เหรียญชินราชคุ้มเกล้า หลังภปร.พ.ศ. 2521

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 8 พฤษภาคม 2019.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    pic_133.jpg
    ข้อมูลประวัติ พระสุธรรมยานเถร (ครูบาอินทจักรรักษา) วัดน้ำบ่อหลวง เชียงใหม่

    ชาติภูมิ
    พระสุธรรมยานเถร(ครูบาอินทจักรรักษา) มีนามเดิมว่า อินถา นามสกุล พิมสาร เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๓๙ ตรงกับแรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก ณ บ้านป่าแพ่ง ตำบลแม่แรง อำเภอปากบ่อง (คืออำเภอป่าซางในปัจจุบัน) จังหวัดลำพูน

    บิดาชื่อ นายเป็ง นามสกุล พิมสาร มารดาชื่อ นางบัวถา นามสกุล พิมสาร มีอาชีพทำนาทำไร่ เป็นครอบครัวที่เป็นสัมมาปฏิบัติที่เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เพื่อนบ้านและลูกหลานรุ่น
    ต่อ ๆ มา ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิตเดียวกัน ทั้งหมด ๑๓ คน

    โยมบิดาพ่อเป็ง พิมสาร เมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจใฝ่ในทางพุทธศาสนา มุ่งศึกษาและปฏิบัติตามหลักคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด ดังนั้นครอบครัวพิมสารจึงเป็นพุทธศาสนิกชนที่ปฏิบัติตนตามหลักการและอุดมการณ์ของชาวพุทธที่ดีเสมอมา ดังเช่นการไปทำบุญตักบาตรทุกวันพระ รักษาศีล ๕ และรักษาอุโบสถศีลในช่วงเข้าพรรษา เป็นต้น

    ส่วนโยมมารดาคือ แม่บัวถา พิมสาร เมื่อครั้งอยู่ครองเรือนก็ได้ปฏิบัติเฉกเช่นสามี คือ บ้านถูกจัดระเบียบให้มีกิจกรรมภายในไม่ต่างไปจากวัด หลังจากท่านได้สละบ้านเรือนออกบวชเป็นชี ระเบียบนี้ก็คงปฏิบัติกันต่อ ๆ มา มิได้ขาด แม่บัวถา พิมสาร ท่านถึงแก่กรรมในท่านั่งสมาธิ ซึ่งถือได้ว่า เป็นชาวพุทธตัวอย่างที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก จนเป็นที่รู้จักของประชาชนในหมู่บ้าน ป่าแพ่งตราบถึงปัจจุบัน

    ชีวิตก่อนออกบวช

    ท่านครูบาอินทจักรรักษา เมื่อครั้งยังเยาว์วัยเป็นเด็กที่มีอุปนิสัย ขยัน รักสงบ มีความกตัญญูกตเวที ได้ช่วยแบ่งเบาภาระของบิดามารดา เช่น ช่วยทำงานในไร่นาที่พอจะช่วยได้ทุกอย่าง เลิกงานจากทำนาก็จะเข้าสวน พรวนดิน เลี้ยงวัวควาย งานบ้านที่ทำส่วนมากได้แก่การตักน้ำตำข้าวด้วยครกกระเดื่อง ซึ่งเป็นการดำรงชีวิตของชาวชนบทในอดีต หลังจากนั้นก็จะกวาดบ้านถูบ้านดูแลน้อง ๆ เพราะพี่ที่โตกว่าต้องทำงานช่วยพ่อแม่

    ครั้นเมื่อเติบโตถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนก็ได้รับศึกษาเล่าเรียน โดยในระยะแรกได้ศึกษาเล่าเรียนจากพี่ชายของตนเอง ซึ่งเคยบวชเรียนมาก่อนเวลานั้น พี่ชายได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาสจึงได้เอาความรู้ในขณะที่บวชเรียนมาอบรมสั่งสอนน้องต่อ

    หลังจากที่มีการเปิดโรงเรียนประชาบาลขึ้น สามเณรอินถาจึงเกิดความคิดที่จะเรียนต่อ ได้เข้าไปเรียนพระอุปัชฌาย์ให้ทราบ พระอุปัชฌาย์เห็นความเจริญก้าวหน้าจึงอนุญาต จึงได้เข้าเรียนเพิ่มเติมจนจบชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๓ ซึ่งเทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ในปัจจุบัน โดยได้เดินทางมาเรียนที่วัดดอนแคร (วัดจีน) ปัจจุบันเป็นโรงเรียนช่องฟ้าซินเซิง จังหวัดเชียงใหม่ และได้เรียนวิชาสามัญพื้นฐานเพิ่มเติมด้วย เช่น ภาษาอังกฤษ บัญชี ลูกคิด เป็นต้น ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ การศึกษาในโรงเรียนขณะนั้น เป็นการศึกษาเล่าเรียนที่ค่อนข้างลำบากยากเข็ญ เพราะขณะนั้นมีครูสอนในโรงเรียนน้อย การสอนจึงไม่ทั่วถึงแก่ทุกคน ประกอบกับอุปกรณ์ในการเรียนการสอนก็มีไม่เพียงพอ ถ้านักเรียนไม่มีความอุตสาหะ เพียกเพียรพยายาม ย่อมไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้

    การอุปสมบท

    เมื่อท่านครูบาอายุครบ ๒๐ ปี เกิดความคิดขึ้นว่า “ในบัดนี้อายุกาลของเราครบบวชแล้ว ควรจะเดินทางกลับไปอุปสมบทที่ภูมิลำเนาเดิม ณ วัดป่าเหียง ต.แม่แรง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๙ ปีมะโรง (พ.ศ.๒๔๕๗ – ๒๔๖๑ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑) โดยมี พระอธิการแก้ว ขตฺติโย (พระขัตติยะคณะวงษา) เจ้าอาวาสวัดป่าเหียงเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระฮอม โพธาโก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ มีพระสม สุรินฺโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ทั้งสองรูปนี้อยู่วัดป่าเหียงเช่นกัน ได้ฉายาว่า อินฺทจกฺโก

    หลังจากอุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว ท่านครูบาได้ช่วยทำงานและเป็นธุระในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กับพระอุปัชฌาย์หลายประการ ทั้งนี้เพราะท่านครูบามีความรู้ทั้งทางคดีโลกและทางคดีธรรมทั้งปริยัติและปฏิบัติ

    เมื่อท่านครูบาอินทจักรรักษา ปฏิบัติธรรมจนเกิดดำริในการออกเดินธุดงค์แล้วก็บังเกิดความปลื้มปิติขึ้นมา ท่านครูบาจึงน้อมจิตไปในการประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อตนเอง เป็นขณะเดียวที่พระน้องชาย คือ ครูบาพรหมา พฺรหฺมจกฺโก ก็ได้ออกธุดงค์อยู่ในเขตอำเภอป่าซาง และอำเภอจอมทอง ในปี พ.ศ.๒๔๖๒ ซึ่งขณะนั้นท่านมีพรรษาได้ ๓ พรรษา ท่านครูบาได้ขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ออกเดินธุดงค์กับพระน้องชาย ซึ่งพระอุปัชฌาย์ได้อนุโมทนาพร้อมทั้งอนุญาตให้ออกเดินธุดงค์

    ชีวิตในบั้นปลาย

    ครูบาอินทจักรรักษา ได้เห็นสัจธรรมความเป็นจริงของชีวิตโดยพิจารณาว่า “เออ เราเป็นคนหลงรักตัวตนมาตั้งหลายสิบปี หลงอยู่สารพัดแท้ จริงมันก็เป็นสิ่งน่ากลัวทั้งสิ้น” ท่านครูบาได้ดำเนินงานในฐานะเจ้าอาวาสวัดน้ำบ่อหลวง ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๗ – ๒๕๒๐ รวมทั้งสิ้น ๔๔ ปี

    ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๓ ท่าครูบาเกิดอาพาธอย่างกะทันหันคืนนั้นท่านรู้สึกชาที่แขนและขาเบื้องซ้าย แพทย์ตรวจดูอาการและวินิจฉัยว่า เป็นโรคกระดูกสันหลังตรงบั้นเอวอักเสบ ต้องทำการผ่าตัด ขณะที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลท่านมีโรคแทรกซ้อนคือ ท้องร่วงอย่างรุนแรง แพทย์ให้ยาอย่างไรก็ไม่หาย ในที่สุดท้องร่วงก็ทุเลาลงเพราะฉันข้าวเหนียวปิ้ง ท่านป่วยอยู่เช่นนี้จนอาการทรุดหนักในวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๑๔ นายแพทย์ผู้ตรวจรักษาลงความเห็นว่า ท่านจะสิ้นใจในเวลาตีสองของคืนนี้ จึงได้ถอดสายช่วยหายใจออก โดยได้วินิจฉัยว่าท่านครูบาอาพาธด้วยโรค

    ๑) โรคกระดูกสันหลังอักเสบ
    ๒) โรคอัมพาต
    ๓) โรคมะเร็งในสมอง
    ๔) โรคเส้นประสาทสันหลังอักเสบ
    ๕) โรคสันนิบาต

    หลังจากแพทย์ได้กลับไป บรรดาศรัทธาประชาชนที่อุปฐากท่านจะเริ่มทยอยกันกลับ เพราะแน่ใจว่าท่านครูบาคงสิ้นใจในคืนนี้ ครั้นถึงรุ่งเช้าของวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๑๔ อาการป่วยของท่านก็ทรงตัวแต่ท่านไม่ได้มรณภาพตามที่แพทย์วินิจฉัย แต่กลับหายป่วยในเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๑๔ ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์แก่เถรานุเถระที่มาเฝ้าดูอาการ ตลอดเวลาที่ท่านครูบานอนป่วย ไม่มีลูกศิษย์คนใดเคยเห็นท่านร้องครวญคราง สังเกตเห็นเพียงอาการที่ท่านครูบานอนนิ่งกัดกรามพร้อมกับขมวดคิ้ว และหลับตาลงเท่านั้น

    หลังจากท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๐ ในตำแหน่ง พระสุธรรมยานเถร พระราชาคณะฝ่ายวิปัสสนาธุระ ท่านก็เกิดอาพาธอีกครั้งด้วยโรคประจำตัวที่ท่านเคยอาพาธเมื่อครั้งแรก ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่าน เพราะโรคร้ายกำเริบหนักประกอบกับในเวลานั้นท่านได้ชราภาพมากแล้ว ในคืนวันที่ ๑๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๑ เวลา ๒๒.๒๐ น. ท่านครูบาได้มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ ณ ตึกสงฆ์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ รวมสิริอายุได้ ๘๒ ปี ๖๒ พรรษา

    อีก ๓ ปีต่อมา ศิษยานุศิษย์ได้ขอพระราชทานเพลิงศพ ในวันที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๔ โดยมี พลอากาศเอกหะริน หงสกุล ประธานรัฐสภาเป็นผู้อัญเชิญไฟพระราชทานและเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ทอดถวายผ้าไตรพระราชทาน โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เสงี่ยม) เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ วัดสุทัศเทพวราราม เป็นองค์พิจารณาผ้าไตรบังสุกุล และจุดไฟพระราชทานโดยมีพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทั่วไปนับหมื่นมาร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพในครั้งนั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญครูบาอินทรจักรรักษา
    ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ครูบาอินทร.jpg ครูบาอินทรหลัง.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    สำนักปฏิบัติธรรมเขาสุนะโม ต.หนองเล้าไก่ อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ตั้งขึ้นเมื่อประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๔๔๙ โดย พระครูสมุห์นิมิต หรือพระอาจารย์ตี๋เล็ก ได้เดินธุดงค์ร่วมทางกับพระ ๗-๘ รูป เวลาประมาณ ๘ โมงเย็น พบตากับยายเหมือนหาบตะกร้า เข้ามาบอกว่า นิมนต์ให้ท่านปักกลดตรงเนินปลวกข้างหน้านี้หน่อย มีหมู่บ้านอยู่ประมาณ ๓๐-๔๐ หลัง ตอนเช้าจะได้มีชาวบ้านมาใส่บาตร ทำบุญกัน

    พระอาจารย์ตี๋เล็กจึงหาที่ปักกลด ณ ที่นั้น และสวดมนต์เจริญสมาธิ ช่วงกลางคืนได้ยินเสียงปี่และเสียงระนาดทั้งคืน เห็นดวงไฟเหมือนมีหมู่บ้านอยู่จริง แต่ตอนเช้ากลับไม่มีบ้านสักหลังเลย ท่านจึงสงสัยว่าจะเป็นหมู่บ้านลับแลของคนที่มีสัจจะ ท่านไปักกลดอยู่ ๒-๓ วัน แล้วเดินธุดงค์ต่อไปผ่านบ้านหนองแม่นา ไปยังเขาค้อ เพื่อจะต่อไปยังภูเรือและภูกระดึง จ.เลย


    หลังจากพระอาจารย์ตี๋เล็กเข้าอบรมกรรมฐานที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ กับหลวงพ่อแสงเทียน อกาลิโก (เป็นอาจารย์หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม พระสายกรรมฐาน) เป็นเวลา ๔๕ วัน พอวันที่จะลากลับ มีโยมมานิมนต์เพื่อจะถวายที่ให้ท่าน แต่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เพราะที่ดินที่โยมถวายเป็นที่เดียวกับที่เจอตากับยายนิมนต์ให้ปักกลดตอนเดินธุดงค์นั่นเอง หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการขออนุญาตสร้างสำนักสงฆ์ ได้รับการอนุเคราะห์จากพระเถระผู้ใหญ่ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างดี

    ด้วยแรงที่ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้ในการสร้างสำนักสงฆ์ครั้งนี้ ขอให้ผู้ที่ได้ทำบุญร่วมกันมาได้มาช่วยกันสร้างสำนักสงฆ์แห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรือง พัฒนายิ่งขึ้นไปร่วมกัน แม้สถานที่จะอยู่ในป่าเขาก็ตาม แต่ก็มีญาติโยมมาร่วมทำบุญกันไม่ขาดสาย ด้วยแรงอธิษฐานที่ตั้งจิตไว้ เพราะเงินที่ได้มาท่านนำมาสร้างสำนักสงฆ์ทุกบาททุกสตางค์

    พระอาจารย์ตี๋เล็ก เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ แม้ว่าอายุไม่มากนัก แต่ตั้งใจอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาด้วยใจจริง วัตถุมงคลต่างๆ ที่พระอาจารย์ตี๋เล็ก อนุญาตให้จัดสร้างมอบเป็นที่ระลึกแก่ญาติโยมที่เคยบริจาคทำบุญมีหลายรุ่นหลายแบบ ล้วนเข้มขลังและท้าพิสูจน์ หรือ “ลองของ” กันมาแล้ว อาทิ ตะกรุดสามกษัตริย์ และตะกรุดลูกปืน อันลือลั่น มีลูกศิษย์หลายรายแอบใช้ปืนยิง ทุกคนต่างทึ่งในพุทธคุณ “สุดยอดมหาอุด” แถมยังมีประสบการณ์มากมาย รวมทั้งยังสุดยอดเมตตามหานิยมอีกด้วย ที่สำคัญคือเป็นที่นิยมของชาวมาเลเซียและสิงคโปร์

    ใครเลยจะคิดว่าเหรียญรุ่นแรกของพระอาจารย์ตี๋เล็กที่ออกเมื่ออายุ ๓๑ ปี พ.ศ.๒๕๕๒ ราคาจะแตะหลักหลายล้านบาท โดยเฉพาะ เหรียญรูปไข่ ครึ่งองค์ พิมพ์เล็ก เนื้อนาค หลังฝังเหล็กไหล สร้างจำนวน ๓๑ เหรียญ เหรียญรูปไข่ เต็มองค์ พิมพ์ใหญ่ เนื้อเงิน ๓๑ เหรียญ ฝังเหล็กไหล ๙ เหรียญ ไม่ฝัง ๒๒ เหรียญ ราคาแตะหลักล้านเช่นกัน ส่วนเหรียญรูปไข่ เต็มองค์ พิมพ์ใหญ่ เนื้อทองฝาบาตร ๓,๓๓๑ เหรียญ ราคาหลักหมื่น


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปภาพขนาด1นิ้วแขวนคอ พระอาจารย์ตี๋เล็กหลังจารยันต์ ให้บูชารูปละ300บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    อ.ตี๋1.JPG อ.ตี๋1หลัง.JPG อ.ตี๋2.JPG อ.ตี๋2หลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2022
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    1-61-696x362.jpg
    พระเทพสิทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดศรีวิชัยวนาราม อ.เมือง จ.เลย เดิมชื่อ พรหมมา คำนาค เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2464 ที่บ้านเลขที่ 46 บ้านหมี่ ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2490 ที่วัดบานเขวา ต.เขวา อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมีพระครูวินัยธรรสฤดี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเชย สุนัทโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการมีนี สุนัทโร พระอนุสาวนาจารย์ ด้านการศึกษา สอบได้นักธรรมเอก และสอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาปรัชญา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และปริญญาครุศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปหล่อรุ่นแรกไม่ตัดเดือยฐาน ให้บูชา 300 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ
    ลป.พรหมา.jpg ลป.พรหมาหลัง.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    lp-kumpong-008-02.jpg

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-kumpong/lp-kumpong_hist.htm
    วันนั้นหลวงปู่อ่อนศรีเป็นหัวหน้านำลงอุโบสถ ท่านบ่นถึงเรื่องที่ท่านไม่สบายอยู่ และพระลูกวัดสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ (สวดวินัยสงฆ์ ๒๒๗ ข้อเป็นภาษาบาลี สวดองค์เดียวให้พระที่ลงอุโบสถฟัง ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง จึงจะครบทุกข้อที่พระพุทธองค์บัญญัติ) ท่านบอกว่า

    “เรานี่เลี้ยงลูกศิษย์ลูกหามาทำไม เลี้ยงมาแล้วทำไมไม่ช่วยเราสวดบ้าง จะให้ไอ้เฒ่านี้สวดไปถึงไหน เราจะตายอยู่แล้ว คนอื่นทำไมไม่เรียนกันบ้าง ศึกษากันบ้าง”

    คำพูดนี้มันเสียบเข้าไปในหัวใจหลวงพ่อ

    “เมื่อไหร่หนอเราจะอ่านหนังสือออกบ้าง ถ้าเราอ่านหนังสือออก เราจะสวดปาฏิโมกข์ถวายท่าน แต่เราก็ยังอ่านไม่ออก”

    พอลงอุโบสถเสร็จหลวงพ่อท่านขอหนังสือปาฏิโมกข์จากท่านเล่มหนึ่ง บอกท่านว่า

    “จะเอาไปบูชา”

    ท่านไม่อยากให้ ท่านว่า “จะเอาไปกินสิงกินแสงอะไร เขียนชื่อเจ้าของก็ไม่ได้ จะเอาไปทำอะไร”

    หลวงพ่อยืนยันว่า “จะเอาไปบูชา”

    ท่านก็เฉย ขออยู่ ๒-๓ ครั้ง ท่านโมโห หรือว่าอย่างไรก็ไม่รู้ ท่านให้เหมือนประชด ทิ้งหนังสือเพล๊ะ

    “เอ้า ไปกินขี้ไต้ไปเสีย” ว่างั้น

    ได้หนังสือแล้วกราบลาท่าน ๓ ครั้ง สะพายย่ามกับบาตรขึ้นเขาไป
    lp-kumpong-016-01.jpg

    (๘) เหตุอัศจรรย์ที่ถ้ำพระ (พรรษาที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๘๘)

    พอขึ้นมาถึงถ้ำพระไม่รู้จะทำอย่างไรเอาหนังสือปฏิโมกข์วางไว้บนหัวนอน แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า

    “ถ้าหาก….ข้าพเจ้า จะได้สืบพระพุทธศาสนา ยังจะเป็นครูบาอาจารย์ ยังจะเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของหมู่คณะ และจะยังรักษาพระธรรมวินัย ขอให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือออกด้วยเถิด ข้าพเจ้าอยากได้ หากเป็นไปไม่ได้ ข้าพเจ้าไม่สามารถจะคุ้มครองพระธรรมวินัย ไม่สามารถรักษาหมู่คณะได้ ก็ขออย่าให้ข้าพเจ้าได้ หากจะเป็นไป ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้”

    จบคำอธิษฐาน ทำสมาธิทำใจให้เป็นกลางอย่างเด็ดขาด ไม่อยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น

    พลัน…..ก็ปรากฏภาพนิมิตในสมาธิ

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทับอยู่ด้านหน้าท่ามกลางแสงฉัพพรรณรังสีสาดสว่างทั่วถ้ำ ประทับอยู่ด้านหน้าตู้พระไตรปิฎก พระองค์ยื่นหนังสือสามเล่ม มอบกับหลวงพ่อ คือ พระสูตร ๑ พระวินัย ๑ พระปรมัตถ์ ๑ แล้วพระองค์เสด็จกลับขึ้นไปบนฟ้า แสงฉัพพรรณรังสีกระจายเต็มท้องฟ้าลับหายจากสายตาไป

    หลังจากนั้นอีก ๒-๓ วัน ขณะที่หลวงพ่อทำสมาธิภาวนาจนจิตสงบเป็นสมาธิแน่วแน่ จะเป็นเพราะแรงอธิษฐานหรืออะไรไม่ทราบ มาดลบันดาลให้หลวงพ่อเห็นเป็นตัวหนังสือคล้าย ๆ กับที่เขียนไว้บนฝาผนังเป็นแถว ๆ แถวนี้อ่านอย่างนี้ ตัวนี้อ่านอย่างนี้ อ่านไปอ่านไปก็หมดให้เห็น แต่จำได้ว่า ตัวนี้อ่านอย่างนี้ ตัวนั้นอ่านอย่างนั้น ก็จำไว้

    ทีหลังอยากจะได้ต่อไปอีก ก็ขออีก ได้ยินในหู เสียงให้อ่านอย่างนั้น อ่านตามเสร็จก็หมดไป หมดปัญญาที่จะอ่านอีก ก็อาศัยคำอธิษฐานว่า “ขอให้ข้าพเจ้ารู้” ก็ได้ยินเสียงอ่านอีก ว่ากันไปเรื่อย ๆ นานเข้า ๓-๔ วัน ตัวเก่าที่เคยอ่านไว้ ก็จำไว้ได้ว่า ออกเสียงอย่างนี้เป็นตัวนี้ อันนี้เป็นตัว ก.ไก่ เหมือนกัน เพราะอ่านออกเสียง ก. เหมือนกัน ตัวที่อ่านไม่ได้ ก็มีเสียงมาบอก ตกลงอ่านไป สวดไป ราวสักเดือนหนึ่ง ก็จบปาฏิโมกข์

    (๙) สอบทานการสวดปาฏิโมกข์ (พรรษาที่ ๓ พ.ศ. ๒๔๘๘)

    เมื่อสวดปาฏิโมกข์ด้วยเหตุอัศจรรย์ที่ถ้ำพระ หลวงพ่อก็ถือหนังสือ สะพายบาตรลงมาหาหลวงปู่อ่อนศรี เพื่อให้ท่านช่วยสอบทานให้ว่าถูกต้องเป็นความจริงไหม พอจะสวดให้ท่านฟัง ท่านก็ว่าเอา

    “พระผีบ้า มาสวดอุตริเอาอะไร หนังสือก็อ่านไม่ออกสักตัว จะมาอ่านปาฏิโมกข์ได้อย่างไร”

    หลวงพ่อก็เฉย แต่ตั้งใจว่า ถ้าท่านไม่อ่านทานให้ก็จะไม่ขึ้นเขาขึ้นถ้ำ จะนอนเฝ้าอยู่ที่วัดล่างนี้จนกว่าท่านจะสอบทานให้

    ค่ำลงก็ไปนวดท่าน เล่าให้ท่านฟังและขอให้หลวงปู่สอบทานให้พรุ่งนี้ ท่านก็นอนเสีย ท่านไม่พูด หันไปพูดเรื่องอื่น นวดไปนวดมาจนถึงเที่ยงคืน ท่านก็บอกให้เลิก เลิกมาแล้วหลวงพ่อก็ยังมานั่งคิดว่า ท่านจะสอบทานให้หรือเปล่าหนอ คิดทวนหน้าทวนหลังอยู่อย่างนั้น

    พอรุ่งเช้าฉันข้าวแล้วไปกราบท่านอีก ให้ท่านสอบทานให้ ทนฟังหลวงพ่ออ้อนวอนไม่ได้ ท่านก็ว่า “เอามาได้จริงๆ หรือ”

    หลวงพ่อถือหนังสือไปกราบลงถวายท่าน หลวงพ่อสวด ท่านก็อ่านสอบทานให้ ตัวไหนผิดท่านก็บอกให้ ตัวไหนลงไม่ถึงฐานอย่างตัว ถ. ถุง ตัว ฐ. ฐาน ตัว ณ เณร เป็นต้น เสียงออกจมูกไม่ค่อยถึงฐาน ท่านก็บอกว่าฐานไม่ถึง

    หลังจากนั้น พอมีผู้รับรองว่าอ่านถูกต้อง ก็บอกกับตนเองว่า “ทีนี้ล่ะ เราจะอ่านเจ็ดตำนาน อ่านสัมพุทโธ โยจักขุมา ไปสวดกับเขาบ้าง เราอ่านหนังสือออกแล้วทีนี้”

    ตกลงตั้งแต่นั้นมาอ่านหนังสือออกได้เรื่อยมา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาหลวงปู่คำพอง ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)


    ลป.คำพอง.JPG ลป.คำพองหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบ หรือทางPMไม่ต้องโพสหลักฐานให้เสียเวลา สมัยนี้โลกออนไลน์ตรวจสอบง่ายหลอกกันยาก แล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    หลวงปู่ขัน หรือพระครูนนทสมาจาร เดิมชื่อขัน จันทร์เหมือน ท่านเป็นลูกชาวสวนย่านบางกรวย เข้าสูร่มกาสาวพัสตร์เมื่ออายุ 16 ปี โดยบวชเป็นสามเณรที่วัดชัยพฤษมาลา สมัยก่อนขึ้นอยู่กับจังหวัดนนทบุรี แต่ปัจจุบันนี้ขึ้นอยู่กับเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ มีท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ(โพธิ์) เป็นพระอุปฌาย์ จนกระทั่งอายุ 19 ปีท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ ก็ฝากสามเณรขัน ให้มาเรียนักธรรมที่วัดมหาธาตุยุวราษฎร์รังสฤษดิ์ ครั้งนั้นสมเด็จพระวันรัตน์(เฮง เขมจารี) ดำรงตำแหน่งเป็น ท่านเจ้าคุณพระยาราชสุทธี เจ้าคณะ 5
    สามเณรขันอยู่ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรมจนกระทั่งอายุครบบวช ก็อุปสมบทที่วัดชัยพฤษมาลา โดยท่านเจ้าคุณนันทวิริยะ(โพธิ์) เป็นพระอุปฌาย์, พระอธิการกิมเจิง เจ้าอาวาสวัดสำโรง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ ท่านเจ้าคุณราชสุทธี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “โสวตฺถิโก” หลังจากบวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านก็ศึกษาเล่าเรียนที่วัดมหาธาตุอยู่ 6 ปี สอบนักธรรมได้เปรียญ 3 ประโยค ซึ่งท่านจะขอเรียนต่อแต่ติดที่ท่านเป็นโรคประสาทต้องพักรักษาตัวเสียก่อน หมอลงความเห็นว่าต้องหยุดเรียนสาเหตุเพราะท่านปวดศีรษะบ่อยมาก “สมเด็จพระวันรัตน์” ท่านก็ให้มหาขันเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุฯ เสียเลย
    ครั้นพระมหาขันได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดอมฤต หรือวัดไฟไหม้ก็ได้ทำนุบำรุงวัดไฟไหม้มาโดยตลอด ท่านสร้างกุฏิสงฆ์ สร้างโบสถ์ ในการรื้อโบสถ์เก่าออกนั้น กรุพระแตกออกมา ชาวบ้านเข้ามายื้อแย่งเอาพระเก่าไปจนหมด มีพระโคนสมอ พระยอดธง พระบูชาสมัยสุโขทัย สมัยเชีงแสน เป็นเก่าที่ล้ำค่า สันนิษฐานว่าเมื่อตอนสร้างโบสถ์ครั้งแรก หลวงปู่แก้วท่านได้สร้างทับฐานโบสถ์เดิม เมื่อขุดโบสถ์เก่าออกมา พบใบเสมาและแหวนทองคำตลอดจนเบี้ยจั่นมากมาย หลวงปู่ขันเป็นพระที่มีอายุมากที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งหลวงปู่ขันมรณภาพเมื่ออายุ 105 ปี ตำแหน่งสุดท้ายท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอเมืองนนทบุรีครับ ด้านวัตถุมงคลท่านสร้างไว้ไม่เยอะมาก นิยมระดับท้องถิ่น แต่ประสบการณ์ไม่ธรรมดาครับ ท่านเป็นเกจิดังเงียบครับ เหมือนกับเกจิอีกหลายๆองค์ ที่ไม่ค่อยมีลูกศิษย์มาช่วยตีปี๊ปเป่าประกาศความเก่ง แต่ว่าเพชรก็ย่อมคือเพชรอยู่วันยังค่ำ ดังนั้นต้องช่วยกันเผยแพร่เกียรติคุณของพระดีๆ ครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ขัน วัดอมฤต นนทบุรี ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    ลป.ขัน.JPG ลป.ขันหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2019
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    พระผงรูปแเหมือนพระอาจารย์มั่น ออกวัดธรรมมงคล ลป.วิริยัง กรุงเทพ ปี๒๕๒๐ พิธีใหญ่สายครูบาอาจารย์พระป่ากรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
    ให้บูชา 200 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.มั่น.jpg ลป.มั่นหลัง.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    สำหรับประวัติหลวงปู่สนธิ์ นามเดิมชื่อว่า นายสนธิ์ โคตะบิน เกิดวันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน 2453 อุปสมบทเมื่ออายุ 21 ปี วันที่ 21 เมษายน 2474 ที่วัดจำปา ต.นาเดื่อ อ.ศรีสงคราม ช่วงที่บวชพรรษาแรกท่านก็ได้เดินธุดงค์ไปจำพรรษาที่ อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร, อ.โพนสวรรค์ และ อ.ท่าอุเทน นาน 8 พรรษา

    son5.jpg

    ขณะที่หลวงปู่จำพรรษาอยู่ที่วัดพระธาตุท่าอุเทน ท่านได้ปวารนาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน พระเกจิชื่อดังผู้สร้างพระพุทธบาทบัวบกในยุคนั้น ก่อนที่จะเดินธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ตามลำดับ และข้ามแม่น้ำโขงไปที่แขวงเวียงจันทร์ ประเทศลาว นาน 2 พรรษา จากนั้นจึงธุดงค์ไปภูเขาควายอีก 4 พรรษา นั่งปฏิบัติธรรมท่ามกลางสัตว์ป่าดุร้าย เช่น หมี เสือโคร่ง ก่อนจะธุดงค์ต่อไปในภาคเหนือของไทย 7 จังหวัด และภาคกลางอีก 7 จังหวัด

    หลวงปู่สนธิ์ เป็นพระป่าสายธรรมยุติที่สมถะ ปฏิบัติตัวเรียบง่าย ขณะเดินธุดงค์จะไม่สวมรองเท้า หลังเสร็จจากธุดงค์ก็เดินทางมาโปรดโยมพ่อที่ป่วย ก่อนสร้างวัดอรัญญานาโพธิ์ขึ้นเมื่อปี 2509 อีกทั้งยังสร้างโรงเรียนอีก 5 แห่ง และตึกอาพาธสงฆ์ที่โรงพยาบาลศรีสงคราม สร้างศาลาการเปรียญวัดกุฏิหลายแห่ง พร้อมตั้งมูลนิธิหลวงปู่สนธิ์สนับสนุนทุนเรียนดีแต่ยากจนอีกด้วย

    son8.jpg

    เมื่อวัยเข้าสู่ชราจึงจำพรรษาที่วัดบ้านเกิดนานกว่า 50 ปี กระทั่งละสังขารอย่างสงบดังกล่าว โดยพิธีเคลื่อนสรีระสังขารไปไว้ที่ศาลาการเปรียญวัดอรัญญานาโพธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการขอน้ำหลวงสรงศพต่อไป

    อย่างไรก็ตามหลังศิษย์ยานุศิษย์ทราบข่าวการมรณภาพหลวงปู่สนธ์ ทำให้วัตถุมงคลของหลวงปู่สนธิ์แต่ละรุ่น เป็นที่ต้องการแก่นักสะสมเป็นอย่างมาก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่สนธฺ์ ให้บูชา 100 บาทค่าจตัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.สนธิ์.jpg ลป.สนธิ์หลัง.jpg

     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    ระวัติหลวงพ่ออุทัยตาทิพย์ หรือพระครูสังฆรักษ์อุทัย ปภงฺกโร วัดศรีมฤคทายวัน (วัดเกาะตาพุด) อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เดิมชื่อ อุทัย ดอกเกตุ เกิดที่ ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี บิดาชื่อ นายทัพ มารดาชื่อ นางแสง อาชีพทำนา มีลูกทั้งหมด 6 คน หลวงพ่ออุทัย เป็นบุตรคนที่ 2 ปัจจุบัน พี่น้องเสียชีวิตหมด เมื่ออายุได้ 6 ขวบ เกิดเป็นโรคขึ้นที่ตาเรียกว่า ตาเกล็ดกระดี่ พิษของโรคทำให้ตาบอดทั้ง 2 ข้าง แต่ยังพอมองเห็นแสงเดือน แสงไฟฟ้าแลบบ้าง ไม่ได้เรียนหนังสือ

    ต่อมา โยมพ่อได้พา ด.ช.อุทัย ไปฝากไว้กับหลวงพ่อแทน ธมฺมโชติ เจ้าอาวาสวัดธรรมเสน และหลวงพ่อแทน เอามาฝากไว้ที่สำนักสงฆ์เกาะตาพุด เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อฟุ้ง อยู่ 1 ปี พออายุครบบวช หลวงพ่อแทน ได้ให้ไปบวชที่วัดธรรมเสน ในปี 2497 และกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเกาะตาพุด เพราะหลวงพ่อแทน เห็นว่าถ้าอยู่ที่วัดนี้อาจจมน้ำตายได้ เพราะรอบๆ วัดเต็มไปด้วยน้ำ การเดินทางต้องใช้เรือพายตลอด ซึ่งพระอุทัย ตาบอดทั้ง 2 ข้าง ส่วนการเรียนหนังสือใช้วิธีต่อเอาจากพระด้วยกัน ช่วงแรกเป็นสำนักสงฆ์เกาะตาพุด ต่อมา เปลี่ยนเป็นวัดศรีมฤคทายวัน เมื่อปี 2506 ส่วนชื่อวัดเกาะตาพุด เป็นชื่อวัดที่ชาวบ้านเรียกกัน

    หลวงพ่ออุทัย ประพรมน้ำมนต์ในโบสถ์มีลูกศิษย์ที่เคารพนับถือไปหาทุกวัน ทั้งคนใน จ.ราชบุรีและต่างจังหวัด รวมถึงคนกรุงเทพฯ มากมาย เว้นเฉพาะวันพระเท่านั้นที่จะหยุดไม่พรมน้ำมนต์ให้ใคร นอกจากนี้ ยังมีเหรียญ และพระเครื่องบูชาโดยนำเงินที่ได้ไปสร้างสาธารณประโยชน์ให้แก่สังคม รวมทั้งนำไปช่วยเหลือองค์การการกุศล และช่วยเหลือทหาร และ ตชด.ตามชายแดน


    559000000525302.jpg

    559000000525304.jpg


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปถ่ายจีวรก้อนแร่ เลี่ยมพลาสติคเดิมๆ หลวงพ่ออุทัยให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.อุทัย.jpg ลพ.อุทัยหลัง.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    หลวงพ่อเมียก วัดโคกกะเพอ สุรินทร์ วัตถุมงคลท่านมวลสารดี มวลสารอาถรรพย์ เสกเดี่ยวและเสกหมู่ มากประสพการณ์ครับ หายากแน่นอน ศิษย์และคนรู้ตามเก็บ

    พระปิดตาหลวงพ่อเมียก วัดโคกกะเพอ สุรินทร์ ให้บูชา 1000บาทครับ

    พระปิดตา123.jpg พระปิดตา1234.jpg ลต.เมียด.JPG ลต.เมียดหลัง.JPG
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    https://palungjit.org/threads/พระราชธรรมวิจารย์-หลวงปู่ธูป-วัดแค-นางเลิ้ง-พระดีในอดีต.192861/

    ประวัติ หลวงปู่ธูป (พระราชธรรมวิจารณ์) วัดแคนางเลิ้ง (วัดสุนทรธรรมทาน) กรุงเทพ


    d1bd65087682f51b385ea9af9225746389a7a82b_218x311_Q75.jpg

    พระราชธรรมวิจารณ์ หรือที่ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหา มักเรียกท่านว่าหลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่น่าเคารพ แถมท่านยังมีวิทยาคมเข้มขลังอีกด้วย ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง และสนน ราคาก็ยังไม่สูงมาก

    หลวงปู่ธูป ท่านเกิดที่ตำบลบางหลวงเอียง อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ.2441 โยมบิดาชื่อ เดช โยมมารดาชื่อ ผ่อง ท่านกำพร้าบิดามารดาตอนอายุได้เพียงขวบเศษ ต่อมาท่านจึงได้มาอยู่กับญาติผู้ใหญ่ที่ กทม. คือเจ้าพระยาราชศุภมิตรและท่านผู้หญิงแปลก ระหว่างนี้ท่านก็ได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่ กทม. และได้ศึกษาหนังสือขอม บาลีต่างๆ ที่วัดใกล้บ้านของท่าน

    ครั้นถึงปี พ.ศ.2463 ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแค) นางเลิ้ง โดยมีท่านเจ้าคุณธรรมวโรดม (จ่าย) สายเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอริยมุนี (หว่าง) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูพุทธบาล (เนตร) เจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "เขมสิริ" เมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็ได้ศึกษาพระธรรม และวิปัสสนากรรมฐาน กับพระครูพุทธบาล ต่อมาท่านก็ได้เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิม ท่านก็จำพรรษาอยู่วัดบางนมโค จึงได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลังจากที่ท่านได้เดินทางกลับมาที่ กทม.แล้ว ท่านก็ยังได้ไปเยี่ยมเยียนและศึกษากับหลวงพ่อปานอยู่เสมอ

    ต่อมาท่านก็ได้สนิทสนมกับหลวงพ่อขันธ์ วัดนกกระจาบ จึงได้มีโอกาสได้เรียนวิชาเชือกคาดเอวกับหลวงพ่อขันธ์อีกด้วย หลวงปู่ธูป นอกจากท่านจะได้เรียนกับหลวงพ่อปานและหลวงพ่อขันธ์แล้ว ท่านยังได้เดินทางไปเรียนกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ที่นครปฐมอีก หลวงพ่อแช่มและหลวงปู่ธูปได้เดินทางไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด ต่อมาท่านก็ได้รู้จักกับหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ในคราวที่เดินทางไปที่วัดตาก้องนี้เอง และได้แลกเปลี่ยนวิชากัน

    หลวงปู่ธูปท่านเป็นผู้ขยันหมั่นเพียร เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำกิจการใด ท่านก็ทำโดยไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย นำพระภิกษุสามเณรให้ช่วยกันทำกิจกรรมของวัดให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ท่านจึงเป็นกำลังสำคัญของพระครูพุทธบาล ในการช่วยปฏิสังขรณ์พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองจนได้รับตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาส

    ในปี พ.ศ.2471 ท่านก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสุนทรธรรมทาน หลังจากท่านเป็นเจ้าอาวาส ท่านก็ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองดังที่เห็นมาจนทุกวันนี้ ในปีพ.ศ.2477 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสุนทรธรรมวิจารณ์ ต่อมาในปี พ.ศ.2495 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระสุนทรธรรมวิจารณ์ ในปี พ.ศ.2506 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณ ศักดิ์เป็นที่พระราชธรรมวิจารณ์

    ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ท่านเริ่มสร้างครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2482 โดยท่านสร้างร่วมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง เป็นพระสมเด็จฐานสามชั้น พระรอด พระนางพญา และพิมพ์นางกวัก พระที่สร้างครั้งนี้เป็นพระเนื้อผง ผสมกับดินปูชนียสถาน และผงใบลาน ลงรักฉาบเนื้อ เนื้อในสีดอกเทา ด้านหลังจะเป็นรอยจารลึกลงไปในเนื้อทุกองค์

    เมื่อสร้างเสร็จท่านก็จะแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์และผู้มาแสดงมุทิตาจิต ที่เหลือนอกนั้นนำไปบรรจุที่ใต้ฐานพระประธาน พระชุดนี้ปัจจุบันหาดูได้ยากสักหน่อย นอกจากนี้ท่านได้สร้างตะกรุด เชือกคาดเอว พระเนื้อผงรุ่นปีพ.ศ.2504 เหรียญปีพ.ศ.2513 และอื่นๆ อีกพอสมควร

    หลวงปู่ธูปเป็นที่รักเคารพของชาวบ้านละแวกนั้น อีกทั้งลูกศิษย์ลูกหาอีกมากมาย จนเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2533 ท่านจึงได้มรณภาพอย่างสงบ สิริอายุได้ 92 ปี พรรษาที่ 70

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    หรียญหลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง รุ่น๒ ปี ๒๕๑๘ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)


    ลป.ธูป.jpg ลป.ธูปหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2019
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    เหรียญกรมหลวงชุมพร ๑๐๐ ปีกรมยุทธศึกษาทหารเรือ ปี ๒๕๔๖ เนื้อทองแดง

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)
    กรมหลวง.jpg กรมหลวงหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 พฤษภาคม 2019
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44376
    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เกิดวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๕๓ เป็นบุตรของนายกา ผิวขำ กับ นางมะแง้ ผิวขำ ที่บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ปัจจุบันหลวงปู่จาม มีอายุ ๙๕ ปี

    ชีวิตการอุปสมบท

    เมื่ออายุ ๗ ขวบ ได้บวชเรียนที่วัดหนองแวง บ้านห้วยทราย อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ต่อมาได้ติดตามหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เพื่อศึกษาพระวิปัสสนากรรมฐาน ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือเป็นเวลา ๑๕ ปี และได้ลาสิกขาออกมาอยู่กับบิดามารดา เนื่องด้วยสุขภาพไม่ดี

    ครั้นอายุ ๒๙ ปี (พ.ศ. ๒๔๘๒) จึงได้บวชอีกครั้งหนึ่งและได้ธุดงค์ไปภาคเหนือ จำพรรษาอยู่วัดเจดีย์หลวง ๓๒ พรรษา จากนั้น ได้ไปปฏิบัติธรรม กับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ จึงกลับมาปักกรด จำพรรษาที่วัดป่าวิเวกวัฒนาราม สร้างวัดป่าวิเวกวัฒนาราม ให้เป็นที่พำนักนั่งวิปัสสนากรรมฐาน

    ผลงานที่เป็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

    หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ท่านเป็นพระที่อารมณ์ดี มีเมตตาสูง ปฏิบัติตามกฎระเบียบ วินัยพระ อย่างเคร่งครัด แม้ว่าสุขภาพไม่ดี ท่านก็ยังออกบิณฑบาต ทุกเช้า ไม่เบื่อหน่ายในความเพียร จึงทำให้มีศิษยานุศิษย์ ทั่วประเทศ พุทธศาสนิกชน หลั่งไหลมาฟังพระเทศนา ของหลวงปู่จามอยู่มิได้ขาด วันหนึ่ง ๆ มีญาติโยมมาเป็นจำนวนมากแต่หลวงปู่จาม ก็ไม่เคยบ่นมีแต่ความพึงพอใจ ที่ได้เทศนาสั่งสอน ด้วยใบหน้ายิ้มละไมอยู่เป็นนิจ ครั้งหนึ่ง ท่านเคยกล่าวว่า “ คนเรา เมื่อประพฤติปฏิบัติให้อยู่ในกรอบแห่งศีลธรรม อยู่ในความไม่ประมาท หมั่นบำเพ็ญบุญ สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน แล้วก็ไม่ต้องวิ่งไปหาพระที่ไหนชีวิตก็เป็นสุข ” ซึ่งหลวงปู่ ได้สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัด แก่พุทธศาสนิกชน ทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ดังนี้

    ๑. เทศนาสั่งสอน ญาติโยมที่มานมัสการหลวงปู่ ทุกวันพระ และวันสำคัญจะมีประชาชนมาเป็นจำนวน ๑๐๐ - ๒๐๐ คนขึ้นไป
    ๒. หลักธรรม คำสั่งสอนของหลวงปู่ ได้มีคนบันทึกเทปไว้เป็นจำนวนมาก
    ๓. หลวงปู่จาม มีความคิด ริเริ่มสร้างสรรค์ธรรมชาติให้เป็นที่นั่งวิปัสสนา ได้อย่างกลมกลืนร่มรื่น ปราศจากสิ่งรบกวน
    ๔. สร้างพระเจดีย์ทรงจุฬามณีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    ๕. สร้างกุฏิเสาเดียว จำนวน ๑๑ หลัง
    ๖. สร้างศาลาการเปรียญ และหอฉันสำหรับไว้เทศนาญาติโยมในวันสำคัญต่าง ๆ

    คุณความดี ผลงานของท่านล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง สรรเสริญ ที่บุคคลทั่วไปควรยึดไว้เป็นที่พึ่งและเป็นตัวอย่างที่เราควรจะจารึกไว้ให้แก่ประชาชนทั่วไป ได้เลื่อมใสศรัทธา ปฏิบัติตามธรรมคำสั่งสอนของท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    http://www.mukdahannews.com/news-19-11-53jammm.htm
    เหรียญหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่จาม มหาปุญโญ มุกดาหาร ศิษย์พระป่ากรรมฐานหลวงปู่มั่น อธิฐานจิต เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงปู่จาม ท่านไม่ให้สร้างเป้นรูปท่าน แต่สร้างเป้นครูบาอาจารย์สายพระป่า

    ให้บูชา 1000 บาทครับ สวยเดิมพร้อมกล่อง


    ลป.จามกล่อง.jpg ลป.จาม.jpg ลป.จามหลัง.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    รูปเหมือนไม้ยิงเลเซอร์ หลวงพ่อถาวร จิตตถาวโร วัดปทุมวนาราม กรุงเทพ
    พระป่าสายกรรมฐานกลางกรุง

    ให้บูชา 1000 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.ถาวร.jpg ลพ.ถาวรหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2022
  17. DRAKOY

    DRAKOY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    798
    ค่าพลัง:
    +1,133
    จองหลวงปู่คูหาสวรรค์หลังยันต์ตะกร้อครับยอด450จะพยายามโอนโดยเร็วนะครับพี่
     
  18. wangbao

    wangbao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2018
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +151
    ขออนุญาตจองครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,149
    ค่าพลัง:
    +21,318
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...