เรื่องจริง คนกินเนื้อคน ตอน 2 เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ นักโทษ 943 ปี

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย At_nat, 14 ธันวาคม 2009.

  1. At_nat

    At_nat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +59
    [​IMG]




    เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์

    สังหารคนไป 17 รายffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>




    วันจันทร์ที่ 22 ก.ค. ปี 1991 วันเริ่มต้นการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย ตำรวจสายตรวจสองนายffice:smarttags" /><?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>แห่งเมืองมิลวอกี้ ขับรถลาดตะเวนรอบ ๆ มหาวิทยาลัยมาร์เควตต์ พื้นที่ละแวกนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเขตอาญากรรมสูงที่สุดแห่งหนึ่ง วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว ความร้อนสูงและมีความชื้นในอากาศสูงมาก จนแทบทนไม่ไหว แถมผสมกับกลิ่นจากกองขยะและของเสียพวกฉี่ที่พวกจรจัดราดจนส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนอบอวลไปหมด <O:p></O:p>
    เวลานั้นเป็นเวลาราว ๆ เที่ยงคืน ขณะที่ตำรวจสองนายยังคงนั่งอยู่ในรถสายตรวจตะเวนสอดส่ายไปมาหาสิ่งผิดปกติหรือบุคคลน่าสงสัยนั้น พลันก็มองเห็นชายผิวดำคนหนึ่งวิ่งกระหืบ กระหอบที่ข้อมือมีกุญแจมือห้อยต่องแต่งไปมา สองนายตำรวจคิดว่าอาจเป็นคนร้ายหนีจากการจับกุม จึงรีบขับรถดักหน้าควักเครื่องหมายตไรวจมาให้ดู<O:p></O:p>
    "เฮ้ย หยุด นี่ตำรวจ ทำผิดแล้วหนีมาเรอะ ?"<O:p></O:p>
    เมื่อชายผิวดำเห็นตำรวจ แทนที่จะแสดงความตกใจกลับแสดงความดีใจเหมือนเห็นนักบุญมาโปรดสัตว์ไม่ปาน เขายักไหล่พูดเร็วปรื๋อ<O:p></O:p>
    "ปะ เปล่า ครับ ผมชื่อ การ์ซี่ เอ็ดเวิร์ด คือผมเป็นอย่างนี้เพราะมีไอ้บ้าคนหนึ่งจับผมใส่กุญแจไว้ในอพาร์ตเมนต์ของมัน"<O:p></O:p>
    เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ดค่อยพรั่นพูดออกมา...มันส่อเค้ากระเดือดไปทางรักร่วมเพศ<O:p></O:p>
    "อย่าไปยุ่งกับมันดีกว่า"<O:p></O:p>
    "ไปดูซักนิดก็แล้วกัน จะได้ไปจุดอื่นต่อ" ตำรวจคู่หูออกความเห็น<O:p></O:p>
    "ไปเลยครับคุณตำรวจ ออกซ์ฟอร์ดพาร์ดเมนต์นี้เอง ห้อง 213"<O:p></O:p>
    และตำรวจสองนายก็ได้เห็นภาพที่ลืมไม่ลงตลอดชั่วชีวิต<O:p></O:p>
    <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" o:p</v:shapetype>referrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><V:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></V:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</o:lock><v:shape id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape><O:p></O:p>
    อ๊อกฟอร์ด อพาร์ทเมนต์ เลขที่ 924 เหนือ ถนน 25 <O:p></O:p>
    ก๊อก ก๊อก.......<O:p></O:p>
    "ช่วยเปิดประตูด้วย นี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ"<O:p></O:p>
    ผู้เปิดประตู เป็นชายผมบลอน์อายุราว 30 ต้น ๆ แต่งกายสะอาดเรียบร้อย<O:p></O:p>
    "อ้าวสวัสดีครับ...... คุณตำรวจ"<O:p></O:p>
    ชายผู้นั้นดูดี มาดนิ่ง พูดจาเป็นเรื่องเป็นราว น้ำเสียงก็เป็นปกติ<O:p></O:p>
    "มีอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณตำรวจ"<O:p></O:p>
    "เราเจอเพื่อนคุณ ไม่ทราบว่าคุณกรุณาไขกุญแจมือให้ชายคนนี้ด้วยครับ" <O:p></O:p>
    ชายผิวดำเป็นอิสระ แล้วรีบร้องบอกตำรวจทันที<O:p></O:p>
    "มันจะฆ่าผมมันเอามีดเล่มโน้นแหละมาขู่ผมคุณตำรวจเชิญไปดูห้องนอนมันสิครับ"<O:p></O:p>
    "เชิญครับ" ชายผมบลอน์เชิญตำรวจ "อ๋อ........ผม เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ครับ เข้าไปข้างในก่อนสิครับ"
    <v:shape id=_x0000_i1032 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    สองสายตรวจก้าวเขาไปในห้องสายตากวาดไปรอบ ๆ อย่างที่ถูกฝึกมา ห้องเล็กๆนั้นสะเอี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อย จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นห้องชายโสด ปลาในตู้อ้วนแสดงถึงความเอาใจใส่
    <O:p></O:p>
    แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น<O:p></O:p>
    แต่เมื่อก้าวลึก ๆ เข้าไปด้านใน กลิ่นเหม็นเน่าประหลาดผสมปนเปเตะเข้าจมูก พลันหนึ่งในสองได้เห็นกับรูปโพลารอยด์หลายใบที่หล่นบนพื้นห้องถึงกับซ็อค ชั่วขณะ มันเป็นภาพร่างคนถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ และภาพกะโหลกแช่อยู่ในตู้เย็น<O:p></O:p>
    เงียบไปอึดใจหนึ่ง แต่สำหรับตำรวจสายตรวจผู้เห็นภาพวิปริต มันช่างนานแสนนาน หลังจากรวบรวมสติอย่างเต็มกำลัง สายตรวจตะโกนบอกเพื่อนคู่หูละล่ำละลัก<O:p></O:p>
    "เฮ้ยจับ จับ...............จับมันใส่กุญแจมือเดี๋ยวนี้เร็วเข้า"<O:p></O:p>
    ชายผมบลอน์ผู้สงบเสงี่ยมสะบัดมือเต็มแรงหนีกุญแจมือที่กำลังสับลงมา เขาสู้สุดชีวิต แต่ไม่นานก็จนมุมเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกฝึกมาชำนาญกว่า จากนั้นตำรวจนายหนึ่งก็รี่เข้าไปกระชากบานตู้เย็นออก แล้วเขาก็ร้องออกมาสุดเสียงต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาเปิดตู้เย็นเต็มแรงพลางตะโกนลั่น <O:p></O:p>
    "เฮ้ยมันมีแต่หัวคนเต็มตู้เลยว่ะ เรียกกำลังสมทบด่วน"<O:p></O:p>
    ไม่กี่อึดใจอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ก็คลาคล่ำไปด้วยรถต่าง ๆ ทั้งไฟสัญญาณไซเรน บนหลังคาตำรวจตัดกับสีฟ้าวาววับบนหลังคารถพยาบาล<O:p></O:p>
    "ดิฉัน แอนน์ อี ชว๊าทซ์ ผู้สื่อข่าว รายงานสดจากออกซ์ฟอร์ด อพาร์ตเมนต์ ห้อง 213 มิลวอกี ขอย่ำว่าดิฉันมาถึงที่นี้เป็นคนแรก ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่กั้นเป็นพื้นที่เขตห้ามเข้า จากที่ได้เดินไปยังห้องหมายเลข 213 ดิฉันพบว่าภายในห้องเล็ก ๆ สะอาดเรียบร้อยมาก ตั้งแต่พื้นเตียงนอนเลยที่เดียว แม้แต่ตู้ปลาก็ใสสะอาดตัด แต่ห้องที่สะอาดนี้กลับกลิ่นเหม็นเน่าที่ตลบอบอวลไปหมด ที่มาของกลิ่นนี้ เราพบว่าเป็นตู้เย็นที่ใส่ศีรษะมนุษย์ไว้ถึง 3 หัว ผลึกไว้ในถุงพลาสติกกับกล่องเบ็คกิ้งโซดาอย่างแน่นหนา เจ้าของห้องพยายามพยายามดับกลิ่นนี้ด้วยการใส่โซดาปิ้งขนมปังเอาไว้หลาย ๆ กล่องด้วยกัน" <O:p></O:p>

    "นอกจากนี้เมื่อเปิดเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนอนที่มีสายยูปิดไว้อย่างแน่นหนา เมื่อพังเข้าไปพบว่ามีหม้อใบใหญ่วางไว้ที่มุมด้านในห้องน้ำ และเมื่อเปิดฝาดูในหม้อทำกับข้าวก็พบมือเท้าและอวัยวะเพศชายที่ถูกสับเป็นท่อนๆ เป็นชิ้น ๆ และเริ่มเน่าเปลือยแล้วด้วย"<O:p></O:p>
    "ที่ชั้นวางเราพบว่ามีกะโหลกศีรษะ 2 หัววางไว้บนชั้น มีเหยือกแก้ว ขวดใส่เอธิล แอลกอฮอล คลอโรฟอร์ม กับฟอร์มาลดีไฮด์ดองใส่อวัยวะเพศชาย มีภาพจากภาพโพลารอยด์จำนวนมากในท่วงท่าต่าง ๆ ของเหยื่อที่เสียชีวิต มีทั้งภาพหัวคนตัดสด ๆ วางอยู่ในอ่างล้างจาน ภาพลำตัวที่ถูกตัดตั้งแต่คอลงไปถึงต้นขา รูปกระดูกเชิงกราน บางภาพเป็นรูปเหยื่อที่พันธนาการเอาไว้ก่อนเสียชีวิต ร่างที่โยนไว้ในอ่างอาบน้ำ ดิฉันได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนพูดว่า นี้เป็นคืนนรกแตกโดยแท้"<O:p></O:p>

    เกริ่นไปซะตั้งนาน และนี้เป็นหัวข้อข่าวของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกย์กินคน ที่เป็นคดีที่โด่งดัง เป็นฆาตกรที่นักจิตวิทยาอาญาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการเลี้ยงดูบุตร และสาเหตุของความผิดปกติของการกินคน เพราะจากการสืบประวัติแทบไม่มีจุดบกพร่องให้เห็นเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นฆาตกรไปได้ มันน่าสนใจจริง ๆ <O:p></O:p>
    เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ถูกนำตัวไปโรงพัก เขาสารภาพเรื่องราวในการสังหารเหยื่อตลอด 13 ปี อย่างหมดเปลือก..............................<O:p></O:p>

    เด็กน่ารัก<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1033 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1960 ที่เมืองมิลวอกี้ เป็นบุตรของนายไลออนเนลและนาง<st1:personName w:st="on" ProductID="จอยซ์ ดาห์เมอร์">จอยซ์ ดาห์เมอร์</st1:personName> มีฐานะค่อนข้างร่ำรวย<O:p></O:p>
    ตอนยังเล็ก ๆ กล่าวได้ว่าเขาเป็นเด็กที่น่ารักคนหนึ่ง มีนิสัยเหมือนเด็กทั่วๆ ไปที่ชอบเล่นของเล่นรักสัตว์ เป็นเด็กสุขภาพเรียบร้อยยกเว้นอย่างเดียวเขามักมีปัญหากับหูและคอเป็นประจำ<O:p></O:p>
    เมื่อตอนเจฟฟรีย์อายุได้ 4 ขวบ ครอบครัวมีสาเหตุต้องย้ายไปที่อื่น เพราะพ่อเขาได้รับตำแหน่งใหม่ที่มหาวิทยาลัยไอโอวา เสตท ในรัฐโอไฮโอ เพื่อทำปริญญาเอก ที่นี้เองหนูน้อยเริ่มสังเกตเห็นงานอดิเรกของพ่อที่มักจะสะสมสต๊าฟสัตว์และกระดูกสัตว์เก็บไว้ดูเล่น<O:p></O:p>
    หนูน้อยเจฟฟรีย์รู้สึกสนใจในเสียงแกร๊กๆ ระหว่างที่โครงกระดูกเหล่านี้ถูกกวาดมารวมกัน มือน้อยนั้นควานลงไปในกองกระดูกเสมือนหาของเล่นไม่ปาน แต่พ่อเขาเห็นกลับคิดว่านั้นเป็นเพียงสัญชาติญาณการเรียนรู้ของเด็กเท่านั้นไม่มีอะไรมากหรอกน่า<O:p></O:p>
    ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ณ์ในครั้งนั้นได้ทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จดจำฝั่งใจไปจนโต<O:p></O:p>
    และแล้วเงาหฤโหดได้ฝั่งเข้าไปในจิตวิญญาณของเจฟฟรีย์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา <O:p></O:p>
    ปี 1966 ดาห์เมอร์นั้นอายุได้ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นประถม ในช่วงนี้เขาเริ่มเจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะโรคอัณฑะไม่เท่ากันต้องแก้ไขโดยการผ่าตัดสถานเดียว และช่วงนี้เองที่เริ่มเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับหนูน้อยดาห์เมอร์ที่ร่าเริง แจ่มใสอยู่เสมอ กลับค่อย ๆ กลายเป็นเด็กผอม เงียบขรึม ใจลอย ไม่กล้าสู้หน้าคนอื่น ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเริ่มปรับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ไม่ได้ และเก็บตัว มีความเครียดทางอารมณ์ จนบางครั้งก็เหมือนหุ่นที่ปราศจากวิญญาณ<O:p></O:p>
    ถึงแม้ว่าในช่วงนี้เจฟฟรีย์จะเป็นทุกข์ แต่ตรงกันข้างกับสมาชิกในครอบครัวที่มีความสุขมากในช่วงนี้ไลออนเนลสำเร็จปริญญาเอกไอโอวา ได้รับงานนักวิจัยทางเคมี ในอาครอนที่โอไฮโอและตอนนั้นจอยซ์แม่ของเขาตั้งท้องลูกคนที่สองชื่อเดวิด <O:p></O:p>
    เมื่อดาห์เมอร์อายุ 15 ปี ก็เริ่มพิเรนด้วยการสะสมอวัยวะสัตว์ที่ตายแล้ว โดยเก็บไว้ในถึงขยะพลาสติก เมื่อเข้าชั้นมัธยม ดาห์เมอร์ก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่นตีเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียนด้วย <O:p></O:p>
    เมื่ออายุ 18 พ่อแม่ของเขาอย่าขาดกัน นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้<O:p></O:p>
    นั้นเป็นสาเหตุทำให้ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กลายเป็นคนต่อต้านสังคมหนักยิ่งขึ้น<O:p></O:p>
    พ่อของ เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์เข้าใจดีว่าความเปลี่ยนแปลงสถานที่อยู่และบรรยากาศรอบตัวเป็นเหตุที่ทำให้เจฟฟรีย์ เปลี่ยนไป เพราะตัวเองก็มีประสบการณ์ในการปรับตัวในตอนเด็กมาแล้ว เขาจึงพยายามสอนเจฟฟรีย์ให้เอาชนะตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าเจฟฟรีย์ไปไกลเกินกว่าผู้เป็นพ่อจะตามทันแล้ว..........................<O:p></O:p>
    เดือนเมษายนปี ค.ศ. 1967 พ่อของเขาซือบ้านใหม่ เจฟฟรีย์ชอบบ้านใหม่มากและเริ่มปรับตัวกับบ้านใหม่และโรงเรียนได้ดีขึ้น แต่ยังไม่เลิกพฤติกรรมต่อต้านสังคม<O:p></O:p>
    มีอยู่ครั้งหนึ่งเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้ให้โหลใส่ลูกอ๊อดที่เขาไปซ้อนมาได้ให้ครูคนหนึ่งในโรงเรียนที่เขารักมากเพื่อเป็นที่ระลึก ต่อมาเขาทราบข่าวว่าครูได้ให้โหลนั้นกับลีเพื่อนสนิทของเขา เจฟฟรีย์ โกรธมากจึงแอบเข้าไปใส่น้ำมันเครื่องในโหลจนลูกอ๊อดตายจนเกลี้ยง<O:p></O:p>
    เมื่อเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์อายุ 10 – 15 ปี จากเด็กที่เก็บตัวกลับกลายเป็นคนใหม่ที่มีความสับสนในการแสดงออก มีร่างกายล่ำสัน แข็งแกร่ง แต่ยังคงขี้อายเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น มีความเครียดในอารมณ์ตลอดเวลา ชอบเก็บตัวในห้องนอน เหม่อดูโทรทัศน์ หน้าตายไร้ความรู้สึก ไม่ใส่ใจคนรอบข้าง มีชีวิตอยู่ไปวันๆ อย่างไม่รู้จุดหมาย<O:p></O:p>
    เมื่ออายุ 18 ปี เจฟฟรีย์เริ่มมีพฤติกรรมประหลาด ชอบหิ้วถังพลาสติกไปเที่ยวเก็บซากสัตว์ที่ตายแล้วมาฝังสุสานส่วนตัวของเขา เริ่มแล่ซากสัตว์ที่ตายเพราะรถชน บางครั้งก็ตัดหัวสุนัขมาเสียบกับไม้แล้วมาปักลงดิน<O:p></O:p>

    จากเด็กน่ารักสู่การเป็นฆาตกรโรคจิต<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1034 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    ยิ่งเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์โตขึ้นเขายิ่งโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกที เขาเริ่มพูดกลับตัวเองในโลกแห่งความฝันและเริ่มมีพฤติกรรมวิปริต<O:p></O:p>
    เมื่อดาห์เมอร์อายุ 15 ปี ก็เริ่มพิเรนด้วยการสะสมอวัยวะสัตว์ที่ตายแล้ว โดยเก็บไว้ในถึงขยะพลาสติก เมื่อเข้าชั้นมัธยมไฮสกูล ดาห์เมอร์ก็พอมีกิจกรรมที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ๆ บ้าง เช่น เข้าชมรมเทนนิส และเข้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียน เพื่อนร่วมชั้นสังเกตว่าเขามักปลีกตัวอยู่คนเดียวเสมอและมีท่าทางติดเหล้า บางครั้งก็แอบมากรึ๊บในห้องเรียน จนครูได้คาดโทษไว้ครั้งหนึ่งแต่งไม่เป็นผล จนต้องเชิญพ่อมารับรู้พฤติกรรมลูกชาย แต่ทุกอย่างก็ไม่ดีขึ้น <O:p></O:p>
    เมื่ออายุ 18 พ่อแม่ของเขาได้หย่าขาดกัน พ่อเขาได้แต่งงานใหม่กับชารี แต่นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เขาอ้างว้างสับสนและโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี้เป็นจุดหักเหครั้งสำคัญก็ว่าได้<O:p></O:p>
    ปีค.ศ. 1978 เจฟฟรีย์ได้ไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยโอไฮโอ เสตท แต่ยังไม่เลิกนิสัยชอบกินเหล้า จนผลการเรียนตกต่ำ<O:p></O:p>
    และนี้เป็นปีที่เขาฆ่าคนครั้งแรก<O:p></O:p>

    สตีเฟ่น ฮิวค์<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    เขายอมรับว่าเขาหลงใหลในการร่วมรักทางทวารหนักมาจากสตีเฟ่น ฮิวค์คนนี้............<O:p></O:p>
    มิถุนายน 1975 ขณะที่ดาห์เมอร์ขับรถอยู่ ดาห์เมอร์ได้รับคนโบกรถกลางทางชื่อ สตีเวน ฮิวค์ เป็นพวกรักร่วมเพศ เขาหลงเสน่ห์อย่างหัวปักหัวปำ เขาพาสตีเวนมาที่บ้าน ในขณะที่ไม่มีใครอยู่พวกเขาดื่มเบียร์และมีเซ็กซ์กัน<O:p></O:p>
    นั้นทำให้ดาห์เมอร์ได้รับความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาชอบรสเซ็กซ์จากเพศเดียวกัน และจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้ผันตัวเป็นเกย์ตลอดมา<O:p></O:p>
    แต่เมื่อฮิวค์เสร็จธุระ จึงขอตัวกลับ ดาห์เมอร์เหมือนกำลังถูกทอดทิ้งกันอีกครั้งเหมือนกับพ่อแม่ทำกับเขามาแล้ว เขาคว้าดับเบิลยกน้ำหนักทุบตีที่หัวของสตีเวนจนเสียชีวิต ตายคามือ จากนั้นก็หั่นศพเป็นท่อน ๆ ใส่ในถุงขยะพลาสติกและเอาไปฝังในป่าละเมาะข้างหลังบ้าน <O:p></O:p>
    ปีค.ศ. 1979 พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์กังวลเรื่องลูกชายสุดที่รัดติดเหล้ามาก จนพยายามให้เจฟฟรีย์ หางานทำแทนที่วันๆ จะมานั่งกินเหล้าแทนข้าว จึงพาเจฟฟรีย์ไปสมัครเป็นทหาร โดยหวังว่าด้วยกฎระเบียบของทหารจะทำให้เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ดีขึ้น<O:p></O:p>
    แต่เมื่อเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์รับราชการทหารได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกเพราะถูกจับได้ว่ากินเหล้าจนไม่สามารถปฏิบัติราชการได้เป็นปกติ แล้วเมื่อกลับมาใช้ชีวิตเป็นพลเมืองอยู่ในบ้านอีกครั้ง เมื่อไปถึงบ้านด้วยความแค้น จึงแอบไปขุดเอากระดูกของฮิวค์มาทุบโดยค้อนจนป่นแล้วเอาไปโรยทิ้งในป่าราวกับขยะ เพื่อระบายอารมณ์ความแค้น<O:p></O:p>
    เดือนตุลาคม 1981 เขาถูกจับฐานเมาสุราอาละวาด พ่อของเขาจึงส่งตัวให้ไปอยู่กับกับย่าที่เมืองเวสท์ อัลลิส รัฐคอนซิน <O:p></O:p>
    แต่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์อยู่สงบก็ถูกจับในข้อหาทำอนาจารด้วยการแก้ผ้าเดินโทงๆ ท่ามกลางผู้คน จนเขาอับอายไม่ออกจากข้างนอกเป็นเวลาถึง 4 ปี<O:p></O:p>
    เดือนกันยายน 1986 ดาห์เมอร์ถูกจับในข้อหาโชว์ของลับและสำเร็จความใคร่ด้วยมืออวดเด็กชาย 2 คน เขาโดนทัณฑ์อยู่หนึ่งปีก็พ้นโทษ<O:p></O:p>
    และปีต่อมาเขาก็เจอเหยื่อรายที่สอง<O:p></O:p>

    สตีเว่น เทามี<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1036 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape><O:p></O:p>
    เดือนกันยายน 1987 ดาห์เมอร์รู้จัก พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่งชื่อ สตีเวน เทามี ที่บาร์เกย์แห่งหนึ่ง หลังจากทั้งคู่ดื่มกันหนักก็พากันไปหาความสำราญที่ห้องพักของโทอูมิ จากคำรับสารภาพของดาห์เมอร์ภายหลังว่าเขาจำไม่ได้ว่าฆ่าโทอูมิอย่างไร รู้แต่ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาโทอูมิก็สิ้นลมแล้ว มีเลือดติดปากเขาเกรอะกัง เขากลัวความผิด จึงนำร่างนั้นใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ จากนั้นนำไปยังบ้านของยายที่เขาอาศัยอยู่ และเริ่มกระทำสำเร็จความไคร่รสเพศกับศพ เมื่อเสร็จสมก็หั่นออกเป็นชิ้น ๆ และโยนใส่ถังขยะ<O:p></O:p>

    เจมี ด็อกซ์เทเตอร์<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1025 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    ยังไม่ถึง 3 เดือน ดาห์เมอร์ก็สอดส่ายหาเหยื่ออยู่หน้าบาร์เกย์ จนกระทั้งเห็นเด็กชายอายุ 14 ปี ชื่อ เจมี ด็อกซ์เทเตอร์ที่ชอบเดินแกว่งอยู่ด้านนอกของบาร์ เป็นนายตัวหาลูกค้าไปร่วมเพศด้วย ดาห์เมอร์หลอกล่อว่าจ่ายเงินให้ถ้ายอมไปกับเขาเพื่อให้เขาถ่ายรูปลามกเก็บไว้ และหลังจากวางยา และเสพสุข ถ่ายรูปเปลือย หลังจากนั้นก็รัดคอจนตายและเสพศพอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดหันเป็นชิ้นๆ ไปทิ้ง แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยที่เก็บกะโหลกและชิ้นส่วนบางอย่างของเจมี ด็อกซ์เทเตอร์เป็นที่ระลึกด้วย<O:p></O:p>
    เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ เล่าว่าเขาได้แนวคิดนี้มาจากริชาร์ด เกียร์เรโร่ หนุ่มเม็กซิกันร่างบึ้ก ที่พบในบาร์เกย์ปลายเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 1988 <O:p></O:p>
    ต่อมาเจฟฟรีย์ฆ่าคู่รักร่วมเพศอีก 4 ศพ แต่เขาจำชื่อไม่ได้ว่าเป็นใคร น่าแปลกที่ย่าเขาไม่ระแคระระคายในตัวหลานแม้แต่น้อย อย่างมากก็แค่มาบ่นว่าหนวกหูกับเสียงเอะอะเพราะความเมาของหลานกับเพื่อนชายที่มาด้วยนั้นเอง<O:p></O:p>
    เหยื่อรอด<O:p></O:p>

    25 กันยายน 1988 ดาห์เมอร์ย้ายเข้ามาอยู่พาร์ตเมนต์ บนถนนสายที่ 25 เหนือ ในเมืองมิลวอกี้ เมื่อย้ายมาอยู่มาได้ไม่นานเขาก็ได้เจอเด็กชายไกรสร สินธโสภณชาวลาวอายุ 13 ปี ดาห์เมอร์ใช้เงินล่อไกรสรมาถ่ายรูปโป๊ จากนั้นก็วางยาและลวนลามเขา แต่ก่อนที่จะมีอะไรกันต่อไป ไกรสรเกิดไหวตัวทัน หนีรอดออกมาได้ ผู้ปกครองเขารีบพาตัวส่งโรงพยาบาล และแจ้งตำรวจ <O:p></O:p>
    ดาห์เมอร์ถูกตำรวจจับกุมตัวถึงที่ทำงานเขาในโรงงานผสมเหล้า ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และพยายามล่วงละเมิดทางเพศแก่เด็กชาย<O:p></O:p>
    วันที่ 30 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1989 เขาถูกดำเนินคดี แต่แต่ไม่นานก็ประกันตัว ขณะที่ตรวจสอบสภาพจิตก่อนที่ศาลจะตัดสิน อัยการและพ่อเขาวอนขอให้คำตัดสินอยู่ในความดูแลของแพทย์ และดาห์เมอร์ได้แสดงความต้องการอย่างจริงใจว่าต้องการรักษาโรคจิตให้หาย โดยรับทัณฑ์บนและรักษาตัวอยู่ในสถานบำบัด 1 ปี<O:p></O:p>

    แอนโทนี่ เชียร์<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1037 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    เมื่อพ้นโทษทัณฑ์บน ดาห์เมอร์ได้พักกลับยายอีกครั้ง และไม่นานเขาก็ได้เจอเหยื่อรายใหม่อีก แอนโทนี่ เชียร์เกย์ผิวดำอายุ 24 ปี การลงมือไม่ต่างครั้งก่อน ๆ มากนัก เอาเงินมาล่อแล้วพาแอนโทนี่ไปถ่ายภาพเปลือยที่บ้านย่า(ย่ายังอยู่ในบ้าน) วางยาจนมึนเมาแล้วจับหักคอ ข่มขืนทวารหนักในขณะที่ศพกำลังอุ่นๆ อยู่และหั่นเป็นชิ้นทำลายหลักฐาน<O:p></O:p>
    แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อย เขาตัดหัวของเหยื่อมาต้มในหม้อจนหนังหัวหลุดออก และนำมาทาสีให้เป็นสีเทา จากนั้นก็ตั้งไว้ดูเล่นในห้อง บางครั้งครึ้มอกครึ้มใจก็สำเร็จความใคร่กับหัวกะโหลกนั้นด้วย<O:p></O:p>


    รังนรกแตก<O:p></O:p>

    14 พฤษภาคม 1990 ดาห์เมอร์ย้ายกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เดิมอีกครั้ง และมหกรรมสยองได้บังเกิดอีกครั้ง <O:p></O:p>
    แค่ 15 เดือน เขาเชือดคูร่วมนอนไปถึง 12 ศพ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เฉลี่ยคือฆ่าคนสัปดาห์ล่ะครั้ง ในจำนวนนี้มีชายผิวขาว 1 คน ผิวดำ 3 คน ยุโรป 1 คน เอเชีย 1 คน อายุน้อยที่สุด 14 ปี มากที่สุด 31 ปี<O:p></O:p>
    เหยื่อส่วนใหญ่มักอาศัยในพื้นที่ที่ตำรวจเรียกว่าพื้นที่เสี่ยง เป็นที่ชุมนุมของเหล่าทรชนที่มีประวัติอาชญากรร้ายแรง อาทิวางเพลิง ล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน หัวไม้ ฯลฯ<O:p></O:p>
    และนี้คือรายชื่อเหยื่อที่ดาห์เมอร์ฆ่าตลอดระยะ 15 เดือนที่ผ่านมา<O:p></O:p>
    เอ็ดเวิร์ด สมิธ มิถุนายน 1990<O:p></O:p>
    ริคกี้ ลี บีคส์ กรกฏาคม 1990<O:p></O:p>
    เออร์เนสท์ มิลเลอร์ กันยายน 1990<O:p></O:p>
    เดวิด โธมัส กันยายน 1990<O:p></O:p>
    เคอร์ติส สเตราห์เตอร์ กุมภาพันธ์ 1991<O:p></O:p>
    เออร์รอล ลินด์เซย์ เมษายน 1991<O:p></O:p>
    แอนโทนี่ ฮิวจ์ 24 พฤษภาคม 1991<O:p></O:p>
    โคเนรัค สินธโสภณ 27 พฤษภาคม 1991<O:p></O:p>
    แม็ท เทอร์แมอร์ 30 มิถุนายน 1991<O:p></O:p>
    เจอเรเมียห์ ไวน์เบอร์เกอร์ 5 กรกฏาคม 1991<O:p></O:p>
    โอลิเวอร์ เลซี่ย์ 12 กรกฏาคม 1991<O:p></O:p>
    โจเซฟ เบรดโฮ๊ฟท์ 19 กรกฎาคม 1991<O:p></O:p>
    จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 1991 เขาสังหารเหยื่ออาทิตย์ละราย โดยใช้วิธีการเดิมๆ คือหลอกมาที่ห้องหมายเลข 213 ให้ดูวีดีโอลามกแบบรักร่วมเพศ จากนั้นก็วางยาในเครื่องดืมให้เหยื่อกิน พอเหยื่อมึนก็รัดคอด้วยมือเปล่าหรือไม่ก็ใช้เข็มขัดรัดจนตายคามือจากนั้นก็ลงมือข่มขืนศพแล้วสำเร็จความใคร่ให้น้ำกามรดลงไปบนศพ<O:p></O:p>
    วิปริตดีแท้<O:p></O:p>

    โคเนรัค สินธโสภณ<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    นี้คือเหยื่อที่อายุน้อยที่สุดที่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นโคเนรัค สินธโสภณ ก็ไม่ใครที่ไหนเขาเป็นน้องชายของไกรสรที่เคยหนีรอดจากหน้ามือเขามานั้นแหละ เพียงแต่โคเนรัค สินธโสภณไม่โชคดีเหมือนไกรสรเท่านั้นเอง แต่ก็เกือบรอด ตอนที่ถูกวางยา เขาหนีสุดชีวิตออกมาออกมาได้ ในขณะที่เจฟฟรีย์ออกไปข้างนอกในสภาพสลึมสลือในฤทธิ์ยา<O:p></O:p>
    เวลา 02.00 แซมดร้า สมิธ ผู้เห็นเหตุการณ์โทรแจ้งตำรวจให้มาช่วย<O:p></O:p>
    "ช่วยส่งสายตรวจมาด่วน(บอกสถายที่รายละเอียด) มีเด็กชายวิ่งหนีอะไรบางอย่างไม่คิดชีวิต ดูคล้ายกับถูกทำร้ายและมีอาการบาดเจ็บด้วย"<O:p></O:p>
    เมื่อตำรวจ 3 นาย มาถึงดาห์เมอร์ก็ตามมา เขาอ้างว่าโคเนรัคเป็นแฟนเขาไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ดื่มเหล้าและงอนออกเพี้ยนนิดหน่อยแล้วแก้ผ้าวิ่งโทงๆ ส่วนโคเนรัคถูกมอมยาจนให้การไม่ได้ เจฟฟรีย์ควักบัตรประจำตัวประชาชนให้ตำรวจดู ตำรวจเชื่อก่อนจะให้เจฟฟรีย์พาโคเนรัคกลับด้วยกัน ท่ามกลางความไม่พอใจของแซมดร้า สมิธ<O:p></O:p>
    แต่เพื่อความแน่นใจตำรวจตามประกบเด็กหนุ่มกับเจฟฟรีย์ เข้าไปในห้องพักของอพาร์ทเมนต์ เมื่อเปิดออกมามีกลิ่นเนาโซยมาแต่ไม่ใส่ใจ ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีการต่อสู้ เสื้อผ้าของโคเรรัคพาดอยู่บนโซฟา มีรูปถ่ายโคเนรัคในชุดบีกีนี่ตกอยู่สองรูป<O:p></O:p>
    เมื่อไม่มีอะไรเจฟฟรีย์กล่าวขอโทษตำรวจที่ทำให้เสียเวลา และสัญญาว่าไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก ก่อนที่ตำรวจจะกลับไป<O:p></O:p>
    คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกลับเหยื่อที่น่าสงสารคนนี้ ภายหลังจากคลี่คลายคดีแล้ว มีการสั่งพักราชการตำรวจ 3 นายดังกล่าวโทษฐานละเลยต่อหน้าที่ ลำเอียงต่อเชื้อชาติ เพราะเพียงแค่พวกเขาเดินเข้าห้องเจฟฟรีย์ก็พบศพโทนี่ ฮิวจ์เหยื่อคนเก่าที่ขึ้นอืดบนเตียงและรูปถ่ายศพมากมายกองเรี่ยราดอยู่ หรือเพียงแค่สืบประวัติส่วนตัวในบัตรประชาชนกับคอมพิวเตอร์ก็รู้ข้อหากระทำอนาจารต่อเด็กในอดีตไปแล้ว<O:p></O:p>
    ต่อมาเรื่องของโคเนรัค สินธโสภณทำให้เกิดการแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าข้างตำรวจโดยกล่าวว่าตำรวจทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว ส่วนอีกฝ่ายโจมตีว่าตำรวจมักเชื่อผิวขาวมากว่าคนผิวสีคนเอเชีย<O:p></O:p>

    ของสะสม <O:p></O:p>

    ดาห์เมอร์ยังคงออกล่าและสังหารเหยื่อต่อไป ร่างของเหยื่อจะถูกตัดออกเป็นชิ้นเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ใส่ลงในอ่างน้ำ ผสม ทา ราดด้วยน้ำกรดและน้ำยาเคมี เนื้อถูกย่อยสลายส่งกลิ่นร้ายกาจเช่นเดียวกับกระดูกที่ถูกกัดจนเป็นสีดำกลิ่นน่าคลื่นไส้ จากนั้นก็เก็บมาดูเล่นเมื่อเบื่อก็นำชิ้นส่วนเหล่านั้นทิ้งไปยังโถส้วมหรือท่อระบายน้ำจนหมด บางครั้งก็ผ่าแบะศพออกเป็นสองซีกราวกับชำแหละหมู มองดูอวัยวะภายใน และรู้สึกมีความสุขกับกลิ่นคาวและไออุ่นที่ระเหยออกจากภายในศพ <O:p></O:p>
    นอกจากนี้ยังมีกะโหลกที่ถูกทาสีเทาและองคชาติที่ตัดออกมาจากศพที่ดองเก็บไว้ในขวดแก้วบรรจุยาฟอร์มัลดีไฮด์ ส่วนหัวที่ตัดออกเขาเอาไปต้มหม้อจนเปื่อยยุ่ย จากนั้นลอกเนื้อหนงให้เหลือแต่กะโหลกแล้วทำความสะอาดให้สวยงามเหมือนของเล่นพลาสติก<O:p></O:p>
    เมื่อนานๆ เจฟฟรีย์เพิ่มความสุนทรีย์ยิ่งขึ้น และเพื่อความสะใจ เขาก็เริ่มกินศพ เริ่มคิดค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการฆ่าเหยื่อ เช่นใช้สว่านเจาะสมองแล้วเอาน้ำกรดราดบนสมอง แต่บางรายไม่ตายเพราะไม่ถูกส่วนสำคัญทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานชักเป็นเวลาหลายวันก่อนจะตาย<O:p></O:p>
    ด้วยความรู้สึกเหล่านี้เจฟฟรีย์เริ่มเข้าสัทธิซาตาน เวลาว่างๆ เขามักเอาศพที่หั่นเป็นท่อนๆ มาวางรอบตัวเพื่อแสดงถึงอำนาจ<O:p></O:p>
    "ไม่ต้องถามหรอกว่าพลังแห่งปีศาจอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ผมถูกสิงสู่ด้วยพลังงานอำนาจแห่งปีศาจ ผมไม่แน่ใจหรอกน่ะว่าพระเจ้าและปีศาจมีจริงหรือไม่ แต่ผมคิดว่ามันคงสายไปแล้วที่จะมาใคร่ครวญ ผมต้องการเป็นผู้สร้าง ผมจะสร้างวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ในห้องพักของตัวเอง มีรูปเคารพกริฟฟรินและกะโหลกใสกำยานกลิ่นซาบซ่าต่อจิตใจเป็นเครื่องสักการะ เพื่อที่จะให้อำนาจและเงินทองไหลเทลงมา<O:p></O:p>
    แต่ความฝันนี้ยุติลงจนกระทั้งเขาลงมือกับเหยื่อรายสุดท้ายพลาดเหยื่อคือ เทรซี่ เอ็ดเวิร์ดส์ ในคืนวันที่ 22 กรกฎาคม 1991 ดังกล่าว<O:p></O:p>


    ขึ้นศาล<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    หลังถูกจับกุม ดาห์เมอร์ได้ขึ้นศาล และพิจารณาคดี ในวันที่ 13 กรกฏาคม 1992 <O:p></O:p>
    แต่ก่อนที่เจฟฟรีย์ ตำรวจมิลวอกี้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสุดยอด มีสุนัขดมกลิ่นหาวัตถุระเบิดทุกตารางนิ้ว ผู้เข้าในห้องพิจารณาต้องถูกตรวจร่างกายทุกคน<O:p></O:p>
    ที่นั่งห้องพิจารณาคดีมีทั้งหมด 100 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น ผู้สื่อขาว23 ที่นั่ง พ่อและแม่บุญธรรมของเจฟฟรีย์(รูปบน)และญาติของฝ่ายเหยื่อ 34 ที่นั่ง ที่เหลือเปิดให้ประชาชนทั่วไปมารับฟัง โดยมีผู้พิพากษา ลอเรนซ์ ซี.แกรม จูเนียร์ และ จูเลียร์ ไมเคิล แม็คแคนส์ อัยการเขต<O:p></O:p>
    ทนายความของเจฟฟรีย์ได้หยิบยกว่าเจฟฟรีย์เป็นคนวิกลจริตไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องมาใช้สู่กันในศาล และหาสาเหตุว่าอะไรดลใจให้ดาห์เมอร์ก่อเหตุฆาตกรรมน่ากลัวนี้ได้ ตำรวจสอบสวนรายหนึ่งกล่าวว่าดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อเพราะไม่ต้องการให้เหยื่อไปจากเขาแต่อัยการไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ไม่ได้บ้าแต่มีสติสมบูรณ์ และลงมือเหยื่ออย่างเลือดเย็น<O:p></O:p>
    ทนายฝ่ายจำเลยและอัยการต่างพยายามแถลงต่อศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากคณะลูกขุน การโต้เถียงเป็นไปอย่างสนุกเผ็ดผัดราวกับโต้มัธยมศึกษา จนถึงขนาดมีการบรรยายเหตุการณ์ในห้องพิจารณ์คดีในวันที่สอง ไว้ว่า<O:p></O:p>
    "ก่อนที่คณะลูกขุนจะเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี ทนายจำเลยเปิดหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับหนึ่งอ่านพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเจฟฟรีย์ด้วยเสียงอันดังลั่นว่า ฆาตกรกินคนแห่งมิลวอกี้ กินเนื้อเพื่อนร่วมห้องอย่างหน้าตาเฉย ทุกคนได้ฟังต่างพากันฮาหัวเราะตกเก้าอี้ โดยเฉพาะเจฟฟรีย์เขาหัวเราะจนตัวงอ แต่มองดูแล้วเขาหล่อเอาการแม้จะอยู่ในขณะที่หัวเราะ"<O:p></O:p>
    ในวันวันที่ 29 มกราคม ปีค.ศ. 1992 มีการคัดเลือกคณะลูกขุนกับบุคลภายนอกอีกสองคน รวมแล้วประกอบด้วยชายผิวขาว 6 ท่าน สตรีผิวขาว 7 ท่าน และมีชายคนผิวดำแค่คนเดียวเท่านั้นในคณะลูกขุน ทำให้ญาติผู้ตายประท้วงจนเกือบก่อจารชนย่อย<O:p></O:p>

    มีสติหรือวิกลจริต<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1028 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    ทนายจำเลยเบิกพยานจำนวน 45 ปากขึ้นให้การต่อศาล มีการสนับสนุนข้ออ้างว่า อุปนิสัยพิสดารของเจฟฟรีย์เป็นเหตุก่อให้เกิดความผิดปกติในการก่อการฆาตกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นของเขากระทำโดยอาการป่วยทางจิต<O:p></O:p>
    แต่อัยการโต้ตอบคำแก้ตอบได้หมดจนถึงวันคำตัดสิน............................<O:p></O:p>

    คำตัดสิน<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    ในวันตัดสินคดีวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1992 เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้แถลงคำต่อศาลก่อนที่พิพากษาจะอ่านคำตัดสิน เขาแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ตายด้วยสีหน้าท่าทางสงบและเยือกเย็น ก่อนที่จะสรุปเป็นสำนวนของศาลจำนวน 4 หน้ากระดาษพิมพ์ ได้ว่า<O:p></O:p>
    "บัดนี้ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงที่สุดแล้ว ณ วันนี้ มิใช่พยายามเอาตัวรอดจากความผิด ด้วยความจริงใจข้าพเจ้ามิเคยคิดถึงการได้รับอิสรภาพแม้แต่น้อย นี้เป็นการทำให้โลกรู้ว่าข้าพเจ้ากระทำการอะไรลงไป ข้าพเจ้ามิได้กระทำการลงไปเพราะความโกรธก็หาไม่................<O:p></O:p>
    ข้าพเจ้าไม่เคยโกรธใคร ข้าพเจ้ารู้ดีว่าป่วยหรือไม่ก็โหดเหี้ยม ณ วันนี้ข้าพเจ้าตระหนักแล้วว่าข้าพเจ้าป่วยแพทย์บอกให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่าข้าพเจ้าได้ป่วยจริง และข้าพเจ้าได้สำนึกในความผิดอันร้ายแรงที่ข้าพเจ้าได้ก่อขึ้นทั้งหมดแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญต่อผู้อื่นอีกต่อไป ข้าพเจ้าได้หวังว่าพระเยซูเจ้าจักได้ทรงให้อภัยต่อบาปที่ข้าพเจ้าก่อมาทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่อไปแล้ว.............." <O:p></O:p>
    ผลสุดท้ายผู้พิพากษาตัดสินว่าดาห์เมอร์ผิดจริงจากจำนวนเหยื่อ 15 ราย (เชื่อกันว่าตัวเลขเหยื่อจริง ๆ สูงกว่านี้) หลังจากนั้น 2 วัน บรรดาญาติของเหยื่อต่างรอกันประหารชีวิตดาห์เมอร์ แต่กฎหมายของรัฐวิสคอนซินไม่มีการลงโทษประหารชีวิต ดาห์เมอร์ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 943 ปี<O:p></O:p>
    ในเวลาต่อมา เจฟฟรีย์ ได้ถูกส่งตัวไปคุมขัง ณ ทัณฑสถาน โคลัมเบีย ในพอร์เทจ วิสคอนซิน<O:p></O:p>
    ดาห์เมอร์กล่าวภายหลังว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องน่ากลัวเหล่านั้นได้ จิตแพทย์กล่าวว่าเขาอาจเป็นคน 3 บุคลิก อันเกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มั่นคงในวัยเด็ก<O:p></O:p>


    จุดจบ<O:p></O:p>
    <v:shape id=_x0000_i1030 style="WIDTH: 24pt; HEIGHT: 24pt" alt="" type="#_x0000_t75"></v:shape>
    25 พฤศจิกายน 1994 เวลา 9.11 น.<O:p></O:p>
    นักโทษชายเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำความสะอาดห้องน้ำใกล้กับโรงยิมออกกำลังกายร่วมกับนักโทษชายสองคนคือเจสซี่ แอนเดอร์สัน นักโทษในคดีฆ่าเมียตนเองและป้ายความผิดไปให้คนผิวดำ กับคริสโตเฟอร์ สคาร์เวอร์ นักโทษผิวดำในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คิดว่าตนเองคือพระเจ้า<O:p></O:p>
    ในขณะที่เจฟฟรีย์กำลังทำงานง่วนอยู่ในคุก คริส นั้นเดินอาด ๆ เข้าหาเจฟฟ์ และเจฟฟ์เองก็รู้ดีว่าคริสนั้นประสงค์ร้ายจึงได้ออกวิ่งแต่ก็ไม่รอดน้ำมือคริสไปได้
    เจฟฟ์พยายามดิ้นรนหนี แต่เมื่อเขาเห็นคริสหัด้ามไม้กวาดยาวเป็น สองท่นเขาก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง และ ทั้ง ๆ ที่พยายามหนีสุดฤทธิ์ก็ไม่วายถูกคริสจับกดลงพื้นและสอดปลายด้ามไม้กวาดที่หักครึ่งนั้นสวนเข้าไปที่ทวารหนักของเจฟฟ์อย่างรุนแรงจนด้ามไม้กวาดจมลึกเข้าไปในช่องทวารหนักของเจฟฟ์ถึง 3 ฟุต
    ในขณะที่เจฟฟรีย์กำลังดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดนั้นคริสไม่รอช้ารีบใช้ทอ่นเหล็กที่ใช้สำหรับตุ้มน้ำหนักออกกำลังกายฟาดเข้าที่หัวกะโหลกของเจฟฟ์อย่างรุนแรงต่อเนื่อง จนกระโหลกของเจฟฟ์แตกกระจายเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายคาที่<O:p></O:p>
    สิ้นสุดกันที่เกย์โหด<O:p></O:p>


    ก่อนจบ <O:p></O:p>
    ไลโอเนล ดาห์เมอร์ พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "หัวอกพ่อ" A Father's Story เขาเขียนได้ไว้ตอนหนึ่งว่า<O:p></O:p>
    "นับว่าเป็นโชคดีมหาศาลที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีลูกแบบเจฟฟรีย์ที่เป็นอมมนุษย์ แต่มีลูกที่หลงทางผิดก็แค่ ติดเหล้า ยาเสพย์ติด ประกอบอาญชกรรมเล็กๆ น้อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ประกอบอาชญากรรมอันสะเทือนขวัญสั่นประสาทผู้คน<O:p></O:p>
    มันเป็นความเจ็บปวดของพ่อแม่ มองเห็นลูกตัวเองออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น หมุนคว้างไปไร้ทิศทาง ถูกพายุพัดหอบไป ไกลออกไปทุกที ทุกทีจนหายลับกลับตา สำหรับผมมันไม่เท่าไร แต่สำหรับเมียเก่าผมหรือแม่ของเขาเธอเครียดและเก็บกดเธอติดสุราจนเป็นพิษเรื้อรัง มันฝึงลึกจิตใจของเธอไปจนตาย<O:p></O:p>
    จงระวัง และพยายามให้เต็มที่"<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
     
  2. หนีนรก

    หนีนรก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +666
    สงสารพ่อแม่
     
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เคยดูหนังเรื่องเปรตเดินดินกินเนื้อคน สงสัยคล้ายกันค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...