เสกจนเหรียญแตกรุ่นแรกหลวงพ่อไวย์๑ใน๑๖เกจิพิธีจตุรพิธพรขัยเหรียญและพระผงลพ.คลี่ประชาโฆษิตาราม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    00381410.jpg
    ประวัติหลวงปู่ปรง
    เดิมชื่อ ปรง ปิ่นทอง เกิดปีมะเส็ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๘ เป็นบุตรของคุณพ่อปั้น ปิ่นทอง เเละคุณเเม่ปลีก ปิ่นทอง มีพี่น้องสามคน คนเเรกชื่อ นานยโป้ย ปิ่นทอง คนรองชื่อนางเปล่ง จงกสิกรรม หลวงปู่ปรงเป็นคนสุดท้อง

    อุปสมบท
    อุปสมบทครั้งเเรกเมื่อพ.ศ.๒๔๖๘ ที่วัดห้วยเจริญสุข มีหลวงพ่อพระครูศรี วิริยะโสภิต วัดพระปรางค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อช้ามเเละหลวงพ่อผ่อง เป็นพระคู่สวด เรียนวิชากับหลวงพ่อศรีได้ ๖ พรรษา จากนั้นได้ลาสิกขาเพราะร้อนวิชา ออกมามีครอบครัวเเละใช้ชีวิตเเบบฆราวาส มีบุตรชายหนึ่งคน
    ท่านเคยใช้ชิวิตเเบบเสือ เเบบนักเลง ภายหลังกลับใจมาบวชอีกครั้ง หลวงปู่เข้าอุปสมบทครั้งที่สองปีพ.ศ.๒๕๐๔ ที่วัดราชประสิทธิ์ จ.สิงห์บุรี มีหลวงพ่อเตี้ยมเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้น ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ ๓๐ พรรษา จากนั้นหลวงปู่ได้ออกธุดงค์ไปทางจังหวัดอุทัยธานี เข้าสู่ป่าใหญ่ ออกไปถึงประเทศเขมรเป็นเวลา ๓ ปี จึงกลับมายังวัดธรรมเจดีย์


    การศึกษาวิทยาคม
    ได้บวชเรียนเเละศึกษาวิชาต่างๆกับหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ ๖ พรรษา นอกจากนี้ยังได้เรียนวิชาจากพระสงฆ์เเละฆราวาสต่างๆดังนี้
    หลวงพ่อต้วม วัดสนามชัย ชัยนาท
    หลวงพ่อคำ จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา
    หมอเจียก จ.อุทัยธานี
    หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี จ.อุทัยธานี หลวงพ่อเคนนี้ เป็นอาจารย์หลวงปู่กวยด้วยเช่นกัน เก่งวิชารักษาโรค ประสานกระดูก มีวิชาเล่นเเร่เเปรธาตุ ทำตะกั่วให้เป็นทองคำได้เเบบหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    อาจารย์รื่น อำเภอวิเชียร จ.เพชรบูรณ์
    อาจารย์อ้วน วัดด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
    เสือกลับใจ

    หลังจากบวชครั้งที่สองปีพ.ศ.๒๕๐๔ หลวงปู่จำพรรษาที่วัดธรรมเจดีย์ โดยตัดทางโลกสิ้นเชิง สมัยนั้นทางกองปราบเคยส่งมือปราบมาฆ่าท่าน เพราะท่านเคยมีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำ ทางกองปราบส่งคนปลอมตัวมาเเบบสามัญชน มาหลอกถามท่านว่า บวชทำไม จะสึกหรือไม่ หลวงปู่ตอบไปว่า บวชครั้งนี้ ขอบวชให้พระพุทธองค์ จะไม่ขอลาสิกขาอีกเเล้ว จนกว่าจะถึงฝั่งพระนิพพาน คนที่ปลอมตัวมา เห็นหลวงปู่พูดจาจริงจังดังนั้นจึงไม่ทำอะไรท่าน เเละได้ลบชื่อหลวงปู่ออกจากรายชื่อบัญชีดำ หลวงปู่ก็ได้ปฎิบัติธรรมอย่างจริงจังดังที่ท่านได้กล่าวออกไป
    จากนั้นท่านก็ไปศึกษาตำราเก่าของหลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ สมัยนั้นหลวงพ่อทอง เป็นเจ้าอาวาส เดินทางไปเรียนวิชากับหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐที่อุทัยธานี หลวงปู่เก่งวิชาหลายอย่างที่เรียนจากหลวงพ่อศรี เช่น การทำเเหวนเเขน ลงตะกรุด เช่นตะกรุดสามกษัตริย์ ตะกรุดโทน ตะกรุดสามดอก นอกจากนี้ยังเก่งเรื่องทำผงวิเศษ ทำสีผึ้ง ลงมีดหมอได้ขลัง เเละเก่งวิชาตะกรุดกระดอนสะท้อน คือ ถ้าถูกยิง ลูกปืนจะย้อนกลับ



    ปฎิปทา
    ๑. เป็นผู้คงเเก่เรียน ชอบศึกษา ทำผงได้เก่ง เก่งทางตะกรุด มีดหมอ ลงอาถรรพ์ วิชาหลายอย่างทำได้เเบบหลวงปู่กวย
    ๒. ชอบทำวัตถุมงคลเอง ที่หน้ากุฎิหลวงปู่มักนั่งจารตะกรุด หรือเขียนผ้ายันต์ คนไปกราบ บางครั้งนั่งลงยันต์ไป นั่งคุยไป เขียนเสร็จ เสกเดี๋ยวนั้นเลยก็มี
    ๓. ร้อนวิชา หลวงปู่ค่อนข้างร้อนวิชา อย่างที่กล่าว ท่านชอบลงของ ทำของด้วยตัวเอง
    ๔. ชอบเลี้ยงสัตว์ หลวงปู่เลี้ยงหมา เเมว ไก่ ตอนเช้าๆท่านจะขุนข้าวให้มันเอง ปรกติหลังหกโมงเย็น หลังจารตะกรุด ท่านจะมาให้ข้าวพวกมัน เเมวคลุกข้าวให้กินในกุฎิ หมาจะมีข้าวในอ่างให้ข้างนอก เสร็จกิจ หลวงปู่จะสรงน้ำ ทำวัตรสวดมนต์ ปลุกเสกวัตถุมงคลเเละปฎิบัติธรรม
    ๕. ชอบยิงคุนกระสุน คันกระสุนนี้ ใช้ลูกดินยิงเเทนลูกธนู ท่านมักวางไว้ใกล้ตัว สมัยก่อน ใครเคยไปกราบ มักจะเห็นคันกระสุนวางข้างๆตัวท่าน
    เขตอภัยทาน ต่อมีมีชาวบ้านบางกลุ่ม ถือวิสาสะ ไม่เกรงใจเขตวัดเขตอภัยทาน มาดักปลาในสระไปทำอาหารกินกัน ต่อมาเกิดอาเภท บ้านถูกไฟไหม้ ต้องคดีติดคุก มีอันเป็นไปต่างๆนานา เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันมาก ลองไปถามเเถววัดดู เเล้วจะทราบดี



    มรณภาพ
    ในบั้นปลายชีวิต หลวงปู่ได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดห้วยเจริญสุข บ้านเกิดท่าน มาช่วยสร้างโบสถ์ จากนั้น ท่านก็จำพรรษาที่วัดนี้ จนมรณภาพ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่ปรงออกวัดห้วยเจริญสุขให้บูชา 130 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทหรือ j&t หรือ kerry
    IMG_20221018_171539.jpg IMG_20221018_171643.jpg

     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    พระปิดตาหลวงปู่โปร่งวัดธรรมเจดีย์ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบุ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)
    IMG_20221018_171700.jpg IMG_20221018_171712.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2022
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    01 (1).jpg
    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา อยุธยา

    หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา เป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงไว้ซึ่งเมตตาและเข้มขลังทางพุทธาคมสูงส่งรูปหนึ่งแห่งเมืองกรุงเก่า ในยุคช่วง ปี ๓๔-๔๐ นามของท่านร่วมกับหลวงปู่มี วัดมารวิชัยและหลวงปู่ทิม วัดพระขาว นับเป็นสามทหารเสือแห่งเสนา-บางบาล ที่จะต้องมีนามของท่านเกือบทุกพิธีพุทธาภิเศก ก่อนจะไปถึงอย่างอื่น ขออนุญาตนำประวัติของท่านมานำเสนอให้ทราบกันก่อนนะครับ

    พระครูพุทธสิริวัฒน์ (หลวงพ่อเมี้ยน พุทฺธสิริ) เจ้าตำรับ 5 ม. (น้ำมัน น้ำมนต์ มีดหมอ ไม้ครู ชานหมาก) อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีนามเดิมว่า เมี้ยน เกิดโภคทรัพย์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีมะเส็ง ตรงกับ พศ. 2460 ที่บ้านหาดทราย หมู่ 9 ตำบลกบเจาอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของนายแก้วนางทองม้วน เกิดโภคทรัพย์ มีพี่น้องร่วมท้องจำนวน 8 คน

    เนื่องจากตระกูลของหลวงพ่อเมี้ยนมีอาชีพทำนา ในวัยต้นของชีวิตหลวงพ่อจึงช่วยพ่อแม่ทำนา ต่อมามีโอกาสได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยได้รับการศึกษาภาษาบาลีที่วัดดาวดึงษาราม ฝั่งธนบุรี สอบได้ชั้นมูล 2 และสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาท่านได้สึกมาเพื่อช่วยทางบ้านทำนาอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งอายุครบบวชจึงได้ทำการอุปสมบทที่ วัดโพธิ์ ตำบลกบเจา อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในปี พศ. 2481 โดยมีพระครูปุ้ย วัดธรรมโชติการาม (วัดขวิด) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการหลิ่ว วัดพิกุลโสคันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์, พระครู หลิ่ม วัดโพธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “พุทฺธสิริ”

    การศึกษาพุทธาคม

    เมื่อบวชเป็นพระแล้ว หลวงพ่อก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและปฏิบัติในทางพระกรรมฐานจนมีจิตใจมั่นคงต่อพระพุทธศาสนา หลังจากบวชได้ 7 พรรษา หลวงพ่อก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์แทนเจ้าอาวาสองค์ก่อนที่มรณภาพลง ในด้านการศึกษา หลวงพ่อสนใจในการศึกษาทุกอย่าง ตลอดจนเวทย์มนต์คาถาและวิชาแพทย์แผนโบราณ ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อฝากตัวเป็นศิษย์ก็ล้วนแต่เป็นพระเถระที่ทรงเกียรติคุณเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชน เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ, หลวงพ่อเลียบ วัดเลา, หลวงพ่ออิน วัดเกาะหงษ์ เป็นต้น

    วาระสุดท้ายแห่งชีวิต

    หลวงพ่อเมี้ยนดำรงอยู่ในสมณเพศและบำเพ็ญกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาและพระพุทธศาสนิกชนเป็นเวลายาวนาน ถึง 60 พรรษา จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2541 จึงได้มรณภาพลงด้วยโรคมะเร็งที่แก้มด้านขวา หลังจากอาพาธมาประมาณ 1 ปี สิริรวมอายุได้ 80 ปี 8 เดือน

    วัตถุมงคล

    วัตถุมงคลของหลวงพ่อเมี้ยนนั้นสร้างขึ้นมาหลายรุ่นหลายคราวด้วยกัน คราวละมากบ้าง น้อยบ้าง ที่ทางวัดสร้างเองก็มี คณะศิษย์วัดสุทัศน์ฯ สร้างถวายก็มี วัดอื่นสร้างแล้วนำมาให้ปลุกเสกก็มี ฉะนั้นจึงมากมายหลายรุ่น แต่ทุกรุ่นที่ได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อก็ล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณ ประสบการณ์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมหาอุด ปืนยิงไม่ออก, ยิงไม่เข้า, หนามปลาปักเป้าทิ่มแต่ไม่เข้า, รวมถึงใช้ไล่ผีได้อีกด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อเมี้ยนวัดโพธิ์กบเจาให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือเคอรี่หรือ j&t

    IMG_20221018_171732.jpg IMG_20221018_171747.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วันนี้ จัดส่ง
    kerry PEX114100000342
    FLASH. TH1333BGQG36E
    ขอบคุณครับ
    อีก2 ท่าน จะจัดส่งไปรษณีย์ไทย EMS ช่วงบ่าย
    ขอบคุณครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    เมื่อวานจัดส่ง ไปรษณีย์ไทยEMS

    ED049641395TH. พลับพลาไชย

    ED049631400TH บางบัวทอง

    ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    6364205459323502331.jpg 1333635-47c7f.jpg
    วัดม่วง
    ตั้งอยู่ในอำเภอวิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่งในสมัยนั้น เมืองวิเศษชัยชาญเคยเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความเจริญ รุ่งเรืองมาก หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงวัดวาอาราม และพระพุทธรูป จำนวนมากถูกเผาจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง ซึ่งวัดม่วงก็ถูกปล่อยให้รกร้างแต่นั้นมา จนเมื่อปี พ.ศ.2525 หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้างจึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิตเห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง ในปี พ.ศ.2534 หลวงพ่อเกษมฯ ได้วางศิลาฤกษ์เพื่อก่อสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีหน้าตักกว้าง 63 เมตร สูง 95 เมตร โดยให้พระนามอย่างเป็นทางการว่า “พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ” แต่ชาวบ้านบ้างเรียกติดปากว่า “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งก่อนที่หลวงพ่อเกษมฯ จะมรณะภาพลง ท่านเคยสั่งบอกฝากกับลูกศิษย์ การก่อสร้างองค์พระ ให้ช่วยกันก่อสร้างต่อจากหลวงพ่อ ให้เสร็จ และหลวงพ่อเกษมได้ตั้งนามองค์พระเอาไว้ว่า "พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ" พระนามนี้หลวงพ่อเกษมตั้งใจสร้างองค์พระนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 คณะลูกศิษย์หลวงพ่อเกษม ได้พร้อมใจรวมพลังช่วยกันสร้างร่วมกับประชาชน ผู้มีจิตศรัทธา ด้วย จนการก่อสร้างองค์พระได้เสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 มีระยะเวลาการก่อสร้างรวมประมาณ 16 ปี และวัดหน้าตัก องค์พระได้ 63.05 เมตร ความสูงจากฐานองค์พระ ถึงยอดเกศา วัดได้ 95 เมตร ใช้เงินประมาณ 106 ล้านบาท
    “ พระครูวิบูลอาจารคุณ” หรือ “หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ” อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วงเจริญธรรม ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอ่างทอง มีชื่อเสียงโด่งดัง วิทยาคมเข้มขลัง

    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2522 ที่วัดนางใน (ธัมมิการาม) มีพระครูสุนทรศีลคุณ (หลวงพ่อชม) เจ้าอาวาสวัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์

    พ.ศ.2527 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดม่วง พ.ศ.2529 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลหัวตะ พาน พ.ศ.2530 สอบได้นักธรรมชั้นเอก

    หลวงพ่อเกษม มีความชำนาญด้านเทศนาปาฐกถาธรรม พ.ศ. 2534 ดำรงตำแหน่ง พระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2542 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอวิเศษชัยชาญ

    บั้นปลายชีวิต หลวงพ่อเกษม มรณภาพอย่างสงบ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2544 สิริอายุได้ 56 ปี

    นับเนื่องจนถึงปัจจุบัน สังขารหลวงพ่อเกษม ยังไม่เน่าเปื่อยเป็นที่น่าอัศจรรย์ และได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ตั้งให้สาธุชนได้กราบไหว้สักการะ ณ บริเวณวิหารแก้ว วัดม่วงเจริญธรรม

    กล่าวได้ว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อเกษมทุกรุ่น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากบรรดาเซียนพระเครื่องและนักสะสมเหรียญเป็นจำนวนมาก เพราะมีพุทธคุณโดดเด่นเข้มขลังครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จผงมหาจินดามนต์รุ่นแรกพิมพ์วัดเกษไชโย หลวงพ่อเกษม วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง ปี 2533
    ให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&tหรือเคอรี่(ปิดรายการ)

    IMG_20221020_153225.jpg IMG_20221020_153235.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ตุลาคม 2022
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    องค์ที่ ๒ สภาพไม่สวย แต่คนละพิมพ์
    พระสมเด็จผงมหาจินดามนต์รุ่นแรกหลวงพ่อเกษม วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง ปี 2533
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&tหรือเคอรี่

    IMG_20221020_153614.jpg IMG_20221020_153642.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1666255765960.jpg
    ประวัติ(หลวงพ่อเจริญ มุนิจารี)
    หลวงพ่อพระครูนิวิฐธรรมขันธ์
    วัดจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
    พระครูนิวิฐธรรมขันธ์ ฉายา มุนิจารี วิทยฐานะ นักธรรมเอก
    นามเดิมชื่อ เจริญ นามสกุล ห่วงมิตร
    ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ ที่บ้านหนองงูเหลือม ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสรรค์
    บิดาชื่อ นายกุ่ย ห่วงมิตร มารดาชื่อ นางไกร ห่วงมิตร
    อุปสมบทเมื่อวันจันทร์ที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๓ เดือน ๕ ปีชวด ณ อุโบสถวัดจันเสน (ตรงกับวันอัฐมีบูชา) โดยมี พระครูนิสัยจริยคุณ (หลวงพ่อโอด) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า มุนิจารี
    หลักจากที่ได้อุปสมบทอยู่ที่วัดจันเสน หลวงพ่อเจริญได้ศึกษาพระธรรมวินัย และพุทธบัญญัติต่างๆของพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด จนสอบได้นักธรรมชั้นเอก เมื่อบวชได้สามพรรษา หลังจากนั้นได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อโอด ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อโอดได้ส่งหลวงพ่อเจริญไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานชั้นสูงที่สำนักปฏิบัติธรรมวิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี (ที่หลวงพ่อโอดไปศึกษามา) ต่อมาหลวงพ่อเจริญได้เดินทางไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากวัดในจังหวัดลำพูน จนหลวงพ่อเจริญ มีความแตกฉานในด้วนการทำสมาธิและวิปัสสนากรรมฐาน และหลวงพ่อโอดได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระอาจารย์สอนในด้านพระปริยัติ และปฏิบัติ ในสำนักพระปริยัติธรรมวัดจันเสน
    หลวงพ่อเจริญเป็นพระที่มีวัติการปฏิบัติที่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก ท่านเป็นพระที่พูดน้อยสำรวมสูง หลวงพ่อนั้นเป็นพระที่ค่อนข้างดุ เป็นพระที่ตรงไปตรงมาไม่เสแสรง คนไหนดีหลวงพ่อก็ว่าดี คนไหนไม่ดีหลวงพ่อก็ว่าไม่ดี เป็นพระที่ปากกับใจตรงกัน พูดอะไรไปแล้วจะรักษาคำพูดเป็นอย่างมาก จึงทำให้พระเณรในวัดและญาติโยมให้ความเครารพนับถือและยำเกรงท่านเป็นอย่ามาก
    สมณะศักดิ์
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมประจำสำนักศาสนศึกษาวัดจันเสน
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลจันเสน
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับการแต่งตั่งเป็นพระอุปัชฌาย์
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดจันเสน
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาสวัดจันเสน
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้รีบการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดจันเสน
    ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลชั้นเอก
    ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอตาคลี
    1666256018531.jpg
    ด้านการศึกษาวิทยาคม
    หลวงพ่อเจริญ ได้ศึกษาวิทยาคมในแขนงต่างๆจากหลวงพ่อโอด วัดจันเสน ตั้งแต่เมื่อบวชได้เพียงหนึ่งพรรษา ไม่ว่าจะเป็นด้านวิปัสสนากรราฐาน การเรียนอักขระยันต์ต่างๆ และวิทยาคมต่างๆ จากหลวงพ่อโอด และหลวงพ่อโอดได้ให้หลวงพ่อเจริญได้ศึกษาวิชาต่างๆในสมุดข่อยของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และตำราวิชาต่างๆที่หลวงพ่อโอดได้มาจากอยุธยา จนหลวงพ่อเจริญแตกฉานในด้านวิทยาพุทธาคม
    หลังจากได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อโอด และตำราต่างๆที่หลวงพ่อโอดได้ให้ศึกษาแล้วนั้น หลวงพ่อโอดยังให้หลวงพ่อเจริญติดตามเดินทางไปศึกษากับหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค เมือปี พ.ศ ๒๕๑๐ และได้ศึกษาวิทยาคมต่างๆพร้อมกับหลวงพ่อโอดจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแคเป็นเวลา 3 ปี ในการไปมากับหลวงพ่อโอดที่เดินทางไปศึกษาวิชาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ต่อมาหลังจากที่หลวงพ่อเจริญได้ศึกษาพุทธาคมกับหลวงพ่อพรหม วัดช่องแคแล้ว หลวงพ่อโอดก็ได้ถ่ายทอดวิชาการทำตระกุดต่างๆที่เรียนมากับหลวงพ่อเชน วัดสิงห์ จังหวัดสิงห์บุรี ให้กับหลวงพ่อเจริญจนแตกฉาน และได้สอนวิชาด้านโหราศาสตร์ให้กับหลวงพ่อเจริญ และในเวลาต่อมาใครที่จะมาให้หลวงพ่อโอดดูดวงหรือให้หลวงพ่อโอดทำนาย หลวงพ่อโอดก็จะแนะนำให้ไปหาหลวงพ่อเจริญ เมื่อหลวงพ่อเจริญดูแล้วว่าไม่ดี หลวงพ่อก็จะให้กับมาหาหลวงพ่อโอดและให้หลวงพ่อโอดพูดให้ว่า ดี
    การทำลูกอมและทรายเสกหลวงพ่อโอดสู่หลวงพ่อเจริญ
    ในเรื่องวัตถุมงคลเครื่องรางที่มีชื่อเสียงอันลือรั้นของวัดจันเสน ทุกคนก็จะต้องนึกถึง ลูกอม และทรายเสก ของวัดจันเสน ในการศึกษาวิชาการทำลูกอม หลวงพ่อเจริญได้ศึกษาจากสมุดข่อยของหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และหลวงพ่อโอดคอยให้คำแนะในกระบวนการในขั้นตอนต่างๆในการประกอบการเขี้ยวลูกอมหรือผสมมวลสารต่างๆ ในการทำลูกอมของหลวงพ่อโอดแต่ละครั้ง หลวงพ่อโอดจะมาทำลูกอมที่กุฏิของหลวงพ่อเจริญ โดยให้หลวงพ่อเจริญเป็นผู้จัดเตรียมมวลสารต่างๆ และเป็นผู้ผสมสมมวลสารต่างๆ ลงไปในหมอการเคียวลูกอม หลวงพ่อโอดจะบอกเคล็ดต่างๆในการประกอบการทำลูกอม จนหลวงพ่อเจริญแตกฉานในการสร้างลูกอม ต่อมาหลวงพ่อโอดได้ให้หลวงพ่อเจริญ เป็นผู้ทำลูกอมให้กับหลวงพ่อโอด และถึงจะมาให้หลวงพ่อโอดปลุกเสกอีกที่ พร้อมกับให้หลวงพ่อเจริญไปร่วมนั่งปลุกเสกด้วย
    ส่วนวิชาการทำทรายเสกนั้นหลวงพ่อโอดได้ถ่ายทอดวิชาการเสกทรายให้กับหลวงพ่อเจริญ และวิชาการทำทรายเสกเป็นวิชาที่หลวงพ่อเดิมได้ถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อโอด ในสมัยก่อนนั้นวัดจันเสนจะมีงานประจำปี เช่นงานสงกรานต์ งานลอยกระทง จะมีการจัดมหรสพ ประชาชนก็เดินทางมาเที่ยวชมกันมากมาย จะเกิดการทะเลาะวิวาทกันบ้าง หรือมีลมพายุฝนฟ้าคะนอง หรือเหตุต่างๆที่ทำให้งานวัดไม่ราบลื้น หลวงพ่อโอดก็จะทำทรายเสกให้ไปหว่านรอบๆบริเวณวัด จนถึงปัจจุบันนี้หลวงพ่อเจริญก็ยังทำทรายเสกให้ไปหว่านบริเวณวัด และทำให้ประชาชนไปหว่านตามบ้าน ร้านค้าและอาคารบ้านเรือนต่างๆ เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดี
    ด้านการพัฒนาวัด
    หลวงพ่อเจริญได้พัฒนา ศาสนสถานสิ่งปลูกสร้างต่างๆภายในวัด ให้มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นที่ ใช้สอยให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและชุมชนได้เป็นอย่างดี
    หลวงพ่อเจริญเป็นพระนักพัฒนาของจังหวัดนครสวรรค์ ได้รับการยกย่องเป็นครูภูมิปัญญาไทย ในการพัฒนาให้ บ้าน วัด โรงเรียน อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข พัฒนาวัดและชุมชนจันเสนในมีความเจริญรุ่งเรืองตลอดมาจนทำให้วัดจันเสนได้รับการยกย่องเป็นวัดต้นแบบภาคกลาง วัดพัฒนาตัวอย่างระดับประเทศ ได้รับการยกย่องในด้านวัดที่ให้การศึกษาการมีส่วนร่วมกับชุมชน ปัจจุบันนี้วัดจันเสนได้รับการยกย่องเป็นวัดที่ควรค่าแก่การศึกษาด้านพระพุทธศาสนา หนึ่งใน ๑๐ วัดทั่วประเทศ จากกระทรวงวัฒนธรรม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระนาคปรกรุ่นแรกหลวงพ่อเจริญวัดจันเสน พระบูชา 150 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่

    IMG_20221020_155922.jpg IMG_20221020_155936.jpg IMG_20221020_155950.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2022
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    หลวงพ่อนาคปรกรุ่นฉลองมณฑปวัดจันเสนปี 2539 พิธีใหญ่ หลวงพ่อเจริญปลุกเสกให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่

    IMG_20221020_160709.jpg IMG_20221020_160737.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1666271658591.jpg
    ยิ่งรู้จักยิ่งฮักแป้ ep 46 กราบรอยพระพุทธบาทประทับหิน..อัศจรรย์ ณ วัดดงลาน ตำบลบ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่
    บ่ายวันนี้ได้มีโอกาสขับรถผ่านตำบลบ้านปิน ทั้งที่ก็ขับเลยไปเป็นกิโลเมตรแล้วอยู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้ไปกราบพระที่วัดดงลานมาหลายปีแล้ว จึงวนรถกลับแล้วมุ่งหน้าไปที่วัดดงลานอีกครั้ง พอมาถึงที่วัดก็ได้จอดรถและรู้สึกได้ว่าที่นี่ช่างเงียบสงบร่มรื่น ต้นไม้ขึ้นเยอะกว่าที่เคยมาเมื่อก่อน อุโบสถกำลังได้รับการบูรณะใหม่ให้กลับมาสวยงามอีกครั้งรวม ที่ด้านหน้าอุโบสถมีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 10 ครั้งที่ได้ทรงเสด็จมาปิดทองและตัดหวายลูกนิมิตเมื่อวันที่ 19 กุมพาพันธุ์ 2529
    ที่ด้านหลังพระอุโบสถ มีองค์พระธาตุที่กำลังอยู่ระหว่างบูรณะ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า การบูรณะค่อยๆเป็นค่อยๆไปเนื่องจากต้องใช้งบประมาณตามกำลังศรัทธาที่วัดมีอยู่ หลังจากนั้นผมจึงเดินไปกราบรอยพระพุทธบาทซึ่งประทับอยู่บนหินเห็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ๆชัดเจนปรากฏอยู่บนหินก้อนใหญ่มากน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก วันนี้จึงนับว่าเป็นวันดีที่ได้มีโอกาสมากราบนมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้อีกครั้ง สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทางผ่านอำเภอลองขอเชิญมากราบรอยพระพุทธบาทที่วัดพระธาตุดงลาน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟบ้านติดกันได้นะครับ
    ประวัติวัดดงลาน วัดดงลาน ตั้งอยู่เลขที่ 209 หมู่ที่ 4 ตําบลบ้านปิน อําเภอลอง จังหวัดแพร่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมือ วันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๕ กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศตั้งวัด เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ได้รับพระราชทานวิสุงคาม สีมา เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๑) เขตสีมากว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๒๕ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เสด็จ พระราชดําเนินแทนพระองค์ทรงปิดทองและตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๙ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. มาทอดผ้าป่าและวางศิลาฤกษ์สร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายธวัช รอดพร้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานยกยอดฉัตรมณฑปที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทฯที่ดินตั้งวัดเนื้อที่จํานวน
    ๒๕ ไร่ ๑ งาน ๑๖ ตารางวา เป็นโฉนดเลขที่ ๒๒๔๘๕ จํานวน ๑ แปลง นส.ตก. เลขที่ ๑๒๓๖ จํานวน ๑ แปลง โดยมี คุณพ่อเจริญ จันทร์สว่าง ,คุณสุธีวรรณ อินทนนท์ คุณทองพูน - คุณลัดดา ประทีปพลีผล เป็นผู้ถวายที่ดินให้สร้างวัด
    เขตติดต่อ ทิศตะวันออกติดถนนสาธารณะ ทิศเหนือติดทางสาธารณะ ทิศตะวันตกติดทุ่งนา ทิศใต้ติดที่สาธารณะประโยชน์ (ฌาปนสถานดงลาน)
    สิ่งปลูกสร้างและถาวรวัตถุ มีอุโบสถ ๑ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง มณฑปครอบรอยพระบาท ๑ หลัง ศาลาปฏิบัติธรรม ๒ หลัง ศาลาราย (ศาลาบาตร) ๓ หลัง เจดีย์บรรจุพระธาตุ ๑ องค์ ศาลาอเนกประสงค์ ๑ หลัง อาคารศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด ๑ หลัง โรงเรียน พระปริยัติธรรม ๑ หลัง กุฏิสงฆ์จํานวน 6 หลัง หอฉัน ๑ หลัง ห้องสุขา ๔๐ ห้อง หอระฆัง ๑ หลัง ฯ พระพุทธรูปพระประธานในอุโบสถ หน้าตักกว้าง ๖๕ นิ้ว ๑ องค์ พร้อมซุ้มเรือนแก้วแบบพระพุทธชินราช พระสาวก พระสารีบุตร - พระโมคคัลลานะอย่างละ ๑ องค์ พระประธานในศาลาการเปรียญศิลปเชียงแสนสิงห์ ๑ เนื้อทองสําริดหน้าตักกว้าง ๖๑ นิ้ว จํานวน ๑ องค์ ศิลปสุโขทัยหน้าตักกว้าง ๕๐ นิ้ว จํานวน ๑ องค์ เนื้อนวโลหะ ศิลปอู่ทองเนื้อนวโลหะหน้าตักกว้าง ๖๕ นิ้ว จํานวน ๑ องค์ มีกําแพงรอบวัด ๔ ด้าน ซุ้มประตูเข้าวัดจํานวน ๔ ซุ้ม ฯ ตัด ถนนกว้าง ๒ เมตร ยาว ๒ กม. ลาดยางได้รับความอนุเคราะห์จากหน่วยทหารพัฒนา
    ลําดับเจ้าอาวาส ๑. พระอธิการเมธี ฉายา ปณฑิโต นามสกุล จันทร์สว่าง เป็นปฐมเจ้าอาวาส ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๖ ถึง ปัจจุบัน ปัจจุบัน คือ พระครูบัณฑิตานุกูล (เมธี ปณฑิโต , ครูบาหาญ) ดํารงตําแหน่ง เจ้าอาวาสวัดดงลาน และ เจ้าคณะอําเภอลอง ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ ถึง ปัจจุบันได้เป็นผู้ริเริ่มดําเนินการสร้างวัดดงลาน และพัฒนาวัดมาตามลําดับจนได้รับคัดเลือกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ จากกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการฯ
    #อดิศรไชยบุญเรือง ภาพ/เรื่อง
    #แพร่โพสต์ #ยิ่งรู้จักยิ่งฮักแป้ #แพร่นิยม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญครูบาหาญวัดดงลานรุ่นแรกให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221020_201148.jpg IMG_20221020_201204.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทระบบflash หรือ J&Tและ 50 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    _temp_hash=8913d171c2df6c8bf28435991f63037f (1).jpg
    พระสมเด็จรุ่นแรก (รุ่นเมตตามหาลาภ) หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ วัดใหม่ จ.นครสวรรค์

    ผู้มีตาดีได้ขอเมตตาหลวงปู่แทงจิตเพื่อจับพลังพุทธคุณในพระสมเด็จรุ่นนี้และขอให้หลวงปู่ท่านเมตตาเปิดไม่ให้ปิด ปรากฎว่าหลวงปู่ท่านเมตตาเปิดเต็มที่เลยทีเดียว

    ผู้สัมผัสท่านนี้บอกว่าในพระสมเด็จรุ่นนี้ พลังแรงดีมาก กระแสพลังแผ่กระจายเหมือนพลังระเบิดนิวเคลียร์ ม่านพลังหนามาก มีพุทธคุณทางมหาโภคทรัพย์มหาลาภ มหาโชคมหาลาภ
    ดึงดูดโชคลาภ เสี่ยงโชคเสี่ยงลาภ ค้าขาย เมตตามหานิยม ป้องกันภัยอันตราย แคล้วคลาดจากภัยอันตราย หนุนดวงชะตา เสริมบารมี เป็นสง่าราศี เข้าหาผู้ใหญ่เมตตา

    อธิษฐานขอพรทำน้ำมนต์ ป้องกันคุณไสย แก้อาถรรย์ ล้างคุณไสย เตือนภัย นะจังงัง ป้องกันโรคภัย ส่งเสริมการปฏิบัติธรม ป้องกันภัยทางธรรมชาติกันลมกันฟ้า รัศมี 35 เมตร

    กำกับด้วยญานบารมีพระเบื้องบนพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ เทพเทวดา วัตถุมงคลหลวงปู่บุญศรี มีเทวดารักษาในองค์พระ

    วัตถุมงคลหลวงปู่บุญศรี เปรียบเสมือนพลังงานมีชีวิต สามารถหลบได้ เปิดปิดได้เหมือนสวิทช์ไฟ หากใครที่นึกอยากจะจับโดยไม่มีความเคารพนอบน้อม
    ก็จะไม่สามารถสัมผัสหรือจับพลังในวัตถุมงคลนั้นได้ ของจริงต้องแบบนี้ พระที่จะเสกวัตถุมงคลให้ได้แบบนี้นั้นหายากมากๆๆๆๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จรุ่นแรกหลวงปู่บุญศรีเมตตามหาลาภให้บูชา 800 บาทครับค่าจัดส่ง 30 บาทระบบflashหรือ j&t หรือ kerry
    IMG_20221014_191413.jpg IMG_20221014_191428.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    ผ้ายันต์หลวงปู่บุญศรี มีรอยขาดชำรุดด้านล่าง
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือ kerry IMG_20221021_165424.jpg

     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1(3087).jpg
    ประวัติ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์

    หลวงพ่อพรหม ถาวโร ถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปี มะแม ตรงกับวันที่ 12เมษายน พศ. 2426 ณ.ตำบลบ้านแพรก อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บุตรนายหมี-นางล้อมโกสะลัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 4 คน คือ

    1.นางลอย

    2.นายปลิว

    3.หลวงพ่อพรหม

    4.นางฉาบ

    ทุกคนถึงแก่กรรม

    การอุปสมบท

    หลวงพ่อพรหม ในขณะเยาว์วัยได้ศึกษา อ่านเขียนกับพระในวัดใกล้บ้าน ศึกษาอักษรขอมควบคู่กับภาษาไทยตั้งแต่ก่อนอุปสมบท เมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบทที่วัดเขียนลาย ต.บ้านแพรก อ.บ้านแพรก จ.อยุธยา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ.2447 ได้รับฉายาว่า "ถาวโร" โดยมีหลวงพ่อถม วัดเขียนลาย เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมจนชำนาญและเริ่มปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

    หลวงพ่อพรหม เริ่มศึกษาวิชาไสยศาสตร์และคาถาอาคมกับอาจารย์ที่เป็นฆราวาส ชื่ออาจารย์พ่วง ต่อมาเมื่ออุปสมบทแล้วจึงได้ศึกษาอสุภกรรมฐาน สมถะกรรมฐาน วิปัสสนา จากหลวงพ่อดำ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ไม่ทราบวัดอยู่ประมาณ 4 ปี ในพรรษาที่ 5 อาจารย์พ่วง ได้พาไปฝากอาจารย์ปู่วอน ซึ่งเป็นฆราวาส และได้ศึกษาวิชาแขนงต่างๆเป็นเวลา 5 ปีเต็ม จนกระทั่งอาจารย์ปู่วอนถึงแก่กรรม ซึ่งในภายหลังหลวงพ่อพรหมได้นำกระดูกมาเก็บไว้ที่วัดช่องแค จากนั้นหลวงพ่อพรหม ก็ไม่ได้ไปศึกษากับอาจารย์ท่านใดโดยตรงมีแต่ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากับอาจารย์รุ่นพี่และรุ่นเดียวกันในระหว่างธุดงค์ เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เป็นต้น



    หลวงพ่อพรหม จะเดินธุดงค์ทั้งเส้นทางใกล้และไกล โดยหลวงพ่อเคยเดินธุดงค์ไปประเทศพม่าถึงเมืองร่างกุ้ง และได้มีโอกาสที่มนัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง และเดินธุดงค์ผ่านทางด่านเจดีย์สามองค์ ผ่านเทือกเขาน้อยใหญ่ และธุดงค์อยู่ในประเทศพม่าเป็นเวลานาน จึงเดินทางกลับประเทศไทยทางด่านแม่ละเมา จ.ตาก และเดินเรื่อยๆไปจนถึงเขาช่องแค ต.พรหมนิมิตร อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ เกิดฝนตกหนัก หลวงพ่อพรหม ได้หลบเข้าไปอยู่ในถ้ำซึ่งเป็นถ้ำเล็กๆ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลวงพ่อพรหม เห็นว่าเป็นที่วิเวกเหมาะแก่การบำเพ็ญธรรม จึงเริ่มปลูกต้นไม้แห่งศรัทธาลง ณ. ช่องเขาแห่งนี้

    ขณะที่หลวงพ่อพรหมจำศีลปฏิบัติธรรมอยู่นั้น ที่วัดช่องแคมีพระภิกษุจำพรรษาอยู่แล้ว 2 รูป แต่ยังไม่มีเจ้าอาวาส ภายในวัดยังไม่มีเสนาสนะใดๆ บริเวณวัดรกร้าง

    ต่อมาชาวบ้านในแถวนั้นซึ่งมีความนับถือเลื่อมใสหลวงพ่อได้นิมนต์ให้หลวงพ่อพรหมลงมาจำพรรษาข้างล่าง คือวัดช่องแคในปัจจุบัน หลวงพ่อพรหม จึงเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดช่องแค โดยที่ชาวบ้านได้ร่วมกันบริจาคที่ดินเพิ่มขึ้น หลวงพ่อพรหมได้เริ่มต้นสร้างวัดจากวัดที่รกร้างไม่มีเสนาสนะใดๆ เมื่อปี 2460 มาเป็นวัดที่มีกุฏิ ศาลาการเปรียญ โรงครัว ซึ่งส่วนหนึ่งของทรัพย์สินมาจากการขายสมบัติส่วนตัวและมรดกของหลวงพ่อเอง ต่อมาเมื่อทางวัดจะสร้างโบสถ์ ซึ่งต้องใช้ทุนทรัพย์สูง คณะกรรมการของวัดจึงขอ อนุญาติหลวงพ่อสร้างวัตถุมงคลขึ้น

    หลวงพ่อพรหม ชอบระฆัง การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงมีรูประฆังและกลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของหลวงพ่อพรหม

    หลวงพ่อพรหม ไม่เคยย้ายไปอยู่วัดใดเลยตลอดระยะเวลา 58 ปี โดยที่หลวงพ่อได้ลาออกจากเจ้าอาวาสเมื่อปี 2514 รวมเวลาที่เป็นเจ้าอาวาสวัดช่องแค 54 ปี เพื่อให้พระปลัดแบงค์ ธมมวโร เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน หลวงพ่อพรหม มรณภาพเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2518 เมื่อเวลา 15.00 น. ณ.โรงพยาบาลบ้านหมี่ จ.ลพบุรี รวมอายุได้ 91 ปี 71 พรรษา



    การมรณะภาพ

    หลังจากหลวงพ่อพรหม มรณภาพแล้ว คณะกรรมการวัดได้บรรจุศพของท่านไว้ในโลงแก้ว อยู่บนศาลาการเปรียญ ศพของหลวงพ่อพรหมไม่เน่าเปื่อย มด ไร มอด และ แมลง ไม่ได้รบกวนทำลายชิ้นส่วนใดๆในร่างกายของท่านแม้แต่น้อย คล้ายกับหลวงพ่อนอนหลับอยู่ แม้ว่าท่านจะมรณภาพมาแล้วถึง30กว่าปี

    สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นคือ หลังจากหลวงพ่อได้มรณภาพแล้วศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย แถม

    1.เส้นผมงอกยาว 5-6 มม.

    2.เส้นขนคิ้วงอกยาว 5-6 มม.

    3.เส้นขนตางอกยาว 1 ซม.

    4.หนวดงอกยาว 5-6 มม.

    5.เคราใต้คางยาว 5-6 มม.

    6.เล็บมืองอกยาว 1 ซม.

    7.เล็บเท้างอกยาว 4-5 มม.

    หลวงพ่อพรหม มีวิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลไม่เหมือนใคร ส่วนใหญ่หลวงพ่อจะปลุกเสกในบาตร ถ้ามีเทียนชัยจะจุดเทียนชัยหยดน้ำตาเทียนลงในบาตรน้ำมนต์แล้วนำเทียนชัยวนรอบๆ 9 รอบ แล้วจึงนำดินสอพองมาเจิมที่วัตถุมงคล เอามือคนไปรอบๆโดยที่หลวงพ่อลืมตาเพ่งกระแสจิตอัดพลังแล้วจึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมวัตถุมงคลทั้งหลายแล้วหลวงพ่อจับบาตรใส่วัตถุมงคล เพ่ง กระแสจิตอีกครั้งจนกระทั่งวัตถุมงคลเหล่านั้น มีรังสีพุ่งออกมา จึงนำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมอีกครั้งเป็นเสจ็รพิธี

    ดังนั้นเราจะสังเกตุได้ว่าพระเนื้อผงของหลวงพ่อจะมีรอยบิ่น เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เพราะเกิดจากหลวงพ่อเอามือคนในบาตร ดังนั้นพระที่มีรอยบิ่นจึงสันนิษฐานได้ว่า ได้สัมผัสกับมือหลวงพ่อโดยตรง



    อภินิหาร 'หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค่

    สยบอสรพิร้าย “งูจงอาง” ช่วยชีวิตเด็ก

    “ เหนือลิขิต ประกาศิตฟ้าดิน ฉบับนี้ขอนำ “นาทีระทึกขวัญ” ขณะเด็กน้อยผู้หนึ่งต้อง “ผจญภัย”กับอสรพิษร้ายที่เรียกกันว่า “งูจงอาง” กลางหลุมลึกทั้งที่ “เด็กน้อย” ผู้นี้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยแต่กลับ “รอด” จากถูกอสรพิษร้ายฉกกัดได้ดุจปาฎิหารย์ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น “ผู้พ่อ” ที่มาพบเห็นจึงเชื่ออย่างสนิทใจเป็นเพราะ “พุทธบารมี” และอำนาจแห่ง “พุทธานุภาพ” ของ “เหรียญคุณพระ” ที่เด็กชายคนนั้นแขวนอยู่บนคอแสดงปาฏิหารย์เป็นที่น่าอัศจรรย์ “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ฉบับนี้จึงขอนำ“เรื่องอันน่าพิศวง” เรื่องนี้มาเสนอท่านผู้อ่านเช่นเคย

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2517 ที่ จังหวัดตรัง และเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ “คุณสาธร ตีระกานนท์” ซึ่งเป็นนักสะสมพระเครื่องอีกผู้หนึ่งได้เผยว่า “ในปี 2517 ได้ปลูกบ้านหลังใหม่ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้านหลังเก่า ซึ่งก่อนปลูกบ้านก็จะต้องมีพิธี “ยกเสาเอก” ตามแบบอย่างโบราณจึงขุดหลุม“สี่เหลี่ยม” กว้างเมตรครึ่งและลึกเมตรเศษเพื่อทำพิธียกเสาเอก หลังจากขุดหลุมเสร็จจึงไปหาซื้อข้าวของสำหรับจัดพิธีในตัวตลาด แต่พอกลับมาถึงบ้านก็ไม่เห็น “ลูกชาย” อายุขวบเศษที่ปล่อยให้นอนอยู่ยังบ้านหลังเดิมเพียงลำพัง จึงเดินตามหารอบๆบ้านพร้อมทั้งตะโกนเรียกก็ไร้เสียงตอบ จึงเดินไปดูตรงที่ขุดหลุมไว้เพื่อยกเสาเอกก็เห็นลูกชายตัวน้อยตกลงไปในหลุม ที่มี “งูจงอางตัวเขื่อง” ยาวประ มาณเมตรเศษตัวดำเมี่ยมนอนขดตัวอยู่ตรงหน้า “ลูกชาย” ที่ขณะนั้นมีทีท่าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดจนไม่กล้าส่งเสียงใดๆเลย “คุณสาธร” จึงรีบยื่นมือคว้าเอาตัวลูกชายขึ้นจากหลุมอย่างระมัดระวังพร้อมถาม “โดนงูกัดหรือเปล่าลูก” ลูกชายสั่นหัวแทนคำตอบเนื่องจากขณะนั้นพูดอะไรไม่ออก “คุณสาธร” จึงสำรวจเนื้อตัวลูกชายเมื่อไม่พบ “รอยถูกงูกัด” จึงโล่งใจแต่ก็เกิดอาการฉงนไฉนลูกชายจึงไม่ถูก “งูฉกกัด” ทั้งที่อยู่ในหลุมแคบๆด้วยกันชั่วครู่จึงมองไปที่คอลูกชายก็พบว่ามี “เหรียญหลวงพ่อพรหมวัดช่องแค” รุ่น “แจกทาน” ที่ตนเองเป็นผู้ให้ลูกชายแขวนไว้จึงยกมือขึ้นสาธุเพราะรู้ทันทีว่าด้วยบารมี อันศักดิ์สิทธิ์ของ“หลวงพ่อพรหม” ที่ช่วยชีวิตลูกชายไว้เนื่องจากสัญชาติ “อสรพิษร้าย” อย่างงูจงอางหากอยู่ใกล้คนเป็นต้องฉกกัดทันทีดังนั้นเมื่อ “ลูกชาย” รอดจากถูกงูฉกกัดเช่นนี้จึงนับเป็น “ปาฏิหาริย์” ที่ “หลวงพ่อพรหม” บันดาลขึ้นโดยแท้ต่อมาหลังจากทำพิธี “ยกเสาเอก” เสร็จเรียบร้อยโดยจับ “งูจงอาง” ปล่อยเข้าป่าไป “คุณสาธร” ก็พาลูกชายพร้อมครอบครัวไปทำบุญกับ “หลวงพ่อพรหม” ที่วัดช่องแคพร้อมกราบขอบพระคุณที่ท่านช่วยลูกชายทั้งที่ท่านได้ละสังขารไป นานแล้ว
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อพรหมวัดช่องแครุ่นบุญรักษาปี 2542
    พระผงรูปเหมือนเตารีดหลวงพ่อพรหมวัดช่องแครุ่นรวยเพิ่มพูน 100 ปีสร้างปี 2554งานต้มยาประจำปี
    ทั้ง 2 องค์ 2 รุ่นพิธีใหญ่ในสมัยนั้นเกจิอาจารย์ที่มาปลุกเสกก็นำมาเป็นชื่อของรุ่นวัตถุมงคลมวลสารผสมผงเก่าของหลวงพ่อพรหม
    ให้บูชา 2 องค์คู่กัน 250 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flashหรือ j&t หรือ
    IMG_20221021_181047.jpg IMG_20221021_181117.jpg IMG_20221021_181143.jpg IMG_20221021_181213.jpg IMG_20221021_181227.jpg


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2022
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทระบบflash หรือ J&Tและ 50 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    บารมีลพ.พรหมป้องกันวิญญานอาฆาต เรื่องนี้เกิดขึ้นในคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกที่ก่อตั้งโดยคุณพ่อที่จะเเสวงบุญกับครูบาอาจารย์องค์อื่นๆและขอเคล็ดวิธีการปฏิบัติอานาปานสติที่คุณพ่อได้รับจากลพ.พรหม จากครูบาอาจารย์องค์อื่น มีศิษย์ผู้หญิงคนหนึ่งที่พี่ชายได้พามาทำบุญกับคณะศิษย์ ทั้งตัวเธอเเละพี่ชายนับถือเคารพในองค์ลพ.พรหมเเละครูบาอาจารย์องค์อื่นๆมาก เหตุเพราะพระเครื่องของลพ.พรหมราคาเเพงหายากส่วนมากที่เเจกจ่ายกันในคณะศิษย์ จะเเจกพระพิมพ์วัดใหม่ทองเสนหรือพระเนื้อดินพิมพ์กำแพงเพชรให้ใช้ติดตัวกัน ซึ่งพระเหล่านี้คุณพ่อได้นำไปขอเมตตาให้ลพ.พรหมท่านปลุกเสกเป็นเวลานาน เเล้วนำมาเเจกจ่ายเเก่ศิษย์ในคณะ เเต่ที่เป็นพิมพ์พระสมเด็จมีองค์ใหญ่ พี่ชายเธอจึงขอพระพิมพ์วัดใหม่ทองเสนองค์ที่บิ่นหักมุมไป แล้วนำไปเลื่อยออก ชิดติดองค์พระเพื่อพระจะได้องค์เล็กๆ แล้วเลี่ยมพลาสติกให้น้องสาวห้อยคอ ซึ่งเธอก็ห้อยติดตัวตลอด วันหนึ่งเธอมีอาการปวดหัวจึงติดต่อเพื่อนที่เป็นเเพทย์อยู่โรงพยาบาลรามาธิบดี ผลตรวจว่ามีเลือดออกในสมองต้องผ่าตัดดูดเลือดออกเพราะไม่เช่นนั้นจะเสียชีวิตได้ ตัวเธอเป็นครูอยู่ที่กรุงเทพ พ่อเเม่พี่ชายอยู่ต่างจังหวัด ไม่ต้องการให้ใครเป็นห่วงจึงเซ็นอนุญาตตัวเองในการผ่าตัด เนื่องจากมีเพื่อนเป็นเเพทย์ที่โรงพยาบาลรามาเเละสนิทกับเเพทย์ที่จะทำการผ่าตัด จึงขอให้เอาสร้อยคอที่ห้อยพระลพ.พรหมไว้ใต้หมอนตอนที่เข้าห้องผ่าตัดด้วยซึ่งหมอก็อนุญาต ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเธอเอาพระมาจบหัวขอบารมีลพ.พรหมช่วยคุ้มครองด้วยเเล้วเอาสร้อยพระใส่ไว้ใต้หมอน การผ่าตัดออกมาด้วยดี เลือดในสมองที่ออกมามีถึงกว่า300c.c. ตอนนั้นหมอที่ผ่าตัดกับหมอที่เป็นเพื่อนเธอได้เข็นรถที่เธอนอนไม่รู้สึกตัวออกมาจากห้องผ่าตัด พอออกมาที่หน้าห้องผ่าตัด ทันใดนั้นมีพยาบาลคนหนึ่งวิ่งมาเเต่ไกลส่งเสียงร้องดังโวยวายเหมือนคนคลุ้มคลั่งร้องว่า"กูจะฆ่ามึง กูรอมึงมาหลายชาติเเล้วๆๆๆ"พยาบาลคนนั้นขณะที่วิ่งมาก็ร้องตระโกนอยู่อย่างนั้น เเต่พอวิ่งมาห่างจากรถเข็นที่ตัวเธอนอนอยู่2-3เมตร พยาบาลคนนั้นก็นั่งคุกเข่าลง มือก็ยกพนมขึ้นที่หน้าอกปากก็พูดว่า"หลวงพ่อมาห้ามหนูทำไม หนูตามมันมาหลายชาติเเล้ว หนูจะฆ่ามัน หลวงพ่ออย่าห้ามหนู" พยาบาลคนนั้นพูดอยู่อย่างนั้น ทั้งหมอที่ผ่าตัดเธอเเละหมอที่เป็นเพื่อนเธอพร้อมทั้งบุรุษพยาบาลที่เข็นรถ ต่างก็งงๆกัน เพราะไม่เห็นว่ามีใครเลย พยาบาลคนนั้นพูดอยู่คนเดียว คนเเถวนั้นมีหลายคนทั้งพยาบาลทั้งผู้ช่วยพยาบาลอีกหลายคนก็มองไม่เห็นใครว่าใครที่พยาบาลคนนั้นพูดด้วย เเต่จากอาการของพยาบาลคนนั้นเหมือนโดนผีเข้า เพื่อนเธอที่เป็นหมอตั้งสติได้ จึงรีบล้วงเอาสร้อยพระที่อยู่ใต้หมอนออกมา แล้วรีบนำไปสวมคอพยาบาลคนนั้นๆ ก็ส่งเสียงร้องกรี๊ดอย่างดัง เเล้วก็นอนฟุบลงกับพื้นห้อง มีคนมาช่วยพยุงตัวพยาบาลคนนั้นขึ้นมา พยาบาลคนนั้นงัวเงียฟื้นขึ้นมาถามว่ามีอะไรกันเธอเป็นอะไรไป คนก็เล่าให้พยาบาลคนนั้นฟังว่าเหมือนกับเธอโดนผีเข้า ทำให้กลัวกันไปหมด ส่วนเตียงรถเข็นก็พาคนไข้ที่ผ่าตัดไปห้องพักฟื้น หมอที่ทำการผ่าตัดบอกกับหมอที่เป็นเพื่อนเธอว่า เธอมีเลือดออกมามากเกินปกติ100cc.ก็ถือว่ามากแล้วนี่ออกถึง300กว่าcc. ถ้าไม่ฟื้นก็อาจเป็นเจ้าหญิงนิทราหรืออาจเสียชีวิต ให้รอดูว่า2ชั่วโมงจะฟื้นไหม เพื่อนเธอที่เป็นหมอก็นั่งเฝ้าเธออยู่ประมาณ2ชั่วโมงก็ไม่ฟื้นหมอเพื่อนเธอ จึงโทร.ไปหาพี่ชายเธอที่ต่างจังหวัดถามว่าถ้าคนที่ผ่าตัดเเล้วไม่ฟื้นมีวิธีอะไรช่วยไหมเเต่หมอเพื่อนเธอไม่ได้บอกว่าเป็นน้องสาวเขา พี่ชายเธอก็เเนะนำหมอเพื่อนเธอว่ามีพระเครื่องของลพ.พรหมหรือเปล่า หมอเพื่อนเธอว่ามี พี่ชายเธอจึงว่าให้เอามาบอกกล่าวให้ลพ.พรหมท่านช่วยเอาพระเเช่น้ำทิ้งไว้ครู่หนึ่งเเล้วเอาน้ำมนต์นั้นหยอดที่ปากคนไข้ ซึ่งเพื่อนเธอที่เป็นหมอก็ทำตาม หมอเพื่อนเธอบอกเล่าให้เธอฟังทีหลังว่า "พอเอาน้ำมนต์ที่ทำหยอดใส่ปากเธอแค่หยดเดียว น้ำมนต์หยดโดนปาก เธอก็ฟื้นลืมตาขึ้นทันที" ทั้งๆที่หลับมาหลายชั่วโมงกลัวเธอไม่ตื่นเป็นเจ้าหญิงนทรา ส่วนตึกที่เธอนอนพักฟื้นคืนนั้นพวกพยาบาลที่อยู่เวรต่างรู้เรื่องที่มีพยาบาลโดนผีเข้าเพราะคนคุยกันทั้งโรงพยาบาลรามา ก็มาถามหมอเพื่อนเธอว่า หมอคืนนี้ผีตัวนั้นมันจะมาอีกไหม หมอเพื่อนเธอก็บอกไปว่าไม่มาเเล้ว "ลพ.พรหมไล่เขาไปแล้ว" เธอว่าเรื่องนี้เมื่อเธอเเข็งเเรงหมอที่เป็นเพื่อนจึงเล่าให้เธอฟัง ทั้งยังยืนยันให้ถามหมอที่ผ่าตัดเธอก็ได้ ซึ่งหมอที่ผ่าตัดเธอก็ยืนยัยว่าจริง เธอขอหมอให้ขออนุญาตดูภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อได้รับอนุญาตเธอจึงได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด ก็เห็นภาพต่างๆที่บันทึกไว้เป็นอย่างที่เล่าทุกอย่างเพียงเเต่ไม่มีเสียงเท่านั้น เห็นภาพพยาบาลที่โดนผีเข้านั่งพนมมือพูดอยู่คนเดียว เรื่องนี้เกิดเมื่อต้นปีที่เเล้วปี2558 เป็นที่โจษจันกันทั้งโรงพยาบาลรามาธิบดีครับ เเล้วทุกคนที่อ่านเรื่องนี้คิดว่าอย่างไรครับ "หลวงพ่ออย่าห้ามหนู.... " ท่านว่าพยาบาลคนนั้นพูดอยู่กับใคร หลวงพ่อที่ไหน เพราะไม่มีใครเห็นพระอยู่เเถวนั้นเลย เเต่ตัวผมเเละคณะศิษย์เชื่อว่า ด้วยบารมีของลพ.พรหมที่เธอคนนั้นนับถือท่านห้อยพระเครื่องที่ลพ.ท่านปลุกเสกเเม้เป็นพระที่บิ่นหักเอามาเลื่อยเหลือเเต่องค์พระ เเต่บารมีลพ.พรหมท่านก็คุ้มครองรักษาศิษย์ที่นับถือท่าน เเม้ว่าคนๆนั้นจะทันเจอท่านหรือไม่ก็ตาม (เธอคนนั้นอายุเเค่20กว่าปี) เเต่เมื่อเธอนับถือเเละก่อนเข้าห้องผ่าตัดเอาพระท่านมาบอกกล่าวให้ลพ.ท่านช่วยคุ้มครองดูเเล และหลวงพ่อพรหมท่านก็คุ้มครองจริงๆ ผมเชื่อว่า หลวงพ่อองค์ที่พยาบาลที่ผีเข้าคนนั้นพูดคือ "หลวงพ่อพรหม ถาวโรเเห่งวัดช่องเเค"ครับ สุทธิโชค คงอุไร
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    1666643281769.jpg
    ..*#เหรียญโสฬสมงคล ที่ระลึกสร้างตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ.ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ปี2541..เหรียญ หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ รุ่นโสฬสมงคล (ที่ระลึกสร้างตึกสงฆ์อาพาธ) PDF พิมพ์ อีเมลเหรียญ หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ รุ่นโสฬสมงคล (ที่ระลึกสร้างตึกสงฆ์อาพาธ)หลวงพ่อสมควร วิชชาวิสาโล เจ้าอาวาสวัดศรีสวรรค์สังฆาราม หรือวัดถือน้ำ หลังค่ายจิรประวัติ มณฑลทหารบกที่ 31 นครสวรรค์ เป็นพระเกจิชื่อดังแห่งเมืองปากน้ำโพ ที่ขึ้นชื่อลือชาของหลวงพ่อสมควร คือ วัตถุมงคล ซึ่งเป็นที่สนใจเสาะหาของนักเลงพระและผู้ที่นิยมความขลังด้วยว่าวัตถุมงคลทุกอย่างของท่าน หากได้ศึกษาเจาะลึกจริงๆ แล้วจะพบว่า วัตถุมงคลทุกอย่างของท่านต้องมีขั้นตอน ต้องมีฤกษ์ยาม ต้องมีการสวดพระพุทธมนต์ตั้งแต่การทำส่วนผสมหรือการปลุกเสก ลงเลขยันต์ต่างๆ อย่างละเอียด เรียกว่าถูกต้อง เรื่องเวลาฤกษ์ยาม ถูกต้องส่วนผสม และถูกต้องตามพิธีการนอกจากนี้ ก่อนจะแจกวัตถุมงคลหลวงพ่อสมควร จะต้องลงเหล็กจารเขียนยันต์ที่เหรียญเกือบทุกครั้ง ส่วนใหญ่จะลงยันต์ มะ อะ อุ หรือ จะ ภะ กะ สะ จึงจะได้วัตถุมงคลที่ดีมีความขลัง มีพุทธคุณ
    วัตถุมงคลยุคแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นเหรียญที่มีฟันคล้ายกงจักร คล้ายกับเหรียญรุ่นดังของหลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง รวมทั้งเหรียญรูปไข่หูในตัว รุ่นโสฬสมงคล ที่สร้างขึ้นในปี 2519 พระสมเด็จหน้าทอง รวมทั้งวัตถุมงคลอื่นอีกหลายอย่างที่มีประสบการณ์ แต่ก็หมดหายไปจากตลาดพระเครื่อง ด้วยผู้ที่มีไว้ในครอบครอง ล้วนเก็บงำไว้ไม่มีใครยอมปล่อยออกมา
    ส่วนเหรียญวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอีกรุ่น คือ เหรียญรูปไข่ รุ่นโสฬสมงคล สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2541 ในคราวที่หาปัจจัยสร้างตึกสงฆ์อาพาธ โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติลักษณะเป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีหูห่วง เป็นเหรียญทองแดง
    ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปหลวงพ่อสมควรครึ่งองค์หันหน้าตรงสวมแว่นตา ที่สังฆาฏิมีตอกโค้ดเป็นตัว "ส" ในภาษาขอม ใต้รูปหลวงพ่อ เขียนคำว่า "หลวงพ่อสมควร (วิชชาวิสาโล)" ด้านข้างซ้าย-ขวา เขียนคำว่า "วัดถือน้ำ นครสวรรค์" ส่วนด้านบนเหรียญเป็นคาถามหาอุด "อุดธังอัดโธ โธอุดธังอัด"
    ด้านหลังเหรียญ ตรงกลางเหรียญเป็นยันต์โสฬสมงคลตารางรูปสี่เหลี่ยม มีสี่แถว แต่ละแถวมีตัวเลข 4 ชุด ยันต์แถวแรกเป็นตัวเลข ๑๖ ๙ ๔ ๕ แถวที่สองเป็
    หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ พระเกจิอาจารย์ที่มากด้วยมนต์ตราและอาคม
    -สำเร็จยันต์โสฬสมงคล
    -เรียนคาถาอาคมด้านคงกระพันชาตรีและเมตตามหานิยม จากอาจารย์ ชิว วัดลำดวน กรุงพนมเปญ
    -ทำน้ำมนต์ดอกบัวบานที่ศักดิ์สิทธิ์
    --นั่งปฎิบัติใช้สมาธิพลังจิตจนเชี่ยวชาญจากอาจารย์เสือ จังหวัดเสียมราษร์
    -สำเร็จอักขระตัวนะจากหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    -ทำผงเมตตามหานิยมจากพระอาจารย์โสย วัดโออันโดง ที่มงคลบุรีแห่งกัมพูชา
    -เดินธุดงค์เข้าสู่ประเทศไทยปี 2489 จำพรรษาที่วัดสาละวัน นครปฐมและเรียนด้านคาถาอาคมจากพระอาจารย์นครปฐมอีกหลายองค์
    -สร้างเหรียญรุ่นแรกปี 2494 หายากมาก
    ด้วยประสบการณ์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา2เหรียญคู่ ลพ สมควร วัดถือน้ำ
    เหรียญสร้างอาคารตึกสงฆ์อาพาธ โสฬสมงคลและ เหรียญฉลองพระเจดีย์จุฬามณีหลังมังกร 300 บาท ค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่
    IMG_20221025_032214.jpg IMG_20221025_032230.jpg IMG_20221025_032241.jpg IMG_20221025_032253.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    97569756-9936-jpg.jpg


    เทพเจ้าแห่งโชคลาภ " หลวงพ่อแนม กตปุญโญ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดเขาหน่อ ต.บ้าน แดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ศิษย์พระคณาจารย์สายหลวงปู่เภา วัดถ้ำตะโก จ. ลพบุรี

    ปัจจุบันวัตถุมงคลของ "หลวงพ่อแนม" ผู้นำไปใช้ต่าง ประสบการณ์โชคลาภ วัตถุมงคลรุ่นนี้ นายบุญชู โรจน เสถียร อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตส.ส.หลายสมัย เป็นประธานวาง ศิลาฤกษ์ บันไดเพื่อขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทวัดเขาหน่อ และประธานพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล 6 รอบหลวงพ่อแนมด้วย

    ประวัติหลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ

    เกิดวันที่ ๖ เมษายน ๒๔๖๕ ณ บ้านท่าเกษม ตำบลเมืองบางยม หมู่ ๔ อำเภอสังคโลก จังหวัดสุโขทัย เป็นบุตรคนที่ ๕ ในจำนวน ๗ คน ของนายน้อย นางฝอย ธรรมราช เมื่ออายุ ๙ขวบได้ตามแม่ใหญ่ชื่อขาวพวง ธรรมราช ซึ่งเป็นแม่ชีมาจากสุโขทัย ได้พบกับพระธุดงค์ ชื่ออ๊อด ที่วัดท่าพระจันทร์ ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย และได้เรียนหนังสือจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ ที่โรงเรียนวัดบ้านแดน ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย

    ต่อมาหลวงพ่ออ๊อดจะออกธุดงค์จึงฝากเด็กชายแนมไว้กับ หลวงพ่อแท่น ยโสธร และได้พาไปบวชเณรกับท่าเจ้าคุณวิเชียรโมลีเจ้าคณะจังหวัด กำแพงเพชร วัดบรมธาตุเมื่อ วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๔๘๐ ได้จำพรรษาที่สำนักสงฆ์เกาะทรายมูล จังหวัดกำแพงเพชร ต่อมายามมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าพระจันทร์ จนกระทั่งอายุ ๒๐ ปี หลวงพ่อแท่นได้พาไปอุปสมบทที่ วัดสังขวิจิตร ตำบลตาขีด อำเภอบรรพตพิสัย โดยมีหลวงพ่อสว่างเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาฯ กตปุญโญ หลวงพ่อแนมได้เรียนธรรมมะกับหลวงพ่อสว่างและหลวงพ่อแท่นอยู่หลายปี จึงได้ออกธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ กระทั่งพบคณาจารย์ สายหลวงปู่เภา วัดถ้ำตะโก จังหวัดลพบุรีซึ่งท่าเป็นคณาจารย์ของหลวงพ่อแท่น

    ในช่วงจำพรรษาอยู่ที่วัด ท่าจันทร์ คืนหนึ่งหลวงพ่อแท่นได้นิมิตเห็นแสงสว่างเจิดจ้าอยู่บริเวณวัดเขาหน่อ ครั้นพอยามเช้าหลวงพ่อแท่นจึงได้บอกให้หลวงพ่อแนมอยู่ที่วัดท่าจันทร์ไปก่อน ส่วนหลวงพ่อแท่นจะไปจำวัดเขาหน่อเพื่อบูรณะฟื้นฟูตามที่ตามที่เห็นนิมิต

    ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕ หลวงพ่อแนมได้ตามมาจำพรรษา อยู่กับหลวงพ่อแท่นที่วัดเขาหน่อและได้พากันเดินธุดงค์มาจากวัดเขาหน่อ และได้มาปักกรดปฏิบัติธรรมที่เขาห้วยลุง ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพพิสัย โดยอาศัยอยู่ในถ้ำเขาห้วยลุง ในขณะนั้นนายทอง เอี่ยมแพร เป็นกำนัน ตำบลบ้านแดน ได้เกิดศรัธาเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อแท่นและหลวงพ่อแนม ได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อทั้ง ๒ รูป และได้ชักชวนชาวบ้านบริเวณบ้านเขาห้วยลุง และหมู่บ้านใกล้เคียงมาร่วมกันสร้างกุฏิ ศาลา เสนาสนะ สิ่งก่อสร้าง ถาวรวัตถุต่างๆภายในสำนักสงฆ์เขาห้วยลุง และต่อมากำนันทอง เอี่ยมแพร ได้ถวายที่ดินประมาณ ๑๐๐ ไร่เศษ ให้กับหลวงพ่อแท่นและหลวงพ่อแนม พื้นที่ดังกล่าวคือวัดเขาห้วยลุงในปัจจุบัน

    ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ตรงกับปีชวด เดือน ๑๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ วันพุธ หลวงพ่อแท่น ยโสธโร ได้มรณภาพลงและก่อนที่จะละสังขารได้ฝากหลวงพ่อแนมให้ดูแลสำนักสงฆ์เขาห้วย ลุง และวัดเขาหน่อ สืบต่อมา ซึ่งหลวงพ่อแนมก็รับปาก และในวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๑๘ สำนักสงฆ์เขาห้วยลุงก็ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดโดยใช้ชื่อวัดว่า "วัดเขาห้วยลุง"

    หลวงพ่อแนม กตปุญโญ ได้ยึดมั่นอยู่ในสมณะเพศอย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นด้านวิปัสสนาธุระและคัน กธุระ แม้กระทั่งโยธากระธุระ ไม่เคยขาดตกบกพร่อง จนสอบได้ น.ธ เอก ในปีพ.ศ.๒๔๘๗ ณ สำนักเรียนวัดป่าธรรมโสภณ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี และสุดท้ายได้รับพระราชทานสมณศักดิ์พระครูนิวาตธรรมโกศล ในสายงานปกครองนั้น เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาหน่อเมื่อพ.ศ.๒๔๙๐ ในปีพ.ศ.๒๕๑๑ เป็นเจ้าคณะตำบลบ้านแดน

    ทางด้านการศึกษานั้นเป็นครูสอน ปริยัติธรรมประจำวัดเขาหน่อ ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๙๐ นอกจากนั้นยังได้เผยแผ่เทศนาอบรมประชาชนในเขตตำบลบ้านแดน และใกล้เคียง ไม่เคยเว้นจากพิธีจากพิธีกรรมทางศาสนาจวบจนวาระสุดท้าย หลวงพ่อแนมมีความชำนาญทางด้านก่อสร้างเป็นพิเศษ ได้ก่อสร้างสนสถานไว้มากมายอาทิเช่น

    พ.ศ. ๒๕๑๓ สร้างศาลาการเปรียญ ๑ หลัง

    พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างกุฏิแบบทรงไทย ๕ หลัง

    พ.ศ. ๒๕๑๕ สร้างประปาร่วมกับอนามัย อำเภอบรรพพิสัย ประจำวัด

    พ.ศ. ๒๕๑๙ สร้างหอสวดมนต์ ๑ หลัง

    พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๑ สร้างหอสมุด ๑ หลัง แบบทรงไทย

    ในปีพ.ศ. ๒๕๓๕ ประชาชนชาวนครสวรรค์ต่างปลื้มปิติเมื่ออุโบสถวัดเขาหน่อได้เสร็จสิ้นลง และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จยกช่อฟ้า นอกจากนั้นยังมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญๆ อีกมากมาย ไม่ว่าการบูรณะรอยพระพุทธบาทเขาหน่อพร้อมทางขึ้นและถนนรอบเขาหน่อ

    ประการสำคัญท่านพยายามย้อนรอยประวัติ ศาสตร์โดยเฉพาะเส้นทางเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ ๕ ที่ได้เสด็จมาที่วัดเขาหน่อ โดยได้ขอให้หลวงปู่โง่นทำพิธีหาจุดประทับ ของรัชกาลที่๕ และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ท่านได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการรักษาธรรมชาติของเขาแก้วและเขาหน่อได้ ต่อสู้กับอิทธิพลต่างๆมากมาย จากการกระทำของผู้ที่ต้องการระเบิดเขาเพื่อนำหินไปทำธุรกิจ จนกระทั่งท่านได้ถวายฏีกาด้วยตนเอง ต่อ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จยกช่อฟ้า โดยกล่าวว่า "ขอถวายธรรมชาติทั้งเขาแก้วและเขาหน่อให้อยู่ในความดูแลของพระองค์..."

    ระยะหลังหลวงพ่อแนมได้มีอาการของโรคภูมิแพ้ ต้องมีออกซิเจนอยู่ข้างตัวตลอดเวลาและท่านได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลค่าจิระ ประวัติหลายครั้งซึ่งทางโรงพยาบาลได้จัดห้องไว้ให้ท่าน ๑ ห้อง และแพทย์ได้แนะนำให้ท่านอยู่ในที่โล่งอากาศถ่ายเทสะดวกในปีพ.ศ.๒๕๔๐ ท่านจึงย้ายมาจำพรรษาที่วัดเขาห้วยลุงอีกครั้ง เมื่อย้ายมาจำพรรษาที่วัดเขาห้วยลุง อาการของโรคภูมิแพ้ได้ทุเลาลงจนแทบจะไม่ปรากฏอาการ เพราะบริเวณวัดเขาห้วยลุงเป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก อีกทั้งไม่มีกลิ่นมูลค้างคาวและลิง ประกอบกับ คุณพิสิฏฐ์ และคุณสุดจินต์ สุพิชญางกูร สองสามีภรรยาผู้มีความเลื่อมใส ในหลวงพ่อแนมเป็นอย่างยิ่งได้สร้างกุฏิถวายเป็นที่จำพรรษา

    ในช่วง พ.ศ. ๒๕๔๐ เศรษฐกิจของไทยเริ่มมีปัญหา ฟองสบู่เริ่มแตกและเกิดอาการหนักในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๒ หลวงพ่อแนมได้รับทราบความเป็นไปของบ้านเมืองโดยตลอด และได้ปรารภด้วยความเป็นห่วงประชาชนโดยเฉพาะชาวบ้าน ตำบลบ้านแดน จะอยู่อย่างไรในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แนวความคิดของท่านได้ชะลอการสร้างสนสถานไว้ทั้งหมด โดยหันมาปลูกป่าโดยเฉพาะสมุนไพร และได้ยกที่ส่วนหนึ่งของวัดเขาห้วยลุงได้เป็นที่ตั้งของศูนย์ถ่ายทอด เทคโนโลยีทางการเกษตร ท่านได้พยายามจำทำในเรื่องของเกษตรแปรรูป และการท่องเที่ยวเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านและยังห่วงใยในเรื่องของการศึกษาและ สุขอนามัย โดยให้ใช้ที่ส่วนหนึ่งของวัดเขาห้วยลุงเป็นที่ตั้งโรงเรียนและอนามัย และได้ติดตามดูแลสนับสนุนโดยตลอด

    ในเดือนมกราคม ๒๕๔๓ ท่านให้ดำเนินการจัดตั้งมูลนิธิ ชื่อว่ามูลนิธิหลวงพ่อแนม โดยให้วัดเขาห้วยลุงเป็นฯที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของมูลนิธิและได้มอบเงินของท่าน จำนวน ๖๖๕‚๖๗๙ บาท (ณ ๒๒ พฤศจิกายน๒๕๔๒)ที่ฝากไว้ธนาคารออมสิน สาขา สลกบาตร เป็นทุนดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ

    วันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๓ ท่านประพฤติปฏิบัติเหมือนวันต่อมา คือเดินจากกุฏิไปทำความสะอาดมณฑปหลวงพ่อแท่น แล้วกวาดศาลาพระพุทธชินราชที่ตั้งยู่ในวัดเขาห้วยลุง และนั่งวิปัสสนา ทำสมาธิ อธิฐานจิตและเดินกลับกุฏิทรายทอง สรงน้ำและฉันภัตตาหารเช้า จากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ที่คอยปรนนิบัติท่านอยู่ได้ยินท่านปรารภกับเป็ดที่ ท่านเลี้ยงไว้ว่า "ข้าฯหมดกำลังเลี้ยงพวกเอ็งแล้วและยังพูดกับลูกศิษย์ว่าให้เตรียมช่วยเหลือ ตัวเอง" ไม่มีใครเฉลียวใจเลยแม้แต่น้อยว่าท่านหมายถึงอะไร

    เวลา ๙.๐๐ น. ของวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๓ คุณ พิสิฏฐ์ และคุณสุดจินต์ สุพิชญางกูร พร้อมครอบครัวได้นำภัตตาหารและเครื่องสังฆทานมาถวายหลวงพ่อแนม และในเวลา ๑๐.๓๐ น. หลวงพ่อแนมเริ่มมีอาการแน่นหน้าอก คณะศิษย์ได้นำหลวงพ่อส่งโรงพยาบาลปากน้ำโพ ในขณะนั้นอาการของหลวงพ่อดีขึ้นจนกระทั่งเวลา ๑๔.๕๘ น.อาการของหลวงพ่อได้ทรุดหนักลงอีก แต่ท่านยังมีสติอยู่ตลอด แพทย์นำยามาให้ฉันโดยป้อนใส่ปากท่านเลย ท่านยังคายออกและสั่งให้ประเคนก่อน ท่านเคร่งในวัตรปฏิบัติจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต และในเวลาดังกล่าว ท่านจากพวกเราไปด้วยอาการสงบ ทิ้งไว้แต่ธรรมะคำสั่งสอนความเมตตา หลวงพ่อแนม กตปุญโญ

    "ก่อนมรณภาพท่านสั่งไว้ว่าให้เผาท่านที่วัดเขาห้วยลุงอย่าเก็บศพไว้ให้เป็นภาระของผู้อื่น"
    .. พระอาจารย์ ที่หลวงพ่อแนม ได้ศึกษาธรรมะและ พุทธาคม ที่ได้บันทึกไว้มีดังนี้

    1. พระวิบูลย์วชิรธรรม ( หลวงพ่อสว่าง ) วัดคหบดีสงฆ์ กำแพงเพ็ชร
    2. หลวงพ่อแท่น ยโสธโร
    3. หลวงปู่เภา วัดถ้ำตะโก ลพบุรี
    4. หลวงพ่อฉาย วัดป่าธรรมโสภณ
    5. หลวงพ่อกึ่ง วัดโพธิ์ชัย
    6. หลวงพ่อสุด วัดปฐมพานิช
    7. หลวงพ่อสำลี วัดเขาวัง ราชบุรี
    8. หลวงพ่ออุ่ม วัดเขาวัง ราชบุรี
    9. หลวงพ่อธูป วัดเขาปถะหวี
    10. หลวงพ่อวัน วัดเขาวง บ้านหมี่
    11. หลวงปู่นาค วัดท่าเกษม สวรรคโลก จ.สุโขทัย
    12. หลวงพ่อแกร วัดส้มเสี้ยว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรวย รวย หลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ จ.นครสวรรค์ ออกวัดคลองมงคล
    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่

    IMG_20221025_032136.jpg IMG_20221025_032147.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วัตถุมงคลหลากหลายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศครับค่าจัดส่งต่อครั้ง 30 บาทระบบflash หรือ J&Tและ 50 บาทems ไปรษณีย์ไทย 08--1--70--4--72--64 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง line ตามเบอร์โทรศัพท์
    บัญชีธนาคาร กรุงไทย 125-00-89-239
    Supachai thu
    โอนแล้วแจ้งบอก ทางข้อความ พร้อมที่อยู่จัดส่ง ป้อง กัน การเอาข้อมูลจากมิจฉาชีพครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,734
    ค่าพลัง:
    +21,341
    วิจาโร วัดเขาแก้ว ต.jpg
    หลวงพ่อสร้อย วิจาโร
    วัดเขาแก้ว ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี



    หลวงพ่อสร้อย...พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    เล่าโดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(วีระ ถาวโร)
    วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี


    เคยพบพระองค์หนึ่งในสมัยปัจจุบันนี้ คือ พ.ศ. ๒๕๐๔ - ๒๕๐๕ ต่อกัน พระรูปนั้นมีชื่อว่า "พระสร้อย" ท่านบอกว่า ท่านเป็นชาวจังหวัดสระบุรี ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเลย แม้หนังสือไทยนี้ ปกติท่านก็อ่านไม่ออก ท่านว่าเมื่อท่านอายุได้ ๗ ปี มีพระในถ้ำเขตสระบุรีท่านหนึ่ง ไปเยี่ยมโยมท่านที่บ้าน เมื่อพระรูปนั้นจะกลับถ้ำ ได้ออกปากชวนท่านไปอยู่ด้วย ท่านก็ขออนุญาตโยมหญิง - ชายจะไปอยู่กับพระรูปนั้น โยมทั้งสองก็อนุญาตด้วยความเต็มใจ

    ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อไปอยู่กับพระรูปนั้นก็ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือ เพราะในถ้ำนั้นมีพระอยู่ ๒ - ๓ รูป ท่านบิณฑบาตกลับมาแล้ว ท่านฉันจังหันเสร็จต่างก็บูชาพระแล้วนั่งภาวนากันตลอดวันตลอดคืน ไม่ใคร่มีเวลาพูดคุยกัน ท่านก็สอนให้ท่านอาจารย์สร้อยภาวนาด้วย ทำอยู่อย่างนั้นจนครบบวช พระที่ท่านพาไปก็พาออกมาบวชที่บ้าน บวชแล้วก็พากลับมาอยู่ถ้ำ นั่งภาวนาตามเดิม
    อาจารย์สร้อยนี่เป็นพระพิเศษ ปฏิปทาของท่านอาจารย์สร้อยที่มาอยู่ที่กรมแพทย์ทหารเรือก็คือ ตอนเช้าท่านจะต้องออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านมีบาตรของท่านมาลูกหนึ่ง ไปยืนเอาบาตรแขวนไว้ที่ต้นมะฮ็อกกานี ข้างภายในประตูเข้ากรมแพทย์ทหารเรือ เวลาเข้าไปไอ้ต้นนี้มันจะอยู่ซ้ายมือ ชิดประตู ต้นใหญ่มาก ยืนหลับตาประเดี๋ยวก็เอาบาตรมา ตามปกตินายทหารประจำตึกเขาจะเก็บบาตรไว้แล้วเขาจะเช็ดจะขัดจะถูเป็นอย่างดี พอเช้าท่านจะมาเอา เขาตรวจดูว่าไม่มีอะไรเขาก็ส่งมาให้ เวลาท่านเอาบาตรไปแขวนท่านก็ยืนหลับตา คนเขาผ่านไปผ่านมา มันไม่ใช่ป่านี่ คนเดินกันไขว่เทียว ตอนเช้า ทุกคนก็เห็นว่าท่านยืนหลับตาเฉยๆ บาตรก็แขวนที่กิ่งมะฮ็อกกานี สักประเดี๋ยวหนึ่งท่านก็กลับ สะพายบาตรกลับไปส่งให้นายทหารหัวหน้าตึก ก็ปรากฏว่ามีข้างประมาณ 2 - 3 ทัพพี แล้วมีดอกไม้แปลกๆ 1 ดอกทุกวัน ดอกใหญ่เกือบจะเต็มบาตร แต่ไม่รู้ว่าดอกอะไรไม่มีใครรู้จัก แบบนั้นทุกวัน


    สำหรับท่านอาจารย์สร้อยนี่ ปรากฏภายหลังว่ารู้ภาษาได้ทุกภาษา มีนายทหารมาพูดแบบนั้น แล้วพูดถึงปฏิปทาบางอย่างของท่าน ดูๆ แล้วคล้ายจะไม่ใช่พระธรรมดา ที่ว่าไม่ใช่พระธรรมดาคือคิดเกรงไปว่าพระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า แต่เวลานั่งพูดคุยกับใคร ท่านไม่ได้นั่งหลับตาปี๋ ทำท่าเป็นคนเคร่งครัดมัธยัสถ์ไม่ใช่ยังงั้น แสดงตัวเป็นกันเองตามปกติ พูดแบบกันเองธรรมดาๆ แต่ว่าทรมานเอานายทหารไม่กินเหล้าไปหลายคน ฉันสงสัยเหลือเกินละว่า พระองค์นี้จะเป็นพระอริยเจ้า
    สำหรับพระอริยเจ้านี้ มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ว่ากันเฉพาะพระอรหันต์คือมี
    สุขวิปัสสโก
    เตวิชโช (วิชชา3)
    ฉฬภิญโญ (อภิญญา6)
    ปฏิสัมภิทัปปัตโต (ปฏิสัมภิทาญาณ)

    สำหรับพระอริยเจ้าที่เป็นพระสุขวิปัสสโก ประเภทนี้ไม่มีบทบาทอะไรทั้งหมด หมายความว่าละกิเลสได้แบบเงียบๆ ผีสางเทวดาท่านก็ไม่เห็น นรกสวรรค์ท่านก็ไม่เห็น แต่ว่าจิตสงัดจากกิเลส

    สำหรับท่านเตวิชโช อันนี้ได้ทิพยจักขุญาณ กับ ปุพเพนิวาสนุสติญาณ คือว่าสามารถจะเห็นผี เห็นเทวดา เห็นสวรรค์ เห็นนรก เห็นพรหมโลก เห็นนิพพาน ได้ตามอัธยาศัย แล้วก็สามารถระลึกชาติได้ ชาติของตัวเองเคยเป็นอะไรมาบ้างรู้หมด

    ต่อไปก็ฉฬภิญโญ อภิญญา 6 อันนี้ แสดงฤทธิ์ต่างๆ ได้

    สำหรับปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็แสดงได้อย่างกับท่านอภิญญา 6 แต่มีกรณีพิเศษโดยเฉพาะ เอาอย่างที่แปลกที่สุดคือ รู้ภาษาทุกภาษาโดยไม่ต้องเรียน นี่ก็ว่ากันอย่างย่อๆ รู้ภาษาทุกภาษาทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียน ภาษาคนภาษาสัตว์รู้หมด

    ทีนี้ สำหรับหลวงพ่อสร้อยองค์นี้ อาตมาสงสัยว่าจะเป็นพระอรหันต์ ขั้นปฏิสัมภิทัปปัตโต ก็เลยบอกบรรดาท่านนายทหารว่าเอายังงี้ก็แล้วกัน สำหรับพระอรหันต์มี 4 แบบ สำหรับแบบอื่นเราจะพิสูจน์ได้ด้วยการทดลองอย่างอื่น แต่องค์นี้ฉันสงสัยว่าเป็นปฏิสัมภิทาญาณ ลองดูนะ ไม่แน่นัก ถามว่าพวกคุณนี่น่ะพูดภาษาอะไรได้บ้าง เอาภาษาที่ถนัด บางคนก็บอกว่าภาษาอังกฤษผมเก่ง บางคนบอกว่าภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีนเพราะเคยเป็นลูกจีน แล้วก็ภาษาแขก บังเอิญมีนายทหารแขกอยู่คนหนึ่ง พูดภาษาแขกเร็วปรื๋อเรียกว่าได้กันหลายๆ ภาษา เมื่อได้กันแล้วซักซ้อมกันดีแล้วก็ส่งเข้าไปทีละคน คนไหนถนัดภาษาอะไร เข้าไปหาท่าน พูดภาษาแบบนั้น พูดภาษาที่ตนถนัด

    พอเขาเข้าไปพูด จะเป็นภาษาอะไรก็ตาม หลวงพ่อสร้อยตอบภาษานั้นได้อย่างชัดเจน คล้ายๆ กับเป็นเจ้าของภาษาเอง ทุกภาษา ในที่สุดพวกนายทหารถามว่า หลวงพ่อเรียนมาจากไหน ท่านบอกว่าท่านไม่ได้เรียน อยู่ในถ้ำนั่นเจริญสมาธิมันเกิดความรู้สึกขึ้นเอง เขาถามว่าในเมื่อเขาพูดภาษาอื่นหลวงพ่อมีความรู้สึกยังไง ท่านก็บอกว่ามีความรู้สึกเหมือนเขาพูดภาษาไทย เวลาที่จะตอบไปก็เหมือนกัน มีความรู้สึกว่าตอบเป็นภาษาไทย
    นี่แหละท่านผู้ฟัง สำหรับท่านอาจารย์สร้อยมีกรณีพิเศษ แปลกแบบนี้แล้ว ต่อมาพวกนายทหารแจ้งให้ทราบว่า ท่านกำหนดเวลาตาย ท่านบอกว่าใครจะเอาอะไรก็เอา ท่านจะตายเดือนนั้นเดือนนี้ ถ้าจะต้องการอะไรให้ไปหาท่านก่อน คนที่ไปก็ได้ของดีพิเศษมาทุกคน คือว่า มีคำสั่งมอบหมายสมบัติชิ้นสำคัญนั่นก็คือ ให้รู้จักเป็นคนมีจิตเมตตา ให้มีเมตตาเป็นปกติ มีกรุณา มีมุทิตา มีอุเบกขา แล้วก็มีการให้ทานการสงเคราะห์ รู้จักรักษาศีล สำหรับศีลอย่าให้ขาดตลอดชีวิต แล้วให้รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะตาย นี่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่หลวงพ่อสร้อยมอบให้แก่บรรดานายทหารที่มีความเคารพในท่าน

    และเมื่อพวกนายทหารได้รับมาแล้วก็มาบอกให้อาตมาทราบ อาตมาก็บอกว่านั่นเป็นของดีที่สุด ที่คุณจะไปเอาพระเอาตะกรุดอะไรนั่นก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากพวกคุณแขวนพระไว้แต่คุณประพฤติตัวเป็นโจร พระท่านก็ไม่เอาด้วย เพราะหากว่าพระเป็นโจร พระก็ศีลขาด ถ้าหากว่าคุณเอาพระแขวนคอไว้แล้วใจคุณเป็นพระ หรือว่าคุณไม่มีพระแขวนคอ แต่ว่าใจคุณเป็นพระถึงแม้ว่าร่างกายคุณเป็นฆราวาสแต่ใจคุณเป็นพระแล้ว ก็ชื่อว่าคุณเป็นพระทั้งตัว พระนี่แปลว่าผู้ประเสริฐ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อสร้อยวัดเขาแก้วปี 2513 ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทระบบ flash หรือ j&t หรือเคอรี่(ปิดรายการ)

    IMG_20221027_111715.jpg IMG_20221027_111847.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...