คลังเรื่องเด่น
-
บุญที่ทำให้บารมีเต็มเร็ว..เข้าใกล้พระนิพพาน
อานิสงส์ของการทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล
โดยหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ท่านสาธุชนพุธบริษัททั้งหลาย ที่เป็นศิษย์หรือไม่ใช่ลูกศิษย์ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้ป่วยมาก มีอาการเพลียเป็นพิเศษ นั่งที่ไหนก็อยากจะหลับ พอดีเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำเดือน ๘ จะลงศาลาก็คงไม่ไหว เทศน์ก็เทศน์ไม่ไหว จะเดินก็เดินไม่ไหว ความตายมันคลานเข้ามาเต็มที ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ที่พระพุทธเจ้าเทศน์กับเปสการีท่องไว้ทุกวัน จำไว้ทุกวัน มีความรู้สึกกว่า ไม่ช้าชีวิตนี้มันก็ต้องตายถ้าความตายมันเข้ามาถึง บรรดาท่านทั้งหลาย สิ่งที่ต้องการนั้นคือพระนิพพาน ใครเขาหาว่า บ้าๆ บวมๆ ก็ตามใจ บางท่านบอกว่า พระนิพพานสูญ ตามตำราต่างๆ ก็บอกว่ามีสภาพสูญ แต่ทว่าเมื่อปี ๒๕๐๐ ปีนั้นป่วยมาก ต้องเข้าโรงพยาบาล วันแรกมีการอืดเสียดหนัก ตอนหัวค่ำ วันที่สอง ก็มีอาการอืดเสียดหนักตอนหัวค่ำ พอวันที่สาม จึงสั่งจ่าพยาบาล ให้ไขเตียงให้นั่งได้ เตรียมตัวว่าวันนี้ ถ้าจะขอตาย ก็ตายด้วยสมาธิ และวิปัสสนาญาณเวลา ๑ ทุ่ม
ก็เริ่มทำสมาธิ คิดว่าประมาณ ๒ ทุ่ม ทุกวัน ๒ วันมาแล้ว แต่ว่าวันนี้แปลก คำว่า วันนี้หมายถึง วันนั้นนะ... -
ที่สุดของการถือสา...คนที่หลงกอด"ความว่าง"โดยคิดว่าเป็น"ความมี"ทำไมจะไม่ทุกข์!
ที่สุดของการถือสา...คนที่หลงกอด"ความว่าง"โดยคิดว่าเป็น"ความมี"ทำไมจะไม่ทุกข์!
เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา จะสรุปได้ว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปว่าใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า
"สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น" ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า "การปล่อยวาง"
ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง " มีความว่าง" มาแต่เดิม คนที่หลงกอด "ความว่าง" โดยคิดว่าเป็น " ความมี" ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกคน แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่าทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้ หมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ ก็เล่นถือเอาทุกเรื่องเป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่ ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก... -
หลวงปู่มั่นให้มหาบัว..ใกล้เสือเพื่อพบธรรม
หลวงปู่มั่นให้มหาบัว ใกล้เสือเพื่อพบธรรม
"อาตมาไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ได้ กราบอาจารย์มั่นแล้วนอนไม่ได้ แม้จะเดินจงกรมก็ต้องหันหน้าไปไหว้ท่านเสียก่อน"
หลวง ตามหาบัว หลังกราบนมัสการเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตแล้ว ท่านมีความกตัญญูต่อบูรพาจารย์อย่างยิ่งยวด วัตรประจำวันไม่ว่าจะนอน นั่ง ยืน เดินทุกอิริยาบถ ทุกลมหายใจ
หลวงตามหาบัวมีพระอาจารย์มั่นเป็นสรณะ
นับ เป็นศรัทธาอันใสสะอาดของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เสมือนหนึ่งประทีปธรรมแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นแม่ทัพธรรมของพระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไป ลูกศิษย์ของท่านแต่ละนาม ล้วนเป็นกำลังหลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระอาจารย์มั่น หรือหลวงปู่มั่น ชื่อและนามสกุลเดิมคือ มั่น แก่นแก้ว เกิดเมื่อ พ.ศ.2414 บวชเมื่อ พ.ศ. 2436 จำพรรษาอยู่วัดหนองผือนาใน จังหวัดสกลนคร มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2492 ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
ช่วงชีวิตหนึ่งของหลวงตาม หาบัว ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และติดตามรับใช้อย่างใกล้ชิด ทำให้ทั้งเปี่ยมศรัทธาในข้อวัตร และข้อธรรมต่างๆ ที่พระอาจารย์มั่นพร่ำสอน ทั้งด้านพระธรรมวินัย... -
หลวงตาพระมหาบัว โปรดวิญญาณพ่อนุ่น ในเมืองนรก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริงของคุณนุ่นที่หลายคนอาจจะไม่เชื่อ
แต่ลองอ่านให้จบท่านอาจได้ข้อคิด อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้
เล่าที่มาของนุ่น
บ้านของนุ่นอยู่ในกรุงเทพฯ...
ครอบครัวนุ่นจัดได้ว่าครอบครัวนุ่นมีฐานะครอบครัวหนึ่งเลยก็ว่าได้
แม่และน้าของนุ่นเป็นพวกชอบเข้าวัดทำบุญมาก โดยเฉพาะวัดป่าบ้านตาด
และสวนแสงธรรม
ตั้งแต่มีโครงการณ์ช่วยชาติ ของหลวงตาบัว
เข้าไปช่วยงานจนแทบจะเรียกว่าเป็นกิจกรรมหลักของชีวิตทีเดียว
ส่วน ตัวพ่อและนุ่น แทบไม่เคยเข้าวัดเลย พ่อเป็นพวกติดเหล้า
แต่ก็รักลูกมากจึงไม่ได้ไปกินเหล้านอกบ้าน
แต่กินในบ้านเพื่อจะได้อยู่กับลูก
และด้วยความสุดขั้วมาเจอกันทำให้พ่อและแม่นุ่นมีปากเสียงกันเป็นประจำ
โดยพ่อก็จะต่อว่าแม่และลามไปถึงหลวงตาบัวถึงขนาดเรียกหลวงตาบัวว่า
อีตาบัว
นุ่นเองนอกจากจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่แล้วยังเห็นว่า
แม่เอาแต่ทำบุญไม่สนใจพ่อและนุ่นเลย จึงเข้ากับพ่อเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ทุกข์สุดในชีวิต
และด้วยการใช้ชีวิตอย่างที่กินเหล้า-สูบบุหรี่จัด
ทำให้มะเร็งคร่าชีวิตพ่อไปก่อนเวลาอันควร
นั่นเป็นเหตุให้นุ่นเป็นทุกข์... -
พรปีใหม่จากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
พรปีใหม่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
คัดย่อจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐ หน้า ๒๓๕-๒๔๒
ปีใหม่ก็จะคืบคลานเข้ามาถึง ก็เป็นอันว่าชีวิตของเราก็ล่วงเข้ามาอีก ๑ ปี
ปีใหม่ที่เคลื่อนเข้ามาเราก็จะแก่เข้าไปอีก ชีวิตของเราก็จะเดินเข้าไปหาความดับ
เพราะธรรมดาของชีวิตเมื่อมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น และก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง
และมีการตายแตกทำลายพันธุ์ไปในที่สุด นี่เป็นกฎธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ ฯ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า โลกมีอันจะต้องฉิบหายไปในที่สุด ไม่มีอะไรทรงตัว
ทีนี้สำหรับเราเหล่าพุทธบริษัท ในฐานะที่ท่านทั้งหลาย เป็นพุทธมามกะ คือนับถือพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ
พระบาลีกล่าวว่า บุคคลผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยย่อมจะไม่สลาย คือ จะต้องไม่พินาศไปด้วยอำนาจของโลก
ซึ่งเต็มไปด้วยความแปรปรวน ฯ
ฉะนั้น ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงอย่าวางใจ จงอย่าประมาทในชีวิต จงคิดว่าคุณของพระพุทธเจ้า
คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ทั้ง ๓ ประการ จะสามารถทรงเราให้มีชีวิตอยู่ได้ นี่กล่าวโดยเฉพาะ
ถ้าเราสิ้นอายุขัย... -
สภาวะของนิพพานจากหลักฐานในพระไตรปิฎก
สภาวะของนิพพานจากหลักฐานในพระไตรปิฎก
คำว่า "นิพพาน" เป็นคำที่ใช้กันในปรัชญาหลายระบบในอินเดีย โดยใช้ในความหมายของความหลุดพ้น แต่การอธิบายเกี่ยวกับสภาวะของนิพพานนั้นแตกต่างกันออกไป ในปรัชญาอุปนิษัทเชื่อ ว่า นิพพานหรือโมกษะ คือการที่อาตมันย่อยหรือชีวาตมันเข้ารวมเป็นเอกภาพกับพรหมัน แต่ในพระพุทธศาสนาอธิบายว่า นิพพานคือการหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา ซึ่งแสดงออกในรูปของโลภะ โทสะ และโมหะ มิได้หมายความว่าเป็นการหลุดพ้นของอัตตาหรือตัวตนในโลกนี้ ไปสู่สภาวะของนิพพานเช่นเดียวกับคำสอนอุปนิษัท แต่หมายถึงความดับสนิทแห่งความเร่าร้อนและเครื่องผูกพันร้อยรัดทั้งปวง ซึ่งเรียกว่าเป็นความทุกข์
คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท ระบุไว้ชัดเจนว่า "นิพพานอันว่างจากตน" "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารระบุว่า อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้" (วิ.ป.บาลี 8/257/194)
นิพพานก็อยู่ใน อริยสัจจ์ 4 ด้วย คือเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา ได้แก่... -
ตู้เย็นคนยาก ประหยัดด้วยหลักฟิสิกส์ เก็บอาหารได้นานกว่าตู้เย็นทั่วไป
ตู้เย็นคนยาก ประหยัดด้วยหลักฟิสิกส์
Mohammed Bah Abba คุณครูสอนวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งในไนจีเรีย แอฟริกาได้รับรางวัลนวัตกรรมโลว์เทค จากโรเล็กซ์ จากผลงาน pot-in-pot ในที่นี้ขอเรียกว่าตู้เย็นคนยาก สาเหตุมาจากการที่นักเรียนขาดเรียนบ่อยๆ เพื่อไปช่วยพ่อแม่ขายผลิตผลจากพืชในตลาดให้ทัน ก่อนที่ผลไม้สุกที่ตัดแล้ว จะเน่าเสียตามสภาพภูมิอากาศร้อน
ตู้เย็นของคุณครูทำจากตุ่มดินเผาสองใบ ใบใหญ่ใส่ทรายรองก้น วางตุ่มใบเล็กลงไปในใบใหญ่ ใส่ทรายในช่องว่างระหว่างตุ่มสองใบ จากนั้นเทน้ำลงไปในทรายให้ทรายชุ่มน้ำ แล้วนำผ้าชุบน้ำมาปิดฝาตุ่ม ก็จะได้ตู้เย็นคนยาก สามารถเก็บผักผลไม้ได้นานกว่าเดิม ด้วยการเก็บลงไปในตุ่มใบเล็ก ซึ่งสามารถเก็บได้นานกว่า 4 สัปดาห์
จากการที่ทรายทำหน้าที่เก็บความเย็นให้ตุ่มใบเล็ก และเก็บน้ำให้ตุ่มใบใหญ่ เมื่อน้ำระเหยออกจากผิวของตุ่มใบใหญ่ จะนำพาความร้อนออกไป และทำให้อุณหภูมิของตุ่มใบเล็กเย็นระดับน้องๆ ตู้เย็นเลยทีเดียว ใช้หลักฟิสิกส์เรื่องความร้อนแฝงของการเปลี่ยนเฟสจากของเหลวเป็นไอ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่มา : เรื่อง ตู้เย็นคนยาก โดย... -
ของฝากจากพระยายม...เรื่อง "วันหยุดนรกการ"
ภาพ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง และ พ่อหลวงของเรา
ของฝากจากพระยายม
(เรื่อง การอุทิศส่วนกุศล ท่านพระยายม (ลุงพุฒิ) ท่านมาสั่งให้หลวงพ่อบอกลูกหลาน เมื่อวันปวารณาออกพรรษาปี ๒๕๓๑ ซึ่งหลวงพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้)
หลวงพ่อ : พระยายมกับท่านลุง (นายบัญชี) มาเที่ยววันออกพรรษา
พระยายม กับท่านลุงฯ บอกว่า “คนที่ผมจะช่วยได้ ต้องเฉพาะคนที่ผ่านสำนักผมเท่านั้นนะ!”
ถามท่านว่า “ลุงมีข่าวอะไรส่งข่าวบ้างละ?”
ท่านบอก “ไม่มี! ผมหยุดนรกการ ๓ วัน”
รู้จักไหม… ชาวบ้านเขาหยุดราชการ ใช่ไหม..ท่านหยุดนรกการ ๓ วัน เมื่อวานนี้ (ออกพรรษา), วันนี้ (ปวารณา), และพรุ่งนี้
ถาม “ทำไม?”
ท่านบอก “วันสำคัญนี่ วันมหาปวารณาผมไม่สอบสวน”
เลยถามว่า “ถ้าเวลาที่ลุงไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวนเขามีอิสระใช่ไหม…?”
ท่านบอกว่า “ตามปกติเขาก็มีอิสระอยู่แล้ว ไอ้ที่ไปยืนที่นั่นเขายืนรอคนไม่ให้ลงนรกเท่านั้นเอง”
คือ ท่านมีหน้าที่ไม่ให้ลงนรก แต่ก็ต้องไปตามกฎของกรรม ถ้ารู้กฎของบุญนิดหนึ่งท่านให้ไปสวรรค์ก่อนเลย.. ท่านจัดอย่างนั้น.
เลยถามท่านว่า “ถ้าเขามีอิสระอย่างนี้เขาไปได้ไหม?”
ท่านบอกว่า “เขาไปไหนก็ได้... -
วันออกพรรษา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" จะมีการทำบุญ ตักบาตรเทโว
วันออกพรรษา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" จะมีการทำบุญ ตักบาตรเทโว
ความหมาย
วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา... -
อานิสงส์ของการมีสัจจะ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
มีสองตายายเขาพากันเดินจงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย
ไอ้ขโมยมาลักควาย นี่เรื่องตก ๓๐ ปีแล้ว สองคนตายายเดินจงกรมที่นอกชานเดือนหงาย
ถ้าไม่ได้ชั่วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั่วโมง ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ช้า ๆ
ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกข้าก็ไม่รับปาก แหมเดินดี
เดินจงกรมมีสัจจะว่า เดินหนึ่งชั่วโมง ควายอยู่ใต้ถุน ขโมยมา ๔ คนก็มาลักควาย
คนหนึ่งก็เฝ้าเจ้าของไว้ คนหนึ่งก็ไปเฝ้าทางปากตรอกไว้
คนหนึ่งตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีความ ๓ ตัว
ควายอ้วน ๆ เอาควายไปแล้วเปิดเลย คนที่มันเฝ้าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไม่รู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไม่ทราบ หรือดาวหมามันขึ้นเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึ้นลักขโมยตอนนั้น
ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึ้นหลับหมดเลย ลักของได้ตอนนั้นนะ
อานิสงส์การเดินจงกรม ควายออกนอกบ้านไปแล้ว
คนที่มันเฝ้าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่า เจ้าของจะตื่นหรือเปล่า
เดือนมันหงายนี่มันก็อะไรไม่รู้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควายออกไปตั้งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว
เอ อะไรกัน นี่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ขโมยที่เฝ้าคอกมันก็ถอยหลังเรื่อย มันอยากดู... -
ไฟนรก 7 กองใหญ่
ไฟนรก 7 กองใหญ่ ที่ไม่ควรล่วงเกิน
1. กองที่หนึ่ง พระพุทธเจ้า แม้แต่คิดก็เป็นบาปหนัก เพราะเป็นบุคคลพิเศษ เกิดขึ้นได้ยากมาก อย่างน้อยที่สุดใช้เวลาสะสมบารมีถึงที่สุด 20 อสงไขย กับเศษ 100,000 กัลป์ ( 1 กัลป์ เท่ากับ 6,420 ล้านปี )
2. กองที่ 2 พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว ผู้ใดไม่ได้ทำความเห็นตามพระธรรม ชื่อว่าเป็น มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด เช่นไม่เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าไม่มีบุญ - บาป นรก สวรรค์ ไม่มีชาติหน้าชาติก่อน
เมื่อมีความเห็นผิด ย่อมกระทำสิ่งทิ่ผิดๆ เป็นกรรมหนัก ไม่สนใจที่จะทำสิ่งดี ๆมีประโยชน์แก่ตนเอง ประตู
อบายภูมิ นรก ย่อมมีโอกาสได้เยี่ยมชม
3.กองที่ 3 พระสงฆ์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกไม่มีเนื้อนาบุญใดยิ่งกว่า เราไม่มีหน้าที่ไปติเตียน พระภิกษุ ที่ไม่สมควรแก่ สมณะรูป แต่เราสามารถเลือกที่จะทำบุญ ปลูกบุญกับพระภิกษุที่ ปฏิบัติดี ประพฤติชอบได้ อย่าเอาความคิดเห็นของเราไปตัดสินผู้อื่นว่า ดี เลว อาจเผลอไปติเตียน ท่านผู้มีศีล และปฏิบัติธรรมอยู่อย่างไม่รู้ตัว กลายเป็น วิบากกรรมอันลำบากยาวนาน
4. กองที่ 4... -
เสียงธรรม “พระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนา”
เรื่องพระโพธิสัตว์ยิ่งใหญ่สำคัญมาก เป็นรากแก้วของทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีพระโพธิสัตว์ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็ไม่มีพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งเหตุผล
เครดิต :http://www.ybat.org/ -
ถามเรื่องคาถาโสตัตตะภิญญา
คืออยากจะรบกวนพี่ๆท่านใดที่มีประสบการณ์การใช้คาถารวมอภิญญา"โสตัดตะภิญญา"บ้างค่ะ มีใครเคยใช้ภาวนาได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง คือเมื่อวานได้อ่านเจอในหนังสือพ่อรักลูกของ ลพ.ฤาษีลิงดำ ตอนเย็นกลับบ้าน ทานข้าวเสร็จเลยนอนเล่นๆ และภาวนาคาถานี้ไปเรื่อยๆ จนหลับไปประมาณ 3 ทุ่มก็เห็นภาพว่ามีคนมาที่บ้านแต่งตัวลักษณะประมาณนี้ เห็นตอนหลับ สักพักไม่ถึง 5 นาที ก็มีคนมาที่บ้านจริงๆ เป็นคนที่เห็นในตอนหลับด้วย ตื่นมาเลยงงๆ ว่านี้เราฝันแม่นหรือเพราะว่าภาวนาคาถานี้...ตอนนี้ งงๆ มากค่ะ
**พี่ๆคนใดมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ...มิเช่นนั้นคงต้อง งง ต่อไป -
ทิพยมนต์ ต้นฉบับ โดย พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีระเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี)
ทิพยมนต์
ต้นฉบับ โดย
พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีระเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี)
(คัดจาดหนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ 258 เดือน ตุลาคม 2536 โดย เจริญสุข ยืนตระกูล)
ถือโอกาสพิมพ์ลงในที่นี้ โดยมิได้บอกกล่าวเจ้าของ ข้อเขียนและหนังสือ โลก ทิพย์ให้อนุญาตก่อน เนื่องจาก เป็นเรื่องที่อ่านและประทับใจ อยากเก็บไว้อ่านโดยสะดวกและเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้ทราบ เพื่อ นำไปปฏิบัติ เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และหากผู้ใดนำไปปฏิบัติเ ป็นกุศลผลดีต่อตนเองแล้ว ขอบุญกุศลนั้นส่งถึงผู้เป็นเจ้าของ บทความและ นิตยสารโลกทิพย์ ด้วยเทอญ
.
ความเป็นมาของบทสวดทิพย์มนต์
เนื่อง จากผู้อ่านโลกทิพย์จำนวนหนึ่งได้เขียนมาขอบทสวดทิพย์มนต์ เพราะต้องการนำไปสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อสุขภาพของตน เพื่อเป็นมงคลช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วยให้มีสุขภาพดี ผู้เขียนจึงได้ขออนุญาต หลวงปู่หลอด ผู้เมตตาสอนบทสวดทิพย์มนต์ให้แก่ข้าพเจ้านำมาตีพิมพ์ไว้ในนิตยสารโลกทิพย์ เพื่อประโยชน์และแผ่อานิสงส์ ให้ผู้สวดโดยทั่วกัน
ย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2500 หลวงปู่หลอดได้เดินทางจากป่า มาสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่ วัดอโศการาม ของ ท่านพ่อลี ศิษย์ของ... -
ห้องประสบการณ์หลวงพ่อเกษม เขมโก สามารถเข้ามาคุยกันได้ครับ
ประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก
ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ
ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน ประวัติบางตอน ของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่ง กล่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไปโดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย
เมื่อปี พ.ศ.2455 ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปางหรือเขลางค์นครในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอภรรยาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง... -
เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา
เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา
เรื่องโดย วารี
คุณเคยได้ยินกลอนบทนี้ของท่านสุนทรภู่บ้างไหม
“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แค่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”
แม้คำนินทาจะอยู่คู่โลกทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ดิฉันก็ไม่คิดว่าการพูดนินทาคนอื่นจะเป็น “กรรม” หนักหนาสาหัสอะไร เพราะใครๆก็คงเคยพูดนินทาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันมาบ้าง
ครั้งหนึ่งดิฉันเคยไปฟังพระเทศน์เกี่ยวกับการนินทา พระท่านเป็นผู้มีความรู้ จึงคิดบัญญัติศัพท์เกี่ยวกับการนินทาด้วยคำชวนหัวว่า นินทาวิทยา ( Gossipology ) ตามความหมายและคำแปลจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้ความหมายว่า นินทาคือ “คำติเตียนลับหลัง”
แต่พระท่านว่า หากพิจารณาจากที่ไปที่มาและสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ในสังคมอาจหมายรวมไปถึงการตำหนิ เพราะผู้พูดไม่ชอบใจ ผู้พูดไม่สบอารมณ์ และไม่ตำหนิต่อหน้าหรือไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนต่อหน้า แต่กลับนำเรื่องของเขาไปตำหนิลับหลัง ทั้งๆที่เขาเป็นคนดี ทั้งๆ ที่เขาทำดีอยู่แล้ว เพราะการนินทาหมายถึง การเล่าเรื่องในทางที่ไม่ดี เล่าเรื่องในแง่ที่ไม่ดีของคนอื่นลับหลัง... -
การรู้แจ้งในขณะนั่งลืมตาของหลวงปู่บุดดา ถาวโร
พรรษาที่ ๔ ตัดกิเลสบรรลุธรรม
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ พอใกล้เข้าพรรษา ท่านทั้งสองได้ไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองคู จ.นครสวรรค์ และพอออกพรรษาก็กลับมาร่วมปฏิบัติธรรม ณ ถ้ำภูคา จ.นครสวรรค์ โดยต่างเร่งความเพียรเจริญสมณธรรม อย่างเต็มที่เกือบจะไม่ได้พักผ่อน และในคืนวันหนึ่งเวลาประมาณระหว่าง ๒๐.๐๐ น. ถึง ๒๓.๐๐ น. ซึ่งเป็นเวลาสนทนาธรรมของทั้งสองท่าน หลวงพ่อสงฆ์ได้ถามหลวงปู่บุดดาว่า
“...ยังถือวินัยอยู่หรือ”
หลวงปู่ตอบว่า “...ไม่ถือวินัยได้ไง ถ้าเราจะเดินผ่านต้นไม้-ของเขียวก็ต้องระวัง...มันจึงเป็นอุปาทานทำความเนิ่นนานต้องช้ามาถึง ๔ พรรษา”
หลวงพ่อสงฆ์ว่า “วินัยมันมีสัตว์-มีคนรึ”
หลวงปู่บุดดาว่า “มีตัวซี ถ้าไม่มีตัวจะถือวินัยได้ยังไง...วินัยก็ผู้ถือนั่นเอง ...เสขิยวัตร ๗๕ เป็นตัวไม่ได้หรอก ...เนื้อหนัง กระดูก ตับไต ไสพุง มันไม่ใช่ตัวถือวินัย...ตัวถือวินัยเป็นธรรมนี่”
....เถียงกันไป เถียงกันมาชั่วระยะหนึ่ง... พอปัญญา-บารมีเกิดขึ้นตกลงกันได้ว่า “เอ๊ะ ! ไม่มีจริง ๆ เน้อ ...ผู้ถือไม่มี มีแต่ระเบียบของธรรมเท่านั้น ไปถือมั่น-ยึดมั่นไม่ได้นี่”
พอหยุดความลง... -
เสียงธรรม ไวพจน์-พุทธประวัติ
ไวพจน์ เพชรสุพรรณ : แหล่พุทธประวัติ / ทำขวัญนาค -
การเข้าพระนิพพานในวิธีที่ง่ายและลัดตรงที่สุด โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
***การเข้าพระนิพพาน***
ในวิธีที่ง่ายที่สุด ลัดตัดตรงที่สุด
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
สำหรับการที่จะเข้าพระนิพพานนั้น...
จิตจะต้องถูกฝึกมาแล้วเป็นอย่างดี ซึ่งก็แยกย่อยออกไปได้หลายวิธี...
แต่วิธีที่ง่ายที่สุด ลัดตัดตรงที่สุด คือ...
1. ไม่สงสัย เชื่อมั่น และเคารพ
พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด (สุดจิตสุดใจ) ตลอดชีวิต
... ซึ่งความเชื่อนี้ รวมไปถึงพระธรรมคำสอนในข้อที่ว่า...
นิพพานัง ปรมัง สุขัง...
*พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง*
นิพพานัง ปรมัง สูญญัง...
พระนิพพานเป็นที่ที่สูญจากกิเลส จากอวิชชาทั้งมวล
จากพระธรรมทั้ง ๒ ประโยคนี้...
ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่า พระนิพพานเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง
ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านประทับอยู่จริง...
เมื่อเราเชื่อมั่นอย่างสุดจิตสุดใจว่า พระนิพพานมีจริง
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระองค์อยู่จริง...
การที่เราจะได้มโนมยิทธิหรือไม่นั้น... ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด...
สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ความเชื่อมั่น...
เชื่อมั่นว่าพระนิพพานมีอยู่จริง...
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีอยู่จริง...... -
เพียงวันละ 10 นาที ก็สามารถพ้นนรกเข้าถึงนิพพานได้
คนที่ปฏิบัติเพื่อพระนิพพานจะใคร่ครวญอย่างไรจึงจะง่ายและสั้นที่สุด ท่านตรัสว่า เจ้าจงใคร่ครวญอย่างนี้
จงคิดว่าเราเป็นผู้ไม่มีอะไรเลย ทรัพย์สินก็ไม่มี ญาติ เพื่อน ลูก หลาน เหลนก็ไม่มี แม้ร่างกายเราก็ไม่มี เพราะทุกอย่างที่กล่าวมามีสภาพพังหมด เราจะทำกิจที่ต้องทำตามหน้าที่ เมื่อสิ้นภาระคือร่างกายพังแล้ว เราจะไปพระนิพพาน
เมื่อความป่วยไข้ปรากฏจงดีใจว่า ภาระที่เราจะมีโอกาสเข้าสู่พระนิพพานมาถึงแล้ว เราสิ้นทุกข์แล้ว คิดไว้อย่างนี้ทุกวัน จิตจะชินจะเห็น เหตุผล เมื่อจะตายอารมณ์จะสบายแล้วก็จะเข้านิพพานได้ทัน
........................................................................................................
ทีนี้คนไหนต้องการจะไปพระนิพพานก็เป็นของไม่ยาก สัมพเกษี ให้เขาคิดเห็นว่า
โลกนี้ทั้งโลก ไม่มีอะไรที่เราชอบ ไม่มีอะไรที่เรารัก เราไม่รักอะไร เราไม่ชอบอะไรในโลกนี้ แม้แต่ร่างกายของเราเองเราก็ไม่ชอบไม่รัก เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ เต็มไปด้วยความทรมาน แล้วให้ใคร่ครวญหาความจริงในโลก จะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม มันมีสภาพคงตัวได้ตลอดกาลหรือเปล่า ถ้ามันมีการเปลี่ยนแปลง... -
หลวงพ่อเกษม เขมโก เผชิญอสุรกายป่าช้าแม่อาง
หลวงพ่อเกษม เขมโก เผชิญอสุรกายป่าช้าแม่อาง
ชื่อ เสียงกิตติคุณของ หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อครั้งที่ท่านยังไม่ละสังขารขันธ์ ขจรขจายเลื่องลือกว้างไกล ไปในหมู่พุทธบริษัท ณ ที่ท่านจำพรรษา มีพุทธศาสนิกชนไปกราบไหว้สักการะด้วยความเคารพศรัทธาท่าน เนืองแน่นทุกวัน แม้จะไม่ได้พบตัวท่าน ก็ขอได้กราบนมัสการกุฏิหลังน้อยที่ท่านพักผ่อนอยู่ภายใน ก็เกิดปีติปราโมทแล้ว เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ผู้ใกล้ชิดที่สุดได้มาจากบันทึกสั้นๆ เป็นคำบอกเล่าของ เจ้าประเวท ณ ลำปาง ซึ่งเป็นหลานของท่าน มีความว่า....
เวลานั้นเจ้าประเวทบวชเป็น สามเณร คอยรับใช้อุปัฏฐากหลวงพ่อเกษม อยู่ที่ป่าช้าแม่อาง ปฏิปทาของหลวงพ่อเกษม ท่านพอใจจำพรรษาในป่าช้ามาโดยตลอด เสนาสนะของท่านคือกระต๊อบหลังเล็กๆ ที่ญาติโยมปลูกสร้างถวาย ขณะที่เกิดเหตุนี้ สามเณรประเวทนอนอยู่กับพระหวันอีกที่หนึ่ง (พระหวันบวชหน้าไฟเพียง ๗ วัน เนื่องจากบุพการีเสียชีวิต แล้วนำศพมาเผาที่ป่าช้าแม่อาง ในวันนั้นพระหวันบวชแล้วก็ขออยู่ในป่าช้ากับหลวงพ่อเกษม)
เช้าวัน รุ่งขึ้น....สามเณรประเวทมาหาหลวงพ่อเกษมที่กระต๊อบกุฏิเพื่อปรนนิบัติท่าน... -
เสียงธรรม “หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า” พระเถระของไทย
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท
หลวงปู่ศุข วัดคลองมะขามเฒ่า ท่านได้รับถ่ายทอดวิชามาจากพระอาจารย์ของท่าน
ในด้านวิชาวิทยาคม ทั้งนี้หลวงปู่ศุขยังเป็นพระที่เคร่งในวัตรปฏิบัติ
และพระวินัยอย่างเคร่งครัด วัตถุมงคลของหลวงปู่ศุข
โด่งดังทางด้าน เมตตามหานิยม
และแคล้วคลาดคงกระพันโดยเฉพาะเรื่องป้องกันเขี้ยวและงา -
การดันกระทู้ที่ไม่สมควรกระทำ
คนๆ เดียวกันแต่เข้าชื่ออื่นๆ มาทำทีเป็นผู้สนใจโพสต์ในกระทู้ของตน
ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดคิดว่ามีผู้สนใจเรื่องราวในกระทู้จริงๆ
สมาชิกที่โพสต์ใน Website พลังจิตไม่ควรทำอย่างยิ่ง
พบเห็นจะเตือน - แบน หรือหากฝ่าฝืนด้วยเหตุต่างๆ อาจแบนทุกชื่อทั้งหมด
สมาชิกควรกระทำโดยสุจริตต่อตนเองและผู้อื่น
สมาชิกสามารถช่วยกันดูแล หากพบเห็นสิ่งไม่ปกติ ไม่ชอบมาพากล กดปุ่มแจ้งเตือนที่โพสต์นั้นๆ แจ้งมาที่ทีมงาน ชื่อและข้อมูลที่ผู้แจ้งส่งมา
เป็นความลับจึงวางใจได้ไม่ต้องกังวลหวาดระแวงแต่ประการใด
ทางทีมงานจะตรวจสอบและดำเนินการตามสมควรต่อไป
หมายเหตุ
การดันกระทู้เจ้าของกระทู้ควรใช้ชื่อที่โพสต์ในกระทู้นั้นๆ ดันกระทู้จึงเหมาะควร
อนุโมทนา -
มรณานุสสติ...(หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)
มรณานุสสติ
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
ความเกิดมีแล้ว ความแก่ ความตายมันก็มีอยู่ ไม่มีใครพ้นตาย เกิดก็เกิดเต็มแผ่นดิน ตายก็ตายเต็มแผ่นดิน อยู่เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่นี้แหละ ความตายเต็มแผ่นดินอยู่ เป็นเป็ด ไก่ หมู หมา เขาก็ตาย มนุษย์ชายหญิงก็ตาย ใครล่ะ เกิดมาแล้วไม่ตาย
ถ้าเกิดมาขวางโลกเขา เกิดมาแล้วไม่ตาย ไม่เฒ่า ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ขวางบ้าน ขวางแผ่นดิน ขวางโลก เขาอยู่ได้อย่างไร ให้ภาวนา มรณานุสสติอยู่อย่างนี้แหละ
เป็นเป็ดเป็นไก่มันก็ตาย เป็น วัว ควาย ช้าง ม้า หมู หมา เขาก็ตาย คนแก่ก็ตาย คนหนุ่มก็ตาย ถ้ากลัวตายมีใครพ้นตายไหม ทุกคนทุกสิ่งสรุปลงสู่ความตายทั้งหมด
เป็ด ไก่ วัว ควาย หมู ปลา ถ้ามันไม่ตายเอง เขาก็ฆ่าเอาให้มันตาย อยู่ในสภาพไหนล่ะมันจะพ้นจากความตาย ถึงจะมีอายุผ่านพ้นไปร้อยปีพันปี มันก็ต้องตายอยู่นั่นแหละ สัจจธรรมข้อนี้ใครๆ ก็พ้นไปไม่ได้ นั่งอยู่ก็ตาย นอนอยู่ก็ตาย กินอยู่ก็ตาย ไม่กินก็ตาย เจ็บป่วยอยู่ก็ตาย ไม่เจ็บไม่ป่วยมันก็ตาย ความตายมันมีอยู่ทุกฐานะทุกสถานที่
ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย มันครอบงำเราอยู่ทุกเมื่อ พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงเสีย แม้อบายโลก... -
เทวดาที่วัดบวรฯ
บทความนี้นํามาจาก อารยาฟอรั่ม • View topic - เทวดาที่วัดบวรฯ
วันเสาร์ที่ผ่านมาดิฉันได้นำอาหารไปถวายพระสงฆ์ที่วัดใกล้บ้านเช่นที่เคยทำทุกสัปดาห์
ปกติท่านเจ้่าอาวาสจะเทศนาเป็นภาษาอังกฤษแก่ผู้ที่ภาษาไทยไม่แข็งแรง(รวมทั้งลูกๆ
ของดิฉันด้วย) แต่สัปดาห์นี้ ท่านตอบคำถามของคุณแม่สามีของดิฉัน
คุณแม่เป็นคนที่กลัวผีมาก และเพิ่งกลับจากไปเที่ยวที่ Smoky Mountains, Tennessee
ท่านเล่าว่าถูกคนดึงขาถึงสองคืนที่พักอยู่ที่นั่น พบว่าโรงแรมสร้างอยู่ข้างๆสุสาน ท่านจึง
ถามว่า "ผี" มีจริงหรือไม่? ท่านเจ้าอาวาสจึงกล่าวว่า "อาตมามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง แล้วโยม
คิดกันเอาเองว่า "ผี" มีจริงหรือไม่? แล้วท่านก็เล่าเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นไทย
ได้คล้ายๆแบบนี้
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2510 ได้มีชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองไทย
ชาวต่างชาติผู้นี้มีความนิยมชมชอบในวัฒนธรรมไทย และยังศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่าง
แรงกล้า เมื่อมาอยู่เมืองไทยจึงชอบที่จะไปท่องเที่ยวตามวัดวาอารามต่าง ๆ
อยู่มาวันหนึ่งฝรั่งต่างชาติคนนี้ก็นั่งแท็กซี่มาที่วัดบวรนิเวศฯ แต่เช้าตรู่ รถก็พามาจอดตรงประตูทางเข้าพระอุโบสถ... -
การแผ่เมตตาช่วยแม่จากนรกได้ : หลวงพ่อจรัญ
หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม วัดอัมพวัน สิงห์บุรี เล่าในหนังสือกฎแห่งกรรมเรื่องการแผ่เมตตาไว้ว่า:
การแผ่เมตตาจะต้องมีสมาธิก่อน มีพลังส่ง มีเมตตาในตัวเองก่อน แล้วค่อยแผ่อุทิศให้เขาจะได้ผล ถ้าโยมปราศจากเมตตาอย่าอุทิศ ไม่มีได้ผล ไม่ได้ผลจริง ๆ อาตมาทำมาแล้ว แผ่ได้ผลต้องมีเมตตาครบอย่างต่ำ ๘๐% ไม่อย่างนั้น แผ่ไม่ออกหรอก เหมือนยิงปืนตกปากกระบอกไม่มีแรงส่ง ขาดสมาธิ ขาดสติปัญญา ขาดความสามารถ ขาดความเชี่ยวชาญในการฝึก ต้องฝึกให้คุ้นเคยทุกวัน ไม่ใช่นั่งแล้วได้ทุกคน...............
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีเรื่องเล่า กรรมฐานอุทิศส่วนกุศลช่วยแม่ผูกคอตายขึ้นมาจากนรกได้
มีโยมคนหนึ่ง ไม่ต้องออกชื่อรับราชการ ซี.๗ ยังไม่มีครอบครัว อยู่กับแม่ ๒ คน บ้านใหญ่โตแถวบางกะปิ เขาไม่ทราบแม่เขาแท้ที่จริงเป็นน้าสาว เลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ และไม่ทราบว่าพ่ออยู่ที่ไหน แต่ก็รู้ว่าอยู่แถว ๆ ถนนสุขุมวิท พ่อเลิกกับแม่เขาไป
เขามานั่งกรรมฐานที่วัดนี้ ๒ ครั้ง ๆ ละ ๗ วัน ลาพักร้อนมาโยมไม่ทราบเหตุการณ์อื่นใดทั้งสิ้น นั่งกรรมฐาน ๗ วัน ครั้งแรกยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้งที่สอง มานั่งกรรมฐานกลับไปได้เรื่องออกมาเลย
แม่ตัวจริงมาเข้าฝัน... -
เสียงธรรม อุบาย“หักอาลัย”ในเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ อ่านโดย สมาชิกพลังจิต
เคยมีคำทำนายเกี่ยวกับเนื้อคู่ของหลวงปู่แหวน เมื่อสมัยที่เรียนมูลกัจจายน์ที่จังหวัดอุบลราชธานี
ได้มีหมอดูทำนายว่าเนื้อคู่ของท่าน
จะมีรูปร่างสันทัด ผิวเนื้อขาวเหลือง ใบหน้ารูปใบโพธิ์ แต่ท่านก็ไม่ได้สนใจอะไร
ด้วยชีวิตนี้ท่านได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อพระศาสนาแล้ว
จึงขอกล่าวถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสืออนุสรณ์หลวงปู่แหวน
เกี่ยวกับในช่วงที่จิตของท่านนึกเห็นแต่หน้าของหญิงนางนั้น
ที่สุดท่านก็ได้บังคับจิตของท่านให้หลุดออกจากห้วงนั้น
โดยใช้อุบายธรรมพิจารณาเหตุผลในทีละอย่าง
จนท่านก็ประสบความสำเร็จ เนื้อความในหนังสือที่ยกมากล่าวอ้างนี้ความว่า
วันหนึ่ง หลวงปู่แหวนได้มาพักบำเพ็ญอยู่ที่บ้านนาสอง เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่พอสมควร
พวกชาวบ้านถิ่นนั้นมีแปลกอยู่อย่างคือ
เวลาเห็นพระไปบิณฑบาต พวกเขาจะป่าวร้องกันมาใส่บาตรว่า
“มาเน้อมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว
หาน้ำอ้อยน้ำตาลมาใส่บาตร ญาธรรมมาแล้ว ท่านชอบของหวาน”
เมื่อได้ยินคนร้องประกาศเช่นนั้น ต่างก็เอาของมาใส่บาตรจนเต็ม
พวกนี้เหมือนกับพวกไทยใหญ่ ไทยใหญ่ถ้าเห็นพระไปบิณฑบาต
เขาจะใส่บาตรด้วยน้ำอ้อยน้ำตาลกับข้าวเช่นกัน พวกเขาถือว่าเจ้บุ๊นไม่กินเนื้อสัตว์... -
สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ได้อานิสงส์อานุภาพแรงมาก
หากพูดเรื่องการสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ ทุกคนก็นึกถึงพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลายที่อยู่ตามวัดวาอาราม หรือผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้น จริงๆ แล้วการสวดมนต์ไหว้พระ ควรเป็นข้อปฏิบัติประจำของเหล่าชาวพุทธทั้งหลาย โดยเฉพาะการสวดมนต์ ไหว้พระในวันวันธรรมสวนะ หรือวันพระ หากเราพิจารณาความสำคัญของการสวดมนต์โดยเปรียบเทียบกับทุกศาสนา เราจะพบว่ามีปฏิบัติกันถ้วนหน้าทีเดียว ชาวคริสต์ต้องเข้าโบสถ์สวดมนต์
ทุกวันอาทิตย์ อิสลามิกชนก็จะมีการสวดมนต์ทุกวันสำคัญ และมีการละหมาดวันละ 6 เวลาทีเดียว เบื้องต้นน่าจะเห็นพ้องต้องกันว่าการสวดมนต์เป็นสิ่งที่ดี แต่คำถามที่มักจะได้ยินเสมอว่าก็คือ ดีอย่างไร
หากเรามองย้อนไปในอดีตตอนพวกเราๆ เป็นเด็ก จะพบว่าในรุ่นปู่ย่า ตายายของเรา แทบจะทุกคนที่จะไปวัดเพื่อสวดมนต์ ไหว้พระในวันพระเสมอ และยังมีการสวดมนต์ที่ค่อนข้างยาวทีเดียวก่อนนอนทุกวัน
หลายผู้อาจจะไปนั่งพนมมือด้วย หลายผู้ก็นอนฟังแล้วก็หลับไป หลายผู้อาจถูกปลูกฝั่งให้ปฏิบัติเอาเยี่ยงบ้าง
ก็มีผมเคยถามท่านทั้งหลายในรุ่นนั้น ว่าสวดมนต์ ไหว้พระแล้วได้อะไร ก็มักจะได้คำตอบว่า “ มันดี ”ทำให้ชีวิตดี หรือชีวิตมีสิริมงคล...
หน้า 408 ของ 412