เหรียญชินราชคุ้มเกล้า หลังภปร.พ.ศ. 2521

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 8 พฤษภาคม 2019.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    lp-rung.jpg
    หลวงพ่อรุ่ง ฆคสุวณฺโณ วัดหนองสีนวล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เป็นวัดดั้งเดิมที่เกี่ยวข้อง กับกองบิน ๔ มากที่สุด อยู่ห่างจากพื้นที่กองบิน ๔ ไม่ถึง๑ ก.ม. โดยอยู่ทิศเหนือของ กองบิน ๔ ( หลังกองบิน ๔ ) ซึ่งวัดนี้หลวงพ่อรุ่งเป็นผู้นำสร้าง และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก

    หลวงพ่อรุ่ง ฆคสุวณฺโณ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๔๑๒ ที่บ้านหัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โดยบิดาชื่อ แป้น แป้นโต โยมมารดาชื่อ พุ่ม แป้นโต อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดมะปรางเหลือง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยมีหลวงพ่อปั้น วัดหัวถนน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อเงิน วัดมะปรางเมือง เป็นกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเทศ วัดสระทะเล เป็นอนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำ
    พรรษา ณ วัดมะปรางเหลือง

    ศึกษา – พัฒนา ได้ศึกษาธรรมวินัยที่วัดมะปรางเหลืองกับพระกรรมวาจาจารย์ ทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระปรากฏว่าท่านสามารถหยั่งรู้ความเป็นไปของสัตว์ในคติภพต่างๆ เมื่อศึกษาจนเป็นที่พอใจในระดับหนึ่งแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดคือวัดหัวหวาย และเมื่อวัดว่างเจ้าอาวาส ท่านก็ได้รับเป็นเจ้าอาวาสวัดหัวหวาย ในขณะที่พรรษาได้ประมาณ ๕ พรรษาต่อมาที่บ้านหัวหวายมีความเดือดร้อนลำเค็ญเกี่ยวกับเรื่องน้ำและสภาวะบีบคั้นด้านอื่นๆ ท่านสงสารญาติโยมจึงได้จาริก แสวงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่โดยท่านได้ใช้วิชาที่ศึกษาเล่าเรียนมาเสี่ยงทายหาทำเลที่เหมาะสมประมาณ ๔-๕ ที่ จึงได้มาพบหนองน้ำที่มีนกเขาชุกชุมมากและมีนกเขาตัวหนึ่งสีนวลสวยงามเป็นจุดเด่นอยู่ด้วย ท่านจึงตกลงใจยึดทำที่เหมาะสมกลับไปนำญาติโยมจากบ้านหัวหวายอพยพมาอยู่ครั้งแรก ๓๐ ครอบครัว ต่อมาได้อพยพตามมาเป็นจำนวนมาก ท่านได้รื้อกุฏิและศาลาวัดหัวหวายมาสร้างที่ วัดหนองสีนวลด้วยโดยได้สร้าง วัดหนองสีนวล เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๔ ตรงกับรัชสมัยของพระปิยมหาราช ร.๕

    ครั้งถึง พ.ศ.๒๔๕๓ ท่านได้พบ แสงศร และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๖ ด้วยตนเอง ซึ่งพระแสงศรดังกล่าว จัดเป็นของสำคัญอีกอย่างหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ด้วย

    ความเกี่ยวพันกับหลวงพ่อเดิมฯ หลวงพ่อรุ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับหลวงพ่อเดิม (เป็นพี่หลวงพ่อเดิม ๑๑ ปี) โดยโยมมารดาของท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกันและท่านทั้งสองได้ช่วยกันปฏิบัติศาสนกิจมาโดยลำดับเช่น การก่อสร้างอุโบสถ วัดหนองสีนวล ก็ปรากฏว่าหลวงพ่อเดิมได้มีส่วนช่วยในการก่อสร้างจนสำเร็จลุล่วงอย่างรวดเร็ว

    หลวงพ่อรุ่งได้พัฒนาวัดหนองสีนวลมาโดยลำดับจนถึง วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๙ ท่านได้มรณภาพละสังขาร สิริรวมอายุได้ ๗๗ปี พรรษา ๕๔ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสีนวล ๔๔ ปี
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ปี๒๕๒๒ ลพ.โอดวัดจันเสน ปลุกเสก ศิษย์หลวงพ่อรุ่งโดยตรง ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    ลพ.รุ่ง.jpg ลพ.รุ่งหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2019
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่พวง สุวีโร ( พระครูวีรธรรมานุยุต )

    1647-c416.gif วัดป่าปูลูสันติวัฒนา
    ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี

    นามเดิม พวง สีทะเบียน

    เกิด วันจันทร์ ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ตรงกับวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ปี มะโรง บ้านเกิด ณ บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
    บิดามารดา นายจุ่น สีทะเบียน และนางมา ขันตีพันธุวงศ์ พี่น้อง ทั้งหมด ๑๔ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๘

    บรรพชา เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๓

    อุปสมบท วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ เวลา ๑๕.๔๐ น. ณ อุทกุกเขปสีมากลางน้ำหนองแวง อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร โดยมีพระครูพุฒิวราคม (พุฒ ยโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    เรื่องราวในชีวิต เมื่อท่านอายุได้ ๑๖ ปี ได้ทำงานประมงบ้าง ทำงานต้มสุราบ้าง ไม่นานก็ได้ยินข่าวว่ามารดาป่วยหนักจึงลางานไปเยี่ยมมารดา ก่อนมารดาของท่านจะสิ้นลม ได้สั่งท่านว่า “บวชให้แม่นะ ถ้าลูกไม่บวชให้ แม่จะตายตาไม่หลับ” ท่านยก็รับปากแล้วมารดาก็สิ้นใจ ด้วยจิตศรัทธาอยากจะบวชอยู่แล้ว ในช่วงที่รอเวลาเหมาะที่จะบวชอยู่นั้น ท่านได้แสวงหาฟังธรรมะจากครูบาอาจารย์อยู่เรื่อย ๆ เช่น ไปฟังธรรมะพระอาจารย์สิงห์ สหธมฺโม พระอาจารย์พร สุมโน พระอาจารย์สีลา เทวมิตโต เมื่อ ถึง พ.ศ.๒๔๙๐ ท่านได้นุ่งขาวห่มขาวอยู่กับพระอาจารย์สีลา เทวมิตโต อยู่ถึง ๒ ปี จึงได้บวช ในช่วงระยะนั้นท่านยังได้ฟังธรรมของหลวงปู่ขาว อนาลโย ที่มาแวะเวียนธุดงค์อยู่แถวนั้นด้วย อีกทั้งยังเป็นช่วงที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตอาพาธหนัก ท่านได้ช่วยหามหลวงปู่มั่นไปจนถึงวัดป่าสุทธาวาส และหลวงปู่มั่นก็มรณภาพ ณ ที่นั่น ท่านจึงได้อยู่ช่วยงานถวายเพลิงศพหลวงปู่มั่นจนแล้วเสร็จจึงได้บวช

    หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้ออกปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ได้ออกธุดงค์กรรมฐานไปในเขตหลายจังหวัด ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ และได้รับการอบรมกรรมฐานจากครูบาอาจารย์หลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต หลวงปู่มหาบุญมี สิริธโร เป็นต้น และได้มาก่อตั้งวันป่าปูลูสันติวัฒนา ที่บ้านปูลู ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี หลวงปู่พวง สุวีโร มีสหธรรมมิกที่เคยร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกัน หลายรูป อาทิเช่น หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ หลวงปู่จันทร์โสม กิตติกาโร หลวงปู่ท่อน ญาณธโร หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม เป็นต้น

    ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัยองค์หนึ่ง และปฏิปทาอันสืบทอดมาจากองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตเป้นกำลังสำคัญในการเผยแผ่ศาสนาธรรม คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กระจายไปทั่วทั้ง ๘ ทิศ ด้วยน้ำเสียงและสำนวนการเทศนาที่ไพเราะน่าฟังของท่านเป็นเหตูให้มีผู้เลื่อง ใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาและองค์ท่านเป็นจำนวนมาก ท่านได้ถึงแก่มรณภาพในขณะกำลังนั่งภาวนา ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ

    มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๖ เวลา ๐๙.๕๐ น. ด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ณ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพฯ
    ข้อมูลพิเศษ * คู่นาคที่บวชพร้อมกับหลวงปู่ในครั้งนั้น คือ พระราชญาณมุนี (บุญมี ฐิตปุญโญ) เจ้าคณะจังหวัดสกลนครองค์ปัจจุบัน(พ.ศ. ๒๕๕๐)

    ธรรมโอวาท
    “...คนจะดีหรือเลวก็เพราะจิตนี่แหละเป็นตัวการอันสำคัญ เพราะจิตเป็นธรรมชาติอันวิจิตร จึงทำให้สัญญาคือความจำวิจิตร เพราะสัญญาวิจิตรจึงทำให้ตัณหาวิจิตร เพราะตัณหาคือความทะเยอทะยานอยากวิจิตรจึงทำให้คนเราทำกรรม”


    “...การไม่เกิดนั่นแหละเป็นการดี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้ากิเลสยังมีอยู่ มันก็เกิดอยู่ร่ำไป เพราะความคิดเป็นเหตุให้เกิดความอยาก ความอยากเป็นต้นเหตุให้เกิดการกระทำ การกระทำเป็นเหตุให้เกิดการได้คือบุญบาป เมื่อมีบุญบาปก็ต้องเกิดอีกต่อไป...”


    “...สมาธิและปัญญาเปรียบเสมือนตะเกียงและแสงสว่างของมันเอง มีตะเกียงก็มีแสง ไม่มีตะเกียงมันก็มืด ตะเกียงนั่นแหละที่เป็นตัวการแท้ของแสงสว่าง และแสงสว่างเป็นแค่สิ่งซึ่งแสดงออกของตะเกียงโดยชื่อ ฟังดูแล้วเป็นสองอย่าง แต่โดยเนื้อแท้แล้วมันเป็นของอย่างเดียวกัน และทั้งเป็นอันเดียวกันด้วย..”

    1648-ebc3.jpg

    ภาพหลวงปู่พวง กับหลวงปู่บุญพิน กตปุญโญ คราวไปนมัสการพุทธสถานอินเดีย

    ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14422

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนสมเด็จโตหลังหลวงพ่อพวง ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลพ.พวง.jpg ลพ.พวงหลัง.jpg
     
  3. wangbao

    wangbao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +151
    ขออนุญาตจองเหรียญที่1 ลพ.แช่ม ลพ.เต้า ครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    คชสารหนุมาน อาจารย์ธิ วัดพระยาญาติ บางปะอิน อยุธยา

    ท่านเป็นพระอาจารย์สักยันต์ วัตถุมงคลท่านสวยงดงามเข้มขลังไม่ค่อยพบเห็นลองหาอานประวัติท่านดูกันนะครับ

    ให้บูชา 500บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%83%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3-jpg.jpg B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%83%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญหลวงพ่ออาคม วัดยายร่ม บางมด กรุงเทพ ลองหาประวัติท่านอ่านดูครับ มีลงทั้งยูธูปเฟสบุค มากมาย
    ให้บูชา 300บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลพ.อาคม.JPG ลพ.อาคมหลัง.JPG
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318

    ddd.jpg


    ประวัติ หลวงพ่อดี วัดพระรูป

    หลวงปู่ดี จัตตมโล หรือพระครูสุนทรสุวรรณกิจ พระเกจิชื่อดังจังหวัดสุพรรณบุรี ต้นตำรับพระขุนแผน ผงสุพรรณ และพระปิดตา นามเดิมว่า นายดี ศรีขำสุข เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2454 ที่บ้านคันลำ ต.ดอนตาล อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปั้น และ นางหรุ่น ศรีขำสุข มีพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง
    ในช่วงวัยเยาว์ ได้ติดตามพี่ชายคือ พระอาจารย์เผื่อน ปุสสชิโน (ศรีขำสุข) ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ มาอยู่อาศัยที่วัดพระรูป ได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมกับ พระอาจารย์คง วัดไชนาวาส เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และเรียนหนังสือไทยกับ พระอาจารย์ช้าง เจ้าอาวาสวัดพระรูป ครั้นอายุ 23 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดไชนาวาส โดยมี พระครูสมณะการพิสิฐ (หลวงพ่อท้วม) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูถาวรสุวรรณคุณ (หลวงพ่อคำ) เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และ พระอาจารย์บุญ วัดไชนาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังจากอุปสมบทได้อยู่จำพรรษาที่วัดพระรูป และเป็นเจ้าอาวาสวัดพระรูป ในเวลาต่อมา
    พ.ศ.2488-2520 หลวงปู่ดี ได้ร่วมกับคณะกรรมการวัด พระภิกษุ-สามเณร บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด เช่น กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ พระอุโบสถ
    พ.ศ.2508-2514 หลวงปู่ดี ได้สร้างพระเครื่องและพระบูชาแบบต่างๆ เพื่อหาเงินสร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์
    หลวงปู่ดีได้นิมนต์พระคณาจารย์ รวบรวมดอกไม้ร้อยแปด ว่านร้อยแปด แร่ธาตุต่างๆ และผงกรุต่างๆ นำมาสร้างพระเครื่อง
    พระเครื่องทุกแบบ ทุกพิมพ์ ทุกรุ่น ที่หลวงปู่ดีสร้างปรากฏว่าได้รับความนิยม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่งถึงระดับประเทศ ได้ชื่อว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังระดับประเทศอีกรูปหนึ่ง ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    จนกระทั่ง เมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 18 ก.พ.51 หลวงปู่ดีได้ละสังขารสิริอายุ 96 ปี พรรษา 73 ลูกศิษย์ท่านมีทั้งเจ้านายผู้ใหญ่ คนร่ำรวย และคนยากคนจนแต่ท่านก็สงเคราะห์ลูกศิษย์เท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นศิษย์คนพิเศษแต่อย่างใด ทุกวันนี้ท่านยังอยู่ในใจคนที่เคารพท่านเสมอ ไม่ใช่เพียงการสะสมพระเครื่องเท่านั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรัชกาลที่๕ หลวงปู่ดีอธิฐานจิตเสก ให้บูชา 100บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลป.ดี.JPG ลป.ดีหลัง.JPG
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    http://www.สัญญโม.com/

    พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อลำใย วัดสะแก ปี ๒๕๔๗ ให้บูชาองค์ละ 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ มี 2 องค์ครับ(ปิดรายการทั้ง2องค์)

    องค์ที่ 1

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%A21-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%A21%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg

    องค์ที่ 2

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%A22-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%A22%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2019
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    วันนี้จัดส่ง

    EW 0919 3286 5 TH อุทัยธานี

    EW 0919 3287 4 TH ชลบุรี

    ขอบคุณครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    lp-kumpong-008-02-jpg.jpg

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-kumpong/lp-kumpong_hist.htm
    วันนั้นหลวงปู่อ่อนศรีเป็นหัวหน้านำลงอุโบสถ ท่านบ่นถึงเรื่องที่ท่านไม่สบายอยู่ และพระลูกวัดสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ (สวดวินัยสงฆ์ ๒๒๗ ข้อเป็นภาษาบาลี สวดองค์เดียวให้พระที่ลงอุโบสถฟัง ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงจะครบทุกข้อที่พระพุทธองค์บัญญัติ) ท่านบอกว่า

    “เรานี่เลี้ยงลูกศิษย์ลูกหามาทำไม เลี้ยงมาแล้วทำไมไม่ช่วยเราสวดบ้าง จะให้ไอ้เฒ่านี้สวดไปถึงไหน เราจะตายอยู่แล้ว คนอื่นทำไมไม่เรียนกันบ้าง ศึกษากันบ้าง”

    คำพูดนี้มันเสียบเข้าไปในหัวใจหลวงพ่อ

    “เมื่อไหร่หนอเราจะอ่านหนังสือออกบ้าง ถ้าเราอ่านหนังสือออก เราจะสวดปาฏิโมกข์ถวายท่าน แต่เราก็ยังอ่านไม่ออก”

    พอลงอุโบสถเสร็จหลวงพ่อท่านขอหนังสือปาฏิโมกข์จากท่านเล่มหนึ่ง บอกท่านว่า

    “จะเอาไปบูชา”

    ท่านไม่อยากให้ ท่านว่า “จะเอาไปกินสิงกินแสงอะไร เขียนชื่อเจ้าของก็ไม่ได้ จะเอาไปทำอะไร”

    หลวงพ่อยืนยันว่า “จะเอาไปบูชา”

    ท่านก็เฉย ขออยู่ ๒-๓ ครั้ง ท่านโมโห หรือว่าอย่างไรก็ไม่รู้ ท่านให้เหมือนประชด ทิ้งหนังสือเพล๊ะ

    “เอ้า ไปกินขี้ไต้ไปเสีย” ว่างั้น

    ได้หนังสือแล้วกราบลาท่าน ๓ ครั้ง สะพายย่ามกับบาตรขึ้นเขาไป
    lp-kumpong-016-01-jpg.jpg

    (๘) เหตุอัศจรรย์ที่ถ้ำพระ (พรรษาที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๘๘)

    พอขึ้นมาถึงถ้ำพระไม่รู้จะทำอย่างไรเอาหนังสือปฏิโมกข์วางไว้บนหัวนอน แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า

    “ถ้าหาก….ข้าพเจ้า จะได้สืบพระพุทธศาสนา ยังจะเป็นครูบาอาจารย์ ยังจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของหมู่คณะ และจะยังรักษาพระธรรมวินัย ขอให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือออกด้วยเถิด ข้าพเจ้าอยากได้ หากเป็นไปไม่ได้ ข้าพเจ้าไม่สามารถจะคุ้มครองพระธรรมวินัย ไม่สามารถรักษาหมู่คณะได้ ก็ขออย่าให้ข้าพเจ้าได้ หากจะเป็นไป ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้”

    จบคำอธิษฐาน ทำสมาธิทำใจให้เป็นกลางอย่างเด็ดขาด ไม่อยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น

    พลัน…..ก็ปรากฏภาพนิมิตในสมาธิ

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ด้านหน้าท่ามกลางแสงฉัพพรรณรังสีสาดสว่างทั่วถ้ำ ประทับอยู่ด้านหน้าตู้พระไตรปิฎก พระองค์ยื่นหนังสือสามเล่ม มอบกับหลวงพ่อ คือ พระสูตร ๑ พระวินัย ๑ พระปรมัตถ์ ๑ แล้วพระองค์เสด็จกลับขึ้นไปบนฟ้า แสงฉัพพรรณรังสีกระจายเต็มท้องฟ้าลับหายจากสายตาไป

    หลังจากนั้นอีก ๒-๓ วัน ขณะที่หลวงพ่อทำสมาธิภาวนาจนจิตสงบเป็นสมาธิแน่วแน่ จะเป็นเพราะแรงอธิษฐานหรืออะไรไม่ทราบ มาดลบันดาลให้หลวงพ่อเห็นเป็นตัวหนังสือคล้าย ๆ กับที่เขียนไว้บนฝาผนังเป็นแถว ๆ แถวนี้อ่านอย่างนี้ ตัวนี้อ่านอย่างนี้ อ่านไปอ่านไปก็หมดให้เห็น แต่จำได้ว่า ตัวนี้อ่านอย่างนี้ ตัวนั้นอ่านอย่างนั้น ก็จำไว้

    ทีหลังอยากจะได้ต่อไปอีก ก็ขออีก ได้ยินในหู เสียงให้อ่านอย่างนั้น อ่านตามเสร็จก็หมดไป หมดปัญญาที่จะอ่านอีก ก็อาศัยคำอธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้ารู้” ก็ได้ยินเสียงอ่านอีก ว่ากันไปเรื่อย ๆ นานเข้า ๓-๔ วัน ตัวเก่าที่เคยอ่านไว้ ก็จำไว้ได้ว่า ออกเสียงอย่างนี้เป็นตัวนี้ อันนี้เป็นตัว ก.ไก่ เหมือนกัน เพราะอ่านออกเสียง ก. เหมือนกัน ตัวที่อ่านไม่ได้ ก็มีเสียงมาบอก ตกลงอ่านไป สวดไป ราวสักเดือนหนึ่ง ก็จบปาฏิโมกข์

    (๙) สอบทานการสวดปาฏิโมกข์ (พรรษาที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๘๘)

    เมื่อสวดปาฏิโมกข์ด้วยเหตุอัศจรรย์ที่ถ้ำพระ หลวงพ่อก็ถือหนังสือ สะพายบาตรลงมาหาหลวงปู่อ่อนศรี เพื่อให้ท่านช่วยสอบทานให้ว่าถูกต้องเป็นความจริงไหม พอจะสวดให้ท่านฟัง ท่านก็ว่าเอา

    “พระผีบ้า มาสวดอุตริเอาอะไร หนังสือก็อ่านไม่ออกสักตัว จะมาอ่านปาฏิโมกข์ได้อย่างไร”

    หลวงพ่อก็เฉย แต่ตั้งใจว่า ถ้าท่านไม่อ่านทานให้ก็จะไม่ขึ้นเขาขึ้นถ้ำ จะนอนเฝ้าอยู่ที่วัดล่างนี้จนกว่าท่านจะสอบทานให้

    ค่ำลงก็ไปนวดท่าน เล่าให้ท่านฟังและขอให้หลวงปู่สอบทานให้พรุ่งนี้ ท่านก็นอนเสีย ท่านไม่พูด หันไปพูดเรื่องอื่น นวดไปนวดมาจนถึงเที่ยงคืน ท่านก็บอกให้เลิก เลิกมาแล้วหลวงพ่อก็ยังมานั่งคิดว่า ท่านจะสอบทานให้หรือเปล่าหนอ คิดทวนหน้าทวนหลังอยู่อย่างนั้น

    พอรุ่งเช้าฉันข้าวแล้วไปกราบท่านอีก ให้ท่านสอบทานให้ ทนฟังหลวงพ่ออ้อนวอนไม่ได้ ท่านก็ว่า “เอามาได้จริงๆ หรือ”

    หลวงพ่อถือหนังสือไปกราบลงถวายท่าน หลวงพ่อสวด ท่านก็อ่านสอบทานให้ ตัวไหนผิดท่านก็บอกให้ ตัวไหนลงไม่ถึงฐานอย่างตัว ถ. ถุง ตัว ฐ. ฐาน ตัว ณ เณร เป็นต้น เสียงออกจมูกไม่ค่อยถึงฐาน ท่านก็บอกว่าฐานไม่ถึง

    หลังจากนั้น พอมีผู้รับรองว่าอ่านถูกต้อง ก็บอกกับตนเองว่า “ทีนี้ล่ะ เราจะอ่านเจ็ดตำนาน อ่านสัมพุทโธ โยจักขุมา ไปสวดกับเขาบ้าง เราอ่านหนังสือออกแล้วทีนี้”

    ตกลงตั้งแต่นั้นมาอ่านหนังสือออกได้เรื่อยมา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาหลวงปู่คำพอง ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%87-jpg.jpg 5%E0%B8%9B-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง ปี๒๕๑๗ ออกวัดลาดพร้าว เหรียญออกแบบสวยแกะบล๊อคได้สวยคม ไม่เคยเห็นพิมพ์นี้
    พระปิดตาหลวงปู่คำพอง ให้บูชา 200 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลพ.แพ.jpg
    ลพ.แพหลัง.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    https://palungjit.org/threads/หลวงพ่อคลี่วัดประชาโฆสิตตาราม-สมุทรสงคราม.276585/
    หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม ลองอ่านประวัติในเวปดูก่อนครับ

    เหรียญหลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตารามหลังภปร. กะไกล่ทองสววยเดิมให้บูชา 200 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.คลี่.jpg ลพ.คลี่หลัง.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    upload_2019-5-15_12-43-6.jpeg
    หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ถือกำเนิดเมื่อ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๔ ตรงกับพุธ แรม ๖ ค่ำ เดือนยี่ ปีระกา ณ บ้าน ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ ?เสือ? มาราชื่อ ?ยิ้ม? นามสกุล ?พุทธศร? โดยโยมบิดาเป็นผู้ใหญ่บ้านจอมขมังเวทย์ เป็นคนใจดี แต่สนใจเรื่องวิชาอาคมต่างๆ เวลาดื่มเหล้าชอบเคี้ยวแก้วเล่นประจำ แสดงให้ชาวบ้านเห็นว่าวิชาคงกระพันชาตรีของโบราณเป็นของแท้มีจริง แถมยังมีพุทธาคมดับพิษไฟได้ถึงขนาดพ่นไฟ อมไฟเล่นให้ชาวบ้านเห็นเสมอๆ และเป็นการจุดประกายขึ้นภายในจิตใจของ ด.ช. ไสว พุธทศร ให้ชอบและเชื่อในเรื่องของอำนาจเวทมนต์คาถาอาคมขมัง และพุทธานุภาพของพุทธมนต์ต่างๆ ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเยาว์ ต่อมาบิดาเสียชีวิตแล้ว ท่านก็ได้ร่อนเร่พเนจร ไปอยู่ที่ต่างๆ หลายแห่งกระทั่งผลบุญนำมาเป็นเด็กวัดยายส้มหรือวัดปรีดารามในปัจจุบัน ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดปรีดารามเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดปรีดาราม โดยหลวงปู่ใจ วัดเชิงเลนเป็นพระอุปัชฌาย์สามเณรไสว พุทธศร ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดปรีดารามเป็นเวลา ๔ ปี ครั้นที่วันที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมา วัดปรีดาราม โดยหลวงพ่อใย วัดบางช้างใต้ เป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เจิมวิสุทธิญา โณ เจ้าอาวาสวัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เปลื้อง ยติมณี วัดจินดาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ?ฐิตวณฺโณ? จำพรรษาอยู่ที่วัดปรีดาราม ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมสอบ ได้นักธรรมชั้นเอก พร้อมทั้งศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐาน และร่ำเรียนอย่างอุกฤษฏ์ด้านวิทยาคม ไสวเวทย์ วิชาอาถรรพณ์ เร้นลับ พุทธคมต่างๆ มีความรู้ลึกซึ่งเป็นพหูสูตมาตั้งต้น และนำมาช่วยญาติโยมเห็นผมเป็นที่ประจักษ์


    บูรพาจารย์ที่ถ่ายทอดวิทยาคม ให้หลวงพ่อมีทั้งฆรวาสและบรรพชิต โดยท่านเป็นผู้คงแก่เรียนเมื่อทราบว่ามีครูบาอาจารย์ดีเก่งกล้าอยู่ที่ทิศใด ท่านก็จะดั้นด้นไปหา ขอศึกษาหาความรู้จนแตกฉาน เรียกว่า ปรนนิบัติอาจารย์เป็นเลิศ อาจารย์ก็เมตตาเห็นว่าตั้งใจจริง จึงถ่ายทอดวิชาให้ ชนิดแบบหมดไส้หมดพุง ถึงลูกถึงคนถึงพริกถึงขิง คือทดลอง ให้เห็นกันจะจะเลยทีเดียว ศิษย์ทำได้ถือว่าสำเร็จ แม้บางครั้งเสี่ยงต่อชีวิตแต่หลวงพ่อก็ไม่ย้อท้อ ขอเพียงให้ได้วิชาหรือศาสตร์อันลึกล้ำพิสดารนั้นมาท่านก็พอใจแล้วครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อไสว เท่าที่พอจะประมวลได้พอสังเขปมีดังนี้


    ๑.หลวงปู่พูน เกสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นยอดพระเกจิฯ ร่นเดียวกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผัดกูด และสหธรรมิกรุ่นพี่ของ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งหลวงพ่อเงินท่านนับถือหลวงปู่พูน ในฐานะเป็นพระเกจิฯ รุ่นอาวุโสและเคยนิมนต์ให้มาปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นแรกๆ ของท่านหลวงปู่พูนท่านเป็นเจ้าตำรับวิชาคงกระพันชาตรี ขนาดใช้ฝ่ามือผ่าไม้รวกได้ วัตถุมงคลหลวงปู่พูน เซียนพระรุ่นเก่าๆรู้จักกันดี เช่นพระสังกัจจายน์ เนื้อผงใบลาน นางกวัก เนื้อผงดินเผา ปลัดขิก เหรียญรุ่น ๑ พ.ศ.๒๔๙๐ ผ้ายันต์-ผ้าประเจียด-ตะกรุดโทนปัจจุบันโด่งดังแต่หายากมาก หลวงพ่อไสว ได้รับการถ่ายทอดวิชา การลงอักขระเลขยันต์คงกระพันชาตรี วิชามหาอุด วิชาเมตตามหานิยม และอาถรรพ์เวทย์หลายด้านครบถ้วนจากหลวงปู่พูน ชนิดที่เรียกว่าครอบจักรวาลทีเดียว ที่หลวงพ่อไสวโด่งดังมากคือ ตะกรุดโทน ตำรับหลวงปู่พูน

    หลวงปู่พูน มรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ปัจจุบันมีรูปเหมือนขนาดเท่าองศ์จริงประดิษฐานอยู่ที่ ณ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นที่เคารพนับถือของคนนครปฐมมาก ทุกครั้งที่ทางวัดมีงานสำคัญ จะนิมนต์หลวงพ่อไสว ไปร่วมงานในฐานนะศิษย์เอกหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อันเป็นที่ อมตะในตำรับผ้ายันต์-ตะกรุดโทน


    ๒.หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม (วัดปรีดาราม) ท่านบวชที่ วัดใหม่ปิ่นเกลียว เป็นศิษย์รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่พูน ลำได้รับการถ่ายทอดพุทธวิทยาคมไปจากหลวงปู่พูน หลวงพ่อไสว ได้รับการฝึกฝนสมาธิจิตพื้นฐาน จากหลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม เมื่อได้เคล็ดวิชาเบื้องต้นแล้ว หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม จึงได้นำหลวงพ่อไสวไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่พูน ซึ่งเป็นปรมาจารย์จึงได้รับการถ่ายทอดสรรพวิทยาคาทั้งหมดฯลฯ ในปัจจุบันมีรูปเหมือนเท่าจริงหลวงพ่อเงิน ประดิษฐานอยู่หน้าอุโบสถหลังเก่าวัดปรีดาราม


    ๓.อาจารย์ยัง เพชรบุรี เป็นครูสักยันต์ชื่อดังระดับประเทศ เคยบวชเรียนและศึกษาพุทธาคมจากหลวงปู่พูน วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาจารย์ยัง ท่านเก่งทางวิชาหาสะเดาะ สะเดาะลูกกุญแจหรือกลอนประตูดุจ ขุนแผน กลับชาติมาเกิด หลวงพ่อเงิน วัดยายส้ม นำหลวงพ่อไสว ไปเรียนวิชาบางประการ อันเป็นเอตทัคคะของอาจารย์ยัง อาจารย์ยังเกรงใจหลวงพ่อเงิน จึงถ่ายทอดวิชาพิเศษให้

    หลวงพ่อไสว อาทิเช่น การทำมหายันต์กำเนิดนารายณ์ อันมีฤทธานุภาพยิ่งต่อมาผ้ายันต์กำเนิดนารายณ์ของหลวงพ่อไสว ก็โด่งดังลือลั่นมีศิษย์หลวงพ่อคนหนึ่งเผชิญมหาภัย ใช้ผ้ายันต์อธิษฐาน

    ทำให้ฝ่ายตรงข้ามมองมาเห็นตัว กลับเห็นคนโพกผ้าแดงเต็มไปหมด จึงหนีรอดจากปวงภัยไปได้ด้วยปาฏิหาริย์ผ้ายันต์นั้น นอกจากนี้ป้องกันภูตผีปีศาจ ด๗รผู้ร้ายไม่อาจทำอันตรายได้ นิยมติดผ้ายันต์นี้ไว้เหนือประตูบ้าน มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก มีผู้นักพบประสบการณ์มากมาย


    ๔.เสือย้อยชูรอด เป็นเสือร้ายจำใจในอดีต เป็นคนหมู่บ้านถนนขาด แถวเกาะวังไทร นครปฐม ตอนหลังกลับใจเป็นคนดีเป็นจอมขมังเวทย์ฤทธิ์เวทย์ขมังขลังนักเป็นที่เลื่องลือหลวงพ่อไสว ได้ขอเรียนวิชา ?ยันต์หน้าพระ? หรือนะหน้าคนจากเสือย้อย ซึ่งได้รับการประสิทธิ์ประสาทให้ด้วยความเต็มใจชนิดครอบครูยกตำรับตำราให้เลย หลวงพ่อไสวฝึกฝนสูตรสนธิแม่นยำ และประทับใจในยันต์หน้าพระมาก หลวงพ่อไสวจึงใช้ยันต์เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวท่าน โดนใช้ยันต์นี้ประทับอยู่ด้านหลังเหรียญของท่านแทบทุกรุ่น ได้รับปรากฏอิทธานุภาพเป็นที่รำลือเช่นกัน ตำรับยันต์หน้าพระเสือย้อยได้มอบแก่ ?พระอาจารย์สำราญ? วัดเขาตะเครา และพระราชสุธรรมเมธี (หลวงพ่อ-เทพ) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวิหาร อีกด้วย หลวงพ่อไสวจะเขียวยันต์นี้เจิมบ้าน เจิมรถ ลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์ โดยบริกรรมภาวานาเรียกสูตรเรื่อยไปตากตำรับ ห้ามยกดินสอ กระทั่งเขียวเสร็จ


    ๕.หลวงพ่อขาว วัดสวนส้ม อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาครเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา ?ปิดทองเข้าหน้าผาก? หรือลงนะหน้าทองตำรับพิสดารให้แก่หลวงพ่อไสว เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง ต้องใช้พลังจิตชั้นสูงบริกรรมภาวานา โดยปิดทองคำเปลวที่หน้าผาก โดยใช้ ๓ แผ่นบ้าง ๙แผ่นบ้าง โดยไม่ต้องแกะกระดาษปิดออก หลวงพ่อเสกบริกรรม แล้วตบเบาๆ เปรี้ยงเดียวแผ่นทองคำก็หายไปในหน้าผากทั้งหมด มีอาณุภาพทางเมตตามหานิยม คุ้มภัยนานา


    ๖.อาจารย์ปิ่น รอดคลองตัน สมุทรสาคร เก่งในเรื่อง ?ปลัดขิก? เพราะเป็นศิษย์หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นศิษย์หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา เป็นศิษย์หลวงปู่พูน

    วัดใหม่ปิ่นเกลียว ปลัดขิกของหลวงพ่อไสวมีผู้อาราธนาฟาดสายรุ้ง ขาดออกจากกัน และเมื่อปลุกเสกในบาตรน้ำมนต์ วิ่งพล่านดุจมีชีวิต และกระโดดออกจากบาตรได้ ปัจจุบันหลวงพ่อไสว เป็นศูนย์รวมหนึ่งเดียวของการปลุกเสกปลัดขิกมีอานุภาพอัศจรรย์ปรากฏชื่อเกียรติคุณอยู่ในขณะนี้



    ๗.อาจารย์แช่ม ตะโกสูง จ.นครปฐม เป็นศิษย์หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อแช่มนั้นเป็นศิษย์ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์หลายประการรวมทั้งย่นระยะทางได้ อาจารย์แช่มเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาแพทย์แผ่นโบราณตำรับพุทธมนต์โอสถแก่หลวงพ่อไสว ซึ่งหลวงพ่อไสว เคยรักษาโรคร้ายแรง ที่โรงพยาบาลไม่รับ หายมาแล้วมากมาย ฯลฯ


    ๘.พระปลัดตู่ วัดหนองเสือ มีวิชาเร้นลับสำคัญอยู่ เรียกว่า วิชาตกวิญญาณ สำหรับใช้เรียกวิญญาณคนตกน้ำตายเพื่อนำวิญญาณไปอยู่ในที่อันควร พระปลัดตู่ได้ถ่ายทอดวิชาตกวิญญาณ

    ให้หลวงพ่อไสวอย่างสมบูรณ์แบบได้ผลอัศจรรย์ยิ่งพิธีสังเขปคือ เมื่อเรียกวิญญาณปลุกเสกหุ่นเสร็จ ตั้งเครื่องเสียกบาลต่างๆ แล้วใส่กระทงกากล้วย ทำบัตรพลี ใช้เบ็ดตกปลาเกี่ยวดินอาคมหย่อนลงไปในน้ำที่มีคนตกไปตาย บริกรรมคาถาเรียกวิญญาณ ผู้ที่มาเห็นปรากฏการณ์ประหลาดมีคลื่นวิ่งเป็นทางยาว สายเบ็ดกระตุกดุจมีปลาใหญ่มากินเหยื่อ จนคันเบ็ดโค้งโก่งไปโก่งมา ต้องกันดึงขึ้นมา ฯลฯ เรื่องนี้ชาวบ้านคลองจินดาต่างประจักษ์กันดี การตายโหงทุกรูปแบบหลวงพ่อก็ไปทำพิธีมาหมดแล้วแม้แต่มีผีเจ้าของสิงที่ไหนท่านก็เคยปรากมาหมดแล้ว โดยมากพาคน โดนผีเข้าที่อาการหนัก มารดน้ำมนต์หลวงพ่อ ผีดิ้นพราด ร้องโหยหวนวังเวง ก่อนจะออก


    ๙.หลวงพ่อประพันธ์ คำสิงห์ อยู่ในถ้ำดงพญาไฟ ได้ถ่ายทอดวิชาสร้างพระปรอท-ธาตุกายสิทธิ์ให้ศิษย์คนหนึ่งที่รับสัจจะเลิกเป็นโจรสลัด ต่อมาศิษย์คนนั้น ได้ถ่ายทอดวิชาให้แก่หลวงพ่อไสว หลวงพ่อได้สร้างพระปรอทแจกทหารเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทหารหาญผ่านสมรภูมิอย่างโชกโชน ถูกยิงไม่เข้า แคล้วคลาดจากระเบิด ปราศจากโรคภัยรอดมาได้ฯลฯนอกจากนี้หลวงพ่อไสวยังได้ไปเรียนวิชาอาคมเป็นเกร็ดเล็กน้อย จากพระเกจิอาจารย์อีกหลายรูป อาทิ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เจ้าแห่งการสร้างพระราหูดันเลื่องลือ เป็นต้น เหตุที่หลวงพ่อไสวมีจิตตานุภาพสูง ก็เพราะท่านได้บำเพ็ญธุดงค์วัตรฝึกสมาธิจิตหลังจากสอบได้นักธรรมเอก โดยอธิฐานออกธุดงค์ในพรรษาที่ ๓ มุ่งหน้าสู่ภาคอีสานไปมนัสการ พระธาตุพนม พรรษที่ ๗ ธุดงค์จาริกไปทางเขาวงพระจันทร์ ดินแดนถ้ำผาท้าวกกขนาก จ.ลพบุรี สู่ จ.อุตรดิตถ์ ฯลฯ สมัยนั้นเป็นป่ารกทึบ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิด และคลาคล่ำด้วยภูตผีปีศาจโขมดดง ผีก็องกอย ไข้ป่า และกฎอันศักดิ์สิทธิ์ของการสมาทานธุดงค์ เช่นครั้งท่านปักกลดลงไปแล้วครอบเอารังมดเข้าถอนกลดก็ไม่ได้จึงสมาธิแผ่เมตตาว่าคาถากันหมด ซึ่งได้มาจากหลวงพ่อพระครูสาครคุณาธาร เจ้าอาวาส วัดเดชาฯ จ.นครปฐม เกิดปรากกฎการณ์อัศจรรย์ มดฝูงใหญ่รวมกันอยู่ภายในกลดไม่มาไต่ท่านเลย เรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ยังอีกมาก



    คาถาของหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม


    อิสิหะพะยัคโค อิปิภะวาระสัมสัมโธ ชาระสัมโนคะโลวิอะ ตะปุสะ มะระสัตเทมะ สาพุทภะวาติคะโธนัง นุสวะถะถิสารทัมระโร นุตทูกะโต สุปัณณะจะวิพุท มาหังอะคะโสติ สิงหะนาถัง จายังประสิทธิเม


    เสกข้าวกินทุกวัน สวดมนต์ก่อนนอน 3 จบ ตื่นนอนตอนเช้า 1 จบ เป็นสวัสดิมงคล อายุยืน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.ไสว.jpg ลพ.ไสวหลัง.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    upload_2019-5-15_12-57-25.jpeg
    หลวงพ่อจืด นิมฺมโล วัดโพธิ์เศรษฐีวนาราม ตำบลบ่อพลับ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผู้สืบทอดมหาพุทธาคมสายตรงจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา และสืบทอดตำรับวิทยาคมหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง หลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
    ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงพ่อจืด เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ตะกรุดโทน ตะกรุดมหาลาภ เหรียญรูปเหมือน พระปิดตา พระราหูกะลาตาเดียว พญาต่อเงินต่อทอง และเป็นที่กล่าวขานเรื่องของประสบการณ์น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อจืดได้อาบน้ำมนต์ หรือได้รับการประพรมน้ำมนต์จากท่านจะได้รับพลังฤทธิ์อำนาจของมหาอาคมตามตำรับบูรพาจารย์ ขับไล่อาถรรพณ์จัญไร คุณไสยทั้งปวงสะเดาะเคราะห์ ปัดเคราะห์ เสริมสิริมงคล ทำมาค้าขึ้นเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและถ้าได้ลงนะมหาเศรษฐี นะขุนแผน นะเมตตามหานิยม นะมหาโชคมหาลาภ นะขุนแผน นะหน้าทอง พิธีบูชาเทวดาเสริมดวง(เฉพาะวันเสาร์) เป่ามนต์แม่นางกวักยิ่งได้เพิ่มพูนผลพลังศักดิ์สิทธิ์อีกหลายเท่าทวีคูณ
    ท่านเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อน้อย อินทสโร หรือพระครูภาวนากิตติคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรมศาลา อ.เมือง จังหวัดนครปฐม สุดยอดพระเกจิอาจารย์เมืองเจดีย์ใหญ่ ท่านละสังขารไปเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2513 สิริอายุรวม 83 ปี 67พรรษา เหรียญหล่อโบราณหน้าเสือ และเหรียญหล่อคอน้ำเต้า ของหลวงพ่อน้อยมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏทั่วทุกทิศ เป็นเลิศในอิทธิฤทธิ์กฤตยาคมเข้มขลังด้วยพลังพุทธคุณระดับแนวหน้าของเมืองไทย พระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยเดียวกับหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา เช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เป็นต้น หลวงพ่อน้อย
    หลวงพ่อจืด นิมฺมโล เป็นศิษย์สายตรงได้รับการครอบครูมอบตำราไสยเวทวิทยาคมให้อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้เพราะความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจฝึกฝนสมาธิจิตบำเพ็ญเพียรภาวนาอย่างเคร่งครัดจึงทำให้หลวงพ่อน้อย อินทสโร ให้ความรักความเมตตามากเป็นพิเศษท่านจึงประสิทธิ์ประสาทประสาทวิชาความรู้ให้อย่างครบเครื่องทั้งไสยเวทวิทยาคม การลงอักขระเลขยันต์ การสร้างการปลุกเสกวัตถุมงคล ตำราโหราศาสตร์แบบโบราณ ตำราแพทย์แผนไทย การเจริญสมาธิภาวนาเพื่อฝึกฝนสร้างพลังจิตตานุภาพ ต่างๆทำให้ของหลวงพ่อจืด มีพื้นฐานความรู้ในศาสตร์ต่างๆอย่างสมบูรณ์ ปัจจุบันท่านได้ใช้ประสบการณ์ความรู้ความเชี่ยวชาญดังกล่าวช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชนอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนรังต่อเงินต่อทองหลวงพ่อจืดให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.จืด.jpg ลพ.จืดหลัง.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญหลักเมืองนครนายกปี๒๕๒๑ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพ , หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน จ.ปราจีนบุรี , หลวงพ่อเส็ง วัดป่ามะไฟ จ.ปราจีนบุรี และเกจิอาจารยืร่วมอธิฐานจิต
    ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    หลักเมือง.jpg หลักเมืองหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญหลวงพ่อเอม วัดเกาะจิก อ. ขลุง จันทรบุรี รุ่น๑ ลองหาประวัติหลวงพ่อแอม อ่านตามเวสปครับพระดังพื้นที่

    ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลพ.แอม.jpg ลพ.แอมหลัง.jpg
     
  16. pe16009

    pe16009 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    866
    ค่าพลัง:
    +1,071
    เหรียญสมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ (ฟื้น)วัดสามพระยา
    เหรียญหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ปี๒๕๒๒
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    upload_2019-5-15_11-40-34.jpeg

    หลวงปู่บาง หรือ พระศีลวุฒาจารย์ (บาง จนฺทสรเถร)

    สถานเดิมพระศีลวุฒาจารย์ (บาง จนฺทสรเถร) เดิมชื่อ บาง นามสกุล ศรีตัณฑ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 2 ปีเถาะ วันที่ 21 มกราคม 2433 บิดา พระธรรมโรง(ต้น) มารดา พลอย บ้านเลขที่ 1 ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองฯ จังหวัดสระบุรี จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 4 ณ โรงเรียนศาลาแดง (วัดศาลาแดง) ตำบลปากเพรียว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี

    อุปสมบทเมื่อวันศุกร์ แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม 2455 วัดหนองพลับ ตำบลหนองควายโซ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี พระอุปชฌาย์ พระอธิการหล้า เจ้าคณะหมวดและเจ้าอาวาสวัดบ้านโดน ตำบลหนองสีดา อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี พระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดธรรม เจ้าอาวาสวัดหนองนกชุม พระอานุสาวนาจารย์ พระอธิการบัว ปุณณธรรมโน เจ้าอาวาสวัดหนองพลับ

    วิทยฐานะสอบได้นักธรรมเอกและสอบได้เปรียญธรรมประโยค 2 พ.ศ. 2457 สำนักเรียนวัดปทุมคงคาราม กรุงเทพมหานคร

    งานปกครอง

    พ.ศ.2458 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองพลับ

    พ.ศ.2461 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะหมวด ตำบลเมืองเก่า ตำบลหนองพลับ แขวงเสาไห้ จังหวัดสระบุรี

    พ.ศ.2477 ได้สถาปนาจากกรมการศาสนาแต่งตั้งให้เป็น พระครูกรรมการศึกษาที่พระครูบางในสมัยนั้น็็น

    พ.ศ.2479 ทางราชการคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้พระครูบาง ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวง กิ่งอำเภอหนองแซง อำเภอเสาให้ จังหวัดสระบุรี ในตำแหน่งพระครูบาง มีการทำอุโบสถสังฆกรรม(สวดพระปาฎิโมกข์) ตลอดทั้งปี ทำวัตรสวดมนต์เช้าเย็นตลอดทั้งปี

    งานการศึกษา

    พ.ศ. 2461 เป็นผู้จัดตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม วัดหนองพลับ

    พ.ศ.2507 เป็นผู้จัดหาที่ดิน 13 ไร่2 งานเศษ เพื่อจัดสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษา

    งานเผยแผ่

    พ.ศ.2510 ตั้งศูนย์พัฒนาวัด ซึ่งวัดหนองพลับ ได้รับเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง จังหวัดสระบุรี และจัดตั้งมูลนิธิศีลวุฒาจารย์

    สาธารณูปการพ.ศ.2457 เป็นผู้ดำเนินก่อสร้างอุโบสถต่อจากเจ้าอาวาสสององค์เดิมได้ก่อสร้างไว้จนแล้วเสร็จสมสมบูรณ์

    สมณศักดิ์พ.ศ.2477ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูกรรมการศึกษาที่ พระครูบาง และให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงกิ่งอำเภอหนองแซง อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี

    พ.ศ.2487 ได้รับเป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสิริธรรมสาร ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอหนองแซง ชั้นโท ปกครองคณะสงฆ์อำเภอหนองแซง

    พ.ศ.2498 ได้เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษชั้นพิเศษในพระราชทินนามเดิมที่พระครูสิริธรรมสาร เจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ

    พ.ศ. 2515 เจ้าคณะจังหวัดสระบุรีได้ขอยกขึ้นไปดำรงที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี

    พ.ศ.2516 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่พระศีลวุฒาจารย์
    อวสานแห่งชีวิตพระศีลวุฒาจารย์ ท่านล้มป่วยด้วยโรคปอดบวม และโรคถุงลมโป่งพอง เข้าพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมิตรภาพเมโมเลี่ยน ถนนมิตรภาพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสระบุรี ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2534 สิริอายุรวม 101 ปี 2 เดือน 19วัน พรรษาได้ 80 พรรษา เป็นเจ้าอาวาสได้ 76 ปี เป็นเจ้าคณะอำเภอได้ 28 ปี เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดได้ 19 ปี เป็นพระอุปัชฌาย์ได้ 47 ปี คณะสงฆ์ได้ขอน้ำพระราชทานน้ำสรงศพหีบทองทึบประกอบเกียรติยศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2534 และพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2535

    ความสำคัญเป็นพระเกจิอาจารย์ มีวิชาความรู้หลากหลายด้าน เป็นเจ้าคุณองค์แรกของอำเภอหนองแซง ถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญทางศาสนาของอำเภอหนองแซง ที่สร้างชื่อเสียงให้ชาวอำเภอหนองแซงเป็นที่รู้จัก นอกจากนี้ท่านได้สร้างวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของหลวงปู่บาง คือ ตะกุดที่คาดเอว เหรียญรูปเหมือน ปัจจุบันวัดได้จัดสร้างวิหารชื่อว่า “วิหารศีลวุฒาจารย์”ภายในวิหารจะมีรูปปั้นของท่านไว้ให้ศิษย์ยานุศิษย์ ประชาชนที่ผ่านไปมา ได้กราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว และในอาทิตย์สุดท้ายเดือนพฤษภาคม ของทุกปี วัดหนองพลับโดยพระครูสุวรรณธรรมวัตร เจ้าอาวาสพร้อมด้วยศิษย์ยานุศิษย์และประชาชนชาวอำเภอหนองแซง จะแสดงมุฑิตาท่านด้วยการทำบุญครบรอบวันมรณภาพของท่านเป็นประจำทุกปี
    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของที่มาบทความข้อมุลอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จกฤตยาคาแฝดหลวงปู่บาง วัดหนองพลับห้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    ลป.บาง.jpg ลป.บางหลัง.jpg ลป.บางกล่อง.jpg

     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    สมเด็จพระญาณสังวรฯ ทรงเป็น สมเด็จสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตน์โกสินทร์ เสด็จสู่สวรรคาลัยเมื่อ 24 ตุลาคม 2556 ทรงมี พระชนม์ครบ 1 ศตวรรษกับ 3 สัปดาห์...

    เมื่อต้นปี 2547...ในช่วงที่ สมเด็จพระสังฆราชฯย่างเข้า 91 พรรษา พระสงฆ์สูงอายุรูปหนึ่งเรียกตนเองว่า “พระบ้านนอก” เข้าเฝ้าฯใช้ ผ้าเช็ดลูบพระวรกายของพระองค์ฯ พร้อมท่องคาถาเบาๆแล้วก็ลากลับ...

    ...อริยสงฆ์รูปนี้คือ หลวงปู่บุญมี โชติปาโล หรือ “พระภาวนาวิศาลเถร” เจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข (บ้านนาเมือง) ต.ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี ขณะที่ย่างออกจากตำหนักฯ พระสักกอรรถ สักกอัตโถ วัดราชบพิธฯ ผู้เป็นศิษย์จะเข้าช่วยถือผ้าผืนนั้น หลวงปู่ไม่ยอมกำแน่นพร้อมสะบัดแขนออกแล้วพูดว่า...

    “...พระองค์ท่านมีคุณูปการต่อศาสนาอย่างยิ่งควรอยู่ต่อเพื่อเป็นสรณะแก่สงฆ์...”

    และ....ไม่ยอมให้ใครแตะต้องผ้าผืนนั้นเลยได้เก็บกลับไปที่อุบลฯด้วย ล่วงของกาลอีกราวๆ 2-3 เดือน “หลวงปู่บุญมี” ก็ละสังขาร รวมสิริอายุได้ 95 ปี 3 เดือน 9 วัน อายุพรรษา 74 พรรษา....

    NjpUs24nCQKx5e1D74rc3xGk8pYMhv5jRJLWeAQPaG0.jpg
    หลวงปู่บุญมีเช็ดพระวรกายสมเด็จสังฆราช
    หลวงปู่บุญมี....มีวิถีชีวิต อยู่ใกล้กับแวดวงราชนิกูลมาตั้งแต่เปิดฉากแรกกระทั่งปิดม่าน ด้วยเมื่อแรกเกิดโยมแม่มีอาการปวดท้องอยู่หลายวัน พอ “กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์” มาก็คลอดออกมาทันที...

    (...พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นโอรสพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว...) หลวงปู่ สีทา ชยเสโน (เป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล กับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง (พี่ชายของโยมแม่) ตั้งชื่อให้ว่า “บุญมี” เพราะตอนเกิดมีราชนิกูลมาเยือนถึงเรือนชาน...

    และ....เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2547 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชา ทินัดดามาตุ เสด็จฯเยี่ยมที่กุฏิ ณ เวลานั้น “หลวงปู่บุญมี” ก็ถึงกาลมรณภาพด้วยอาการสงบ

    ....ประโยคสุดท้ายก่อนละสังขารได้กล่าวว่า ...“ฝากลาคนไทยซู่คน...แน่เด้อ”

    หลวงปู่บุญมีเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ตั้งแต่เป็นสามเณร เป็นศิษย์รับใช้ หลวงปู่มั่น ที่สกลนคร

    เมื่อเป็นภิกษุ....เจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) รับช่วงต่อเป็นศิษย์และมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบรมนิวาส กทม.ด้วย จากนั้นก็ได้ออกจาริกธุดงค์ไปในประเทศลาว เขมร เวียดนาม พม่าและจีน

    ถึงปี 2480 จึงกลับมาถึงอุบลราชธานี ได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดสระประสานสุข...

    หลวงปู่บุญมี...เป็นเถรในสายวิปัสสนาธุระที่เข้มขลังรูปหนึ่ง ซึ่งโด่งดังในเรื่อง แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม สยบสิ่งอัปมงคลใดๆได้ทั้งปวง ฯลฯ และชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย จำวัดอยู่ในกุฏิหลังเก่าๆจนวาระสุดท้าย...

    หลวงปู่บุญมี...ได้รับสมณศักดิ์ที่ พระครูไพโรจน์รัตโนบล เป็นครั้งแรก (สมณศักดิ์นี้เคยเป็นของหลวงปู่มั่น) เพียงแค่ 3 วัน ก็มอบคืนให้กับพระธรรมเจดีย์ (เจ้าคุณจูม) วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี...ด้วยสมถะ

    ต่อมาใน ปี 2524 สมเด็จพระสังฆราชฯ วัดราชบพิธฯ ได้รับสั่งว่า...สมณศักดิ์นี้ไม่มีผู้ใดเหมาะสมแล้วจึงได้มอบตำแหน่งพระครูไพโรจน์รัตโนบลให้กับหลวงปู่บุญมีโดยที่ได้รับจากสมเด็จพระสังฆราชฯโดยตรงและไม่รู้ตัวมาก่อน....

    ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2544 หลวงปู่บุญมี ก็ได้รับสมณศักดิ์ ตำแหน่ง...พระภาวนาวิศาลเถร

    NjpUs24nCQKx5e1D74rc3xGk8pYMhwDEEcR1jxKBsNb.jpg
    ศพหลวงปู่ไม่เน่าเปื่อย
    หลวงปู่บุญมี มีวัตถุมงคลหลายรุ่น...พระสักกอรรถฯ เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีการจี้ปล้นรถประจำทาง โจรได้เรียกทรัพย์สินจากผู้โดยสารเรียงตัว มีคนหนึ่งซึ่งห้อยเหรียญของหลวงปู่เลี่ยมทองทั้งองค์พร้อมทั้งสร้อยคอทองคำยื่นให้ โจรชุดนั้นได้ส่งกลับคืนบอกว่า สร้อยตะกั่วนี้เอามาทำไม ทำให้รอดจากการสูญเสียทรัพย์สิน

    นายธนภณ สายะบุตร มัคนายกผู้ติดตาม พระพรหมมุณี ผช.เจ้า อาวาสวัดราชบพิธฯเป็นประจำ เล่าถึงประสบการณ์ว่า...เมื่อราวๆ 20 ปีที่ผ่านมาได้เดินทางไปพร้อมๆ กับพระธรรมกวี “วัดบวรนิเวศฯ” พระธรรมวรเมธี “วัดเทพศิรินทรฯ” พระเทพรัชมงคลเมธี “วัดสัมพันธวงฯ” พระเทพวรเมธี “วัดราชบพิธฯ” กับ พระเทพกวี “วัดราชบพิธฯ” เช่นกัน...ได้ไปเยือนหลวงปู่บุญมีที่กุฏิ

    หลวงปู่ออกมาต้อนรับ...แล้วทักทายว่า... “นิมนต์ท่านสมเด็จ” ทำเอาสงฆ์ทั้ง 5 รูปทำหน้าเด๋อด๋ามองกันไปมา แล้วพูดแบบอ้อมแอ้มว่า “แค่เจ้าคุณนะหลวงปู่” ท่านก็บอกว่า....เออน่ะ

    หลวงปู่บุญมี เรียกเข้าไปทำพิธีในกุฏิ เมื่อแล้วเสร็จคณะจะลากลับเพราะจวนเจียนเวลาเต็มที่ หลวงปู่ทัดทานว่า “อยู่ให้พระบ้านนอกกล่อม นอนก่อนยังไงก็ไปทัน” แล้ว หลวงปู่ก็กล่อมทั้งคณะหลับสนิท ไปกว่าชั่วโมง...จึงได้ สะกิด “พระ-ธรรมกวี” กับ “พระธรรมวรเมธี” พร้อมพูดว่า ...สมเด็จตื่นได้แล้ว..!!

    ..ปัจจุบันพระธรรมกวีได้เป็น “สมเด็จพระวันรัต” พระธรรมวรเมธีเป็น “สมเด็จพระธีรญาณมุนี” พระเทพรัชมงคลเมธีเป็น “พระพรหมเมธี” พระเทพวรเมธีเป็น “พระพรหมมุนี” และพระเทพกวีเป็น “พระพรหมวิสุธาจารย์ ” ได้ย้ายสำนักจากวัดราชบพิธฯไปรับตำแหน่งที่วัดเครือวัลย์...

    .เมื่อออกจากวัดไปสนามบินและทันเครื่องบิน หลวงปู่รู้ได้ไงว่าเครื่องเที่ยวนั้นจะดีเลย์...!!

    กว่า 10 ปีที่ หลวงปู่บุญมีละสังขาร โดยศพยังคงสภาพปกติเหมือนนอนหลับ...ไม่เปื่อยเน่า

    อย่างไรก็ตาม ต้องมีฌาปนกิจตามประเพณี... “พระวินัยโกศล” รก.เจ้าอาวาสวัดสระประสานสุขจึงได้เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อม และสร้างของที่ระลึกด้วย รูปหล่อย้อนยุคของหลวงปู่ กับ เหรียญ ไว้จำนวนหนึ่ง

    ...แล้วนำเข้าพิธีกรรมบริการ ปลุกเสกอย่างถูกต้องตามตำรับของหลวงปู่บุญมี ทุกขั้นตอน...

    รอ.....พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ประทาน กำหนดวันพระราชทานเพลิง ก็จะเอาวัตถุมงคลเหล่านี้....แจกให้หมดในวันนั้นเลย...!!

    ผลงานด้านการทำนุบำรุงพระศาสนา

    หลวงปู่บุญมี ไม่เพียงพัฒนาและก่อสร้างศาสนสถานในบริเวณวัดสระประสานสุข ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหลวงปู่เท่านั้น ท่านยังได้มีจิตเมตตาในการมอบทุนทรัพย์ ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ สนับสนุนการก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ และวิหารภายในวัดต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ เช่น

    ๑. สร้างพระพุทธรูปใหญ่ ณ วัดเขาพระงาม (วัดสิริจันทรนิมิต วรวิหาร) อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ร่วมกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) โดยใช้ไหกระเทียมในสมัยนั้นเป็นมวยผม (พระเกศ)

    ๒. สร้างพระนาคปรก ร่วมกับท่านพ่อลี ธัมมธโร เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ ในฐานะที่ท่านเป็นสหธรรมิกกัน อีกทั้งท่านพ่อลียังเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานีด้วย

    ๓. บูรณะมณฑปรอยพระพุทธบาทจำลอง ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บนยอดเขาสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

    ๔. บูรณะศาลารัชมังคลาภิเษก ณ วัดสังกัสรัตนคีรี

    ๕. สร้างพระพุทธรูปเนื้อโลหะ ขนาดหน้าตักกว้าง ๓ เมตร ประดิษฐาน ณ ศาลารัชมังคลาภิเษก วัดสังกัสรัตนคีรี

    ๖. ปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ หลวงปู่บุญมีได้นำคณะศิษยานุศิษย์ร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางประทานพร สูง ๗ เมตร ๗๗ เซนติเมตร เนื้อโลหะทองเหลือง ถวายนามว่า “พระพุทธโชติปาละชนะมาร”, สร้างพระสังกัจจายน์เป็นปูนปั้น สูง ๓ เมตร ๗๗ เซนติเมตร ถวายนามว่า “พระสังกัจจายน์โชติปาโล” และสร้างพระสิวลี ถวายนามว่า “พระสิวลีโชติปาโล” เพื่อนำไปประดิษฐานไว้ ณ วัดสังกัสรัตนคีรี บนยอดเขาสะแกกรัง อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    ๗. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างอุโบสถ วัดบ้านกุดมะฮง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๘. สร้างพระเจ้าใหญ่ และบูรณะหอระฆัง ณ วัดบ้านบ่อ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ

    ๙. สร้างพระพุทธรูปสูง ๓ เมตร ณ วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

    ๑๐. สร้างพระพุทธรูปปางสมาธิ สูง ๓ เมตร จำนวน ๒ องค์ ณ เมืองเชียงรุ้ง ประเทศจีน

    ๑๑. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างวัดป่าภูถ้ำพระ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๑๒. ให้อุปกรณ์ในการก่อสร้างวัดคอนสวรรค์ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร

    ๑๓. ให้การอุปถัมภ์และช่วยเหลือวัดต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ วัดบ้านก้านเหลือง, วัดบ้าน
    ตำแย, วัดบ้านหนองหว้า, วัดบ้านหนองมุก, วัดสำราญนิเวศน์, วัดบ้านระเว, วัดบ้านนาจาน, วัดบ้านดอนจืด, วัดบ้านด้ามพร้า, วัดบ้านปลาดุกน้อย, วัดบ้านยางลุ่ม, วัดป่าอำเภอม่วงสามสิบ, วัดบ้านกุดลาด, วัดบ้านกระโสบ และวัดบ้านหมากมี่ (วัดบ้านขนุน) เป็นต้น

    นอกจากนั้นหลวงปู่บุญมียังรับกิจนิมนต์ไปแสดงธรรมเทศนาตามสถานที่ต่างๆ โดยไม่เลือกปฏิบัติ เป็นกิจวัตรที่ท่านได้ปฏิบัติเป็นประจำจนทำให้ญาติโยมเลื่อมใสศรัทธา และมาร่วมทำบุญจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ


    • ผลงานด้านสาธารณประโยชน์

    นอกจากภารกิจในการบริหารจัดการวัดสระประสานสุข และวัดวาอารามต่างๆ แล้ว หลวงปู่บุญมียังมีจิตเมตตาบริจาคเงินทุนสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันแก่โรงเรียนที่ขาดแคลน, มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่่เรียนดีแต่ยากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ ปีละ ๒๐ ทุน, บริจาควัสดุต่อเติมและก่อสร้างอาคารเรียนให้กับโรงเรียน, สร้างรั้วกำแพงให้กับโรงเรียนบ้านนาเมือง ซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าแก่ของบ้านนาเมือง เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ประโยชน์ทางด้านการศึกษาต่อไป นอกจากนั้นหลวงปู่ยังได้นำญาติโยมชาวบ้านนาเมือง ช่วยกันตัดถนนจากบ้านนาเมืองเชื่อมต่อไปยังบ้านดงหนองแสน ตำบลไร่น้อย เป็นระยะทาง ๓ กิโลเมตร โดยไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด เพื่อทำให้การสัญจรไป-มาของชาวบ้านในละแวกนั้นสะดวกยิ่งขึ้น และกิจกรรมสำคัญอีกประการหนึ่งที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ คือ การไถ่ชีวิตโค กระบือ โดยซื้อมาก่อนที่จะถูกนำไปยังโรงฆ่าสัตว์ แล้วนำมาบริจาคให้กับชาวบ้านที่ยากจนได้เอาไปเลี้ยงเพื่อใช้แรงงานประกอบอาชีพต่อไป


    • ผลงานด้านสังคมสงเคราะห์

    หลวงปู่บุญมี ท่านเป็นพระผู้มีเมตตาจิตแก่ญาติโยมและประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงทั่วไป หลวงปู่เห็นความส่าคัญของการช่วยเหลือคนไข้ที่ขาดแคลนตามโรงพยาบาล จึงได้บริจาคอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องดูดเสมหะ เครื่องตรวจเลือด ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ เช่น

    ๑. โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๒. โรงพยาบาลสำโรง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๓. โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี
    ๔. โรงพยาบาลน้ำยืน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี
    ๕. โรงพยาบาลดอนมดแดง อำเภอดอนมดแดง จังหวัดอุบลราชธานี
    ๖. โรงพยาบาลเขมราฐ อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี
    ๗. โรงพยาบาลทุกอำเภอในจังหวัดศรีสะเกษ
    ๘. โรงพยาบาลจังหวัดเชียงใหม่

    นอกจากนั้นในวันทำบุญคล้ายวันเกิดของหลวงปู่บุญมี ท่านได้มอบทุนการศึกษา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การศึกษา รวมทั้งให้ทานแก่เด็กพิการในจังหวัดอุบลราชธานี ให้ทานวัวที่ไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ให้กับชาวบ้านที่ยากจนเป็นประจำทุกปี บริจาคเสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งให้กับศูนย์ชาวเขาแม่ฟ้าหลวง ตลอดจนบริจาคอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ ให้กับชาวเขาในจังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้าราชการศูนย์หม่อนไหมจังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาสถานที่ต่างๆ และยังจัดหาแหล่งน้ำดื่ม น้ำใช้ ให้กับหมู่บ้านต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี


    • ผลงานด้านการเผยแผ่ธรรม

    หลวงปู่บุญมี เป็นพระอริยสงฆ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะเห็นได้จากเวลาที่หลวงปู่ฉันภัตตาหารเช้า จะมีผู้นำอาหารมาถวายเป็นจำนวนมาก เมื่อฉันเสร็จแล้ว หลวงปู่จะแบ่งปันอาหารที่เหลือนั้นให้กับทุกคนๆ ให้นำกลับไปเลี้ยงดูบุตรหลาน และพ่อแม่ที่อยู่ทางบ้านโดยทั่วถึงกัน ญาติโยมที่นำอาหารไปถวายหลวงปู่ต่างก็มีความอิ่มเอิบใจ เพราะนอกจากเป็นการถวายทานแก่หลวงปู่แล้ว ยังได้ทำทานกับคนทั่วไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งการให้อาหารนี้หลวงปู่ให้โดยการโยนและขว้างอาหารหรือสิ่งของให้กับคนที่ท่านต้องการให้ กระทั่งมีลูกศิษย์ลูกหาเคยนมัสการถามหลวงปู่ว่า “ทำไมจึงโยนและขว้างสิ่งของให้”

    หลวงปู่บอกว่า “เป็นการเตือนสติสัมปชัญญะประจำตัวอยู่ตลอดเวลา”

    นอกจากการอบรมสั่งสอนแก่ญาติโยมที่มากราบไหว้ และทำบุญที่วัดแล้ว หลวงปู่ยังได้ออกเทศนา ปาฐกถาธรรม และสนทนาธรรมแก่ประชาชนทั่วไป ตามสถานที่ราชการ โรงเรียน หมู่บ้านต่างๆ มาโดยตลอด

    ทางด้านหลักธรรมและคำสอน หลวงปู่บุญมีท่านเป็นอริยสงฆ์ที่มีปฏิปทาและศีลาจริยวัตรอันงดงาม ชอบธรรม เดินทางสายกลางอันเป็นข้อปฏิบัติธุดงควัตรสายพระกรรมฐานอย่างเสมอต้นเสมอปลาย เจริญรอยตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ และพ่อแม่ครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท), พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และท่านเจ้าคุณพระศาสนดิลก (เสน ชิตเสโน) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ มาโดยตลอด หลักธรรมคำสอนของหลวงปู่จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง และมีคำผญาภาษิตอีสานแทรกอยู่ทุกครั้ง ทำให้เข้าใจง่าย รู้ถึงคุณค่าของหลักธรรมและคำสอนของพระพุทธองค์

    นอกจากนี้ท่านยังเน้นการอบรมสั่งสอนให้รู้คุณของพระแก้ว ๒ องค์ คือ บิดา มารดา ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในบ้านที่ทุกคนควรกราบไหว้บูชาตลอดกาล สอนให้ทุกคนบำเพ็ญตนตามหลักกุศลสมาทาน สอนให้รู้จักศาสนากับสังคมไทย การประหยัดและอดออมตามหลักพระพุทธศาสนา สำหรับการปฏิบัติธรรม ท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมเป็นกิจวัตรประจำวัน โดยการนั่งสมาธิภาวนาทุกครั้ง ในเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาต่างๆ ท่านจะให้บำเพ็ญทานบารมี สมาทานศีล ปฏิบัติภาวนาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุก
    พระองค์ทุกครั้ง
    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของที่มาบทความข้อมุลอย่างสูงครับ


    เหรียญหลวงปู่บุญมี วัดสระประสานสุข ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ(ปิดรายการ)
    ลป.บุญมี.jpg ลป.บุญมีหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤษภาคม 2019
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    http://www.topchiangmai.com/trip/หลวงปู่ครูบาน้อย-วัดบ้า/
    pic_118.jpg
    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง เชียงใหม่

    หลวงปู่ครูบาน้อย ชยวังโส วัดบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ท่านเกิดวันอังคาร ที่ ๓ เมษายน ๒๔๔๐ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๗ เหนือ ปีจอ ท่านเป็นคนบ้านปง ต.อินทขิล อ.แม่แตง โดยกำเนิด โยมบิดาท่านชื่อ พ่อวงศ์ โยมมารดาชื่อ แม่ออน นามสกุล พงษ์คำ

    ท่านอายุได้ ๑๓ ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านปง โดยมีครูบามโนชัย วัดศรีภูมินทร์ ต. ช่อแล เป็นพระอุปัชฌายา และท่านได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ กับท่านครูบามโนชัย ซึ่งสมัยนั้นได้เรียนการปฏิบัติธรรมนั่งกรรมฐานเป็นส่วนมาก แล้วมักจะได้เรียน วิชาคาถาอาคมควบคู่กันไปด้วย ท่านเล่าเรียน จนท่านสามารถเข้าถึง และปฏิบัติได้ดี

    จนท่านอายุ ๒๓ ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านปง โดยมีท่าน ครูบามโนชัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระศรีวิชัย วัดป่าบง อินทขิล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสิทธิ วัดม่วงคำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ท่านได้เรียนนักธรรมชั้นต่างๆ จนสอบนักธรรมตรีได้ ในพ.ศ .๒๔๘๔ และนักธรรมโทได้ในปี ๒๔๘๖ และ นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ ในสมัยที่ท่านเป็นหนุ่มท่านได้เดินธุดงค์จาก อ. แม่แตง ไปสู่ อ.ฝาง ไปตามป่าช้าต่างๆ ถึงสี่เดือน ท่านจึงกลับมาจำพรรษา ที่วัดอีกครั้งหนึ่ง

    ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านปง เมื่อ วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๗๘ และได้รับการแต่งตั้ง เป็นเจ้าคณะตำบลอินทขิล ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๘๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นตรี ที่ "พระครู ชัยวงศ์ วิวัฒน์" ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗ และ ชั้นโท วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๔ ชันเอกวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๓๖ และ หลวงปู่ท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้มีโอกาสได้ร่วมเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ ล้านนา ซึ่งก็คือในตอนที่ท่าน ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้เป็น ประธานการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ในปี พ.ศ.๒๔๗๗ ท่านได้ร่วมกับโยมพ่อ วงษ์ และคณะศรัทธาญาติโยมวัดบ้านปง มาร่วมสร้างทางกับท่านครูบาเจ้าและท่านได้ฝากตัว และอุปัฏฐาก ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยและร่วมงานในการบูรณะวัดสวนดอก วัดพระสิงห์ และที่อื่นๆอีกมากมาย ครูบาน้อยท่านเป็นพระที่ใจดี มีเมตตาสูง ใครที่เคยไปกราบท่านมักจะประทับใจในรอยยิ้มของท่านอยู่เสมอครับ อีกทั้งท่านยังเป็นที่เคารพรักในบรรดา ลูกศิษย์ลูกหา และพระสงฆ์อีกจำนวนมากมายครับ หลวงปู่ครูบาน้อย

    ท่านได้มรณะภาพ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๑ เวลา ๐๘ . ๓๐ น ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุของท่านได้ ๑๐๑ ปี ปัจจุบันทางวัดได้เก็บรักษา สรีระร่างกายของท่านไว้ ในโลงแก้วที่วัดบ้านปง โดยสรีระของท่านยังคงเป็นปกติไม่เน่าไม่เปื่อยแต่อย่างใด

    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของที่มาบทความข้อมุลอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ครูบาน้อย ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ(ปิดรายการ)

    ลป.น้อย.jpg ลป.น้อยหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    http://www.prakeji.com/watpradoo/mahasurasak.htm

    picmh%20%282%29_resize.jpg
    เมื่อเอ่ยถึงเมืองแม่กลอง หรือจัดหวัดสมุทรสงครามแล้ว นักเล่นนักสะสมพระเครื่องจะต้องนึกถึงพระเกจิที่แก่กล้า วิทยาคมอย่างยอดเยี่ยม อาทิ “ หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม , หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ , หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และหลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ” ซึ่งในปัจจุบันพระเกจิอาจารย์ทีได้กล่าวนามไปแล้วนั้น ได้มรณภาพละสังขารไปแล้วทั้งสิ้น แต่ในปัจจุบันยังมีพระเถราจารย์ที่มากไปด้วยความรู้ความสามารถและได้สืบทอดสรรพวิชาอาถรรพณ์และศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเอาไว้ได้อย่างเข้มขลัง ไม่แพ้ครูอาจารย์ ในอดีต เป็นเพชรน้ำเอกแห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลองในปัจจุบัน
    พระเถราจารย์ที่มหาชนกราบไหว้ด้วยหัวใจท่านนี้คือ หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระอารามหลวง ตำบลวัดประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม หลายท่านที่เข้าไปนมัสการกราบขอศีลขอพรจากท่าน ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังไม่เคยพบพระที่มีอัธยาศัยดี ยินดีต้อนรับญาติโยมโดยไม่เลือกชั้นวรรณะเช่นท่านมาก่อน ยิ่งได้สนทนาธรรมรับฟังคำสอนสั่งของท่าน หลายท่านถึงกับเปลี่ยนแปลงปรับนิสัย มีชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น ได้พบแสงสว่างแห่งธรรมนำมาปฏิบัติในชีวิต จนเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน ตลอดจนครอบครัว และผู้ใกล้ชิดก็มีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
    “ พ่อผมอยากบวช ” เด็กน้อยที่ชื่อ ด.ช.ปอย อยู่กำเนิด บอกกับบิดาเมื่อครั้งไปงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่หลวงพ่อท่านเจ้าคุณกิตติวุฑโฒ ( พระเทพกิตติปัญญาคุณ) อดีตเจ้าสำนักจิตตภาวันวิทยาลัย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ได้จัดงานในครั้งนั้น
    คำตอบทีได้รับจากผู้เป็นพ่อคือเสียงเอ็ดตะโรทำให้เด็กตัวน้อยถอดใจ และไม่กล้าขอบวชอีกเลย เพราะกลัวผู้เป็นพ่อตี ตามประสาเด็ก แต่ด้วยบุญวาสนาที่เคยก่อเกิดไว้ในชาติภพและได้ถูกกำหนดเส้นทางชีวิตให้เป็นผู้สืบทอดสรรพวิทยาคุณจากครูบาอาจารย์ผู้เรืองอาคมแถบลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศเมื่อครั้งอดีตกาล และได้รับมอบหมายเป็นที่วางใจจากเกจิอาจารย์หลายท่านให้คงรักษาสรรพคุณวิทยาการให้ดำรงคงอยู่ โชคชะตาที่เป็นดังเส้นทางชีวิตจึงลิขิตให้ ด.ช.ปอย ได้ก้าวสู่ร่มกาสาวพัตกร์ในเวลาต่อมาอย่างไม่คาดฝัน
    ด้วยจริยาวัตรงดงาม สุภาพอ่อนโยน มีอัธยาศัยดี เมตตาต่อทุกผู้ทุกนามที่เข้าไปกราบนมัสการศีล โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ อีกทั้งยังเป็นพระนักพัฒนามากความสามารถ ความศรัทธาที่ก่อเกิดจากประชาชนอย่างล้นหลามนี้เอง ที่ทำให้หลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข เจ้าอาวาสวัดประดู่ ตำบลประดู่ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นพระที่ประชาชนกราบไหว้ด้วยหัวใจอย่างแท้จริง
    ด.ช. ปอย อยู่กำเนิด ผู้ถูกลิขิตให้เป็นผู้สืบทอดสรรพวิทยาแห่งลุ่มแม่น้ำแม่กลอง เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 เดือน 8 ปีฉลู ณ บ้านบางสะใภ้ ตำบลนางตะเคียน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นบ้านเดิมของมารดาชื่อนางบุญเรือง อยู่กำเนิด บิดาชื่อนายประสิทธิ์ อยู่กำเนิด มีพี่น้องร่วมครรภ์มารดา 5 คน ตัวของท่านเป็นบุตรคนที่ 3 แต่ด้วยแสงไฟแห่งอายุขัยของพี่ชายทั้ง 2 ดับมอดลงตั้งแต่เด็ก ๆ ท่านจึงกลายเป็นพี่ชายคนโตโดยปริยาย
    ครอบครัวของท่านได้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภออัมพวา ซึ่งเป็นบ้านของโยมพ่อ และเข้าเรียนฝึกเขียนอ่านถึง 3 ที่ โรงเรียนวัดช่องลม โรงเรียนวัดประดู่ และจบชั้น ป.7 ที่โรงเรียนวัดใหญ่สามัคคี
    วิบากกรรมในอดีตชาติเปรียบดังมารผจญวัยเด็กของท่านไม่เคยแข็งแรงเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ท่านเป็นเด็กร่างกายอ่อนแอ เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอจวนเจียนจะตามพี่ชายทั้ง 2 ไปก็หลายคราจนพ่อของท่านได้นำตุ๊กตาเด็กไว้ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย และผมปอย ซึ่งเป็นผมทรงโบราณมาให้ท่านเลือก ท่านก็เลือกตุ๊กตาผมปอยถึง 2 ครั้ง
    ตามโบราณกาลของไทยในการให้เด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาเป็นผู้เลือกตุ๊กตา เพราะผู้ใหญ่ท่านเห็นว่าเด็ก ๆ ที่เจ็บไข้ได้ป่วย หรือเลี้ยงยาก ถ้าให้ไว้ผมธรรมดาคงจะไม่ดี จึงแก้เคล็ดด้วยการให้เด็กเสี่ยงทายทรงผม พอเปลี่ยนทรงผมแล้วจะกลายเป็นเด็กแข็งแรง เลี้ยงง่าย นับจากนั้นมาท่านก็ไว้ผมปอยจนกระทั่งบวชเป็นสามเณร
    ผลกรรมของท่านในวัยเยาว์ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อครั้งที่ท่านยังจำความได้ท่านป่วยเป็นโรคลักปิดลักเปิด บ้วนปากออกมามีแต่ลิ่มเลือดสีดำ โยมพ่อของท่านเห็นเช่นนั้นก็ตกใจรีบอุ้มลูกรักลงเรือจากคลองวัดประดู่ไปหาหมอที่จังหวัดราชบุรีทันที
    เคยมีผู้รู้กล่าวว่า “ วันมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวัน เพียงแต่ยังไม่ได้เกิดขึ้นกับเราในวันนี้เท่านั้น ” ในวันนั้นเองวันมหัศจรรย์ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวอยู่กำเนิด โดยปกติแล้วเส้นทางสัญจรทางเรือจะมีการรับส่งผู้โดยสารเป็นระยะ
    แปลกแต่จริง ! วันนั้นไม่มีผู้โดยสารขึ้นลงเรือสักคนเดียว เรือวิ่งฉิวถึงจุดหมายในพริบตา ทันที่หมอจะช่วยชีวิตของท่านไว้ได้อย่างฉิวเฉียด
    ในช่วงที่ท่านเรียนชั้น ป.6 ท่านมีฝีขึ้นที่คอบวมจากคางขึ้นไป หมอเจ้าของไข้บอกเพียงว่าท่านอาจจะเป็นมะเร็ง ให้เพียงยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ และให้นอนดูอาการอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้น
    คนเราทุกคนย่อมมีผลกรรมที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติกันทุกคน เพียงแต่จะได้รับการผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือมีวาสนาต้องกันกับใครในชาติปางก่อน ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น มีนายแพทย์ท่านหนึ่งชื่อคุณหมอสมหมาย วันนั้นคุณหมอเดินตรวจคนไข้ตามปกติ แล้วมาหยุดที่ ด.ช.ปอย ต่างคนต่างมองตาเหมือนมีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน คุณหมอสมหมายรีบเข้าไปหาโยมพ่อของท่านขอทำการผ่าเอาฝีออก เพราเกรงว่าจะช้ำอยู่ข้างใน
    โยมพ่อของท่านอนุญาตให้ทำการาผ่าฝีทันทีและพบว่าหนองอยู่เต็มไปหมด หัวฝีโผล่ขึ้นมาเม็ดหนึ่ง แล้วถ้าช้าเกินกาลว่านี้เชื้อร้ายจะขึ้นสมองแน่นอน คุณหมอสมหมายผ่าเอาฝีออกให้ เป็นตัววาสนาที่มีคนมาดูแลรักษาเหมือนเคยเกื้อหนุนซึ่งกันและกันมาก่อน
    เมื่อโชคชะตากำหนด ย่อมยากที่จะหลีกพ้นไม่ว่าจะหลีกหนีไปลู่ทางไหน สุดท้ายก็ย่อมต้องกลับมาดังพรหมท่านลิขิตไว้ หลังจากที่ท่านเคยร้องขอต่อผู้เป็นพ่อว่าขอบวช แต่กลับถูกเอ็ดตะโรเสียยกใหญ่ จนท่านเลิกล้มความตั้งใจไปแล้วครั้งหนึ่งเท่านั้น ก็มีเหตุบังเอิญอย่างไม่ทราบสาเหตุ โรคหอบเข้ามาเคาะประตูชีวิตถึงหน้าบ้านท่านอย่างไม่มีใครรู้ตัว ท่านหอบโยนทั้งตัวหายใจไม่ออกแน่นหน้าอก โยมแม่ของท่านต้องลุกขึ้นมาติดเตาไฟให้ นอนเหมือนคนอยู่ไฟอาการหอบจึงค่อย ๆ คลายทุเลา
    ความเจ็บปวดของลูกทำให้ผู้เป็นพ่อทรมานสุดหัวใจ ระลึกนึกได้ว่าลูกเคยขอบวช หากยังให้เป็นฆราวาสเช่นนี้คงไม่ดีแน่ จึงถามลูกรักว่า “ อยากบวชใช่ไหม ”
    ถ้าให้บวชก็บวช ” เสียงที่เปล่งออกมาของท่าน เหมือนคนปกติทั่วไป ไม่มีอาการของคนเจ็บไข้ได้ป่วยปรากฏ เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น โยมพ่อของท่านไม่รอช้ารีบอุ้มลูกรักเข้าสู่อ้อมกอดตรงไปที่วัดทันที เมื่อถึงวัดท่านเจ้าอาวาสถามถึงวัตถุประสงค์ของสองพ่อลูกในเย็นย่ำวันนั้น
    “ เอ็งมาทำไมกัน ”
    ผมจะเอาลูกมาบวชครับ ”


    อ่านเพิ่มเติมในเวป ลิ้งค์ข้างบนครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงเจ้าสัวอัมพวาหลวงพ่อมหาสุรศักดิ์ฝั่งตะกรุดให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    เจ้าสัวกล่อง.jpg เจ้าสัว.jpg เจ้าสัวหลัง.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...