คลังเรื่องเด่น
-
นิพพานัง สุขัง
เจริญพระกรรมฐานขั้นพระนิพพาน
ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายมีความรู้สึกว่าการเกิดเป็นคนเต็มไปด้วความทุกข์อย่างนี้ ถ้าเราจะเกิดไปอีกกี่ชาติ เราก็พบกับความทุกข์อย่างนี้อีก และคิดว่าการตายของเราคราวนี้ะเป็นการตายครั้งสุดท้าย ฉะนั้นทุกคนก่อนจะหลับให้คิดง่ายๆ ดังนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นเทวดาก็ดี เป็นพรหมก็ดี จะไม่มีสำหรับเราอีก การตายคราวนี้เราขอไปพระนิพพาน และก็ภาวนาต่อท้ายสักเล็กน้อยว่า
" นิพพานัง สุขัง นิพพานัง สุขัง นิพพานัง สุขัง"
ภาวนาอย่างนี้สัก ๓ ครั้งด้วยความเต็มใจ การทำอย่างนี้ได้ชื่อว่า เจริญพระกรรมฐานขั้นพระนิพพาน เวลาที่ท่านจะตาย บุญกุศลทั้งหลายที่ท่านทำแล้วจะรวมตัวทั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านที่ได้มโนมยิทธิ คือ อภิญญาเเละวิชชาสามควบกัน ก่อนจะหลับเมื่อศีรษะถึงหมอน เอาจิตไปตั้งไว้ที่นิพพาน ไปที่วิมานพระพุทธเจ้าด็ได้ หรือไปที่วิมานของเราก็ได้ ถ้าไปที่วิมานของเรา ให้นึกพระพุทธเจ้าก็จะพบท่านทันที แล้วตัดสินใจว่าถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไรขอมาที่นี่เมื่อนั้น เพียงเท่านี้ แต่ต้องทำทุกวันนะ ตายเมื่อไรไปพระนิพพานเมื่อนั้น..."
ที่มา: ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน หน้า ๔๖ -
ปิดรับบริจาค มหากุศลครั้งยิ่งใหญ่ถวายตุงแก้ว(สุริยัน-จันทรามหาลาภ)แด่สมเด็จพระสังฆราช ณ วัดพระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา
(ขาดอีก10คู่ สุดท้ายก็จะครบแล้วครับ)
หมายเหตุ***ทีมีการเลื่อนไป 24-28 มีนาคม2560 เหตุเพราะจะมีรายการเปิดโลกสดใส ทางช่อง5 จะเดินทางไปถ่ายทำสารคดี ถวายตุงแก้วสุริยัน-จันทราในครั้งนี้ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ท่านที่ประสงค์จะร่วมเดินทางไปกับคณะ ขอได้โปรดติดต่อกลับที่เบอร์ 090-9861646***
มหามงคลครั้งยิ่งใหญ่ต้อนรับศักราชใหม่ปี พ.ศ. 2560 ร่วมถวายตุงสุริยัน-จันทรา(กินไม่ไหวใช้ไม่หมด มหาลาภ)
ณ.วัดพระเขี้ยวแก้ว และหน่อพระศรีมหาโพธิ์องค์แท้ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ประเทศศรีลังกา ในวันที่24มีนาคม2560
โดยมีสมเด็จพระสังฆราชศรีลังกาทรงเป็นประธานหมู่พระสงฆ์ รับถวายตุงทั้งหมด108คู่ การถวายตุงครั้งนี้ถือเป็นบุญกุศลศิริมงคลแก่ท่านเจ้าภาพและครอบครัวอย่างยิ่งๆ เพราะพระอาจารย์ที่เมืองศรีลังกา ท่านได้เมตตาเล่าว่า เป็นครั้งแรกที่อนุญาตให้นำตุงไปแขวนถวายที่พระเขี้ยวแก้ว เนื่องจากยังไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดได้บูชาเช่นนี้ สาธุ สาธุ สาธุ
หน่อพระศรีมหาโพธิ์องค์นี้ศักสิทธิ์มากๆ อธิฐานอะไรก็จะสมหวังทุกๆอย่าง เพราะเป็นต้นที่อายุยืนที่สุดเป็นหน่อแท้จากต้นที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้(จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสมหวัง)... -
"แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
"แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ"
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู
" .. แก่นแท้ของธรรมอยู่ที่สติ จงหมั่นทำสติให้แก่กล้า สติทำอย่างไม่ให้ผิดพลาด กุศลและธรรมทั้งหลาย คุณ
งามความดีทั้งหลายเกิดขึ้นได้ เพราะบุคคลมีสติอย่างเดียว
จะคิด จะพูด จะทำ ให้มีสติระลึกนึกเสียก่อน มันผิดก็ให้รู้ มันถูกจึงค่อยทำ ผู้อื่นไม่ได้ทำให้จิตของเราเศร้า
หมองหรือผ่องแผ้ว เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมอง ผู้อื่นช่วยไม่ได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้
ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น
ผู้ปรารถนาความเจริญ ความสุข ต้องหมั่นฝึกฝน อบรมตนเอง ทำเอง-รู้เอง-ได้เอง ใครทำ-ใครได้ ผู้ทำคุณงาม
ความดี มีศีล ศีลที่บริสุทธิ์แล้วย่อมเป็นที่มาแห่งโภคทรัพย์ จิตดี จิตที่ไม่อิจฉาริษยาพยาบาทเบียดเบียน
เป็นดวงจิตที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทำให้คนบริสุทธิ์ ทำให้คนมีศีล มีโภคทรัพย์ .. "
โดยคุณกุหลาบสีชา โรส
:: ธรรมจักรด็อตเน็ต :: -
อริยมรรคมีองค์แปด เรื่องสัมมาวาจา
สัมมาวาจา
สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ วจีสุจริต4 (เว้นจาก วจีทุจริต4)
การงดเว้นจากการพูดเท็จ
งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ -
เหรียญของพ่อ...พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ตลอดเวลา พระองค์ท่านปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในท้องถิ่นทุรกันดารต่างๆ โครงการในพระองค์ กว่า 4000 โครงการที่ทำไว้ให้ชาวไทย ทรงห่วงใยประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีกินดีให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น พระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมความรักความสามัคคีของประชาชนชาวไทย.. ทรงเป็นแบบอย่างที่งดงาม...
ธ สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์
น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า...นางนวลพรรณ โยมศิลป์ -
รัชกาลที่๑๐ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก จะมีทรัพย์ในดินจนใครอิจฉาเกิดกลางรัชสมัย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำยืนยันไว้
รัชกาลที่๑๐ เป็นผู้มีบุญบารมีมาก จะมีทรัพย์ในดินจนใครอิจฉาเกิดกลางรัชสมัย หลวงพ่อฤๅษีลิงดำยืนยันไว้
ในสมัยที่ พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อ ฤๅษีลิงดำ ยังมีชีวิตอยู่ ได้มีการรวบรวมคำเทศนาของหลวงพ่อไว้เป็นหนังสือชื่อ “ฤๅษีทัศนาจร”ซึ่งได้จัดพิมพ์ออกมาหลายเล่มหลายตอน โดยในเล่มที่๑ตอน”เทวดาชวนขุดทอง” ได้มีการคำทำนายสอดแทรกไว้ และมีการทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดในรัชกาลที่๑๐ ว่าจะมีผู้ใดมาขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่๑๐ และจะมีเหตุการณ์ใดที่บ้างดังเนื้อหามีข้อความได้บันทึกไว้ดังนี้...
…เมื่อแผ่นดินสะเทือน แผ่นดินสั่นเกิดขึ้น ดร.ปริญญา ก็บอกว่าเป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติบ้าง แต่ทว่าเจ้าลิงนี่สิ ฤาษีลิงดำหัวหน้าทัศนาจรมันไม่ว่าอย่างนั้น พอแผ่นดินสะเทือน ก็กำหนดจิตคิดว่านี่มันเรื่องอะไร พอมีความดำริเท่านั้น ก็ปรากฎว่า บรรดาปิยสหาย คราวนี้ไม่ใช่หมาแล้ว กลายเป็นผี มีศักดิ์ศรีใหญ่ แต่งตัวสีแดงพรืดไปหมด ประมาณ ๗๐ - ๘๐ คน แล้วก็ประมาณสีเขียวสีดำอีกหลายร้อยคน เห็นบริเวณนั้นเกลื่อนกล่นไปหมด จึงถามว่า
“นี่…พ่อเทวดา แกมาทำอะไรกันอยู่ที่นี่ และทำไมแผ่นดินมันถึงสะเทือน”... -
เสียงธรรม หลวงปู่ท่อนได้สนทนากับในหลวง ในนิมิต เรื่องอดีตชาติของในหลวง
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
ท่านเทศน์ ที่วัดพุทธรังษี แอนนันเดล (Annandale) Sydney Australia เมื่อปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ.2549)
Cr. คุณสุรศักดิ์ ดวงรัตน์
Cr. DiDi RinR -
“รอดตายเพราะสวดมนต์”
เรื่องราว อานิสงส์ของการสวดมนต์ ต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับ คุณวิชาญ ฤทธิรงค์ อดีตประธานชมรมพุทธศาสตร์ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ด้วยกิจกรรมของชมรม ที่มีการนิมนต์พระสงฆ์มาเทศนา และสอนวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน สัปดาห์ละ1 – 2 ครั้ง หลังเลิกงาน คุณวิชาญจึงไม่ลืมที่จะนำแนวทางแห่งพุทธศาสนา มาปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน นั่นก็คือ การสวดมนต์
คุณวิชาญเริ่มฝึกการสวดมนต์ภาวนา ด้วยการสวดบทพาหุงและบทอิติปิโส ในจำนวนครั้งเท่ากับอายุตัวเองบวกหนึ่งจนจบ จากนั้นต่อด้วยบทแผ่เมตตา ให้เจ้ากรรมนายเวร และผู้ที่เคยโกรธเกลียดกันมาก่อน ยิ่งไม่ชอบหน้ากันมากเท่าไร คุณวิชาญก็ยิ่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขามากขึ้นเท่านั้น
ผลของการสวดมนต์ ไม่เพียงทำให้คุณวิชาญได้รับความเมตตาจากคนที่เขาเคยโกรธ เคยไม่ชอบหน้าเท่านั้น ทว่าอานิสงส์ของการสวดมนต์ ยังส่งผลไปถึงลูกสาวของคุณวิชาญที่อยู่ไกลถึงรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย
เหตุการณ์ในครั้งนั้นเริ่มขึ้นจากวันหนึ่งลูกสาวคุณวิชาญโทรศัพท์มาจากอเมริกา เพื่อขอให้ผู้เป็นพ่อซื้อรถยนต์ให้ใช้ขณะอยู่ที่นั่น แต่คุณวิชาญปฏิเสธไปว่าไม่เห็นด้วย... -
"การมีลูกมีทายาทเป็นอภิชาตบุตร" คือ "อีกหนึ่งวิธีในการหนุนดวงชะตา"
อยากสอบถามผู้รู้ และเหล่าบรรดาโหราจารย์ทั้งหลาย ที่เชี่ยวชาญในโหราศาสตร์ในแต่ละแขนงวิชาว่า.....
(good)
หากพูดถึง การมีลูกมีทายาทที่เป็นอภิชาตบุตรมาเกิดเป็นลูกของตัวเรา จะช่วยส่งเสริมเกื้อหนุนดวงชะตา ของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ได้จริงมีข้อเท็จจริงตรงนี้หรือไม่ค่ะ หรือมีการจดบันทึกเก็บไว้ ในตำราวิชาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โหราศาสตร์ไทย , ตำราดวงจีน ,
โหราศาตร์พม่า เป็นต้น
เพราะแม่บ้านอย่างหนู คุยกับแฟนเรื่องการมีลูกด้วยกันค่ะ
จึงอยากรู้อยากหาข้อมูล เกี่ยวกับการหาฤกษ์ผ่าคลอด ไว้เป็นเครื่องตัดสินใจค่ะ จะได้เตรียมการในอนาคตไว้ให้บุตรที่กำเนิดเกิดขึ้นมา เพื่อจะได้เป็นอภิชาตบุตรจะได้ช่วยส่งเสริมเราทั้งคู่
เนื่องจากเคยท้องลูกคนแรก แล้วก็แท้งไป เป็นประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ
อีกทั้งเคยเห็นลูกๆ ของคนรู้จัก เพื่อนฝูง เล่าให้ฟังว่าลูกของเขา มีฤกษ์ผ่าคลอดที่ดี
ออกมาแข็งแรงสมบูรณ์ เป็นเด็กร่าเริงแจ่มใส เรียนหนังสือเก่ง บางคนบอกว่าตั้งแต่มีลูก
ทำมาค้าขายเจริญก้าวหน้า มีโชค มีลาภ ถูกหวยรวยเบอร์เป็นว่าเล่น
เพราะได้ ฟังข่าว ดู TV เห็นลูกดารา , ลูกนักร้อง , ลูกคนดังเศรษฐีไฮโซ ฯลฯ... -
ครั้งแรกกับการนอนโลงสะเดาะเคราะห์ เลยเจอดีเข้าจังๆ
เรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริงโดยตรงสดๆร้อนๆเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา
เราเป็นคนที่โตมากับความเชื่อในเรื่องลี้ลับ เนื่องจากคุณตาเป็นตำรวจเก่าประจำชายแดนเขมร ทางภาคอิสาน ไปรบที่เขมรอยู่บ่อยครั้ง (ที่มีเรื่องกระทบกระทั่งเรื่องเขตแดน) มีสาวเขมรติดพันธ์อยู่ คนสองคนเหมือนกัน (อันนี้นอกเรื่อง) จึงมีวิชาของขลังอยู่บ้าง หลายแขนง (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังทั้งที่เจอมากับตา ทั้งลุงป้าน้าอา คนในหมู่บ้านเล่าให้ฟัง) ก็เลยพอจะเชื่อว่ามีอยู่จริง เคารพศัทธาเรื่องการสักน้ำมัน แต่ไม่เคยงมงาย หรือเคร่งอะไรมาก (เราจบ ป. โท ด้านวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังเชื่อค่ะ)
เมื่อปลายเดือนที่แล้วเรารู้สึกจิตตก รู้สึกไม่ดีมีลางสังหรณ์แปลกๆ รู้สึกนึกถึงแต่พระ นึกถึงวัดเหมือนอะไรมาดลใจ อยากไปนั่งสงบจิตใจในโบสถ์ ก็เลยชวนคุณแฟนไป เราตกลงไปที่วัดแถวบางปู นั่งสมาธิสักพักใหญ่ๆ ทำบุญแผ่เมตตา ก็รู้สึกดีขึ้น จึงพากันกลับคอนโด ตอนก่อนนอนก็สวดมนต์ยาว ทั้งพุทธคุณ ทั้งพาหุง แผ่เมตตา ตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไร วันต่อๆมาก็รู้สึกจิตตก ใจหายอีกแล้ว เลยตัดสินใจหาดูในเน็ตเรื่องการสะเดาะเคราะห์ จึงมาจบที่การนอนโลง... -
สมเด็จฯพระราชินีพระราชทานสัมภาษณ์ ให้ฝรั่งฟัง เรื่องการทรงสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จฯพระราชินีพระราชทานสัมภาษณ์ ให้ฝรั่งฟัง เรื่องการทรงสมาธิของพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงทรง "นั่งสมาธิได้ลึกอย่างจริงจัง"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ท่านทรงสนพระทัย และทรงปฏิบัติสมาธิอย่างจริงจังมาก
ดังที่สมเด็จฯ พระราชินี ทรงพระราชทานสัมภาษณ์ไว้กับในสารคดีชุด “Soul of a Nation” ซึ่งจัดทำโดยทีมข่าว BBcว่า
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: พระสวามีของข้าพเจ้าและข้าพเจ้าไม่ได้แค่อยากที่จะเข้าไปเยี่ยมเยือนเท่านั้น เราต้องพยายามทำให้ได้ดีกว่านั้น เราต้องพยายามช่วยรัฐบาลในการสนับสนุนและพัฒนาความเป็นสุขของ
ประชาชน เพราะว่าเราเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา ดังนั้นภาระหน้าที่ของเราในการเยี่ยมเยือนประชาชนในฐานะประมุขของประเทศจึงไม่เกิดประโยชน์ ถ้าเราไม่สามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประชาชนได้ ก็ถือว่าเราล้มเหลวในฐานะเป็น
ประมุขของประเทศ
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ: ปกติพระสวามีของข้าพเจ้าจะเสด็จมาก่อนข้าพเจ้าและนั่งสมาธิได้ลึกอย่างจริงจัง ข้าพเจ้ายังไม่สามารถนั่งสมาธิได้เช่นนั้น... -
"วงแหวนแห่งไฟ" มหันตภัยโลก ที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัวว่า มันจะมาถึงอีกไม่นาน กับแผ่นดินไหวล้างโลก
สิ่งที่คุณต้องรู้!!! "วงแหวนแห่งไฟ" มหันตภัยโลก ที่ผู้เชี่ยวชาญ กำลังกลัวว่า มันจะมาถึงอีกไม่นาน กับแผ่นดินไหวล้างโลก
หลังจากที่ ผู้เชี่ยวชาญเตือนประชาชนหลายล้านคนอาจถูกกวาดล้างโดยซูเปอร์แผ่นดินไหว ซึ่งพยากรณ์กันมาอย่างช้านาน ที่เรียกว่า "เดอะบิ๊กวัน" หลังเกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกรอบๆบริเวณ "วงแหวนแห่งไฟ"
เช้าวันอังคารญี่ปุนและนิวซีแลนด์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของวงแหวนแห่งไฟ ต่างประสบกับแผ่นดินไหวระดับความรุนแรงมากกว่า 6.0 ส่วนอาร์เจนตินา เผชิญกับแผ่นดินไหว 6.4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และหากลากเส้นเป็นสี่เหลี่ยม จะพบว่ามุมที่หายไปชี้ไปที่แคลิฟอร์เนีย ขณะที่มลรัฐแห่งนี้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็กๆหลายสิบครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ดอคเตอร์โรเจอร์ มุสสัน ผู้ประพันธ์หนังสือ Million Death Quake: The Science of Predicting Earth’s Deadliest Natural Disaster ระบุว่าในขณะที่เป็นเรื่องยากที่จะชี้ชัดว่าแผ่นดินไหวใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่แผ่นดินไหวรุนแรงเข่นฆ่าชีวิตผู้คนคงมิอาจหลีกเลี่ยงได้
แผ่นดินไหวประมาณร้อยละ 90 ของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกและกว่าร้อยละ 80 ของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่... -
แวมไพร์-หัวใจอมตะ
ผีดูดเลือดที่มธุรารู้จักนั้นเป็นวรรณกรรมสยองขวัญ เคยอ่านฉบับแปลไทย และ ดูหนังสยองขวัญบ่อยๆ หากใครก็ตามเคยได้อ่านเรื่อง Dracula ชอง Bram Stoker เล่าเรื่องประสบการณ์ผีดูดเลือด ในแถบโรมาเนีย โดยได้ต้นแบบจาก Vlad the impaler หรือ "ราชันย์จอมเสียบ" จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ มีการบันทึกถึงความอำมหิต การทำโทษของศัตรูด้วยการเสียบร่าง บ้างก็เป็นเชลยเพื่อข่มขวัญกองทัพที่บุกรุกเข้ามา ภายหลังจึงมีการแปลงตำนานเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมสยองขวัญ วันนี้มธุราได้อ่านบทความเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับการค้นพบหัวใจของแวมไพร์ ที่ไม่เน่าสลายและอายุมากกว่าร้อยปี
คัดลอกจาก เปิดตำนานล่าแวมไพร์ลุยเซียนา ผ่านไปร้อยปีหัวใจไม่เน่า
ตามตำนานเล่าว่า ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2454) เกิดเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญในชุมชนชาวแอฟริกัน-อเมริกัน เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ครอบครัวหนึ่งถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครรู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ท่ามกลางของหวาดกลัวของชาวบ้าน ฆาตรกรใจโฉดได้ก่อเหตุซ้ำแล้วซ้ำอีก ผู้คนกว่า 40 ชีวิตถูกสังหาร สิ่งที่น่าประหลาดของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งนี้ คือ... -
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ : หลวงปู่ดู่
1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว
เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
-เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
-ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
-ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
-เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
-เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา
2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงินน้อย... -
สวดมนต์ผิดบ้างถูกบ้าง : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ผู้ถาม : "สอนให้เด็กสวดมนต์ภาวนาปรากฏว่าพูดผิดบ้าง ถูกบ้าง เพี้ยนบ้างเป็นการบาปหรือเปล่าเจ้าคะ...?"
หลวงพ่อ : "ไม่บาป เป็นบุญนี่มันอยู่ที่การตั้งใจ ตั้งใจเป็นกุศลใช่ไหมพูดถูกบ้างผิดบ้าง ไม่เป็นไร สำคัญตัวแรกสวดมนต์อาจจะไม่ถูกก็ได้ แต่ตั้งใจเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ใช้ได้เลยมันมีตัวอย่างพระเทศน์กัน คือเป็นอย่างนี้นะนี่ไม่ใช่เรื่องบุญ เรื่องฤทธิ์อาจารย์สอนพระเจริญพระกรรมฐานภาวนาว่า
"นะโมพุทธายะ" ท่านบอกว่าภาวนาไปๆ แล้วเกิดเหาะได้ เหาะไปลงยอดเขาแห่งหนึ่ง แล้วก็ยังไม่กลับ ทีนี่ก็เกิดหิวขึ้นมาก็นึกในใจว่าจะกินอะไรหว่า ว่า "นะโมพุทธายะ" ตักหินไม่อ่อนจะกินหิน เอาหินเป็นขนมแล้วนะ
เลยว่า "นะโมพุทธาแย่ะ" พอว่า "นะโมพุทธาแยะ"หินก็อ่อนเหมือนกับวุ้น ก็ตักกินอิ่มทุกวันต่อมาวันหนึ่ง คิดถึงอาจารย์
ตอนนี้ก็ว่า "นะโมพุทธาแยะ" วันละ ๒ เวลา ลืม "นะโมพุทธายะ" เลยล่อ "นะโมพุทธาแยะ" ทุกวันพอนึกถึงอาจารย์ก็นึกถึง "นะโมพุทธาแยะ"
ก็เหาะถึงอาจารย์
พอถึงอาจารย์ก็เล่าให้อาจารย์ฟังว่า"ผมภาวนา "นะโมพุทธาแย่ะ" ดีจริงๆ ครับเหาะก็ได้ เสกหินเป็นขนมก็ได้ อยากจะกินน้ำว่า
"นะโมพุทธาแยะ"... -
เปิดตำนานศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ กับภาพพระบรมโกศ
เปิดตำนานศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ กับภาพพระบรมโกศ ที่ใครๆมองว่าเหมือนพระพุทธรูปองค์นี้ พร้อมคาถาเด็ด ที่หลวงปู่ดู่ให้ไว้
พระเจ้าจักรพรรดิ ในตำนานทางพระพุทธศาสนานั้น มีคุณลักษณะคล้ายคลึงกับกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 แทบทุกประการ
และนอกจากนั้น ยังมีการสร้างพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้กันในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ว่าหลวงปู่มีความประทับและศรัทธาพระพุทธรูปปางมหาจักรพพรรดินี้มากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังถือได้ว่าหลวงปู่ดู่ เป็นครูบาอาจารย์รูปสำคัญอีกท่านหนึ่งที่นำเอาตำนานเรื่องพระมหาจักรพรรดิ มาเผยแพร่จนรู้จักกันอย่างกว้างขวาง
ศิษย์สายหลวงปู่ดู่ ต่างเชื่อกันว่า ผู้ใดได้บูชาสักการะพระพุทธรูปปางนี้ จะนำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ชีวิต
ส่วนที่มาของพระพุทธรูปปางจักรดิพรรดิ มาจากครั้งที่พระพุทธองค์ทรงปราบมิจฉาทิฐิของพญาชมพูบดี โดยแปลงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ (พระพุทธรูปปางนี้ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “พระพุทธรูปปางปราบพญาชมพูบดี” โดยเนื้อเรื่อง มีอธิบายเอาไว้ดังนี้ว่า
พญาชมพูบดีผู้มีฤทธิ์เดชมาก... -
หลวงปู่ดู่รู้ด้วยญาณจะมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยม การเสด็จส่วนพระองค์อย่างลับๆ มีอยู่บ่อยครั้ง
หลวงปู่ดู่รู้ด้วยญาณจะมีบุคคลสำคัญมาเยี่ยม การเสด็จส่วนพระองค์อย่างลับๆ มีอยู่บ่อยครั้ง ชาวบ้านยังตราตรึงไม่รู้ลืมกับพ่อลูกปริศนาหน้าตาคุ้นๆ
ค่ำของวันหนึ่งเป็นที่เลื่องลือกันมานานปากต่อปากรุ่นต่อรุ่นนานมาแล้วสมัยหลวงพ่อดู่ยังไม่ย่างเข้าวัยชรามากนัก มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาในวัดสะแกและมีคน 2 คนลงจากรถมุ่งไปยังกุฎิหลวงปู่ ภายหลังเป็นที่ทราบมาว่าเป็นพ่อกับลูกสาวมากราบนมัสการหลวงปู่ โดยมากันเองพร้อมคนขับรถและผู้พ่อใส่แว่นดำ พอมาถึงหลวงปู่ก็ได้จัดแจงรออยู่แล้วเสมือนรู้ทั้งๆที่ไม่ได้มีการนัดหมายก่อนมา
พ่อลูกคู่นั้นได้สนทนากับหลวงปู่ประมาณชั่วโมงจึงได้กราบลาหลวงปู่
หลวงปู่ได้ให้พร และยังแซวว่า "มาแบบเงียบๆนี้และดีเพราะเดี๋ยวคนจะล้นวัด"
ทั้งหลวงปู่กับพ่อลูกคู่นั้นได้หัวเราะอย่างรู้กัน
หลังคุณพ่อและลูกสาวออกมาจากกุฎิหลวงปู่คุณพ่อและลูกสาวก็ได้ให้คนขับรถขับมาเทียบหน้าวัดพอมาถึงคนลูกสาวก็ได้ลงมาซื้อข้าวแกงกับแม่ค้าแถวนั้น
โดยผู้พ่อก็ลงมาสมทบด้วย และพูดคุยกับแม่ค้าอย่างไม่ถือตัวและเป็นกันเอง
ระหว่างนั้นแม่ค้าผู้นั้นก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมพ่อลูกคู่นี้ช่างคุ้นหน้าเสียจริง... -
หัวใจของการทำบุญ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
หัวใจของการทำบุญ
โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
1.ปุจฉา-ถ้าเราไม่มีเงิน จะทำบุญทำทานได้อย่างไร?
วิสัชนา-อาตมาขอบอกให้ทุกคนรู้ไว้เลยว่า การทำทาน
ถ้าเราไม่มีเงิน ก็ใช้แรงกายทำทานแทนก็ได้ หรือถ้า
ไม่มีงานที่จะให้แรงกาย แต่เราตั้งใจทำทาน ก็เพียงแต่
ยกมืออนุโมทนาที่เห็นผู้อื่นทำบุญทำทาน เพียงแค่นี้โยม
ก็ได้บุญแล้ว!!!!.....
2.ปุจฉา-การรักษาศีลดีอย่างไร และเราควรทำอย่างไร
บ้างในชีวิตประจำวัน?
วิสัชนา-การรักษาศีล เป็นการทำให้จิตบริสุทธิ์ พวกโยม
สังเกตุหรือไม่? เวลาที่โยมไปทำบุญ ทำไมพระถึงให้
โยมรับศีลเสียก่อน? เพราะต้องการที่จะให้ผู้ทำบุญ
มีจิตใจที่บริสุทธิ์ เมื่อทำบุญก็จะได้ผลแห่งบุญเต็มกำลัง
บางคนก็อ้างว่า ไม่สามารถถือศีลได้
เพราะหน้าที่การงานทำให้ต้องผิดศีล แต่เราสามารถที่จะถือศีลได้
ขณะที่เรานอนหลับในเวลากลางคืน และถือศีลได้ครบทั้ง 5 ข้อ
อีกด้วย!!!.....เพียงแต่เราตั้งใจที่จะทำ เราก็อาราธนารับ
ศีล 5 ด้วยตนเองต่อหน้าพระพุทธรูปที่บ้าน ซึ่งถือว่า
เป็นการทำบุญที่ง่าย ได้รับผลเต็มกำลัง!!!....ในขณะที่
เรายังมีชีวิตอยู่ จิตใจก็ใสสะอาด มีความสุข แต่ถ้าเกิด
เราตายในขณะที่นอนหลับถือศีล... -
บวชจิต..เคล็ดลับการบวชในใจของหลวงปู่ดู่
"บวชจิต" เคล็ดลับการบวชในใจของ "หลวงปู่ดู่"!
คนอื่นไม่รู้...แต่ภูตผีเทวดารู้!
บวชไม่เกินสามปี...ชีวิตจะเปลี่ยน
"การบวชจิต" หรือ "การบวชใน" นั้นเป็นสูตรของ "หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"
หลวงปู่ดู่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
"การบวชทั้งในและนอกมันลำบากในยุคนี้
เราบวชใน คนไม่รู้ ... แต่ผีรู้ เทวดารู้
การบวชในเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่ง เวลาทำบุญให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ...จะได้ชิน ถ้าทำบ่อย ๆ จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ
เวลาทำความดีอะไรก็ตาม...ให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ มันจะปรับออกมาข้างนอกเอง เป็นการบวชจากข้างในไปหาข้างนอก คือ ด้วยรูปลักษณ์ในการบวชที่เป็นพระนั้น พอเราบวชแล้ว เราจะไม่กล้าทำอะไรที่ไม่ดี เวลาเราแผ่บุญออกไป พลังงานก็ผ่านเราออกไปได้มากกว่า
พลังงานนี้จะผ่านพระได้มากกว่าฆราวาสนะ... ลองคิดดูสิ เราเป็นพระนะ (บวชใน) แค่เรานึกนี่ก็เป็นแล้ว ทำไม่เกินสามปีจะรู้สึกว่าเราเป็นพระ เรื่องอะไรที่ไม่ดี เราจะไม่พูด ไม่ทำ แม้แต่ในฝันยังเป็นพระเลย
บวชจิตแล้วต้องสึกไหม...ไม่ต้อง มันไม่เกี่ยวกัน เรื่องโลกกับเรื่องธรรมเป็นคนละเรื่อง เวลาอยู่ทางโลกก็อยู่ไป เมื่อไรอยู่ทางธรรมเราก็บวชใน... -
หลวงปู่แหวนสอนภาวนา หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
“ เจ้าคุณฯ อย่าไปกำหนดอะไรทั้งสิ้น
กำหนดสติอย่างเดียว สติมันเกิดที่จิต
สมาธิมันเกิดที่จิต ความชั่วความดีมันเกิดที่จิต
อย่าไปเที่ยวดูที่อื่น ดูที่จิตอย่างเดียว
มันไม่นอกตำราอะไรเลย เมื่อใจชอบก่อน
การพูด การจา การคิด มันก็ชอบ
เมื่อใจสะอาด การทำ การพูด การคิด มันก็สะอาด
ท่านก็บอกว่าจะไปกังวลอะไร ใช้จิตอย่างเดียว "
[ ที่มา: หนังสือ ฐานิยตฺเถรวตฺถุ ๑๐ ] -
"ไม่ให้ดูถูก เหยียดหยามกัน" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"ไม่ให้ดูถูก เหยียดหยามกัน"
" .. เมื่อมนุษย์เกิดเสวยชาติเป็นคน มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย "มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่ง
ที่พาให้มาเป็นเช่นนี้" ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง ๆ มาจนนับไม่ถ้วน
"ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่า มีต่าง ๆ กัน" เพราะฉะนั้นไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามในชาติกำเนิด ความเป็นอยู่
ของกันและกันและสอนให้รู้ว่า "สัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่ว เป็นของ ๆ ตน" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
ลาภลอย
ลาภสองแบบ
ผู้ถาม :- “เวลามีคนมาขอทานหน้าบ้าน เขามักจะขอโดยการร้องเพลงยาวๆ ฟังแล้วอดสงสารไม่ได้ค่ะ แต่บางทีก็รำคาญต้องรีบบอกให้หยุดร้อง ให้สตางค์แล้วก็ให้เขารีบไปเร็วๆ อย่างนี้จะเป็นไรไหมคะ…?”
หลวงพ่อ :- “ไม่เป็นไรหรอกหนู เมื่อสมัยบวชใหม่ๆ หลวงพ่อปานบอกว่า ถ้าจะให้ทานคนขอทาน อย่าให้เขาพูดมาก หมายความว่าพอมาถึงไม่ต้องยกมือไหว้พูดขอ ถ้าเขาจะขอก็บอกไม่ต้อง ฉันให้แล้ว ฉันเต็มใจให้แล้ว คือว่าเราจะให้ใคร อย่าให้เขาพูดมาก อย่าให้เสียเวลา ให้เร็วๆ ที่สุด ตั้งใจเป็นการสงเคราะห์จริงๆ แล้วผลมันให้ชาตินี้ ฉันทดสอบมาแล้ว เป็นความจริง
ถ้าเกิดไปชาติหน้าจะได้ลาภสองแบบ หมายความบุญที่มีการเตรียมการ จะร่ำรวยจากการประกอบอาชีพ และที่ถือของไปตามทางเจอะที่ไหนให้ที่นั่น โดยไม่ตั้งใจไว้ก่อนจะได้ ลาภลอย คือ ถูกล็อตเตอรี่
การให้ทานโดยไม่เตรียมการไว้ก่อน ใครมาก็ได้เราให้ได้ ถ้าทำอย่างนี้เสมอๆ คนมาขอทาน เราไม่ยอมให้พูดขอ รีบควักเลย แล้วมันจะมีผลในชาตินี้ คือ สิ่งที่เราขัดข้องคิดว่าจะไม่ได้มันจะโผล่ เราก็ให้เท่าที่เราจะให้ได้ เขาไม่บังคับเรานี่ พอทำไปไม่กี่ปีก็เริ่มให้ผล ของที่จะได้มามันมีการคล่องตัวมากขึ้น... -
ฝึกใจไม่ให้โกรธ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
" .. ผู้มีธรรมถือเหตุผลเป็นสำคัญเสมอ ไม่ว่าใครจะทำผิดมาแล้วมากน้อยเพียงไหน หากเห็นเหตุผลที่ทำไปเช่นนั้น จักอภัยให้อย่างง่ายดาย
การตั้งใจจริงที่จะไม่โกรธ พร้อมกับใช้ปัญญาหาเหตูผลมาประกอบเพื่อไม่ให้เกิดความโกรธ ก็คือการตั้งใจจริงที่จะเข้าใจเหตุผลความจำเป็นของคนอื่น ที่ทำสิ่งอันชวนให้โกรธ เมื่อเห็นเหตุผลความจำเป็นของเขาแล้ว ก็จะอภัยให้ได้ ไม่โกรธ
การฝึกใจไม่ให้โกรธจึงเท่ากับเป็นการฝึกให้อภัยในความผิดของผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นผู้ที่รู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม
ผู้ให้อภัยง่าย ก็คือผู้ไม่โกรธง่ายนั่นเอง ดังนั้นผู้ที่ปรารถนาจะฝึกจิตให้ไม่โกรธง่าย จึงควรต้องฝึกตนให้เป็นผู้มีเหตุผล เคารพเหตุผล
นั้นคือให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ตนอยากจะโกรธ เมื่อเห็นอกเห็นใจด้วยเหตุผลแล้วจะได้ไม่โกรธ จะได้อภัยในความผิดพลาดหรือบกพร่องของเขา
กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือให้คิดหาเหตุผลเพื่อให้เกิดเมตตาในผู้ที่ตนอยากจะโกรธนั่นเอง .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
http://www.dhammathai.org/articles/dbview.php?No=572 -
จับยามสามตาดูของหาย
จับยามสามตาดูของหาย
การจับยามสามตาของอีสานเพื่อดูของหายทำได้ง่ายๆดังนี้ พิจารณาจากรูปสามเหลี่ยมข้างบน จะเห็นว่าถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนถูกกำกับด้วยเลข ๑ ๒ ๓ โดยเลขแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
๑
กาจับหลัก
ของที่หายนั้นอยู่กับที่ยังไม่ไปไหน ให้หาในบริเวณที่คาดว่าของนั้นหายแล้วจะพบ
๒
ไม้หักทับทาง
ของที่หายนั้นเคลื่อนไปแล้ว อาจจะมีคนเอาไปซ่อนไว้ หาให้ดี มีโอกาสพบ แต่อาจจะต้องใช้เวลา
๓
นกยางคาบหนี
ของที่หายนั้น ถูกโขมยเอาไปไกลแล้ว ของนั้นจะไม่ได้คืน
วิธิการจับยามสามตา มีวิธีการดังนี้
ให้ดูว่า ในวันที่มีคนมาถามเรื่องของหาย เป็นวัน ขึ้น หรือ แรม และกี่ค่ำ จำไว้
ถ้าในวันที่มีคนมาถามเรื่องของหาย เป็นวันข้างขึ้น จากรูปสามเหลี่ยมข้างบน ให้เริ่มนับหนึ่งค่ำที่ตรงเลข ๑ นับสองค่ำที่ตรงเลข ๒ นับสามค่ำที่ตรงเลข ๓ นับสี่ค่ำที่ตรงเลข ๑ นับวนไป วนมา ดังนี้ ๑ -> ๒ -> ๓ -> ๑ -> ๒ .... จนกว่าจะนับได้เท่ากับจำนวนค่ำตามข้อที่ 1 แล้วดูว่าตกที่เลขอะไร แล้วให้ดูความหมายตามตารางข้างบน
ถ้าในวันที่มีคนมาถามเรื่องของหาย เป็นวันข้างแรม จากรูปสามเหลี่ยมข้างบน ให้เริ่มนับหนึ่งค่ำที่ตรงเลข ๒... -
สวรรค์ชั้นดุสิต คือสวรรค์ของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
สวรรค์ชั้นดุสิต คือสวรรค์ของผู้ปรารถนาพุทธภูมิ จะสถิตอยู่หลังจากลาโลกมนุษย์ไปแล้ว เพื่อเตรียมการกลับมาบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า
ท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก)
ในข้อเขียนเรื่อง "ทรงเป็นเทพคุ้มครองไทย" ซึ่งท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก) เขียนขึ้นเพื่อให้หลักธรรมสำหรับบรรเทาเยียวยาจิตใจของคนไทยเมื่อได้ทราบข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนั้น มีข้อความตอนหนึ่งว่า
"ให้คิดว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จอุบัติมาสร้างบุญบารมี ทรงช่วยเหลือประชาชนบนราชบัลลังก์แห่งกษัตริย์มานานถึง ๗๐ ปี ... เมื่อเหนื่อยหนักก็อยากพักผ่อนบ้าง
วันนี้พระองค์ท่านทรงพักพระวรกายให้สบายใจ ... ทรงพ้นทุกข์โศกโรคภัยทุกประการแล้ว
เพียงร่างกายเท่านั้นที่เจ็บป่วย ... แต่ดวงใจยังแจ่มใส สงบนิ่ง อิ่มบุญ
เพียงพระองค์ลงมาสร้างบารมีเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ชั่วขณะหนึ่ง ... เสร็จภาระแล้ว วันนี้ขอเดินทางกลับไปสู่สวรรคาลัยที่ทรงประทับ
บุญบารมีที่ทรงบำเพ็ญ ๘๙ ปี บนโลกมนุษย์ ก็เพียงพอแล้วที่จะต่ออายุบนโลกสวรรค์
พระองค์ไม่ได้ทิ้งคนไทยไปไหน... -
มหัศจรรย์ในหลวง ทรงทราบล่วงหน้าพายุจะเปลี่ยนทิศทางไม่เข้าไทย เรื่องเล่าจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล
20 ต.ค.59 ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา
บันทึกไว้ในแผ่นดิน...ตามเส้นทางเสด็จฯ ระบุว่า บางครั้งงานที่เราถวายรายงานก็ทรงทราบรายละเอียดมากกว่าเราที่อยู่ในพื้นที่
มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์จะเสด็จฯ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เราไปนอนรออยู่ก่อนที่เวียงจันทน์ แล้วถวายรายงานเรื่องพิกัด ท่านก็มีพระกระแสรับสั่งผ่านศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัย กลับมาตอนสี่ทุ่ม ทรงมีรับสั่งว่า "พิกัดที่ส่งไป ผิดพลาดไปประมาณ 500 เมตร" เราซึ่งอยู่ในพื้นที่ยังถวายรายงานได้ไม่ครบ แต่พระองค์ท่านประทับอยู่ที่วังยังทราบได้ ทั้งๆ ที่คณะทำงานขนระบบ GPS! ไปกันเพียบ พอรุ่งขึ้น...เข้าไปวัดใหม่ก็ปรากฏว่าผิดพลาดจริงๆ เมื่อพระองค์ท่านประทับลงจากรถ ก็ทรงรับสั่งว่า "เห็นมั้ย...บอกผิด" นี่เป็นตัวอย่างว่าท่านทรงงานละเอียดมาก งานทุกแห่งท่านต้องทรงไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง
"คุณสมิทธ ธรรมสโรช อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กราบบังคมทูลรายงานพร้อมกับออกโทรทัศน์ประกาศว่า ยังมีไต้ฝุ่นอีกหนึ่งลูก เป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น ชื่อ "แอนเจลล่า" ความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางถึง 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถล่มฟิลิปปินส์ยับเยิน... -
" หลักในการอธิษฐาน " : หลวงปู่ทวด
หลวงปู่ทวดสอนว่าให้กล่าวคำอุทิศอย่างเจาะจงลงไปเท่าที่เราจะนึกได้ จะเป็นสรรพสัตว์ทั้งหลาย หรือเจ้าที่เจ้าทาง เจ้าป่าเจ้าเขา เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯ
สุดท้ายให้กล่าวคำอธิษฐานบารมีว่า "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ในชาติปัจจุบันนี้เทอญ และขอบารมีแห่งพระคุณรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ และเทพพรหมทุกพระองค์ ได้โปรดปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าสมปรารถนา โดยสะดวกราบรื่น รวดเร็ว ฉับพลันทันที จงทุกประการเทอญ"
นี้เป็นหลักในการอธิษฐานโดยทั่วไป ถ้าจะปรารถนาไปเกิดในยุคพระศรีอารย์ก็สามารถปรารถนาได้ และขอให้ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้ฟังธรรมจากท่านด้วย อย่างนี้รับรองว่าเกิดทันแน่ และเกิดในที่ดี ๆ ด้วย อย่างน้อยก้เกิดเป็นมนุษย์ในยุคของท่าน อย่างดีก็เกิดเป็นเทวดาหรือพรหมไปเลย สบายกว่ามนุษย์เยอะ ส่วนการขอบารมีจากองค์หลวงปู่ทวด หรือครูบาอาจารย์เทพพรหมท่านอื่น ๆ ก็แค่สวดมนต์ระลึกถึงท่านท่านก็รับรู้แล้ว เพราะเบื้องบนท่านมี "ทิพยญาณ" ทุกพระองค์ชัดเจนยิ่งกว่าดาวเทียมซะอีก แต่ขอให้ระลึกถึงท่านด้วยความเลื่อมใสอย่างจริงใจ ไม่ใช่เดือดร้อนทีก็นึกถึงที อย่างนี้ไม่ได้เรื่องหรอก... -
คำยืนยันจากพระพุทธเจ้าและอริยสงฆ์ เรื่องมหาบุญกุศลของศีล
คำยืนยันจากพระพุทธเจ้าและอริยสงฆ์ เรื่องมหาบุญกุศลของศีล
“ศีล” มีความสำคัญมาก เป็นจุดเริ่มต้นแห่งบุญบารมีและความดีทั้งปวง ดังที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจงทำเหตุเบื้องต้นแห่งกุศลธรรมให้บริสุทธิ์ ก่อนเหตุเบื้องต้นของกุศลธรรม คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง
เมื่อใดศีลของเธอบริสุทธิ์ดีแล้ว และความเห็นของเธอก็ตรงดีแล้ว เมื่อนั้นเธอ อาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีล แล้วจงเจริญสติปัฏฐาน 4 (วิปัสสนา) ต่อไป...
(สติปัฏฐาน 4 เป็นหลักธรรมที่อยู่ในมหาสติปัฏฐานสูตร เป็นข้อปฏิบัติเพื่อรู้แจ้ง คือเข้าใจตามเป็นจริงของสิ่งทั้งปวงโดยไม่ถูกกิเลสครอบงำ สติปัฏฐานมี 4 ระดับ คือ กาย เวทนา จิต และ ธรรม)
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แม่ทัพธรรมใหญ่สายพระป่ากรรมฐานท่านกล่าวถึงอานิสงส์แห่งการรักษาศีล 5 เอาไว้ว่า
“ ...ทำให้อายุยืน ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน ทรัพย์สมบัติที่อยู่ในความปกครองมีความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายมาราวีเบียดเบียนทำลาย ระหว่างลูก หลาน สามี ภริยา อยู่ด้วยกันเป็นผาสุกไม่มีผู้คอยล่วงล้ำกล้ำกลาย ต่างครองกันอยู่ด้วยความเป็นสุข พูดอะไรมีผู้เคารพเชื่อถือ... -
“พระยายมให้ฝากมาบอก ของดีในการทำบุญนะ ถวายสังฆทานนะดีที่สุด”
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอก “พระยายมให้ฝากมาบอก ของดีในการทำบุญนะ ถวายสังฆทานนะดีที่สุด”
(หลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
(เรื่องการอุทิศส่วนกุศล ท่านพระยายม (ลุงพุฒิ) ท่านมาสั่งให้หลวงพ่อบอกลูกหลาน เมื่อวันปวารณาออกพรรษาปี ๒๕๓๑
ซึ่งหลวงพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้)
พระยายมกับท่านลุง (นายบัญชี) มาเที่ยววันออกพรรษา บอกว่า คนที่ผมจะช่วยได้ต้องเฉพาะคนที่ผ่านสำนักผมเท่านั้นนะ
ถามท่านว่า "ลุงมีข่าวอะไรส่งข่าวบ้างล่ะ?" ท่านบอกว่า "ไม่มี ผมหยุดนรกการ ๓ วัน"
รู้จักไหม...ชาวบ้านเขาหยุดราชการ ใช่ไหม ท่านหยุดนรกการ ๓ วัน เมื่อวานนี้ (ออกพรรษา) วันนี้ (ปวารณา) และพรุ่งนี้
ถาม "ทำไม..?" ท่านบอก "วันสำคัญนี่วันมหาปวารณาผมไม่สอบสวน" เลยถามว่า "ถ้าเวลาที่ลุงไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวนเขามีอิสระ ใช่ไหม?" ท่านบอกว่า "ตามปกติเขาก็มีอิสระอยู่แล้ว ไอ้ที่ไปยืนที่นั่น เขายืนรอคนไม่ให้ลงนรกเท่านั้นเอง" คือว่า ท่านมีหน้าที่ไม่ให้ลงนรก แต่ก็ต้องไปตามกฎแห่งกรรม ถ้ารู้กฎของบุญนิดหนึ่ง ท่านให้ไปสวรรค์ก่อนเลย ท่านจัดอย่างนั้น
เลยถามท่านว่า "ถ้าเขามีอิสระอย่างนี้ เขาไปได้ไหม?" ท่านบอกว่า "เขาไปไหนก็ได้ ถึงเวลาสอบสวนเขาก็มาเอง... -
ฝึกอารมณ์คิดในชีวิตประจำวัน--สำหรับผู้มุ่งพระนิพพานในภพชาติอันใกล้
บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
"...เอาจิตคิดอย่างนี้ไว้ทุกวัน ลืมตาขึ้นมาปั๊บ บูชาพระเสร็จ คิดอย่างนี้และให้นึกต่อไปว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราอาจจะตายได้ทุกขณะ ที่นั่งคุยเวลานี้คุณอาจจะตายทันทีทันใดก็ได้ อย่าไปรอความป่วย ความป่วยไข้ไม่สบายเป็นของไม่แน่นอน มันป่วยหรือไม่ป่วยมันก็ตาย เวลาคุณจะตาย
...และอีกประการหนึ่งก็ใช้บังสุกุลเป็นว่า
" อจิรัง วตยัง กาโย ปฏวิง อธิเสสสติ ฉุฑโฑ อเปตวิญญาโณ นิรัตถังวะ กลิงครัง ร่างกายนี้อีกไม่ช้าไม่นานนักก็จะมีวิญญาณไปปราศแล้ว (คือจะหมดวิญญาณ) "
... มันก็จะตายร่างกายนี้เวลาที่เราอยู่ คนนั้นก็บูชา คนนั้นก็รักคนนี้ก็ชอบถ้าเราตายแล้วจริง ๆ แม้แต่เท้าเขาก็ไม่อยากเขี่ยร่างกายของเรา เขาเห็นสภาพร่างกายเป็นของน่าเกลียดเขามีความรังเกียจในร่างกาย มันก็สู้ไม้ท่อนที่ไร้ประโยชน์ไม่ได้ ไม้ท่อนดีกว่า จงคิดว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีใน
ร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ถ้าร่างกายนี้ตายเมื่อไรขอไปนิพพานจุดเดียว..."
หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
หน้า 402 ของ 412