Shevit

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย 00p, 21 มีนาคม 2007.

  1. 00p

    00p สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +22
    ธุรกิจล้ม มีหนี้สิน แก้ไขได้

    ..... ถ้าท่านไม่มีหนี้ จงอย่าสร้างหนี้ขึ้นมา ถ้าจำเป็นต้องเป็นหนี้ ก็ให้เป็นน้อยที่สุด ตามความจำเป็น ถ้าไม่มีเงินจ่ายหนี้ ก็พูดคุยตกลงผ่อนชำระ หรือถ้าไม่มีต้องค้างไว้ก่อนจนกว่าจะมีชำระ ถ้าไม่มีเงินชำระหนี้ แต่เรามีทรัพย์สินอื่น ๆ ก็ชำระแทนไป ข้อสำคัญเราไม่ต้องไปกลุ้มใจเป็นทุกข์กับหนี้สิน เพราะก่อนที่เราเกิดมาก็มีค่าเป็นศูนย์ เมื่อเกิดมาก็มาแต่ตัวเปล่า ไม่มีอะไรมาเลย การได้ทรัพย์สินเงินทอง มันเพิ่งเข้ามามีในภายหลัง หรือก่อนหน้าที่จะเป็นของเรา มันก็ผ่านการมีเจ้าของมาอย่างนับไม่ถ้วน เราก็เพิ่งจะมาดูแลครอบครัวชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น จึงไม่ควรเข้าไปยึดถือว่าเป็นของเราจริง ๆ ซึ่งอีกไม่นาน ปัญหานี้ก็จะหมดไป เมื่อท่านหมดลมหายใจ สมมติเราตายวันนี้ หนี้สินก็จบลง คนที่มารับผิดชอบก็ต้องทุกข์ทรมานแทนเรา เมื่อเราตาย หนี้สินหรือทรัพย์สมบัติ มันก็ไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไป

    ..... ถึงแม้ท่านจะหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ท่านยังเหลือชีวิตอยู่ ยังมีสติปัญญา มีกำลังที่จะต่อสู้ดิ้นรนแสวงหาทรัพย์สมบัติอีกได้ ชีวิตและสติปัญญา จึงเป็นสมบัติอันล้ำค่า มีคุณค่ามากกว่าทรัพย์สินที่เสียไป ท่านยังมีโอกาสที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ เพียงแต่ไม่ท้อแท้ ไม่ท้อถอย ต้องอดทน ต่อสู้ฝึกจิตให้เข้มแข็ง ท่านต้องหลบไปอยู่วัด หรือ สถานที่สงบเงียบตามธรรมชาติ เพื่อไปสงบสติอารมณ์ ที่มันพลุ่งพล่านเดือดร้อน จะเข้าสู่ความสงบระงับเป็นสมาธิ จิตใจท่านก็จะเกิดปัญญาขึ้น หาทางแก้ไขปัญหาชีวิตได้ ท่านต้องรอสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ปัญหานั้นเสื่อมสลาย คลี่คลายตัวมันเอง แล้วตั้งสติพิจารณาหาหนทางแก้ไขให้ดีที่สุด จงจำไว้ว่า คุณค่าแห่งชีวิต ไม่ได้วัดกันด้วยเงิน ทรัพย์สมบัติ แต่วัดกันด้วยการมีจิตใจที่ประเสริฐ สูงส่งด้วยคุณธรรม ไม่มีความทุกข์ ด้วยการมีชีวิตที่สุขสงบ มีปัญญาแก้ไขปัญหาได้ทุก ๆ เรื่อง ชีวิตเราจึงจะสงบเย็นเป็นอิสระ ไม่ต้องไปกลุ้มใจ แต่ต้องฝึกจิต และมีธรรมเป็นที่พึ่งดีที่สุด

    ..... การฆ่าตัวตาย ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง

    ..... เวลาที่เราผิดหวัง พลัดพราก สูญเสีย ธุรกิจล้ม มีหนี้สินหมดตัว แฟนมีคนใหม่ ผัวมีเมียใหม่ ลูกเกเรติดยา คนรักตายจาก เป็นต้น เหตุการณ์เหล่านี้ มันเกิดขึ้นได้ตามเหตุปัจจัยของตัวเอง เราจะไปบังคับให้มันเป็นไปตามใจเราไม่ได้ เพราะการได้มาครอบครองอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นของไม่เที่ยงแท้ เปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ตามเหตุปัจจัยปรุงแต่งของจิตใจคน และ สิ่งนั้นเอง ถ้าเราได้เรียนรู้ระบบชีวิตว่า มันจะต้องเป็นอยู่อย่างนี้ทุกยุคทุกสมัย แล้้วยอมรับสภาพธรรมชาติ ที่เป็นความจริง เป็นธรรมดาของโลก ที่ทุกคนจะต้องพบเจออย่างนี้เอง จึงเป็นหน้าที่เรา ต้องทำจิตใจให้หนักแน่น ถูกต้องที่สุด พร้อมกับปลดปล่อย สลัดปัญญาทิ้งไปให้หมด อยู่กับความว่าง ไม่ยึดติดอะไรทั้งสิ้น ความทุกข์ ความกลัดกลุ้มใจ จะไม่เกิดขึ้น เพราะเรารู้ตามความจริงและทำให้ยอมรับได้

    ..... ถ้าผัวมีเมียใหม่ แฟนมีคนใหม่ ก็ไม่ต้องไปตกอกตกใจอะไร ให้คิดว่า ดีแล้ว เราจะได้อยู่คนเดียว เบาสบายดี ไม่ต้องไปรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต ที่ต้องดูแลเอาใจใส่ เอาอกเอาใจ ทำให้เหน็ดเหนื่อยใจ เหลือเกิน อยู่ด้วยกันไม่เข้าใจกัน มีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ด่าว่ากัน หึงหวง มีเรื่องชู้สาวจนทนไม่ได้ ต้องฆ่ากันตายก็มีมาก การอยู่สองคน มีเรื่องมากมาย นำมาซึ่งปัญหาชีวิต และ ความทุกข์ การอยู่คนเดียวจะมีความสุขสบายใจ ไม่ต้องไปทะเลาะกับใคร ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยใจ ไม่ต้องมาคอยหึงหวง ไม่มีความวิตกกังวลใด ๆ ไม่มีใครมาทำให้เราทุกข์ใจ เราจะมีแต่ความสงบสุข ไม่ต้องไปแบกภาระรับผิดชอบใคร เรื่องราวปัญหาชีวิตก็จะจบลงไม่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น จงพอใจ มองให้เห็นว่า อยู่คนเดียว สุขสบายใจที่สุด จงอย่าหาใครมาเป็นบ่วง มีห่วงผูกคอเลย มันไม่คุ้มค่ากับชีวิตที่เกิดมา ควรหาความสุขใจตัวเอง อย่าไปหาความสุขกับบุคคลอื่นปลอดภัยที่สุด

    ..... เงินไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

    ..... เงินสามารถซึ้อสิ่งของต่าง ๆ ได้ เพื่ออำนาจ ความสะดวกสบายเท่านั้น แม้เงินสามารถซึ้อเครื่องใช้สนองความต้องการได้ แต่มิได้หมายความว่า เขามีเงินแล้วจะมีความสุขเพิ่มขึ้น เพราะเงินซื้อได้แตวัตถุสิ่งของ แต่ซึืือจิตใจที่มีความสุขแท้จริงไม่ได้ ความสุขทางใจจะซึ้อด้วยเงินไม่ได้ ต้องฝึกจิตให้สงบสุขเอาเอง มันจะเป็นความสุขยั่งยืนกว่า มีเงินแล้วจึงเป็นสุข โดยไม่อยากได้สิ่งของภายนอก รู้จักพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ อยู่ง่ายกินไม่ยาก มักน้อย สันโดษ เพียงเท่านี้ ชีวิตก็จะเป็นสุข เพราะมีธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ ทำให้ความต้องการอยากได้หมดไป จากจิตใจ ความสุขที่มั่นคงยั่งยืนก็เกิดขึ้น

    ..... เงินเป็นเพียงคำตอบเบื้องต้น ที่จำเป็นต้องมีได้ เพื่อการดำรงชีวิต แต่ไม่ใช่สิ่งสูงสุดของชีวิต ที่เราต้องไปบูชาว่าเป็นพระเจ้า สามารถดลบันดาลได้ทุกอย่าง แล้วทำไมเศรษฐีร้อยล้าน รัฐมนตรีผู้มีการศึกษาสูง จึงฆ่าตัวตายกันมากมาย ยิ่งประเทศที่เจริญทางวัตถุมาก ๆ เช่น ญี่ปุ่น ยิ่งมีการฆ่าตัวตายมากที่สุด เพราะคนเราไปวิ่งแสวงหาทรัพย์สมบัติ สิ่งของยิ่งกว่าการหาความสุขทางใจ

    ..... เงินจึงไม่ใช่ความสุขสุดยอดชองมนุษย์ คำตอบสุดท้ายของคนเรา คือ ความไม่เป็นทุกข์ เป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะความทุกข์ทางใจ ถือว่าร้ายแรงที่สุด ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักค้นคว้าหาสิ่งที่ทำให้เราไม่ไปเป็นทุกข์กับสิ่งใด การหาเงินเป็นเพียงการทำหน้าที่แสวงหา เพื่อเลี้ยงชีวิตให้อยู่รอดไปวัน ๆ เท่านั้น แต่สิ่งดีที่สุดที่อยู่เหนือเงินทอง เหนือกว่าทุกสิ่งในโลก ก็คือ การมีธรรมะเป็นที่พึ่งทางใจ การฝึกจิตใจให้หมดความทุกข์ ต้องรู้จักพอ ไม่อยากได้อะไร และ ยอมรับทุกเรื่อง ทุกสภาพที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา เพียงเท่านั้น ชีวิตท่านก็จะไม่มีปัญหา ความทุกข์หมดไป

    ..... รู้โลก ไม่รู้ธรรม ตกนรก

    ..... การศึกษาเรียนรู้ทางโลก แม้จบด๊อกเตอร์ปริญญาเอก ก็ไม่ได้ทำให้คนเรามีปัญญารู้จักตัวเอง และ ดับทุกข์ทางใจได้ ผู้มีปัญญาที่แท้จริง จะต้องเรียนรู้บรมธรรม ซึ่งเป็นธรรมอันยอดเยี่ยมสูงสุด ประเสริฐสุดเท่าที่โลกและจักรวาลนี้มีมา การไม่รู้จักไม่สนใจธรรมะ จะทำให้ผู้นั้นลุ่มหลงมัวเมา ในความโลภ โกรธ หลง ลาภ ยศ สรรเสริญ จะต้องรอถึงวันที่สิ่งเหล่านี้หมดไปหายไป ถึงจะรู้สึก รู้จักตัวเองว่า มันนำมาซึ่งความทุกข์ ถ้าเราไปยึดติดผูกพัน จะทำให้ใจไม่เป็นอิสระเสรี วุ่นวาย เร่าร้อน ต้องรักษามันไว้ด้วยความห่วงใย แล้วในที่สุด ก็ไม่ได้อะไร เพราะความสุขที่ได้มา มันต้องเสื่อมสลายไป ไม่ยั่งยืน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป จะไปเอามาเป็นของเราแน่นอนไม่ได้ ถ้าไปยึดถือจริงจัง ใจจะตกนรกทันที เมื่อเสื่อมสุข เพราะฉะนั้น สรรค์หรือความสุข มันจึงไม่มีอยู่จริง มีเีพียงชั่วคราว ไม่ถาวร เราจึงไม่ควรไปยึดติดผูกพัน อยากได้มันมาเป็นของเรา ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้

    ชีวิตเสรี (จิตอิสระ จึงไร้ทุกข์)
    พระอาจารย์ ยุทธนา เตชปัญโญ

    สวัสดี
    00p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • a186.jpg
      a186.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      71

แชร์หน้านี้

Loading...