เสียดาย..ไม่น่าเลยยย..

ชื่อเรื่องตามหัวกระทู้นะครับ..
เมื่อสัปดาห์กว่าๆที่แล้ว..ได้เจอพี่ที่รู้จักกัน2คนเปิดศึกไล่ตะเพิดกัน..เหตุเพราะว่า.พี่ทั้ง2คนนี้คนนึงเป็นผู้หญิงทำงานอยู่โรงพยาบาลแห่งนึง..อายุ40ปีมีลูกและสามีแล้วครับ...ส่วนพี่อีกคนเป็นผู้ชายทำงานส่วนตัว.เป็นนักปฎิบัติธรรมด้วยกันทั้งคู่...ปรากฎว่าพี่ผู้ชายออกแถลงการณ์ให้พี่ผู้หญิงเลิกส่งข้อความารบกวนเขา เพราะส่งมารบกวนตลอด2ปี.และส่งมาเลอะเทอะฟั่นเฟือน..หากยังไม่ยอมเลิกอีก เขาจะต้องแจ้งตำรวจให้ดำเนินการ.....เมื่อผมฟังแล้วก็เอ้..มันยังไงหว่าจึงได้สอบถามพี่ผู้ชายไป..ทราบว่าพี่ผู้หญิงคนนี้หลังจากได้พบเจอเขา ..ก็รู้สึกแปลกๆคือเขียนข้อความมาชวนคุยและพยายามถามเรื่องครอบครัว..แกก็ตอบแบบมิตรสหายที่ดีว่าไม่มีครอบครัวครับ..ตั้งแต่นั้นมาพี่ผู้หญิงก็ส่งข้อความมาจีบอยู่เรื่อย....ผมงงมากเพราพี่ผู้หญิงคนนี้เท่าที่รู้จักกันมาแกดีมาก..ชอบการปฎิบัติธรรม...แต่จู่ๆทำไมเป็นแบบนี้....ทีนี้เท่าที่ทราบต่อมาคือพี่ผู้หญิงแกนั่งสมาธิไปนั่งสมาธิมา.จนแกบอกว่าแกเกิดนิมิตเห็นตนเองในอดีตชาติ.หลายชาติ....และในหลายชาตินั้นแกเห็นพี่ผู้ชายคนนี้เป็นคู่รักของแกทุกชาติด้วย..และแต่ละชาติก็รักกันมาก บางชาติก็เคยเป็นนักรบ..ต้องรบโดยหันหลังชนกันเพื่อต่อสวู้ศัตรูจนตายพร้อมกัน...มาชาตินี้มาเจอกันอีก..ดังนั้นแกจึงจะต้องกลับมาสานสัมพันธ์กับพี่ผู้ชายคนนี้ใหม่.....ผมฟังแล้วก็..เสียดาย ไม่น่าเลยยย...ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ..ตอนนี้ใครจะพูดใครจะบอกอย่างไร.ก็เบรกแกไม่อยู่แล้วล่ะครับ...ลงเห็นอดีตตัวเอง.แล้วจะเอาอดีตมาโยงมาไขว้กับปัจจุบัน.ให้มันวุ่นไปไม่รู้จักจบอย่างนี้ มันก็วุ่นน่ะครับ.......
*ขออภัย เรื่องอาจไม่ใช่สาระ...เพียงแต่ดูแล้วอาจจะพอตรงกับผู้กำลังเป็นอย่างนี้บางท่านหรือคนที่ท่านรู้จัก.ก็ให้เอาเป็นประสบการณ์นะครับ

 

เรื่องที่ผ่านไปแล้วมันก็คืออดีต มันไม่ใช่ปัจจุบัน

 

บอกเขาว่าอย่าสนใจอดีต ถ้าลืมไม่ได้ ให้อุทิศบุญให้เขาบ่อย ๆ

 

อยู่กับอดีตเป็นวังวล หาความเจริญไม่ได้เลย เหมือนติดในวงล้อกรรม ต้องใช้สติพิจารณาตามความเป็นจริง

 

น่าสงสารนะคะ เรื่องนิมิตจริงแค่ไหนก็ไม่รู้
แต่ที่รู้แน่ๆ คุณผู้หญิงขาดสติ หลงไปกับนิมิต แล้วห้ามใจไม่อยู่
โดนกิเลสครอบงำ ถอนตัวไม่ขึ้น

ระวังนิมิต ระวังความคิด อย่าให้มาครอบงำตนเอง นี่ก็ยากนะ

พึงมีสติรักษาจิต มีศีลรักษาใจ ไว้เนืองๆ

 

อันนี้เขาเรียกเพ้อ.......

 

ถ้าเทียบกับคนบางคน ที่หลงเชื่อนิมิต
ซึ่งก็มีทั้งจริง และ ไม่จริง
มีทั้งเรื่องดี และ ไม่ดี
มีทั้งเรื่องที่ถูกทำนองคลองธรรม และ เรื่องที่ผิดศีลธรรม
มีทั้งเรื่องที่เป็นประโยชน์ และ ไม่เป็นประโยชน์ ต่อตนเอง
มีทั้งเรื่องที่เป็นคุณ และ เป็นโทษ ต่อตนเองและผู้อื่น
ถ้าเชื่อนิมิตไปแล้ว หลงในนิมิตไปแล้ว และเดินออกมาไม่ได้ ถอนตัวออกมาไม่ได้
ก็ได้ชื่อ หลง อยู่หมือนกัน เพียงแต่ว่า จะหลงอยู่ในเรื่องดี หรือ หลงอยู่ในเรื่องชั่ว

หลงอยู่ในฝันดี หรือหลงอยู่ในฝันร้าย ก็คงจะมีอาการอย่างเดียวกัน
เพียงแต่ คนที่ฝันดี ย่อมมีโชคดี มากกว่าคนที่ฝันร้าย
เราเองก็ยังฝันอยู่ ก็ได้แต่อธิษฐานขอให้มีแต่ฝันดี อย่าได้มีฝันร้ายมากล้ำกรายเราเลย
จนกว่าจะถึงวันที่ เราเลิกฝัน ได้อย่างถาวร
(กลัวอยู่เหมือนกันนะ กลัวใจตัวเอง...จะฝันร้ายแล้วขาดสติ)

 

สิ่งที่ผ่านมาไม่ได้กำหนดว่าในอนาคตต้องเป็นเนื้อคู่กันเสมอไป เนื้อคู่นั้น ใช่ว่าจะได้อยู่ด้วยกันทุกคู่ ส่วนเรื่องนิมิต ในอดีตชาตินั้น พอกลับไปเห็นไปรู้ ให้สังเกตุและวิเคราะห์ใช้ปัญญาดูสิว่า ที่ย้อนไปให้เห็นนั้น ให้ละสังขารที่ไม่เที่ยงไม่ยึดติดกับการเกิดแก่เจ็บตาย รักโลภโกรธหลง มันเป็นของที่ได้มาแล้วก็เสื่อมไป
อย่างที่เห็นนิมิต ใช่ว่าจะอยากเป็น อยากได้เหมือนดั่งที่เป็นในอดีต แต่ ปัญญาไม่เกิด แค่อยากจะเป็นเหมือนอดีตที่ผ่านมาเท่านั้น คือ เกิดกิเลส ตัว อยากจะกลับไป
จริงๆลองนึกกลับกัน ดูนะ ชาติก่อนที่เห็นอาจจะเป็นชาติสุดท้ายที่ได้เป็นเนื้อคู่ก็ได้ ได้มาพบกันชาตินี้เพียงแค่เจอกันโดนทางธรรมอาจจะเป็นบุญที่ทำร่วมกันมาจึงได้มาเจออีกชาตินี้ อาจจะปฏิบัติธรรมทำแต่กำดีไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ด้วยกัน ไปจนถึงพระนิพพานไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า
(อย่ายึดติดกับอดีตเลยเป็นเพียงสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ ให้ปลงกับอดีตที่ผ่านมาปล่อยวางจะดีกว่าไหมคับ)

 

ปฏิบัติเพื่อนิพพาน

ปล่อยวางตัวกู ของกู