เรื่องนี้แรงจริงๆครับ ผงพรายกุมาร... ลองอ่านดู

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย กำธร ไชยะ, 6 กรกฎาคม 2014.

  1. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

    มูลเหตุแห่งความนิยม

    เป็นที่ทราบกันดีว่าพระขุนแผนผงพรายกุมารซึ่งถูกปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จนกลายเป็นวัตถุมงคลที่โด่งดัง เนื่องจากลูกศิษย์ของท่านได้ประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆอย่างต่อเนื่องตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยนำประเด็นของพรายกุมารซึ่งอยู่ในความสนใจของคนไทยขึ้นมาชี้นำ จึงทำให้พระขุนแผนผงพรายกุมารนี้ทะยานขึ้นสู่ความนิยมได้ในเวลาอันรวดเร็ว(ประมาณ ๒๐ ปี) เพราะคนไทยเราได้รับอิทธิพลความเชื่อในเรื่องราวเกี่ยวกับภูติผีปีศาจ น้ำมันพราย และกุมารทอง มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมาเป็นเวลานาน ประกอบกับได้พระเกจิอาจารย์ของแท้อย่างหลวงปู่ทิมมาปลุกเสกด้วยแล้วยิ่งทำให้พระขุนแผนผงพรายกุมารโด่งดังอย่างยาวนาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  2. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
    สงสัย!! ทำพระแต่ทำไมเอาผีมาใส่

    พระขุนแผนผงพรายกุมารนี้ สร้างความฉงนสนเท่ห์ให้กับผู้ที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ไม่น้อย เพราะแต่ละคนล้วนแล้วแต่ไม่เคยเห็นตำราทางไสยศาสตร์ของสำนักใดๆที่บอกให้นำชิ้นส่วนของผีมาสร้างพระ เพราะโดยหลักแล้วการสร้างพระต้องนำแต่มงคลวัตถุมาสร้าง เนื่องจากผู้บูชาพระคงต้องการแต่สิริมงคล คงไม่มีใครต้องการบูชาผีที่ไม่ใช่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย รูปพระพุทธเจ้าเป็นของสูง ควรเปี่ยมไปด้วยพลังของพุทธคุณขององค์พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พลังแห่งผีของไสยดำ ตำราไสยศาสตร์ของสำนักต่างๆที่สืบทอดกันมาแต่โบราณจึงไม่ปรากฏเล่มใดเลยที่ให้เอาชิ้นส่วนของผีมาสร้างพระ แต่มักให้ใช้ชิ้นส่วนของผีไปทำเป็นเครื่องรางของขลังที่ใช้เฉพาะทาง แต่มาในระยะหลังนั้นก็มีพระอาจารย์ที่คิดต่าง ได้นำเอากระดูกผีมาสร้างเป็นพระอย่างเช่นพระผงกระดูกผีพระอาจารย์หนู วัดโพธิ์ท่าเตียน หลวงปู่ฮก วัดท่าข้าม ทำให้เกิดความฮือฮากันในระยะสั้น แต่สุดท้ายพระที่ท่านเหล่านั้นสร้างออกมา ก็ไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไร กลายเป็นของแปลกที่เล่นหาสะสมกันเสียมากกว่า การสร้างพระด้วยชิ้นส่วนของผีนี้ หากคิดกันให้ลึกซึ้งอีกมุมหนึ่งถือว่าไม่บังควรอย่างยิ่งที่พระเกจิอาจารย์ซึ่งเป็นพุทธบุตรของพระพุทธองค์จะนำกระดูกผีมาสร้างเป็นรูปเคารพของพระพุทธเจ้าให้ผู้คนได้กราบไหว้ โดยเฉพาะผีซึ่งเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีคุณงามความดีอะไรเลย(ถ้าหากเป็นกระดูกพระอริยะซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ก็ยังพอจะมีเหตุมีผลอยู่บ้าง) หลายคนตั้งข้อสังเกตว่านั่นไม่น่าจะใช่แนวคิดของพระอริยะสงฆ์อย่างหลวงปู่ทิมแน่ เพราะท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ไม่ใช่พระที่มีวัตรปฏิบัติแปลกๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  3. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน
    กระทั่งหลวงพ่อสาครให้ความกระจ่าง

    บทความบางตอนที่หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการพระเครื่อง ได้เมตตาให้สัมภาษณ์พิเศษ ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" เกี่ยวกับการ สืบทอด วิชาคาถาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่ทิม ดังนี้

    สื่อมวลชนถาม...แล้วพระ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" ล่ะครับ หลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไรครับ?

    หลวงพ่อสาครตอบ...ขุนแผนนี้ท่านได้มาสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2517 ช่วงก่อนที่แกจะมรณภาพไม่กี่ปี ที่ทำก็เพราะมีไวยาวัจกรของวัด แกก็คิดว่าจะทำขุนแผน จึงไปปรึกษากับหลวงปู่จะทำอย่างไรดี แกก็ไม่บอก กลุ่มพวกนี้ก็หัวใสอยู่แล้ว ก็ไปเอาแบบที่จะสร้างขุนแผนมาให้ท่านดูว่าควรสร้างแบบไหนดี แบบนี้ได้ไหม แบบนั้นได้ไหม ในที่สุดก็จึงได้สร้างขุนแผนขึ้นมา เพื่อจะได้นำเงินมาก่อสร้างบำรุงวัด เนื่องจาก เมื่อก่อนบริเวณวัดแห่งนี้เป็นป่าทั้งนั้น

    สื่อมวลชนถาม...หลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้ "ผงพรายกุมาร" มาทำใช่มั้ยครับ?

    หลวงพ่อสาครตอบ...ไม่ใช่ แต่มาจากลูกศิษย์ อันนี้ ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว ว่าจะทำอย่างนี้ อย่างนี้นะ แล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิม ว่าจะทำได้ไหม แกก็บอกว่าได้ ถ้ามีความสามารถทำมาได้ แกก็ทำให้ได้ พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากันมา เพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอาฝังดิน ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีการฝังแล้ว โยมปูน สัปเหร่อของวัดในสมัยนั้นก็เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมา ก็จะเป็น "ลิ้น" กับ "เส้นผม" ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ตายท้องกลม แต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร

    จากบทความดังกล่าวทำให้วิเคราะห์ได้ว่า การสร้างพระขุนแผนโดยนำผงพรายกุมารมาใส่นั้น เป็นเรื่องนอกตำราไสยศาสตร์จริงๆ และก็ไม่ใช่แนวคิดของพระอริยะสงฆ์อย่างหลวงปู่ทิม แต่เป็นแนวคิดของพวกลูกศิษย์ ที่ท่านไม่อยากจะขัดใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  4. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

    หลักการของผงพรายคือการบังคับผีมา

    ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกถาม...วิชาเหล่านี้ นอกจากจะมีดีตามความเชื่อของแต่ละคนแล้ว จะมีผลที่ไม่ดีอะไรบ้างมั้ยครับ?

    หลวงพ่อสาครตอบ.....อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก บอกได้เลยว่าไม่ดี ถ้าสมมติว่าเราทำให้ใครใช้ หากเราบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเรียนมาก็จริง แต่ตัวฉันไม่เอานะ เข้ากับผี ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออะไร หลวงพ่อก็ทำได้ แต่ไม่ทำ ทำได้ เนื่องจากวิชาเหล่านี้เรียนมาทั้งนั้น แต่ไม่ทำ อะไรที่เกี่ยวกับผีเป็นไม่เอา จะเป็นสีผึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอา มันจะเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้ เพราะถ้าทำไม่ดี คนๆ นั้นอาจถึงขั้นวิปริต เสียสติไปเลย ส่วนพระขุนแผน พวกผงพรายกุมารนั้น ต้องเรียกว่าคนทำ คือ หลวงปู่ทิมท่านเก่ง ท่านบังคับอยู่เลย ท่านเสกบังคับไว้เสร็จเลย ฉะนั้น คนที่จะทำต่อไป ถ้าไม่แน่จริงอย่าไปทำ มันเป็นอันตรายถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  5. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน


    เมื่อรู้ว่าผงพรายบังคับผีมา ทำไมพระสงฆ์ไม่ปลดปล่อยวิญญาณ แต่ยังคงนำผงมาใช้ต่อไป ขาดจากความเป็นพระหรือไม่?

    เนื่องจากหลักการเป็นการบังคับวิญญาณ ก็น่าคิดต่อไปว่าผู้ที่เสกและบังคับวิญญาณเด็กบริสุทธิ์ เพื่อกักขังไว้ใช้งานนั้นจะบาปหรือไม่? หรือผู้ที่เป็นพระสงฆ์แทนที่จะปลดปล่อยวิญญาณเหล่านี้ให้ไปสู่ภพภูมิที่เหมาะที่ควร กลับนำผงพรายที่ยังกักขังบังคับวิญญาณอยู่มาใช้ทำพระต่อไป จะผิดพระวินัยหรือไม่ แล้วท่านจะต้องได้รับกรรมในอนาคตด้วยไหม? และถ้าหากไม่ผิดพระวินัยแล้วโลกควรจะติเตียนหรือไม่? ต่อไปหากมีคนร้องเรียนให้ถอดสมณศักดิ์ของท่านเพราะการที่ท่านรู้อยู่แล้วว่าผงนี้มีการบังคับวิญญาณไว้ แต่ยังนำมาใช้อีกนั้นผิดหลักจริยธรรมและจริยวัตรของสงฆ์ซึ่งไม่ควรเกิดในพระผู้ใหญ่ ดังนั้นพระเกจิอาจารย์ควรต้องระมัดระวังและคิดให้รอบครอบก่อนที่จะเชื่อนายทุนหรือลูกศิษย์ที่มายุให้สร้างพระทำนองนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  6. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน


    ถ้าหากผู้บูชาไปทำผิดครูแล้วอาคมที่กำกับเสื่อมลงในวันใด ผีจะเล่นงานคนแขวนพระนี้หรือเปล่า?

    ผู้ที่เช่าพระที่ใส่พรายไปบูชาแล้ววันใดอาคมที่เสกไว้เกิดเสื่อมลง เพราะผู้บูชาไปทำผิดครู หรือ ไปต้องมนต์ที่ถอดถอนมนต์โดยบังเอิญ อย่างเช่นใส่พระนี้แล้วดันไม่รู้ หลงเข้าไปในพิธีที่มีการสะเดาะเคราะห์ แล้วมนต์ที่บังคับผีอยู่เกิดถูกถอดถอนขึ้นมา ผีจะเอาคืนหรือไม่? ผู้เขียนตอบได้เลยว่าเอาคืนอย่างที่หลวงพ่อสาครกล่าวแน่ เพราะเห็นกับตามาแล้วหลายครู หลายอาจารย์ อย่างในกรณีของหลวงปู่เลี่ยม วัดทรงกระเทียม (ลูกบุญธรรมหลวงพ่อปาน)ที่ต้องต่อสู้กับผีที่ท่านเคยกำราบมานับไม่ถ้วน โดยในขณะที่ท่านป่วยอยู่ผีจะเข้ามาเอาคืนท่านอยู่ตลอดเวลา จนท่านต้องเอามือตบที่นอนแล้วว่าคาถาต่อสู้กับพวกมัน สลับกับกล่าวคำท้าทายข่มขวัญคู่ต่อสู้ในเชิงจิตวิทยาว่า “พวกเอ็งเข้ามาเลย ข้าไม่กลัวพวกเอ็งหรอก” อยู่เป็นระยะๆ จนกระทั่งมรณภาพ และเรื่องการบังคับพรายนี้เคยมีผู้ที่ติดตามศึกษาสายพรายมาเป็นเวลานานเขียนบทความไว้ว่า

    การสะกดพรายวิญญาณมาใช้นั้น เมื่อเราได้ผงพรายหรือกระดูก หรือน้ำมันพราย และอีกสารพัดมวลสารที่มาจากศพ เขาจะเสกทับด้วยคาถาอาคมเลย อาจารย์บางท่านจะไม่มีการสวดบทพุทธคุณเลย เพราะเขากลัวว่าพรายวิญญาณในเครื่องรางของเขาเหล่านั้นจะไม่แรง เมื่อถูกนำไปจับพลัง แต่เมื่อคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เอาไปใช้ ตอนแรก ๆ ด้วยความเห่อของใหม่และความเชื่อศรัทธาที่ยังมีมากอยู่ ก็จะเลี้ยงดูพรายเหล่านั้นด้วยอาหารหวานคาวเป็นอย่างดี ทั้งขนม ผลไม้ น้ำแดงน้ำเขียวน้ำหวาน และของเซ่นบูชาอีกมากมาย เมื่อผีมันได้กินของดี มันก็จะช่วยเหลือคุณเพราะมันอยากได้กินของเหล่านั้นอีก คุณก็จะเริ่มเข้าใจว่าของแรงและเห็นผลได้จริง มีตัวตนจริง มีประสบการณ์เล่าขานอย่างมากมาย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่คุณเริ่มชิน และเบื่อ คุณก็ไม่เลี้ยงดูผีเหล่านั้นอีก สุดท้ายผีมันก็จะกินตัวคุณหรือกินวิญญาณของคุณ ให้ดับสูญไปทีละน้อยจนกว่าจะตาย ถึงแม้จะมีวิชาดี มีของดีคุ้มตัวก็ตามเถิด แต่คุณอย่าลืมนะครับว่า ไม่มีวิชาอันใดในโลกที่อยู่ค้ำฟ้า แม้แต่คนที่ว่ามีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพัน ใน 7 วันต้องมีอยู่หนึ่งวันที่อาคมของเขาจะเสื่อมถอน ก็ดูอย่างพวกหมูเขี้ยวตันหรือเสือเขี้ยวกลวงซิ ขนาดว่าแน่แค่ไหนถูกปืนยิงยังไม่เข้า หรือบางครั้งลูกปืนยิงไม่ออกก็มี แต่สุดท้ายก็ตายเพราะถูกปืนยิงอยู่ดี ไม่อย่างงั้นพวกเราทั้งหลายจะได้เห็นเครื่องรางของขลังพวกนี้อยู่ในวงการนี้เหรอครับ

    และที่สำคัญพรายที่เป็นเครื่องรางของขลังพวกนี้ (ผมขอเรียกว่าเครื่องรางของขลังนะครับ ไม่ขอเรียกว่าวัตถุมงคล...เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นมงคล) ไม่มีการรับประกันย้อนหลังว่า ถ้าเอาไปบูชาแล้วเกิดของเข้าตัวคนใช้ แล้วตัวอาจารย์ท่านนั้นจะมาแก้ถอนของให้คุณ ที่เหลือก็เป็นปัญหาที่เกิดจากความซวยของเราแล้ว...ที่โดนเอง โง่เอง และต้องหาวิธีแก้ไขกันเอาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  7. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน


    เมื่อก่อนผมเคยได้รับมาเป็นผงพราย ยังชนข้าวของในบ้านให้ล้ม จนเห็นกันจะจะ...แต่ขอเตือนไว้อย่างหนึ่งว่าพวกสายพรายเนี่ย อย่าแขวนติดตัวนาน ๆ อย่างมากสุดซัก 1 เดือนก็ถอดเปลี่ยนเอาสายพุทธคุณแทนมั่ง เพราะยังไงก็ต้องกินตัวอยู่แล้ว...ใครว่าขุนแผนของอาจารย์.....ไม่กินตัว ก็คงต้องไล่ให้ไปศึกษาไสยศาสตร์มาใหม่ อย่าไปเอาตำราที่ขายตามตลาดนัดมาใช้อ้างอิง ไปนอนเล่นนั่งเล่นในป่าช้าบ้าง เดี๋ยวรู้เอง เพราะถ้าพรายที่เลี้ยงแล้วไม่กินตัว ก็ไม่ใช่พรายของจริงหรอก...เพราะของแบบนี้เขาต้องอาศัยพลังวิญญาณ ดูอย่างหมอผีที่เก่ง ๆ เขายังต้องเซ่นเลี้ยงบูชาผี เช่น พ่ออาจารย์.... สำนัก......... ถ้าใครที่เคยได้ไปทานข้าวร่วมกับท่าน จะเห็นเองว่า 1 สำรับที่แยกออกไปก็เพื่อเซ่นให้ผีนะครับ ท่านทำแบบนี้ทุกวัน อย่างน้อยก็วันละ 2 ครั้งนับแล้วก็ร่วม 40 ปีมาแล้ว พรายของท่านจึงแรง เห็นผลกันมาก...ของแบบนี้มันเป็นดาบสองคมนะ หนึ่งคมหันให้ผู้อื่น แต่อีกหนึ่งคมหันเข้าหาตัวเราเอง ปฏิบัติให้ถึง คาถาอาคมต้องท่องจำให้จิตตั้งมั่น ทำสมาธิอยู่เสมอ และหมั่นทำบุญบ่อย ๆ เพื่อยกระดับจิตของตนให้มีบารมีสูงขึ้น...ถ้าไม่แน่จริงก็อย่าเล่นสายนี้ ของไม่เห็นตัวถ้ายังไม่สำเร็จอภิญญา ก็จงระวัง...

    ผู้เขียนอ่านแล้วเห็นด้วยกับบทความนี้เป็นอย่างยิ่งตรงที่...ถึงแม้จะมีวิชาดี มีของดีคุ้มตัวก็ตามเถิด แต่คุณอย่าลืมนะครับว่า ไม่มีวิชาอันใดในโลกที่อยู่ค้ำฟ้า ซึ่งตรงตามหลักอนิจจตาหนึ่งในพระไตรลักษณ์ (ธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ตรัส 3 อย่าง) ว่าใดๆในโลกล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ดังนั้นหากอาคมที่กำกับพรายไว้เสื่อมลง วันนั้นก็เท่ากับผู้บูชาหาเรื่องใส่ตัว
     
  8. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

    ผงพรายกุมารช้อนเดียวทำพระได้อย่างไรหลายหมื่นๆองค์
    ถ้าเราลองวิเคราะห์ที่มาของผงพรายตามที่หลวงพ่อสาครเล่าออกมาดูดีๆ ทำมาจากลิ้นและก็เส้นผมของศพเด็กทารกคนหนึ่ง นำไปย่างเผาไฟแล้วมาบด ซึ่งจะได้ผงสักเท่าไรกันเชียว ลิ้นเด็กก็เล็กนิดเดียว ย่างไปก็หดไป ต้องย่างจนกรอบจึงจะบดได้ แล้วจะเหลืออะไร ผมเด็กทารกจะมีสักกี่เส้น ย่างแล้วบดจะเหลืออะไรมากนัก ทั้งหมดคงเหลือเป็นผงละเอียดไม่เกินหนึ่งช้อนโต๊ะ แต่เอามาสร้างพระกันไม่รู้กี่วัด กี่รุ่น กี่องค์ สร้างกันไม่รู้จักหมดเสียที สงสัยจริงๆว่าอณูผงพรายจะอยู่ในพระองค์ไหนได้ เอาแค่พระขุนแผนผงพรายกุมารที่สร้างในสมัยหลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่รู้กี่รุ่น กี่พิมพ์ กี่องค์ ผงพรายนี้มันน่าจะหมดไปตั้งแต่ยุคนั้นแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีการกล่าวว่า.. พวกลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมมีแบ่งกันมาบ้าง ซึ่งเรื่องนี้หลวงพ่อสาครก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไว้เช่นกันว่า....อย่างผงพรายกุมาร อาตมาก็ได้จากท่านมาบางส่วน ก็ขอท่านไว้หลังจากที่ท่านทำพิธีปลุกเสก เพราะตอนนั้น อาตมาก็ช่วยเขาทำอยู่ด้วย แต่ก็ได้มานิดเดียว ค่อนๆ ตลับยาหม่องเล็กๆ พออาตมาสร้างพระขุนแผน ก็เอาผงพรายกุมารที่ได้มาใส่เป็นเชื้อ แล้วก็จะหาผงอย่างอื่นเอามาผสมกัน... ทำให้ชวนสงสัยว่าจากผงพรายตั้งต้นเพียงช้อนเดียวนี่ ใส่สร้างพระขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมไปเป็นพันๆองค์ แล้วหลวงปู่ทิมยังมีเหลือแบ่งให้หลวงพ่อสาครมาค่อนๆตลับยาหม่องหรือ? แล้วสงสัยต่อว่าจากผงพรายค่อนตลับยาหม่องของ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จะขยายไปสร้างพระขุนแผนผงพรายกุมาร ที่ออกตามๆกันมาไม่รู้กี่พิมพ์กี่รุ่นกี่วัดนับหมื่นๆองค์ได้อย่างไร? (รวมถึงวัดอื่นๆที่มาขอความอนุเคราะห์จากท่าน) ในวันแรกที่หลวงพ่อสาครคิดเอาผงพรายมาผสมผงอย่างอื่น ท่านต้องผสมไว้กี่สิบกระสอบหรือ? ถึงจะพอ

     
  9. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน


    จะหาผงพรายกุมารจริงสักอณูเจอหรือไม่? มูลเหตุหนึ่งที่พระขุนแผนผงพรายกุมารยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีประสบการณ์
    โดยปกติวิสัยทั่วๆไป เมื่อครั้งแรกหลวงพ่อสาครเองท่านคงไม่ทันคิดหรอกว่าจะมีการสร้างพระขุนแผนผงพรายต่อมาอีกมากมายเช่นปัจจุบันนี้ แล้วที่ต่างรุ่น ต่างวัด ต่างก็ออกมาประชาสัมพันธ์ว่าสร้างจากผงพรายนั้นความจริงคืออะไร? มาถึงชั้นนี้แล้วพระขุนแผนองค์ที่สร้างออกมาเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า พระที่เรากำลังจะไปเลือกเช่ามา องค์ไหนจะมีฝุ่นผงพรายสักอณูหนึ่งฝังอยู่จริง เพราะต่างก็กล่าวว่ามีหรือสร้างจากผงพรายนี้กันทั้งนั้น คนไทยเรามักไม่ใช้วิจารญาณในการเลือกเชื่อเลย สังเกตไหมว่าพระขุนแผนผงพรายที่สร้างออกมากันอย่างมากมายในระยะหลังๆนั้น หาประสบการณ์จริงได้ยากเต็มที
     
  10. กำธร ไชยะ

    กำธร ไชยะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +52
    เรื่องนี้ผมได้อ่านเจอในเว็บๆหนึ่ง...เลยเอามาให้หลายๆท่านได้อ่านกันดู เพื่อแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

    อีกมูลเหตุหนึ่งที่ไม่มีประสบการณ์จริงคืออุปทาน

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ สื่อมวลชนได้สัมภาษณ์ไว้ในบทความเดียวกันกับที่กล่าวในตอนแรกดังนี้
    สื่อมวลชน.....ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ?

    หลวงพ่อสาคร......ลูกศิษย์จัดการเอง โดยท่านไม่ได้บอก พวกนั้นได้ไปขุดหากันมา
    อย่างเส้นผมก็จะเอามาซอย ส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้ว เอามาบด ให้ละเอียด แล้วก็เอามาให้ท่าน ซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่แล้ว เมื่อเอามาผสมกันแล้ว ก็ทำการปลุกเสก ที่จริง พลังจิตของท่านที่มีเจตนาเป็นกุศลแรง เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมาร แต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารนี้ลงไป เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแนว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปาทานไป

    ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นมาถึงตอนท้ายบทความนี้สรุปได้ว่า หากผงพรายมีอานุภาพแรงจริงก็จะต้องเข้าตัวผู้ใช้และบูชาในสักวันหนึ่ง แต่หากไม่มีอานุภาพแรงจริงก็คงเป็นเพราะยังหาอณูผงพรายไม่เจอในพระรุ่นใหม่ๆ หรือทั้งหมดที่เล่าๆและเชื่อๆกันมาหลายสิบปีก็คืออุปาทานดังที่หลวงพ่อสาครกล่าว แต่ที่แน่ๆทั้งหมดคือกลยุทธ์ที่สร้างความสนใจและความเชื่อทางการตลาดที่ทำให้นายทุนที่อยู่ เบื้องหลัง รวย !!! ส่วนคนที่ไปเช่ามาก็ไม่ต้องพูดถึง คิดเอาเอง...


    จบบทความที่คัดลอกจากเว็บอื่นมาเล่าต่อกันครับ หลายๆท่านอ่านแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างกับผู้ที่เขียนข้อความนี้ออกมาผ่านสื่อบนอินเตอร์เน็ต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2014
  11. พญายา

    พญายา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,265
    ค่าพลัง:
    +8,171
    ชั่วโมงนี้มีคนบางกลุ่มที่พออ่านเรื่องการสร้างพระผงรุ่นนี้ตามหนังสือทั่วไปแล้ว เกิดกลัวผี ไม่กล้าเช่าหรือคล้องพระเครื่องสายนี้บางคนก็พูดแรงถึงขั้นว่า....ตูว่าท่านจะอาบัติหนักป่าวว่ะ...
    หากความเห็นดังกล่าวนี้ไม่เหมาะสมก็สามารถลบออกได้ แต่มันคือความจริงจึงนำมาลงไว้ให้ศึกษากัน
     
  12. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    37,988
    ค่าพลัง:
    +146,257
    หลวงปู่ทิม เสกอะไรก็ขลัง ไม่จำเป็นต้องเป็นผงอะไร เล่นสายนอกวัด ราคาไม่แพง
     
  13. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    อย่าว่าแต่ผีพรายเลย ผมว่าสายเทพก็คุมไม่ค่อยได้เพราะท่านจะคุมเราเสียมากกว่า 555
     
  14. aubasok

    aubasok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +483
    ความเห็นข้างต้นบอกว่าไม่มีในตำราใด ผู้ที่พูดอย่างนี้ได้ก็คือต้องมีความรู้ทุกตำราทุกสำนักอยู่ในมือถึงพูดได้ แต่อย่างไรก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นเท่านั้น ส่วนตัวเชื่อว่าการสร้างพระบางตำราก็มีสูตรของเขา ซึ่งผู้แสดงความคิดเห็นข้างต้นอาจไม่ทราบก็เป็นได้ ถ้าจะยึดถือในแบบของหลวงปู่ทิมท่านก็ต้องยึดเอาคำพูดของหลวงพ่อสาครที่เป็นศิษย์ของท่านนั้นย่อมชัดเจน(ถ้าคำพูดข้างต้นเป็นของหลวงพ่อสาครท่านจริง) ผมกลับเห็นว่าการใส่ผงน้อยใส่ผงมาก ไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ว่า ทำถูกต้องตามตำราที่ครูบาอาจารย์ทำต่อกันมาหรือเปล่ามากกว่า บางสำนักที่เห็นๆกันเอาพระเก่าทีชำรุดมาทำต่อส่วนหนึ่ง(ที่ก่อนหน้าก็ผสมกันมาแล้ว) สร้างใหม่มาอีกหมื่นเป็นแสนเป็นล้านองค์ ก็ไม่เห็นมีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น พระของขวัญวัดปากน้ำ(ก็สร้างจากมวลสารรุ่นเก่า และก็ทำรุ่นต่อรุ่นมาเรื่อยๆ) ก็มีประสบการณ์ดีในทุกรุ่น

    เรื่องประสบการณ์พระเครื่องผมกลับเห็นว่าอยู่ที่ความศรัทธา ต่อให้รุ่นดังที่มาจากครูบาอาจารย์ท่านจริงๆ ในยุคเก่า ของแท้ด้วย บางคนก็เงียบ บางคนก็ดี มันก็ไม่ต่างกับที่สร้างในยุคปัจจุบัน ใช่ว่าห้อยแล้วดีทุกคนที่ใหน ถ้าสมมุติว่าห้อยแล้วดีทุกคนก็ให้พระองค์นั้นทำองค์เดียวห้อยกันทั้งประเทศ ประเทศไทยก็เป็นมหาอำนาจโลกไปแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กรกฎาคม 2014
  15. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    โดนครับ..:cool::cool::cool:
     
  16. sellcat

    sellcat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +6,704
    +1:cool::cool:
     
  17. kao2013

    kao2013 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +122
    ผงพราย เฮี้ยนยังมีอีกที่ ครับ หลวงพ่อพรหม วัดขนอน
    พระเกจิรุ่นเดียวกับ หลวงพ่อกวย
     
  18. FATAL_FRAME

    FATAL_FRAME เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    808
    ค่าพลัง:
    +3,988
    ขุนแผนพรายกุมาร นอกจากหลวงปู่ทิมท่าน (ท่านจะดำริสร้างเองหรือลูกศิษย์มาขอให้ท่านทำนี่คงอีกเรื่อง) แล้วก็มีอีกหลายที่ที่เป็นของจริง

    อย่าง หลวงปู่ชื่นวัดตาอี(อันนี้ท่านเก่งวิชากุมารเป็นเลิศอยู่แล้ว) รวมถึงหลวงพ่อเต๋วัดสามง่าม หลวงพ่อแหยมวัดดอนพุทธา(อันนี้ผมและเพื่อนๆเจอมากับตัว) ซึ่งทั้งสองท่านมีส่วนผสมของอัฐมนุษย์ผสมในองค์พระ แต่พรายของท่านอยู่ในศีลในธรรมครับ (อย่างน้อย ข้อ 1 ห้ามเบียดเบียนสัตว์และมนุษย์) ดังนั้นเรื่องกินตัวเป็นไม่มีครับ

    พรายทั้งสี่ท่านเป็นพรายที่บวชโดยท่านเกจิผู้ทรงอภิญญาและมีเมตตาสูง

    มีแต่คนใส่แล้วเอาไปทำตัวเองเป็นกาลกิณี ศีลขาดสนั่นกันเองแล้วมาโทษองค์พระกินตัวครับ

    คงทำตัวไม่ดี ศีลขาด ไม่ต้องพรายกินตัว หน้าก็ดำดวงก็ตก อยู่แล้วครับ พวกเซียนพระห้อยพระพรายกุมารหลวงปู่เกจิแท้ๆ แต่ปลอมพระของท่านแ่ต่อ้างเป็นของทันท่าน หน้าตาดำพอๆกับพรายกินตัวเลย (พรายหลวงปู่หลวงพ่อเขาไม่ลงโทษที่เอาของพระของท่านที่พรายเคารพสูงสุด มาทำผิดศีลก็เมตตาสุดๆขนาดใหนแล้ว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กรกฎาคม 2014
  19. 7-11

    7-11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +381
    - พระขุนแผนผงพรายกุมารซึ่งถูกปลุกเสกโดยหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จนกลายเป็นวัตถุมงคลที่โด่งดัง เนื่องจากลูกศิษย์ของท่านได้ประชาสัมพันธ์เรื่องราวต่างๆอย่างต่อเนื่องตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปี....
    เห็นพูดหรือเขียนแบบนี้กันมาตั้งนานแล้วครับ.... แต่ทุกวันนี้วัตถุมงคลหลวงปู่ทิมทุกรุ่น ไม่เฉพาะขุนแผนผงพรายฯ เท่านั้น ทั้งพระกริ่งชินบัญชร เหรียญ ฯลฯ ค่านิยมพุ่งสูงขึ้นและมีผู้คนเสาะแสวงหากันตลอด ไม่ยอมรับกันอีกหรือว่า ไม่ใช่ดังเพราะแรงเชียร์ แต่ดังเพราะผู้ใช้ต่างเล่าลือกัน ที่คนเคยใช้เท่านั้นจึงจะรู้ดี คุณมัวแต่นั่งมโนคิดเอาเองอยู่ได้ว่าดังเพราะลูกศิษย์เชียร์ เฮ้อ!

    "ไม่เคยเห็นตำราทางไสยศาสตร์ของสำนักใดๆที่บอกให้นำชิ้นส่วนของผีมาสร้างพระ"
    คุณไม่รู้จัก ขุนแผนรุ่นอินโดจีน หรือตุ๊กตาทอง ลพ.เต๋ หรือครับ? และคิดว่าวงการไม่นิยมจริงหรือ?
     
  20. 7-11

    7-11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +381
    "ผงพรายบังคับผีมา"
    เห็นค้นข้อมูลในเว็บเยอะแยะมาอ้างอิง....เรื่องนี้เคยอ่านหรือยังครับ?

    เมื่อประมาณปี ๒๕๒๐
    ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายเย็น
    หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ได้ออกมานั่งคุยกับศิษย์ที่บริเวณระเบียงกุฏิของท่าน
    เมื่อนั่งคุยกันชั่วครู่ใหญ่
    หลวงปู่ดู่และศิษย์เห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในวัดแล้วจอด
    มีชาย ๔ คนลงจากรถ และเดินตรงมาที่กุฏิของท่าน

    "เอ๊ะ..อ้ายพวกนี้มาแปลก..." หลวงปู่ดู่อุทาน
    "มันเอาผีมาด้วย"

    บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ดู่ เมื่อได้ยินหลวงปู่พูดถึงผี
    ก็พากันชะเง้อดูคนทั้งสี่ "เอ...ผมมองไม่เห็นผี"
    ศิษย์คนหนึ่งบอกกับหลวงปู่
    "ผมไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มีอะไรหรือครับหลวงปู่..."

    หลวงปู่ดู่หัวเราะกับศิษย์ และพูดกับศิษย์ว่า..
    "ฉันเห็นผีมันล้อมรอบพวกสี่คนที่กำลังเดินมาเต็มไปหมด"

    คนทั้งสี่ เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได้กุฏิ ก็พากันถอดรองเท้า
    แล้วพากันขึ้นบนกุฏิ คลานเข้ามากราบหลวงปู่ดู่..

    "นี่...พวกเธอมาหาฉัน ทำไมจึงเอาผีมาด้วย"
    หลวงปู่ดู่ถามชายทั้งสี่ พร้อมกับหัวเราะด้วยอารมณ์ดี

    คนทั้งสี่มองหน้ากัน ตีหน้าเลิ่กลั่ก
    เมื่อได้ยินหลวงปู่ดู่บอกว่า พวกตนที่มาหา...พาผีมาด้วย

    "ผีที่ไหนครับหลวงปู่"
    นายเบิ้ม พบร่มเย็น หนึ่งในสี่คนที่มาหาหลวงปู่
    ถามขึ้นด้วยความสงสัย

    "ยังไม่รู้อีกเรอะ"
    หลวงปู่ดู่หัวเราะด้วยอารมณ์ดี
    "ผีมันออกมาจากพระที่แขวนอยู่ที่คอน่ะสิ"

    ทั้งสี่คนที่มาหาหลวงปู่ถึงบาง "อ้อ"

    คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่
    เป็นศิษย์ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง

    และทุกคนมีพระเครื่องที่หลวงปู่ทิมสร้าง แขวนอยู่บนคอ
    เช่น พระพรายเพชร พรายบัว (พระสององค์ติดกัน)

    พระพิมพ์สี่เหลี่ยมหัวโต...หรือพระเล็กๆ แบบสามเหลี่ยมเรียกนางพญา
    และพระขุนแผนเล็กและใหญ่
    บรรดาพระเครื่องที่เอ่ยนามมานี้
    นอกจากจะมีผงพระพุทธคุณแล้ว
    ยังผสม "ผงผีพรายกุมาร" ที่ได้มาจากเด็กที่ตายทั้งกลม....

    คนทั้งสี่นำสร้อยคอที่แขวนพระที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมาร
    ให้หลวงปู่ดู หลวงปู่นั่งหลับตาชั่วครู่ใหญ่บอกว่า
    "ของเขาแรงใช้ได้ดีทีเดียว แต่ดูเหมือนผู้สร้าง..ได้เสีย..เสียแล้ว"

    "ครับ...เป็นพระเครื่องของท่านหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง ที่ได้สร้างขึ้น
    และหลวงปู่ทิมได้มรณภาพมากว่า ๒ ปีแล้ว..."
    นายเบิ้ม พบร่มเย็น บอกแก่หลวงปู่ดู่...

    คนทั้งสี่อัศจรรย์ใจที่หลวงปู่ดู่ท่านรู้ว่า
    ที่คอของพวกตน มีพระเครื่องที่ท่านหลวงปู่ทิม
    ใช้ผงพระพุทธคุณ และผงพรายกุมารผสมป่นลงไป
    แล้วปลุกเสกสร้างเป็นองค์พระขึ้น
    คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่ จึงเคารพหลวงปู่ดู่ยิ่ง
    ทั้งสี่คนนั่งคุยกับหลวงปู่ดู่ครู่ใหญ่

    ชินพร ศิษย์เอกของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ถามหลวงปู่ดู่ว่า...
    "ท่านหลวงปู่ทิม อาจารย์ของผม
    เป็นพระเถระที่ยึดมั่นพระธรรม และพระวินัยของพระพุทธองค์อย่างเคร่งครัด
    ไม่ยินดียินร้ายในรูป รส กลิ่น เสียง และถือสันโดษ
    เป็นพระภิกษุที่มีศีลลาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส
    หลวงปู่ทิมได้สร้างพระเครื่องโดยมีผงพรายกุมาร
    ที่ท่านทำมาจากเด็กตายทั้งกลมจากท้องมารดา
    การกระทำของหลวงปู่ทิม จะเป็นบาปหรือไม่"

    หลวงปู่ดู่ "ไม่บาป การที่ไม่บาปเป็นเพราะว่า
    เด็กที่อยู่ในท้องแม่ยังไม่เกิดเป็นตัวตน
    คือยังไม่มีธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ยังไม่มีวิญญาณ
    และแม่เด็กก็ได้ตายไปแล้ว
    ซึ่งแม่เด็กและเด็ก ก็จะกลับสู่สภาพเดิม
    คือ เป็นผงธุลีไป"


    หลวงปู่หยุดเล็กน้อย
    "การที่ถามว่า เอาหัวกระโหลกเด็กที่อยู่ในท้องของแม่
    ที่ตายทั้งกลมมาทำของ
    จะบาปไหม...เรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน
    เด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมนั้น
    อยู่ในลักษณะที่ว่า ไม่มีตัวตน ไม่มีวิญญาณที่จะไปเกิด
    สภาพของเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลม
    จึงเหมือนกับก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง
    และถ้านำเด็กที่อยู่ในท้องของแม่ที่ตายทั้งกลมมาปลุกเสกด้วยอาคม
    และปลุกเสกด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
    ก็จะอยู่ในลักษณะหนึ่งที่ทางไสยศาสตร์เรียกว่า
    ภูติ หรือ มหาภูติ
    และถ้าเราเอาตัว ภูติ ที่ปลุกเสกด้วยอาคมและธาตุทั้งสี่มาทำของ
    ของนั้นก็จะมีอิทธิฤทธิ์ยิ่ง..
     

แชร์หน้านี้

Loading...