เหตุที่ทำให้ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ค่อยเห็นผล

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Apinya Smabut, 17 สิงหาคม 2019.

  1. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,397
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,628
    เหตุที่ทำให้พระกรรมฐานไม่ค่อยได้ผล


    เมื่อวันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐมได้ทรงพระเมตตามาสอนเพื่อนที่ร่วมปฏิบัติธรรมของผม ที่ร่วมไปปฏิบัติพระกรรมฐานที่วิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร แล้วไม่ค่อยได้ผล มีความสำคัญดังนี้

    ๑. “กรรมฐานเที่ยวนี้ล้มเหลวอีกแล้วหรือเจ้า เหตุก็เพราะเจ้าปล่อยให้ถีนะมิทธะ (ความง่วง) เข้าครอบงำจิต จึงเป็นผลให้นิวรณ์กดดันจิต ให้สิ้นกำลังที่จักเจริญพระกรรมฐานให้ได้ผล จำเอาไว้ เพราะเจ้ามีความประมาทในนิวรณ์ ๕ ประการ ต่อไปห้ามคิดว่านั่งต่อไปอีกนิดน่า ไม่เป็นไร ถ้ารู้สึกว่าความง่วงเข้าแทรกเมื่อไหร่ อาการง่วงหาวปรากฏ ให้รีบลุกขึ้นเดินทันที”

    ๒. “ถ้าระงับไม่ได้ก็ชนะไม่ได้ ห้ามโต้แย้งเป็นอันขาดว่า นั่นเป็นการหลับในฌาน หากกล่าวเช่นนั้นก็เป็นการเข้าข้างกิเลสมากเกินไป”

    ๓. “การหยิบเอาบันทึกคู่มือปฏับัติพระกรรมฐานขึ้นมาดูนั้น ถ้าอารมณ์นิวรณ์ ๕ แทรกได้แล้ว การพิจารณาก็จักไม่มีผล เพราะปัญญามันไม่เกิด เพราะฉะนั้น ต้องตื่นตัว ปลุกจิตให้ระงับนิวรณ์ ๕ ในขณะนั้น แต่ถ้าหากระงับได้ตลอดเวลา ก็ควรจะระงับ เมื่อระงับได้แล้วนั่นแหละ จึงจักหวนกลับมาพิจารณาธรรมต่าง ๆ ได้”

    ๔. “อย่าลืมแม่บทของการเจริญพระกรรมฐาน คือ อานาปานุสติ หมั่นเติมพลังให้แก่ดวงจิตเข้าไว้จักได้มีกำลัง ถ้าหากทำได้ก็ให้ทำจิตถึงฌาน ๔ เห็นภาพนิมิตกสิณเป็นแก้วแล้ว จิตชุ่มชื่นดีแล้ว หวนกลับมาจับอารมณ์วิปัสสนาญาณ อันนั้นแหละ จักเป็นผลดีทั้งสมถะและวิปัสสนาญาณ”

    ๕. “อย่าท้อถอยนะ ผิดแล้วก็เริ่มต้นใหม่ หมั่นกำหนดจิตรู้ลมเข้าออกอยู่เนือง ๆ จิตจักได้เคยชิน จักภาวนาควบคู่ไปด้วยก็ได้ ไม่ภาวนาก็ได้ ให้หมั่นกำหนดรู้อยู่เสมอ สมาธิจิตจักได้ทรงตัว”

    ๖. “รู้อย่างเบา ๆ มีสติสัมปชัญญะ กำหนดรู้การเข้าออกของลมหายใจ อย่าไปรู้แบบหนัก ๆ จิตมีวิตกกังวลแบบนั้น จักไม่เป็นผล เป็นอัตตกิลมถานุโยค จิตหนัก สมาธิหนักเกินไป ไม่เป็นผล”

    ---------------------------------------------------------------------------------------------​

    วิจารณ์

    สำหรับพวกที่ยังไม่ได้กสิณ อาจคิดว่าตนทำไม่ได้ ผมขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมดังนี้

    ๑. ความสำคัญหรือหลักในการปฏิบัติพระกรรมฐาน ก็คือการระงับนิวรณ์ ๕ ให้ได้เสียก่อน

    ๒. แม่บทที่ทำให้จิตสงบ เป็นฌาน เป็นสมาธิได้ คือ อานาปานุสติ ผู้ใดไม่สนใจจุดนี้ ก็อย่าหวังที่จะทำให้จิตสงบและทรงตัวได้

    ๓. ผู้ไม่ได้กสิณ ให้สังเกตเอาเสียงเป็นหลักสำคัญ หากหูได้ยินเสียงดี แต่จิตเราไม่รำคาญในเสียง คงพิจารณาได้ต่อเนื่องนั่นคือ จิตถึงปฐมฌาน จัดเป็นอัปปนาสมาธิ ซึ่งมีกำลังพอพิจารณาตัดกิเลสให้ขาดได้แล้ว

    หากจับรู้ลมหายใจเข้าและออกควบกับคำภาวนาอยู่ แล้วคำภาวนาหายไป จิตสงบดี หูได้ยินเสียงเบาลง นั่นเป็นฌานที่ ๒

    หากปฏิบัติต่อ รู้สึกว่าตัวแข็ง ขยับตัวไม่ได้ อย่าตกใจ อย่ากลัวตาย ขณะนั้นเสียงจะเบาลงมาก ขณะนั้นจิตเข้าสู่ฌานที่ ๓

    และหากเสียงหายไป หูไม่ได้ยินเสียงเลย กายจะเบา จิตจะเบาสบาย ขณะนั้นเป็นฌานที่ ๔ อย่างหยาบ และหากรู้สึกว่าแม้แต่กายก็ไม่มี หายไปด้วย จิตเบาสบาย และเป็นสุขมาก ขณะนั้นเป็นฌาน ๔ อย่างละเอียด ให้ใช้หลักการนี้เป็นข้อสังเกต

    ๔. อาการง่วงเหงาหาวนอนเกิด อย่าฝืน ให้ลุกขึ้นเคลื่อนไหวร่างกายโดยการเดิน ถ้าระงับนิวรณ์ ๕ ไม่ได้ การปฏิบัติก็ไม่มีผล

    ๕. อารมณ์จริงต้องเบา ๆ สบาย ๆ หากหนักและเครียด ไม่ใช่อารมณ์จริง ตึงเกินไปก็ไม่มีผล หย่อนเกินไปก็ไม่มีผล การบรรลุต้องใช้ทางสายกลางทั้งสิ้น


    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๕
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com

    ที่มา วัดท่าขนุน
     

แชร์หน้านี้

Loading...