แนวคิดส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นสิ่งมีชีวิต..ที่เรียกว่าจิตนั่นเริ่มมาจาก

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย โซ, 10 ตุลาคม 2014.

  1. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    สนทนากันครับ...สำหรับผู้มีจินตนาการล้ำลึก..ผู้รอบรู้..หรือผู้มีปัญญา ว่าแนวคิดการเกิดของจิตทั้งหลายหรือสรรพสิ่งมีชีวิตนั้น
    ผมมองว่ามีแนวคิดเหมือนหนัง 2เรื่องคือ lucy และ Transcendence เพราะมองดูแล้วผู้แต่งจากสองเรื่องน่าจะมีพื้นฐานในด้าน
    ของศาสนาพุทธ เพราะเข้าข่ายไปในความเห็นที่เชื่อว่า..เขาเข้าไปถึงสภาวะแห่งจิตเดิม(ที่เขาเชื่อว่ามี) แต่สิ่งที่แตกต่างคือการ
    เข้าถึง...ในโครงเรื่องการเข้าถึงสภาวะมันต้องมีปฏิกิริยาด้านเคมี หรือแรงกระตุ้น มีคำถามให้ทิ้งท้ายว่า เขาไปอยู่ที่ไหน ส่วนที่ผม
    นั้นชอบตรงสุดท้ายทั้ง2เรื่องนี้เองคือ การที่จิตเดิมนั้นอยู่ไม่มีที่ตั้งตัวแปรเป็นรูปธรรมได้ มีเพียงนามธรรมที่บ่งบอกได้ว่า อยู่ทุกที
    ในอนันตจักวาล เป็นที่ไม่มีสิ่งรองรับความเป็นรูปเป็นสิ่งเดียวกับทุกสิ่ง เพราะมองไม่เห็นไม่มีความเป็นรูปตัวตนอยู่ ถ้าคุณคิดดีๆ
    ผมว่านี่แหละเป็นจุดเสื่อมถอยของจิต...ที่นานแสนนาน กับการก่อตัวของความเป็นสายทางของความไม่รู้ในตัวตนต่างๆ จึงเสื่อม
    เข้ายึดติดในตัวตนขึ้นมา

    อวิชชาสูตร
    [๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน
    แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็
    เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อม
    กล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา

    ความไม่มีอะไรนั่นแหละครับ เป็นจุดเริ่มต้น
    ทุกสิ่ง อาศัยกาลเวลาอันยาวนาน จึงอาจเป็นปฐม จึงเริ่มเป็นปฐมจิตอีกขั้น
    เริ่มความเสื่อมถอยลง...ก็เริ่มจากาสายปฏิจจสมุปบาทนั่นแหละครับ ไล่ลงมาตั้งแต่
    อวิชชา สังขาร วิญญาณ จนถึง ชาติชรามรณะ นั่นแหละครับ
    เพราะถ้าเราสังเกตุดีๆ โลกและจักวาลนี้เกิดดับมาแล้วนับไม่ถ้วน มีพระพุทธเจ้า
    เกิดมาแล้วนับไม่ถ้วนเป็นอสงไขยกัปป์ ทำไมสัตว์โลกไม่หาย ไม่หมดสักที นั่นเพราะ
    มีการเกิดอยู่ตลอดเวลา คือเกิดจากไม่มีอะไร สิ่งที่ผมคิดคือ '' เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน"
    นั่นแหละที่ผมหมายถึง มันเกิดมาจากไม่มีอะไร แล้วเริ่มเสื่อมถอยลงมา มันเป็นแค่แง่คิดอ่ะครับ ถ้าผิดต้องขออภัย
    เพราะสิ่งนี้คืออจิณไตร มันมาจากความน่าจะเป็น มันไม่ได้ออกมาจากความรู้แจ้ง เพราะสิ่งนี้มันนอกเหนือจากพุทธองค์
    สอน เพราะมันหาประโยชน์จากความนี้ไม่ได้ และก็บอกไม่ได้ด้วยเพราะมันไม่มีรูปนามปรากฏ ที่จะเอ๋ย
    เพราะหัวข้อต่อไปที่ผมจะตั้งคือ เรื่องปฐมจิต หรือ จิตเดิม กับนิพพาน ว่ามันคนล่ะส่วน หรือส่วนเดียวกัน
    สิ่งนี้ที่ผมคิดมันเป็นการปรากฏไตรลักษณ์เพื่อรองรับกันในส่วนที่เกิด
     
  2. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ย่อมต้อง คนละส่วนกันสิครับ

    ดังคำที่คุณยกมาว่า อวิชชาย่อมไม่ปรากฏแต่กาลก่อน ของปฐมจิตหรือจิตเดิม นั้นยังไม่ปรากฏอวิชชา แต่เมื่อกาลต่อมา (ยังไม่พูดถึงว่าเกิดอวิชชาได้อย่างไร) กาลต่อมาปรากฏมีอวิชชาเกิดได้ (แสดงว่าปฐมจิตหรือจิตเดิมมีช่องที่ทำให้อวิชชาปรากฏขึ้นมาได้ หรือเกิดอวิชชาได้)หรือจะพูดว่า ปฐมจิตหรือจิตเดิมเสวยอาหารได้

    ดังนั้นจิตที่ถึงนิพพาน นิพพานมันปล่อยวางไม่ยึดมั่นถือมั่นทั้งสมมุติและวิมุติ ไม่ยึดมั่นทั้งคำว่าปฐมจิตหรือจิตเดิม เมื่อชำระอวิชชา ผลพลอยได้คือ ชำระตนเอง(จิต) ไปด้วยครับ ชำระตัวที่เสวยอาหารไปด้วย

    มันจึงเป็นคนละส่วนกันครับ
     
  3. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    อยากรู้คำตอบ ก็ต้องฝึกสติปัฏฐานสี่ นั่นแหล่ะครับ ทางสายเอก ในการชำระอวิชชาเพื่อหวนกลับไปรู้ ที่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้รู้ว่า อวิชชาปรากฏขึ้นในภายหลังได้อย่างไร ก็จะได้ หายสงสัย ได้ครับ
     
  4. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับที่ร่วมวงสนทนากัน..อย่ากล่าวคำว่าต้องปฏิบัติตนให้หลุดพ้นเพื่อเข้าถึงความรู้นี้ตอนนี้น่ะครับ
    เพราะตอนนี้เรากำลังประเมิณความเป็นไปได้....เราอาศัยความสงสัยในสรรพสิ่งที่เกิดที่พุทธองค์ไม่ได้สอน
    ความเป็นไปได้อาจจะใบไม้นอกกำมือที่จะกล่าว หรือหากกล่าวมา......มันจะสงสัยเป็นอจิณไตรไม่มีสิ้นสุด
    ขนาดกล่าวว่านิพพานสูงสุดสิ้นสุดแล้วก็ยังมีอีกส่วนมากกล่าวว่า....... ยังมีอยู่ แต่อยู่แบบสิ้นที่ตรงนั้น
    สรรพสิ่งทั้งหลายไม่ว่ารูปหรือนาม........ย่อมมีกฏไตรลักษณ์ของการเกิด ดับ .....แม้ความไม่มีอะไร
    ย่อมมีอะไรในกาลต่อมา...เพราะอาศัยปัจจัยที่เป็นหลักสำคัญในการเกิด...สิ่งเหล่านี้เกิดมาได้เพราะอาศัยความมีของ
    วิมุติ วิมุติเป็นตัวรองรับทุกสิ่ง ถ้าไม่มีความเป็นวิมุติมีอยู่..... สรพพสิ่งย่อมไม่มีแดนเกิด... ถ้าพูดถึงความมีของจิตเดิม
    จิตเดิมนั่นแหละท่องไปได้ทุกที่ในอนันตจักวาลโลกธาตุ.... แต่บ่งบอกไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด ..เพราะหาความมีของรูปและนามไม่ได้
    เราสนทนาศึกษาเพื่อความบันเทิงเบื่อหน่ายในวันนี้.... สักวันความรู้ยิ่งย่อมเกิดแก่พวกเรา.... เมื่อเวลาจริงของการปฏิบัติมาถึง
    ตอนนี้เราย่อมมีกิเลส..ความหลงผิดเป็นธรรมดา......เพราะเรายังอาศัยความเป็นผู้หิว อยากได้ มาสนองตัณหาเราอยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2014
  5. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใบไม้ในกำมือ หรือจะเป็นใบไม้นอกกำมือ ทั้
    สองส่วนของใบไม้นี้ มีความเหมือนกันอยู่ ก็คือ ความเป็นไตรลักษณ์คือ เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ไตรลักษณะนี้เป็นความจริงที่เหมือนกัน

    แต่ ที่เหมือนกันที่สุดมีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ล้วนมีเหตุปัจจัยในการทำให้เกิด ส่วนเหตุปัจจัยของการตั้งอยู่อย่าได้สนใจ และเหตุปัจจัยของการดับไปหรือจะดับลงเมื่อไหร่อย่าได้สนใจ นั่นเพราะ การจบการดับของแต่ละอย่าง มันจบมันดับในเวลาที่ไม่เหมือนกัน(อายุขัยมันสั้นยาวต่างกัน)

    ดังนั้น ทุกสรรพสิ่งมีความเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิดขึ้นมาได้เหมือนกัน แต่อย่าได้สนใจว่าเหตุปัจจัยมันแตกต่างกันเพราะอะไร แต่จงสนใจว่า เหตุปัจจัยเหล่านั้นมันสร้างให้เกิด ได้อย่างไร

    ดังนั้น รูปนาม เป็นแค่เหตุปัจจัยเริ่มต้นนับหนึ่ง เท่านั้น แต่เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรูปนามต่างหาก คือ สิ่งที่ทำให้เกิดปัญญา (เราคุยแค่ทฤษฏีนะครับ)
     
  6. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259

    สีแดง ความสื้นสุดของความอยากและความสงสัยและความรู้ มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกครับ ตราบใดที่ยังมองไม่เห็น ภัยและโทษของความอยากความสงสัยและความรู้ ว่ามันให้ภัยให้โทษกับเราอย่างไร ต่างหาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2014
  7. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ระหว่าง หาความสิ้นสุดของ ความอยาก ความสงสัย ความรู้

    กับ หาจุดเริ่มต้น ของความอยาก ความสงสัย ความรู้

    ผมว่า หาจุดเริ่มต้นง่ายกว่านะครับ เพราะการเริ่มต้นมันมีอยู่จุดเดียวเท่านั้น แต่จุดสิ้นสุด มันอาจแตกแขนงไปได้หลายแขนง ทำให้มัจุดสิ้นสุดหลายที่หลายแห่งหลายจุด ซึ่ง ไม่ไช่สาระสำคัญเลย ในการดับไป ของแต่ละสรรพสิ่ง จุดเริ่มต้นสิครับ หนึ่งเดียว
     
  8. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    แนวคิดส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นสิ่งมีชีวิต..ที่เรียกว่าจิตนั่นเริ่มมาจาก

    แนวคิดง่ายๆครับ คือ สังขารเกิดมาได้อย่างไร เพื่อเสวยอาหาร เช่น แสง สีมืด สีสว่าง การระยิบระยับ การที่อุณหภูมิเปลี่ยนร้อนเย็น มีสังขารเกิดมาเสวยอาหารเหล่านี้ได้อย่างไร การเสวยก็คือความสงสัย ความชอบความไม่ชอบนั่นเอง
     
  9. พญาเสือดาว

    พญาเสือดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +503
    ตามที่ผมศึกษามาถูกผิดผมขอขมามาในนะที่นี่ด้วยนะครับ มีอวิขชา อวิชชาทำให้เกิดสังขาร สังขารทำให้เกิดวิญญาน มีวิญญาน เกิดนามรูป เพราะนามรูปมี ผัสสะ จึงมีี ทำให้เกิด เวทนา เวทนามีทำให้เกิดตัณหา ตัณหามีทำให้เกิดอุปทาน ทำให้เกิดภพ สุดท้ายทำให้เกิดชาติ


    ผมเเนะนำศึกษาตามเเบบ ของอาจารย์โกเอ็นก้า ผมรองฟังดู เเล้วปฎิบัติใด้ผลดีคับ
     
  10. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ก็อ่านแล้ว เข้าใจครับ

    ถ้าจะถามให้ตรงประเด็นเลย ในข้อความที่คุณกล่าวมาก็คือ ถามว่า

    มีอวิชชา ได้อย่างไร
     
  11. พญาเสือดาว

    พญาเสือดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +503
    ขอโทษครับ ผมว่า คุณปฎิบัติเองเลยดีกว่า ถึง คุณอ่าน หรือมีคนบอกคุณ หรือเเม้เเต่พระพุทธเจ้าบอกคุณ มันก็เป็นเเค่ปัญญาระดับ ธรรมดา เเละระดับกลาง ครับ ยังดยู่ในขอบเขต ของสมอง คุณ ต้อง มีภาวนาปัญญา ถึงจะรู้ใด้หว่า อวิชชา มาจากที่ใด้ครับ
     
  12. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เพราะตั้งแต่เริ่มการเข้ามาเรียนรู้ในธรรมชาติคุณได้ก่อการเบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และทุกสรรพสิ่ง ด้วยความไม่รู้ และเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้แล้วเข้าใจแล้วว่าารเบียดเบียนเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ เป็นต้นเหตุแห่งการเกิด และได้ทำการชำระจิตได้1ชาติก็ได้เป็นอรหันต์ ก็ดำรงค์ในศีล หรือเดินตามมรรคต่อไปแต่ถ้านอบน้อมและรู้จักผู้เป็นใหญ่ที่ดูแลธรรมชาตินี้ให้ท่านช่วยชำระจิตหลงดวงอื่นที่เราได้ทำตกค้างไว้มากมายในธรรมชาติจนหมดทุกชาติแล้ว ก็จะได้เป็นศรีอริยะ (รู้หรือไม่รู้ก็ต้องดำรงค์อยู่ในศีลหรือมรรค8นะครับ)ก็พัฒนาตัวเองกันต่อไปครับผิดถูกประการใดท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยแนะนำด้วยครับ
     
  13. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    เออ คือว่า ผมถามเพื่ออยากได้คำตอบจากคุณนะครับ
    ถ้าตอบไม่ได้ ก็ ให้บอกว่า ตอบไม่ได้สิครับ หรือไม่รู้ ก็บอกมาสิครับ
    และผมก็ไม่ได้ถามว่า อวิชชามาจากที่ใด อันนี้ผมไม่ได้ถามครับ

    ผมถามว่า ที่คุณกล่าวว่า มีอวิชชา อวิชชาทำให้เกิดสังขาร

    ผมถามคุณว่า มีอวิชชาได้อย่างไร เท่านั้นนะครับ (ขอบคุณที่ตอบครับ)
     
  14. พญาเสือดาว

    พญาเสือดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +503
    เหมือนตอนนี่เรา เล่นเกมส์ พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนบทสรุปเกมส์ เราจะเดิมตามบทสรุปเกมส์หรือไม่ เราจะเชื่อบทสรุปเกมส์เล่มนี่หรือไม่ พระพุทธเจ้าเลยตรัสสอนว่าเราบอกหนทางเเล้วท่านจงเดินไปด้วยตนเองเถิด
     
  15. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    อวิชชาก็เกิดจากความไม่รู้ วิชาคือคือความรู้ รู้ว่าสิ่งนี้ไม่ดีไม่ควรทำเพราะเป็นทางที่ทำให้เราเสื่อมลงครับ ถึงได้มีศีลและมรรค ไงครับ เมื่อเดินตามทางสายเอกแห่งนี้ไปเรื่อยๆ ย่อมมีผู้เป็นใหญ่ให้รางวัลเองครับผม
     
  16. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    เพราะกูยังไม่รู้กูก็เลยทุกข์ครับ เพราะกูรู้แล้วกูก็ทุกข์น้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วกูก็หายไปครับเหลือแต่รู้
     
  17. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    บทสรุปของเกมส์ น่าจะอยู่ที่ตัวเรา นะครับ
     
  18. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    ตกลง คุณรู้ หรือยังครับ ว่าอวิชชา มีได้อย่างไรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2014
  19. คนโง่โง่

    คนโง่โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2012
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +302
    * * ก้ต้นกำเนิดของอวิชชาก้คือตัวคุณเองไงละครับเข้ามาอยู่ในจิตธรรมชาติแล้วทำให้แปดเปื้อนด้วยความไม่รู้แล้วหลงอยู่ตามภพต่างๆมากมาย เพราะความคิดและตัวตนในอดีตที่ส่งให้คุรทำผิดพลาดเหมือนเดิม ถ้าคุณยังไม่แก้ไขหรือปรับปรุงให้ดีขึ้น คุณก็จะเป้นเหมือนเดิม พอเกิดใหม่คุณก็ยังเป็นเหมือนเดิมซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลยครับ แค่ไม่ดีไม่ทำเท่านั้นเองครับ
     
  20. nosono

    nosono เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2013
    โพสต์:
    249
    ค่าพลัง:
    +259
    จะกลับ ไปแก้ไขความคิดและตัวตนในอดีต หรือจะแก้ไขในชาติหน้าที่จะเกิดอีห หรือ จะแก้ไขในปัจจุบันครับ

    ถ้าคำว่าแก้ไข คือคำว่า ชำระอวิชชา แล้ว อวิชชานี้ ชำระใน อดีต หรือ อนาคต หรือปัจจุบัน ได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...