ใครจำความรู้สึกแวบแรกที่รู้ตัวว่ามาเกิดในร่างนี้ได้บ้าง?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย บารมีสิบ, 26 เมษายน 2016.

  1. บารมีสิบ

    บารมีสิบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +63
    [​IMG]

    ใครจำความรู้สึกแวบแรกที่รู้ตัวว่ามาเกิดในร่างนี้ได้บ้างครับ. รู้สึกอย่างไร?

    ..........................................................
    ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างศาลาพญานาคราช
    https://m.facebook.com/groups/1407226696238306?view=permalink&id=1535378543423120
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  2. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,089
    ค่าพลัง:
    +3,394
    รู้สึกตัวครั้งแรกตอนเรียนอนุบาล1อะครับ กำลังหลับเลย อายุ 3-4 ขวบละมั้ง เรื่องก่อนหน้าจำไม่ได้เลย
     
  3. บารมีสิบ

    บารมีสิบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +63
    ครั้งแรกที่ผมรู้ตัวว่ามาเกิดในร่างนี้รู้สึกเหมือนติดคุก . รู้สึกแค่ว่าโดนขังอยู่ในร่างนี้ไปใหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ พูดไม่ได้ รู้สึกเป็นทุกข์ก็เลยร้องให้ออกมา จากนั้นจึงค่อยๆ มองดูรอบข้างค่อยๆยอมรับว่า เราคงโดนขังอยู่ที่นี่แน่แล้วคงไปใหนไม่ได้ แต่ก็คิดว่าสักวันเราจะออกจากคุกที่ขังเรานี้ให้ได้ พอทำใจยอมรับได้เท่านั้นความรู้สึกก็ดับวูบลงไปอีกครั้งแล้วก็ค่อยๆ จำความได้แบบเด็กทั่วไปที่ค่อยๆโต ...อันที่จริงผมจำได้ตั้งแต่ว่ายังไม่เกิด คือรู้ตัวว่าเราตายยังไงมายังไง ไม่ใช่การระรึกชาติแต่เป็นความจำที่จำได้ไม่มีวันลืมเหมือนเรื่องเมื่อวานนี้..ไม่ทราบจะมีใครที่จำได้เหมือนผมมั้ยครับ ลองเล่าให้ฟังหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  4. บารมีสิบ

    บารมีสิบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +63
    เคยคิดอยากเขียนเล่าให้คนฟังเหมือนกันถึงเหตการณ์ตอนที่เราตายจากชาติที่แล้วจนมาเกิดชาตินี้เรามายังไง คิดว่าคงมีบางคนที่อาจจำได้เหมือนผม
     
  5. jarujun

    jarujun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2013
    โพสต์:
    3,285
    ค่าพลัง:
    +11,833
    จำตอนก่อนเกิด ที่จิตตกสู่ท้องแม่ได้
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    อยากฟังมากเลยค่ะ เคยจำได้ครั้งแรกตอนนอนแบเบาะอยู่ในอู่เปล ตอนนั้นรู้ว่าเป็นงานศพของย่า เป็นการจำได้ครั้งแรกตอนที่มาเกิดค่ะ ถ้ากรณีของท่านไม่ได้เรียกว่า ระลึกชาติได้ น่าจะเป็นสติสัมชัญญะที่ต่อเนื่องกันมา เคยอ่านในพระไตรปิฏก อยู่ข้อหนึ่ง ที่ได้กล่าวไว้ว่า...ผู้ทีมีสติสัมปชัญญะตลอดเวลากฎธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ๑๖ ประการ๑
    [๑๗] ๑. ภิกษุทั้งหลาย พระวิปัสสีโพธิสัตว์๒ ทรงมีสติสัมปชัญญะตลอด
    ตั้งแต่จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตจนถึงเสด็จลงสู่พระครรภ์ของพระมารดา
    ข้อนี้เป็นกฎธรรมดาในเรื่องนี้ พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [๑. มหาปทานสูตร]
     
  7. Higtmax

    Higtmax เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    2,324
    ค่าพลัง:
    +4,774
    รู้สึกเหมือนอยู่ใน ถ้ำ หรือใต้ดิน ที่ไหนสักแห่ง แล้วก็วูบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  8. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ความทรงจำแรกๆ เลย
    เหมือนเป็นทารก แต่จำไม่ได้หรอกว่า อายุประมาณไหน แต่น่าจะขวบหรือไม่เกินสองขวบ คือรู้แต่ว่าแบเบาะแม่อุ้มอยู่ แต่ความทรงจำแว่บแรกมันไม่ได้อยู่ในร่างกาย มันเป็นเห็นร่างตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ และเห็นตัวเองถูกอุ้มในอ้อมแขนของคุณแม่ คุณพ่อกำลังขับรถอยู่ แค่แว่บเดียว

    ส่วนที่ระลึกชาตินี้ ขณะที่ร่างกายทารกจะคลอด คืนในวันที่จะคลอดยังเป็นเทวดาเหาะลงมาอยู่เหนือสถานที่ที่จะคลอด (แต่ว่า เวลาของมิติโลกและสวรรค์มันอาจจะเหลื่อมกันได้ ทำให้เทวดาอาจรู้เฉพาะการจุติ)

    แต่เพื่อนผมอีกคน เค้าว่าความทรงจำตอนได้รับพุทธพยากรณ์นั้น เค้าจำได้แบบเห็นภาพชัดแต่เด็ก ฟังเหมือนทรงจำหรือระลึกได้แต่ในครรภ์ สาธุ อนุโมทนา ท่านนิตยโพธิสัตว์
     
  9. บารมี 10

    บารมี 10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    444
    ค่าพลัง:
    +1,071
    - รู้สึกตอนเกิดว่าเห็นแสงที่ค่อยๆ สว่างมากขึ้นจนขาวไปหมด

    - รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนเห็นร่างกายตัวเองเป็นเด็กทารกนอนในอ้อมกอดแม่ขยับตัวลำบากมากได้แต่นอนมองดูหลอดไฟนีออนบนเพดานบ้าน

    - ในขณะนั้นเหมือนจิตจับหลอดไฟจนเป็นสมาธิแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วมาก

    - รู้สึกตัวเองอีกครั้งเมื่อเริ่มเป็นเด็กวิ่งเล่นได้แล้วครับ
     
  10. บารมีสิบ

    บารมีสิบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +63
    ตอนสุดท้ายที่ตายจากภพชาติก่อน. ตอนนั้นจำได้ว่าตัวเรายืนลอยอยู่กลางอากาสที่กว้างใหญ่มากหาขอบเขตไม่เจอ. เป็นอากาสที่สว่างมา . ตอนนั้นยืนลอยอยู่นิ่งๆ ด้วยความเศร้าหมองเพราะรู้ว่ากำลังจะตาย เป็นธรรมดาสรรพสัตเมื่อรู้ตัวว่าจะตายก็มีความเศร้าไม่ว่าจะสัตน้อยใหญ่แค่ใหน. เราก็มีความเศร้าที่ยืนรอความตายอยู่ตรงนั้น. แต่ผมมาเองนะครับไม่มีใครควบคุมเหมือนกับที่เขียนในหนังสือ ไม่มีคนควบคุม. เรายืนรอความตายคนเดียว เราเลือกจะมาเองรู้ตัวทุกอย่างถึงวันเวลาที่เราจะต้องไป.
    พอถึงเวลาตายต้องเปลี่ยนภพชาติ อยู่ดีๆ อากาสตรงข้างล่างใต้เท้าผมมันก็ยุบลงกลายเป็นเหมือนน้ำวน เป็นหลุมใหญ่หมุนด้วยความเร็วมากเหมือนเรายืนอยู่กลางตาพายุ แต่มันเป็นหลุมที่สวยงามนะครับเพราะมีแสงรัสมีพุ่งขึ้นมาหลากหลายสีนับไม่ได้ว่ากี่สี เหมือนประกายสีรุ้งที่พวยพุ่งออกมา ตอนนั้นก็รู้ตัวแล้วว่าถึงเวลาไปแล้ว. จากนั้นไม่นานก็โดนดูดลงไปในท่อน้ำวนสีรุ้งนั้น . ตอนแรกที่โดนดูดลงไปคืิอแบบหัวทิ่มลงไปเลยตอนช่วงแรกยังรู้สึกตัวดี แต่พอมาช่วงปลายความรู้สึกก็ดับวูบลง. แต่ก่อนที่ทุกสิ่งจะดับลงจะเห็นเป็นม่านสีขาวข้างหน้าก่อนหรือเหมือนกับลูกไฟใหญ่ๆข้างหน้า. ซึ่งก็ระรึกรู้อีกว่าถ้าเราก้าวข้ามม่านแสงข้างหน้าไปได้ก็ตายจริงๆ พอผ่านม่านแสงใหญ่ๆ ไปได้ทุกอย่างก็ดับวูบลง คาดว่าตอนนี้คงมาเกิดแล้วความรู้สึกจึงดับลงชั่วครู่

    จากนั้นมารู้สึกตัวอีกทีอยู่ในร่างเด็กนี้แล้ว ครั้งแรกที่ผมรู้ตัวว่ามาเกิดในร่างนี้รู้สึกถึงความทุกก่อนอย่างแรก รู้สึกเหมือนติดคุก . รู้สึกว่าโดนขังอยู่ในร่างนี้ไปใหนไม่ได้ พูดไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ หมดอิสระ รู้สึกเป็นทุกข์ก็เลยร้องให้ออกมา พอแม่ได้ยินเสียงเราร้องให้ก็ชะโงกหน้ามาดูว่าเราเป็นอะไร. ตอนนั้นจึงได้มองหน้าว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแล้วคิดในใจว่าเราต้องอยู่ที่นี่ใช่ใหม.....จากนั้นจึงค่อยๆ มองดูรอบข้างแล้วคิดว่า เราคงโดนขังอยู่ที่นี่แน่แล้วคงไปใหนไม่ได้ แต่ก็คิดว่าสักวันเราจะออกจากคุก(ร่างกาย)ที่ขังเรานี้ให้ได้ พอทำใจยอมรับได้เท่านั้นความรู้สึกก็ดับวูบลงไปอีกครั้งแล้วก็ค่อยๆ จำความได้แบบเด็กทั่วไปที่ค่อยๆโต ...
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2016
  11. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    977
    ค่าพลัง:
    +3,498
    เคยมีคนพูดถึงความรู้สึกอบอุ่นดุจเหมือนอยู่ในครรภ์มารดา ผมคงจำอะไรไม่ได้ขนาดนั้นหรอกครับว่ารู้สึกอย่างไร สมองคงยังไม่พัฒนาถึงขั้นจดจำอะไรได้รวดเร็วปานนั้น แต่เคยฝันว่าอบอุ่นไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไปมีความสุขดุจนอนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ในสรวงสวรรค์ ความฝันนี้เกิดขึ้นก่อนผมได้ยินคำข้างต้นครับ (อย่าถามผมนะว่าสวรรค์นั้นเป็นอย่างไร) sleeping_rb
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    อนุโมทนาค่ะ ได้อ่านความระลึกได้จากการเปลี่ยนภพชาติตามที่ท่านบรรยายมาและเห็นรูปภาพการหมุนวนรอบตัวเองแล้วม้วนเข้าหาจุดศูนย์ และจากจุดศูนย์กลางแล้ววนออกไปรอบนอกและม้วนกลับเข้าหาจุดศูนย์กลางเป็นอย่างนี้เสมอ เลยหาข้อมูลของการเกิดมาให้ค่ะเพื่อพิจารณาว่าเราเกิดกันอย่างไร

    จักรวาลไพศาลนี้เป็นสนามพลังงาน ที่ต้องหมุนวนรอบจุดศูนย์กลางตนเองอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งทุกอนุภาคเข้าหาจุดศูนย์กลางการหมุนหรือนิวเคลียสของรูปธรรมนั้นนั่นเอง และโลกธาตุนี้เป็นพลังงาน จิตวิญญาณเป็นเพียงแค่ธาตุพลังงาน ที่ไม่ใช่ตัวตน ก่อกำเนิดร่างกายเป็นตัวตนที่เห็นอยู่ด้วยธาตุทั้งหก คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ คือ ถ้านึกถึงภาพไข่ ธาตุทั้งสี่ดินน้ำลมไฟอยู่รอบนอกเป็นเปลือก ชั้นในใข่ขาวคือ อากาศธาตุ ชั้นในสุดไข่แดง คือ อนุภาคนิวเคลียส เปรียบเสมือนวิญญาณเข้ามาอาศัยในธาตุดินน้ำลมไฟ เพื่อก่อกำเนิดเป็นตัวตนขึ้นมา

    ตาพายุ...(อ้างอิงท่านธรรม-ชาติ ตอบไว้ในกระทู้ เพราะเหตุใดทางภาคอิสานจึงมีพระสุปฏิบันโน พระอริยเจ้ามากกว่าภาคอื่น)

    คือ สภาวะแห่งความเป็นธาตุ เป็นสภาวะที่มีสภาพชนิดหนึ่งเกิดขึ้นมา และถูกรู้สภาวะธาตุนั้น ๆ จะค่อย ๆ รวมกันหนาแน่นและเข้มข้นมากขึ้น จนเกิดแรง "รวมตัวสู่จุดศูนย์กลาง" สภาพการรวมตัว คล้ายกับผนังพายุ ณ ที่ตัวผนังพายุนั้น คือ การผสมผสานของสภาวะธาตุ ที่มีความเข้มข้น หนักเบาแตกต่างกัน "ปรุงแต่งเข้าหากัน" เมื่อการปรุงแต่ง มาถึงจุดหนึ่งแล้ว จะเกิด "ตาพายุ ณ ศูนย์กลางนั้น" แรงปรุงแต่งจะเพิ่มมากขึ้น โอภาส จะเริ่มกลายเป็น สีที่ผสมผสานกันไปมา รวมกันเป็น "ปรากฎการณ์ของรูป" เกิดการหมุนวน (สังขารา) เหมือนลักษณะตาน้ำ หรือ ตาพายุ ณ ใจกลางแห่ง "ตา" นั้น ภาพพจน์และแสงสีก่อกำเหนิดขึ้น (วิญญาณขันธ์) ซึ่งตัวพายุและตาพายุ คือ "ตัวดู" (อัตตาจิต)(ตัวกู)(ผู้รู้) นั่นเอง
     
  13. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    เพื่อจะได้เป็นกรณีศึกษาไปพิจารณา สำหรับจะศึกษาเรื่อง ใบไม้นอกกำมือ

    การเคลื่อนของ "กาย" ในมิติต่างๆ ในระหว่างกระบวนการจุติ ไม่ได้ต้องมีรูปแบบหมุนวนอย่างเดียว

    การจุติแบบไร้รูป ไม่มีการหมุนวน ประดุจกายหนึ่งอยู่ฟากหนึ่งของกระดาษ เมื่อจะจุติ ก็ดับลง ส่วนกระดาษอีกฟากก็มีกายขึ้นทันที อันนี้ ไม่มีระยะทาง ไม่มีระยะเวลา แต่จิตรับรู้ได้เอง ว่า กายใดดับ กายใดเกิด ไม่มีความเชื่อมต่อทางรูป แต่จิตมันรู้ ว่า สืบเนื่องมา แต่ไม่ใช่จิตดวงเดียวกัน แต่จิตมันสืบเนื่องกัน

    การจุติแบบมีรูป ไม่มีการหมุนวน เป็นแบบรูปแปรสภาพ ประดุจดังว่า กายใดกายหนึ่งเป็นดังน้ำแข็ง เกิดดับไป ให้ความรู้ว่าซ้อน ซ้อนในเทศะที่เดียวกันแต่คนละกาลมิติไปเสีย เกิดกายน้ำ และกายน้ำดับไป ต่อเมื่อกายน้ำดับไป ก็ในที่ซ้อนแห่งเทศะเดียงแต่อีกกาลมิติ เกิดกายไอน้ำ ....

    การจุติแบบประทับทรง เป็นรูปแบบจุติของการจุติแบบมีรูป จิตของกายที่ดับไป ก่อนจะดับไปครอบยังกายใหม่ที่เกิด ไม่มีส่วนแห่งรูปกายใด ไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่จิตมันเพ่งเล็งไป เหมือนเอาจิตลงไปประทับแบบมโน ว่ากายที่ดับไปไปประทับลง อย่างนี้ รูปกายของกายที่ดับไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วย

    การจุติแบบมีรูป ที่ปรากฏด้วยทั่วไป ที่รู้สึกหมุนวน เป็นการที่กาลมิติและเทศะแห่งกาลมิติ ใกล้เคียงกันมาก ธาตุของสองมิติใกล้กันมาก ธาตุละเอียดแห่งทั้งสองมิติมันกระทบกัน การเคลื่อนของรูปกายซ้อนในมิติที่เหลื่อม ลักษณะแห่งโลก เป็นโลกที่มีแรงดึงดูด ที่หมุนวนเข้าสู่ศุนย์กลาง ธาตุของรูปกาย ในกาลมิตินี้จึงมีลักษณะอย่างนั้น

    ผู้ที่เข้าฌาณ ๔ ลองฝึกการเหาะเหินด้วยกายทิพย์ กายทิพย์ที่ระดับจิต และฌาณที่แตกต่างกัน การเคลื่อนที่ของรูปกาย จะมีความแตกต่างกัน

    ถ้าจะถามต่อ ให้ถามคนที่เคยบอกในเว็ปว่า เป็นผู้ท่องอวกาศ น่าจะอธิบายได้ละเอียดกว่านี้
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,419
    ค่าพลัง:
    +3,195
    ก่อนผู้ที่ท่องอวกาศจะมาตอบ ขอผู้ที่ท่องมิติแห่งจิต(ความคิด) ขอบตอบก่อนค่ะ กางตำราตอบค่ะ

    การจุติแบบไร้รูป ไม่มีการหมุนวน ประดุจกายหนึ่งอยู่ฟากหนึ่งของกระดาษ เมื่อจะจุติ ก็ดับลง ส่วนกระดาษอีกฟากก็มีกายขึ้นทันที อันนี้ ไม่มีระยะทาง ไม่มีระยะเวลา ตรงส่วนนี้ที่เขาน่าจะเรียกว่า โอปาติกะ ใช่หรือเปล่าค่ะ

    ทีนี้เราจะมาพูดถึง การเคลื่อนในลักษณะหมุน นั้น เป็นการเคลื่อนแบบการสร้างสังขาร ในวงจรปฏิจจสมุทปบาท เพราะอวิชชา จึงมี สังขาร เช่น สังขารโลก สังขารขันธ์ เป็นต้น

    "อย่ายึดติดตัวตนรูปลักษณ์ใด ๆ เพราะมันคือ มายา" เงาหรือเปลือกนอกของแก่นแท้ที่กล่าวว่า มันเป็นมายา ก็เพราะว่ามันเป็น "เงา" หรือเปลือกนอกของแก่นแท้ที่แสดงให้เห็นว่า มันมีตัวตนแก่นแท้อยู่จริง ๆ ถ้าไม่มีตัวตนแก่นแท้อยู่จริง ๆ แล้ว มันจะปรากฎเงาหรือมายาของแก่นแท้ให้สัมผัสรู้ดูเห็นไม่ได้ มันจะเป็นอนุภาคที่มีมวลหรือ รูปธรรมที่เล็กละเอียดมากเสียจนไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ จะต้องมีการสั่นสะเทือนต่อเนื่องตลอดเวลา มันจะก่อให้เกิดพลังงานใหม่ขึ้นมา ที่ใช้เกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งอนุภาคของกันและกันไว้ การดำรงตัวตนที่มีมวลหยาบ ๆ อันเกิดจากอนุภาคเล็ก ๆ น้อย ๆ จำนวนมาก ถ้าหยุดการสั่นสะเทือนเมื่อใด การเกาะยึดติดกันก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ละอนุภาคจะแยกย้ายเป็นอิสระต่อกันไปทันที สิ่งที่เคยเห็นเป็นตัวตนมายาอยู่แต่เดิมก็จะสูญสลายหายไป .......

    การหยุดเคลื่อนไหลไปมา น่าจะหมายถึง การหยุดปรุงแต่ง เป็นสังขาร ตราบใดที่มีอวิชชา ก็ยังหยุดการหมุนปรุงแต่งไม่ได้

    และที่ท่าน ณ ฉัตรว่า การการจุติแบบมีรูป ไม่มีการหมุนวน เป็นแบบรูปแปรสภาพ ประดุจดังว่า กายใดกายหนึ่งเป็นดังน้ำแข็ง เกิดดับไป ให้ความรู้ว่าซ้อน ซ้อนในเทศะที่เดียวกันแต่คนละกาลมิติไป ฯ

    ลักษณะการที่หมุนวนที่ต้องการสื่อนี้ เป็นลักษณะของ ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในดำรงอยู่ในสนามพลังงานนี้ ก็คือ อนุภาคพลังงานซึ่งมันจะต้องสั่นสะเทือนตนเองกันอยู่ตลอดเวลา และขณะเดียวกันมันจะพากันหมุนวนเข้าจุดศูนย์กลางตลอดเวลา และขณะเดียวกันมันก็จะพากันหมุนวนเข้าสู่จุดศูนย์กลาง และในจุดศูนย์กลางการหมุนวนของสนามพลังงานก็คือความว่างที่มิใช่ความว่าง .. ข้อมูลคลื่นความคิดจิตจักรวาล อ.ปริญญา

    ใครเคยนั่งสมาธิแล้วเห็นจุดศูนย์กลางที่เป็นความว่างในกึ่งกลางนิมิตสมาธิบ้าง และเมื่อเช้าหลังจากนั่งสมาธิเสร็จ มองไปที่หน้าต่างบนท้องฟ้าเห็นกลุ่มพลังงานสีดำลอยผ่านไปแล้วตรงจุดกึ่งกลางของกลุ่มพลังงานสีดำนั้นมีแสงสว่างสีขาวอยู่ตรงจุดกึ่งกลางด้วยล่ะ
     
  15. จันทร์เจ้า

    จันทร์เจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,948
    มาเล่าบ้าง ปกติไม่มีใครถามแบบนี้ ก็เลยไม่เคยเล่าให้ใครฟัง
    ผมจะเล่าตั้งแต่เป็นตัวอสุจิก็แล้วกัน ก่อนหน้านั้นก็มี แต่ไม่น่าเล่าเท่าไหร่
    ตอนนั้นคิดว่ามีคู่แข่งตั้งเป็นหลายพันล้านตัวจะไปถึงไข่ได้ยังไง
    ก็เลยพยายามจะไปเป็นตัวแรก จะได้สามารถไปถึงได้ก่อนตัวอื่น
    แต่ก็มีตัวได้ไปก่อนเราอยู่นิดหน่อย พยายามดีที่สุดแล้วได้แค่นี้
    ก็คิดไปว่าสงสัยมาเสียเที่ยวต้องมาใหม่อีกรอบละมั่ง แต่พอถึง
    เวลาออกเดินทางจริงๆ พวกตัวที่ไปก่อนกลับไปติดกับดักที่เป็น
    เส้นขนกับน้ำเมือกก่อนซะงั้น โชคดีแล้วที่เราไม่ได้ไปเป็นตัวแรก
    ตอนที่กำลังว่ายเข้าไปก็ต้องระวังตัวไม่ให้ติดอะไรไม่งั้นเดี๋ยวไปไม่ถึง
    เกือบโดนกับดักหลายทีเหมือนกัน บางจุดก็แคบมาก บางทีก็ต้องเดา
    ว่าจะเลี้ยวไปทางไหนดี พอมาถึงไข่ก็มีตัวมาถึงก่อนอยู่บ้างแล้ว
    แต่คงยังหาทางเข้าไม่เจอ เราก็ว่ายไปมาเพื่อหาทางเข้าเหมือนกัน
    ลองว่ายไปแถวๆที่ไม่ค่อยมีใครอยู่ดู ไม่งั้นเขาก็เจอกันไปนานแล้ว
    อยู่ดีๆก็เจอซะงั้น ก็เลยรีบเข้าไป แล้วรีบล็อคไม่ให้ใครเข้าทันทีเลย
    ข้างในไข่สบายมากๆ รู้สึกว่ามีสิ่งที่ต้องการอยู่เต็มไปหมดเลย
    การทำงานของระบบทุกอย่างเป็นไปอย่างอัตโนมัติ อุณหภูมิกำลังดี
    อาหารก็มีพร้อม ที่เหลือก็แค่ควบคุมการใช้ทรัพยากรคล้ายการเล่นเกมสร้างเมือง
    แต่ส่วนใหญ่ทุกอย่างสั่งแค่นิดเดียว ที่เหลือระบบจะดำเนินการต่ออัตโนมัติหมดเลย
    อยู่ในครรภ์นานมาก ไม่รู้สึกอยากออกมาสู่โลกภายนอกเลย เพราะสบายที่สุด
    แต่แม่ตัดสินใจให้หมอเอาเราออกมา เพราะเราอยู่นานเกินไป ตอนออกมา
    ก็รู้สึกแสบตัวเพราะเป็นครั้งแรกที่อากาศมาสัมผัสกับร่างกาย หายใจไม่ค่อยออก
    มีน้ำข้างในปอด แต่ก็ต้องพยายามหายใจเพราะอ๊อกซิเจนในเลือดน้อยลงแล้ว
    สงสัยเป็นเพราะหมอตัดสายรกออกไป หมอก็เอาหลอดดูดมาสวนหลอดลม
    ลงไปดูดของเหลวในปอดออก ตอนนั้นรู้สึกแย่มากๆ หลอดก็แข็งรู้สึกจะอ๊วกด้วย
    ความรู้สึกเหมือนตอนเอามือมาล้วงคอนั่นแหละ แต่แย่กว่าเพราะเข้าไปที่หลอดลม
    เราเจ็บแต่ก็ไม่ได้ร้องไห้ เรารู้ว่าหมอคุยกันว่าเราไม่ร้อง ก็เลยมาตีก้นเราใหญ่ให้เราร้อง
    ร้องก็ได้ จริงๆไม่ร้องเราก็รู้ว่าเราไม่ตายอยู่แล้ว ตอนนั้นรู้โกรธหมออยู่แต่เขาก็
    แค่ทำตามวิธีการที่เคยเรียนมา ก็ช่วยไม่ได้ รู้สึกเหมือนถูกขังอยู่ในร่างอย่างที่
    เจ้าของกระทู้พูดเช่นกัน เวลาใช้ตามองไปรอบก็รู้สึกเหมือนกำลังดูหนังอยู่
    มองเห็นภาพตรงหน้าและก็เห็นขอบจอด้วย รู้ตัวว่าตัวเองอยากจะพูดอะไร
    แต่พอจะพูดเป็นคำกลับเสียงไม่ออกอย่างที่ต้องการ ต้องฝึกการบังคับลิ้น
    กับริมฝีปากและลำคอสักพักถึงจะออกเสียงได้อย่างที่ต้องการ ตอนนั้นพ่อกับแม่
    คงได้ยินเราพูดแอ้ๆตามประสาเด็กทั่วไปแน่ พอเราเห็นว่าไม่สามารถใช้เสียง
    พูดสื่อสารได้ เลยไม่อยากเสียเวลาใช้เสียงสื่อสารกับใคร ก็เลยถูกพ่อแม่เข้าใจผิด
    ว่าพูดช้ากว่าเด็กคนอื่นไปซะงั้น ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้แก้ความเข้าใจผิด ปล่อยให้
    พ่อแม่เชื่ออย่างที่เขาอยากจะเชื่อไปอย่างนั้นก็แล้วกัน ที่จำได้ก็ประมาณนี้ครับ
    เรื่องราวต่อจากนี้ก็เป็นความพยายามในการใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนที่จะตายเหมือนอย่าง
    ที่ทุกคนกำลังทำอยู่ตอนนี้แล้วล่ะครับ
     
  16. บารมีสิบ

    บารมีสิบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +63
    มีภาคสองต่อมั้ยครับ กำลังมัน
     
  17. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    เชื่อมัน
    ไม่มีใครเข้าไปอยู่ตั้งแต่เป็นตัวอสุจิหรอก
     
  18. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,171
    ค่าพลัง:
    +1,231
    ความทรงจำครั้งแรกนั้นพอจำได้ แต่แวบแรกหรือวินาทีแรกนี้คงจำไม่ได้หรอก
     
  19. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,264
    ค่าพลัง:
    +5,219
    จำไม่ได้แฮะ จำแต่ว่าเคยระลึกชาติได้ และตอนเป็นเด็กแบเบาะที่ยังพูดไม่ได้ เคยมีความคิดเหมือนผู้ใหญ่ครับ
     
  20. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ผมไม่มีความทรงจำอะไรเลยครับ มารู้สึกตอนเป็นเด็กละ แต่อึดอัดมาก ทำไมขยับไม่ได้ฟระ เฮ้อแปลก
     

แชร์หน้านี้

Loading...