เรื่อง...ไทยไม่มีวันสิ้นชาติ

ในห้อง 'ในหลวงกับพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 9 มกราคม 2007.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    [​IMG][​IMG]



    <TABLE class=tborder id=post445942 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 05:33 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#17 <INPUT id=plist_445942 style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px 0px 0px 5px; VERTICAL-ALIGN: middle; PADDING-TOP: 0px" type=checkbox value=0 name=plist[445942] inlineModID="inlineMod"> </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>คนเก่า<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_445942", true); </SCRIPT>
    สมาชิก​

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:33 PM
    วันที่สมัคร: Nov 2004
    ข้อความ: 377 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 1 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 753 ครั้ง ใน 184 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 138 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_445942 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->จาก หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เรื่อง..ไทยไม่มีวันสิ้นชาติ

    .....อาตมาเห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้คือ "พระแก้วมรกต" เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านพุทธบริษัทชายหญิงมีไว้บูชา อาตมาคิดว่าจะเป็นมงคลอย่างสูง.....​

    ................................
    ................................​

    .....แต่เวลานี้มองดูเวลาเหลือ ๖ นาทีเศษๆก็อยากจะปรารภกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า พระรูปพระโฉมหรือพระรูปเปรียบขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์คือ "พระแก้วมรกต" จัดว่าเป็นมิ่งขวัญของคนไทยมานานบูชาไว้ รูปที่ปลุกเสกที่ทำไว้ถ้าใครมีไว้ในบ้านละก็ จงอย่าเอาออกไปไหน ติดตัวไว้เสมอๆ จะเป็นมิ่งขวัญใหญ่ ขณะใดที่เรายังรัก "พระแก้วมรกต" รักความดีของ "พระแก้วมรกต" คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถึงซึ่งความตัดความชั่ว ทรงความดี ทำจิตให้ผ่องใส รับรองว่าคนไทยทั้งชาติจะต้องเป็นไท และเป็นคนไทยที่มีความสุข มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป....
    <!-- / message -->​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​




    [​IMG]


    เตรียมพิธีพุทธาภิเษกพระแก้วมรกต

    11 ม.ค.งานใหญ่ในวัดพระแก้ว


    <!-- / message --><!-- attachments -->
     
  2. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เรื่อง ไทยไม่มีวันสิ้นชาติ

    ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย สำหรับวันนี้ตรงกับวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๔ การบันทึกเสียงวันนี้ไม่ใช่เสียงธรรมะปกติ แต่ทว่าเป็นเสียงที่จะระงับเสียงสะเทือนใจบรรดาชาวไทยทั้งหลาย เพราะว่าในเวลานี้ปรากฏว่า มีหนังสือบ้างมีเสียงพูดบ้าง มีการเล่าลือกันบ้างว่าวันสิ้นชาติไทย คือ เดือนตุลาคม ๒๕๒๕ ปีนั้นเป็นปีสิ้นชาติไทย และก็เป็นวันสิ้นชาติไทย ข่าวนี้สร้างความสะเทือนใจของบรรดาประชาชนชาวไทยส่วนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามโรงเรียนต่างๆ มีนักเรียนส่วนมากได้อ่านแล้วได้ฟังแล้วรู้สึกหนักใจ แม้แต่
    ท่านที่เป็นบิดา มารดา และเป็นผู้ปกครองของนักเรียนทั้งหลาย ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ต่างคนต่างมาปรารภให้อาตมาฟัง อาตมาเองก็ไม่ได้ฟังมาโดยตรงว่าเสียงที่พูดเป็นเสียงจากผู้ใด และก็หนังสือนั้นเป็นหนังสือมาจากไหน หนังสือก็ไม่ได้อ่าน เสียงที่ฟังพูดก็ไม่ได้ฟังพูดแต่ว่ารับฟังจากคนที่รับฟังต่อมาอีกทีหนึ่ง

    ตามข่าวบอกว่า เดือนตุลาคม ๒๕๒๕ ข่าวเขาเล่าลือกันมาว่า กองทัพญวนประมาณ ๑๖ กองพลจะเคลื่อนเข้าทางอรัญประเทศ กองทัพไทยจะตีต่อสู้อยู่เป็นเวลา ๓ วัน ทัพไทยต้องถอย และกองทัพญวนจะยึดจังหวัดนครนายกได้ หลังจากนั้น กองทัพจีนก็จะเข้าทางประเทศลาวตีเรื่อยมาจนกระทั่งถึงนครราชสีมา ตั้งขึ้นเป็นรัฐอีกรัฐหนึ่งของไทยตัดเป็นตอนหนึ่ง ญวนตั้งไว้ตอนหนึ่ง จีนตั้งตอนหนึ่ง แล้วต่อมากองทัพเรือของสหรัฐที่อยู่ในน่านนํ้าไทยเป็นเรือผิวนํ้าบ้าง เป็นเรือดำนํ้าบ้าง ก็จะปรากฏตัวขึ้น จะปล่อยเครื่องบินขาวพรึ่บไปในท้องฟ้า คนไทยต่างพากันดีใจว่าเวลานี้เพื่อนของเรามีแล้ว สามารถจะทรงตัวได้ แต่ว่าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือกองทัพเรือของรัสเซีย จะปรากฏขึ้นทางภูเก็ต ตีจากภูเก็ตมาถึงสุราษฎร์ ตัดตอนประเทศไทยภาคใต้ไปอีกตอนหนึ่ง รวมความว่าประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็น ๔ จุด เป็น ๔ เขต หรือเป็น๔ รัฐ เรียกว่า ไทยใต้ ไทยกลาง ไทยเหนือ หรือไทยตะวันออก

    นี่เป็นเสียงที่ทำให้บรรดาปวงชนชาวไทยหนักใจมาก อาตมาฟังแล้วก็รู้สึกหนักใจเช่นเดียวกัน แต่ความจริงความหนักใจของอาตมานี่ไม่ได้หนักใจตามที่เขาพูด หนักใจว่าเหตุการณ์อย่างนั้น มันจะไม่เกิดขึ้น หรือว่าถ้ามันเกิดขึ้นมันก็ต้องสลายตัว ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอาตมามีความฝันอยู่เสมอ ฝันเป็นปกติว่า "ไทยไม่สิ้นชาติไทย และก็ไทยจะดำรงอยู่ได้ตลอดฟ้าดินสลาย คำว่าไทยจะไม่สิ้นไปจากโลกนี้" แต่ว่าถ้าจะฟังเรื่องนี้กันให้ละเอียดก็ต้องฟังกันหลายคาสเซ็ท แต่ว่าวันนี้มีเวลาจำกัด บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท อาตมาเองก็ป่วย กำลังนอนให้นํ้าเกลืออยู่ เมื่อฟังข่าวจากพี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมาพูดกันหนักก็ทนไม่ไหว ทั้งๆ ที่ป่วยก็ต้องลุกขึ้นมาพูด พูดเพื่อความเข้าใจตามความเป็นจริงของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าถ้าไทยทั้งชาติต้องสลายตัว อาตมาเองก็เป็นคนไทยเหมือนกัน เมื่อไทยหมดไป พระไทยก็ต้องไม่มี คนพูดนี่เป็นคนไทยก็ต้องไม่มีด้วยแต่ความจริงคำว่า "ไม่มี" ก็ต้องมีกับคนทุกคน เพราะว่าคนทุกคนจะต้องตาย แต่ว่าคนเก่าก็จะตายไป คนใหม่ก็จะเกิดขึ้นอาตมาขอยืนยัน ในฐานะเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอยืนยันว่า "เหตุการณ์เช่นนั้นจะมีขึ้นหรือไม่มีก็ตามที แต่ว่าความเป็นเอกราชของไทยจะต้องทรงอยู่" ขอยืนยันด้วยความจริงใจและขอรับรองด้วย เพราะเวลาไม่นานนัก นี่ก็เป็นเดือน กรกฎาคม ๒๕๒๔ แล้ว ใช้เวลาอีกประมาณ ๑๓ เดือนก็จะถึงคำพยากรณ์ของท่านผู้นั้น ท่านผู้นั้นเป็นใครอาตมาไม่ทราบ แต่ว่าก่อนที่จะพูดเรื่องอื่นก็ขอย้อนกลับมาพูดเรื่องของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสียก่อน

    เวลานี้ปรากฏว่าทางราชการ โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในการจัดหาเงินซ่อมแซม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดนี้ และพระพุทธรูปองค์นี้ จัดว่าเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย การกระทำอย่างนี้อาตมาสนับสนุนเต็มที่ และก็กำหนดไว้แล้วว่า วันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๕๒๔ นี้ ทางเจ้าหน้าที่คือ อุบาสก อุบาสิกาของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม นิมนต์อาตมาไปแสดงพระธรรมเทศนาที่นั่นตามปกติ ทุกปีเขานิมนต์แต่ไปได้ปีละครั้งเดียวเพราะภารกิจมาก ในวันนั้นก็ตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าไปเทศน์เมื่อไร ถ้ามีบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายบริจาคทรัพย์ติดกัณฑ์เทศน์เท่าไร อาตมาตั้งใจไว้นานแล้วว่า จะไม่ยอมหักแม้แต่ค่าพาหนะ หรือค่านํ้าแข็งเปล่า เงินทุกบาททุกสตางค์จะถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เพื่อร่วมในการบูรณะซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทั้งหมด ฉะนั้น ในวันนั้นถ้าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ผู้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาถ้ามุ่งจะจรรโลงพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่คู่กับประเทศไทย ก็ขอได้โปรดไปช่วยกันในวันนั้น หรือถ้าไปวันนั้นไม่ได้ จะส่งเงินไปก่อนหรือหลังจากนั้นก็ได้ จะส่งมาที่อาตมาเมื่อไรก็ได้ พร้อมที่จะมอบถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อร่วมในการซ่อมแซมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)

    และเวลานี้ปรากฏว่า ทางราชการหรือจะเป็นใครก็ไม่ทราบ เห็นประกาศกันโครมครามๆ ทำพระรูปของ "พระแก้วมรกต" ขึ้นมา ๓ ฤดู เพื่อให้บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้มีความเลื่อมใส มีไว้บูชา แค่บริจาคทรัพย์ไม่มากนักก็ได้มีไว้บูชา อาตมาเห็นว่า พระพุทธรูปองค์นี้คือ "พระแก้วมรกต" เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าท่านพุทธบริษัทชายหญิงมีไว้บูชา อาตมาคิดว่าจะเป็นมงคลอย่างสูง ทั้งนี้เพราะว่า "ตราบใดที่เรายังมี "พระแก้วมรกต" บูชาอยู่ ขณะนั้นอาตมาขอยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นเอกราชต่อไป"
    ถ้าปวงชนชาวไทยยังพากันบูชา "พระแก้วมรกต" ความจริง "พระแก้วมรกต" ก็เป็นรูปเหมือนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ
    เจ้า หรือเป็นรูปเปรียบนั่นเอง หรือเป็นรูปแทน ถ้าเราบูชา "พระแก้วมรกต" ก็เท่ากับเราบูชาพระพุทธเจ้า อำนาจของพระพุทธเจ้าก็คือ
    "พุทโธ อัปปมาโณ พระคุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้" ตามนัยยะที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาได้ทรงพยากรณ์ไว้สองพันปีเศษแล้ว คำพยากรณ์นี่บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาอาจจะจำวันที่ไม่ได้ จำ พ.ศ. คลาดเคลื่อนไปก็ได้ ต้องขออภัยด้วย จำได้แต่เรื่องราวตอนหนึ่งว่า

    หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วไม่นาน และไม่ทราบว่าเป็น พ.ศ. เท่าไรแน่ ถ้าจำไม่ผิดอาจจะเป็น พ.ศ. ๒๔๘๐
    หรือ พ.ศ. ๒๔๘๔ ก็ได้อันนี้จำไม่ได้แน่ ในปีนั้น ท่านจอมพลแปลก (จอมพล ป. พิบูลสงคราม) ท่านส่งทูตพิเศษคณะหนึ่งไปประเทศ
    อินเดีย ถ้าอาตมาจำไม่ผิดหัวหน้าคณะทูตชุดนั้น คือ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อไปแล้ว กลับมาปรากฏว่า ทางหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า
    คณะทูตพิเศษได้ลอกหนังสือมาจากศิลาจารึกในประเทศอินเดีย ในศิลาจารึกนั้นอ้างเหตุว่าคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมา
    สัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์อย่างนี้ ขอกล่าวโดยย่อ

    "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี ชาวโลกจะรบราฆ่าฟันกันเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ฝนเหล็กจะตกจากอากาศไฟจะลุกจากอากาศ ประชาชนจะมีการล้มตายกันมาก แต่ทว่าอานันทะ ดูก่อนอานนท์ ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี ที่ว่าร้ายแรงนั้น ยังไม่เท่าหลังกึ่งพุทธกาล หลังกึ่งพุทธกาล ชาวโลกจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันหนักมากกว่า ยักษ์หินที่ถูกสาปจะลุกขึ้นอาละวาด ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน สมณชีพราหมณ์จะล้มตาย ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาจะรบกันมารบกันไป ตายไปฝ่ายละครึ่งหนึ่งจึงจะเลิกรากัน แต่ว่าประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยบ้างเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก"

    รวมความว่า ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาน่ะ เวลานี้มีมาก แต่ทว่าการนับถือพระพุทธศาสนานั้น นับถือกันแบบไหน พระ
    พุทธศาสนาจริงๆ มีคุณสมบัติประจำอยู่ ๓ ประการ คือ:-

    (๑) สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า ให้พากันละความชั่วให้สิ้นเชิง
    (๒) กุสะลัสสูปะสัมปะทา จงพากันสร้างความดีให้สมบูรณ์
    (๓) สะจิตตะปะริโยทะปะนัง จงพากันทำจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลส
    เอตัง พุทธานะสาสะนัง พระองค์ทรงยืนยันว่าพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ตรัสอย่างนี้ นี่เป็นหลักการ หรือว่าเป็นธรรมนูญของพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าเราจะมองกันไปอีกมุมหนึ่ง คือมองกันง่ายๆ ว่าพระพุทธศาสนาถ้าจะทรงกันจริงๆ ที่ไหนก็ได้ จะต้องมีกฎอยู่ ๓ ประการ คือ:-
    (๑) มีศีล
    (๒) มีสมาธิ
    (๓) มีปัญญารู้เท่าทันตามความเป็นจริง

    ฉะนั้น คนก็ดี ประเทศก็ดี ที่ประกาศตนว่านับถือพระพุทธศาสนา เราจะต้องมองที่การนับถือพระพุทธศาสนากันจริงๆ ไม่ใช่
    มองแต่ที่ปากหรือว่าไม่ใช่มองกันที่มือถือ ไม่ใช่มองกันที่กายน้อมกราบกันลงไป เขามองกันที่ ความประพฤติ คือ ดวงใจ จะต้องดูดวงใจของคนกลุ่มนั้นว่า เขานับถือพระพุทธศาสนาจริงหรือไม่จริง เขตที่จะนับถือพระพุทธศาสนาจริงๆ
    (๑) ศีลต้องสมบูรณ์
    (๒) ต้องมีสมาธิ
    (๓) ต้องมีปัญญา เป็นเครื่องตัดกิเลส

    เราก็มามองกันสักนิด บางจุด บางประเทศที่ประกาศว่า นับถือพระพุทธศาสนา พระมีเมียได้ พระกินข้าวได้ไม่เลือกเวลา พระควงแขนกับสตรีไปไหนมาไหนได้ แล้วก็เรื่องอาหารเวลาใดก็ได้ กินกันได้ตามสบาย ถ้าประเภทนี้ละก็ พระพุทธเจ้าไม่ถือว่านับถือพระพุทธศาสนา หรือปวงชนที่นับถือพระพุทธศาสนาครบถ้วน ถ้าจะถือก็สักแต่เพียงว่าถือ เพราะว่าพระพุทธศาสนาจริงๆ มีศีลเป็นแกน ถ้า
    ขาดศีลเสียอย่างเดียว อะไรก็ใช้ไม่ได้ทั้งหมด เพราะว่า ศีลแปลว่าปกติ ปกติต้องมีกาย วาจา ใจ เรียบร้อย ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

    ฉะนั้น การไม่เคารพในศีล การไม่เคารพในพระวินัย พระพุทธเจ้าไม่ทรงถือว่าเป็นสาวกหรือเป็นลูกศิษย์ เมื่อพูดอย่างนี้ ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนคิดเอาเอง หรืออาจจะคิดว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า"ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ว่าไม่ร้ายแรงนัก" คือไม่ต้องสิ้นชาติ ไม่ต้องสิ้นประเทศ ยังจะคงชาติ ยังจะคงประเทศอยู่ แต่ทว่าก็ร้อนๆหนาวๆ เป็นไข้บ้าง เป็นของธรรมดา ก็เหมือนกับ สงครามโลกครั้งที่ ๒ เราก็เกือบทำท่าจะยํ่าแย่ เริ่มเข้ากับฝ่ายอักษะ เข้ากับญี่ปุ่นกับเยอรมัน แต่ทว่าเวลาเขาแพ้ เราไม่ยักแพ้
    แปลกไหม? เขาแพ้เราไม่แพ้ สมัย สงครามโลกครั้งที่ ๒ นี่หนักมากเกือบจะทรงตัวไม่อยู่

    ถอยหลังเข้าไปอีกนิดหนึ่ง ปี ร.ศ. ๑๑๒ สมัย รัชกาลที่ ๕ ตอนนั้นดูลีลาว่าจะเอาตัวไม่รอดจริงๆ ประเทศข้างเคียงอย่างพม่า เป็นประเทศมหาอำนาจ เป็นประเทศมหาอันธพาล รุกรานไทยอยู่ตลอดเวลา ด้านลาวก็ดี ด้านเขมรก็ดี เขมรก็ดีแต่จอมแก่น หาความจริงจังอะไรไม่ได้ กัดเบื้องหลังอยู่ตลอดเวลา ถ้าไทยเพลี่ยงพลํ้าเมื่อไร เขมรเล่นงานไทยเมื่อนั้น ญวนมักจะมีความแข็งแกร่งแบบยวนๆ ผลที่สุดเขาเหล่านั้นต้องตกเป็นทาสของอังกฤษและฝรั่งเศสไปตามๆ กัน ประเทศอินเดียใหญ่ขนาดไหน ต้องตกเป็นทาสของอังกฤษ รวมทั้งปากีสถานและประเทศพวกแขกๆ ทั้งหมด แต่ว่าไทยเรามีคนกันอยู่กี่คน สมัยนั้นสมัย รัชกาลที่ ๕ มีคนอยู่ถึงล้านคนหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เรามีกำลังน้อยแต่เราสามารถปลอดภัยจากความเป็นทาส แต่การจะเสียแขนเสียขา เสียพื้นที่ไปบ้างก็เป็นของธรรมดา หลักการของนักปราชญ์ก็มีอยู่ว่า
    (๑) เราจะยอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ
    (๒) เราจะยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต

    การมีพระราชกุศโลบาย และกุศโลบายของพระราชา และขุนนางในสมัยนั้นฉลาดมาก ยอมเสียบางจุดของประเทศ เหมือนกับยอมเสียนิ้วบ้างนิ้วเพื่อรักษามือ ยอมเสียมือเพื่อรักษาแขน ยอมเสียแขนเพื่อรักษาร่างกายหรือชีวิต ถ้าหากว่าเราโง่ดึงดันพยายามต่อต้านข้าศึกที่มีกำลังสูงกว่าด้วยประการทั้งปวง เราก็ต้องเป็นทาสเขา เห็นหรือยังว่า "คำว่าการสลายตัวของชาติไทยน่ะมันจะหาไม่ได้"

    ถ้าเราทวนต้นขึ้นไปตั้งแต่ไทยเริ่มตั้งความเป็นไทย ก็จะเห็นว่าจุดที่จะต้องสลายตัวของไทยมันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าวันนี้ขอใช้เวลาพูดเพียง ๑ ชั่วโมง เพราะว่านํ้าเกลือยังอยู่ที่แขน การพูดนี้ต้องนอนพูด นี่ดีไม่ดีคนฟังบางท่านจะยกมือสาธุ มันน่าจะพูดขาดใจตายไปเสียเลยนะ ไอ้ปากเสียคนนี้ ความจริงจะปากเสียหรือใจเสียอะไรก็ตาม พูดให้ใจคนอื่นสบายใจดีกว่า และก็เป็นไปตามความเป็นจริง

    หวนกลับเข้าเรื่องต่อไป ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า อาตมายืนยันได้ยังไงว่า "ไทยจะไม่สิ้นชาติ" เราเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันนี้เป็นวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๒๔ เวลาอีก ๑๓ เดือนเท่านั้น เรามายืนยันกันว่า ไทยจะสลายตัวจริงดังเขาว่าไหม อาตมาขอรับเต็มคำว่า "ไทยจะต้องเป็นไทตลอดไป และไทยก็จะต้องเป็นไทที่ทรงไว้ซึ่งความมั่งคั่งสมบูรณ์ ไม่ใช่เป็นไทยที่ยากจนอย่างเช่นในปัจจุบัน" เวลานี้ไม่ใช่เป็นไทยยากจนนะ แต่เป็นไทยอยากจน ความจริงประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ยากจน แต่ทว่าคนไทยที่ต้องจนเพราะคนอื่นเขาอยากให้จน พูดอย่างนี้สะเทือนใจใครมากไหม? ถ้าถามว่าเอาหลักฐานมาจากไหน วันหน้าค่อยพูดกัน วันหน้าค่อยรู้ มันก็ไม่ช้านักหรอกแล้วจะรู้ว่า "ใครน่ะมันเป็นคนอยากให้ไทยอยากจน ให้เหตุนั้นมันเกิดเสียก่อน" เหตุที่ทำให้คนไทยยากจนน่ะ ทำกันอยู่แล้ว ทำกันมานานแล้ว แต่ไทยก็ยังไม่พยายามจะจน ทุกอย่างพยายามให้มันเครียดทางเศรษฐกิจ ไทยเราเป็นแบบนี้เพราะอะไรเพราะเมตตาเป็นสำคัญ คติของไทยคือ "เจ็บแล้วไม่จำ จนแล้วไม่เจียม ทำไม่ค่อยจะจริง และก็ไม่อยากจะนิ่งเพื่อเอาดี" สำหรับคนบางพวก แต่ทว่าคนไทยที่ดีเขามีอาการ เจ็บแล้วต้องจำ จนแล้วก็เจียม ทำจริง นิ่งดี นี่เป็นคติของคนไทยที่ดี ตอนนี้เราเก็บไว้ไปพูดเมื่อเวลานั้นมันมาถึง และก็อีกไม่กี่วันนักก็จะถึง กลับมาย้อนรอยถอยหลังถึงความมั่นใจของอาตมา ในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ อย่าลืมนะว่า ถ้าอยากจะรู้ว่าไทยเราน่ะ เพลี่ยงพลํ้า ใกล้จะสลายตัวมาแล้วกี่สิบครั้งตั้งแต่เริ่มตั้งความเป็นไทย อาตมาก็เกิดไม่ทัน แต่อาศัยท่านผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ฟังอาจจะผิดบ้าง ถูกบ้าง ผิดก็ผิดไม่หมด ถูกก็ถูกไม่ครบ แต่ว่ามันตรงตามความเป็นจริง ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงอยากจะฟังละก็บอกมา จดหมายบอกมา เวลานี้เป็นเวลาเข้าพรรษา ถ้ามีเวลาก็จะนั่งคุยสู่กันฟัง เล่าเรื่องอดีตของชาวไทยถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง ตามคนที่รู้จริงบ้าง ไม่รู้จริงบ้าง แต่ว่าความจริงมันมีอยู่ว่าเราเพลี่ยงพลํ้า เสียท่า เสียที ทรุดโทรมเพราะอะไร เวลานี้ขอบอกไว้เลยว่า เพราะใจดีเกินไป ถ้าจะถามว่า จะทรงตัวขึ้นมาได้เพราะอะไร ก็ต้องตอบว่า เพราะกำลังใจของผู้นำ "คนไทยน่ะจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่ผู้นำคนเดียว" ถ้าผู้นำดีละก็ไทยทั้งชาติพร้อมกันจับอาวุธ พร้อมเพรียงกันจะสั่งสมสร้างความดีสร้างความเป็นมหาเศรษฐีให้แก่ชาติ เรามาดูคำพยากรณ์ เพื่อความมั่นใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท แต่เวลาของคาสเซ็ทหน้านี้มันเหลือ ๔ นาที แต่ไม่เป็นไร! ฟังหน้าที่ ๒ คราวนี้เอาแค่ ๒ หน้าพอ ถ้าท่านยังฟังไม่พอละก็จดหมายมานะ จะคุยให้ฟังอีกสัก ๑๐ คาสเซ็ทจบหรือไม่จบยังไม่แน่เลย ว่าคนไทยเราเสี่ยงมากี่ชาติกี่สมัยมันเสี่ยงมามากกว่านี้ ไทยเราโดดเดี่ยวไม่มีเพื่อน เวลานี้ไทยเรามีเพื่อน ทิ้งไว้ก่อน ขอย้อนกล่าวถึงคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า "ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก"

    เราก็มามองดูพระพุทธศาสนา เวลานี้ของเราครบถ้วนบริบูรณ์มีทั้ง มรรค ๘ มีทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา จะไปดูที่พม่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ไม่ได้เข้าไปเดินในพม่านี่ ไม่รู้ว่าพม่ามีอะไรบ้าง แต่ก็ชอบใจพม่าอยู่นิดหนึ่งที่พระพม่าบางนิกายฉันข้าวได้ไม่เลือกเวลา ควงแขนกับสตรีก็ได้ แต่บางนิกายท่านก็เคร่ง หันไปดูทางด้านอินโดจีน ก็เจี๊ยะกันได้ตลอดเวลาเหมือนกัน จะไปดูทางด้านธิเบต ด้านประเทศจีน ญี่ปุ่นบ้าง ญี่ปุ่นยิ่งดีใหญ่ พระควงแขนกับสาวๆก็ได้ อาตมามองแล้วน่าเสียดายอยากจะไปบวชที่นั่นแล้วแถมพระก็มีลูกสาวสวยๆ น่าเสียดาย น่าเสียดายว่าบวชผิดสถานที่น่ะ ถ้าบวชที่นั่นคงลงอเวจีไปนานแล้ว รวมความว่าของเขาถ้าจะมองกันไปอีกที เขาก็เป็นนักพรตที่ดี มีความเคร่งครัดบางจุด แต่ความสำคัญในพระพุทธศาสนา ๓ ประการ ที่ต้องครบถ้วนคือ "ศีล สมาธิ ปัญญา" ถ้าว่ากันในความเป็นนักบวชละก็ พร่องไปมาก เพราะพระถ้ามีเมียได้ ถ้าเป็นของเรานี่ไม่เรียกว่าพระ เรียกว่านักบวชประเภทหนึ่ง หรือว่าฆราวาสที่ถือศีลโดยเฉพาะ นักบวชถ้ากินข้าวได้ไม่เลือกเวลาเราก็ถือว่าเป็น "อลัชชี" พระพุทธเจ้าไม่ถือว่าเป็นนักบวช ไม่ถือว่าเป็นสาวก ถ้านักบวชควงแขนสตรีได้ของเราปรับอาบัติสังฆาทิเสส สังฆกรรมทั้งหมดเสีย รวมความว่าใช้ไม่ได้เลย

    เมื่อเป็นอย่างนี้จะถือว่า พระพุทธศาสนาในประเทศนั้นครบไม่ได้ คือคำสอนของพระพุทธเจ้าอาจจะครบถ้วน แต่คนที่รับปฏิบัติไม่ครบถ้วน จึงจะต้องถือว่าประเทศนั้นไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ถ้าพระเราก็ต้องเรียกว่าเป็นนักบวชประเภทหนึ่งที่ไม่ใช่นักบวชในพระพุทธศาสนา แต่ทว่าก็ต้องคิดเหมือนกัน อย่างเขมรนี่เขาไม่ค่อยจะครบ และเขมรมีกำลังต่อสู้อยู่ประมาณ ๓ กรม เขาลือกันว่าญวนมีกำลังอยู่ที่นั่นตั้ง ๒๒ กองพล ยังไม่สามารถตีเขมรให้แตกได้ แล้วจะยกมาตีไทย ๑๖ กองพลน่ะ มันจะไหวรึ

    สำหรับหน้านี้หมดเวลาแล้วบรรดาท่านพุทธบริษัทพลิกหน้าใหม่ฟังกันต่อไป สวัสดี*


    ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย สำหรับวันนี้ก็ขอคุยกันต่อไป ถ้าสมมติว่า ถ้าญวนจะเข้ามาตีไทย ๑๖ กองพล ญวนมีกำลัง
    อยู่ในเขมร ๒๒ กองพล ๒๒ กองพลญวนไม่สามารถตีเขมรมีกำลัง ๓ กรมแตก แล้วถ้าแบ่งกำลังมาตีไทย ๑๖ กองพล โดนกองทัพไทยตีเข้าไปแล้วก็ทหารเขมรตีขนาบ ญวนไม่ตายหมดเรอะ! บทเรียนของญวนก็คือที่บ้านโนนหมากมุ่น ญวนยกกำลังเข้ามาเป็นกองพล ไทยลองใช้หน่วยเล็กๆ เข้าปะทะหน่อยเดียว ญวนก็ตายไปเป็นร้อย นี่ที่พูดมานี่พูดตามความเป็นจริงที่พบมา ทางราชการจะประกาศหรือไม่ ประกาศก็เป็นเรื่องของทางราชการ แต่นี่เห็นมาจริงๆ รู้มาจริงๆ และการปะทะกันในเวลานั้น เรารู้สึกว่าตกอยู่ในการเสียเปรียบข้าศึกเพราะข้าศึกอยู่ในที่กำบังกำลังข้าศึกก็มีมาก แต่ไม่ใช่ว่ากำลังทหารไทยมีน้อย เราลองดูหน่วยหน้าเรียกว่าหน่วยเล็กๆ ไปปะทะข้างหน้าก่อน ถ้าไม่ไหวหน่วยใหญ่จะเข้าตะลุมบอนทันที แต่ก็ไม่ทันที่หน่วยใหญ่จะเข้าต่อตี โดนแต่จุดเล็กๆเข้า พี่แกวก็วิ่งหางเชน แล้วทำไมจะมานั่งขู่ว่ากองทัพญวนมีกำลัง ๑๖ กองพลน่ะ แน่นอนมีกำลังมากมายและเก่งกล้า เรามาคุยกันอย่างนี้ดีกว่า ไอ้นั่นมันเป็นเรื่องตีกันไม่ใช่เรื่องของพระจะพูด เมื่อกี้น่ะไม่ได้พูดให้ฟัง เล่าให้ฟัง ความจริงมันมีมาอย่างนั้นมันเป็นประวัติศาสตร์ เกิดเมื่อไรมันก็เป็นรูปนั้น นั่นแหละ!

    อย่าลืมว่าทหารไทยยังอ้วน ทหารญวนมันผอม แต่ว่าเราจะไปกลัวอะไรกับข้าศึกภายนอก เหมือนกับไม้ไผ่กับขอ ไม้ไผ่มันจะจากกอไปได้ก็เพราะอาศัยขอเป็นตัวดึงตัวตัด แต่ความจริงเจ้าขอด้ามมันสั้นชัดๆ มันไม่สามารถจะดึงไม้ไผ่บนกอได้ แต่ที่ขอมันทำลายไม้ไผ่บนกอได้ก็เพราะอาศัยไอ้เจ้าด้ามขอ คือไม้ไผ่ฉะนั้น ประเทศไทยเราที่มีความวุ่นวายกันอยู่เวลานี้ เราไม่ต้องไปห่วงข้าศึกภายนอกประเทศ ถ้าคนในประเทศของเราดี ไม่ชักน้ำเข้าลึก ไม่ชักศึกเข้าบ้าน เหตุร้ายมันไม่มีหรอก ที่โบราณท่านกล่าวว่า ถ้าผีบ้านดี ผีป่ามันก็เข้าไม่ได้ ขออย่างเดียวว่า คนในบ้านเราอย่าเปิดประตูรับข้าศึกเท่านั้นแหละเมื่อเปิดประตูรับอย่างเดียวไม่พอ ยังให้ที่กินที่นอน ให้กำลังทุกอย่าง ให้อาวุธ มอบกายถวายชีวิต แต่ความจริงคนพวกนี้เขาจะมอบแต่กายเป็นทาสอย่างเดียวก็แล้วไป ทำไมจึงต้องให้ไทยทั้งชาติไปเป็นข้าเขา มันเป็นไม่ได้

    ก็มาดูคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็จะมองเห็นกันแล้วว่าประเทศไทยเรานี่มีความเคารพในพระพุทธศาสนาจริง เราพูดกันแต่คนเคารพพระพุทธศาสนา คนที่อยู่ในกาสาวพัสตร์ของพระพุทธศาสนา แต่ทำลายพระพุทธศาสนาอันนี้ไม่เกี่ยว ถ้าจะถามว่ามีไหม ต้องขอเรียนให้ทราบว่ามีมาก กล้าพูด กล้าพูดว่ามีมาก เพราะว่าความรู้ของพระพุทธศาสนามี ๔ หมวด ไปไล่เบี้ยดูก็แล้วกัน คลุมได้หมดไหม
    (๑) สุกขวิปัสสโก
    (๒) เตวิชโช
    (๓) ฉฬภิญโญ
    (๔) ปฏิสัมภิทัปปัตโต
    ไปถามท่านดูเถอะว่า ท่านใดทรงได้ ๔ อย่าง ท่านนั้นครบถ้วน ท่านใดทรงได้ไม่ครบ ๔ อย่าง ท่านนั้นดี ถ้าท่านผู้ใดทรงไม่ได้เลย แมว ไม่ใช่ไม่นับถือพระพุทธศาสนาเฉยๆนะ แมว แมวขี้บนเตา ขี้บนหวดข้าว อาศัยหม้อข้าวเป็นเครื่องกินในด้านพระศาสนา นี่ พูดกันตรงไปตรงมานะ เพราะเวลานี้มันยุ่งมากแล้ว นี่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์นะ ที่มันยุ่งๆ อยู่เวลานี้ เพราะพวกนี้แหละสร้างความยุ่ง ไม่จริงไม่จังในพระศาสนาหรอก แต่ชอบอ้างตัวว่าเป็นนักพรตในพระพุทธศาสนา ขอพูดกันตรงไปตรงมานะ เพราะมันช้ำเต็มทีแล้ว

    เรื่องมีอยู่ว่าครั้งหนึ่ง เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาในเขตไทย ถ้าจะถามว่าพระพุทธเจ้าเสด็จเข้ามาในเขตไทยรึก็ต้องบอกว่ามาหลายครั้ง ถามว่าเอาความรู้นี้มาจากไหน รู้ได้ยังไง ก็ต้องตอบว่าเอาความรู้มาจาก ๔ หมวด ที่กล่าวไว้นี่แหละ จาก
    สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต หมวดใดหมวดหนึ่ง สามารถจะรู้ได้ ถ้าใครจะหาว่าอวด อุตริมนุสสธรรม ก็เชิญสิ! ทำให้มันได้เสียก่อนแล้วค่อยว่าเขาถ้าทำยังไม่ได้ อย่ามาเสือกว่ากันนะ ไม่ยอมรับนับถือใครทั้งหมดนั่นแหละ คนที่สักแต่ว่าบวชเข้ามาในพระพุทธศาสนาเวลานี้ช่วยกันทำลายดีนัก ใครเขาทำดี ทำเด่นที่ไหน ลิดรอนเขาทุกอย่างมันจะใช้ได้เรอะ ศีล สมาธิ ปัญญา ศึกษากันซะบ้าง อย่านั่งเมาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ทำลายความดีของบุคคลที่เขามีความเคารพในพระพุทธเจ้า นี่ไม่ได้ด่าใครนะ เตือนให้ฟัง ก็รวมความว่า พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้แบบนี้ว่า

    ครั้งหนึ่งเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาที่ดอยน้อยคือ พระธาตุจอมกิตติ เมื่อก่อนนี้ยังเป็นป่าทึบ ไม่มีบ้านไม่มีช่อง เป็นเนินน้อยๆ เรียกว่า "ดอยน้อย" มี พระมหากัจจายนะ มาด้วย มีพระอรหันต์มาหลายองค์ พระองค์เสด็จประทับยืนอยู่ที่นั่น แล้ว
    ทรงเหลียวซ้ายแลขวาแล้วก็ตรัสว่า "ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสถานที่นี้ต่อไปจะเป็นเมือง เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีนามว่า "เมืองโยนกนคร" และก็จะเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก จะสามารถรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี" หลังจากนั้นสมเด็จพระชินสีห์ก็ทรงเสยพระเกศา พระเกศาติดมือมา ๓ เส้น แล้วทรงวางลงบนพื้นดิน แล้วก็ทรงอธิษฐานให้เส้นพระเกศาจมลงที่นั่น นี่จุดหนึ่ง ที่ว่าจุดหนึ่งน่ะ มีหลายๆ จุดแล้วต่อมาที่ พระธาตุจอมทอง ที่นี่ก็เหมือนกัน ในสมัยนั้นเป็นเมืองชื่อ "อริฏฐะ" พระเจ้าอริฏฐะ ทรงทราบว่า เวลานี้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก แล้วท่านก็ไม่สามารถจะไปเฝ้าได้ เวลานั้นบริเวณเมือง อริฏฐะ เขาไม่เรียกว่าประเทศไทย แต่เวลานี้เรียกว่าประเทศไทย พระเจ้าอริฏฐะ ก็ใช้วิธีโตแล้วเรียนลัด จุดธูปนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทางอากาศ ตอนแรก พระมหาโมคคัลลาน์ ได้รับคำสั่งจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาพร้อมกับพระอรหันต์อีก ๔ องค์ รวมเป็น
    ๕ องค์ด้วยกัน เหาะมาในอากาศแล้วก็พยากรณ์ ต่อมาองค์สมเด็จพระชินวรก็เสด็จเองพร้อมด้วยพระสงฆ์อีก ๕๐๐ รูป แล้วก็ทรง
    พยากรณ์ตามรูปเดิมว่า

    "ในดินแดนแห่งนี้ต่อไปจะเต็มไปด้วยความรุ่งเรืองมาก โดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุคือพระรากขวัญเบื้องซ้ายของพระองค์ต่อไปจะบรรจุลงที่นี่ แล้วประเทศเขตนี้จะสามารถรักษาคำสอน คือพระพุทธศาสนาของพระองค์ไว้ได้ถึง ๕,๐๐๐ ปี ตามที่พระองค์ทรงต้องการ" นี่แบบนี้มีหลายๆ ที่ นอกจาก ๒ แห่งนี้แล้วก็ยังมีอีกมาก เช่น เมืองสระบุรี พระพุทธเจ้าก็เคยเสด็จมาถึง เวลานั้นไม่เรียกประเทศไทยเขาเรียกว่าเมือง "ปาลันทะปะ" นอกจากนี้ก็มีเขตแดนเมืองลำพูนปัจจุบัน และก็อีกเยอะแยะ ถ้าหากว่าท่านบรรดานักพรตสงสัยก็ยํ่าต๊อก สุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ ปฏิสัมภิทัปปัตโต เสียให้คล่อง เอาให้คล่องนะบรรดานักพรตทั้งหลาย จะได้ไม่สงสัย อาตมาน่ะถูกเขาตีแหลกราญมานานแล้ว แต่มันไม่แหลกหรอก มันแหลกไม่ได้จนกว่ากรรมมันจะทำให้แหลก คือมันจะตายไปเองนั่นแหละ มันถึงจะแหลก เพราะเวลานี้ไม่ได้ถือใครเป็นสำคัญ ถือพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ ถ้าใครเคารพพระพุทธเจ้าก็เคารพด้วย

    ถ้าใครไม่เคารพพระพุทธเจ้าก็ต่างคนต่างอยู่ อย่ารุกรานกันนะ ถ้ารุกรานกันจะเจอะดี ตอนนี้เลิกยอมกันแล้ว พยายามยอมกันมานานแล้ว แต่ดูแล้วมันเอาดีกันไม่ได้ ได้แต่พูดอย่างเดียวแล้วพูดทำเสียด้วย ทำอะไรมันก็ไม่จริงไม่จัง ไอ้ส่วนที่มันเสียจนกระทั่งมันชนหน้าชาวบ้านเขาน่ะไม่ได้ทำ พูดทิ้งๆ แล้วก็ไม่ได้ทำจริงทำจัง ไอ้ส่วนที่เสียก็ยังเสียให้ชาวบ้านเขาดูอยู่ตลอดเวลา ยังเลี้ยงของเสียกันไว้ ยังเชิดชูของเสียกันเอาไว้ แล้วจะมาว่าอะไรกัน ถ้าจะมาว่ากันละก็ ทำตัวให้มันสะอาดเสียก่อน ทำใจให้มันสะอาดพอเสียก่อน ไอ้นี่เขาทะเลาะกับพระ สำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัทไม่ทะเลาะ

    เป็นอันว่า อาตมามั่นใจในคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาพยากรณ์ว่า เขตนั้นจะเป็นเมือง โยนกนครก็เป็นเมือง โยนกนคร จริงๆ และก็มีความเจริญรุ่งเรือง แต่ทว่าการเจริญรุ่งเรืองพระพุทธเจ้าไม่ได้จำกัดสถานที่และเวลา ตานี้เราก็มาดูคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อมาน่ะไหวไหม รุ่งเรืองไหวไหม ในตอนต้นก็เจริญรุ่งเรืองจริงๆ เมืองไทยเราเจริญรุ่งเรืองมาก ตอนอยู่ภาคเหนือ เราจะเห็นว่าทองคำเหลือเฟือ ขนาดเอาทองคำมาทำพระพุทธรูป เอาทองคำมาหุ้มคอเจดีย์ เอาทองคำมาทำกระโถน เอาทองคำมาทำพาน ทำอะไรต่อมิอะไรเกะกะๆไปหมด นั่นแบบนี้เจริญรุ่งเรืองไหม รวยหรือจน

    แล้วถ้าถามว่า ต่อมาตอนหลังทำไมถึงจน ก็เพราะไอ้คนรุ่นหลังนี่มันฉลาดมากเกินไปมันก็จน อะไรๆ มันก็ต้องบอกว่า ปู่มันข้างนอกประเทศบอกมาต้องรับฟังจากปู่อย่างเดียว ถ้าปู่ไม่พูดละก็ใช้ไม่ได้ ไอ้คนไทยด้วยกันพูดละก็รับฟังไม่ได้ แล้วมีอะไรก็ต้องไปประเคนให้ปู่ หมอบราบคาบแก้วถวายปู่อยู่ตลอดเวลา มันจะรวยได้ยังไง แต่ถึงแม้ว่าถูกพวกแกะดำกดสภาวการณ์ของประเทศอยู่อย่างนี้

    แต่ความจริงของประเทศไทยก็ต้องรวย รวยตอนไหน เวลานี้เห็นแล้วหรือยัง น้ำมันจะโผล่เกือบจะนับจุดไม่ถูกอยู่แล้ว ความจริงน้ำมันนี่โผล่ตั้งแต่ปี ๒๕๑๘ แต่ทว่าทางราชการไม่ได้ประกาศ ทางราชการก็เป็นเรื่องระเบียบวินัยของทางราชการ ถ้าถามว่าทราบมาได้ยังไง ก็ต้องบอกว่าเจอะเองพบเอง น้ำมันมันอยู่ที่ไหนก็ไปมันที่นั่น ไปให้มันชนนํ้ามันก็จะพบเองไม่ต้องไปฟังเขาพูด ติดตามข่าวเอาเอง เวลานี้ทั้งแก๊ส ทั้งก๊าซ ไอ้แก๊สก็แก๊ส ไอ้ก๊าซก็ก๊าซ แก๊สอย่างเดียวก็หมดเรื่อง คนไทยรู้ภาษามาก๊าซซะอีก แก๊สจริงๆ ก็คือลม ไอ้ที่เขาเรียก ก๊าซเหลวหรือแก๊สเหลวน่ะ เหลวๆ มันก็คือ "น้ำ" ก็คือ "น้ำมัน" นี่ของเรามีมหาศาล ในทะเลยืนยันว่าจะขึ้นได้ไม่นานนัก บนบกนี่ความจริงพบมานานแล้วที่ฝางนี่ปริมาณของน้ำมันไม่ใช่น้อย แต่ก็น่าเสียดายที่ตะกอนมันไปจับท่อซะ น้ำมันไหลไม่ออก แล้วก็น้ำมันในทะเลก็เหมือนกัน ไอ้ตะกอนโคลนเข้าไปอุดท่อซะ มันน่าจะไหลมานานแล้ว ไอ้นี่ไม่ได้ว่าใครโกงนะ ในดินน่ะมันมีตะกอน แล้วก็มาปรากฏอีกจุดหนึ่ง เวลานี้บนบกเจอะกันตั้งหลายจุด และเป็นน้ำมันปริมาณมหาศาล

    ถ้าถามว่ารู้ได้ยังไง ก็ต้องตอบว่ารู้ได้จากคนที่เขามีส่วนในการขุด ไม่ต้องไปรอนั่งฟังแถลงการณ์ที่ไหนหรอก เพราะวัดนี่เป็นศูนย์รวมข่าว แล้วไอ้จุดที่เขาพบมัน ก็เป็นจุดที่เคยพูดไว้ด้วย แต่ว่าจุดที่เคยพูดไว้เขายังพบไม่ถูกทุกจุด ไม่ช้าก็ซาวกันได้ทุกจุด อย่างที่สุโขทัย ฝรั่งบอกว่าจะต้องเจาะลงไปถึง ๖ กิโลเมตรจึงจะพบ แต่ว่าเวลานี้เจาะลงไปแค่ ๓ กิโลเมตรก็พบแก๊สและน้ำมันมหาศาล แต่เขาก็หยั่งท่อลงไปถึง ๖ กิโลเมตรเพื่อให้ได้ปริมาณสูงขึ้น ถ้า ๓ กิโลเมตรนี่มันอาจจะดึงมาใช้สัก ๑๕๐ ปี นี่มันยังแจ๋วแหววอยู่ ถ้าหย่อนไปถึง ๖ กิโลเมตร ดึงขึ้นมา ๔๐๐ ปี ยังหมดไปไม่เท่าไร

    แล้วก็เลยถามคนที่เขามีส่วนว่า ทำไมไม่มาว่ากันทางกำแพงเพชรล่ะ ทางกำแพงเพชรนี่มันมีเป็นสายยาวเหยียดเยอะแยะ น้ำมันนี่เกลื่อนกลาด เขาบอกว่ามาแล้วขอรับ มาลงที่พรานกระต่าย ใกล้กำแพงเพชร ถามเขาว่าพบหรือยัง เขาบอกพบแล้วครับ มีหวังเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าบริษัทนี้นะจะได้น้ำมันมหาศาล ในเขตที่เขาได้สัมปทาน เยอะน้ำมันเกลื่อนตามสายเป็นสายใหญ่ต่อไปก็จะเข้าปากอ่าวของน้ำมันแล้วสายใต้บนบกก็ปรากฏว่า มีชนชาติชาติหนึ่งที่มาสำรวจพบแล้วไปออกข่าวทางต่างประเทศ ไปลงหนังสือพิมพ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าออกหนังสือพิมพ์ก็อ่านไม่ออก อ่านภาษาต่างประเทศไม่เป็นนี่ ฟังแต่เขาพูด เขาบอกว่า แกไปดีอกดีใจใหญ่ บอกว่า โอ้โฮ! มหาศาล น้ำมันในประเทศไทย แล้วประเทศของแกน่ะ แกต้องใช้น้ำมันมหาศาล แกบอก ฮ้อ! ดีจริงๆ

    นี่ปรากฏว่าคำพยากรณ์ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ประเทศนี้จะเต็มไปด้วยความรุ่งเรือง และก็จะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี นี่ความรุ่งเรืองจะเห็นได้แล้วหรือยัง เห็นหรือยังว่าถ้าน้ำมันมันขึ้น เราจะรวยกันขนาดไหน แล้วนอกจากนํ้ามันแล้ว แร่ที่มีความสำคัญมีค่ามหาศาลยังจะขึ้นมาอีก เวลานี้ก็พบกันแล้ว ทั้งแร่เงิน แร่ทอง แร่ที่มีค่า โอ..เยอะแยะ! จิปาถะ! แต่ขออย่างเดียว ขอให้คนไทยเป็นคนไทยแล้วกัน ประวัติศาสตร์อย่าให้มันซ้ำรอยบ่อยนัก ไทยจงอย่าสังหารไทย จงอย่าเอาประเทศไทยไปมอบให้แก่บุคคลอื่น หวังตั้งใจไว้อย่างเดียวว่าเราเป็นไทย นี่รวมความว่า ขอยืนยันว่าประเทศไทยไม่เป็นทาสใครแน่

    ทีนี้มาพูดกันถึงเรื่องที่เขาพูดกันว่า เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ จะพัง! อาตมาก็ขอพูดมั่งสิ! เขาพูดมานี่ อาตมาก็พูดไปมั่ง เขา
    คือใครอาตมาไม่ทราบ ขอพูดตามหลักความจริงของโหราศาสตร์ ท่านหนึ่งเป็นโหราศาสตร์จริงๆ อาตมารับคำพยากรณ์จากคนนี้มาทุก
    ปี ทุกปีพอถึงต้นปี เขาจะเขียนมาให้เรื่องชะตาของประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ท่านผู้นี้พยากรณ์มาทั้งเดือนและวันที่ไม่เคยพลาดแม้
    แต่เหตุการณ์ มาปีนี้ท่านบอกว่า "เดือนมีนากับเมษารถยนต์วิ่งตามทางสะดุดหน่อยนะครับ" ผลที่สุดมีนากับเมษาสะดุดจริงๆ แต่ไม่เป็น
    ไร เมื่อไม่เป็นไรแล้วท่านก็เขียนมาต่อไปอีกว่า "เดือนต่อไปผมขอยืนยันว่า มีสภาพเช่นนั้นจริง" เราก็ต้องยอมรับนับถือ เพราะเขาเขียนมาให้ตั้งแต่ธันวาคม มาถึงมีนากับเมษาของเขาบอกว่ามีจุดสะดุด ตอนนี้เขาก็เขียนไว้ทั้งปี พอเรื่องนั้นสะดุดแล้วเขาก็บอกว่า "ของผมต่อไปเดือนหน้าจะต้องเป็นเช่นนั้นอีกขอรับ"แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ จะเป็นยังไงท่านผู้ฟังเวลานี้เรื่องท่านไม่ต้องหนักใจ ทุกคนอยู่ในด้านความสบายใจได้ เพียงแต่ขอให้ทุกคนมีนํ้าใจเป็นไทก็แล้วกัน สิ่งที่เราจะต้องระวังก็คือ อย่าไปสงสัยกันเอง สงสัยว่ากฎของกรรมว่า
    (๑) อาจจะน้ำท่วมมากเกินไป
    (๒) ลมจะพัดแรงเกินไป
    (๓) ไฟจะไหม้มากเกินไป
    (๔) กำลังใจของคนจะไม่เสมอกัน จะทะเลาะกันบ้าง
    (๕) วินาศกรรมที่มาจากมือของคนมือบอน

    อันนี้เขาไม่ได้หมายความว่ามันจะมี เขาบอกว่าต้องระวัง คือจุดมันเป็นจุดใหญ่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันตายกันหรอก ถ้าใครไม่เผลอก็ไม่ตาย ก็หมดเรื่อง ถ้าคนดีไม่ตาย คนเลวถึงจะตาย จุดสะดุดจุดนี้ มันเป็นจุดสะเทือนอยู่นิดหน่อย อาจจะแรงกว่าเดือนเมษานิดหน่อย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นปฏิวัติรัฐประหารทำลายซึ่งกันและกัน มันเป็นกฎของกรรมของคนในประเทศที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้นี่จงจำไว้ด้วยนะ อย่าลืมว่า คนที่จะรวยน่ะมันต้องเหนื่อย การจะขุดทองขึ้นมาได้มันต้องใช้เครื่องมือ มันต้องใช้แรงงาน ต้องใช้อาหาร ต้องตากแดด ตากลม เป็นของธรรมดา เราจะเดินเข้าไปหาความรุ่งเรืองของชาติ เราจะเดินเข้าไปหาความรํ่ารวย มันก็ต้องมีจุดสะดุดเป็นของธรรมดา ช่วงหลังต่อมาก็มีมาอีกนั่นแหละ

    ที่เขาลือกันในต่างประเทศว่าจะมีจันทรุปราคา สุริยุปราคา ในเดือนกรกฎาคมเดือนเดียวกัน ซึ่งไม่ปรากฏการณ์มาในกาลก่อนมาเลย บรรดาโหนก็ดี แขวนก็ดี ห้อยก็ดี พากันวิตกกังวลว่าไม่ทราบจะพยากรณ์ว่ายังไง แต่ทว่านักพยากรณ์ของอาตมาคนนี้ ก็กล้าพยากรณ์เขียนมาอีก เขียนมาว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่เห็นในประเทศไทย แต่ว่าประเทศไทยเราก็ถูกหางเลขขอรับ เพราะมันอยู่ในโลกเดียวกัน แต่ว่าประเทศที่เขาเห็นนั้นจะถูกหนักมาก อาจจะมีการรบราฆ่าฟันกันหนัก อาจจะถึงกับมีการล้มตายซึ่งกันและกัน แต่ไอ้ระเบิดนิวเคลียร์ปรมาณูน่ะ ไม่มีทางได้ใช้หรอก มันก็เหมือนกับแก๊สพิษสมัย สงครามโลกครั้งที่ ๑ เยอรมันใช้แก๊สพิษ พอ สงครามโลกครั้งที่ ๒ ต่างคนต่างก็มี แต่ก็ไม่ได้ใช้ ถึงระเบิดนิวเคลียร์ ระเบิดปรมาณู ที่ว่าจะมีน่ะไม่มีหรอก มีน่ะเขามี แต่ต่างคนต่างก็ไม่ได้ใช้ ก็เมื่อใช้แล้วต่างคนต่างตาย ใครจะไปใช้ล่ะ ไม่มีใครใช้ คนที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อคนอื่นเขาไม่มี เราใช้ได้ฝ่ายเดียว อย่างอเมริกันใช้กับญี่ปุ่น
    ในสมัย สงครามโลกครั้งที่ ๒ อันนี้เป็นไปได้

    ทีนี้ดาวจันทรุปราคากับสุริยุปราคา ก็คงจะเป็นดาวที่ตัดกรรมกันเสียที ความยุ่งยากของโลกคงจะหมดกันไปก็ตอนนี้แหละ ก็ควรจะใช้เวลากันนิดหน่อย ต่างประเทศเขาจะใช้เวลากันเท่าไหร่มันเรื่องของเขา ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ยักษ์นอกพระพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน แล้วตายไปฝ่ายละครึ่งจึงจะเลิกรากัน ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก" ก็ตรงกับจันทรุปราคากับสุริยุปราคาที่เกิดในเดือนเดียวกัน ห่างกันแค่ ๑๐ วันเศษๆ ตามกฎพยากรณ์ของโหราศาสตร์บอกว่า "ต่างประเทศจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันหนัก แต่ประเทศไทยจะแค่ถูกหางเลข ก็ตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์" นี่เอาเรื่องกว้างๆ มาพูด เรื่องของเมืองไทยนี่ท่านบอกไว้ ท่านบอกว่า ตั้งแต่ปี ๒๓ เป็นต้นไป คนตงฉินจะก้าวขึ้นสู่เวที ตอนนั้นคนตงฉินจะก้าวขึ้นสู่เวทีแล้วก้าวไม่ไหว กระหม่อมมันบาง ถูกกังฉินเขกเป๊าะเดียวหัวทะลุหมอบกระแตไป ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ตอนนี้พวกตงฉินเริ่มหัวแข็ง เขกเป๊าะ! คนเขกเริ่มมือเจ็บน้อยๆ แต่ว่าคนถูกเขกก็หมอบไปเหมือนกัน แต่หมอบไม่นานไม่ถึงสลบ เมื่อก่อนนี้สลบไปเลย ท่านก็พยากรณ์ต่อไปว่า ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ตอนนี้พวกตงฉินสมองแกร่ง กังฉินที่มีอำนาจเขกปังลงไป เจ็บมือ นิ้วซ้นๆ ท่าทางจะชอบกลอยู่ ท่านบอกเป็นมวยยกสุดท้าย ปี ๒๔, ๒๕, ๒๖ เป็นมวยยกสุดท้าย ตงฉินกับกังฉินจะสังหารกัน จะต้องรบราฆ่าฟันกันอย่างหนัก คำว่า "รบ" ไม่ได้หมายความว่า ต้องใช้เลือดนะ "รบ" คือต่อสู้กันด้วยเหตุผล แต่ว่าใครอยากจะใช้เลือดก็ไม่เกี่ยว พระไม่เกี่ยว พระพูดให้ฟัง

    พอปี พ.ศ. ๒๕๒๖ ประมาณกลางปีตอนนี้ตงฉินมีกำลังแก่กล้า มวยยกสุดท้าย จบกันตรงนี้ กังฉินหมอบกระแตแผ่หลา ตงฉิน
    ถูกจับมือชูว่าเป็นผู้ชนะ แต่ว่าการชนะกันคราวนี้ มันก็ชนะไม่เด็ดขาดนัก จะว่าเป็นชนะคะแนน ก็เบาไป น็อคเอ๊าท์ก็สูงไป ต้องเป็นเทคนิคเกิ้ลน็อคเอ๊าท์ หน้าตาแตก เลือดเข้าตา เขาจึงยอมแพ้ แต่ว่ากำลังเขายังพอมีอยู่บ้าง พอถึง พ.ศ. ๒๕๒๗ การกวาดเล็กกวาดน้อยย่อมปรากฏขึ้น จะเกิดความราบรื่นกันตามสมควร ความยุ่งยากแบบนี้จะมีเหมือนกันแต่เหลือเพียงเศษ ทางด้านเศรษฐกิจจะก้าวขึ้นอย่างคาดไม่ถึง แล้วต่อไปถึงปี พ.ศ.๒๕๓๐ ตอนนี้จะเกิดปรากฏการณ์ว่า คนไทยทุกคนจะมีหน้าชื่นตาบาน รู้สึกว่าเศรษฐกิจของไทยลืมตาโพลง ลืมตาอ้าปากได้ดี หลังจากนั้นไปอีกไม่นานเกิน ๑๐ ปี ความมั่งคั่งสมบูรณ์จะปรากฏมาก นอกจากนํ้ามัน นอกจากแก๊สที่มองเห็น ทรัพยากรต่างๆ ที่หมกตัวอยู่ อย่างทองคำเป็นต้น แร่ที่มีคุณค่ามหาศาลก็จะเริ่มปรากฏการณ์

    แล้วประเทศไทยที่บอกว่าจะสลายตัวน่ะ ไม่ใช่ ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศมหาเศรษฐี และก็จะเป็นประเทศมหาอำนาจ
    ทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงจะห้อมล้อมเข้ามาเป็นมิตรสหายที่ดี นี่ชะตาของไทยน่ะเป็นอย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ว่าชะตา
    ของไทยจะสลายตัวปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ก็ดูกันก็แล้วกันนะ มันไม่กี่เดือนหรอก อีก ๑๓ เดือนเท่านั้นแหละก็จะรู้กันว่า คำพยากรณ์ของ
    ท่านผู้ใดเป็นยังไง

    แต่เวลานี้มองดูเวลาเหลือ ๖ นาทีเศษๆ ก็อยากจะปรารภกับบรรดาท่านพุทธบริษัทว่า พระรูปพระโฉมหรือพระรูปเปรียบขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์คือ "พระแก้วมรกต" จัดว่าเป็นมิ่งขวัญของคนไทยมานานบูชาไว้ รูปที่ปลุกเสกที่ทำไว้ถ้าใครมีไว้ในบ้านละก็ จงอย่าเอาออกไปไหน ติดตัวไว้เสมอๆ จะเป็นมิ่งขวัญใหญ่ ขณะใดที่เรายังรัก "พระแก้วมรกต" รักความดีของ "พระแก้วมรกต" คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถึงซึ่งความตัดความชั่ว ทรงความดี ทำจิตให้ผ่องใส รับรองว่าคนไทยทั้งชาติจะต้องเป็นไท และเป็นคนไทยที่มีความสุข มีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

    เอาละ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายการพูดนี่ไม่ได้ทะเลาะกับใคร มีความตั้งใจอยู่อย่างเดียวคือ ต้องการให้บรรดาท่านพุทธบริษัทเข้าใจตามความเป็นจริง ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิง ต้องการอยากจะทราบว่า ไทยเราน่ะจะสิ้นชาติมาหลายสิบวาระ แต่ว่าไม่สิ้นชาติ เพราะไทยมีบุญกุศล ถ้าต้องการอย่างนั้น ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนจดหมายถามมา ถ้ามีเวลาก็จะพูดให้ฟัง สำหรับ
    คราวนี้ก็หมดเวลาพอดี ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี*
     
  3. คมกฤช

    คมกฤช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,399
    ค่าพลัง:
    +17,381
    อย่าลืมท่อนหนึ่งในเพลงชาติที่ว่า.....รวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย.....นะครับ ตราบใดมีคนไทยอยู่ในโลกชาติไทยไม่มีทางสิ้นชาติ แน่นอนครับ

    ...ขอทุกท่านเจริญในธรรม.....
     
  4. ri_thai13

    ri_thai13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +2,253
    อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัติย์ จะคงถาวรตลอดไป
     
  5. เอกณัฐยศ

    เอกณัฐยศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    3,628
    ค่าพลัง:
    +9,666
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2007
  6. chakrit

    chakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +966
    เชื่อหลวงพ่อครับ
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** เชื่อ สัจจะ นำชาติพ้นภัย ****

    วิกฤติของประเทศไทย ...ก่อเกิดขึ้นจากคน....จากใจคน
    การแก้ไข...จึงต้องแก้ที่คน....แก้ที่ใจคน
    จะต้องแก้ด้วย...ความจริง...คือ "หลักสัจจะธรรม"

    แก่นสารของ "หลักสัจจะธรรม" คือ....
    ...ผลของการกระทำไม่ตาย ไม่สูญสลาย และมีผลตอบแทน....

    การที่ประเทศไทย จะรอดพ้นภัย
    เราคนไทยทุกคน...จะต้องมี "การกระทำที่ดี" ที่เพียงพอ
    "ผลของการกระทำทั้งหมดนี้"...จึงจะส่งผล
    สามารถลบล้าง หักล้าง ...ผลกรรมหนักที่กำลังจะปรากฏขึ้นได้

    การกระทำที่จะสามารถส่งผลได้ดีที่สุด ?
    คือ ... การกระทำอย่างตั้งใจจริง
    คือ.... การกระทำอย่างถึงที่สุด
    นั่นคือ...การตั้งใจจริง ปฏิบัติตนด้วย
     
  8. mali

    mali เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,020
    ค่าพลัง:
    +2,326
    อนุโมทนาค่ะ อ่านแล้วสบายใจ ฟังคนโน้นพูดที คนนี้พูดแล้วหนักใจ ฟังหลวงพ่อแล้วเกิดกำลังใจ ขอบพระคุณเจ้าของกระทู้และคุณคนเก่าค่ะ
     
  9. putipongb

    putipongb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2007
    โพสต์:
    594
    ค่าพลัง:
    +3,843
    สาธุ ขอบารมีพระรัตนตรัยโดยมีหลวงพ่อเป็นที่สุด ปกป้องคุ้มครองประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรืองด้วยเทอญ
     
  10. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,516
    ค่าพลัง:
    +27,187
    ประเทศไทยน่ะไม่สิ้นก็จริงอยู่
    แต่จะรักษาไว้ได้แค่ไหนก็อยู่ที่พวกเรา
    พยุงไว้ให้เหลือมากที่สุดจนกว่าพระจักรพรรดิ์จะพร้อม
     
  11. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,053
    ก็จงอย่าหลงเชื่อถ้อยคำอันปลิ้นปล้อนลามกของผู้บ่อน
    ทำลายแผ่นดิน อย่าเอาแต่งอมืองอเท้า ให้เหล่าสัตว์นรก
    หัวเราะเยาะในความขลาดเขลา จงผนึกกำลังพิทักษ์รักษา
    ปกป้องพระพุทธศาสนากันให้เต็มกำลัง ถวายเป็นราชพลี

    อย่าให้หมู่มารสันดานหยาบมาย่ำยีพระพุทธศาสนา ที่ต้อง
    เชิดชู เทิดทูนไว้คู่ชาติและพระมหากษัตริย์แต่เพียงสถาน
    เดียว จนตกต่ำลงไปได้

    สนองพระราชปณิธานของ ล้นเกล้า ร.1 ของปวงชนชาว
    ไทยกันอย่างสุดกำลัง เต็มความสามารถ

    ...ตั้งใจจะอุปถัมภก
    ยอยกพระพุทธศาสนา
    ป้องกันขอบขันธสีมา
    รักษาประชาชนและมนตรี
     
  12. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เพราะเหตุนี้โตเลยไม่ค่อยจะหวั่นใจในเหตุที่เกิดขึ้นบัจจุบันเท่าไหล่...โดยเฉพาะเรื่อง"พระพุทธศาสนาในประเทศไทย" หลวงพ่อท่านพูดเสมอๆว่า พระศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองที่สุดบนพืนแผ่นดินนี้....ทีนี้ถ้าถามว่าไม่"ดิ้น"ตามเค้าหลือ? โตก็ขอตอบว่า"ไม่" เพราะอะไร? ก็เพราะว่าไม่เห็นมี"พระอริยเจ้า"องค์ใดออกมาพูดเรื่องนี้เลย....หลือ..ท่านจะทราบเหตุการข้างหน้าแล้วว่าจะเป็นเช่นไร..!!! พอดีว่าโตเคยอยู่ในช่วงที่เค้ามีเหตุการทางการเมืองและหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชพรหมยานก็ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนั้นก็เป็น"กระต่ายตื่นตูม"เหมือนกัน แต่ก็ยังโชคดีที่พระเดชพระคุณท่านยังอยู่เลยมีครูบาอาจารย์ชี้แนะ มาสมัยนี้หลวงพ่อตายแล้วแต่เหตุการก็คล้ายๆตอนโน้น...เลยรู้สึกเชยๆ เพระทราบดีว่า....."ยังไงๆพระศาสนาก็จะยังคงเจริญรุ่งเรืองบนผืนแผ่นดินนี้..และประเทศชาติก็ยังคงเป็นชาติไทยอยู่เหมือนเดิม และคงจะเจริญรุ่งเรืองกว่านี้ถ้า"วันนั้น"มาถึง...." บางทีสิ่งที่เราว่า"ใช่" มันอาจจะไม่เป็นเหมือนที่เราคิดก็ได้.....
     
  13. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...