ในนี้มีใครได้บริจาคร่างกายตนเองเเล้วบ้างครับ ? ผมจะทําตอนผมกลับไปเมืองไทย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 24 พฤษภาคม 2008.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ผมคิดว่าในเวปนี้ น่าจะมีหลายต่อหลายคนเลยที่ได้บริจาคร่างกายของตนไปเเล้วให้ทางโรงพยาบาล ผมคิดว่า ผมจะทําเช่นกัน รอกลับไปทางเมืองไทยก่อน อ้อ อยากทราบว่า การบริจาคร่างนี้ได้บุญอะไรหรือครับ ? เหะๆ ผมไม่ได้หวังได้บุญหรอกครับ เเต่เเค่อยากทําดี ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ถ้าเผาหรือฝังก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไรมาก สู้ไปบริจาคดีกว่า มาบริจาคร่างกายกันนะครับเพื่อนๆ โชคดีครับ รักทุกคนในบอร์ดนี้
     
  2. karnjanikarn

    karnjanikarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +129
    อนุโมทนาสาธุ ในความคิดของท่านเจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ

    โดยส่วนตัวก็บริจาคให้ไปหมดแล้วเช่นกันค่ะตั้งแต่ปลายปี48 เป็นความปรารถนาส่วนตัวที่อยากจะให้มานานมากๆแล้ว
    คิดอยู่ตลอดว่าชีวิตนี้ต้องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ หากร่างนี้นั้นยังสามารถที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ ก็ไม่คิดหวงไม่คิดเสียดายค่ะ
    ทุกวันนี้ยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่เคยลืม ว่ามีความสุขมากๆที่ได้ให้ได้บริจาคร่างกาย&อวัยวะค่ะ สมความตั้งใจของรักแล้วจริงๆ^-^

    ขอร่วมอนุโมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ได้บริจาคไปแล้ว และกับท่านที่มีความคิดที่จะบริจาคด้วยนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  3. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ตามโรงพยาบาลประจำจังหวัดและโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ทั่วไป บริจาคไปแล้วตั้งแต่ปี 2536 ถ้าตายตอนนี้ สงสัยมีดหมอจะเถือไม่เข้านะ ไม่รู้ว่าเขายังจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้รึเปล่า สงสัยไม่มีประโยชน์อะไร จะเอาโยนให้แร้งกากิน ปัจจุบันแร้งกาก็หายากเหลือเกิน ที่สาธารณะประโยชน์ที่ใช้เป็นป่าช้าสมัยก่อน ๆ ก็กลายเป็นบ้านเรือนไปหมด ใครจะเอาไปทำอะไรที่ไหนก็ช่างเถอ ตายไปไม่รู้เรื่องแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  4. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    มีความคิดตั้งใจและได้เปรยๆกับครอบครัวไว้ค่ะ..
     
  5. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ


    **ยังไม่เคยบริจาคร่างกายเลย...แต่..บริจาคเลือดแทน**

    (ทุก ๆ 3 เดือน)

    ที่สภากาชาดไทย​
     
  6. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขออนุโมทนา สาธุคะ

    เกสรช์ก็ตั้งใจจะบริจาคร่างกายเหมือนกันคะ ให้เป็นครูใหญ่ให้กับผู้ต้องการศึกษาหาความรู้ยังดีกว่าเอาไปเผาเฉยๆ

    ตั้งใจเหมือนกันว่าจะบริจาคเมื่อกลับเมื่องไทยแล้ว แต่ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อนแล้วค่อยบอกสามีและครอบครัว เกรงว่าสามีรู้จะไม่ให้ทำ เพราะเขาเป็นคนต่างชาติคงจะไม่เข้าใจ ต้องรอบริจาคก่อนแล้วค่อยๆบอกทีหลัง อิอิ (อีกอย่างก็ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาจัดงานให้เสียสตางค์ในการทำพิธีด้วยน่ะคะ ไม่อยากให้ยุ่งยาก เห็นบอกทางสภากาชาดไทยจะจัดการเรื่องทำศพให้ด้วยหรือภายหลังจากเป็นครูใหญ่แล้วญาติๆถึงจะได้เอาศพไปฌาปณกิจต่อไปได้ ถ้าจำไม่ผิดนะคะ)

     
  7. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    ขออนุโมทนา สาธุคะ

    คุณkarnjanikarnคะ คุณบริจาคที่ไหนคะ ขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้าง ติดต่อยังไง
    กรุณาบอกรายละเอียดให้หน่อยนะคะ เพราะเกสรช์สนใจคะ

    ขอบคุณคะ:cool:
     
  8. .Light.

    .Light. สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +14
    บริจาคแต่ดวงตาครับ
    ตั้งใจไว้เหมือนกันว่า วันเกิดปีนี้จะบริจาคร่างกายอีก
    ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ครับ นอกจากบุญและกรรม
     
  9. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อนุโมทนา สาธุ กับ ทุก ๆ ท่านด้วยครับ

    บริจาคโลหิต อานิสงส์เมื่อตอนเปลี่ยนภพจะได้ไปอยู่ดาวดึงส์
    บริจาคร่างกาย อานิสงส์คงไม่น้อยกว่ากันสักเท่าไหร่
     
  10. พระธีรธรรมโม

    พระธีรธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +109
    อภิมหากุศลโดยแท้
     
  11. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,674
    อนุโมทนาทุกท่านค่ะ

    ตอนนี้ยังไม่ได้บริจาคเลยค่ะ แต่มีความปรารถนาจะบริจาคร่างกาย ...คงต้องคุยกับพ่อแม่ก่อนค่ะ

    ^-^
     
  12. กุสินารา

    กุสินารา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +282
    บริจาคแล้วเมื่อประมาณปี 47 ค่ะ บริจาคที่สภากาชาดไทยค่ะ เพราะคิดว่าร่างกายนี้ถ้าตายแล้วยังใช้ประโยชน์ได้น่าจะให้ผู้ือื่นที่เขาต้องการ
    เพื่อให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นค่ะ การบริจาคแบ่งเป็นสองส่วนค่ะ คือ บริจาคอวัยวะส่วนหนึ่ง และดวงตาอีกส่วนหนึ่ง ทางสภากาชาดจะออกบัตรประจำตัวให้เรา โดยส่วนที่บริจาคอวัยวะนั้นก็จะ
    แบ่งเป็น หัวใจ ปอด ตับ ไต หัวใจ(เพื่อนำลิ้นหัวใจไปใช้ประโยชน์) และอวัยวะ
    ทุกส่วนของร่างกายที่ใช้ประโยชน์ได้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะบริจาคเฉพาะส่วน หรือบริจาคอวัยวะทั้งหมด เราก็เลืิอกจะบริจาคหมดเลยทั้งดวงตาและอวัยวะ (สองส่วนนี้บริจาคคนละแผนกกันค่ะ) โดยเราควรจะบอกกับคนที่
    บ้านของเราด้วย เพื่อว่าเขาจะได้รู้ความต้องการของเราและรีบแจ้งทางสภากา
    ชาดหากเราตายนะค่ะ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่บริจาคอวัยวะด้วยค่ะ
     
  13. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ในพระไตยปิฎกกล่าวไว้ว่า ผู้ที่จะเป็นพระอรหันต์ในการข้างหน้า ต้องมีการสร้างอานิสงส์บารมีของการให้อวัยวะไว้

    และสำหรับการที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องมีการสร้างบารมีของการให้ชีวิตได้
    การให้ชีวิตหมายถึง ร่างกายที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตายแล้วให้แบบบริจาคร่างกายนะ แบบนี้ได้บุญเหมือนกัน แต่ยังไม่เท่าบริจาคโลหิตเลย เพราะตอนที่เขาดูดเลือดเอาไปเรายังมีชีวิตอยู่ แต่ถ้าตายไปแล้วเขาควักอวัยวะอะไร ๆ ไป ก็ไม่รู้เรื่อง

    ผมเคยจะให้ไตแม่ข้างหนึ่ง แต่แม่ไม่เอา เพราะแม่แก่แล้ว แต่ตอนนั้นเรายังหนุ่มอยู่แม่ก็กลัวว่าเราจะลำบาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2008
  14. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  15. karnjanikarn

    karnjanikarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +129
    ก่อนอื่นรักต้องขออนุโมทนากับพี่เกสรซ์และทุกๆท่านด้วยนะคะ ทั้งท่านที่บริจาคร่ายกายและอวัยวะแล้ว และกับทั้งท่านที่ตั้งใจไว้ด้วยค่ะ
    สาธุ สาธุ สาธุ

    สถานที่ๆรับบริจาคร่างกายและอวัยวะมีอยู่หลายที่เหมือนกันค่ะพี่เกสรซ์
    แต่ที่หลักๆโดยส่วนมากก็จะเป็นที่สภากาชาดไทย และก็ที่รพ.ศิริราช แผนกกายวิภาค(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ต่างจังหวัดก็มีด้วยค่ะ
    การบริจาคนั้นก็แล้วแต่เราค่ะว่าจะเลือกบริจาคส่วนใด สำหรับรัก..มีบัตร2ใบค่ะ ใบนึงเป็นบริจาคดวงตา อีกใบเป็นบริจาคอวัยวะค่ะ(ทำพร้อมกัน)

    [​IMG]

    การบริจาคอวัยวะนั้น ก็จะมีแบบฟอร์มให้กรอกเพื่อแจ้งความประสงค์
    จากนั้นเราก็จะได้บัตรมาไว้กับตัว โดยให้เราเขียนระบุที่อยู่และเบอร์ติดต่อญาติไว้ที่ด้านหลังบัตรค่ะ
    กรณีบริจาคอวัยวะจะมีช่องให้เราติ๊กลงไปค่ะ ที่จะมีระบุให้เราต้องติ๊กก็มีรายการดังต่อไปนี้นะคะ
    _หัวใจ _ปอด _ตับ _ไต _หัวใจ(เพื่อนำลิ้นหัวใจไปใช้ประโยชน์) _อวัยวะทุกส่วนของร่างกายที่ใช้เป็นประโยชน์ได้
    สาเหตุที่มีไว้ให้เราติ๊ก ก็เพื่อที่ว่าหากอวัยวะส่วนใดยังใช้ประโยชน์ได้ เค้าก็จะนำไปใช้ประโยชน์ให้กับผู้ที่ยังมีชีวิตที่รอรับการบริจาคน่ะค่ะ

    ส่วนรายละเอียดเรื่องการเป็นอาจารย์ใหญ่นั้น รักได้ดูจากรายการ "กบนอกกะลา" ก็พอทำให้อธิบายคร่าวๆได้ดังนี้ค่ะ
    เค้าก็บอกว่าไม่เสมอไปนะคะที่เราจะได้เป็นอาจารย์ใหญ่ เพราะจะพิจารณาจากหลายๆด้านเหมือนกันค่ะ
    เช่น ร่างของผู้บริจาคที่เสียชีวิตแล้วนั้นสมบูรณ์หรือไม่ ถ้าร่างผอมเกินไปก็ใช้ไม่ได้ หรือมีการแตกหักของกระดูกก็ใช้ไม่ได้เช่นกันค่ะ
    รวมถึงกับบางร่างที่เสียชีวิตด้วยโรคบางโรคที่ไม่สามารถนำไปใช้ในการเรียนได้
    กรณีบางร่างที่เสียชีวิตก่อนอายุ50-55 ปี ก็จะนำไปผ่านกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ทำให้เหลือแต่กระดูก
    แล้วนำกระดูกนั้นมาร้อยขึ้นเป็นโครงร่างใหม่อีกครั้ง เพื่อนำไปให้นศ.แพทย์ได้เรียน ซึ่งจะต้องใช้เวลาเรียนนานมากถึง10 ปีเลยนะคะ

    เมื่อเราเสียชีวิตแล้ว..ญาติหรือผู้ใกล้ชิดเราต้องแจ้งไปยังเบอร์กลางที่ระบุไว้หลังบัตรค่ะ ถ้าของสภากาชาดก็ 1666 / 0-2256-4045-6
    จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำเอกสารแบบฟอร์มของร่างนั้นไปถึงที่ แล้วจะฉีดฟอร์มาลีนที่มีส่วนผสมพิเศษต่างจากฟอร์มาลีนที่ใช้ฉีดกันโดยทั่วไปให้ค่ะ
    เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ร่างนั้นแข็งตัว แล้วจะอนุญาตให้ญาตินำร่างนั้นไปบำเพ็ญกุศลได้ตามปกติค่ะ(แต่ไม่เกิน24ชม.)

    จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่นำรถไปเพื่อขอรับร่างค่ะ กรณีของร่างที่จะนำไปเป็นอาจารย์ใหญ่
    เค้าก็จะนำร่างไปผ่านกระบวนการตามขั้นตอนก่อนที่จะนำร่างนั้นลงแช่ในน้ำยาเพื่อคงสภาพร่างไว้
    ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน - 1 ปีค่ะ แล้วก็ส่งไปตามรพ.ต่างๆเพื่อให้นศ.แพทย์ได้เรียนกัน
    เมื่อนศ.แพทย์เรียนจบ ทางรพ.หรือสภากาชาด ก็จะทำการติดต่อกลับไปยังญาติอีกครั้งค่ะเพื่อแจ้งกำหนดการงานพิธีพระราชทานเพลิงศพ
    โดยที่ญาตินั้นสามารถแจ้งความประสงค์ เพื่อขอรับร่างไปบำเพ็ญกุศลเอง หรือจะให้ทางรพ.หรือสภากาชาดทำพิธีฌาปนกิจให้ก็ได้ค่ะ

    ในวันที่มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ จะเป็นช่วงเวลาที่ญาติของร่างอาจารย์ใหญ่กับนศ.แพทย์นั้นจะได้พบกันเป็นครั้งแรก
    เพื่อเป็นการแสดงมุทิตาจิตของนศ.แพทย์กับญาติและคนใกล้ชิดของร่างอาจารย์ใหญ่ค่ะ
    ซึ่งถือเป็นประเพณีปฎิบัติสืบต่อกันมาเพื่อสานสายใยความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่าง อาจารย์ใหญ่ นศ.แพทย์ และญาติค่ะ

    คร่าว ๆ เท่าที่รักพอจะทราบก็เท่านี้ล่ะค่ะ อาจมีตกหล่นไปบ้างในรายละเอียด รักก็ต้องขออภัยทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
    ขอสาธุค่ะ

    กัลชณิกานติ์ ธีรสุชานันท์
    รัก.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC06973.l.jpg
      DSC06973.l.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.4 KB
      เปิดดู:
      9,924
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  16. nongyao

    nongyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +346
    ขอโพสที่คุณดาราสวัสดิ์ได้ลงไว้ ละเอียดดีมาก
    ดิฉันก็บริจาคดวงตาและอวัยวะไว้แล้วค่ะ มีข้อมูล รายละเอียด ตามนี้ค่ะ

    *แบบฟอร์ม บริจาคดวงตา+บริจาคอวัยวะ+บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

    1)ใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตา (ผ่านระบบเครือข่าย)
    http://www.redcross.or.th/donation/eye_donate_form.php4

    ใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตา (PDF)
    http://www.redcross.or.th/donation/eye_donation_form.pdf

    แบบฟอร์มใบสำคัญแสดงการยินยอมมอบดวงตาให้สภากาชาดไทย (PDF)
    http://www.redcross.or.th/donation/eye_donate_agreement_form.pdf

    บริจาคดวงตา
    คุณประโยชน์
    ช่วยผู้ป่วยกระจกตาพิการ ซึ่งอาจแบ่งเป็น
    - กระจกตาขุ่นเป็นฝ้าขาว เช่น เป็นแผลเป็น หรือกระจกตาบวมจากอุบัติเหตุสารเคมี การติดเชื้อ โรคกระจกตาที่เป็นแต่กำเนิด เป็นต้น
    - กระจกตามีความโค้งนูนผิดปกติ
    - กรณีฉุกเฉิน เช่น เป็นโรคติดเชื้อรุนแรง ไม่สามารถควบคุมด้วยการใช้ยารักษาได้ หรือรายที่กระจกตากำลังทะลุ หรือทะลุแล้ว สาเหตุใดก็ตาม ต้องรีบตัดกระจกตาส่วนที่ติดเชื้อ แล้วใส่กระจกตาบริจาคแทนที่เพื่อรักษาดวงตาไว้ก่อน
    - ทำเพื่อความสวยงามเป็นการทำให้ฝ้าขาวที่ตาดำหายไปโดยไม่คำนึงว่ามองเห็นหรือไม่ วิธีนี้ไม่นิยมทำในเมืองไทย เพราะดวงตาบริจาคมีน้อย จำเป็นต้องเก็บไว้ทำการผ่าตัดให้ผู้ที่ทำแล้วจะทำให้เห็นดีขึ้นเท่านั้น

    วิธีการ
    ภายหลังถึงแก่กรรม ดวงตาจะเริ่มเสื่อมคุณภาพและเน่าเปื่อยเหมือนอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นจำเป็นต้องรีบเก็บดวงตาให้เร็วที่สุด อย่างช้าไม่ควรเกิน 6 ชั่วโมง ถ้าช้าเกินไปดวงตาจะใช้ไม่ได้ และไม่ควรอนุญาตให้ฉีดน้ำยากันเน่าเปื่อยของศพ ก่อนที่จะผ่าตัดเก็บดวงตา
    ขั้นตอนการแสดงความจำนงอุทิศดวงตา
    1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตาให้ชัดเจน
    2. เมื่อศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย ได้รับใบแสดงความจำนงอุทิศดวงตาจากท่านแล้ว ศูนย์ฯจะส่งบัตรประจำตัวให้ตามที่อยู่ที่ระบุไว้
    3. หากย้ายที่อยู่หรือเปลี่ยนสถานภาพใดๆ กรุณาแจ้งศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
    ข้อควรปฏิบัติภายหลังการอุทิศดวงตา
    1. แจ้งสมาชิกในครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดให้รับทราบ
    2. เก็บบัตรอุทิศดวงตาไว้กับตัวหรือในที่หาง่าย
    3. ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ควรปรึกษาจักษุแพทย์

    สถานที่ติดต่อ
    ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย
    อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฒโน) ชั้น 7
    ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
    โทรศัพท์ 0-2252-8131-9 , 0-2258-8181-9, 0-2256-4039 และ 0-2256-4040
    ต่อศูนย์ดวงตา ตลอด 24 ชั่งโมง
    E-mail: eyebank@redcross.or.th
    **************************************************

    2)ใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ (PDF)
    http://www.organdonate.in.th/asp/donate.asp( ลิงค์นี้ใช้ได้ครับ)

    บริจาคอวัยวะ
    คุณประโยชน์
    ปัจจุบันมีผู้ป่วยในระยะสุดท้ายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่ทุกข์ทรมานจากการที่อวัยวะสำคัญ เช่น หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด ฯลฯ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ วิธีรักษาทางการแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยเหล่านี้ คือ การปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ ด้วยอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธา ซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาคอวัยวะของบุคคลนั้น เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นมาปลูกถ่าย จึงจะช่วยให้ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายมีชีวิตอยู่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและสังคมต่อไปได้
    อวัยวะใหม่ที่สามารถนำมาปลูกถ่าย ได้แก่ หัวใจ, ตับ, ไต, ปอด, ตับอ่อน, กระดูก ฯลฯ ซึ่งได้มาจากการนำอวัยวะใหม่เปลี่ยนแทนอวัยวะเดิมที่เสื่อมสภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ และการผ่าตัดนั้นจะเป็นการช่วยชีวิตผู้ป่วยในระยะสุดท้าย เพื่อให้อวัยวะใหม่นั้นทำงานแทนอวัยวะเดิม

    ขั้นตอนการบริจาค
    1. กรอกรายละเอียดในใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้ชัดเจน ที่อยู่ควรจะตรงกับทะเบียนบ้าน (หากต้องการให้ส่งบัตรประจำตัวไปยังสถานที่อื่น กรุณาระบุ)
    2. พิมพ์ใบแสดงความจำนงบริจาค ส่งเอกสารมายังศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ตามที่อยู่ด้านล่าง และเมื่อศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ได้รับใบแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะของท่านแล้ว ศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ จะส่งบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะให้ตามที่อยู่ที่ได้ระบุไว้
    3. หลังจากที่ท่านได้รับบัตรประจำตัวผู้มีความจำนงบริจาคอวัยวะจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ แล้ว อย่าลืมกรอกชื่อ และรายละเอียดการบริจาคลงในบัตร
    4. กรุณาเก็บบัตรประจำตัวผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้กับตัวท่าน หากสูญหายกรุณาติดต่อกับศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย

    คุณสมบัติของผู้บริจาคอวัยวะ
    1. ผู้บริจาคอวัยวะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี
    2. เสียชีวิตจากสภาวะสมองตายด้วยสาเหตุต่าง ๆ
    3. ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
    4. ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
    5. อวัยวะที่จะนำไปปลูกถ่ายต้องทำงานได้ดี
    6. ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
    7. กรุณาแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลในครอบครัวหรือญาติให้รับทราบด้วย

    สถานที่ติดต่อ
    ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย
    อาคารเทิดพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร (เจริญ สุวฑฺฒโน) ชั้น 5
    ถ.อังรีดูนังต์ ปทุมวัน
    กรุงเทพฯ 10330
    โทร. 1666
    **************************************************

    3)ใบแสดงความจำนงบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ (PDF)
    http://www.redcross.or.th/donation/self_donation_form.pdf

    บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์
    การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่ ด้วยการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาการให้ หรือ การบริจาคย่อมทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้ให้มีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้เสียสละ ผู้รับมีความสุข ที่ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุดที่ตนเองยังขาดแคลน
    การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา ผู้บริจาคเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ยอมสละร่างกายของตนเอง ให้ผู้ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนได้ศึกษาโดยเพียงแต่มุ่งหวังว่า ผู้ที่ศึกษาร่างของตนจะนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปช่วยมวลมนุษย์ชาติต่อไป ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาได้สร้างกุศลทานครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยได้แต่หวังว่า ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วย ตนเองมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดใด นอกจากได้เป็นผู้"ให้"เท่านั้น

    คุณประโยชน์
    การอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา เป็นการสร้างประโยชน์ทั้งด้านวิชาการ ด้านสาธารณสุข ด้านจริยธรรมและการเสริมสร้างสังคมอันจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดีต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในการศึกษาทางการแพทย์บุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากร่างกายของมนุษย์เพื่อเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต
    การศึกษาจากร่างกายผู้อุทิศร่างกาย ใช้ประโยชน์หลายกรณี อาทิเช่น
    1. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตแพทย์
    2. เพื่อใช้ในการศึกษาของแพทย์เฉพาะทาง
    3. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษาพยาบาล
    4. เพื่อใช้ในการศึกษาของนิสิตเทคนิคการแพทย์
    5. เพื่อใช้ในการศึกษาของนักศึกษารังสีเทคนิค
    6. เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยทางการแพทย์
    7. เพื่อใช้ในการจัดทำพิพิธภัณฑ์กายวิภาคศาสตร์

    วิธีการ
    ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายสามารถยื่นความจำนงได้ 2 แบบ คือ
    1. ยื่นความจำนงโดยตรงที่ ฝ่ายอุทิศร่างกาย แผนกเลขานุการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    โดยกรอกข้อความ ตามแบบฟอร์ม ทั้ง 3 ฉบับ เก็บไว้ที่ผู้อุทิศร่างกาย 1 ฉบับพร้อมทั้ง ใบประกาศของโรง
    พยาบาล 1 ฉบับ และให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ 2 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะออกบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ไว้เป็นหลักฐาน
    2. ยื่นความจำนงทางไปรษณีย์ โดยกรอกข้อความในใบอุทิศร่างกายทั้ง 3 ฉบับ แล้วส่งมา
    ทางไปรษณีย์ 2 ฉบับ เจ้าหน้าที่จะส่งบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายให้ภายหลัง
    เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม ทายาท มีสิทธิ์คัดค้านไม่มอบศพให้กับโรงพยาบาลได้โดยต้องแจ้ง
    การคัดค้านไม่มอบศพกับโรงพยาบาลฯภายใน 24 ชั่วโมง
    เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม และทายาทผู้รับมรดกยินยอมพร้อมใจกันจะมอบศพให้โรงพยาบาลฯ
    ขอให้ติดต่อโรงพยาบาลฯเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ไปรับศพ โดยเจ้าหน้าที่จะให้กรอกใบสำคัญยินยอมมอบศพให้
    โรงพยาบาลเพื่อการศึกษาไว้เป็นหลักฐาน

    โดยติดต่อแจ้งการรับศพได้ที่
    1. ในเวลาราชการติดต่อที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ หมายเลขโทรศัพท์
    2564281 หรือ 2527028 หรือ 2528181-9 ต่อ 3247
    2. นอกเวลาราชการติดต่อที่ ตึกห้องพักศพ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรับศพ หมายเลขโทรศัพท์
    2564317
    โรงพยาบาลจะสามารถรับร่างของผู้อุทิศร่างกายได้ก็ต่อเมื่อ มีใบมรณบัตรซึ่งออกโดย นายทะเบียน
    ท้องถิ่นที่ผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรมแล้วเท่านั้น
    โรงพยาบาลจะจัดเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกายเฉพาะที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
    เมื่อโรงพยาบาลรับร่างผู้อุทิศร่างกายมาแล้ว ไม่สามารถอนุญาตให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศล
    ก่อน เพราะจะทำให้ไม่อยู่ในสภาพที่เหมาะสมสำหรับการศึกษา
    เมื่อเจ้าหน้าที่ไปรับร่างผู้อุทิศร่างกาย ทายาทควรให้ที่อยู่ที่ติดต่อได้สะดวกที่สุดไว้กับเจ้าหน้าที่
    เพื่อให้สามารถติดต่อได้เมื่อนิสิตศึกษาร่างผู้อุทิศร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้วและหากมีการเปลี่ยนแปลงที่
    อยู่ต้องแจ้งให้ทราบ

    ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ จะจัดให้มีการศึกษาร่างของผู้อุทิศร่างกายในกรณีต่างๆต่อไปนี้ ตามความ
    เหมาะสม
    1. เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน
    2. เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
    เมื่อฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ศึกษาร่างผู้อุทิศฯศึกษาเรียบร้อยแล้ว
    จะมีคณะกรรมการดำเนินการจัดงานฌาปนกิจ และขอพระราชทานเพลิงศพ (เป็นกรณีพิเศษ)

    คุณสมบัติของผู้บริจาค
    ผู้มีความประสงค์อุทิศร่างกายต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป กรณีที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับความ
    ยินยอมจากผู้ปกครองเป็นลายลักษณ์อักษร
    โรงพยาบาลจะไม่รับศพผู้อุทิศร่างกายในกรณีดังนี้
    - ถึงแก่กรรมเกิน 24 ชั่วโมง ยกเว้นได้เก็บไว้ในห้องเย็นของโรงพยาบาล
    - ผู้อุทิศร่างกายที่ได้รับการผ่าตัด หรือมีรอยเสียหายจากอุบัติเหตุ บริเวณศีรษะและสมอง
    - ผู้อุทิศร่างกายที่ถึงแก่กรรมจากสาเหตุจากโรคมะเร็งบริเวณศีรษะและ สมอง หรือติดเชื้อ โรคร้ายแรงเช่น เอดส์ ไวรัสลงตับ และวัณโรค
    - ผู้อุทิศร่างกายที่มีคดี เกี่ยวข้องกับคดี หรือมีการผ่าพิสูจน์ ยกเว้นการผ่าพิสูจน์บริเวณช่องท้องที่แพทย์นำไปใช้ในทางการศึกษาทางการแพทย์เท่านั้น
    - ผู้อุทิศฯที่ผ่านกระบวนการเก็บรักษาด้วยน้ำยาแล้ว
    ในกรณีที่รับร่างผู้อุทิศฯมาแล้ว มีการตรวจพบว่าอยู่ในกรณีดังกว่าวข้างต้น โรงพยาบาลจะติดต่อญาติให้นำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

    สถานที่ติดต่อ
    ฝ่ายเลขานุการ ตึกอำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
    เขตปทุมวัน กทม. 10330 ในวัน เวลาราชการ
    หลักฐานที่ต้องเตรียมมามีดังนี้
    1. รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป
    2. สำเนาบัตรประชาชน หรือ สำเนาบัตรข้าราชการ
    3. สำเนาทะเบียนบ้าน

     
  17. nongyao

    nongyao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    321
    ค่าพลัง:
    +346
    ขอเพิ่มเติมอีกนิดค่ะ
    ปัจจุบันการบริจาคร่างกายไม่จำเป็นต้องเขียนเป็นรายลักษณ์อักษร ไม่ต้องกรอกข้อความแจ้งความจำนงค์ในการบริจาคไว้ก็ได้ เมื่อมีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิต ในทันทีคนที่เป็นสามี พ่อ แม่ ลูก สามารถโทรไปยังสภากาชาดไทยแจ้งความจำนงค์ขอบริจาคอวัยวะของผู้วายชน เจ้าหน้าที่ก็จะเดินทางมารับอวัยวะภายในเวลาไม่กี่นาที รวดเร็วมาก เมื่อครั้งลูกชายของเราเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เราก็รีบโทรไป เจ้าหน้าที่ก็รีบมารับดวงตาของลูกไป และในวันรุ่งขึ้นก็จะมีพวงหรีดของสภากาชาดมาตั้งให้ และมีหนังสือประกาศขอบคุณมาด้วย และทางสภากาชาดก็จะออกหนังสือให้เราเป็นทายาทรับการรักษาฟรีที่รพ.จุฬา เราจะได้รับใบประกาศนียบัตรการบริจาคดวงตาของลูกจากพระเทพฯ และทุกๆปีจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้บริจาคอวัยวะ โดยมีพระเทพฯเป็นองค์ประทาน รู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณกาชาดมากๆที่มีน้ำใจและถือเป็นเกียรติ์อย่างสูงสุด
    <!-- / message -->
     
  18. karnjanikarn

    karnjanikarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +129
    ขอโมทนากับคุณnongyaoด้วยค่ะ เป็นประโยชน์ต่อหลายๆท่านมากๆเลยค่ะ และขอแสดงความเสียใจเรื่องลูกชายด้วยนะคะ
     
  19. กตัญญุตา

    กตัญญุตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +109
    ผมก็บริจาคแล้วที่ศิริราช ขอโมทนาทุกท่านครับที่มีจิตใจเจตนารมณ์ที่งดงาม
     
  20. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ผมกะบริจาคเลือดทุกๆเดือนด้วยครับ ไม่ก็สอง หรือ สามเดือนครั้งคงจะดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...