๑๗ อภิญญาสมาบัติ ทิพย์แห่งจิต หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย leo_tn, 3 มิถุนายน 2007.

  1. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    มูลเหตุของการสร้างพระพรหมและลูกแก้ว
    ช่วงที่ ๓



    และในโอกาสเดียวกันนี้ ท่านได้อนุญาตให้สร้างลูกแก้วสารพัดนึก ไปพร้อมกันด้วย โดยท่านมอบเกศาของท่านเอง ผสมกับปูนซีเมนต์ขาวแล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ เจาะรูไว้ตรงกลาง เมื่อเสร็จแล้วทาสีดำ ถือว่าเป็นรุ่นแรก และมีต่อๆ มาอีกหลายครั้ง รวมแล้วประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ องค์
    [​IMG]

    หลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตเป็นแก้วพระมหาจักรพรรดิ เรียกว่า "แก้วมณีนพรัตน์" เป็นสมบัติของพระพุทธเจ้า และอีกนัยหนึ่งท่านบอกว่า ทำเป็นลูกแก้วหลวงปู่ทวดด้วย ปรากฎว่ามีพุทธคุณหลายอย่าง จนเป็นที่นิยมและเสาะแสวงหาของบุคคลทั่วไป หลวงปู่ท่านจะแจกฟรีโดยไม่คิดมูลค่า

    ท่านเล่าให้ฟังว่า "เมื่อก่อนเคยทำไว้แต่ลูกใหญ่ ไว้สำหรับจะผูกคอควาย สมัยที่เกิดโรคห่าระบาด พอดีระบาดมาไม่ถึง เลยไม่ได้ใช้ เดี๋ยวนี้ไม่รู้หายไปไหน ข้าก็กะว่าจะทำให้เด็กห้อยคอ แต่ผู้ใหญ่อยากจะได้ด้วย ที่ให้เจาะรูไว้ตรงกลางก็เพื่อให้เชือกร้อยได้ และถือเป็นอากาศธาตุ (ช่องว่าง) ด้วย ใช้ประโยชน์ได้สารพัด เอาแช่น้ำ กิน อาบได้ กันเสนียดจัญไร ใช้กำแทนพระในเวลาทำสมาธิก็ได้"

    รุ่นต่อมาหลวงปู่ได้มอบผงเจ้าคุณใหญ่ซึ้งมรณภาพแล้ว ให้พร้อมกับบอกว่า "ผงเจ้าคุณเก็บไว้นานแล้ว เวลาจะปั้นให้ภาวนาไปด้วยว่า พุทธัง แก้วสารพัดนึก ธัมมัง แก้วสารพัดนึก สังฆัง แก้วสารพัดนึก จะได้เกิดบุญไปด้วย สร้างพระ ๑ องค์ ได้อานิสงส์ ๕ กัปนะแก"

    สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ใดได้ไปรับก็ถือว่าเป็นโชคดี เพราะรับมาจากมือหลวงปู่ ภายหลังมีลูกศิษย์บางคนถือวิสาสะ หยิบฉวยวัตถุมงคลไปจากกุฏิ ด้วยความโลภอยากได้ แล้วอ้างว่า ได้ขออนุญาตหลวงปู่ในใจแล้ว ผู้เขียนถามหลวงปู่ว่า "อย่างนี้จะเป็นอะไรไหม" ท่านตอบว่า "นรกก็เกิดในใจเขา เพราะข้าตั้งใจถวายเป็นของสงฆ์" จึงเป็นข้อพึงสังวรที่ดีสำหรับพวกเรา ไม่ให้เป็นคนมักง่าย เพราะผลที่ได้รับไม่คุ้มกันเลย

    - จบเรื่องที่ ๑๐ -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.1 KB
      เปิดดู:
      4,622
  2. Elfen

    Elfen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2006
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +1,753
    ติดตาม..เป็นกำลังและอนุโมทนาอยู่ตลอดเวลาครับ...สาธุ สาธุ สาธุ / ขอให้ท่านเจริญในธรรมอย่างใหญ่หลวง.
     
  3. found_evidence

    found_evidence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +639
    สาธุครับ นะโม โพธิสัตโต ราชมุนี สามีราโม อนาคโต สัมพุทโธ อิติภะคะวา
     
  4. thank you

    thank you เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,747
    เคารพหลวงปู่ดู่มากๆ อ่านเรื่องที่คุณเอามาลงทำให้รู้สึกสดชื่น เบิกบาน เเละอยากทำสมาธิ งานนี้คุณ leo tn ได้รับบุญไปเต็มๆคะ
     
  5. manote

    manote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    924
    ค่าพลัง:
    +5,996
    ตามอ่านมาตลอดเลยครับ ยิ่งเพิ่มความเคารพนับถือยิ่งๆขึ้นไป และขอโมทนากับคุณ Leo Tn ด้วยครับ
     
  6. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    อนุโมทนากับทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ
    และดีใจด้วยครับที่การเผยแพร่นี้จะช่วยทำให้ท่านมีกำลังใจมากขึ้นในการปฏิบัติ
    ผมพิมพ์ไปก็มีความสุขครับ กับการเผยแพร่ปฏิปทาของพระมหาโพธิสัตว์หลวงปู่ดู่
    ขอยกกุศลและความดีให้กับอาจารย์ศุภรัตน์ แสงจันทร์ ผู้เขียนครับ

    ขอพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระบารมีรวมองค์สมเด็จบรมมหาจักรพรรดิทุกพระองค์ พระบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า เป็นที่สุด

    กุศลใดอันพึงมีกับการเผยแผ่ธรรมทานนี้
    ขอถวายให้เป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    ชาติ ศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ แห่งแผ่นดินสยาม
    และขอกุศลนี้จงแผ่ออกไปอย่างมิมีประมาณทั่วทั้ง ๓ แดนโลกธาตุ
    เทพเทวา เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์น้อยใหญ่
    และโปรดเมตตาคุ้มครองลูกตราบเข้าสู่พระนิพพาน
    และขอให้กิจแห่งการมุ่งหวังที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมืองและพระพุทธศาสนาแห่งข้าพเจ้าสำเร็จโดยพลันด้วยเทอญ

    และขอกุศลนี้จงเป็นของทุกท่านเฉกเช่นข้าพเจ้าได้รับทุกประการ
    อนุโมทนา....สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2007
  7. kim_osk119

    kim_osk119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,598
    โมทนา สาธุครับ ผ่านไป 10 เรื่องแล้ว เป็นข้อคิดที่ดีๆทั้งนั้น

    ขอให้ศิษย์หลวงปู่ และทุกๆท่าน เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นครับ
     
  8. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    ๑๑.

    ความฝันอันสูงสุด
    ช่วงที่ ๑

    มีอยู่คืนหนึ่ง หลวงปู่เล่าว่า ท่านฝันว่ากินดาว ๓ ดวง ลักษณะที่กินเหมือนกินขนมปังกรอบ เมื่อตื่นขึ้นมานึกสงสัยว่า เราจะมีโชคลาภถูกรางวัลที่ ๑ กระมัง เมื่อคิดไปคิดมาหลายตลบก็ยังลงเอยไม่ได้ แต่คิดว่าคงเป็นของสูงกว่านี้ ประกอบกับในขณะนั้น ท่านเจ้าคุณ (หลวงปู่ใหญ่) เจ้าอาวาสวัดสะแก ท่านได้ให้หลวงปู่ช่วยเสกพระสมเด็จให้ท่าน พร้อมทั้งกำชับให้หาคาถาเพื่อใช้กับองค์พระด้วย หลวงปู่บอกว่าสูบบุหรี่ไปหลายมวน ก็ยังหาคาถาไม่ได้ ในแวบหนึ่งของจิตท่าน คิดว่า ทั้งสามโลกนี้ จะหาอะไรมาสูงสุดเทียบกับอำนาจของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ท่านมองไปที่ถาดพระสมเด็จ แล้วระลึกถึงไตรสรณคมน์เท่านั้น ก็เป็นขึ้น คำว่า "ขึ้น" ในที่นี้คือ อาการเกิดปิติขึ้น ทางกาย ทางใจ และมีสิ่งที่ติดตามมาอีกหลายอย่าง เช่น ความสว่าง เป็นต้น จนในที่สุดท่านก็สรุปคาถาที่จะให้กับอาจารย์ใหญ่ว่า "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ" และหลังจากนั้นท่านก็ได้มอบคาถานี้ให้กับลูกศิษย์ที่ต้องการคำภาวนา หลวงปู่พูดว่า "หลวงปู่ทวดกล่าวว่า ไตรสรณคมน์ นั้น เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก่อนบวชก็เป็นพระสงฆ์ เมื่อมาค้นพบสัจจธรรมก็เป็นพระพุทธเจ้า พุทโธ นั้นแปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ซึ่งเป็นดอกหรือผลที่เกิดขึ้น ต้องมีไตรสรณคมน์ก่อนจึงจะเป็นผู้รู้ได้"

    เกี่ยวกับพระไตรสรณคมน์นี้ หลวงปู่บอกว่า "ถ้าจิตเราเป็นแล้ว เพียงฟังคนอื่นเขาพูดก็เป็นขึ้นมาได้ เมื่อกึ่งพุทธกาลวันนั้น ฉันเดินไปถาน (ห้องส้วม) ซึ่งเมื่อก่อนอยู่หลังวัด แค่หูแว่วไปได้ยินเสียงเจ้าคุณกำลังให้ศีลบนศาลา พอได้ฟังแค่นั้นก็เป็นแล้ว แสงสว่างที่ปรากฎเต็มไปหมด ตั้งแต่นั้นมาก็มืดเลย แก้ไม่ถูก ไม่รู้จะแก้อย่างไร"
     
  9. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    ความฝันอันสูงสุด
    ช่วงที่ ๒

    การที่หลวงปู่พูดเช่นนี้ ลูกศิษย์ทั้งหลายเข้าใจว่า หลวงปู่โดยปกติเป็นผู้ถ่อมตัว เมื่อมีคนไปถามเรื่องอะไรมากๆ ท่านจะพูดว่า "ข้าไม่รู้ ข้ายังมืดอยู่ มืดมาตั้งแต่กึ่งพุทธกาลแล้ว" ผู้เขียนเองเคยเรียนถามท่านว่า "มืดแล้วใจของหลวงปู่เป็นอย่างไรครับ" ท่านตอบว่า "ก็เฉยๆ สบายดี ไม่เห็นเป็นอะไร ตามเรื่องของมัน จะสว่างเมื่อไรก็ช่าง สว่างเมื่อไรข้าก็อยู่ไม่นานแล้ว" และสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนสบายใจ เมื่อหลวงปู่พูดว่า "ขืนบอกว่าสว่างซิ รถจากวัดสะแกไปถึงถนนใหญ่ยังไม่พอเลย จะตายไวขึ้น" มีครั้งหนึ่ง ผู้เขียนเคยเรียนถามท่านถึงการปฏิบัติสมาธิว่า "การที่หลวงปู่สร้างผงพระนั้น หลวงปู่ก็ต้องเคยพบกับความสงบแล้วซิครับ" ซึ่งสาเหตุของการถามเรื่องนี้ เกิดจากการที่ท่านสอนว่า "พยายามปฏิบัติเข้า ให้ใจถึงความสงบ ข้าเองปฏิบัติมาตั้งนาน ยังไม่สงบซักที" แต่สิ่งที่หลวงปู่ตอบ ทำให้ผู้เขียนมีความปิติใจมาก คือ ท่านตอบว่า "สงบแบบนั้น มันครั้งคราวไม่แน่นอน แต่เมื่อถึงพุทธกาลน่ะซิ สงบจริงๆ" คงจะเข้าตามหลักที่ท่านว่า "นัตถิ สันติ ปรัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี" สงบที่แท้จริงนั้นคือ สงบจากกิเลส ตัณหา และอุปทานกระมัง ที่หลวงปู่ท่านได้รับ และสิ่งที่ท่านบอกว่าท่านมืด อาจหมายถึงอวิชชานั่นเองที่มืด คือไม่สามารถเกิดขึ้นมาได้อีก เพราะจิตที่สะอาด สว่าง และสงบเท่านั้น คือความว่างอย่างแท้จริง ซึ่งหลวงปู่คงให้ปริศนาธรรมสำหรับพวกเรา ซึ่งยังมืดบอดคลำหาหนทางอยู่


    - จบเรื่องที่ ๑๑ -
     
  10. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    594
    ค่าพลัง:
    +3,843
    ขออนุโมทนากับคุณ leo_tnด้วยครับ อ่านแล้วอยากกราบหลวงปู่ที่สุด นะโม โพธิสัตโต
     
  11. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    ๑๒.

    พระอรหันต์มีจริงหรือไม่
    ช่วงที่ ๑

    แต่แรกเริ่มผู้เขียนหรือพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายก็กล่าวว่า เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว เมื่อถึงปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ หรือกึ่งพุทธกาล จะทำให้คุณธรรม หรือพระอรหันต์ไม่มีแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งทำให้ผู้เขียนคิดมาตลอดว่า จะเป็นจริงดังนั้นหรือ ทำไมเวลาจึงเป็นเครื่องกำหนด เมื่อผู้เขียนพบหลวงปู่ครั้งแรก ได้เรียนถามท่านว่า ในประเทศไทยตอนนี้ ยังมีพระอรหันต์อยู่อีกหรือไม่ ท่านตอบว่า มีหลวงพ่อเกษมที่อยู่จังหวัดลำปาง ท่านเป็นพระอรหันต์ องค์อื่นก็มี แต่ท่านมักพูดถึงและรับรององค์นี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะท่านมีความเกี่ยวเนื่องกันเป็นพิเศษ เรื่องพระอรหันต์นี้ ผู้เขียนเคยศึกษาทั้งตำรับตำรา และจากท่านผู้มีคุณธรรมหลายท่าน มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เขียนโดย อาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน คือ "ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตะเถระ" ทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาก และอีกเล่มหนึ่งชื่อว่า "ประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" ของหลวงพ่อมหาวีระ หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ซึ่งรับรองเรื่องนรก สวรรค์ นิพพาน ว่าเป็นเรื่องจริง สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เขียนหมดความสงสัย สิ่งที่สงสัยอยู่ๆ ก็อันตรธานหายไป แล้วก็หาวิธีที่จะพิสูจน์ ประกอบกับอาจารย์ของผู้เขียนชื่อ หลวงพ่ออินทร์ วัดไทรงามเหนือ จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นพระสุปฏิปันโน อายุเกือบ ๘๗ ปี ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่บุดดา ถาวโร พระสุปฏิปันโนองค์หนึ่ง ท่านก็รับรองเช่นกัน ท่านได้กล่าวว่า "พระนิพพานนั้นเป็นสิ่งมีจริง ภาษาที่ว่า นิพพานัง ปรมัง สุญยัง โดยท่านพูดว่า นิพพานัง ปรมัง สุญแต่ยัง" คือยังมีสภาวะที่เป็นทิพย์อยู่
     
  12. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    พระอรหันต์มีจริงหรือไม่
    ช่วงที่ ๒

    เมื่อได้มาใกล้ชิดกับหลวงปู่ดู่ ท่านจึงเล่าความเป็นไปถึงเรื่องหลวงปู่เกษมว่า "ตอนเลิกสงครามใหม่ๆ ลูกศิษย์ฉันเป็นทหารอากาศชื่อ สมพร เขาไปหาท่านได้รูปของท่านมา พอเอามือแตะรูปท่านจึงได้รู้ว่าท่านดี เพราะรูปท่านขึ้นดี (มีบารมีสูง) เลยบอกเขาว่า หลวงพ่อคนนี้อีกไม่นานจะสำเร็จอรหันต์" ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านว่า "ธรรมดาผู้ที่จบ ป.๔ ก็จะรู้เรื่องผู้ที่จบ ป.๔ ผู้ที่จบปริญญาก็จะรู้เรื่องคนจบปริญญาเช่นกัน นี่ผมไม่ได้พูดเองนะครับ หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านบอก" หลวงปู่สวนขึ้นทันควันเหมือนรู้ใจว่า "ข้าไม่รู้อะไรหรอก ข้าเดาเอา ข้ายังไม่ได้อะไร เป็นแต่พระกังหัน รูปภาพของพระองค์ไหน ถ้าดีเวลาจับหรือเอามือแตะ จะขึ้นถึงศรีษะทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อลองดูก็ได้"

    เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๕ สัจธรรมที่แสดงถึงความล่วงรู้ในอนาคตของหลวงปู่ก็แสดงออกมาคือ หลวงปู่เกษมท่านเข้ากรรมกลางแดด กลางฝน ไม่ฉันอาหารเป็นเวลาถึง ๑๕ วัน ซึ่งหลวงปู่ท่านอธิบายว่า คือการเข้า นิโรธสมาบัติ ของหลวงปู่เกษมนั่นเอง แต่ท่านเลี่ยงไปใช้คำนี้เพื่อกันคนตกนรก ถ้าคนนั้นนึกสบประมาท ท่านมักจะเตือนเสมอว่า อย่าไปประมาทพระอรหันต์ หรือพระอริยะเข้า จะบาปใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์นำรูปหลวงพ่อเดิมไปให้ท่านเสก ท่านก็ทำให้ตามประสงค์ ท่านพูดว่า เคยได้ยินแต่ชื่อแต่เสียง ท่านมีเมตตาสูงมาก ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า ถ้าถึงขั้นนี้ จะเป็นพระขั้นไหน หลวงปู่ท่านตอบว่า "เลยขั้นเสียแล้ว ไม่มีขั้น"
     
  13. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    พระอรหันต์มีจริงหรือไม่
    ช่วงที่ ๓

    ในบางครั้งที่มีผู้นำภาพครูบาอาจารย์มาขอเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิต หลวงปู่จะเอามือแตะภาพ แล้วบอกว่าองค์นี้ดี องค์นี้ดีมาก ผู้เขียนจำได้ว่ามี หลวงปู่แหวน หลวงปู่โต๊ะ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ พระอาจารย์มหาบัว เป็นต้น เมื่อแตะมาถึงภาพท่านเอง ผู้เขียนจึงเรียนถามท่านว่า องค์นี้เป็นอย่างไร ท่านรีบตอบว่า "ไม่ค่อยขึ้น" ผู้เขียนเคยกราบเรียนถามท่านตรงๆ ว่า เมื่อท่านละสังขารแล้ว ท่านจะกลับมาเกิดอีกไหม ท่านตอบว่า "ไม่เกิดได้แหละดี"

    หลวงปู่อธิบายเรื่องพระอรหันต์โดยกล่าวว่า "พระอรหันต์ท่านตายเรียกว่า นิพพาน มีอยู่ ๓ อย่างคือ กิเลสนิพพาน คือหมดกิเลส ไม่มีโลภ โกรธ หลง แต่ยังมีชีวิตอยู่ (ที่เรียกว่า สอุปาทิเลสนิพพาน) เมื่อท่านตายเรียกว่า ขันธนิพพาน (อนุปาทิเลสนิพพาน) อันสุดท้ายคือ ธาตุนิพพาน เมื่อศาสนาครบ ๕,๐๐๐ ปี พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าจากทุกที่ จะมารวมเป็นองค์พระพุทธเจ้า ทำการเทศนา ๗ วัน ๗ คืน หลังจากนั้นพระธาตุจะถูกไฟทิพย์เผาเป็นอันสิ้นศาสนา แต่ของข้านอกตำราออกไป คือ ข้าว่าพระธาตุของพระอรหันต์ที่นิพพานไปแล้ว ต้องมารวมกันด้วยและหมดไปพร้อมกัน" แล้วท่านปรารภต่ออีกว่า "บางคนก็ตามหาพระอรหันต์ ท่านได้แล้วท่านจะไปบอกอย่างไร เดี๋ยวจะเหมือนกับครูเปรื่อน ถามหลวงพ่อเขียนบอกว่าอยากพบพระอรหันต์ หลวงพ่อเขียนตอบว่า แกจะชนพระอรหันต์ตายอยู่แล้วก็ยังไม่รู้ จนไปเจอมหาวีระ ท่านถามว่าเคยอยู่กับพระองค์ไหนมา แกบอกว่าอยู่กับหลวงพ่อเขียนมา ท่านเลยบอกว่า แกอยู่กับพระอรหันต์มาไม่รู้บ้างหรือ พระอรหันต์น่ะ บางทีท่านกลัวคนกวน ท่านก็แสดงบ้าๆ บอๆ ปิดกลัวคนรู้ อย่างหลวงพ่อเนียมที่หลวงพ่อปานไปเรียนด้วยไง นุ่งผ้าอาบผืนเดียวหมาตามเป็นพรวน ถือกระบองอันเบ้อเริ่ม พอถึงเวลาสอนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เอ้อ พระอรหันต์น่ะ อย่าไปอยู่กับท่านนาน เดี๋ยวจะบาปไม่รู้ตัว"
     
  14. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    พระอรหันต์มีจริงหรือไม่
    ช่วงที่ ๔

    ข้อความสุดท้ายท่านหมายถึง คนบางจำพวกเมื่อเข้าวัด บางทีเห็นพระเป็นเพื่อนเล่น บางทีก็ไปใช้พระอรหันต์ทำนั่นทำนี่ หรือไปสบประมาทท่าน ซึ่งมีอยู่ทั่วไปให้เห็นดาษดื่น ผู้เขียนเคยกราบเรียนถาม อาจารย์ พระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ว่าปัจจุบันยังมีพระอรหันต์อยู่อีกหรือไม่ ท่านตอบพอสรุปได้ความว่า "พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์ ที่สงสัยมรรคผล นิพพาน ในกาลที่พระองค์ปรินิพพานไปแล้ว ว่า ... "อานนท์ ถ้าผู้ปฏิบัติเป็นสามีจิกรรม ชอบแก่พระวินัยที่เราตถาคตแสดงไว้ดีแล้ว ยังมีอยู่ตราบใด พระอรหันต์ยังมีอยู่ตราบนั้น ถ้าปฏิบัติผิดจากหลักธรรมวินัยที่แสดงไว้นี้แล้ว แม้ตถาคตยังมีชีวิตอยู่ แต่มรรคผล นิพพาน ก็ไม่มีแก่ผู้นั้นเลย"

    พระดำรัสนี้แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัยเท่านั้น เป็นเครื่องรับรองยืนยันมรรคผลนิพพาน ไม่มีอะไรจะเป็นใหญ่กว่านี้ได้ พวกเราที่เชื่อและยึด พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ย่อมเชื่อพระดำรัสนี้ว่า เป็นคำศักดิ์สิทธิ์ตลอดมา และตลอดไปจนอวสานแห่งชีวิต ไม่สนใจกับคำพูดใดๆ ที่ออกจากหัวใจที่มีกิเลส ให้ยิ่งไปกว่าพระองค์

    - จบเรื่องที่ ๑๒ -
     
  15. พระหลวงพ่อ

    พระหลวงพ่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +892
    ขอบคุณครับ จะติดตามจนจบครับ
     
  16. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    ๑๓.
    บารมีแห่งพระอรหันต์
    ช่วงที่ ๑

    หลวงปู่เคยกล่าวถึงบารมีของพระอรหันต์ว่า "แม้ท่านจะมีความบริสุทธิ์จากกิเลสเหมือนกัน แต่ความสามารถของแต่ละท่านอาจไม่เหมือนกัน ถ้าพูดกันทางโลก อย่างผู้ที่เรียนจบปริญญาจากต่างมหาวิทยาลัย เมื่อสำเร็จแล้วก็มีศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาที่ได้ และในปริญญาที่จบนั้น ก็ยังแยกออกไปถึงความสามารถหรือความฉลาดในระดับคะแนนที่ต่างกัน พระอรหันต์ก็เช่นเดียวกัน มีทั้ง สุกขวิปัสสโก คือ สำเร็จพ้นทุกข์ แต่ความสามารถพิเศษในสิ่งลึกลับมีไม่เท่ากัน พระที่ได้วิชชา ๓ อภิญญา และพระปฏิสัมภิทาญาณ"


    สำหรับในเรื่องนี้ ผู้เขียนได้รับความรู้ด้วยความบังเอิญ สาเหตุเกิดจากพระที่สร้างขึ้นโดยหลวงปู่ เป็นรูปหลวงปู่ใหญ่ติณณสุวัณโณ (พระโบราณคณิสสร) โดยมีลูกศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (มหาวีระ) เป็นผู้ที่ตรวจสอบ เห็นองค์พระมีฉัพพรรณรังสี คือ รัศมี ๖ ประการเกิดขึ้น จึงมาขอความเห็นจากผู้เขียน เมื่อได้ปรึกษากันจนเป็นที่เข้าใจแล้ว ผู้เขียนจึงมากราบเรียนถามหลวงปู่ดังนี้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2007
  17. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    บารมีแห่งพระอรหันต์
    ช่วงที่ ๒

    ผู้เขียน "หลวงปู่ครับ พระสงฆ์ที่มีรัศมี ๖ ประการนั้น มีหรือเปล่าครับ"


    หลวงปู่ "มี พระอรหันต์ที่ได้ จตุปฏิสัมภิทาญาณ มีได้ ดูจากรูปหรือไง"


    ผู้เขียน "ครับ ผมหลวงเข้าใจผิดเสียนานว่าพระสงฆ์มีไม่ถึง"


    หลวงปู่ "มีได้ บางพวกสำเร็จไปแล้ว กิเลสเหี่ยวแห้งไปเฉยๆ บางองค์ก็มีสีไม่ครบ แล้วแต่บารมี"


    ผู้เขียน "อย่างหลวงพ่อเกษม ผมว่าท่านมีครบนะครับ"


    หลวงปู่ "มีครบ มีคนเขามาหาเพชรตาแมว ข้าบอกว่า ถ้าอยากหาคนตาเพชร ก็หลวงพ่อเกษมนั่นไง"


    ผู้เขียน "การอธิษฐานเสกพระจนมีสีครบทั้ง ๖ ประการนั้น ทำยากไหมครับ"


    หลวงปู่ "สมัยโบราณเขารำลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง ต้องขอบารมีท่านมีบทหลายบทที่ต้องว่าอยู่เสมอ พระพุทธเจ้าใครจะไปเสกท่านได้ ต้องให้ท่านทำเอง พระอรหันต์นั้นท่านรู้ธรรม ทำให้ท่านได้ถึงพระพุทธเจ้า มีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในจิต คือ มีพุทธัง ธัมมัง สังฆัง อยู่ในใจ ท่านจึงได้พบพระโบราณจริงๆ ไม่ใช่พระหรอก"


    ผู้เขียน "พระจตุปฏิสัมภิทาญาณ ท่านได้ภูตพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับ"


    หลวงปู่ "ได้ ดูอย่างพระอรหันต์ ๑,๒๕๐ รูป ที่มาโดยไม่ได้นัดหมาย ถ้าท่านไม่ได้ จะมาพร้อมกันได้อย่างไร พระอรหันต์ท่านไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ภูตพระพุทธเจ้าน่ะ"


    ผู้เขียน "หลวงปู่รู้จัก หลวงพ่อไวทย์ วัดบรมวงศ์ ไหมครับ"


    หลวงปู่ "เคยได้ยินชื่อ ไม่เคยพบตัว"


    ผู้เขียน "ท่านมรณภาพแล้ว เมื่อวันพุธที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ นี้เอง"


    หลวงปู่ "ท่านเป็นพระอรหันต์นะ ข้าได้ยินกิตติคุณท่านว่าไม่เอาอะไรกับใคร"


    ผู้เขียน "หรือครับ แสดงว่าอยุธยาคงจะมีหลายองค์"


    หลวงปู่ "มี แต่ท่านหลบซ่อนกันอยู่"


    ผู้เขียน "เขาถึงพูดกันว่า ศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี"


    หลวงปู่ "ข้าก็ไม่รู้ ข้าไม่ใช่แน่พระอรหันต์ ยังกินอยู่ หันไม่ทัน ก็ดูกันเอาเอง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2007
  18. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    บารมีแห่งพระอรหันต์
    ช่วงที่ ๓

    หลวงปู่ท่านหันไปชี้พระที่ หลวงปู่บุดดา ถาวโร ฝากข้าพเจ้าให้มาถวายหลวงปู่ ท่านบอกว่าฝากพระทองไปถวายท่านด้วย แล้วหลวงปู่ท่านพูดว่า

    หลวงปู่ "ที่ท่านถวายพระมาให้ข้านี้ก็คิดไม่ตกว่า ท่านมีจุดประสงค์อะไร เพราะเป็นของลึกซึ้ง เกินกว่าที่ปัญญาอย่างเราจะคิดตามได้ทัน"

    ผู้เขียน "หลวงปู่มีความคิดเห็นอย่างไร เอแบบไม่ลึกก็ได้ ผมอยากฟังครับ"

    หลวงปู่ "ข้าคิดว่าสักวันหนึ่ง ข้าคงได้กลับมาเป็นอย่างพระองค์นี้"หลวงปู่ชี้ไปที่พระพุทธรูปนาคปรกของหลวงปู่บุดดาผู้เขียนยกมือสาธุ โดยไม่ทันจะตอบอะไร

    หลวงปู่ (ท่านตัดบทว่า) "แต่ตอนนี้ข้ายังไม่เปิด ยังไม่สว่างเลย ไม่รู้จะบอกอย่างไร"

    - จบเรื่องที่ ๑๓ -

     
  19. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    บารมีแห่งพระอรหันต์
    ช่วงที่ ๓

    หลวงปู่ท่านหันไปชี้พระที่ หลวงปู่บุดดา ถาวโร ฝากข้าพเจ้าให้มาถวายหลวงปู่ ท่านบอกว่าฝากพระทองไปถวายท่านด้วย แล้วหลวงปู่ท่านพูดว่า

    หลวงปู่ "ที่ท่านถวายพระมาให้ข้านี้ก็คิดไม่ตกว่า ท่านมีจุดประสงค์อะไร เพราะเป็นของลึกซึ้ง เกินกว่าที่ปัญญาอย่างเราจะคิดตามได้ทัน"

    ผู้เขียน "หลวงปู่มีความคิดเห็นอย่างไร เอาแบบไม่ลึกก็ได้ ผมอยากฟังครับ"

    หลวงปู่ "ข้าคิดว่าสักวันหนึ่ง ข้าคงได้กลับมาเป็นอย่างพระองค์นี้"หลวงปู่ชี้ไปที่พระพุทธรูปนาคปรกของหลวงปู่บุดดาผู้เขียนยกมือสาธุ โดยไม่ทันจะตอบอะไร

    หลวงปู่ (ท่านตัดบทว่า) "แต่ตอนนี้ข้าไม่เปิด ยังไม่สว่างเลย ไม่รู้จะบอกอย่างไร"

    - จบเรื่องที่ ๑๓ -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2007
  20. leo_tn

    leo_tn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +13,365
    ๑๔.

    ลาวลองตะกรุดและมอบวิชาปอบ
    ช่วงที่ ๑

    สมัยที่หลวงปู่ยังทำตะกรุดอยู่นั้น ท่านเล่าว่าทำยากมาก เพราะต้องว่าอักขระให้ครบทุกตัว ขาดไม่ได้ จึงเป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย ถึงกับมาขอให้ท่านทำให้ ท่านจึงถามความประสงค์ว่า "จะให้ทำแบบไหน แบบชาวบ้านธรรมดา ขุนนาง ท้าวพระยา หรือแบบพระมหากษัตริย์ หมายถึง ตะกรุดพระมหาจักรพรรดิ" เขาทั้งหลายเหล่านั้นก็บอกว่า อยากได้อย่างที่พระมหากษัตริย์ใช้ หลวงปู่เล่าว่า "ไม่นานก็เอากลับมาคืนหมด ข้าเลยโยนใส่สระน้ำมนต์หน้าวัด" เมื่อผู้เขียนเรียนถามถึงเหตุผลการนำกลับมาคืน ท่านจึงเล่าต่อว่า "ก็ได้ไปแล้วเอาไปกินเหล้า ก็จะฟันแต่คนเขา พระเจ้าแผ่นดินฆ่าคนได้หรือ" ท่านพูดแล้วหัวเราะ และบอกว่า "ของที่ดีที่สูง คนนำไปใช้ ก็ต้องทำจิตของตนให้สูงตามไปด้วย ต้องมีศีลจึงจะได้ผล"
     

แชร์หน้านี้

Loading...