999 ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ 999

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ดู๋ดี๋, 27 มิถุนายน 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    เป็นคนนึงที่รักและศรัทธา หลวงปู่หงษ์มาตลอด รู้จักหลวงปู่ทางอินเตอร์เน็ตมา 3 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยไปกราบท่านเลย ได้อ่านเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพระหรือวัตถุมงคลของหลวงปู่ ก็เกิดความอยากรู้อยาก ลองว่าจะดีจริงมั๊ย เพราะมีคนเคยโพสในเน็ต บอกว่าห้อยแล้วเมตตาเป็นที่สุด และหลายๆเรื่องราวก็เหมือนนิยาย สำหรับผมแล้วก็ได้รู้ด้วยตัวเอง เป็นคนนึงที่เก็บพระมิใช่น้อยครับ นับก็คงเป็น 1000 องค์ แต่ที่ห้อยและขาดไม่ได้คือพระของหลวงปู่หงษ์


    ขอเชิญทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพธรรม กองทัพศีล 5 กับหลวงปู่
    เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของตัวท่านเองและครอบครัว

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    เรื่องหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า ถ้าดื่มแล้วจะเสื่อม?
    จริงครับหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า และให้รักษาศีลด้วยนะครับ เพราะท่านรักลูกศิษย์ ต้องการให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีล และมีธรรม ไม่ไปก่อกรรมให้กับใครแม้แต่กับตัวเอง ที่ว่าดื่มเหล้าแล้วเสื่อม ไม่ใช่ของเสื่อมนะครับ แต่เป็นตัวคนที่เสื่อม เราดื่มเหล้าแล้วเสื่อมอย่างไรอันนี้คงไม่ต้อง
    อธิบายให้มากความ
    หลวงปู่ฯ ท่านพูดให้ฟังเสมอ ๆ ว่า ครูบาอาจารย์ถ้ารักลูกศิษย์แล้วต้องให้ลูกศิษย์ถือศีล ถ้าให้แต่ของขลังไปแล้วบอกแต่ว่าของนี้ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ลูกศิษย์ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็ต้องมีปะปนมา และพวกนี้ที่เอาของขลังทั้งหลายไปก่อกรรมทำชั่ว เกะกะระรานเกเรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และสุดท้ายก็สร้างเวรก่อกรรมมากต่อมาก กรรมเวรเหล่านั้นก็จะมาถึงครูบาอาจารย์ด้วยในที่สุด เพราะไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีแต่แรก อย่างหลวงปู่ ฯ ท่านๆจะบอกก่อนเลยว่าของ ๆ ท่านต้องถือศีล ถ้าถือศีลไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาไป
    แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รู้ได้เห็น คนที่โดนอะไรหนัก ๆ (หนักจริง ๆ)ทั้งหลายก็เป็นคนที่ดื่มสุราเป็นอาจิณต์ครับ บางคนถูกยิงไม่เข้าก็มาเรียนหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ถามว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า เขาตอบว่าดื่ม หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบต่อไปว่า นี่ถ้าไม่ดื่มเหล้าปืนยิงไม่ออกดอก ก็เล่าเท่าที่ทราบให้พิจจารณากันนะครับ

    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>เป็นบทความที่นำมาเล่าต่อ</o:p>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • img0707tw5.jpg
      img0707tw5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.8 KB
      เปิดดู:
      1,645
  3. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188

    อัตชีวประวัติ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ(พระครูปราสาทพรหมคุณ สุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี) อ.ปราสาท จ.สุรินทร์<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เด็กชายสุวรรณหงษ์ จะมัวดี เป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียร มีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา ได้ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนา หว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความวิริยะอดทน จนอายุได้ 18 ปี มารดาขอร้องให้บวชเณร ด้วยสาเหตุเกรงว่าจะไปมีเรื่องกับผู้อื่น เพราะเป็นช่วงเวลาของวัยรุ่นอารมณ์ร้อน ซึ่งโดยนิสัยแล้วเป็นผู้มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่เกรงกลัวใคร สุดท้ายเห็นแก่มารดาจึงตัดสินใจบวชให้แค่เพียง 7 วัน<o:p></o:p>

    ครั้นบรรพชาแล้วพระอุปัชฌาย์ได้ตั้งนามให้ใหม่ว่า"สามเณรพรหมศร" ลุมาได้ 3 วัน ขณะนั่งบนแคร่ไม้ใต้โคนต้นมะขามใหญ่ได้มีบุรุษหญิงชายแปลกหน้าทั้งมีอายุแก่และหนุ่ม แต่งกายแบบชาวบ้านมาขอร้องให้เทศน์โปรดทีเถิด สามเณรพรหมศรกล่าวว่า “ฉันพึ่งบวชได้ไม่ถึงวันยังเทศน์ไม่เป็นหรอก ชายหญิงผู้แปลกหน้าทั้งหลายต่างให้ข้อแนะนำว่า” “ท่านเจ้าคะท่านเทศน์ไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ท่านทดลอง ว่านะโม 3 จบ ประเดี๋ยวท่านก็จะเทศน์ได้เองนั่นแหละ” สามสามเณรพรหมศรนั่งนิ่งแลสงสัยว่า บุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร? มาจากไหน? อยู่ๆก็มาขอร้องให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่องที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมือ อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทาง ปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้ ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปี พระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจพรหม<o:p></o:p>
    เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่หงษ์ ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า หลวงปู่เป็นผู้มีความวิริยะสูง จดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละแม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้ความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป<o:p></o:p>
    ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปัชฌาย์จาริกธุดงควัตรตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่น ป่าช้าเป็นที่เจริญภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆราวาสก็ดี เป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พรมเปญ กัมพูชาสืบไป<o:p></o:p>
    เมื่อธุดงค์ข้ามเขาเข้าเขตกัมพูชา อันเป็นที่ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเป็นดินแดนแห่งอาณาจักรขอมถิ่นอาถรรพ์ เป็นที่รวมแห่งสรรพศาสตร์ ไสยเวทย์มนตรารุ่งเรืองนัก คงเป็นด้วยบุญบารมีเก่าหนุนนำ พาให้ได้พบกับครูบาอาจารย์เก่า เมื่อพบเห็นแล้วทุกครูอาจารย์ ต่างพึงพอใจในพระภิกษุหงษ์ พรหมปัญโญ ผู้สันโดษอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งนัก ได้บังเกิดความเมตตาประสิทธิประสาทสรรพวิชา ทั้งเวทย์มนแลคาถาเมตตา มหาเสน่ห์ กำบังภัยทั้งคุ้มครอง แคล้วคลาดกันอาวุธ ปืน หอก ดาบ ธนูหน้าไม้เขี้ยวงา ช้างเสือ หุงสีผึ้ง กันยาเบื่อ ทั้งคุณไสย ทำน้ำมนต์รดอาบต่างหายไป แม้นบ้าใบ้จิตหลอนก็อ่อนโยน จนลุเลยข้ามดงสู่จังหวัดสารพัดไต่เขาและภูผา อาศัยหุบเขาข้างห้วยเอนกายา ตกค่ำภาวนาตลอดไปยามสองจิตผ่องใส บังเกิดธรรมบันดาลพาพบไป กับพระอาจารย์ใหญ่องค์เทพเทวาได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาลงจารเสกปากกา อุปเท่มีคุณมากหนากว่าพันประการ ประทานเสร็จสอนจบครบตำรา พระพรหมปัญโญ ให้ปิติทั้งศรัทธา ตั้งจิตกราบครูบาแล้วเงยหน้าขอชมบารมี ทันทีที่ลืมตารูปท่านอาจารย์ใหญ่ก็จางหายทันที พระพรหมปัญโญ สุดที่จะเสียดายเพราะมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณ แก่ท่านผู้กรุณาประสาทวิชา ครั้นล่องไพรในพนากลางป่าใหญ่ อัศจรรย์ใจเป็นนักหนาเห็นเด็กร่างดำใหญ่ดุจศิลา พลางผลักทักทายมาแต่ใด กุมารดินล้มหงายหลัง แล้วตั้งตรงทดลองใหม่ ผลักล้มมาด้านหน้า ทดลองถึงสองครั้งให้ระอาจึงแสดงกายาสูงใหญ่ได้ห้าเมตร แสดงเสร็จให้เกิดศรัทธาแล้วสั่งสอนถึงวิธีการสร้างกุมารทองให้ถูกต้องตามตำรับฉบับครู ครั้นธุดงค์ผ่านเขาพนาไพร นานอยู่ได้เกือบขวบปี แวะผ่านที่
     
  4. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    หมู่บ้านชื่อ “บ้านกรู”<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ณ หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลายๆสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้ จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุย่าง 85 ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจ ครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลา แล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาเหล่านั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านเขาก็ไม่ยอม กล่าวว่ายอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินบนหลังของเขาเหล่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว 100 กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่หงษ์ มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกเงิ่นเดินทางมากราบบูชา<o:p></o:p>
    ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจและถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ! เพราะพ่อเฒ่าต่างเล่าให้ฟังว่า “หลานเอ๋ย ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจายป่นปี้ไปแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องแปลก ตาเองก็ไม่เคยเห็น ว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโม มันตกมาบนหลังคาหญ้าแฝก แปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมา กลับกลิ้งคลุกๆ ไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ้บ! ปรากฏว่าลูกปืนจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย มันไม่ระเบิด! เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหิน แม้แต่ดินใต้แคร่ไม้ไผ่ เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจบหมดไม่เหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ! พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่หงษ์ พวกตาและชาวบ้านรอดตายมาได้ทุกคน เสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อท่านมาชุบชีวิตให้ใหม่”<o:p></o:p>
    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดินบนหลังของพวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกป่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้ โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณและโทษของการไม่มีป่าไม้ไม่มีน้ำ จะเกิดความเดือนร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนให้ชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศรัทธาในหลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข<o:p></o:p>
    หลวงปู่หงษ์ เป็นพระธุดงค์ ถือสันโดษ โปรดสัตว์ จึงไม่ติดกับที่อยู่ หรืออมิสลาภ จึงได้ลาญาติโยม เพื่อจาริกแสวงบุญต่อเรื่อยมา<o:p></o:p>
     
  5. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    ปฐมศรัทธาffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าพระที่ชอบอยู่กับงู พระที่ชอบปล่อยงู พระที่มีงูเป็นทหารในยุคนี้หมายถึงพระภิกษุรูปใด หนึ่งเดียวในสยามแห่งอีสานใต้ที่กระทำการดังกล่าวนี้เชื่องสุดๆ ประดุจปลาไหล เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาจิตต่อสัตว์ป่า แผ่บารมีธรรมสู่สัตว์โลก แม้แต่งูก็อยู่กับหนูได้ใต้โพรงหินไม่กัด ไม่กินกันหรืองูอยู่กับกบในสระน้ำไม่ทำร้ายกัน เป็นต้น สร้างความฉงนแก่ผู้พบเห็นนัก<O:p></O:p>
    ยังมีเหตุการณ์หนึ่งที่ผู้เขียนได้พบเองสมัยครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเสียงของหลวงปู่ใหม่ๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยได้ยินบุคคลต่างๆทั่วไปกล่าวขานกันว่า หลวงปู่องค์นี้อยู่กับงู ชอบปล่อยสัตว์นานาชนิด จึงสนใจใคร่ติดตามไปจนถึงสำนักของหลวงปู่หงษ์ และต้องหายสงสัยหมดสิ้น ขณะนั้นเวลาประมาณ 6 โมงเช้า หลวงปู่นั่งออกรับญาติโยม สักครู่ต่อมาได้มีกระรอกขาวตัวหนึ่งไต่สายไฟจากป่ามายังที่หลวงปู่นั่งรับแขกโดยมิเกรงกลัวบุคคลที่นั่งเต็มไปหมด โดยวิ่งด้วยเท้าทั้ง 4 แล้วมาหยุดอยู่ข้างหน้าหลวงปู่ทันใดนั้นกระรอกยกขาคู่หน้าชูขึ้นคล้ายกับทำความเคารพ พลางส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้ววิ่งมาทางด้านข้างขวาของหลวงปู่หงษ์ ที่มีจานองุ่นตั้งอยู่ เจ้ากระรอกก็วิ่งรอบจานองุ่นวิ่งกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้น<O:p></O:p>
    โดยมิกล้าถือวิสาสะกินเองจนหลวงปู่ได้ยินเสียง “คลุกๆ” ไปมาจึงได้หันมาทางจานองุ่นด้วยอากัปกริยาอมยิ้มแล้วพยักหน้าพลางกล่าวว่า “เอาซิๆ” เท่านั้นและเจ้ากระรอกก็ตรงเข้ากัดกินองุ่นในจาน จากนั้นหลวงปู่ก็หันหน้ากลับมาทางญาติโยมแล้วเอ่ยว่า “เขากินไม่มากหรอกลูกสองลูกประเดี๋ยวก็ไป” และก็เป็นไปตามคำพูดของหลวงปู่เพราะเจ้ากระรอกเขากินเพียงสองเม็ดจริงๆ แล้วคลานออกไป แต่ที่แปลกประทับใจทุกคนที่ได้พบเห็นก็คือ ก่อนที่เจ้ากระรอกจะไปได้คลาน 4 เท้า ข้ามาพอถึงด้านหน้าหลวงปู่ก็ยกเท้าคู่หน้าชูคล้ายกับพนมมือแล้วส่งเสียงร้อง “จิกๆ” แล้วจึงหันหลังวิ่งไต่สายไฟกลับสู่ป่าอันเป็นที่อยู่อาศัย สิ่งเหล่านี้คืออะไร ทำไมสัตว์ป่าจึงต้องทำความเคารพทั้งมาและไป ทุกคนต่างนึกต่างคิด ต่างฉงนมึนงงไปตามๆกันแต่สุดท้ายที่ทุกคนสรุปก็คือ หลวงปู่องค์นี้มิใช้พระธรรมดาแน่แม้นแต่สัตว์ป่ายังกระทำความเคารพ แล้วทำไมเราเป็นคนมิลองศึกษาจริยาวัตรข้อธรรมและปฏิปทาของท่าน ครั้นเดินลงมายังข้างศาลาก็ต้องผงะหงายเพราะได้เจอกับอสรพิษนามว่าแสงอาทิตย์ นอนกลิ้งหงายไปมาประดุจว่ามีแต่เขาเพียงตัวเดียวอยู่บนโลกนี้ แต่ผู้เขียนเองเมื่อได้มอง เห็นแล้วว่าน่ารักดีดูแล้วเหมือนลูกสุนัขที่กลิ้งหงายไปมายามต้องแสงสุริยาเพลาเช้าอย่างนั้น จึงได้ถึงบางอ้อ! อ๋อ! หลวงปู่หงษ์ ท่านชอบปล่อยงู ตะขาบ แมงป่อง ก่อนจะปล่อยหลวงปู่จะเป่าเสกให้ก่อน แล้วจึงปล่อยสัตว์ทั้งหลายไปเพื่อให้เขาเชื่องไม่ทำร้ายคน เป่าเพื่อเป็นเกราะกำบังคุ้มครองสัตว์นั้นๆ เป่าเสกเพื่ออธิษฐานให้สัตว์เหล่านั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้วขอให้เกิดเป็นคน อย่าได้เป็นสัตว์ต้องทุกข์ทรมาน เหล่านี้คือน้ำจิตอันเยือกเย็นแผ่ไพศาลยังสรรพสัตว์ทั้งหลายของโลก ให้อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ละเลิกจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกันย่อมเป็นสุข<O:p></O:p>

    เมื่อ 7 8 ปีที่แล้วผมเองยังชอบที่จะไปหาพระอาจารย์ดัง ๆ ตามวัดต่าง ๆ ก็พอดีได้อ่านประวัติท่านหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญจากหนังสือต่าง ๆ ก็รู้สึกว่าชอบจริยาวัตรของท่าน ก็พอมีโอกาศก็ได้มากราบท่าน ยิ่งรู้สึกชอบอุปนิสัยท่านจนมากราบท่านบ่อยครั้งขึ้น บางครั้งที่ผมได้มีโอกาศไปกราบหลวงปู่ฯท่าน และถือโอกาศพักค้างที่สุสานทีละหลาย ๆวัน

    ยิ่งได้รู้มากเห็นมาก ยิ่งเครพ ยิ่งศัทธา มากขึ้นทุกที เคยได้ยินผู้ใหญ่พูดว่าถ้าจะดูว่าพระองค์นั้นดีมั๊ยให้ดูว่าชาวบ้าน ละแวกวัดมีความเครพนับถือพระองค์นั้นเพียงใด แต่กับหลวงปู่ฯท่านทุกเย็น ชาวบ้านจะพากันมากราบท่านโดยที่มีกรวยดอกไม้เข้ามากราบท่านทุกวัน พวกเด็กๆก็เหมือนกันจะพากันมารออยู่ข้างหลังผู้ใหญ่ พอผู้ใหญ่กราบเสร็จ พวกเด็ก ๆ ก็จะเข้าไปกราบต่อ

    ตอนนี้หลวงปู่ท่านจะแจกขนมที่ท่านซื้อเอาไว้ให้เด็ก ๆ ทีละคน ๆ ถบางครั้งเป็นนมขวด ท่านก็จะเอาหลอดเจาะให้เด็กทีละขวด ทีละคน ๆ ไปอย่างนี้ทุกคน บางทีแม่ลูกอ่อนลูกไม่สบายก็อุ้มลูกมาหาหลวงปู่ฯ ๆ ท่านก็รับเด็กจากมือแม่ลูกอ่อน มาอุ้มแล้วก็เป่าแล้วก็เป่าให้ทั่วตัว ท่านเป่าเหมือนกับจะให้เด็กน้อยหายไข้เดี๋ยวนั้น และภาพเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนาน พอกราบหลวงปู่กันแล้วชาวบ้านก็จะพากันไปนั่งเล่น นอนเล่นที่ ศาลาเล็ก ๆ ตรงปากทางเข้าสุสาน(ย้ำ...ว่าสุสานที่แปลว่าป่าช้าครับ) เหมือนกับเป็นศาลาปรชาคม ประจำหมู่บ้านก็นั่งคุย นอนคุยจนมืดค่ำก็จะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

    เราซึ่งเป็นคนได้รู้ได้เห็นก้ไม่รู้ว่าจะบรรยายควารู้สึกและความทรงจำเหล่านี้อย่างไรดี อาจจจะเรียกได้ว่ารู้สึกประทับใจก็ได้ และก็รู้สึกสนิทใจและสบายใจเวลาที่อยู่กับหลวงปู่ฯท่าน ด้วยว่าเพราะเรารู้ในใจแล้วว่าเราเจอครูบาอาจารย์ของเราแล้ว

    เมื่อก่อนเราแขวนพระ 5-7-9 องค์ องค์ละหลวงพ่อ ๆ
    แต่พอมาเจอหลวงปู่เหมือนกับเราเจอ อาจารย์ของเราแล้วท่านจะขลังยังไง ขนาดไหนไม่ทราบได้ในตอนนั้น แต่ข้อวัตรปฏิบัติของท่าน มั่นทำให้เราอบอุ่นเย็นใจ ใจเราถึงเครพศัทธาท่านสนิทแน่บแน่น เราก็เต็มใจที่จะแขวนพระท่านเพียงองค์เดียว หรือไม่ก็จะขาดไม่ได้ต้องมีในคอเสมอ

    หลวงปู่ ฯ ท่านชอบซื้อชีวิตสัตว์มาปล่อย ชอบขุดบ่อน้ำ ฝายก้นน้ำ ซื้อที่ขยายป่า ใครจับงูมาได้จะงูอะไรก็เอามาขายหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อ ถ้าใครเคยไปสุสานจะเห็นกองหินที่เรียงรายเป็นตั้งสูงนั่นคือที่อยู่ของงู ตะขาบ แมงป่อง ฯลฯ ที่ท่านซื้อมาปล่อย โดยที่ก่อนปล่อยท่านจะเป่าก่อน ท่านว่าเป่าให้คนมองเขาไม่เห็นและเขาก็ไม่กัดคน

    ลูกศิษย์หลวงปู่ฯ(งู ะขาบ แมงป่อง) จึงไม่เคยกัดใครแม้แต่คนเดียว บางครั้งพวกขายปลาช่อน ปลาดุก จากตัวจังหวัด ขายไม่หมดก็เอามาขายหลวงปู่ ฯ ท่าน ๆ ก็ซื้อเอามาปล่อย ที่ละ 2-3หมื่นบาท(ผมยังเคยชั่งปลาและคิดเงินให้ท่าน)

    มีเรื่องแปลกที่ผมได้พบอยู่เรื่องนึง คืนนั้นผทนอนเฝ้าท่านตามปกติ ก็นั่งคุยกับท่านสักพัก ก็มีศิษย์ร่วมสำนัก(แมงป่อง)ตัวใหญ่มาก กำลังมุ่งตรงเข้ามาทางเรา(ผมกับหลวงปู่ฯ) พอหลวงปู่ ฯ ท่านเห็นท่านก็พูดเปรย ๆขึ้นว่า

    นั่นเขามาลาหลวงปู่

    ครับ..เขามาลาหลวงปู่ ฯ แต่ถ้าเขาเข้ามาใกล้กว่านี้ผมก็จะลาอีกคน จึงกราบ ๆ ท่านแล้วก็เอาที่โกยผงมาช่วยพาเพื่อนออกไปอยู่ข้างนอก คืนนั้นนอนผวาทั้งคืน ตื่นเช้ามา ตี 3 หลวงปู่ตื่น เราก็ตื่น ล้างหน้าแปรงฟัน จัดการเรื่องของท่านเรียบร้อย พอเช้าฟ้าสางก็กวาดสุสาน พอกวาดไป ๆ ก็ไปเจอเพื่อนคนเมื่อคืนที่มาลาหลวงปู่นอนหางตก ตายสนิทเรียบร้อย เราก็มานึก

    เออ..เขามาลาหลวงปู่ฯ จริงอย่างท่านว่าบางเรื่องที่เล่ามาแล้วหรือกำลังจะเล่าต่อไปจากนี้หลาย ๆเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากสำหรับบางท่าน ผมเข้าใจเพราะผมเองก็เป็นคนหัวดื้อที่เชื่ออะไร ๆ ยากที่สุดคนนึงเหมือนกัน แต่ผมยืนยันว่าทุกเรื่องที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ผมเห็นมากับตา เจอมากับตัว หรือไม่คนใกล้ชิดได้ประสพพบมาทั้งสิ้นครับ


    เป็นบทความที่นำมาเล่าต่อ</O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  6. APIRAT

    APIRAT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +3,220
    อนุโมทนา สาธุด้วยครับ บ้านเมืองเรายังมีหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกหลายรูป ทำให้พวกเรากินอิ่มนอนอุ่น เพราะครูบาอาจารย์ท่านช่วยทางจิต ด้วยบารมีของท่านทำให้บ้านเมืองเราอยู่รอดปลอดภัยได้จนมาถึงทุกวันนี้ ลูกขอกราบหลวงปู่หงส์ มหาโพธิสัตว์ผู้ทรงไว้ซึ่งความเมตตาเป็นที่สุด
     
  7. ลูกคุณย่า

    ลูกคุณย่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,094
    หากใจใครร้อนรน เรายังมีครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นคนนึงเช่นกันค่ะที่ห้อยพระหลวงปู่ตลอด เป็นพระองค์แรกที่ห้อยและมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากกับคนรอบข้าง
    ที่สุดแห่งความเมตตา มีรูปหลวงปู่มาฝาก ขออนุญาติเจ้าของภาพนำภาพมาลงนะคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1709581.jpg
      1709581.jpg
      ขนาดไฟล์:
      32.5 KB
      เปิดดู:
      2,854
    • 1709591.jpg
      1709591.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.4 KB
      เปิดดู:
      2,179
    • 1688229.jpg
      1688229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      42 KB
      เปิดดู:
      2,114
  8. ลูกคุณย่า

    ลูกคุณย่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,094
    มาร่วมสร้างกองทัพธรรม กองทัพศีล 5

    00000 เรื่องหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า ถ้าดื่มแล้วจะเสื่อม?
    จริงครับหลวงปู่ฯ ท่านห้ามดื่มเหล้า และให้รักษาศีลด้วยนะครับ เพราะท่านรักลูกศิษย์ ต้องการให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีล และมีธรรม ไม่ไปก่อกรรมให้กับใครแม้แต่กับตัวเอง ที่ว่าดื่มเหล้าแล้วเสื่อม ไม่ใช่ของเสื่อมนะครับ แต่เป็นตัวคนที่เสื่อม เราดื่มเหล้าแล้วเสื่อมอย่างไรอันนี้คงไม่ต้อง
    อธิบายให้มากความ

    หลวงปู่ฯ ท่านพูดให้ฟังเสมอ ๆ ว่า ครูบาอาจารย์ถ้ารักลูกศิษย์แล้วต้องให้ลูกศิษย์ถือศีล ถ้าให้แต่ของขลังไปแล้วบอกแต่ว่าของนี้ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ลูกศิษย์ที่ดีก็มีที่ไม่ดีก็ต้องมีปะปนมา และพวกนี้ที่เอาของขลังทั้งหลายไปก่อกรรมทำชั่ว เกะกะระรานเกเรสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน และสุดท้ายก็สร้างเวรก่อกรรมมากต่อมาก กรรมเวรเหล่านั้นก็จะมาถึงครูบาอาจารย์ด้วยในที่สุด เพราะไม่ได้สั่งสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีแต่แรก อย่างหลวงปู่ ฯ ท่านๆจะบอกก่อนเลยว่าของ ๆ ท่านต้องถือศีล ถ้าถือศีลไม่ได้ก็ไม่ต้องเอาไป
    แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้รู้ได้เห็น คนที่โดนอะไรหนัก ๆ (หนักจริง ๆ)ทั้งหลายก็เป็นคนที่ดื่มสุราเป็นอาจิณต์ครับ บางคนถูกยิงไม่เข้าก็มาเรียนหลวงปู่ฯ ท่าน ๆ ก็ถามว่าดื่มเหล้าหรือเปล่า เขาตอบว่าดื่ม หลวงปู่ ฯ ท่านก็ตอบต่อไปว่า นี่ถ้าไม่ดื่มเหล้าปืนยิงไม่ออกดอก 00000
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1701425.jpg
      1701425.jpg
      ขนาดไฟล์:
      37 KB
      เปิดดู:
      2,213
    • 1700020.jpg
      1700020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.2 KB
      เปิดดู:
      1,751
    • 1695236.jpg
      1695236.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40 KB
      เปิดดู:
      3,854
    • 1691255.jpg
      1691255.jpg
      ขนาดไฟล์:
      45 KB
      เปิดดู:
      1,659
    • 1619254.jpg
      1619254.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.4 KB
      เปิดดู:
      1,787
  9. เทวาลัย

    เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
    อนุโมทนาครับ..

    ศรัทธาท่านมานานแล้ว...อยากได้ของท่านมาบูชาสักองค์

    แต่มีพระที่ผมรู้จักเคยไปกราบท่านเตือนว่า พระของหลวงปู่ถ้าไม่ได้รับกับมือ

    ก็อย่าไปเอาเลย เพราะมีเยอะที่เขาทำกันแล้วท่านไม่ได้เสกให้

    แล้วเอามาปล่อยให้บูชากัน...คนที่ไม่รู้อย่างเราเลยต้องหยุดหา

    จนป่านนี้เลยไม่มีสักองค์...เท็จจริงอย่างไร ขอความรู้หน่อยครับ

    __________________________
     
  10. CheKuvara

    CheKuvara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,460
    ค่าพลัง:
    +19,341
    เคยได้ยินมายังงั้นเหมือนกันครับ ครั้งนึงผมเคยบูชากุมาร ผ่านตัวแทนรับจองที่ว่าเป็นลูกศิษย์ท่าน ที่ลงในหนังสือนะโม ผมเลยลองบอกขอให้เค้าเอาให้ท่านจารให้หน่อย โดยผมโอนตังไปก่อน เค้ารับปาก แต่ปรากฏว่าส่งมาไม่มีจารครับในความคิดผมถ้าเป็นลูกศิษย์สายตรงแล้ว ยังไงก็ต้องมีโอกาสไปหาท่านบ่อยๆ และรับปากผมแล้วก็น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะผมบูชาแค่สองตนเอง จึงเป็นคำถามให้น่าคิด หากแนะนำวัตถุมงคลของท่าน ถ้ามีโอกาสลองดูรุ่นไม้สะพานร้อยปี หรือพระกริ่งที่หาทุนซื้อที่ดิน(ไม่แน่ใจว่ารุ่นพระเจ้าห้าพระองค์)หรือเปล่า กับเหรียญกองทุนดูแลสุขภาพ เพราะมีรูปในพิธีชัดเจนครับ

    เอามาฝากครับ สำหรับรายละเอียดพระสานร้อยปี

    http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=9583&st=0
     
  11. เทวาลัย

    เทวาลัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,033
    ค่าพลัง:
    +4,901
     
  12. เด็กมือใหม่

    เด็กมือใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    474
    ค่าพลัง:
    +1,476
    กราบหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญท่านครับ สาธุ นะเมติ นะเมติ นะเมติ
     
  13. ลูกคุณย่า

    ลูกคุณย่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,094
    ขอให้ดูที่กลุ่มผู้สร้าง เจตนา ยุคต้นๆของหลวงปู่มีดีหลายรุ่น และราคาถูกมาก ถึงมากที่สุด เก็บมาบูชาแค่องค์สององค์ก็พอ เนื้อผงส่วนใหญ่จะแท้และมีเอกลักษณ์ สวยงามตามแบบฉบับพระหลวงปู่ คนส่วนมากไม่กล้าห้อยโดย เฉพาะเพื่อนๆที่รู้จักกัน เพราะกลัวเสื่อมคาหิ้ง ถ้าไม่เลิกเหล้า ฮะๆพวกนี้มีกรรมเลิกไม่ได้ มีเพื่อนหลายๆคนอีกเช่นกันที่เลิกเหล้าตลอดชีวิต เพราะหลวงปู่และก็ชิวิตดีขึ้นมากค่ะ

    นะเมติ นะเมติ นะเมติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  14. ลูกคุณย่า

    ลูกคุณย่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +1,094
    หนุมานไชโย ตัวโปรดค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188

    หลวงพ่อเปิ่น เทพเจ้าแห่งวัดบางพระเป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านถามถึงบ่อย ๆ ยิ่งเมื่อตอนที่หลวงพ่อเปิ่นจะมรณะภาพและเข้าโรงพยาบาล หลวงปู่ท่านก็ถามถึง และอีกองค์ก็คือหลวงพ่ออุตตมะ อุตตมะรัมโภ เป็นพระคุณเจ้าอีกรูปที่หลวงปู่ท่านดูจะเป็นห่วงและถามถึงเสมอ ๆ แม้แต่ตอนที่ หลงพ่ออุตตมะ มาเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฏ หลวงปู่ฯ ท่านก็ได้ตามมาเยี่ยมหลวงพ่อ ฯ ด้วยเช่นกัน ท่านเหล่านี้เป็นผู้วิเศษ ที่มีใจผูกพันกัน และมีคุณธรรมและคุณวิเศษเป็ฯที่ประจักษ์ทั้งสิ้น<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    นะเมติ

    พระคาถาบทนี้เป็นคาถา ประจำสำนัก ที่ไว้ให่ศิษย์ภาวนาเวลาจะสื่อกับครูบาอาจารย์ หลวงปู่ท่านเคยบอกว่า

    เราภาวนา นะเมติ นี้หนาสะเทือนขึ้นไปถึงพรหมโลก

    หมายถึง นะเมติ นี้ถ้าเราภาวนาจะสื่อไปถึงสุดแดน ครูบาอาจารย์ผู้สถิตย์อยู่บนชั้นพรหมโลก

    และความหมายของ นะเมติ นี้หลวงปู่ท่านบอกว่าหมายถึง

    รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ คืออาหาร พืชพันธุ์ ข้าว น้ำต่าง ๆ ที่เลี้ยงดูทุก สรรพชีวิต อย่างไม่ลำเอียง ใครจะปลูก ใครจะหว่าน ใครจะเก็บเกี่ยว เอาไปกินไม่ว่า คนหรือสัตว์ ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน พระสงฆ์ เณร ชี หรือ อลัชชี มหาโจร คนต่ำทราม แม่พระธรณีย์ก็ไม่เคยรังเกียจมีคุณให้การเลี้ยงดูเท่า ๆ กันหมด แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวใช้สอยได้มากเท่าใด

    นะเมติ รสน้ำนมแม่พระธรณีย์ นี้จึงเปรียบเหมือนคุณครูบาอาจารย์ ที่ไม่เคนรังเกียจเดียจฉันท์ ลูกศิษย์คนใด ที่เคารพนับถือ หลวงปู่ ฯ ท่านถึงไม่เคยดุด่าว่ากล่าวลูกศิษย์คนไหน ก็ด้วยใจที่เปี่ยมด้วยเมตตา หนักแน่น เยือกเย็นดั่งคุณของพระแม่ธรณีย์นั่นเอง
    <o:p></o:p>
     
  16. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    ลองอ่านดูครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2010
  17. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    พระสวยๆ ศิลปะแบบเขมร โบราณ
    -ปราสาทบายน
    -ขุนแผนบายน
    -ขุนแผนเพชรสุรินทร์
    -ขุนแผนชัยวรมัน
    -เจ้าสัวบายน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • KHM-150.jpg
      KHM-150.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192.8 KB
      เปิดดู:
      1,233
    • บายน1.JPG
      บายน1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      8.2 KB
      เปิดดู:
      36,072
    • bayon.jpg
      bayon.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.6 KB
      เปิดดู:
      1,287
    • bayon2.jpg
      bayon2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.6 KB
      เปิดดู:
      1,246
    • get_auc1_img.jpg
      get_auc1_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.2 KB
      เปิดดู:
      1,233
    • get_auc11_img.jpg
      get_auc11_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59.4 KB
      เปิดดู:
      1,247
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2010
  18. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188
    มีจริงครับแต่ บางรุ่นเท่านั้น ศึกษาเพิ่มนิดนึงครับผม เท่าที่รู้ปลอมน้อยมากครับ ไม่ว่าเนื้อผง หรือโลหะ สร้างปราณีตมากครับ ส่วนมากเนื้อจะป็นเอกลักษณ์ พิเศษ เฉพาะโดดเด่นครับ และสร้างน้อยครับแต่ละรุ่น หายเข้ากลีบเมฆหมด สิงคโปร์ มาเล เขมร ขนไปเยอะครับ พวกนี้ก็ไม่อะไรมากครับ อะไรที่ใช้ได้ผล ก็จะขนไป เหมือนครูบากฤษณะที่โคราช ได้ผลก็ขนไปเช่าหาแพงมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    เหมือนตัวอย่างครับ เอกลักษณ์ ดูง่าย มวลสารพิเศษครับ แบบฉบับหลวงปู่
    -รูปเหมือนหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เนื้อขันลงหิน รุ่นแซยิด 80 ปี
    -พระสมเด็จเนื้อผง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2010
  19. ดู๋ดี๋

    ดู๋ดี๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +1,188

    หนุมานและปิดตายอดเยี่ยมมากครับ ด้าหลังน่าจะเป็นตะกรุดทองคำ หลวงปู่จารเอง หายากครับ
     
  20. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    [​IMG]

    กราบหลวงปู่ครับ.........สาธุ

    อนุโมทนาท่านเจ้าของกระทู้ และท่านอื่นๆด้วยครับที่นำเรื่องราวดีๆมานำเสนอ...:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2010
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...