เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 กันยายน 2024 at 19:43.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,460
    ค่าพลัง:
    +26,290
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,460
    ค่าพลัง:
    +26,290
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ วันนี้ก็มีเรื่องที่ควรจะยกเป็นอุทาหรณ์ของพวกเรา เผื่อว่าโอกาสข้างหน้าไปแล้วจะเจอเข้าบ้าง ก็คือท่านเจ้าคุณกล้า - พระวชิรวาที, ดร. (กล้า วีรรตโน) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี รองเจ้าคณะอำเภอเมืองเพชรบุรี ท่านตั้งใจจะสร้างอาคารเอนกประสงค์ โดยที่จะให้เป็นที่ฝึกอาชีพของเด็กนักเรียนโรงเรียนการกุศลในวัด คือโรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย

    แต่ปรากฏว่าช่างต้องไปทุบรั้วออกส่วนหนึ่ง แล้วที่บังเอิญก็คือที่รั้วตรงนั้นมีฝีมือปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชร ของท่านอาจารย์ทองร่วง เอมโอษฐ ซึ่งเป็นศิลปินแห่งชาติด้วยติดอยู่ ก็เลยเจอทั้งสื่อมวลชนและญาติโยมถล่มกันเละเทะ อย่างชนิดที่ภาษาสมัยนี้เขาเรียกว่า "ทัวร์ลง" เมื่อกระผม/อาตมภาพสอบถามไป ท่านเจ้าคุณกล้าบอกว่า ตอนที่จะสร้างก็ได้ประชุมสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนแล้ว ไม่มีใครคัดค้าน แต่พอถึงเวลามีเหตุขึ้นมาแล้ว ก็มาคัดค้าน มาด่ากันตอนนี้เอง..!

    จะว่าไปแล้ว ท่านเองก็เพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาสไม่นาน อายุก็ยังน้อยอยู่ เจอแรงเสียดทานหนัก ๆ แบบนี้เข้าก็แทบหมดกำลังใจ ท่านถึงขนาดปรารภในกลุ่มไลน์พระอุปัชฌาย์ ๕๑ ว่า "หลวงปู่หลวงพ่อท่านใดที่เป็นเจ้าอาวาสมานาน ๆ สามารถช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้ ก็ขออนุโมทนาด้วย" ท่านเพิ่งจะเป็นเจ้าอาวาสก็โดนเสียขนาดนี้แล้ว..!

    ความจริงเรื่องนี้ ถ้าหากว่าท่านชี้แจงอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเรื่องก็จะจบ แต่คราวนี้ท่านไม่ได้ชี้แจง แต่ไปใช้สำนวนนักเทศน์ เขียนลงเฟซบุ๊กประมาณว่า "โอกาสก็เหมือนกับไอติม ถ้าไม่ใช่ฉวยไว้ชิมก็จะละลายเสียเปล่า" ก็เลยโดน "ด่าเช็ด" ไปโดยปริยาย..!

    แต่ว่าอีกส่วนหนึ่งที่ กระผม/อาตมภาพคิดว่าไม่เห็นด้วยก็คือ อาคารเอนกประสงค์หลังนั้น จะมีส่วนหนึ่งเป็นร้านกาแฟด้วย น่าจะเห็นว่าหลายวัดมีร้านกาแฟ "รสพระทำ" ซึ่งนอกจากจะเป็นที่ต้อนรับเพื่อนพระสังฆาธิการหรือพระเถระแล้ว ก็ยังเป็นที่ซึ่งญาติโยมที่
    ไปเที่ยววัด สามารถซื้อหากาแฟมากินกันตามชอบใจของตนเองได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,460
    ค่าพลัง:
    +26,290
    ที่กระผม/อาตมภาพไม่เห็นด้วยเพราะว่า เรื่องของการค้าขายไม่ควรที่จะมีอยู่ในวัด ซึ่งส่วนนี้สมัยก่อนที่ท่านทั้งหลายเห็นว่า กระผม/อาตมภาพอนุญาตให้ญาติโยมนำเอาสินค้ามาจำหน่ายในวัด นั่นเป็นคนละเรื่องกัน เพราะว่าส่วนนั้นญาติโยมจำหน่ายแล้วรายได้เป็นของเขา ช่วยให้ผู้คนรอบวัดมีกินมีใช้ แล้วพอถึงเวลาถ้าเขาไม่ลำบากด้วยการครองชีพ ก็สามารถที่จะมาวัดได้อย่างค่อนข้างที่จะสะดวกใจ

    แต่ว่าในส่วนของวัดมหาธาตุฯ นั้น ถึงแม้ว่าเจตนารมณ์ส่วนหนึ่งจะเป็นการฝึกอาชีพให้กับเด็กนักเรียน แต่การที่มีร้านค้าอยู่ในวัด หรือว่าร้านกาแฟอยู่ในวัด กระผม/อาตมภาพไม่เคยเห็นด้วยมาตั้งแต่แรกแล้ว

    ทุกวันนี้
    เวลาอยู่ในงานต่าง ๆ กระผม/อาตมภาพกลายเป็นบุคคลแปลกแยก เพราะว่าเขาเสิร์ฟกาแฟก็ไม่รับ เสิร์ฟน้ำเย็นเสิร์ฟน้ำหวานก็ไม่รับ ยกเว้นว่ามีน้ำร้อนให้ถึงจะเอา ในเรื่องของกาแฟนั้น ถ้าเรากินจนติด ก็จะออกอาการเหมือนหลวงพ่อโอ - ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร นั่นแหละ นั่นระดับครูบาอาจารย์คู่สวด สมัยที่กระผม/อาตมภาพบวช ท่านก็แทบจะอาวุโสสูงสุดในวัดอยู่แล้ว พอถึงเวลาเห็นกระผม/อาตมภาพออกธุดงค์ ท่านก็บอกว่า "ผมก็อยากไป แต่ในป่าไม่มีเนสฯ ว่ะ" ท่านติดเนสกาแฟ

    คราวนี้ในเรื่องของพวกสารเสพติดนี้ แม้ว่าจะมีประโยชน์ อย่างเช่นงานวิจัยบางอย่างบอกว่า ถ้าหากว่าดื่มแต่กาแฟดำอย่างเดียว ไม่มีส่วนผสมอื่น ๆ ก็ช่วยให้สมองทำงานดีขึ้น ช่วยให้หัวใจขับเลือดดีขึ้น ซึ่งบางทีกระผม/อาตมภาพก็ไม่ค่อยจะเชื่อผลวิจัยแบบนี้ เพราะว่าสมัยก่อนเขาจ้างให้ทำผลวิจัยแหกตา เพราะว่าฝรั่งจะขายถั่วเหลืองให้กับเรา ก็บอกว่าน้ำมันถั่วเหลืองดีอย่างโน้น ดีอย่างนี้ ดีอย่างนั้น ๔๐ - ๕๐ ปีที่ต้องสั่งถั่วเหลืองเข้าจากต่างประเทศมา แล้วท้ายที่สุดพอคนของบ้านเราทำวิจัยเป็น ก็บอกว่าน้ำมันหมูที่ใช้กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษดีที่สุด ฟังแล้วจะบ้า..!

    แม้แต่ผลการวิจัยก็ยังมีการแหกตากันเพื่อการค้า กระผม/อาตมภาพก็เลยไม่มั่นใจว่าเรื่องของกาแฟจะเป็นผลการวิจัยในลักษณะเดียวกันหรือเปล่า ? แต่ว่าได้ยินเพื่อนฝูงหลายท่านบอกว่า ถ้าไม่ได้ฉันกาแฟเสียก่อนแล้วไม่มีแรงทำงาน บางท่านก็บอกว่าไม่สดชื่น ทำอะไรก็ติด ๆ ขัด ๆ ไปหมด

    ไปนึกถึงบรรดาชาวกะเหรี่ยง ถ้ากระผม/อาตมภาพไปเยี่ยมมื่อบื่อลูกสาวกะเหรี่ยง ไอ้ที่ต้องขนไปส่วนหนึ่งก็คือกาแฟ แล้วคนกะเหรี่ยงกินกาแฟดุมาก เขาไม่ได้ใส่เป็นช้อนชาหรือช้อนกาแฟ เขาเล่นใส่เป็นช้อนโต๊ะ..! ปี ๒๕๕๘ มีรายงานสถิติจากบ้านทุ่งเสือโทนของเรานี่เอง ว่ารายจ่ายครัวเรือนของชาวบ้านบ้านทุ่งเสือโทน ๓๐ เปอร์เซ็นต์เป็นค่ากาแฟ..! ก็แปลว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองเสียเปล่า ๆ
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,460
    ค่าพลัง:
    +26,290
    แม้กระทั่งทุกวันนี้ ท่านทั้งหลายถ้าสังเกตก็จะเห็นว่า กระผม/อาตมภาพไม่ยุ่งเลยกับพวกกาแฟ หรือพวกบรรดาเครื่องดื่มชูกำลังต่าง ๆ เลย ด้วยเห็นโทษตั้งแต่สมัยออกธุดงค์แล้ว เพราะว่าทำให้เราจะต้องหาไป แบกหนักยังไม่พอ ถึงเวลาไม่มีก็ทำท่าจะตาย เดินไม่ไหวอีกต่างหาก จึงไม่ได้เห็นด้วยในเรื่องที่มีการตั้งร้านกาแฟ หรือว่าร้านค้าอยู่ในวัด เพราะว่าการค้าขายไม่ใช่เรื่องของพระ แต่ว่าที่ไหนเขาทำ เพื่อหารายได้หรือเพื่อดึงคนเข้าวัด นั่นก็แล้วแต่เขา แต่ที่วัดท่าขนุนนี่ กระผม/อาตมภาพไม่ทำอย่างแน่นอน

    คราวนี้ตัวบทเรียนที่อยากจะให้ทุกท่านพิจารณาก็คือว่า เรื่องนี้แม้เจ้าคุณกล้าท่านจะทำอย่างรอบคอบ ถึงขนาดมีการประชุมคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องแล้ว แต่ปรากฏว่าตอนประชุมไม่มีใครพูด มาด่ากันตอนที่เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งแก้ไขไม่ทัน

    นี่คือลักษณะของปุถุชนทั่ว ๆ ไปที่ว่า ถ้าหากว่าส่วนใหญ่เขาจะเอาอะไรก็มักจะหุบปากเงียบ ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูด เพราะกลัวว่าคนจะไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง นั่นก็คือรักตัวเองมากกว่าความถูกต้อง แล้วเราจะเจอคนประเภทนี้ในสังคมเยอะมาก ตอนสมควรพูดจะไม่พูด แต่ตอนไม่สมควรพูด มักจะพูดไม่หยุด ก็เลยทำให้เรื่องที่ควรจะสะดวกและง่ายกลายเป็นเรื่องระดับชาติไปเลย เพราะว่าผลงานที่โดนทุบทำลายนั้นเป็นผลงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดลงไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง พูดออกมาก็โดนด่าไปด้วย เพราะเขาหาว่าเข้าข้างเจ้าอาวาส..!

    แล้วแต่ละคนก็ด่ากันแบบชนิดที่เรียกว่าเสีย ๆ หาย ๆ ไม่ได้ยึดภาษิตโบราณที่ว่า "ถ้าไม่เห็นแก่หน้าพระ ก็ให้เห็นแก่ผ้าเหลือง" ก็คือขอให้กูได้ด่าไว้ก่อน แล้วจะรู้สึกว่ากูเป็นคนดี..! เจ้าพวกนี้ต้องยกภาษิตจีนขึ้นมา ที่เขาบอกว่า "สวรรค์มีทางไม่รู้จักไป นรกไร้ประตูดันตะกายมา"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,460
    ค่าพลัง:
    +26,290
    แต่ว่าเรื่องทุกเรื่อง พอถึงเวลามีเรื่องอื่นขึ้นมาแทนก็จะค่อย ๆ หมดความสนใจไป แล้วต่อให้ความจริงชัดเจนขนาดไหน สื่อมวลชนที่ด่าไปแล้วไม่เคยมาแก้ข่าวให้ ถึงได้มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันหลังจากที่มีเรื่องมีราว รอจนศาลตัดสินกว่าที่จะมีการลงข้อความขอขมากัน ก็คือขายข่าวเอามันไว้ก่อน ไม่ได้สนใจว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร แล้วข่าวนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นเท่าไรก็ไม่ว่า เพราะว่าตนเองขายได้

    พวกเราทำอะไรจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เพราะว่าต่อให้คุณทำด้วยความหวังดี ปรารถนาดี แต่ถ้าเผลอไป "เตะลูกเข้าทางตีน" ใครเข้า ก็จะโดนแบบท่านเจ้าคุณกล้าโดนอยู่ ซึ่งคาดว่าถ้าสามารถฝ่ามรสุมลูกนี้ไปได้ ก็คงมีการเติบโตทางด้านจิตใจมากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าโดยปกติแล้ว ชีวิตท่านค่อนข้างจะราบรื่นมาตลอด ตอนสมัยที่เรียนปริญญาเอกอยู่ด้วยกัน แทบจะเป็นผู้ที่อายุน้อยที่สุดในห้อง แต่ว่าตอนนั้นท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอแล้ว มาถึงตอนนี้ก็เป็นเจ้าคุณตั้งแต่หนุ่ม ๆ ต้องโดนมรสุมแบบนี้จะได้แข็งแกร่งขึ้น หรือไม่จะถอดใจสึกหาลาเพศไปเลย..!

    พวกเราต้องเข้าใจว่า เราทำอะไรจะอยู่ในสายตาชาวบ้านเสมอ สิ่งหนึ่งประการใดที่จะคิด จะพูด จะทำ ต้องระวังเอาไว้ว่าสร้างความเสียหายให้กับตัวเองและวัดวาอารามของเราหรือเปล่า ? แล้วโดยเฉพาะบางอย่าง เราอาจจะคิดสั้น ประสบการณ์ไม่ถึง ทำไปด้วยความหวังดีปรารถนาดี ก็ยังกลายเป็นเสียหายไปได้ ต้องถือว่าเป็นบทเรียนสอนใจ ที่เราจะเอาไว้ใช้ในการทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเราต่อไปในกาลภาคหน้า

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๕ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...