คลังเรื่องเด่น
-
การเทียบบารมี โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
การเทียบบารมี บารมีเขาจัดเป็น ๓ ชั้น บารมีต้น ท่านเรียก บารมีเฉยๆ บารมีตอนกลางท่านเรียก อุปบารมี บารมีสูงสุดท่านเรียก ปรมัตถบารมี
ถ้าคนที่มีบารมีต้นในขั้นเต็ม ท่านผู้นี้จะเก่งเฉพาะทาน กับ ศีล เขาจะทำสะดวกเฉพาะ การให้ทาน กับ การรักษาศีล แต่การรักษาศีลของบารมีขั้นต้นจะไม่ถึงศีล ๘ อย่างเก่งก็มีกันแค่ศีล ๕ ท่านผู้นี้จะไม่พร้อมในการเจริญพระกรรมฐาน ถ้าชวนในการเจริญสมาธิทำกรรมฐานท่านบอกทำไม่ได้ กำลังใจไม่พอ หรือจะพูดให้ดีอีกนิดท่านบอกว่าไม่ว่างพอ เวลาไม่มี นี่สำหรับคนที่มีบุญบารมีขั้นต้นจะอยู่กันแค่นี้
ถ้ามีบารมีเป็น อุปบารมี เขาเรียกว่า บารมีขั้นกลาง อุปบารมี นี่พร้อมที่จะทรงฌานโลกีย์ บารมีนี้พร้อมเรื่องฌานโลกีย์นี่ทรงได้แน่ ท่านพวกนี้จะพอใจในการเจริญพระกรรมฐาน แล้วก็พอใจในการทรงฌาน แต่ว่าถ้าจะชวนในขั้นบุกบั่นในวิปัสสนาญาณ ท่านจะบอกว่าไม่ไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาธิวิปัสสนาญาณ อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่เข้มแข็งนัก เพราะว่าสมถะกับวิปัสสนาที่แยกกันไม่ได้ ต้องอยู่คู่กัน แต่กำลังด้านวิปัสสนาญาณจะต่ำ จะเข้มแข็งเฉพาะสมถภาวนา แล้วท่านพวกนี้ถึงแม้ว่าจะพอใจในการเจริญกรรมฐาน... -
ทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย
ผู้ถาม หลวงพ่อคะ แล้วอย่างทำบุญแค่เพียงเล็กน้อย เช่นการสร้างโบสถ์ นี่นะคะ คือไม่ได้ทำทั้งหลังค่ะ ทำเฉพาะประตูไม้ เขามาเรี่ยไรก็ร่วมทำบุญไปกับเขาค่ะ อย่างนี้บุญคงน้อยกว่าการทำบุญทั้งหลังใช่ไหมคะ?
หลวงพ่อ ถ้าเราทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างวิหารสร้างกุฏิ สร้างศาลา ทั้งหมดนี่เราไม่ได้ทำเต็มหลัง คือราคาไม่เต็มหลัง แต่ว่าไม่ใช่เราได้นิดเดียวนะ เราก็ได้เต็มหลัง วิมานจะปรากฏเลย ถ้าเราได้มโนมยิทธิจะสามารถไปเที่ยวได้
ผู้ถาม รู้สึกว่าสมบัติที่เราทำไปมันน้อย ก็คิดว่าบุญคงได้น้อย
หลวงพ่อ สมบัติมันเล็กน้อยก็จริง แต่ว่าอานิสงส์มันไม่เล็กน้อย ก็แบบซื้อล๊อตเตอรี่ใบเดียว ถูกรางวัลที่หนึ่งนะ อย่างทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างอาคาร สร้างส้วม เขาเรียกว่าวิหารทาน อันนี้จัดเป็นบุญสูงสุด
ตัวอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าเป็นมาฆมานพ ท่านกับเพื่อนอีก ๓๒ คน ช่วยกันทำศาลาหนึ่งหลัง มีช้างสำหรับลากไม้หนึ่งเชือก มีนายช่างหนึ่งคน เวลาตายไปแล้ว ท่านมาฆมานพก็ไปเป็นพระอินทร์เพื่อนอีก ๓๒ คน ก็ไปเป็นเทวดา มีวิมานคนละหลัง นายช่างไปเป็นวิษณุกรรมเทพบุตร ช้างที่ลากไม้เป็นเอราวัณเทพบุตร... -
เสียงธรรม “ธารณปริตร”สวดอย่างน้อยวันละ ๑ ครั้ง จะรอดพ้นจากวิกฤตมหาอุบัติภัยโลกที่จะบังเกิด
สวดโดย สมาชิกบอร์ดพลังจิต (KeLBeRos)
ความเป็นมาของพระคาถาธารณปริตร
เมื่อครั้งออกพรรษาปี 2526
พระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งได้มีโอกาสออกวิเวก
เจริญรุกขมูล ธุดงค์ทางภาคเหนือ และชายแดนฝั่งพม่า
เขตติดต่อพรมแดนในแวดวงหมู่บ้านชาวเขาเผ่าต่าง ๆ นานเกือบ 3 เดือน
ขณะปักกลดพักที่ดอยพระพุทธบาทห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน
ได้พบและปรึกษาธรรมปฎิบัติและอื่น ๆ
กับพระอาจารย์รังสรรค์ โชติปาโล
ซึ่งเพิ่งจะธุดงค์เดินป่ามาจากประเทศพม่า
และได้จดจำเอา"พระคาถาธารณปริตร"
จากวัดอรัญตะยา ในมัณฑะเลย์ ประเทศพม่ามาด้วย
เนื่องจากเห็นว่าเป็นบทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ
ที่ในประเทศไทยเรายังไม่คุ้นเคย หรือมีปรากฎมาก่อน
จะด้วยสาเหตุใดก็ตามที
เมื่อพระป่ามาพบกันหลายองค์ที่จังหวัดลำพูน
ก็ได้นำพะคาถาธารณปริตร บทนี้ ทำวัตรเย็นร่วมกัน ติดต่อกันอยู่ 5 วัน
ก่อนทำเพียรภาวนาทุกค่ำคืน
ได้ปรากฎเห็นหมู่เทวาอารักษ์ในนิมิต
มาชุมนุมและร้องชมเชยสรรเสริญ ชื่นบาน ร่าเริงมาก
ที่ได้ยินพระป่ากรรมฐานเจริญ พระคาถาธารณปริตร อันทรงคุณเป็นเลิศนี้
พระภิกษุกรรมฐานทั้ง 5-6 รูป
ครั้นเจริญพระปริตรที่ห้วยต้น อ.ลี้ จ.ลำพูน
ต่างได้เห็นนิมิตเทวาอารักษ์... -
รวม ธรรมะสั้นๆ เข้าใจง่าย ของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น - พระป่าธรรมยุติ etc.
"สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง
แม้กระทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้นกลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปไม่ได้
ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป
อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้นเป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
อดีตปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตปล่อยไว้ตามกาลของมัน
ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ ไม่สุดวิสัย"
...เถระวาจาหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตเถระ
(ปล.จะพยายาม update เรื่อยๆนะครับ
ที่มา: รวบรวมมาจากหลายๆที่ ฯลฯ) -
เสียงธรรม อิติปิโส 8 ทิศ(คาถายันต์เกราะเพชร)
คาถายันต์เกราะเพชร (อิติปิโส 8 ทิศ)
สวดโดย สมาชิกบอร์ดพลังจิต( KeLBeRoS )
อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง
ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ
ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ
วาโธโนอะมะมะวา อะวิชสุนุตสานุติ
คาถายันต์เกราะเพชรนี้ (อิติปิโส 8 ทิศ) เป็นของ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อปานท่าน ศึกษาจากตำราพระร่วง โดยตัดมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม เป็นการนำเอาพุทธคุณบทต้นมาเขียนเป็น ตัวขอม
------------------- -
เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง
กระทู้นี้มีไว้เพื่อแบ่งปันของดี ของรัก ของหวงที่เคยสะสมมา
เป็นการแบ่งปันสิ่งดีๆที่มีอยู่เพื่อคนที่ต้องการมีของดีๆไว้บูชากับเขาบ้าง โดยไม่รู้ว่าจะหาจากตรงใหนจึงจะเชื่อถือได้ว่าแท้จริงตามมาตรฐานดั้งเดิมแต่ครั้งก่อน และยังได้รับเมตตาแบ่งปันมาจากผู้ใหญ่หลายท่านที่สะสมไว้แบบของแท้ตามมาตรฐานเก่ายุคก่อน มีทั้งราคาแพงและแบบราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป มีตั้งแต่หลักร้อยยันหลักล้าน มีทั้งของที่เลือนหายไปจากวงการนักสะสม ของที่เป็นที่สุดในสายวิชาต่างๆและมีทั้งของชิ้นที่เป็นตำนานวิชาอาคม เพื่อคนใจรักและชื่นชอบในวัตถุมงคล ทุกชิ้นรับประกันตามมาตรฐานที่ถูกต้องตามความจริงยุคก่อน บางชิ้นอาจไม่แท้ในสากลนิยมแต่แท้ในแบบฉบับมาตรฐานยุคเก่า โดยไม่มีเงื่อนไขอื่นๆให้เสียอารมย์ เรื่องเงินสามารถตกลงกันได้โดยไม่ต้องหนักใจหรือเดือดร้อนครอบครัว แบ่งปันให้จองบูชาได้เฉพาะในกระทู้นี้ อยากได้-ต้องการหาของที่ต้องการหรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ siamaraya@gmail.com
ฝากรูป -
เสียงธรรม หลวงปู่เเหวน-จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ อ่านโดย สมาชิกพลังจิต (กายแก้ว)
ที่มา :::
อ่านจากกระทู้ หลวงปู่เเหวน จากคำบอกเล่าของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
-------------------- -
เสียงธรรม นางแก้วคู่บารมี ของพระโพธิสัตว์ (เรียบเรียง โดย อังคาร)
นางแก้วคู่บารมี ..เรียบเรียงโดย..อังคาร
หนังสือ "นางแก้วคู่บารมี" นี้ ได้รวบรวมอดีตชาติของนางแก้วคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ที่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ซึ่งชาวพุทธรู้จักกันดีในนามพระนางพืมพากรือพระนางยโสธรา พระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะ เรื่องราวทั้งหลายได้เริ่มร้อยเรียงตั้งแต่ครั้งที่พระนางพิมพาเริ่มตั้งความปรารถนาในอดีตกาลอันแสนไกลและความปรารถนาที่ได้ตั้งไว้นั้นก็ได้ร้อยรัดให้นางแก้วและพระโพธิสัตว์ได้เกิดมาสร้างสมบุญบารมีร่วมกัน ได้เกิดมาพบกัน เป็นคู่ครองกันในเกือบทุกชาติที่ได้เกิดมา จนมาถึงชาติอันเป็นที่สุด
ขอขอบคุณผู้เรียบเรียงข้อมูล (คุณอังคาร) ไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ
คำปรารภ
๑. พระนางพิมพา - นางแก้วคู่บารมี
๒. สุมิตตาพราหมณี - ปฐมจิตอธิษฐาน
๓. เจ้าหญิงประภาวดี - ด้วยจิตคิดเกลียดชัง
๔. นางสุชาดา - รูปสมบัติเป็นทุกข์ภัย
๕. วิสัยหเศรษฐีภริยา - เกี่ยวหญ้าทำทานยามตกยาก
๖. ภริยาช่างหม้อ - หนีสามีออกบวช
๗. สัมมิลลหาสินีกุมารี - ทิ้งทรัพย์บวชเป็นดาบสินี
๘. จอมนางแห่งพาราณสี - ราชินีผมหงอก
๙. ราชธิดาพระเจ้าโกศล - จากนางทาสีเป็นพระมเหสีพระราชา
๑๐. พระสมุททวิชยาเทวี -... -
หลวงตาม้าอธิบายถึง "เรื่องความเสื่อมของโลกในอนาคตอันใกล้นี้"
พระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร ( หลวงตาม้า )
วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ)
ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ศิษย์ : อย่างอายุกัปป์ อายุ ช่วงอายุขัยต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์เนี่ย บางครั้งพวกนักวิทยาศาสตร์เขาจะชอบบอกว่า อายุของโลกมนุษย์มันไม่มียาวขนาดตามในตำราอะไรต่าง ๆ ?
หลวงตา : ไม่จริงหรอก ไม่จริงหรอก เขาไปไม่ถึง
ศิษย์ : จริง ๆ มันยาวกว่าที่เขารู้ ?
หลวงตา : ยาวมากนะ
ศิษย์ : ก็คือโลกใบนี้เลยเหรอ ?
หลวงตา : ใช่
ศิษย์ : แสดงว่าเขารู้ไม่จริง ?
หลวงตา : เขารู้ตามที่รูปลักษณ์ อย่างเขาไปเจอซากสัตว์โบราณ
มันก็ไม่มีทุกส่วนอยู่ในโลกนี้หรอก มันมีเป็นบางที่เท่านั้นเอง ใช่มั้ย
ศิษย์ : ครับ… เพราะของเก่ามันก็สลายไปหมด หาไม่ได้เขาก็ไม่รู้?
หลวงตา : มันเป็นธรรมดาของโลก เพราะฉะนั้น โลกนี้เราจะเอาอะไรไป... เอาไปไม่ได้สักอย่าง เพียงแต่อาศัยเท่านั้นเอง จริงมั้ย ทุกคนอาศัยอยู่ในโลกนี้ แล้วก็ตาย แล้วก็เกิดใหม่ แล้วก็อาศัยใหม่ มันก็แย่งกัน ยิงกัน ตีกัน ด่ากัน เอารัดเอาเปรียบกันใช่มั้ย ในโลกมันมีอยู่แค่นี้ เห็นแต่ประโยชน์ตนบ้าง พรรคพวกตัวเองบ้าง ฮึ ๆ มันก็อย่างงี้แหล่ะ... -
พระโพธิสัตว์ หน่อพุทธภูมิ การแบ่งภาค หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
เรื่องที่ ๑ พระโพธิสัตว์ - หน่อพุทธภูมิ - การแบ่งภาค
เนื้อหาทั้งหมดในกระทู้นี้เรียบเรียงจากหนังสือกายสิทธิ์เล่ม 1
สำนักสงฆ์พุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะในปัจจุบัน) ตีพิมพ์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน
ช่วงที่ ๑
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๓ วันหนึ่ง ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งคุยกับหลวงปู่ ท่านได้ถามผู้เขียนว่า "เคยได้ยินเรื่องการแบ่งภาคไหม" ผู้เขียนเรียนตอบท่านว่า "เคยครับ ในเรื่องรามเกียรติ์ พระรามแบ่งภาคมาจากพระนารายณ์ มีจริงหรือครับหลวงปู่" หลวงปู่ท่านนิ่งอยู่อึดใจหนึ่งแล้วตอบว่า "มีจริงเหมือนกัน อย่างหลวงปู่ทวดแบ่งภาคมาเกิดไงละ" เกี่ยวกับเรื่องนี้ เคยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรียนถามหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ตอบว่า "มี...แต่ทำได้ในพวกหน่อพุทธภูมิ" หลวงปู่ท่านเคยบอกผู้เขียนว่า "แก รู้ไหมว่า ในหลวงท่านเป็นใคร ท่านคือผู้ปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจของท่านพวกนี้จะต้องเป็นผู้นำหมู่คณะ ดูอย่างวัวยังมีจ่าฝูง นกก็ต้องมีหัวหน้าฝูง วัดก็ต้องมีเจ้าอาวาส อย่างหลวงพ่อใหญ่ (พระโบราณคณิสร อดีตเจ้าอาวาสวัดสะแก) แต่หน่อพุทธภูมิที่มีบารมีเต็มแล้ว สูงแล้ว เขามักจะไม่เป็นกษัตริย์ เพราะจะมีภาระหนักหน่วง... -
หญิงแก่ขวางทาง(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
หญิงแก่ขวางทาง
เมื่อกลับมาถึงที่แล้วก็คิดในใจ พอทรงอารมณ์ได้ ก็ตั้งใจคิดว่าประเดี๋ยวเราจะไปหาลุง ก็ลุกจากที่นอน ออกจากสถานที่ จะไปหาท่านลุง แต่ว่าบรรดาท่านผู้ฟังอุปสรรคย่อมเป็นอุปสรรค เป็นของธรรมดา ๆ คำว่า อุปสรรค นี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า ต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนว่า การจะไปไหนก็ดี การจะทำงานทุกอย่างก็ดี ต้องคิดถึงอุปสรรคก่อน แม้แต่การประกอบอาชีพต่าง ๆ ก็ต้องคิดถึงอุปสรรคก่อน อุปสรรคมันต้องมีกับคนทุกคน
พอเคลื่อนจากที่ก็ปรากฏว่า มีหญิงแก่คนหนึ่ง ผิวขาว รูปร่างเพรียว อายุประมาณ ๗๐ ปี อายุนี่ขอประมาณ เธอนั่งขวางทางหลีกทางซ้ายเธอก็ขวาง หลีกทางขวาเธอก็ขวาง เดินตรงเธอก็ขวาง
ก็ถามเธอว่า “เธอจองเวรจองกรรมอะไรกับฉัน ทำไมจึงขวางทางเดินของฉัน นี่ฉันจะไปหาลุง แล้วเธอมาขวางทำไม”
เธอก็ยิ้ม บอกว่า “ที่ฉันมาขวางนี่ฉันยังไม่ต้องการให้ไปหาลุง”
เอาสิ ไหมล่ะ อย่านึกว่าพระนี่เก่งกว่าผี ผีเก่งกว่าพระ
ก็ถามเธอว่า “เธอต้องการอะไร”
เธอตอบว่า “ตามฉันมา”
ก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอก็นำหน้า ฉันจะตามไป”
ก็ไม่ทราบว่า เธอจะพาไปไหน เธอก็พาเดินเรื่อยขึ้นไปทางด้านทิศเหนือ ชันขึ้นไป ๆ... -
หลวงตาม้าอธิบายถึงเรื่องการกลับชาติมาเกิดของพระโพธิสัตว์
พอดีได้ไปกราบหลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ ศิษย์หลวงปู่ดู่ มา
แล้วได้ถามหลวงตาเรื่องนี้พอดี คิดว่าเป็นอีกเรื่องที่หลายคนยังสับสนและอยากรู้คำตอบว่าทำไม...
คนนู้นก็บอก คนนี้ก็บอก ว่าเป็นองค์นั้นองค์นี้กลับชาติมาเกิดกันเต็มไปหมด
บางครั้งก็เป็นองค์เดียวกัน ซ้ำกัน หลายคนก็เลยงงไปใหญ่ว่าพระโพธิสัตว์ท่านอวตารแยกร่างลงมาช่วยโลกได้เหรอ ?
วันนั้นพอดีผมถามถึงเรื่องครูบาศรีวิชัยว่า มีหลายคนมากที่บอกว่า
องค์นั้นองค์นี้เป็นครูบาศรีวิชัยมาเกิด แล้วท่านแยกร่างมาเกิดได้ด้วยเหรอ?
ลองมาดูคำอธิบายของหลวงตากันนะครับ (เป็นคำตอบที่เกิดจากการใช้ความจำสรุปเอานะครับ
บางช่วงบางตอนอาจจะขาดๆตกๆหล่นๆไปบ้าง ผมขอกราบขอขมาหลวงตา
และเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งปวงไว้ในที่นี้ด้วย หากผิดพลาดประการใด)
หลวงตาเมตตาอธิบายว่า...
พระโพธิสัตว์ท่านไม่ได้แยกร่างมาเกิด แยกร่างแบ่งร่างไม่ได้ ถ้าจะลงมาเกิด
ก็ลงมาได้แค่องค์เดียวเท่านั้น ส่วนที่เหลือนั้นไม่ใช่ แต่เป็นการฝากพลังงานของท่าน
บางครั้งท่านก็จะฝากกระแสของท่านมากับเหล่าเทวดา
ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่านที่จะลงมาเกิด
เพื่อให้มาช่วยงานบางประการ ตัวท่านก็เกิดอยู่ที่หนึ่ง... -
ตาแคล้ว ทายกของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ตายแล้วฟื้น
ตาแคล้ว ทายกของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ตายแล้วฟื้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี) ท่านบวชใหม่ ๆ ตาแคล้วตายไป ๘ ชั่วโมง ฟื้นขึ้นมา ก็มาเล่าเรื่องชีวิตหลังความตายให้หลวงพ่อฟัง มีหลายอย่างที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำบุญด้วยน้ำครับ
ความจริง เรื่องน้ำ นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท จะเล่าเรื่องสู่กันฟังสักเรื่องหนึ่ง
เรื่องการเทศน์ ญาติโยมก็ฟังกันมามากแล้วนะ เอาเรื่องจริง ๆ ในสมัยที่อาตมายังไม่ตาย เวลานี้ก็ยังไม่ตายยังคุยอยู่ จะเล่าเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว แต่ว่าสมัยนั้นท่านกลับฟื้นขึ้นมา คือ ตาแคล้ว
ตาแคล้วนี่เป็นทายกของหลวงพ่อปาน เป็นนักบุญอย่างตาหง่านี่ เวลามะยังภันเต อย่างตาหง่านี่แหละ นำอาราธนาศีล ถวายทานเพราะ เสียงดีมากคล้ายๆ กัน
แต่ตาแคล้วชอบทำบุญทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าบุญ ทำทุกอย่างที่หลวงพ่อปานแนะนำ เว้นไว้อย่างเดียว คือ ไม่ได้ทำบุญด้วยน้ำ ข้าวใส่ ขนมใส่ อะไรก็ตามที่ชอบใจทำบุญหมด แต่ไม่ได้ใส่น้ำ
ต่อมาในวันหนึ่ง ฉันบวชแล้ว ตาแคล้วแกตาย แกตายไปประมาณ ๘ ชั่วโมง ก็ฟื้นขึ้นมา ตอนนี้แกก็เล่าเรื่องของความตาย บอกว่าขณะที่จะตายมีคน ๔ คนมารับ... -
คุณไสยกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค
คุณไสยกับหลวงพ่อปานวัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตอนนั้นกำลังนั่งอยู่กับหลวงพ่อปาน อยู่ ๆ ก็มีเด็กสาว ๆ คนหนึ่งอยู่บ้านสามกอ บ้านสามกอนี่เป็นตำบลบ้านแพน ใกล้ ๆ กับอำเภอเสนาคือชิดกับอำเภอ เด็กสาวคนนี้อายุราว ๑๕ - ๑๖ รูปร่างหน้าตาดีมาก ถ้าส่งเข้าประกวดนางงาม ไม่แน่เด็กคนนี้อาจจะได้ตำแหน่งใดตำเหน่งหนึ่งก็ได้ เขาต้องหามแกขึ้นมา เดินไม่ได้ เป็นไข้ขนาดหนัก พอหามขึ้นมาวางหลวงพ่อปานก็บอกว่าไม่ต้องลอง ไม่ต้องใช้หมากลอง นี่ถูกเขาทำของมาแล้วนี่ เออ อีหนูนี่หน้าตามันไม่ขี้ริ้วขี้เหร่เลยน่ะ มันเป็นคนสวยก็มีคนรักมาก แล้วคนรักก็รักแบบดีก็มี รักแบบทุจริตก็มี นี่คนรักเขาอยากได้มันแต่มันก็ไม่ตามใจเขา เขาก็เลยแกล้งกระทำเอ็ง จะทำให้ตาย เพราะปรากฏว่าเจ้าเด็กคนนี้มันไปรักเด็กชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่คนนั้น ในเมื่อไม่สมหวัง เขาก็เลยคิดว่าในเมื่อเขาไม่ได้ คนอื่นก็จงอย่าได้ ให้มันตายไปเสีย จะได้ไม่มีได้ไว้เป็นสมบัติ เขาไปจ้างเจ้าลาวทำ หลวงพ่อปานท่านบอกเสร็จว่าคนทำนี่น่ะเป็นลาว เขาจ้าง ๒๐๐ บาท นี่ท่านรู้เอาตามชอบใจ พอเขาเอาคนไข้มาวางท่านก็พูดเลย ไม่เห็นท่านนั่งหลับตาอะไร... -
ทำไมต้องทำพิธีบวงสรวงในวัน "เสาร์ห้า" ?
ภาพประกอบจากเว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
ทำไมต้องทำพิธีบวงสรวงในวัน "เสาร์ห้า" ?
ถาม : บวงสรวงทำไมถึงต้องวันเสาร์ห้า ?
ตอบ : วันเสาร์ห้า ตามสายครูบาอาจารย์ท่านถือเป็นวันไหว้ครู พิธีบวงสรวงก็เหมือนกับรำลึกถึงครูบาอาจารย์ที่มีเมตตากรุณา สั่งสอนพวกเราสืบ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ลักษณะของงานบวงสรวงที่ทำ ก็ไหว้ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา เพราะพระพุทธเจ้าต้องเป็นครูใหญ่อยู่แล้ว
ถาม : วันเสาร์ห้านี้คืออะไร ?
ตอบ : วันเสาร์ขึ้นห้าค่ำ ถ้าได้เดือนห้ายิ่งดี ถ้าไม่ได้เดือนห้า เดือนไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นข้างขึ้น คือ ตามสายครูบาอาจารย์เขากำหนดมาอย่างนั้น
ถาม : ไม่มีเหตุผลเลยหรือคะ ?
ตอบ : มี..แต่ว่าเหตุผลนี้ยิ่งยอมรับยากใหญ่ อย่างเช่น วันเสาร์ห้านี้เป็นวันแข็ง เป็นวันที่กำลังสูง ถ้าทำอะไรผลประโยชน์ก็จะได้มาก
ถาม : ใช่ ๆ คือ คนนั้นชอบบอกแต่ว่ากำลังสูง วันแข็ง คำว่า “กำลังสูง” คำว่า “วันแข็ง” นั้นจริง ๆ แล้ว หมายถึงอย่างไร ?
ตอบ : อยู่กับช่วงระยะจังหวะเวลาการโคจรของดวงดาวเรา ต้องยอมรับว่าโลกของเรามีพลังงาน ดวงดาวทุกดวงมีพลังงานอยู่ จังหวะนั้น วาระนั้น เวลานั้น พลังงานจะหนุนเสริมกันมาสูงกว่าจังหวะอื่น... -
"มารสังยุต" ตโปกรรมสูตรที่ ๑
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗
สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
มารสังยุต
ปฐมวรรคที่ ๑
ตโปกรรมสูตรที่ ๑
[๔๑๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ต้นไม้อชปาล
นิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ณ ตำบลอุรุเวลา ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงประทับพักผ่อนอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่งพระทัยอย่างนี้ว่า โอ เรา
เป็นผู้พ้นจากทุกกรกิริยานั้นแล้ว โอ สาธุ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากทุกกรกิริยาอันไม่
ประกอบด้วยประโยชน์นั้น โอ สาธุ เราเป็นสัตว์ที่บรรลุโพธิญาณแล้ว ฯ
[๔๑๗] ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้ทราบความปริวิตกแห่งพระทัยของ
พระผู้มีพระภาคด้วยจิต จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
มาณพทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยการบำเพ็ญตบะใด ท่าน
หลีกจากตบะนั้นเสียแล้ว เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มาสำคัญตนว่า
เป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านพลาดจากมรรคาแห่งความบริสุทธิ์เสีย... -
ภาวนาปลุกจิตใต้สำนึก โดย หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
เทศน์อบรมครูผู้สอนวิชาพระพุทธศาสนา เขตการศึกษา ๑๑ ณ วัดวะภูแก้ว เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๔๑
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย อาตมะได้ฟังท่านผู้เป็นหัวหน้าได้กล่าวรายงานแล้ว รู้สึกซาบซึ้งในกุศลเจตนาของท่านทั้งหลายที่ตั้งอกตั้งใจจะมารับการอบรมธรรมะภาคปฎิบัติสมาธิ
การปฏิบัติสมาธิเพื่อให้จิตของเราตั้งมั่นหรือมีความมั่นใจ การปฏิบัติสมาธิเป็นการปลุกจิตใต้สำนึกให้ตื่นขึ้นมา เมื่อเรามาปฏิบัติสมาธิด้วยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น บริกรรมภาวนา เป็นต้น หรือการสวดมนต์ก็ดี ในเมื่อเราสวดซ้ำๆ ท่องคำใดคำหนึ่งซ้ำ ๆ อยู่ไม่ขาดสายด้วยความมีสติสัมปชัญญะ จะทำให้จิตใต้สำนึกของเราตื่นขึ้นมา
คนเราทุกคนมีฤทธิ์ มีอิทธิพล มีอำนาจอยู่ในตัวเพราะเราเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติ ในชาติก่อน ๆ เราอาจจะเคยได้เป็นฤาษีบำเพ็ญฌานบำเพ็ญตบะมาแล้ว เราก็ไม่ทราบได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ฤทธิ์อิทธิพล และอำนาจที่เราเคยบำเพ็ญมาในภพก่อนชาติก่อน จิตใต้สำนึกของเราจะเป็นผู้เก็บบันทึกเอาไว้ แล้วจะติดไปกับจิตของเราทุกภพทุกชาติไม่ว่าเราจะไปเกิดในที่ใด ภพใด
เมื่อจิตใต้สำนึกตื่นขึ้นมา... -
เราเกิดมาเพื่ออะไร โดย ท่านจิตโต
เราเกิดมาเพื่ออะไร โดย ท่านจิตโต
"ถ้าเราเกิดแล้วไม่รู้จุดประสงค์ของการเกิด
เราก็จะไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากปล่อยเวลาไปเปล่า ๆ
ในเวลาที่เราต้องสูญเสียไปเราก็ไม่ได้อะไรมา
นอกจากความวุ่นวายและก็เดือดร้อน
คิดซะใหม่เลยนะ เราเกิดมาจะใช้ชีวิตทำอะไร
ตั้งไว้ลูก ชีวิตที่เราเหลืออยู่เราจะทำอะไร เดินไปตรงนั้นน่ะ
เมื่อเราพิจารณาดีแล้วก็เดินไปอย่างไม่ต้องไปสงสัยมัน ทำไปเลย"
ท่านจิตโต เทศน์ที่บ้านสบายใจ
. -
ในหลวงสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ฝั้น
ในคราวเสด็จพระราชทานผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ครั้งแรก พ.ศ.2515
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นมัสการถามหลวงปู่ฝั้น ความสำคัญว่า.....
1) ปุจฉา-ทำอย่างไร ประเทศชาติ ประชาชน จะอยู่ดีกินดี มีความสามัคคีปรองดองกัน?
หลวงปู่ฝั้นฯ วิสัชนา-ให้เข้าหาพระศาสนา เพราะศาสนาสอนให้ละชั่ว-กระทำความดี-ทำใจให้ผ่องใส
...
2) ปุจฉา-คนส่วนมากทำดี คนส่วนน้อยทำชั่ว จะให้คนส่วนมากเดือดร้อนไหม? ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขได้?
หลวงปู่ฝั้นฯ วิสัชนา-ขอถวายพระพร ทุกวันนี้ คนไม่รู้ศาสนา
จึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงศาสนาแล้ว ก็ไม่เบียดเบียนกัน
เพราะต้องการความสุข ความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน
คนทุกวันนี้ เข้าใจว่า ศาสนาอยู่กับวัด อยู่ในตู้ ในหีบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้า ประเทศอินเดียโน่น
จึงไม่สนใจ บ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย มองหน้ากันไม่ได้
ถ้าคนเราถือกันเป็นบิดามารดา เป็นพี่น้องกันแล้ว
ก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้ เพราะใจเราไม่มีเวร เวรก็ไม่มี
ใจเราไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี
ฉะนั้น ให้มีพรหมวิหารธรรม อย่างมหาบพิตรเสด็จมานี้
ทุกอย่างเรียบร้อยหมด
----------
พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo -
ทางแห่งวิปัสสนา พระอริยะบุคคล โดย หลวงปู่กัสสปมุนี วัดปิปผลิวนารม
แจกเป็นธรรมทานนะครับ และบูชาคุณครูบาอาจารย์ หลวงปู่กัสสปมุนี
สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติอานาปานสติ นะครับ
เล่มนี้มีทั้งหมด 3 บทนี่เป็นบทแรก
ถ้ามีคนสนใจอ่าน ก็จะโพส บทต่อๆ ไปลงเรื่อย ๆนะครับ
--------
ถ้ามีโอกาศ คราวต่อไปจะลงเรื่อง "สภาวะสังขารธรรม" ของท่านนะครับ
ขอให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติทุกท่านนะครับ :d -
หลวงพ่อขี้วัว-พระผู้ทรงอภิญญา โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ข่าวเล่าลือ
ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๗ - ๒๔๘๘ ในอำเภอสองพี่น้องกับเขตอำเภอบางปลาม้า
ก็ได้ยินข่าวเล่าลือเสมอว่า มีพระพิเศษมาเที่ยวนั่งอยู่ตามกลางทุ่ง
ห่มจีวรสีกลักแล้วก็มีย่ามลูกใหญ่ บางทีเอาผ้าคลุมโปงเวลาเดินไปที่ไหน
เจอะขี้งัวเหลวๆ ก็หยิบใส่ย่ามแล้วนั่งซุ่มๆ เวลาเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเห็นเข้า
เดินเข้าไปใกล้ ท่านก็เดินหนีเสีย
ทีนี้เจ้าพวกเลี้ยงวัวเลี้ยงควายนี่ก็เป็นคนไม่ค่อยจะเหมือนคนเหมือนกัน
บางคราวมันนึกฮิตๆ ขึ้นมา มันนึกว่าเป็นพระบ้าพระบอมันก็วิ่งไล่กวด
ท่านก็วิ่งหนีแล้ววิ่งไปได้ไม่นานทั้งๆที่เป็นกลางวันแล้วก็กลางทุ่ง
ปรากฏว่าไม่เห็นพระองค์นั้น ทำแบบนี้กันอยู่หลายวัน
เทศน์ที่ตำบลสองพี่น้อง
วันหนึ่งเจ้าภาพนิมนต์อาตมาไปเทศน์ที่ตำบลสองพี่น้อง ที่บ้านบางสะแก
แล้วก็วัดบางสะแกหรืออะไรนี่ไอ้วัดนั้นไม่ทราบว่าชื่อวัดอะไรแต่กลุ่มบ้านนั้น
เขาเรียกว่า "บ้านบางสะแก" เมื่อเวลาเทศน์จบก็ต้องค้างคืนเพราะเขานิมนต์ฉันเช้า
ค้างกันอยู่ ๓ องค์ด้วยกัน ไปเทศน์ ๓ องค์ เวลาค้างคืนก็มาค้างที่บ้าน
พอตกกลางคืนเขาก็พูดให้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้น
ก็บอกเขาว่าจะไปหาว่าท่านเป็นพระบ้าพระบอมันก็ไม่ได้... -
พระสมาธิของในหลวงโดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มอบชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งชาติ ทรงเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นแรงบันดาลใจจุดประกายพลังแผ่นดิน
หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรม ราโชวาท แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อแต่ ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้ แล้วว่า จะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหาการดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ
ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธิ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำให้ต้องเร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อมเป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย... -
สามเณรกุมารกัสสปะ อรหันต์น้อยชีวิตพิสดาร (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
อรหันต์น้อย ชีวิตพิสดาร
(โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
สามเณรรูปต่อไปที่กล่าวถึงคือ สามเณรกุมารกัสสปะ เรื่องราวของท่านมหัศจรรย์พันลึกจริงๆ เป็นอย่างไร โปรดตามข้าพเจ้ามา
มีธิดาเศรษฐีเมืองราชคฤห์นางหนึ่ง มีอุปนิสัยในการบรรพชา อยากบวชมาตั้งแต่รู้ความ ขออนุญาตพ่อแม่ไปบวชในสำนักนางภิกษุณี ก็ไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเติบโตเป็นสาวแล้ว พ่อแม่ก็ตกแต่งให้มีครอบครัวกับชายที่มีฐานะทัดเทียมกัน แต่งงานไม่นานก็ตั้งครรภ์โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว ความคิดอยากจะบวชยังไม่เลือนหายไปจากส่วนลึกของจิตใจ นางจึงขออนุญาตสามีไปบวช สามีคงเห็นความตั้งใจแน่วแน่ของนางกระมัง ในที่สุดได้อนุญาตตามที่ขอนางจึงไปบวชอยู่ในสำนักของนางภิกษุณี
บวชไม่นาน ครรภ์ก็โตขึ้นๆ จนปิดบังไม่อยู่ เมื่อความลับเปิดเผยว่า นางภิกษุณีตั้งท้อง ใครรู้เข้าก็ตำหนิติเตียน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อมวลชนไม่แพ้ข่าวสมีเขียว เพียงแต่ว่า เรื่องสมีเขียวเป็นเรื่องจริง แต่นางภิกษุณีรูปนี้มิได้ทำผิดตามที่เป็นข่าว
ว่ากันว่า สำนักภิกษุณีที่นางสังกัดอยู่ในความดูแลของพระเทวทัต ข่าวภิกษุณีมีท้องรู้ถึงหูพระเทวทัต ท่านก็ “ฟันธง” ทันทีว่า นางภิกษุณีต้อง... -
น้ำมนต์แห้งของหลวงปู่บุดดา
พระอาจารย์ เล่าว่า หลวงปู่สี มรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี ถือว่าเป็นพระเถระที่มีหลักฐานอายุที่ชัดเจนที่สุด องค์ที่รองลงไปคือ หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม ปีนี้ท่านน่าจะอายุ ๑๑๔ ปีแล้ว สมัยเก่าไปหน่อยก็ หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน อายุ ๑๑๕ ปี คนรุ่นเก่าๆ อายุยืน ไม่ได้อายุยืนอย่างเดียว ร่างกายแข็งแรงด้วย เพราะทำงานหนักมาทั้งนั้น คนรุ่นใหม่ไม่แข็งแรงพอ
ตอนนี้อาตมาสะสมวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์อยู่ มีชานหมากหลวงปู่วงศ์ ชานหมากหลวงพ่อฤๅษี ชานหมากหลวงปู่ทิม ลูกอมหลวงปู่ดู่ ลูกอมหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ลูกอมหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ลูกอมหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ยาเม็ดจินดามณี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ
เดี๋ยวจะทำวัตถุมงคลรุ่นหนึ่ง จะเทไปเป็นส่วนผสมให้หมด ทำทั้งทีทำแจกไปเลย อย่าไปตั้งราคา ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่า อาตมาจะทำวัตถุมงคลแจกก่อน พอเหลือจากที่แจกแล้วจะราคาแพง เพราะฉะนั้น..วันที่แจกใครไม่มาก็เจ็บตัวทีหลัง ต้องไปซื้อของแพงๆ
มีของอย่างหนึ่งที่เสียดายมากเลย ก็คือ แป้งของ หลวงปู่บุดดา สมัยก่อนอาตมาขนไปทียกโหล ไปให้ท่านเสก คนขอซะเกลี้ยงเลย ทีนี้พอตัวเองอยากได้ก็ตามไปขอแบ่งเขา... -
ช้างผู้ค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ช้าง:ผู้ค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ช้างสัตว์สี่เท้าที่มีขนาดใหญ่ มีความผูกพันกับคนเรามาแต่ครั้งโบราณ ทั้งยังมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนามาแต่อินเดียโบราณอีกด้วย
หลักฐานซึ่งยืนยันความสำคัญดังกล่าวปรากฏครั้งแรกในราวพุทธศตวรรษที่ 3 คือ ภาพสลักหินประดับพระสถูปสาญจี เป็นพุทธประวัติตอนหนึ่งเป็นรูปที่แปลความได้ว่าคือพระนางสิริมหามายาทรงสุบินถึงช้าง ซึ่งมีความหมายว่าจะผู้มีบุญญาธิการจุติมากำเนิดในครรภ์ของพระองค์
ความหมายในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ สืบเนื่องมาจากคนในสมัยก่อนยังไม่มีศาสนา แต่มีการนับถือธรรมชาติ อาทิ ไฟ น้ำ ต้นไม้ งู โดยพบว่า น้ำมีสำคัญกับชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพของช้างพ่นน้ำจึงมีความหมาย เป็นมงคล ดังนั้นซุ้มประตูพุทธสถานในอินเดียมักจะปรากฏรูปช้างประดับร่วมอยู่ด้วยเสมอ และสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจวบจนปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทย ช้างเข้ามามีบทบาทในงานศิลปกรรมไทยมาตั้งแต่ศิลปะทวารวดี (ยุคเริ่มแรกของวัฒนธรรมพุทธศาสนา) และมีอิทธิพลอย่างยิ่งในสมัยสุโขทัย เช่น เจดีย์วัดช้างล้อม อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยมีการประดิษฐานช้างล้อมรอบส่วนฐานของเจดีย์... -
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ
1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว
เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
-เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
-ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
-ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
-เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
-เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา
2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ... -
เสียงธรรม รวมเพลงบทสวดมนต์ 6 บท โดย อ.ชินกร ไกรลาศ
หากผู้ใดสนใจผมขอเป็นธรรมทานแก่ผู้ศรัทธากับทุกท่านครับ..(อนุญาติโหลดฟรี)
เพลงบทสวดมนต์ 6 บท โดย อ.ชินกร ไกรลาศ file mp3 ครับ
LINK File Name: เพลงบทสวดมนต์ (โดย ชินกร ไกรลาศ) รวม 6 บท.rar
Download เพลงบทสวดมนต์ (โดย ชินกร ไกรลาศ) รวม 6 บท.rar from Sendspace.com - send big files the easy way -
เสียงธรรม คนเราอดีตชาติมาจากนรกหรือสวรรค์ดูยังไง
ไฟล์สนทนา
- คนเราอดีตชาติมาจากนรกหรือสวรรค์ดูยังไง
- ลพ.สอนภาวนาสติ-สัมปชัญญะ
หลวงพ่อเปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
---
เครดิต ::::
www.aranyawiwake.com -
บุญ"พระเจดีย์ทราย"ยิ่งใหญ่ไพศาล
อานิสงส์ก่อสร้างพระเจดีย์ทราย
อนิสงส์ก่อสร้างพระเจดีย์ทราย จะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ (กรณีก่อสร้างเจดีย์ทรายในวัด อย่างในเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าเป็นการขนทรายเข้าวัด ใช้หนี้สงฆ์ ที่เราอาจจะนำฝุ่นทรายของวัดติดตัว ออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราไม่มีบาปกรรมติดตัว)
เรื่องเล่าอานิสงส์ในสมัยพุทธกาล
ในเมื่อพระองค์เสด็จประทับอยู่ ณ บุพพารามมหาวิหารในนครสาวัตถี ได้เทศนาถึงอานิสงส์ก่อเจดีย์ทราย แล้วตั้งความปรารถนาไว้ เป็นใจความว่า วันหนึ่ง เป็นฤดูร้อนอากาศร้อนอบอ้าวมาก พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ทรงพักผ่อนพระอิริยาบถให้สบาย ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำ ไม่ห่างจากพระนครเท่าใดนัก ได้ทรงทอดพระเนตร เห็นทรายขาวสะอาดราบเรียบดีนัก มีพระดำริว่าควรทำเป็นรูปเจดีย์ขึ้น เพื่อบูชาพระรัตนตรัย ดีกว่าที่เราจะมาเดินเล่นโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อทรงดำริเช่นนั้น แล้วก็รีบลงมือก่อ เป็นรูปเจดีย์ด้วยพระองค์เอง พวกบริวารทั้งหลายที่ตามเสด็จ ก็ลงมือก่อตามไปด้วย เมื่อสำเร็จแล้ว มองก็เป็นทิวแถว สวยงาม เกิดมีความปิติยินดีเป็นที่ยิ่ง เพราะนับดูแล้วมี ๘ หมื่น ๔ พันองค์พระบรมกษัตริย์ ทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก ก็เสด็จกลับมาสู่ บุพพารามมหาวิหาร...
หน้า 407 ของ 412