★ อริยะวิญญาณ โพธิสัตว์วิญญาณ และวิญญาณทั่วไป

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย plaspirit, 9 กันยายน 2016.

  1. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    [​IMG]

    ★ อริยะวิญญาณ โพธิสัตว์วิญญาณ และวิญญาณทั่วไป

    การจำแนกโดยคุณสมบัติแห่งธรรม

    เมื่อจำแนกโดยคุณสมบัติแห่งธรรม แบ่งกลุ่มวิญญาณออกได้เป็นสี่กลุ่มคือ

    1.อริยะวิญญาณ ได้แก่ พระโสดาบัน คือผู้ที่เข้าหนทางแห่งธรรมเต็มรูปแบบแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุด
    อีกไม่เกินเจ็ดชาติก็ถึงแน่ พระสกทาคามี คือผู้ที่เข้าหนทางแห่งธรรมเต็มรูปแบบแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุด อีกไม่เกินหนึ่งชาติถึงแน่
    และพระอนาคามี คือผู้ที่เข้าหนทางแห่งธรรมเต็มรูปแบบแล้วแต่ยังไม่ถึงที่สุดจะไปหลุดข้างบนแน่นอนไม่กลับมาโลกอีก

    พระโสดาบันกับพระสกทาคามีจะอยู่กระจายกันไปตามกรรมของแต่ละท่าน
    ส่วนใหญ่จะอยู่บนสวรรค์และพรหมโลก บนโลกมนุษย์ทั้งสี่ก็มี แต่จะไม่ต่ำกว่านั้นแน่นอน

    2.โพธิสัตว์วิญญาณ คือผู้ที่เสียสละตนบำเพ็ญเพียรฝ่าความทุกข์ยาก
    เพื่อพัฒนาคุณสมบัติในตนเองให้ qualified ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าโปรดสรรพสัตว์น้อยใหญ่ในภายภาคหน้า
    ซึ่งมีสองจำพวกได้แก่พระอนิยตโพธิสัตว์และพระนิยตโพธิสัตว์

    [​IMG]

    พระอนิยตโพธิสัตว์ คือผู้ที่เริ่มปรารถนาใหม่ๆ พระพุทธเจ้ายังไม่ได้ทรงพยากรณ์
    ท่านเหล่านี้ยังไม่แน่ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตหรือไม่ ส่วนใหญ่จะเบื่อหน่ายและลาพุทธภูมิไปก่อน
    ก็จะเป็นพระอรหันต์ต่อพุทธกาล ช่วยสานต่อพระศาสนายุคกลางและยุคปลายๆ พุทธันดร เช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฤาษี หลวงปู่คง เป็นต้น
    และที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์และยังไม่ได้ลาก็มีมากมายนับไม่ถ้วน กระจายอยู่ในทุกภพภูมิ แม้ในนรกก็มี แต่น้อย ยกเว้นสุทธาวาสไม่มี

    [​IMG]

    พระนิยตโพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญเพียรมานานแล้วจนแก่กล้า
    กระทั่งพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเห็นด้วยพระญาณแล้วว่าสามารถสำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณแน่นอน
    จึงทรงพยากรณ์ไว้ เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์แล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้
    อย่างไรก็ต้องถูลู่ถูกังไปให้สำเร็จจนได้ โดยจะมีเหล่าเทพพรหมและพระอริยะทั้งหลายคอยจัดหลักสูตรกการบำเพ็ญและวิชาต่างๆให้
    ทั้งเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย ตัวอย่างของพระนิยตโพธิสัตว์เช่น พระศรีอารยเมตไตรย
    พระศิวะ พระปิยะ พระอวโลกิเตศวร ท่านกาลิเลโอ หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต และช้างนาฬาคีรี เป็นต้น ซึ่งพอนับจำนวนได้

    [​IMG]

    พระนิยตโพธิสัตว์ทั้งหลายท่านจะมีโครงสร้างพิเศษที่เรียกว่าโครงสร้างนิรันดร คือพอเป็นพระนิยตโพธิสัตว์แล้วก็จะมี
    เทพพรหมและมนุษย์ที่เทพพรหมท่านจัดสรรจำนวนไม่น้อยร่วมบำเพ็ญเพียรเพื่อเป็นเลิศด้านต่างๆ
    ท่านเหล่านี้เมื่อถูกจัดสรรแล้วก็จะอธิษฐานเจอกันตลอดเกือบทุกชาติ
    เกื้อกูลกันและกัน ประคับประคองกันไปให้ถึงฝั่ง ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน
    ตัวอย่างเช่นพระพุทธเจ้าสมัยเป็นพระโพธิสัตว์ก็ทรงลงมาบำเพ็ญเพียรในโลกมนุษย์บ่อยครั้งพวกท่านที่จะบรรลุร่วมยุคเดียวกัน
    ก็ตามมาร่วมบำเพ็ญทุกชาติทั้งพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอานนท์ พระอนุรุทธะ มาอยู่ในฐานะต่างๆกัน
    เช่นเป็นเพื่อนกันบ้าง เป็นพี่น้องกันบ้าง เป็นอาจารย์-ศิษย์บ้าง เป็นเจ้าต่างเมืองบ้าง
    ส่วนพระนางพิมพาเกิดเป็นชายาตลอดและพระราหุลเกิดเป็นลูกตลอด
    แต่ไม่ว่าแต่ละท่านจะเป็นอะไร อยู่ในฐานะใด ท่านจะเกิดด้วยกัน เกื้อกูลกันและกันตลอดไปทุกชาติจนกว่าจะสำเร็จธรรมสุดท้าย
    นี่คือโครงสร้างนิรันดร คือเจอกันเกื้อกูลกันทุกชาติจนกว่าจะถึงฝั่ง

    ซึ่งเมื่อเริ่มมีโครงสร้างนิรันดรแล้ว ระยะเวลาจะเหลือไม่ถึงแสนมหากัลป์
    นอกจากนั้นแต่ละทีมของพระนิยตโพธิสัตว์ก็ยังเกื้อกูลกันและกันอีก เช่นพระสมณโคดมท่านก็บำเพ็ญร่วมกับทีมพระนิยตโพธิสัตว์ห้าพระองค์
    ซึ่งสำเร็จไปแล้วสี่พระองค์ เหลืออีกหนึ่งพระองค์คือพระศรีอาริย์ ทีมทั้งห้าท่านล้วนเกื้อกูลกันมาตลอด
    และมาบรรลุในกัปเดียวกัน เรียกว่าภัทรกัป หรือกัปแห่งพระเจ้าห้าพระองค์

    พระโพธิสัตว์นี่ท่านมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์ทั่วไปและเกินกว่าที่มนุษย์ทั่วไปจะเข้าใจได้
    ดังนั้นความประเสริฐนี่ไม่ต้องห่วง
    เพียงแต่กุศโลบายที่ท่านจะใช้ในแต่ละยุคหรือสำหรับธรรมะแตะละตัวอาจจะต่างกันสำหรับแต่ละกลุ่มชน


    พระโพธิสัตว์และทีมของท่านเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต มีอยู่พรหมโลกบางท่าน และกระจายอยู่ในสวรรค์เกือบทุกชั้น
    เวลาเกิดมาเป็นมนุษย์ บางท่านก็เก็บตัวเงียบ บางท่านก็เกื้อกูลยิ่งใหญ่
    บางท่านก็ตั้งลัทธิหรือศาสนาให้แก่ชาวโลกแล้วแต่บารมีที่ท่านต้องการ accomplish ในชาตินั้นๆ

    นักปฏิบัติบางท่านก็เกื้อกูลหลายทีมเช่น พระอุปคุต สำเร็จพระอรหันต์ยุคพระโคตโมและจะไปเป็นพระสมณทูตในยุคพระศรีอารยเมตไตรย
    หรือพระนางวิสาขามาเป็นมหาอุบาสิกาในยุคพระโคตโมและจะไปสำเร็จอรหันต์ในยุคพระศรีอาริย์ เป็นต้น

    3.สัมมาทิฏฐิวิญญาณ คือพวกที่ได้ศึกษาหลักธรรมที่ชอบธรรมแล้ว มั่นคงในธรรมะ เข้าใจสัจจะแล้ว
    แต่ยังไม่เข้าหนทางแห่งธรรมสมบูรณ์นัก พวกนี้จัดเป็นพวกสัมมาทิฏฐิวิญญาณ มีกระจายอยู่ในทุกมิติ

    4.มิจฉาทิฏฐิวิญญาณ คือพวกวิญญาณที่ยังหลงผิดอยู่ ยังไม่รู้จักมิติต่างๆ แห่งความเป็นจริง
    ใช้ชีวิตผิดพลาดอยู่และหลายกลุ่มหลงตัวเองว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล บางพวกก็ตั้งลัทธิต่างๆขึ้นมาตามความเข้าใจของตน
    บางพวกก็ตั้งก๊วนคุมวิญญาณอื่นๆ เป็นบริวาร เป็นต้น เหล่านี้เป็นมิจฉาทิฏฐิวิญญาณ มีกระจายอยู่ทุกมิติเช่นกัน

    นั่นคือการจำแนกตามประเภทธรรม


    [​IMG]

    ที่มา : หนังสือมหาสติ การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้นำและผู้บริหาร (อัคร ศุภเศรษฐ์) หน้า 127-130
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2016
  2. plaspirit

    plaspirit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,118
    ★ การสร้างความสัมพันธ์อันเหมาะสมกับสัจจะต่างๆ

    [​IMG]

    ไม่ว่าจะรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทก็ไม่ควรดูหมิ่นสัจจะใน
    ระดับต่างๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ควรหลงไหล แต่พึงนำมาประสานให้เกิดเอกภาพเพื่อพลังสูงสุด

    เมื่อไม่หลงไหลและไม่ดูหมิ่น ก็เปิดใจให้กว้าง เคารพผู้ที่ควรเคารพดั่ง
    ญาติผู้ใหญ่หรืออาจารย์ และป้องกันสิ่งที่ควรป้องกัน

    ผู้ที่ควรเคารพดั่งญาติผู้ใหญ่ ได้แก่ พ่อแม่ในทุกภพชาติ มหาเทพพรหม
    ผู้มีพระคุณ เทพอารักขา เทพปกครอง เทพผู้ดูแลธรรมชาติ


    ผู้ที่ควรเคารพดั่งอาจารย์ได้แก่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกท่าน
    พระอริยเจ้า และพระนิยตโพธิสัตว์ทั้งหลาย

    จำไว้ว่า คนที่จะบรรลุธรรมขั้นสูงส่วนใหญ่ท่านจะมีอาจารย์ชั้นสูงด้วย


    สิ่งที่ควรป้องกันคือ อย่าให้ผีมาอาศัย อย่าให้มารมาสร้างกรรมโดยไม่
    จำเป็น

    ผีจะอาศัยคนใจอ่อน ขาดสมาธิ กิเลสเยอะ หลอกง่าย วิธีป้องกันคือ
    ฝึกสติอยู่กับตัว อยู่เหนืออารมณ์และความคิดให้ได้ แผ่จิตว่างรอบตัวไว้มากๆ

    มารชอบแกล้งคนที่เขาริษยาหนึ่ง และคนที่มีกรรมร่วมกับเขาหนึ่ง ดังนั้น
    ป้องกันได้ด้วยสามกลยุทธ์คือ

    1. อยากดีก็ดีไปแต่อย่าอยากดัง ถ้ามันดังเองก็ช่างมัน แต่อย่าเด่น
    ถ้ามันจะเด่นเองก็ช่างมัน อย่าทำตัวพิเศษ ถ้ามันพิเศษเองก็ช่างมัน
    อย่าวิเศษเป็นอันขาด แม้จะสำเร็จอะไรแค่ไหน มีอะไรแค่ไหนจง
    ท่องคาถาไว้ "ใดๆ ในโลกล้วนธรรมดา" หลวงพ่อคงบอก
    "ธรรมชาติเกิด ธรรมดาปรุงแต่ง"

    2. เลือกคบคนให้ดี อย่าคบคนมาก แต่จงคบเฉพาะมิตรแท้

    3. ถ้าเลือกไม่ได้ ก็พยายามเปลี่ยนมารให้เป็นมิตร โดยการทำดี
    ความเป็นกลางแล้วอุทิศกุศลให้เขาบ้าง เฉียบขาดบ้างเป็นบางครั้ง
    ถ้าพอควบคุมสถานการณ์ได้ และอย่าสร้างศัตรูใหม่เป็นอันขาด

    ที่มา : หนังสือมหาสติ การปฏิบัติธรรมสำหรับผู้นำและผู้บริหาร (อัคร ศุภเศรษฐ์)หน้า 167-168
     

แชร์หน้านี้

Loading...