แค่มีสติสักกะว่ารู้สิ้นทุกข์ได้ไหม?

ปัญญาอ่อนชิหายมี แสดงความคิดเหม็น(เห็น) ด้วยนะว่าปกติต้องแบบนั้นแบบนี้ เขาเขียนอยู่ตรงๆตามตัวอักษรเด้ะๆว่า ห้ามบวช ถ้าดันเจือกบวชก็ให้สึกมีเป็นกรณีด้วยนะ หึหึโอ้ยปวดกราม

 

ถ้ามันประเสริฐขนาดนั้น
ก็ไม่ต้องมีบัญญัติ ให้จับสึก หรอกเนอะ

จะพกข้าวห่อ ใส่บาป ทำบุญกะพระทุศีล
หวังบุญกันอีกแระ
ไปคนละเรื่อง..

ปล ถ้าพระทุศีล ไม่ยอมศึก
โสดาฆราวาส ย่อมร่วมหัว
คว่ำบาตร ไม่ใส่ข้าว แม้นสักเมล็ด

มะใช่จะเอาแต่บุญนะโยม

เจริญพวง

 

ขนลุกว้อยยยส์ ๆๆๆๆๆๆ

 

พระวินัย บัญญัติไว้ หน้าแรกๆ
เลยฮับ อนถบิณฑิกะ นางวิสาขา .
.ทูลถาม....

ทรงตรัสสั่งให้ ถวาย และ ฟัง
ธรรม ปรกติ

แล้ว อาสัยภาวนา กำหนดรู้
เวทนาไปเลย

 

ใครยังไม่ได้ลอง สังฆานุสติ

แจก ภาพพระให้ เกาะ ฮับ




ปล. อย่าลืม เวทนาในเวทนา
นะฮับ ชิวล์ดๆ

 

จากสติมีก็สิ้นทุกข์ แต่โดนตุ้ดมาปะปนจึงต้องไล่ตุ้ดออกไป ปัจจุบันตุ้ดกำลังพาออกเรื่องไปไกล ไปยันพระทุศีล ไปยันนู่น สรุป ดัดจริตขนาดนี้ กลับมาเรื่องตุ้ดก่อนอย่าพึ่งพาไปออกแม่น้ำไนล์นะพวกเธอว์

 

สงสัยจะมึน พระไตรนะลวกเพ่

ให้ถวาย และ ฟัง นั่นมันธรรมวาที
และอธรรมวาที
หมายถึง พระที่รู้จริง และไม่รู้จริง
ให้ฟังทั้งสอง และให้โยมนิโส

ถ้ามีประเด็นว่า ให้ใส่บาตร แม้นพระที่ปราราชิก
หรือพ้นสภาพความเป็นพระไปแล้ว
ประเภท ควรสึกออกไปเสีย
ให้บอกด้วย

ประเภทควรสึกเสีย จุดนี้ถ้ารู้ไม่ควรใส่บาตร
ถ้าไม่รู้ ก็เข้าเกณฑ์ ทำบุญกะพระทุศีล
ยังถือว่าได้บุญอยู่

เพราะผู้ใส่บาตร หวังจิต สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
ไม่รู้ว่า ไอคนที่เดินมานั้นมันชั่ว

นะ เข้าใจตรงกันด้วยโยม

เจริญพวง

 

พระต่างกับฆารวาสฟ้ากับเหว

วินัยถ้าไม่ถึงขั้นปาราชิก
ก็ทำคืนได้ หมายถึงเป็นสงฆ์โดยสมบูรณ์
ดังนั้น
แม้นพระท่านทุศีล
ก็ไม่ใช่การตราหน้าว่าท่านจะต้องเลวชาติตลอดไป

อนึ่ง
การอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์
มีวินัยระบุถึงข้อการพิจารณาสบงจีวร
ผ้าสังฆาฏิ

อันนี้
ท่านตีเข้าในหมวดสติปัฏฐาน
จึงไม่ใช่ของเล่นๆ
ถ้าจำไม่ผิด
ถ้าท่านยังรักษาข้อนี้ไว้
โทษต่างๆจะลดลงแสนโกฏิเท่า

และ
คุณของการอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์
มีอีกนานัประการ

เรื่องเหล่านี้ฆารวาสหมดสิท
จึงไม่ควรประมาท แม้นพระ...

 

ฮะละฮ่วยเขาก็บอกอยู่ว่า พวกตุ้ดเจอแล้วให้สึก เพราะจะพระจะฆราวาสก็แพ้แล้ว จะชักแม่น้ำสินธุไปยันพาราณสีเลย สินะ สินะ สินะ

 

จะหมายถึงอะไร

ถ้าหมายถึง ละเมิดศีลแม้นเพียงเล็กน้อย
อยู่บ่อย ๆ

ก็ใช่ ถ้าไม่สำรวม ระวัง
และ จะไม่ทำต่อไป

หมดสิทธิ บรรลุ เพราะสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่สิ่ง เล็ก ๆ น้อย ๆ ยังเลิกไม่ได้
ยังไม่ระมัด ระวัง สำรวม

ควรไหม ที่จะครองผ้าอยู่
เพราะบรรลุ ก็ยังหมดสิทธิ

เข้าทำนอง
อยู่เปลืองข้าวสารชาวบิณฑบาตรแว่นแคว้นเปล่า

 

ชะมะ

พระทุสีล หรือ พระเทวทัต นี่
ประมาทไม่ได้ ท่านรักษา การ
ครองผ้าได้

ก้จัดว่าเลิสกว่า ฆราวาดราด
ปล้าวเป..ล่า

 

ทุศีล กับ ตุ้ดดัดจริตเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว ไม่น่าเชือว่าจะชักแม่น้ำคงคามามั่วได้ขนาดนี้ ดัดจริตจนไปหมดแล้วสมงสมองโอยปวดแก้ม

 

เรื่องนี้อีกอัน

พระทุศีล ทำตัวไม่งาม
โสดาบันทนไม่ไหว

นางวิสาขา ยังรีบวิ่งไปฟ้องพระพุทธ

ต้นบัญญัติ ห้ามพระอยู่กับนางนวล สองต่อสองไง
จำชื่อไม่ได้


ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ท่าน คือแกล้ง ทำให้นางไปฟ้อง
เพื่อเป็นต้นบัญญัติสืบไปรึเปล่านะ
เพราะตอนหลังท่านก็บรรลุ

แต่ที่เห็นแน่ ๆ นางโสดาบัน วิสาขาทนไม่ได้
ต้องรีบไปฟ้อง


ไม่ใช่ใส่บาตรต่อไป

เจริญพวง

 

เรื่องนี้อีกอัน พระทุศีล ไม่ใช่ตุ้ดดัดจริตจึงบวชได้ ส่วนตุ้ดนั้นหากบวชแล้วต้องสึกอย่าไประรานยกมหาสมุทรแปซิฟิกริมมาเลยนะตัวเธอว์ สรุปแล้วนี่ยกมาหลายแม่น้ำจนมาเป็นมหาสมุทรแล้ว ก็พึงหวังว่าจะไม่พาออกแกรนด์ไลน์นะพวกเธอว์

 

ฮั่ยแน่ จั๊วบได้แล้ว...

ทำไม ไม่บวช

อุปทานว่า บวชเพื่อบรรลุ

ฮิวววววววส์

 

+++ ดูไม่ยากหรอก ถ้า "ดูที่จิตเป็น" ที่สำคัญ คือ "รู้จิตตนชำนาญแล้ว มันก็ รู้จิตอื่นเหมือนกัน ไม่ยากหรอก"
+++ "ดู ณ ขณะที่จิตมันเกิด" มันก็คล้าย ๆ กัน เพียงแต่ "ธรรมารมณ์" ที่ล้อมรอบตัว จิต/เจตสิก มัน "รวนเร" อยู่มาก
+++ หลังจากตัวจิต เข้าสู่การ "ตั้งอยู่" แล้ว "ธรรมารมณ์" ที่ล้อมรอบตัว จิต กลับ "แปรปรวน" จนผันผวนไปหมด
+++ ดังนั้น พฤติกรรม "ผันผวน หน้าไหว้หลังหลอก สับปรับ พลิกลิ้นกะลาวน" ต่าง ๆ
+++ จึงเป็น "ธรรมารมณ์ที่ บันดาลให้จิตเป็นไป" จะเรียกว่า "กรรมบันดาล" ก็ได้

+++ ธรรมานุปัสสนา สติปัฏฐาน เป็นเรื่องที่ผู้ฝึก จะรู้ อารมณ์ฌาณ (ธรรมารมณ์) ที่ห่อหุ้มจิต ณ ทุกขณะที่แปรไป
+++ และ ธรรมารมณ์ นี้นี่เอง ที่เฉลย "กระแสวิบาก" อิทธิพล ที่เรียกว่า "วิบากบันดาล" ต่าง ๆ นา ๆ

+++ เนื่องจาก จิตคุ้นเคย (นิสัย/สันดาน) กับ อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly) จึง "รังเกียจอารมณ์ตั้งมั่น (สมาธิ)"
+++ ดังนั้นให้สังเกตุรู้ง่าย ๆ ว่า "ผู้ที่รังเกียจ การฝึกสมาธิ" มักจะตกอยู่ใน "ขอบข่าย" จากกรรมบันดาลนี้
+++ ยามใดที่ "ธรรมารมณ์ เริ่มตั้งมั่น" มันจะเกิดอาการ "หงุดหงิด/ไม่ชอบ/ไม่คุ้น" สรุปคือ ต้องทำให้ "เสียสมาธิ" นั่นเอง

+++ เมื่อยาม สัญญาขันธ์ ผุดโผล่คำว่า "หัวหิน" ขึ้นมา จิตของมันไปเพ่งคำว่า "หิน" เป็นหลัก
+++ จากนั้น "อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly)" ในขันธ์สันดาน จึงบันดาลให้นึกถึง "อวัยวะเพศหญิง"
+++ จึงเกิดการบิดเบือน ในชั้น วาจากรรมให้ออกมาเป็น "ฮีญ" และแล้ว "มโนภาพ" ของคำว่า "ฮีญ"
+++ จึงบันทึก กลับไปสู่ "มโนกรรม" ของมัน จนวงจรของ "รูป" กลับคืนสู่ วงจรของ "นาม" กลับมาเป็น "วิบาก" ในภายหลัง

+++ อีกวงจรหนึ่งถัดมา คือ ณ ขณะที่พูดกันถึง "ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ที่อยู่แถว ๆ "หัวหิน" ใกล้น้ำตก "ป่าละอู"
+++ เนื่องด้วย อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly) ในขันธ์สันดาน จึงเกิดการนำเอา "อวัยวะเพศหญิง" ขี้ไปที่ พระ
+++ จึงเกิดการโพสท์ ตรงนี้ขึ้นมา

+++ และจากการที่เอา "อวัยวะเพศหญิง (หัวฮีญ)" ชี้ไปที่พระ "ศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล" ที่อยู่แถว ๆ "หัวหิน" ใกล้น้ำตก "ป่าละอู" นั้น
+++ ตรงนี้ "ส่ออาการในจิต ที่มี เจตนาตรง" ของมัน อย่างชัดเจน ไม่ต้องตีความเป็นอื่นใด ๆ ทั้งสิ้น
===============================================
เนสํ หิ น ภิกฺขเว ปณฺฑโก ปพฺพาเชตพฺโพ โย ปพฺพาเชยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ อาทินา ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ ปฏิกฺขิตฺตาฯ

แปลใจความว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามการบรรพชาและอุปสมบท แก่บุคคลเหล่านั้น ด้วยคำเป็นต้นว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย กะเทยอันภิกษุไม่พึงให้บวช ภิกษุใดให้บวช ภิกษุนั้นพึงทำไม่ดี" ฯลฯ

ตสฺมา เตปิ ปาราชิกาฯ ความว่า เพราะกะเทยแม้เหล่านั้น เป็นผู้พ่ายแพ้แล้ว คือเปรียบเหมือนเป็นปาราชิกตั้งแต่เขาเป็นคฤหัสถ์ (คือบวชไม่ได้ตลอดชีวิต)

ปพฺพชฺชาปิ เนสํ ปฏิกฺขิตฺตา ฯ แม้การบรรพชาของคนพวกนั้นก็ทรงห้ามแล้ว

ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ ฯ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เป็นกะเทย ภิกษุไม่พึงให้บวช ที่บวชแล้วพึงให้สึกเสีย" ฯ
===============================================
+++ ดังนั้น "ตั้งแต่ พระปฐม ลงมาจนถึง พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์"
+++ ท่านย่อมทรง "เล็งเห็น" พฤติกรรมทางจิต ของสัตว์ประเภท "แมงกะตุ๊ด" เป็นอย่างดี

+++ สัตว์ประเภทนี้ "รังเกียจ/ไม่คุ้นเคย" กับการ "ตั้งมั่น (สมาธิ)" ของจิต เพราะขันธ์สันดาน ของมัน "ทำไม่ได้"
+++ ดังนั้น "สัตว์ประเภท แมงกะตุ๊ด" จึงโดนตัดขาดจาก "สัมโภชฌงค์ 7" โดยอัตโนมัติ
+++ ด้วยเหตุแห่ง "ขันธ์สันดาน ของแมงกะตุ๊ด" อันเกิดจาก อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly)
+++ จึงทำให้เกิดอาการ "ความปรุงแต่ง บดบังสติ ตลอดเวลา" ตรงนี้ "สติปัฏฐาน 4" ย่อม "ตัดขาดจาก ขันธ์สันดาน" เช่นกัน

+++ ดังนั้น "สิ่งที่เหล่า แมงกะตุ๊ด เรียกว่า ปัญญา"
+++ มันก็คือ "ภาพหลอน" ที่มาจาก อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly)
+++ ตามขันธ์สันดาน ของพวกมันนั่นเอง ไม่เป็นอื่นไปได้
+++ ใครก็ตาม ที่ "เคยตามอ่าน ที่มันโพสท์" คงจับอาการของ "แมงกะตุ๊ด" ได้ไม่ยากนะ

+++ ด้วย "ขันธ์สันดาน ของเหล่า แมงกะตุ๊ด ทุกเผ่าพันธ์"
+++ จึงทำให้ "พระพุทธเจ้า ทุกพระองค์" ต้องทำการ "ปกป้อง" ศาสนาของพระองค์
+++ ด้วยการ "บัญญัติ" ตรงนี้ขึ้นมาว่า
===============================================
เนสํ หิ น ภิกฺขเว ปณฺฑโก ปพฺพาเชตพฺโพ โย ปพฺพาเชยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ อาทินา ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ ปฏิกฺขิตฺตาฯ

แปลใจความว่า ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสห้ามการบรรพชาและอุปสมบท แก่บุคคลเหล่านั้น ด้วยคำเป็นต้นว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย กะเทยอันภิกษุไม่พึงให้บวช ภิกษุใดให้บวช ภิกษุนั้นพึงทำไม่ดี" ฯลฯ

ตสฺมา เตปิ ปาราชิกาฯ ความว่า เพราะกะเทยแม้เหล่านั้น เป็นผู้พ่ายแพ้แล้ว คือเปรียบเหมือนเป็นปาราชิกตั้งแต่เขาเป็นคฤหัสถ์ (คือบวชไม่ได้ตลอดชีวิต)

ปพฺพชฺชาปิ เนสํ ปฏิกฺขิตฺตา ฯ แม้การบรรพชาของคนพวกนั้นก็ทรงห้ามแล้ว

ปณฺฑโก ภิกฺขเว อนุปสมฺปนฺโน น อุปสมฺปาเทตพฺโพ อุปสมฺปนฺโน นาเสตพฺโพ ฯ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบันที่เป็นกะเทย ภิกษุไม่พึงให้บวช ที่บวชแล้วพึงให้สึกเสีย" ฯ
===============================================
+++ สรุปง่าย ๆ คือ "แมงกะตุ๊ดทุกเผ่าพันธ์" แม้ไม่ต้องบวช มันก็เป็น "ปาราชิก" โดยปริยาย ดังนั้น "เจอมันที่ไหน ให้ จับสึกที่นั่น"

+++ ดูง่าย ๆ ตรงที่ ณ ขณะที่พูดกันถึง "ศิษย์หลวงปู่ดูลย์" มันก็เอา "อวัยวะเพศหญิง" ขี้ไปที่ พระ

+++ ยัดเข้ามาใส่ "พระศิษย์หลวงปู่ดูลย์ อยู่แถวหัวหิน ใกล้น้ำตกป่าละอู" ทันที
+++ จิตใจอัน "โสโครก โสมม" แบบนี้ ไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใด ยอมให้มันเข้ามา "ทำลายศาสนา" แน่นอน

+++ ใครขืน "ยอมรับฟัง และ คล้อยตาม" คำพูดที่มาจาก อารมณ์แปรปรวน (Emotion Anomaly)
+++ ของเหล่า "แมงกะตุ๊ด" โดยเฉพาะพันธ์ "หัวฮีญ" ก็ให้ระวัง "สัญญาขันธ์" มันจะบันทึก วงจรกรรม ไว้ด้วย
+++ วงจร กรรม/วิบาก นี้จะบันทึกลงในบุคคลที่ "ยอมรับฟัง และ คล้อยตาม" แมงกะตุ๊ดพันธ์ต่าง ๆ ทั้งหมด
+++ นั่นแล พระพุทธเจ้า จึงทรง "บัญญัติ" ไว้ว่า "ห้ามบวช เจอที่ไหนให้ จับสึก" แมงกะตุ๊ด ทันที ไม่มีปราณีใด ๆ ทั้งสิ้น

 

อ่อ ไม่ใช่บวชเพื่อพ้นทุกข์ (บรรลุ)

บวชแก้บน บวชตามประเพณีสินะ


เจริญพวง

 

โอยปวดสมอง(เลื่อนมาจากกราม แก้ม จนมาเป็นสมองละนะ) ยกพระทุศีลมาโดยไม่เกี่ยวห่านไรกับ ตุ้ด นะตัวเธอว์ พวกตุ้ดมักจะมีอาการ เปลี่ยนเรื่อง และมโนเอาเองจนมั่วไปหมดอย่างที่ท่านผู้ชมได้เห็นแล้ว สรุปจะเปลืองข้าวสารไหมไม่รู้ แต่รู้ว่าตุ้ดเปลืองข้าวสุกแน่ถ้าไปแอบบวชให้เขามาจับสึก เลิกชักมหาสมุทรเถอะ จะไปจับปลาช่อนกินหรือไง

 

ห๊ะ

พระเทวทัต ท่านรักษาการครองผ้า
ถ้าไม่นับว่าอนันตริยะกรรมที่ท่านทำ

เริ่มต้นมาดี มีอภิญญา จัดว่าเยี่ยม

แต่พอเสื่อม มีแต่เรื่องตามรังควานพระพุทธองค์
วางแผน ทำนู่นทำนี่

แต่ละวีรกรรมนะ......

ลวกเพ่เรียกว่ายังครองผ้าได้??????


ไม่ใช่ว่าลงอเวจี แล้วจะหมดนะลวกเพ่
ขุมบริวาร ต่าง ๆ เที่ยวอีกนาน
กว่าจะขึ้นมา


เจริญพวง

 

เซ็งเป็ด


ต้องให้ ขาบอล

มาสอนธรรม


กลับไปดูบอล เหมือนเดิมดีฝ่า

อารัยกานเนี่ยยยยยยยย