เลี้ยงลูกแบบโหด มัน ฮาๆ

เมื่อวานนี้ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่า เค้าไปเล่าเรื่องที่แม่ทำอย่างไรเค้าถึงชอบกินผักให้เพื่อนๆ ฟัง คือในขณะที่ทุกคนกินอาหารกลางวันที่โรงเรียนจัดให้ เด็กส่วนมากจะทิ้งผักไม่มีใครกิน แต่ลูกสาวของดิฉันกินหมด แล้วยังไปตักมาเพิ่มอีก ทำให้เพื่อนๆ งง ว่าทำไมกินผักเก่ง

ลูกสาวก็เล่าให้เพื่อนฟังว่า ตอนเด็กๆ (ตอนนั้นยังไม่เข้าโรงเรียนอนุบาล) แม่บังคับให้กินผักเป็นประจำ แต่มีอยู่วันหนึ่งเรียกว่า เค้านัดกันกับพี่สาวว่า จะไม่กินผักทั้งคู่ แม่ก็เลยขู่ว่า ถ้าไม่กินจะให้ออกไปยืนที่ระเบียงหน้าบ้านนะในขณะนั้นมีทั้งฝนตกฟ้าร้อง เค้ากับพี่สาวก็ไม่ยอมกิน แม่เลยเปิดประตูแล้วสั่งให้ออกไปยืน แค่ออกไปแป๊บเดียว พวกเค้าก็ยอมแพ้เข้าบ้านมากินผัก ตั้งแต่นั้นกินผักไปเรื่อยๆ ก็ชอบกินผัก

แล้วตอนที่เค้าทะเลาะกันกับพี่สาว แม่ไม่เคยตี แต่จะทำโทษให้นั่งกอดกัน ห้ามใครเอามือออก กอดไปกอดมาพี่สาวกับเค้าก็มองหน้ากันเอง แล้วก็หัวเราะกัน แล้วก็กลับมาเล่นกันต่อ

เพื่อนลูกสาวฟังลูกสาวเล่า แล้วก็หัวเราะขำดิฉันกันใหญ่ บอกแม่แกฮามาก

 

โอ้ว...คุณแม่ในอุดมคติและฝันทีเดียว .. ขอชื่นชม อย่างยิ่ง ....กรุณานำเรื่องราวทำนองนี้ มาลงเรื่อยๆนะครับ อาจมีประโยชน์เป็นแนวทางแก่พ่อแม่อีกมาก นะครับ

 

ได้ค่ะ งั้นต่อด้วยเรื่องนี้เลยค่ะ ช่วงที่ลูกสาวคนเล็กเพิ่งเริ่มเป็นวัยรุ่นเริ่มดื้อค่ะ

ตอนนั้นลูกสาวคนเล็กดื้อมากๆ เรียกว่า ถ้าเค้าไม่เชื่อฟังเราแล้วเที่ยวนี้ ปล่อยไปอาจจะเอาเค้าไม่อยู่
อาจจะคุยกันไม่รู้เรื่องตลอดไป วันข้างหน้าถ้าไปเจอเพื่อนเลวๆ เค้าอาจจะต้องเสียคนแน่ๆ
ดิฉันก็คุยกับลูกสาวคนโตว่า น้องสาวลูกดื้อขึ้นทุกวัน แม่สอนอะไรก็เถียง ไม่เชื่อฟัง
เหมือนเมื่อก่อน เพราะเค้าไปคบกับญาติซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แทนที่จะคบกับพี่สาวตัวเอง
เค้าก็นิสัยเปลี่ยนไป ดิฉันเลยนัดกับลูกสาวคนโตไว้ ให้คอยเข้าคู่กันนะ อย่าขัดเวลาแม่พูด
ให้คล้อยไปตามกันนะ แล้วดิฉันก็แสดงบทดราม่า คือ ร้องไห้ต่อหน้าลูกสาวคนเล็ก
แล้วก็พูดเหตุผลให้เค้าเชื่อฟัง แล้วลูกสาวคนโตก็ช่วยพูดด้วย เพื่อให้ครอบครัวเรากลับมา
รักกันและเชื่อฟังกันเหมือนเดิมค่ะ ตั้งแต่นั้นมาที่ดิฉันร้องไห้นั้น ลูกสาวคนเล็กก็กลับมา
น่ารักเชื่อฟังดิฉันเหมือนเดิมค่ะ ทุกวันนี้ก็เรียนเก่งน่ารัก ขี้อ้อนแม่มากๆ ค่ะ

แหม...ทุกวันนี้ลูกสาวคนเล็กยังไม่รู้นะคะว่า ดิฉันนัดเล่นบทดราม่ากับพี่สาวเค้าค่ะ

 

ตอนลูกเป็นเด็กเล็กๆ จะให้ดูการ์ตูนพวกบาร์บี้ การ์ตูนบาร์บี้สมัยก่อนนั้นมีคุณธรรมแฝงอยู่มากนะคะ สอนให้เด็กกล้าหาญในการทำความดี

และก็ให้ดูละครหลังข่าวด้วย ชี้แนะว่า นี่นะว่า พระเอกเป็นคู่หมั้นกับตัวร้ายในเรื่อง บอกลูกว่าเชื่อมั้ย ถ้าไม่มีนางเอกเข้ามาแทรกนะ พระเอกแต่งงานกับนางร้ายไปแล้ว นี่แหล่ะผู้ชายเห็นมั้ยว่าใจมันรวนเร นางเอกก็ใช่ย่อยทำดีเนียนๆ แล้วไปรักกับพระเอกได้อย่างไร พระเอกเค้ามีแฟนแล้ว ก็เห็นๆ ส่วนนางร้ายก็ทำตัวไม่ดี นางเอกทำตัวดีไว้ตลอด ใครดีใครร้ายก็ว่าไป ในที่สุดคนทำไม่ดีก็ได้รับโทษ ก็ว่าไปเรื่อยทุกเรื่อง

เนื้อหาที่ย้ำบ่อยคือ อย่าไปเชื่อผู้ชาย จะคุยกับลูกในช่วงประถมปลายเข้าวัยรุ่นว่า นี่ถ้าสมมุติตอนนี้ลูกมีแฟน ลูกอยู่ตอนชั้นประถมปลาย ลูกว่าเค้าจะรักกับลูกจนจบมหาวิทยาลัยได้มั้ย ลูกสาวจะตอบว่าไม่ได้มันนานไป ดิฉันก็บอกว่านั่นแหล่ะ ลูกก็อย่าเพิ่งมีแฟน มีเมื่อไหร่โดนหลอกฟันเมื่อนั้น กว่าจะโตจะเป็นของเล่นของใครต่อใครดีมั้ย ลูกบอกไม่ดี สอนแบบนี้เป็นประจำเวลาดูละคร จนลูกไปพูดที่โรงเรียนกับเพื่อน พอมีการคุยเรื่องดาราผู้ชายทิ้งผู้หญิง เด็กๆ ที่เป็นเพื่อนของลูกสาวก็ว่า ผู้ชายก็งี้แหล่ะ.....ลูกสาวมาเล่าให้ฟังว่า ลูกบอกเดี๋ยวนี้เพื่อนกลุ่มลูกก็คิดเหมือนกันกับลูก เพราะแม่สอนอะไร หนูก็เอาไปคุยกับเพื่อนหมด เรื่องผู้ชายที่แม่สอนบ่อยๆ

ปรากฏว่า ลูกสาวของดิฉัน 2 คนของดิฉันเป็นตัวประหลาดตอนย้ายโรงเรียน
ลูกสาวคนโตไปอยู่โรงเรียนเอกชนที่มีผู้ชายปีแรก มีคนมาจีบแกก็ไม่สนใจค่ะ แกจะเรียน
มาปรึกษาแม่ทุกวัน เพื่อหนีไม่ให้เพื่อนผู้ชายจีบ ตอนนั้นเพื่อนคนนี้หาแฟนได้แล้ว โล่งไปค่ะ ที่เหลือก็มีแต่กระเทย อีแอบ ก็ไม่ค่อยห่วงแล้ว พวกแมนๆ ก็มีแฟนกันแล้ว ลูกสาวดิฉันก็รอดตัวไปค่ะ

ไม่รู้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนะคะ แต่วันนี้ก็ใกล้ชิดลูกคุยกันกับลูกตลอด ดีอย่างหนึ่งคือ
ลูกจะไม่โกหก และตั้งใจเรียนอยู่ระดับดี รักอนาคต แต่ก็ไม่ถึงกับว่าสอบไม่ได้ในคณะที่ต้องการแล้วจะล้มเหลวในชีวิต เพราะเราสำรองไว้เยอะว่า ได้อะไรก็เอาแหล่ะในคณะพวกนี้ ถ้าไม่ได้จะทำอย่างไรต่อไป

 

ดีใจด้วยครับ คุณแม่ได้ความไว้วางใจจากลูกจนเขาเชื่อฟังและมาปรึกษา ไม่โกหก เท่านี้ก็ดีเลิศสำหรับครอบครัวแล้ว .. ลูกก็ได้แนวทางดำเนินชีวิตที่ปลอดภัย พ่อแม่ก็ทราบความเป็นไปของลูกว่าไม่เกเรออกนอกลู่ หรือคบคนพาลเพื่อนเลวสามารถช่วยเหลือลูกได้เมื่อเขามีปัญหา..

คุณแม่อย่าเพิ่งส่งใจกังวลไปล่วงหน้าจนหวั่นไหวไปไกล มั่นใจในแนวทางดีๆที่ตนทำในเวลานี้ก็ย่อมมีผลดีระยะยาว การคาดหวังมั่นหมายมาก อาจนำทุกข์บีบคั้นมาสู่ตนแล้วเลยออกไปถึงลูกได้ บางคราวก็ต้องปล่อยให้ลูกคิดเองเป็นได้ ไม่งั้น ต่อไปเขาจะโตแต่ตัว แต่ความคิดต้องพึ่งพ่อแม่ การฝึกให้เขาคิดเป็น เขาจะเป็นคนที่โตได้ทั้งกายและมีวุฒิภาวะสมบูรณ์ย่อมสามารถฝ่าฟันปัญหาชีวิตได้ด้วยตนเองในภายหน้า...พ้อแม่ย่อมปลดภาระห่วงใยลงไปได้บ้างตามควร ..

นำมาเล่าต่อนะครับ ดีมากๆครับ

 

ดิฉันเลี้ยงลูกแบบเน้นคุณธรรม เน้นรักนวลสงวนตัว เพราะหากรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว ก็คงเอาตัวรอดได้ค่ะ แล้วเรื่องผิดหวังอะไรฆ่าตัวตายนี่ก็คงยากค่ะ เพราะดิฉันสอนดักไว้แล้วว่า คนฆ่าตัวตายแล้วจะเป็นอย่างไร โชคดีที่ลูกศรัทธาในคำสั่งสอนพระพุทธเจ้า ทำให้สอนง่าย คุยกันง่ายค่ะ

ส่วนเรื่องเรียนเก่ง มันมาเองค่ะ ลูกสาวคนโตตอนเด็กๆ เรียนไม่เก่ง ป.1 ได้เกรด 2 กว่าๆ ดิฉันก็ปลง แล้วถามลูกว่าอยากเรียนเก่งมั้ย ก็ตกลงกันว่า เราจะเขยิบกันไปที่ละนิดทีละขั้นนะ ปีหน้า ป.2 เกรดก็ขยับขึ้นไปนะ คือให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ลูกก็โอเค เพราะเค้าก็อยากเรียนเก่งได้เกรดสูงๆ เหมือนกัน ก็ช่วยกัน ดิฉันก็สอนหนังสือลูกเองด้วย ให้เรียนพิเศษด้วยบ้าง เกรดก็ดีขึ้นเรื่อยๆมา จนเข้าขั้นเรียนเก่งค่ะ

ส่วนลูกสาวคนเล็กจะออกแนวชอบเลียนแบบ เห็นพี่เรียนเก่งก็สนใจเรียนบ้าง เรียกว่าแม่ไม่ต้องเข็นเลย

 

เรื่องเพื่อนที่ลูกคบนั้น ในมงคล38 พระพุทธเจ้ายกเรื่องการคบคนพาลไว้อันดับแรก
ดิฉันก็สอดส่องเพื่อนของลูกตลอดค่ะ ลูกๆ เองก็จะคบเฉพาะเด็กที่มีแนวเดียวกัน
บางครั้งลูกมาเล่าให้ฟังว่า เพื่อนเค้านะบอกว่าพ่อสอนอย่างโน้นอย่างนี้มาเล่าให้ลูกสาวดิฉันฟัง
ลูกสาวก็บอกว่า พ่อเธอสอนเหมือนกันกับแม่เราเลย แม่เราก็สอนแบบนี้แหล่ะ

ดิฉันก็โล่งใจ ลูกคบเพื่อนดี แล้วเวลาไปรับลูกจากเรียนพิเศษ เจอหน้าเพื่อนๆ ลูก เจอพ่อแม่เพื่อนของลูก เราก็ดูรู้นะว่าก็แนวๆ เดียวกับครอบครัวเรา

 

สุดยอดครับคุณแม่!

 

หลักจิตวิทยา คือ การเรียนรู้ของเด็กคือการเล่น
หายห่วงค่ะ ดิฉันยึคหลักนี้อย่างเหนียวแน่น ต้องเล่น ตอนลูกเรียนอนุบาลไม่ทำการบ้านเหรอ
มาแม่ทำให้เอง แล้วดิฉันก็เขียนเลียนแบบเด็กๆ หัดเขียนหนังสือ คัดให้ลูกเป็นหน้าๆ เลยค่ะ
อะไรกันเด็กอนุบาลให้การบ้านกันตั้งหลายหน้า ส่วนลูกกลับมาจากโรงเรียนก็เล่นๆๆๆ แล้วก็กิน
เช้าก็มีการบ้านไปส่งครู วันไหนไม่อยากไปเรียนก็ไม่ต้องไป อยู่บ้านเล่นๆๆๆ แล้วกิน
ดิฉันจะมีวันหยุดขี้เกียจไปโรงเรียนให้ลูกเทอมๆ หนึ่งหลายวัน เหมือนลาพักร้อนคนทำงานค่ะ
พอหมดบอกหยุดไม่ได้แล้วนะ ห้ามหยุด
พอไปรับสมุดพก แต่ละเทอม ตั้งแต่อนุบาลยันมัธยม ดิฉันโดนครูว่าประจำ
"คุณแม่ ลูกคุณแม่หยุดเยอะมากนะคะ ถ้าเค้าไม่หยุดเรียนเยอะจะเรียนเก่งกว่านี้ค่ะ"
ดิฉันได้แต่ยิ้มๆ ลูกดิฉันก็ขำๆ
เพราะเค้าได้ยินแม่โดนว่าตลอด ว่าลูกหยุดเรียนเยอะ ดิฉันก็ว่าถ้าหยุดแล้วมีความสุข
ก็หยุดไปเถอะ เวลาไปเรียนตามให้ทันล่ะกัน งานต้องตามส่งให้ทันนะ
อ้าว...ดูๆ ไป ก็เกรดไม่ตกหล่น ก็ตามสะดวก ขี้เกียจไปจะหยุดทำงานก็หยุด จะหยุดนอน
ก็หยุด ง่วงไปไม่ไหวก็นอนต่อ
ดิฉันก็เลี้ยงแบบมีข้อบกพร่องเหมือนกันเรื่องนี้ค่ะ คือ เรื่องลูกหยุดเรียนบ่อย
แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงไป ทีนี้ดิฉันบอกลูก วันนี้หยุดเรียนไปโน้นไปนี่กันมั้ย
ลูกบอกไม่เอา ลูกบอกเดี๋ยวเรียนไม่รู้เรื่อง วันนี้มีชั่วโมงฟิสิกซ์

 

ผมว่าการที่เด็กเล็กหยุดเรียนบ่อยนั้นกลับเป็นผลดีแก่เด็กเองนะครับ ในประเทศล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี่ในยุโรป เด็กเล็กที่ไปอนุบาล "ไม่มีการเรียนหนังสืออะไร ๆเลย" เด็กเล็กไปอนุบาลเพื่อเล่นกับเพื่อนทั้งวัน ต่อเมื่อเขาครบเกณฑ์เข้าเรียนประถมจึงเริ่มเรียนเขียนอ่าน เพราะประเทศเหล่านี้ทราบชัดว่าเด็กเล็กเรียนรู้จากการเล่นไปตามลำดับ เด็กเล็กๆจึงไม่เกิดความเครียดหรือสมองล้าที่ต้องเรียนกันตั้งแต่อดนมจนโต...เห็นเด็กไทยแ้ล้วเห็นใจมากๆ..

 

มาส่งข่าวค่ะ คือลูกสาวของดิฉันคนโตไปลงสนามสอบตรง เพื่อเป็นการทดสอบตนเอง
ไปสอบคณะวิศวะเครื่องกล ประสานมิตร สอบติดด้วยค่ะ คนเกือบแสน รับข้อเขียนหมื่นสอง
ลูกสาวคนโตของดิฉันสอบติดข้อเขียนด้วยนะคะ คิดว่าจะสอบไม่ได้สะอีก
เพราะตอนลูกสอบเสร็จนั่งรถกลับบ้านกัน ลูกบอกว่า ทำไม่ค่อยได้ แหะๆ ดิฉันก็ว่าทำไมไม่ดูหนังสือ
แกบอกไม่มีเวลา ต้องทำงานส่งครูเยอะมาก ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
ว้าว นี่ขนาดไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบนะเนี่ย เก่งจริงๆ ลูกดิฉันเองค่ะ
(แต่ลูกสาวดิฉันจะไม่ไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ เพราะไม่ได้กะจะเรียนคณะนี้ค่ะ)

เจ้าลูกสาวคนโตเมื่อก่อนตอนเรียนป.1 สอบได้เกรด สองกว่าๆ
ทุกวันนี้ ดิฉันชอบถามลูกๆ แบบขำๆ ฮาๆ กันในบ้านว่า ที่ลูกเรียนเก่งกันทุกวันนี้ได้ เพราะใคร?
ลูกสาวทั้งสองคนก็ตอบกันแบบขำๆ ว่า.... เพราะแม่ .....อิๆๆๆๆๆๆๆ

 

มาร่วมดีใจกับคุณลูกและคุณแม่ครับ...ยอดเยี่ยมจริงๆ!..ขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่หวังด้วยความราบรื่นสะดวกพลันครับ...ต้องพากันไปเลี้ยงฉลอง..

 

เป็นคุณแม่ที่น่ารักมากค่ะ ^^

 

ขอสมัครเป็นลูกด้วยคนได้ไม๊จ๊ะ คุณแม่ขา

 

ขอบคุณค่ะ รอพิมพ์ใบสมัครก่อนนะคะ
ถ้ามีตังค์เยอะกว่านี้ จะสร้างพลเมืองคุณภาพให้ประเทศชาติสักครอกนึง
แต่นี้จนใจ ทุนไม่มากพอ ดิฉันตั้งใจเลี้ยงลูกสาวมากๆ เลยค่ะ
เมื่อก่อนนี้แม่ของดิฉันเองชอบพูดว่า ดูมัน(หมายถึงดิฉันค่ะ)เลี้ยงลูกจนน่าสงสาร 555
เรียกว่า ทุ่มเทสุดๆ แล้วทุกวันนี้นะคะลูกสาวของดิฉันรักดิฉันมากๆ ค่ะ

ดิฉันเอานิ้วชี้จิ้มหน้าผากลูกสาวที่ละคน แบบชี้หน้าไว้เลยว่า
"เงินเดือนพวกแกสองคนต้องเป็นของฉันจำไว้ พวกแกมีสิทธิ์หาเงิน แต่เงินนั้นของฉันจำไว้"
ลูกสาวดิฉันก็หัวเราะค่ะ บอกหนูจะให้แม่หมดเลย อิๆๆๆๆ.... รองาบเงินเดือนลูกอยู่

ฟังกติกากันแล้วยังกล้าจะสมัครเป็นลูกของดิฉันกันอยู่มั้ยเอ่ย?55555

 

โห แล้วมีเหลือค่ารถกะพิซซ่าไม๊ค่ะ น้ำไม่ต้อง ไปเอาที่บริษัทก็ได้ค่ะ คุณแม่
ว่าแต่ ใบสมัคร พิมพ์เสร็จอ่ะยังค่ะ คุณแม่ขา คุณแม่ชอบชาแบบไหนค่ะ คนจีน ต้องยกน้ำชาให้ผู้ใหญ่ค่ะ คุณแม่ เดียวไปต้มน้ำรอก่อนน่ะค่ะ

 

ชายี่ห้อที่กินแล้วถ่ายสะดวกอ่ะค่ะ

หลังจากผลสอบข้อเขียนออกมาแล้วสองวัน ลูกสาวของดิฉันยังเดินไปหาพ่อที่ห้องนอน
บอก "พ่อๆ หนูสอบติดวิศวะ".. พ่อก็งงๆ ประมาณว่า มาบอกทำไมอีก ก็รู้กันมาตั้ง 2 วันแล้ว
ลูกสาวของดิฉันก็พูดว่า "เรื่องนี้ มันไม่จบง่ายๆ หรอกพ่อ" พ่อก็หัวเราะขำลูกสาวที่ดีใจจนติ้งต๊อง

บ้านดิฉันก็เลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งตัวเล็กๆ เดินวิ่งได้ทั่วในบ้าน วันนั้นก็สั่ง ไก่เคเอฟซี มากินกัน
ไก่ทอดมันเอามาคลุกกับข้าวให้หมากินก็ไม่อร่อยแน่ๆ
ขณะที่กำลังกินอยู่นั้น หมาก็จะวิ่งรอบโต๊ะ เดี๋ยวคนโน้นส่งให้กิน เดี๋ยวคนนี้ส่งให้กิน
ดิฉันก็พูดกับหมาว่า "นี่ถ้าพี่(หมายถึงลูกสาวคนเล็ก)เค้าไม่มาเกิดซะก่อน ป่านนี้หนู(หมา)ต้องมาเกิดเป็นลูกของแม่แน่ๆ เลย"
สามีดิฉันกำลังกินอยู่ก็กลั้นหัวเราะอาหารเกือบพุ่งแน่ะ
ส่วนลูกสาวคนเล็กก็พูดแบบเสียงธรรมดาพร้อมกับกินอาหารไปด้วยว่า "งั้นหนูก็ชิงหมาเกิดสิแม่"
ก็หัวเราะขำฮาๆ กัน 4 คน
ดิฉันก็เออเว้ยเฮ้ย เราว่าลูกคนเล็กชิงหมาเกิดนี่หว่า....

 

เอ คุณแม่ขา มีด้วยเหรอค่ะ ชากินแล้วถ่ายสะดวก มีแต่กินแล้วถ่ายไม่ค่อยออกค่ะ5555
มีแต่สมุนไพรน่ะค่ะ ที่กินแล้วจู๊ดๆๆ เช่น กระเจี๊ยบ ใบฮวานง็อก ใบมะรุม ใบมะยม ใบย่านาง
อ้อ จำได้แล้วค่ะ ชามะละกอใช่ม่ะค่ะ แต่ชามะนี้ กินแล้วลดไขมันในเส้นเลือดนี่ค่ะ ไม่ค่อยจู๊ดๆๆเท่าไหร่ ชมทานมาแล้วค่ะ ที่กล่าวมาทั้งหมด ยกเว้นใบย่านาง เพราะหาซื้อยากจัง เลยยังไม่มีกินค่ะ ชามะนี่ทานดีน่ะค่ะ แต่ต้องขยันต้มหน่อย ชมขี้เกียจเฝ้าหม้อต้ม เลยเอาไปใส่หม้อตุ๋นซะ ปล่อยให้มันตุ๋นสัก3-4ชั่วโมง เดียวน้ำจะเป็นสีเขียวตองอ่อน ก็หม่ำได้ค่ะ อ้อ ใส่มะละกอสัก2ลูกน่ะค่ะ ลูกเดียว ยาไม่ค่อยมีค่ะ
ดีใจด้วยน่ะค่ะ ที่น้้องๆ ติดวิศวะ พอจบวิศวะ ก็เรียน MBA ที่เมกา กลับมาเมืองไทยก็หางานได้เงินดีน่ะค่ะ เพราะ น้องชายของชมนาด ก็มาสายนี้ค่ะ
โห คุณแม่ เตรียมตัวรวยได้เลยน่ะค่ะ หากเรียนตามที่ชมนาดบอก แต่น้องต้องเก่งทางคณิตด้วยน่ะค่ะ เอ น่าจะเก่งคณิตน่ะ เพราะ วิศวะ มีแต่ตัวเลขทั้งนั้น เก่งจริงๆๆเลย น้องของเรา 5555555555 โม้เมเลยอ่ะ แล้วตัวเล็ก อยู่ถึงไหนแล้วค่ะ
ขอถามถึง เจ้า4ขาหน่อยค่ะ พันธุ์อะไรค่ะ ปอมได้แนบเนียนหรือเปล่า หรือ ชิวาว่า ลงรูปหล่อหน่อยสิค่ะ อยากยลโฉม น้องหมาตัวเล็ก อย่าให้ทานอะไรที่เค็มๆๆน่ะค่ะ เดียวจะเป็นโรคไตกะโรคตับ ไม่น่าเชื่อว่า หมาก็มีโรคแบบนี้ด้วย หาข้อมูลทางพันธิปสิค่ะ แถวนั้น รักน้องหมาน่าดูเลย มีชมรมเกี่ยวกะน้องหมาเลย ชมนาดไม่ค่อยเก่งคอม เลยหามาฝากยากหน่อยค่ะ ต้องขอประทานโทษค่ะ คุณแม่

 

เป็นครอบครัวที่น่ารักมากค่ะ อ่านไป ยิ้มไป ^ ^

 

ขอบคุณค่ะทุกท่านที่มาอ่าน
น้องชะมะนาด คือลูกสาวแม่ไม่ไปสอบสัมภาษณ์วิศวะเครื่องกล เพราะไม่เหมาะกับเด็กผู้หญิง ลูกบอกว่าถ้าลูกเป็นผู้ชายนะ ลูกจะไปสอบสัมภาษณ์ กะจะสอบต่อๆ ไปอีกค่ะ

ครอบครัวนี้มีเรื่องเศร้าน้อย ปัจจุบันไม่มีการทะเลาะกันในครอบครัว ส่วนใหญ่มีแต่เสียงหัวเราะ
ไม่ค่อยมีอย่างเดียวเองค่ะครอบครัวนี้ ไม่ค่อยมีจริงๆ คือ...เิงิน
เมื่อวานนี้เองก็คุยกัน 3 คนแม่ลูก ส่วนพ่อไปต่างจังหวัด
ลูกสาวคนโตบอกเงินเดือนออกเดือนแรก เราจะตะเวนกินอาหารอร่อยๆ กันทั้งเดือน
ตั้งงบไว้เลย ส่วนเจ้าลูกสาวคนเล็กก็ทำท่าแบมือขอตังค์พี่ล่วงหน้า

พูดถึงลูกสาวคนเล็กให้อ่าน ปีนี้เรียน ม.4 โรงเรียนสตรีล้วน
ตอนจบ ม.3 จากโรงเรียนสตรีล้วนอีกเหมือนกัน ก็ไปเรียนพิเศษเหมือนเด็กทั่วไป
ลูกสาวบอกว่า แม่รู้มั้ยหนูนั่งเรียนพิเศษใกล้เด็กผู้ชาย หนูเกร็งไปหมดเลยไม่ค่อยกล้าขยับตัว เดี๋ยวไปโดน ลูกบอกว่า แม่ไม่รู้หรอกว่ามันรู้สึกอย่างไร เพราะแม่เรียนโรงเรียนสหฯ
หนูอ่ะเรียนโรงเรียนสตรีล้วนตั้งแต่เด็กๆ (ป.1)
.... อ้าว นี่แม่หวังดีนะ กลัวลูกโดนเด็กผู้ชายแกล้ง กลายเป็นความผิดไปซะงั้น

คนเล็กตอนเรียนจบ ม.3 ได้เกรด 3.78 ค่ะ โห..ลูกเก่งวุ้ย แม่ก็ทุ่มสุดตัวเลย ส่งเรียน จีเอสซี ติวเข้าเตรียมอุดม ติดๆ กัน 2 คอร์ด ซื้อตั๋วรถไฟฟ้ารายเดือนให้ ไว้ไปเรียนสะดวกไม่เหนื่อย

ผลจากการอนุมานเอาว่า พี่สาวเค้านั้น สอบได้เกรดน้อยกว่า แล้วไม่ได้เรียนติวเข้าเตรียมอุดมด้วย ได้ลำดับประมาณ 3000กว่า นี่ขนาดไม่ได้เรียนพิเศษยังชนะคนอื่นขึ้นลำดับนี้ได้

ดิฉันอนุมานเอาจากพี่สาวคนโต เลยทุ่มสุดตัว ให้ลูกสาวคนเล็กไปเีัรียนคอร์ดแรกแทบไม่หยุดเรียนเลยค่ะ
ส่วนคอร์ดที่สอง มันหยุดแหลก แต่ดูหนังสือที่บ้าน เรียนๆ หยุดๆ พี่สาวก็เตือนบอกไปเรียนเถอะ เค้าติวโค้งสุดท้ายควรจะไปนะ ดีกว่าดูเองที่บ้าน

พิโธ่พิถัง ผลสอบออกมา ดิฉันตรวจในเนทแล้วว่าไม่ได้ แต่ก็ไปดูที่สนามสอบว่าตกอยู่ลำดับที่เท่าไหร่

วันประกาศผลสอบ ดิฉันก็ดูบอร์ดในลำดับต้นๆ ประมาณว่า คงอยู่ในช่วง 1000 กว่าที่ตกรอบ เพราะโรงเรียนเค้ารับเข้าเรียนไม่ถึง 1000 ส่วนคนสอบก็เกือบหมื่นคน

ส่วนยัยลูกสาวคนเล็กก็ไปดูบอร์ดประกาศผลสอบเกือบท้ายๆ ประมาณลำดับที่ 7000
สักพักมันวิ่งมาหาดิฉัน เรียก แม่ๆๆ หนูอยู่ลำดับที่ 7000 กว่า แกบอกตัวเลขมาหมด
แต่ดิฉันจำได้แค่ 7000กว่า
โอ้โห......มันสอบยังไงของมัน เรียนพิเศษตั้งสองรอบ
พี่สาวไม่ได้เรียนพิเศษที่ไหนเลยนะ ไปสอบเตรียม ได้ลำดับ 3000 กว่า

นี่อีก ผลสอบ ม.4 เทอมที่ผ่านมา มันสอบตก ได้เกรด 0 ถึง 2 วิชา
ครูฟิสิกซ์ที่โรงเรียนหัวเราะตลกขำมากเลยค่ะที่ลูกสาวดิฉันเรียนสอบตก 2 วิชา
ตกวิชาพละ กับตกวิชาตัดเย็บเสื้อผ้า.........แต่ คณิตศาสตร์ เคมี ชีวะ ฟิสิกซ์ ฯ
วิชาพวกนี้ มันได้เกรด 4 หลายตัว เกรด 3.5 ก็เยอะ เกรด 3 ก็มี
และที่ครูฟิสิกซ์หัวเราะฮามากๆ ก็คือ มันได้เกรด 4 วิชาฟิสิกซ์ แต่ตกพละๆ ได้0
ได้เกรดเฉลี่ย 3.22 ยังอุส่าห์ได้เกรดเฉลี่ยเกิน 3
ลูกเล่าให้ดิฉันฟังว่า เพื่อนๆ ชมกันใหญ่เลยว่าตกตั้ง 2 วิชา แต่ได้เกรดเฉลี่ยสามกว่า
แล้วทั้งห้องนะ มีลูกสาวดิฉันคนเดียวที่เรียนตกถึง 2 วิชา ภูมิใจเล็กน้อยค่ะ อิๆๆๆ