพียงผู้เดียว และจะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นครั้งนี้มาปรับปรุงแก้ไข และระมัดระวังคำพูดและการกระทำต่าง ๆ ในอนาคตให้มากขึ้น ขออภัยต่อทุกท่านที่ได้ผลกระทบจากการเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยครับ"

12. ล่าสุด อาจารย์อ๊อด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ แจ้งว่าอดีตแอดมินขอแถลงผ่านเฟซบุ๊ก และมีความประสงค์ไม่ออกสื่อ

“ขอโทษพี่หนุ่ม รายการโหนกระแส อีกครั้ง อาจารย์อ๊อดเป็นคนประสานพี่หนุ่มเองไม่ได้เกี่ยวกับรายการแต่อย่างไร และขอโทษประชาชนอีกครั้งนะครับด้วยน้องเขาขอแถลงผ่าน facebook แล้ว

และมีความประสงค์ไม่ออกสื่อแล้ว อาจารย์อ๊อดก็เพิ่งลงเครื่องมา 1 ชั่วโมงขาดการติดต่อไป แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของน้อง ต้องขอให้ทุกท่านไปดูที่ Facebook น้องนะครับ”

 

อ่ะ! รวมมาให้แล้ว เงินเยียวยา ม.33 ม.39 ม.40 เท่าไหร่ เมื่อไหร่ เช็คเลย!
.
"จับกัง1" แถลงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในระยะที่ 2 ทั้ง มาตรา 33, 39 และ 40
.
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด-19 ในระยะที่ 2 ว่า สำหรับผู้ประกันตนทุกมาตรา ทั้ง มาตรา 33, 39 และ 40 คาดว่างบประมาณจะเข้ามาที่กระทรวงแรงงาน ในวันที่ 15-16 กันยายนนี้ หลังจากนั้น จะมีการจัดทำเอกสารและจะสามารถคิกออฟ (Kick-off) ได้ภายในวันที่ 20 กันยายนนี้
.
ทั้งนี้ ถือว่าเร็วสำหรับการจ่ายเงินเยียวยาในการจ่ายเงินเยียวยาคนกว่า 10 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันจ่ายไปได้กว่าร้อยละ 98 ส่วนที่ขาดหายไปนั้น เป็นส่วนที่ได้ทำการประสานงานกับลูกจ้าง หรือนายจ้างไปแล้วว่าให้รีบทำการผูกพร้อมเพย์ เพราะเมื่อผูกพร้อมเพย์เมื่อไหร่ เงินก็จะเข้าเมื่อนั้น โดยจะโอนเงินทุก 5 วัน หรือ 7 วัน ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้
.
สำหรับไทม์ไลน์การจ่ายเงินเยียวยา
.
1.ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 19 จังหวัด ที่สมัครขึ้นทะเบียนสมบูรณ์ ระหว่างวันที่ 4-24 ส.ค. 64 จำนวน 2.6 ล้านรายขณะนี้สำนักงานประกันสังคม ประมวลผล เปิดตรวจสอบสิทธิเยียวยามาตรา 40 แล้ว ประมาณวันที่ 15 ก.ย.64 จะได้รับงบประมาณจากกระทรวงการคลัง จากนั้น ในช่วงวันที่ 20-30 ก.ย. 64 จะเริ่มโอนเงินแก่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ที่ได้รับสิทธิ โดยวันโอนที่แน่นอนจะกำหนดอีกครั้ง แต่อยู่ในช่วงวันที่ 20-30 ก.ย.64 โดยกลุ่มนี้ จะได้รับเงินรอบแรก 5,000 บาท
.
สำหรับผู้ที่อยู่ใน 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จะได้รับสิทธิเยียวยา 2 เดือน จะได้รับเงินเยียวยาคราวละ 5,000 บาท หรืออาจได้รับคราวเดียว 10,000 บาท
.
2.ผู้ประกันตนมาตรา 33 ใน 9 กลุ่มกิจการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนด ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จะได้รับเยียวยา รอบ 2 อีกคนละ 2,500 บาท เงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ช่วงวันที่ 20- 30 ก.ย.64
.
3.นายจ้างมาตรา 33 ใน 9 กลุ่มกิจการ ที่ ครม.กำหนด ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จะได้รับเงินเยียวยานายจ้าง ตามจำนวนลูกจ้างหัวละ 3,000 บาท ไม่เกิน 200 คน หรือสูงสุด 600,000 บาท เงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ในห้วงวันที่ 20- 30 ก.ย. 64
.
4.ผู้ประกันตนมาตรา 39 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จะได้รับเยียวยารอบ 2อีกคนละ 5,000 บาท เงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ในห้วงวันที่ 20- 30 ก.ย.64
.
5.ผู้ประกันตนมาตรา 40 ในพื้นที่ 13 จังหวัด ที่ประกาศล็อกดาวน์ 2 เดือน คือ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา จะได้รับเยียวยารอบ 2อีกคนละ 5,000 บาท เงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์ในห้วงวันที่ 20- 30 ก.ย. 64

 

วันก่อนผมเห็นตัวเลข ATK บวกแล้ว RT-PCR เป็นลบที่ 20% ( ข้อ 11) นึกว่าน่าจะเป็นแค่วันเดียว วันนี้ลองตามตัวเลขนี้ดูอีกพบว่า ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ ตัวเลขที่บอกว่าคนเกือบครึ่งนึงที่ได้ ATK เป็นบวก แล้วไม่สามารถตรวจยืนยันได้ด้วย RT-PCR แบบนี้ เหมือนจะบอกว่าคุณภาพของ ATK หลากหลายชนิดที่ใช้ๆกันอยู่ ในเรื่องของความจำเพาะ ( specificity) ที่ต้องสูงมากอาจจะต้องถูกทบทวนนะครับ

 

ฝรั่งเศส : ฝนตกหนักน้ำท่วมทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ใกล้เมือง bernis ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองนิม แคว้นอ็อกซีตานี
14 กันยายน 2564

น้ำท่วมฉับพลัน ทางด่วนการจราจรทางรถไฟไม่สามารถใช้งานได้

 

วันพุธที่ 15 กันยายน 2564
ติดเชื้อ 13,798 ราย เสียชีวิต 144 ราย

 

บริษัทสตาร์ทอัพที่ชื่อ Colossal ประกาศระดมทุน 15 ล้านดอลลาร์และวางเป้าหมายจะฟื้นคืนชีพแมมมอธจากการสูญพันธุ์ให้ได้ภายในปี 2570) โดยใช้ CRISPR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการแก้ไขยีนที่ปฏิวัติวงการ
.
พวกเขาเผยเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมาว่า จะใช้ CRISPR ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าระดับปฏิวัติวงการเพื่อทำการการแก้ไขยีน สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ DNA ของแมมมอธ
.
ถึงแม้ว่าแมมมอธจะสูญพันธุ์ไปในช่วงยุคโฮโลซีนเมื่อ 11,000 ปีก่อน แต่นักวิทยาศาสตร์ค้นพบงาช้างแมมมอธ กระดูก และวัสดุอื่น ๆ แล้วพยายามจัดลำดับ DNA ของพวกมัน
.
แต่นี่ไม่ใช่การสร้างแมมมอธขึ้นมาทั้งดุ้นแบบในภาพยนต์เรื่อง Jurasic Park ที่ดึง DNA ของไดโนเสาร์ออกมาเพื่อสร้างไดโนเสาร์อีกครั้ง แต่ Colossal จะสร้างแมมมอธด้วยการ 'ปะติดปะต่อ'
.
วิธีการของเขาก็คือจะนำ DNA ที่สกัดได้มาแทรกเข้าไปในจีโนมของช้างเอเชียเพื่อสร้าง "ลูกผสมระหว่างช้างกับแมมมอธ" โดยดึงเอาลักษณะเด่นของแมมมอธที่ทนอากาศหนาวมาผสมกับช้างในปัจจุบัน
.
ผลที่จะได้ออกมาคือ ช้างที่จะหูขนาดเล็กและไขมันในร่างกายที่มากขึ้น ทำให้เกิดช้างลูกผสมที่สามารถอาศัยอยู่ในทุ่งทุนดราในไซบีเรียได้อีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีใครเห็นแมมมอธที่นั่นเป็นเวลา 10,000 ปี
.
ผู้ร่วมก่อตั้ง Colossal คือหัวหน้าผู้บริหาร Ben Lamm และ George Church ศาสตราจารย์แห่งคณะแพทยศาสตร์มหาวทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน CRISPR อย่างลึกซึ้ง
.
"ไฮไลท์ที่แท้จริงของเราคือการฟื้นฟูแมมมอธมีขนให้ประสบความสำเร็จ และยังประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ผสมไปปล่อยในในแถบอาร์กติก ตอนนี้เรากำลังมุ่งเน้นไปที่การเพาะลูกแมมมอธกลุ่มแรกของเราในอีก 4-6 ปีข้างหน้า" Lamm กล่าว
.
Colossal ยังหวังที่จะพัฒนามดลูกเทียมเพื่อเลี้ยงตัวอ่อนแมมมอธ เพราะแค่การเพาะแมมมอธขนยาว 10 ตัวกับแม่ช้างที่เป็นแม่อุ้มบุญยังไม่เพียงพอที่จะสร้างฝูงแมมมอธขนาดใหญ่อย่างที่บริษัทคาดหวังไว้
.
คำถามคือเพาะแมมมอธขึ้นมาใหม่อีกทำไม แล้วพวกเขาจะนำมันมาขังไว้ในสวนสัตว์ให้ผู้คนมาเข้าชมแบบใน Jurasic Park หรือเปล่า? คำตอบก็คือเปล่าเลย
.
Lamm กล่าวว่า เป้าหมายของพวกเขาคือการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์และการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพในขณะนี้ ไม่ใช่การนำพวกมันไปไว้ในสวนสัตว์ และการสร้างแมมมอธขึ้นใหม่ยังจะช่วยเป็นคลังรักษามรดกทางพันธุกรรมของช้างเอเชียที่ใกล้สูญพันธุ์ได้ในขณะนี้ด้วย
.
อีกสายพันธุ์หนึ่งที่ Colossal ต้องการสร้างใหม่คือแรดขน เป็นแรดที่สูญพันธุ์แล้วซึ่งพบได้ทั่วไปทั่วยุโรปและเอเชียในช่วงยุคไพลสโตซีน และสัมพันธ์กับแรดสุมาตราที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง
.
ผลพลอยได้อีกอย่างก็คือ พวกเขาจะสามารถโปรโมทเทคโนโลยี CRISPR ของพวกเขาซึ่งเป็นวิศวกรรมจีโนมมัลติเพล็กซ์ที่เร่งการแก้ไขทางพันธุกรรมโดยทำการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในดีเอ็นเอในครั้งเดียว และ George Church หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท พัฒนาเทคโนโลยีนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น
.
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Ecology & Evolution พบว่าโครงการพลิกกลับการสูญพันธุ์ หรือ de-extinction จะมีราคาแพงอย่างเหลือเชื่อ
.
นักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการศึกษานี้เชื่อว่าเงินของภาครัฐหรือเอกชนที่ใช้ไปกับความพยายามในการทำ de-extinction ควรจะถูกนำมาใช้ในการปกป้องสายพันธุ์ที่มีอยู่ได้ดีกว่า
.
ข้อเสียอื่นๆ ได้แก่ สัตว์ที่ฟื้นคืนชีวิตอาจมีเชื้อโรคชนิดใหม่ที่อาจติดเชื้อในมนุษย์ รวมไปถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย บางคนจึงบอกว่ามันคือการพยายาม "สวมบทบาทเป็นพระเจ้า" ของมุนษย์ที่อาจส่งผลเสียมากกว่า

ข้อมูลจาก
• Stephen Shankland. (September 13, 2021). "CRISPR startup wants to resurrect the woolly mammoth by 2027". CNET.
• "Biotech firm says it can resurrect extinct woolly mammoth". (September 14, 2021). DW.
• (Sep 13,2021) Firm raises $15m to bring back woolly mammoth from extinction . The Guardian
ภาพ Thomas Quine -

 

กลายเป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงในอินเดียอีกครั้ง เมื่อหญิงไร้บ้านคนหนึ่งถูกข่มขืนและทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส จนสุดท้ายเสียชีวิตลงที่นครมุมไบเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์แทบไม่แตกต่างจากคดีดังเมื่อปี 2012 ที่นักศึกษาหญิงถูกชายฉกรรจ์ 4 คน รุมโทรมบนรถเมล์ในกรุงนิวเดลี

อ่านต่อ..https://sondhitalk.com/detail/9640000090787
.........................................................
ติดตามคลิป VDO เพิ่มเติมได้ที่
YoutubeSondhitalk: https://www.youtube.com/c/Sondhitalk
Website: https://www.sondhitalk.com
Podcast Sondhitalk: https://sondhitalk.podbean.com/

 

King World News
The Metal Of Kings Backs The New Monetary System

ระบบการเงินใหม่ที่หนุนด้วยทองคำ

Dr. Stephen Leeb: September 12, 2021

The Old Monetary System

ระบบการเงินแบบเดิมที่มีดอลลาร์เป็นคิงอยู่ กำลังจะกลายเป็นอดีต โลกกำลังจะก้าวไปยังอีกหน้าหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงระบบการเงิน ...การเกิดขึ้นของเงินดิจิตอลและเงินคริปโต

ในมุมมองของบางคน จะเห็นว่าระบบใหม่กำลังใกล้เข้ามา เพราะเห็นแล้วว่า ระบบที่อยู่บนฐานดอลลาร์เริ่มจะไปไม่รอดเพราะไม่สัมพันธ์กับจำนวนทรัพยากร ...และเพื่ออารยธรรมในอนาคต ต้องมีระบบใหม่เข้ามาแทน เป็นระบบที่ต้องมีทองคำเข้ามาควบคุมปริมาณเงินเอาไว้..เพื่อให้สัมพันธ์กับปริมาณการค้าในประเทศและต่างประเทศ

The New Monetary System

ระบบใหม่นี้แน่นอนว่าเป็นที่ชื่นชอบของโลกตะวันออกและประเทศกำลังพัฒนา แต่มันจะทำให้กลุ่มโลกตะวันตกที่นำโดยสหรัฐต้องตกอยู่ในความงุนงง ทางออกของพวกเขาอาจจะต้องปล่อยให้มีเงินคริปโตออกมาใช้ร่วมเป็นเงินรีเสิร์ฟของโลกไปด้วย แต่อย่าคืดว่าจะต้องเป็นเงินบิทคอยน์เสมอไป เพราะผมคิดว่านั่นจะเป็นทางเลือกที่หายนะ

ถ้าเราจะดูความก้าวหน้าของเงินรีเสิร์ฟใหม่ของโลก ที่จีนเป็นผู้นำ ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา จีนมีการวิจัยและทดสอบการใช้เงินดิจิตอลหยวน (CBDC ..Central Bank Digital Currency) ที่จะมีการเปิดตัวใช้อย่างเป็นทางการในปี 2022 และพร้อมกับจะใช้ควบคู่กับเงินหยวนกระดาษ ...ประชาชนชาวจีนเองก็คุ้นกับการใช้จ่ายด้วยเงินดิจิตอลมาแล้วในทุกระดับ

คงไม่นานแล้วที่ประเทศจีน -ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เริ่มใช้เงินกระดาษมาแล้วถึง 11 ศตวรรษ- จะไม่มีการใช้เงินกระดาษอีกต่อไป ....CBDC ในจีน จะหนุนด้วยทองคำโดยพฤตินัย ตลาดทองคำของจีน เป็นตลาดทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประชาชนชาวจีนแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นทองคำได้ตลอดเวลา

จีนมีแผนที่จะใช้เงินดิจิตอลของตนในธุรกรรมต่างแดนด้วยเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนการใช้ในประเทศซะทีเดียว CBDC เวอร์ชั่นที่ใช้ในต่างประเทศ จะต้องใช้ภายใต้ blockchain เพื่อบันทึกและชำระในธุรกรรมที่วิ่งอยู่ใน supply chains ในทุกขั้นตอน ระบบใหม่นี้จะเรียบง่ายกว่าระบบ SWIFT ของตะวันตกในปัจจุบัน .....พื้นฐานการทำงานของ SWIFT คือมันจะแจ้งไปยังธนาคารของคู่ค้าถึงสถานะของการค้า มันไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ชำระโดยตรง ....ภายใต้ระบบนี้ บริษัทผู้ส่งออกจะต้องกู้ยืมเงินมาก่อนจนกว่าธุรกรรมการค้าจะเสร็จสิ้น..และผู้นำเข้าชำระเงินเรียบร้อย สกุลเงินจะต้องเป็นยูเอสดอลลาร์เท่านั้น .....ธุรกรรมที่ผ่านระบบ SWIFT นี้ในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณ $16 trillions

เรื่องซับซ้อนเหล่านี้จะไม่มีเลยถ้าใช้ CBDC นอกจากนี้ ในระบบ SWIFT จะต้องมีการส่งข้อมูลของธุรกรรมให้ก่อน ซึ่งนี่จะเป็นช่องทางให้สหรัฐมีข้อมูลที่จะใช้ในการแซงค์ชั่นประเทศอื่น ...อีกหนึ่งเหตุผลที่ระบบนี้ไม่เป็นที่ต้องการ

Backed By Gold

จะต้องมีช่วงการทดสอบในตลาดต่างประเทศเหมือนกับที่ทำแล้วภายในประเทศ จีนไม่ได้มีความประสงค์จะให้เงินหยวนเป็นรีเสิร์ฟของโลก (หรือเงินสกุลใดสกุลหนึ่ง) แต่จะเป็นเงินในตะกร้าเงิน (แบบเดียวกับ SDR) ที่หนุนด้วยทองคำ

มีหลายเหตุผลที่ CBDC เวอร์ชั่นต่างประเทศจะเป็นที่ยอมรับนอกจากในตะวันออกแล้ว ยังรวมถึงในตะวันตกด้วย เพราะจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปี 2019 จีนมีคู่ค้าถึง 64 ประเทศ vs สหรัฐซึ่งมีอยู่ 38 ประเทศ

มันต้องมีปัญหาแน่ ๆ สำหรับสหรัฐ เพราะมันจะต้องถูกบีบให้ออกจากอำนาจที่เคยมีจากบทบาทปัจจุบันของดอลลาร์ และยังมีประเด็นอื่น ๆ อีกจากการที่ดอลลาร์ดิจิตอลก็จะต้องเกิดด้วยเช่นกัน ดอลลาร์ดิจิตอลก็จะต้องเก็บข้อมูลของประชาชน แบบเดียวกันกับที่จีนได้ทำไปแล้วด้วยเหมือนกัน

Increasing Use Of Cryptocurrency

เงินคริปโตเติบโตขึ้นเพราะมันปกป้องเสรีภาพจากการที่มันไม่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาล ...คริปโตแตกต่างจากเงินดิจิตอลตรงที่ คริปโตหมุนเวียนภายใต้ blockchain ซึ่งไม่ต้องเก็บบันทึกข้อมูลการเปลี่ยนมือที่ศูนย์กลาง ไม่ต้องมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องในทุกธุรกรรม (de-centralized)

แต่เงินดิจิตอลก็เหมือนเงินเฟียตกระดาษ เป็นการตราขึ้นมาโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ซึ่งจะรู้ตลอดเวลาว่าเงินอยู่ที่ใคร และรับมาจากใคร ....นี่ก็น่าจะมองได้ว่าเป็นเครื่องมือการรวบรวมข้อมูลของประชาชนทุกคนเรื่องการเงิน

ผมเชื่อว่าเงินคริปโตสามารถบรรเทาความหวาดกลัวเรื่องการเสียเสรีภาพ โดยเฉพาะในสหรัฐ ซึ่งมีพื้นฐานเรื่องเสรีภาพมาตั้งแต่ตอนก่อตั้งประเทศ

ต้องไม่ลืมว่า เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของการเริ่มระบบการเงินใหม่ คือเงินจะต้องเป็นสิ่งที่มีจำนวนจำกัดพอสมควร ต้องมีต้นทุนการผลิต เช่นพลังงานที่ใช้ในการขุด ...บิทคอยน์จึงน่าจะมีส่วนของการเป็น money อยู่ด้วย

Gold-Linked Monetary System

ไม่มีข้อสงสัยเรื่องการเปลี่ยนระบบการเงินรีเสิร์ฟที่มีทองคำหนุน ว่ามันมีผลต่อ civilization ของเรา ทำให้นักลงทุนในทองคำจะได้ประโยชน์อย่างมาก ...แต่ก็อย่ามองข้ามเงินคริปโตเสียเลย ทั้ง Bitcoin และ Ethereum

https://kingworldnews.com/gold-inve...metal-of-kings-backs-the-new-monetary-system/

 

Haiti: ทางการเฮติสั่งห้ามนายกรัฐมนตรีอารีแยล อ็องรี ออกนอกประเทศ หลังเชื่อว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ที่ถูกกลุ่มมือปืนบุกยิงสังหารคาบ้าน

ตอนนี้ อัยการเฮติกำลังพยายามตั้งข้อหานายอ็องรี ที่เชื่อว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารประธานาธิบดีเฮติ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม

หลังพบว่า เขาโทรศัพท์พูดคุยกับผู้ต้องสงสัยหลักในการลอบสังหารดังกล่าว คือ โจเซฟ เฟลิกส์ บาดิโอ หลายครั้ง เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังนายโฌเวแนล โมอิส ถูกกลุ่มมือปืนบุกเข้าไปในบ้าน และยิงสังหาร

การเสียชีวิตของประธานาธิบดีเฮติ ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง ซ้ำเติมด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนที่แล้ว

เมื่อวันจันทร์ (13 กันยายน) นายอ็องรี ซึ่งรักษาการตำแหน่งแทนนายโฌเวแนล ได้ส่งจดหมาย เพื่อสั่งปลดอัยการสูงสุด ด้วยข้อหาว่า คุกคามฝ่ายบริหารขั้นรุนแรง พร้อมแต่งตั้งคนอื่นขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

แต่ในวันอังคาร (14 กันยายน) อัยการสูงสุดคนนี้ ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ และขอให้ผู้พิพากษาที่กำลังสอบสวนการฆาตกรรมประธานาธิบดีเฮติ ให้ตั้งข้อหานายอ็องรี ฐานต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร

อัยการเฮติยังได้รับบันทึกการโทรศัพท์จากผู้ให้บริการเครือข่าย Digicel ซึ่งยืนยันว่า นายบาดิโอ ผู้ต้องสงสัยหลักว่าเป็นผู้วางแผนลอบสังหาร ได้พูดคุยกับนายอ็องรี 2 ครั้ง หลังนายโฌเวแนลถูกลอบสังหาร

จนถึงตอนนี้ ตำรวจระบุว่า ได้จำกับคน 44 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหาร รวมถึงอดีตนายทหารโคลอมเบีย 18 คน ที่เชื่อว่าเป็นทหารรับจ้างด้วย
—————
ภาพ: Reuters

#TNNWorldNews #เฮติ #ลอบสังหาร #ประธานาธิบดี
#เจาะลึกรอบโลก
————
อัพเดทข่าวและบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน Line กับ TNN World คลิก https://page.line.me/tnnworld

 

เช่าซูเปอร์คาร์มาหลอกสาว!

ตำรวจจับกุม นายพสธร หรือ นายธนกฤต อายุ 30 ปี หลังจากที่มีผู้เสียหายมาแจ้งตำรวจ ว่าได้รู้จักนายพสธร ผ่านแอปฯ หาคู่

โดยนายพสธร อ้างว่าทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีฐานะการเงินดี กินอาหาร - พัก รร.หรู มีโปรไฟล์ดูน่าเชื่อถือ

*ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และนัดเจอกัน นายพสธรขับซูเปอร์คาร์มารับไปกินข้าว จากนั้นผู้เสียหายมีอาการมึนเมา จำเหตุการณ์หลังจากกินข้าวไม่ได้ และพบว่าตื่นมาอยู่ในห้อง รร. แห่งหนึ่ง กับนายพสธร และชุดชั้นในถูกถอดออก*

จึงไปตรวจร่างกาย พบว่า “ถูกกระทำชำเรา” นอกจากนี้ยังมีเงินในบัญชีที่ถูกโอนออกไป 500,000 บาท บัตรเครดิตที่ถูกใช้จ่ายค่าห้อง รร. 18,000 บาท และนาฬิกาข้อมือหรูหายไป 1 เรือน

จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหา มีพฤติกรรมชอบแอบอ้างว่าฐานะดี มีหน้าตาทางสังคม เช่ารถซูเปอร์คาร์มาขับอยู่เป็นประจำ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเคยก่อเหตุมาหลายคดีแล้ว

https://www.dailynews.co.th/news/272258/

 

ผู้นำจีนปฏิเสธข้อเสนอของประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ให้จัดการหารือระดับสูงสุด 2 ต่อ 2 โดยบอกว่า #สหรัฐ ต้องลดท่าทีปฏิปักษ์ต่อ #จีน ก่อน
ประธานาธิบดีโจ #ไบเดน ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี #สีจิ้นผิง เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว (9 ก.ย.) เป็นการหารือกันครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สำนักข่าว “ไฟแนนเชียลไทม์” ระบุว่า ผู้นำสหรัฐเป็นฝ่ายโทรไปหาผู้นำจีน และเสนอให้พบกันแบบตัวต่อตัว แต่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงปฏิเสธ ตัวแทนของทำเนียบขาวยืนยันว่า ข้อมูลนี้เป็นความจริง
.
ท่าทีแข็งกร้าวของจีนเหมือนจะส่งสัญญาณว่า สหรัฐจะต้องเลิกใช้วาทะที่เป็นปฏิปักษ์ และสร้างบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติก่อน
.
เหตุที่ผู้นำสหรัฐเป็นฝ่ายติดต่อไปหาผู้นำจีนก่อนนั้น คาดว่าเป็นเพราะฝ่ายสหรัฐเห็นว่าข้าราชการของจีนไม่อยากจะเจรจาอย่างจริงจัง ทำเพียงแค่อ่านตามบทเพื่อเรียกกระแสชาตินิยมในประเทศจีนเท่านั้น
.
ทำเนียบขาวชี้แจงว่า "สหรัฐสนับสนุนการแข่งขันที่ดุเดือด แต่ไม่ต้องการให้การแข่งขันกลายเป็นความขัดแย้ง” การที่ไบเดนโทรศัพท์ไปหาสีจิ้นผิงก็เพื่อเปิดทางให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีเสถียรภาพอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนนโยบายที่มีต่อจีนแต่อย่างใด
.
ด้านสำนักข่าวของทางการจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวกับประธานาธิบดีไบเดนว่า “ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐเกี่ยวพันกับอนาคตของโลก ทั้ง 2 ชาติจึงต้องร่วมกันแสวงหาคำตอบ”
.
ผู้นำจีนยังบอกว่า ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐไม่ใช่โจทย์ที่ให้เลือกว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ดีหรือไม่ แต่เป็นโจทย์ที่ต้องอธิบายว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ดีได้อย่างไร”
.
มีการวิเคราะห์ว่า ท่าทีของสหรัฐคือ “ข่มขู่แล้วจึงเจรจา” ขณะที่ฝ่ายจีนมีท่าทีคือ “ถ้าจะเจรจาก็ต้องแสดงไมตรีต่อกันก่อน”.

 

ท่วมขัง อยุธยาฯ 2 อำเภอ !
ปภ.อยุธยาฯ รายงานสถานการณ์น้ำท่วมขัง จากการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา พบมี 2 อำเภอ
อ.เสนา
หัวเวียง ม.5 จำนวน 32 ครัวเรือน
รางจระเข้ ม.7 จำนวน 3 ครัวเรือน
บ้านกระทุ่ม ม.2 จำนวน 14 ครัวเรือน
บ้านโพธิ์ ม.1 จำนวน 2 ครัวเรือน
บ้านแพน ม.1 จำนวน 6 ครัวเรือน
อ.ผักไห่
ต.กุฎี ม.12 จำนวน 7 ครัวเรือน
ต.ท่าดินแดง ม.8 จำนวน 19 ครัวเรือน

 

ปิดตลาดสุรนารีชั่วคราว
ตั้งแต่วันที่ 15 - 26 ก.ย. 64
ตาม พรบ.ควบคุมโรคติดต่อ
เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

วันนี้ 15 ก.ย.64
ขณะนี้มวลน้ำฝนที่ตกลงมาเมื่อหลายวันก่อนได้ไหลมารวมกับน้ำในพื้นที่ตำบลละหาน โดยรอบบึงละหาน เพื่อรอการระบายลงสู่แม่น้ำชี ประกอบกับขณะนี้น้ำในแม่น้ำชีมีปริมาณมาก จึงทำให้น้ำจากบึงละหานไหลลงสู่แม่น้ำชีไม่คล่องตัวนัก ส่งผลให้น้ำท่วมพื้นที่การเกษตร ท่วมถนน ท่อระบายน้ำ และท่วมเข้าบ้านเรือนราษฎร จำนวน 6 หลัง ทั้งนี้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลละหาน ได้รับทราบและจัดกระสอบทรายไปทำเป็นแนวป้องกัน เพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้านเรือนราษฎรเพิ่มเติม ทั้งนี้ได้แจ้งประชาสัมพันธ์บ้านข้างเคียงที่อยู่รอบบึงละหานทราบด้วยแล้ว

 

วันนี้ มีรายงานว่า นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคมีวิถีชีวิต และพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หันมาสนใจ และนิยมการดูแลรักษาสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ และหลีกเลี่ยงการใช้ สารเคมี ทำให้สมุนไพรกลายเป็นหนึ่งในวัตถุดิบจากธรรมชาติที่ภาคธุรกิจในกลุ่ม HEALTH & WELNESS ทั่วโลกกำลังต้องการ
.
ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ธุรกิจ HEALTH & WELNESS ที่นำสมุนไพรไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต อาทิ เครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สปา จะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 166 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 5.63 ล้านล้านบาท ในปี 2573 และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกปี
.
“กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของสินค้าสมุนไพร และต้องการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ HEALTH & WELNESS ของไทยที่มีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบ จึงได้จัดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดต่างประเทศขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในกลุ่ม HEALTH & WELNESS ผ่านการมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม หรือ BCG Model ด้วยการการอบรมให้ความรู้ การให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด การสร้างคุณค่า และบรรจุภัณฑ์ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ ผู้ประกอบการ ตลอดจนยกระดับ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์” นายเอกฉัตร กล่าว
.
โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สมุนไพรสู่ตลาดต่างประเทศ จัดขึ้นเป็นปีแรก ภายใต้แนวคิด “THE NEW ERA OF THAI HERB, Next Image and New Opportunities for Your Brand” มีผู้ประกอบการสมุนไพรไทยผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมการให้คำแนะนำในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย จำนวน 31 ราย
.
โดยมุ่งเน้นตลาดกลุ่มของขวัญ ของฝาก และของที่ระลึกในช่วงเทศกาล โดยมี 10 แบรนด์ที่เป็นไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ STERLING ยาสีฟันที่มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยอย่างขมิ้นนำมาผสมผสานกับมังคุด และน้ำมันมะพร้าว, G&T ORGANIC แฮร์โทนิคที่มีส่วนผสมหลักจากว่านหางจระเข้ มะหาด ดอกอัญชัน, PINMISA แชมพูที่มีสารสกัดจากสมุนไพรไทยรวม 20 ชนิด, NAROES แชมพูที่มีสารสกัดจากมะคําดีควาย บอระเพ็ด มะรุม ใบย่านาง และสะเดา
.
SAKUNA ผลิตภัณฑ์สำหรับ ผิวหน้าที่มีสารสกัดจากรังไหมสายพันธุ์หลืองไพโรจน์, MADAME ESTHER สบู่สำหรับผิวกายที่มาจากสารสกัดใบพลู, PATOM ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายจากกุหลาบมอญอินทรีย์, KHUNPHAT HERBAL ผลิตภัณฑ์อโรมากลิ่นตะไคร้, AROM ผลิตภัณฑ์อโรมาที่มีส่วนผสม และกลิ่นจากสมุนไพร เช่น ขมิ้นชัน กลิ่นมะลิ และ TEVADA JAI DEE BRAND น้ำมันนวดสมุนไพรที่มาจากสมุนไพรไทยนานาชนิด
.
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยกลุ่มของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึก ที่ได้รับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากการเข้าร่วมโครงการ ทั้ง 31 แบรนด์ จะถูกนำมาจัดแสดง ณ FACTOPIA ถ.รัตนาธิเบศร์ ภายใต้กิจกรรม “Shift to the New Market” กำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 17-19 กันยายนนี้
.
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อ (Buyers) นักธุรกิจ สื่อมวลชน และผู้สนใจ ได้เข้าชมผลิตภัณฑ์ ตลอดจนมีการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ ในรูปแบบไลฟ์สตรีมมิง (Live Streaming) เพื่อเปิดโอกาสทั้งตลาดในประเทศ และตลาดต่างประเทศ

-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.thaipost.net/main/detail/116773
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

วันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มหาวิทยาลัยนางาซากิร่วมกับมหาวิทยาลัยเสฉวน ทำการทดลองวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่น-จีนครั้งแรกในการทดลองวัคซีนโควิด
.
กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า วัคซีนที่คิดค้นโดยมหาวิทยาลัยเสฉวนเป็นวัคซีนที่ผลิตจากการตัดต่อโปรตีน (recombinant protein vaccine) ซึ่งเป็นการตัดต่อส่วนหนึ่งของยีนไวรัส เข้าให้กับสิ่งมีชีวิตเช่นแบคทีเรีย ยีสต์เพื่อสร้างโปรตีนขึ้นมา เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกาย โปรตีนนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานขึ้น
.
มหาวิทยาลัยนางาซากิ และศูนย์วิจัยเวชศาสตร์ปริวรรต (translational medicine) ที่ตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเสฉวนทำการทดลองทางคลินิกวัคซีนของประเทศจีน และได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหาคม
.
การทดลองจะฉีดวัคซีนให้กับอาสาสมัคร 240 คน เพื่อวิจัยประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีน
.
วัคซีนจากการตัดต่อโปรตีนเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะวัคซีนประเภทนี้มีผลข้างเคียงน้อย มีความปลอดภัยมาก เหมาะกับการใช้ในเด็ก
.
วัคซีนประเภทนี้กำลังทดลองในหลายประเทศ เช่น Novavax ของสหรัฐฯ, วัคซีนที่บริษัท Sanofi ของฝรั่งเศสพัฒนาร่วมกับ GlaxoSmithKline บริษัทยาสัญชาติอังกฤษ-อเมริกัน และ ซิโนฟาร์ม ของจีนก็กำลังทดลองวัคซีนประเภทนี้เป็นวัคซีนตัวที่ 2 เช่นกัน นอกจากนี้ วัคซีนเกาตวน (Medigen) ของไต้หวันที่มีการใช้งานแล้ว ก็ผลิตด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อโปรตีน

-------------------------------
แหล่งข่าว

http://www.chinadailyhk.com/article/238413

https://mgronline.com/japan/detail/9640000091381
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

 

Sep 15,2021 ฉีดฟรี! 'อบจ.นครนายก' เปิดจองฉีด "วัคซีนโมเดอร์นา" สำหรับผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนโควิด-19 มาก่อนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
.
นายจักรพันธ์ จินตนาพากานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก ขอเชิญชวนประชาชนในเขตจังหวัดนครนายก ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้มาลงทะเบียนเพื่อรับวัคซีนโมเดอร์นา ตามโครงการ “รวมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายร่วมกับสภากาชาดไทย” ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก
.
ผู้มีสิทธิฉีดวัคซีน
กลุ่มที่ 1 ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง และสตรีตั้งครรภ์ (เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป) ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 500 คน
กลุ่มที่ 2 ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 1,500 คน
กลุ่มที่ 3 บุคลากร ทางการศึกษา ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 500 คน
กลุ่มที่ 4 กลุ่มบุคลากรที่มีคำสั่งออกปฏิบัติงานสัมผัสใกล้ชิดประชาชนตามโครงการฉีดวัคซีนของ อบจ.นครนายก และบุคคลที่ยังไม่สามารถรับวัคซีนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือข้อกฎหมาย ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จำนวน 1250 คน
.
ช่วงเวลาลงทะเบียน
ช่วงที่ 1 วันที่ 15-17 กันยายน 2564 เวลา 8.30 – 16.30 น. ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีมีครรภ์ (เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป) และผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป ยื่นลงทะเบียน ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่งในเขตจังหวัดนครนายก บุคลากรทางการศึกษา ยื่นลงทะเบียน ณ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครนายกและสำนักงานท้องถิ่นจังหวัดนครนายก
.
ช่วงที่ 2 วันที่ 18-20 กันยายน 2564 เวลา 8.30 – 16.30 น. ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง สตรีตั้งครรภ์ (เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป) ผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป บุคลากรทางการศึกษา บุคลากรที่มีคำสั่งออกปฏิบัติงานสัมผัสใกล้ชิดประชาชน ตามโครงการฉีดวัคซีนของอบจ.นครนายก และบุคคลที่ยังไม่สามารถ รับวัคซีนได้ เนื่องจากติดขัดระเบียบหรือข้อกฎหมาย ยื่นลงทะเบียน ณ สำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก
.
ทั้งนี้ ขอให้นำเอกสารแสดงตน เช่น บัตรประจำตัวประชาชน บัตรประจำตัวคนพิการ หรือใบรับรองอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มายื่นลงทะเบียน ณ จุดลงทะเบียนตามวันเวลาและสถานที่ที่กำหนด และหากท่านใดไม่สามารถมายื่นลงทะเบียนได้ สามารถให้ตัวแทนหรือบุคคลในครอบครัวมายื่นแทนได้
.
#นครนายก #covid19 #โควิด19 #วัคซีน #โมเดอร์นา #Btimes

 

โอกาสหน้า พี่มาหาใหม่ ไม่ลืมคนชื่อวิไล บ้านผักไห่อยุธยา !!!

‍♀‍♀ เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ พร่องน้ำ มีน้ำไหลผ่าน หรือจะเรียกอะไรก็สุดแท้ แต่ 24 ชม.ข้างหน้า อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เฝ้าระวัง ระดับน้ำยังสูงขึ้น !!!

 

KEY MESSAGES: รู้จักเชื้อไวรัส ‘นิปาห์’ ที่คร่าชีวิตเด็กชายวัย 12 ปีที่อินเดีย
.
ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีเด็กชายวัย 12 ปี ในเขตโคซิโคเดของรัฐเกรละ เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส ‘นิปาห์’ ข้อมูลจากทางการอินเดียระบุว่า เด็กชายคนนี้มีโรคไข้สมองอักเสบและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ก่อนจะเสียชีวิตหลังจากนำตัวส่งโรงพยาบาล สื่อสหรัฐฯ อย่าง NPR รายงานว่ายังไม่ชัดเจนว่าเด็กคนนี้ติดเชื้อได้อย่างไร ขณะที่มีการใช้มาตรการ เช่น การกักตัว และการติดตามผู้สัมผัสที่พบเจอกับเด็กชายคนนี้ด้วย
.
ถึงกระนั้นไวรัสชนิดนี้อาจไม่ได้ใหม่สำหรับโลกใบนี้มากนัก มีการพบโรคนี้ครั้งแรกมานานกว่า 20 ปีแล้ว และเมื่อปี 2018 ก็เคยมีการระบาดของไวรัสนี้ในรัฐเกรละมาแล้วเช่นกัน
.
แล้วเรารู้อะไรเกี่ยวกับไวรัสนี้แล้วบ้าง นี่คือประเด็นสำคัญที่เราสรุปให้ได้อ่านกัน
.
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการระบาดของไวรัสชนิดนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ไวรัสชนิดนี้เคยตรวจพบครั้งแรกในปี 1999 ระหว่างการระบาดในหมู่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในมาเลเซีย และยังไม่มีการระบาดในมาเลเซียอีกเลยตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม มีการตรวจพบเชื้อนี้ในบังกลาเทศด้วยเมื่อปี 2001 และมีการระบาดในบังกลาเทศเกือบทุกปีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนทางตะวันออกของอินเดียมีการพบเชื้อนี้เป็นระยะ
.
ขณะที่ภูมิภาคอื่นก็อาจมีความเสี่ยงกับการติดเชื้อเช่นกัน เนื่องจากมีหลักฐานเกี่ยวกับไวรัสนี้ถูกพบอยู่ในแหล่งรังโรคในธรรมชาติอย่างค้างคาวสปีชีส์ในสกุล Pteropus และค้างคาวสปีชีส์อื่นอีกหลายสปีชีส์ในประเทศจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงกัมพูชา, กานา, อินโดนีเซีย, มาดากัสการ์, ฟิลิปปินส์ และไทย
.
สำหรับการส่งผ่านเชื้อนั้น ในการระบาดที่เป็นที่รับรู้ครั้งแรกในมาเลเซีย ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงสิงคโปร์ด้วย ครั้งนั้นมีผู้ติดเชื้อเกือบ 300 คนในมนุษย์ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน และสุกรมากกว่า 1 ล้านตัวต้องถูกฆ่าเพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจด้วย การติดเชื้อในมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการสัมผัสโดยตรงกับสุกรที่ป่วย หรือเนื้อเยื่อที่ปนเปื้อนของสุกรที่ป่วย จึงทำให้การแพร่เชื้อถูกพิจารณาว่ามาจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของสุกร หรือการสัมผัสเนื้อเยื่อสัตว์ป่วยโดยไม่ป้องกัน
.
ส่วนในการระบาดที่ตามมาภายหลังในอินเดียและบังกลาเทศนั้น การบริโภคผลไม้หรือผลิตภัณฑ์จากผลไม้ (เช่น น้ำจากผลอินทผลัมดิบ) ที่ปนเปื้อนปัสสาวะหรือน้ำลายของค้างคาวผลไม้ที่ติดเชื้อ มีแนวโน้มจะเป็นสาเหตุของการติดเชื้อมากที่สุด ซึ่ง WHO บอกว่าค้างคาวผลไม้ในวงศ์ Pteropodidae โดยเฉพาะสปีชีส์ที่อยู่ในสกุล Pteropus เป็นแหล่งอาศัยตามธรรมชาติของไวรัสชนิดนี้
.
องค์การอนามัยโลกยังบอกว่า การแพร่เชื้อไวรัสชนิดนี้จากคนสู่คนนั้นถูกรายงานในกลุ่มครอบครัวและผู้ให้การดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ และระหว่างการระบาดในระยะหลังในบังกลาเทศกับอินเดีย ไวรัสนิปาห์สามารถแพร่ได้โดยตรงจากคนสู่คนโดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสารคัดหลั่งและของเสียของมนุษย์ ในปี 2001 ที่เมืองสิลิกูรีของอินเดีย มีรายงานการแพร่กระจายของไวรัสในสถานพยาบาล ซึ่ง 75% ของการติดเชื้อเกิดขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือผู้มาเยี่ยม และจากปี 2001 ถึง 2008 ราวครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อที่มีการรายงานในบังกลาเทศเกิดจากการติดต่อจากคนสู่คน โดยการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
.
การติดเชื้อในมนุษย์มีตั้งแต่การติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ไปจนถึงการติดเชื้อเฉียบพลันของระบบหายใจ ทั้งที่รุนแรงและไม่รุนแรง ตลอดจนโรคไข้สมองอักเสบถึงขั้นเสียชีวิต ผู้ติดเชื้อจะเริ่มมีอาการในระยะแรก เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน และเจ็บคอ ตามมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม ระดับของความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง และอาการทางระบบประสาทที่บ่งบอกถึงโรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลัน บางคนอาจประสบกับโรคปอดบวมผิดปกติ และปัญหาระบบทางเดินหายใจที่รุนแรง ซึ่งรวมถึงภาวะหายใจลำบากเฉียบพลัน
.
ทั้งนี้ โรคไข้สมองอักเสบและอาการชักเกิดขึ้นได้ในกรณีที่มีอาการรุนแรง และอาจนำไปสู่อาการโคม่าได้ภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง ส่วนอัตราการเสียชีวิตนั้นอยู่ที่ร้อยละ 40-75 ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามการระบาด ขึ้นอยู่กับความสามารถในท้องถิ่นสำหรับการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา และการจัดการทางคลินิก สำหรับผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่จากโรคไข้สมองอักเสบเฉียบพลันจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ แต่ในระยะยาวก็มีรายงานว่ามีผู้รอดชีวิตบางส่วนที่มีอาการทางระบบประสาทเหลืออยู่ เช่น อาการชักอย่างต่อเนื่อง และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
.
ระยะฟักตัว (ช่วงเวลาตั้งแต่ติดเชื้อจนถึงเริ่มมีอาการ) เชื่อกันว่าอยู่ในช่วง 4 ถึง 14 วัน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเคยพบกรณีที่ระยะฟักตัวยาวนานถึง 45 วัน
.
ขณะนี้ยังไม่มียาหรือวัคซีนเฉพาะสำหรับการติดเชื้อไวรัสนิปาห์ แม้ว่า WHO จะจัดให้การติดเชื้อไวรัสนี้เป็นโรคที่มีความสำคัญสำหรับแผนงานการวิจัยและพัฒนาของ WHO ก็ตาม ซึ่งในแง่ของการรักษานั้น WHO แนะนำให้ใช้การดูแลรักษาแบบตามอาการอย่างเข้มข้นเพื่อรักษาภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจและระบบประสาทที่รุนแรง
.
อย่างไรก็ดี ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่ามีความพยายามในการหาทางรักษา อาทิ การรักษาด้วยโมโนโคลนอลแอนติบอดี ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและประเมินเพื่อใช้รักษาการติดเชื้อไวรัสนิปาห์ นอกจากนี้ ยาเรมเดซิเวียร์ยังมีประสิทธิภาพในสัตว์กลุ่มไพรเมตที่ไม่ใช่มนุษย์เมื่อให้เป็นยาต้านไวรัสหลังการสัมผัส และอาจช่วยเสริมการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันได้ เป็นต้น และ ดร.สตีเฟน ลูบี ศาสตราจารย์ด้านโรคติดเชื้อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ก็ระบุว่ามีความพยายามในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสชนิดนี้ ซึ่งก็มีแคนดิเดตวัคซีนอยู่หลายตัวที่แสดงถึงประสิทธิภาพที่สูงในสัตว์
.
ส่วนการป้องกันไวรัสนิปาห์ในสุกรสามารถทำได้โดยการทำความสะอาด และฆ่าเชื้อฟาร์มสุกรเป็นประจำและทั่วถึงด้วยสารทำความสะอาดที่เหมาะสม หากสงสัยว่ามีการระบาด ควรกักบริเวณสัตว์ทันที การกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อด้วยการฝังซากหรือการเผาซากสัตว์ที่มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดอาจมีความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่คน ส่วนการจำกัดหรือห้ามการเคลื่อนย้ายสัตว์จากฟาร์มที่ติดเชื้อไปยังพื้นที่อื่นก็สามารถลดการแพร่กระจายของโรคได้ และในขณะที่ยังไม่มีวัคซีนเฉพาะ ทางเดียวที่จะลดหรือป้องกันการติดเชื้อในคนคือการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัจจัยเสี่ยง และให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการเพื่อลดการสัมผัสกับไวรัสชนิดนี้ อาทิ การล้างมือด้วยน้ำและสบู่เป็นประจำ เลี่ยงการสัมผัสค้างคาวหรือสุกรที่ป่วย หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีค้างคาวอาศัยอยู่ ฯลฯ
.
ภาพ: C. K Thanseer / DeFodi images via Getty Images
.
อ้างอิง:
https://pib.gov.in/PressReleasePage.aspx?PRID=1752188
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/nipah-virus
https://www.cdc.gov/vhf/nipah/treatment/index.html
https://www.npr.org/sections/goatsa...-bit-worried-about-indias-nipah-virus-outbrea
https://news.yahoo.com/nipah-virus-why-more-deadly-185533487.html
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews #Nipah

 

KEY MESSAGES: สหรัฐฯ-EU เรียกร้องเร่งดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด เตือนโลกมีเวลาไม่เกิน 10 ปี ก่อนเผชิญวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวน
.
ภาวะสภาพอากาศแปรปรวน หรือ Climate Change เป็นอีกปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกแสดงความกังวล และหวั่นวิตกว่าอาจกลายมาเป็นวิกฤตหลักของผู้คนทั่วโลกในอีกไม่กี่ปีหรือไม่กี่สิบปีข้างหน้า
.
โดยล่าสุดทางฝั่งชาติตะวันตก ทั้ง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ฟรานซ์ ทิมเมอร์มันส์ รองประธานบริหารของคณะกรรมาธิการยุโรป ผู้ดูแลข้อตกลงลดโลกร้อนของสหภาพยุโรป หรือ European Green Deal ต่างออกมาแสดงท่าทีเรียกร้องให้มีการเร่งดำเนินการรับมือกับวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวน ด้วยการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาด และลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ อย่างจริงจัง เพื่อลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน
.
เตือนโลกมีเวลาไม่เกิน 10 ปี ก่อนเผชิญ Climate Change
.
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินสายในหลายรัฐทางตะวันตก ทั้งโคโลราโด ไอดาโฮ และแคลิฟอร์เนีย เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ไฟป่า และผลักดันแผนงบประมาณด้านพลังงานสะอาดและมาตรการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ประกาศเตือนชาวอเมริกันว่า มีเวลาเหลืออีกเพียงไม่เกิน 10 ปี ก่อนที่โลกจะเผชิญกับอันตรายจากวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวน ซึ่งเป็นต้นเหตุของภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย
.
การเดินสายของไบเดนมีขึ้นท่ามกลางความพยายามผลักดันและขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนและสมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครต เพื่อผ่านแผนใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการรับมือภาวะสภาพอากาศแปรปรวน ที่ครอบคลุมทั้งมาตรการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และผลักดันโครงการด้านพลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงนโยบายสร้างแรงจูงใจด้านภาษีสำหรับพลังงานสะอาดและยานพาหนะไฟฟ้า ตลอดจนการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจให้พ้นจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่แหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และสร้างหน่วยงานจัดการด้านสภาพภูมิอากาศของพลเรือน
.
ไบเดนเตือนผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ เนื่องจากเหตุการณ์สภาพภูมิอากาศสุดขั้ว หรือ Extreme Weather Event ในปีนี้ ว่าอาจก่อให้เกิดความเสียหายคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
.
เป้าหมายสำคัญในการรับมือภาวะสภาพอากาศแปรปรวนของรัฐบาลไบเดนคือ การลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และมุ่งพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด โดยมั่นใจว่าจะเป็นคำตอบสำหรับอนาคตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯ ขณะที่ตั้งเป้าผลิตพลังงานไฟฟ้าโดยปราศจากการก่อมลภาวะคาร์บอน 100% ในปี 2035 และลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนเหลือ 0 หรือ Net-Zero Emissions ภายในปี 2050
.
ไบเดนเชื่อมั่นว่าแนวทางทั้งหมดนี้สามารถทำได้แบบวิน-วิน โดยโครงการด้านพลังงานสะอาดสามารถสร้างงานที่มีรายได้ดีให้ชาวอเมริกัน ในขณะที่ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ อีกทั้งยังทำให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำโลกในด้านนี้
.
อย่างไรก็ตาม การร่างแผนใช้จ่ายงบประมาณวงเงิน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านพลังงานสะอาดและการรับมือวิกฤตอากาศแปรปรวนของไบเดนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากฝ่ายที่คัดค้านมีทั้งล็อบบี้ยิสต์ของบริษัทพลังงาน และสมาชิกอาวุโสของพรรคเดโมแครตบางคน ที่มองว่าการใช้จ่ายงบประมาณไปกับเรื่องนี้ ‘แพงเกินไป’
.
ในการเยือนสำนักงานกู้ภัยที่เมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันจันทร์ ไบเดนเผยว่า เขาไม่สามารถผลักดันข้อเสนอการลงทุนเพื่อรับมือกับปัญหาสภาพอากาศแปรปรวน ให้รวมอยู่ในข้อตกลงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่บรรลุข้อตกลงไปเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา
.
ซึ่งตอนนี้เขาพยายามที่จะผลักดันแผนดำเนินงานด้านพลังงานสะอาดและการรับมือสภาพอากาศแปรปรวน ในแพ็กเกจงบประมาณ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยอมรับว่าอาจไม่ได้ตามที่ตั้งใจ
.
“ผ่านหรือไม่ผ่าน เท่าไรไม่รู้ แต่เราจะทำให้มันผ่านให้ได้” ไบเดนกล่าวอย่างเชื่อมั่น
.
เรียกร้อง EU เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดทันที
.
ด้านสหภาพยุโรปก็มีความพยายามผลักดันนโยบายรับมือกับภาวะสภาพอากาศแปรปรวนอย่างต่อเนื่อง โดยฟรานซ์ ทิมเมอร์มันส์ รองประธานบริหารของคณะกรรมาธิการยุโรป ผู้ดูแลข้อตกลงลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของสหภาพยุโรป หรือ European Green Deal กล่าวในที่ประชุมรัฐสภายุโรป ที่เมืองสตราสบูร์กของฝรั่งเศส เมื่อวานนี้ (14 กันยายน) ว่า EU ต้องดำเนินการลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดในทันที
.
“เราต้องแบกรับความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวง เพราะหากเราล้มเหลวในการดำเนินการตอนนี้ และผมหมายความว่าในทันที ลูกหลานของเราจะไม่มีวันให้อภัยเรา” ทิมเมอร์มันส์กล่าว
.
ข้อมูลจากรายงานของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC) ระบุว่า หากไม่เร่งดำเนินการเพื่อลดการแพร่กระจายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนนี้ จุดเปลี่ยนของวิกฤตสภาพอากาศแปรปรวนจะมาถึงเร็วกว่าที่คิด ซึ่งเราไม่มีทางเลือก และต้องดำเนินการในทันที
.
ทิมเมอร์มันส์ยังปกป้องชุดมาตรการของ EU ที่เรียกว่า Fit for 55 Package ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดการแพร่กระจายของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อย 55% ภายในปี 2030
.
แต่การพูดนั้นง่ายกว่าลงมือทำ โดยสมาชิก EU หลายประเทศยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในการกำหนดกฎหมายเพื่อบังคับใช้มาตรการเหล่านี้
.
สกา เคลเลอร์ สมาชิกรัฐสภายุโรปจากเยอรมนี มองว่า EU ควรยุติการอุดหนุนงบประมาณสำหรับเชื้อเพลิงฟอสซิล และเร่งเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานหมุนเวียน ขณะที่ แอนนา ซาเลฟสกา สมาชิกรัฐสภายุโรปจากโปแลนด์ เผยว่า ประชาชนกำลังตั้งคำถามเกี่ยวกับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น และมองว่าพวกเขาเป็นฝ่ายที่ต้องแบกรับภาระจากความตั้งใจในการรับมือ Climate Change ของ EU ซึ่งที่จริงแล้วควรเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษคาร์บอนที่ต้องแบกรับภาระจากเรื่องนี้
.
ภาพ: Photo by Helen H. Richardson/MediaNews Group/The Denver Post via Getty Images
.
อ้างอิง:
https://www.nytimes.com/2021/09/14/us/politics/biden-climate-change.html
https://apnews.com/article/joe-bide...limate-fires-380ae214852657659de21cbcf198bd95
https://www.euronews.com/2021/09/14...ament-we-need-to-act-now-on-energy-transition
.
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#TheStandardNews