เมื่อมีความคิดอื่นเข้ามาแทรกในจิต ขณะทำสมาธิจะทำอย่างไรดีครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pl12, 24 กรกฎาคม 2021.

  1. pl12

    pl12 มุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นโดยสันติวิธีการ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2020
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +4
    ที่เราเรียกว่า จิตส่งออก นั่นแหล่ะครับ แต่ว่าก็ไม่แน่ใจว่า มันส่งมาหาผม รึผมส่งไปหามันกันก่อนแน่
    รู้สึกว่าจะมีมากกว่าหนึ่งด้วย ทำให้ความคิดผมวกวน ไม่ไปเสียที
    บางทีก็มีพยามเข้ามาครองความคิดเป็นตัวเราเองเสียด้วย จะแก้ไขอย่างไรดีครับ
     
  2. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,265
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    จิตมีปกติส่งออก เป็นธรรมชาติของจิตอยู่แล้ว

    ถ้าพยายามจะไม่ให้จิตส่งออกนี่ เรียก ว่า ทำไม่ได้ มันไปฝืนธรรมชาติ

    แต่คำสอนพุทธองค์ทำได้ เรียกว่า กำหนดรู้

    จิตส่งออกก้กำหนดรู้ เมื่อกำหนดรู้ จิตก็จะอยู่ ในสกลกายกับจิต
    ไม่ออกไปไหนไกลนอกเหนือจากนี้

    ทำบ่อยๆ เนืองๆ ให้ต่อเนื่อง ก้จะคล่อง

    เมื่อฝึกเพื่อ ความความหลุดพ้น ไม่ได้มุ่งเพื่อจะให้จิตสงบไม่ส่งออก
    แต่ เพื่อให้ จิตเห็นความจริง ของกายกับใจ
    เห็นความจริงของธรรมชาติในตัวมันเอง
    ว่ามันมีปกติ ส่งออก ไปมา กลับไปกลับมา
    อาการพวกนี้ จึงรียกว่า เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


    วิธีการฝึก ของพุทธองค์ แม้จิตตั้งมั่นก็กำหนดรู้ เรียกว่า จิตสงบก้กำหนดรู้

    จิตไม่ตั้งมั่นก็กำหนดรู้ หรือเรียกว่า จิตไม่สงบก็กำหนดรู้

    จิตเป็นฌานก็กำหนดรู้ จิตไม่เป็นฌานก็กำหนดรู้

    ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เนืองๆ

    จะเห็น ว่าวิธีของพุทธองค์ ไม่ได้ไปแก้ไขธรรมชาติแต่อย่างใด
    แต่เป็นกำหนดรู้ ตรงๆ ที่จิต
    ตามธรรมชาติที่จิตเป็น
    การพยายามจะไปแก้ไขธรรมชาติ ที่เป็น
    จะเป็นการ วนกลับไปว่ายน้ำอยู่ในอ่าง

    จิตที่เริ่มมีความสงบ มีสมาธิ
    จะสัมผัส จะรู้ถึง ความวุ่นวายเยอะมากๆภายในจิต
    เนื่องด้วย จิตส่งออกเป็นปกติ เป็นแสนโกฎขณะ ในแต่ละคาบลมหายใจ

    ภาษาบ้านๆหมายความว่า ภายในเวลาหายใจเข้าและออก 1 ครั้ง
    จิตมัน ส่งออกไปมา เรียกว่าเกิดดับเป็น แสนล้านครั้ง
    เรียก ว่า ไวมาก และเป็นธรรมชาติของมันเองด้วยที่เป็นแบบนี้
    ทำให้ คนเรา มองไม่เห็น การเกิดดับ ของจิต จนมองไปว่า จิตเที่ยงไม่เกิดไม่ดับ

    แต่การทำตามวิธีของพุทธองค์ เป็นการย้อนศร
    ทำให้ จิตมันเข้าไปเห็นตัวมันเอง
    ด้วย การสร้าง สติ ให้เกิดขึ้น จึงอาศัย การกำหนดรู้
    สติจะเกิดขึ้นได้ด้วย ความจำ
    การกำหนดรู้เป็นเหตุให้จิตเกิดความจำ
    การทำบ่อยๆ เนืองๆ จึงเรียกว่า เป็นเหตุ ของการสร้างสติให้เกิดประกอบกับจิต

    วิธี ของพุทธองค์ จึงเรียกว่า สติปัฏฐาน
    ใช้ฐานของ กาย เวทนา จิต ธัม เป็นฐานในการสร้างสติ


    ส่วน ที่ เจ้าของกระทู้ เล่ามา
    เป็นอาการ ปกติ ส่งที่ควรทำ คือ กำหนดรู้ที่จิตอย่างเดียว

    จิตไม่พอใจ ก้กำหนดรู้ไม่พอใจ
    มันอยากสงบก้กำหนดรู้
    อยากเอาความคิดอื่นออก ก้กำหนดรู้
    จิตเกิดสภาพ อาการอย่างไร
    เช่น เบื่อ ไม่ชอบ รำคาญ หงุดหงิด ในความคิดที่เข้ามา ก้กำหนดรู้

    กำหนดรู้ รู้ รู้ อย่างเดียวเรื่อยไป

    การพยายามไปหาวิธีแก้ เป้น การไปเพิ่มความลำบาก
    ภาษา พระปฏิบัติ ท่านจะบอกว่า
    " ยิ่งทำไม่ได้ธรรม หยุดทำจึงได้ธรรม "
    คือการหยุด อยู่ที่รู้ หรือเรียกว่า กำหนดรู้อย่างเดียว


    เพิ่มเติมให้อีกนิด

    จิตส่งออก มันไม่ได้จะเป็นเฉพาะ จิตเราส่งออกแต่ฝ่ายเดียว
    จิตคนอื่น ส่งออกมาพัวพันกับเราเหมือนกัน

    ในจิต คนคนนึง มีความพัวพัน นับไม่ถ้วน

    เช่น พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เกิดความคิดเป็นห่วง คิดถึงเรา

    ในขณะนั้นจิตเรามีความสงบ ก็จะสัมผัสถึงความคิดจากภายนอกได้

    และในความเป็นจริง ไม่ใช่แต่เฉพาะพ่อแม่

    เพื่อนฝูง ประชาชนทั่วไป หากเรามีเหตุที่เคยไปพบ เจอ กับผู้คนมากมาย
    ความคิดเหล่านั้นก้พุ่งมาหาเราให้ได้สัมผัสเช่นกัน
    อันนี้เรียกว่า ความคิด จากข้างนอกส่งมากระทบ

    และก็ไม่ได้จะเป็นเฉพาะความคิด ข้างนอก
    ความคิดของเราข้างในก็ส่งออกไปเป็นแบบเดียวกับเขาเหมือนกัน

    คิดดูว่า มันเยอะมากมาย มหาศาล ขนาดไหน
    1ลมหายใจเข้าออก ส่งไปกลับได้ตั้งเป็นแสนล้านครั้ง

    ฉะนั้น ในทางปฏิบัติ ไม่ต้องไปทำการแก้อะไร
    กำหนดรู้ความพอใจ ความไม่พอใจ ความสงบ ความไม่สงบ
    ความอยากสงบ กันไปตรงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2021
  3. หมูไม้ละ5

    หมูไม้ละ5 # shawty, set me free

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    1,659
    ค่าพลัง:
    +1,626
    จิตส่งออกนอก เป็นเหตุที่มาของทุกข์
    เมื่อเกิดการปรุงแต่ง"ให้ค่า"...อะไรก็ตาม
    ...มีลูกเรา
    ...มีเพื่อนเรา
    ...มีรถเรา ... บลาๆ
    เมื่อไหร่....มีการปรุงแต่งให้ค่า...
    เป็น"เรา" เป็น"ของเรา"
    ก็เตรียมทุกข์ได้เลย....
    เพราะสิ่งนั้น....เราจะสูญเสียไป...แน่นอน

    แต่พอ...มาหมั่นดูกายใจนี้
    ก็จะเห็นมันเป็นแค่...
    ....กระบวนการของธรรมชาติ
    เป็นปัจจัยต่อๆกันแค่นั้น
    ....ไม่มีความเป็น"เรา"อยู่ตรงไหน
    เมื่อความรู้สึก"เป็นเรา" เป็นของเรา"ไม่มี
    ....ก็ไม่มีใครทุกข์
    ธรรมชาติเลยเป็นธรรมชาติ...ของมันอย่างนั้น
    เกิดเป็นความดับ...ของทุกข์....ที่ต้นเหตุ

    ความคิดนึกปรุงแต่ง....ต้องยอมรับ
    ....มันเป็นธรรมดาของจิต
    การทำงานของขันธ์....มันเป็นเเบบนี้
    เมื่อยอมรับอย่างที่มันเป็นได้....
    ใจมันจะไม่ผลักไส
    ....กับสิ่งที่เห็น
    การเห็นนั้น....จะเห็นด้วยใจที่เป็นกลาง

    เวลาน้ำเชี่ยว...เราไม่กระโดด..ลงไป

    การทำให้จิตสงบ...มีสมาธิ
    ....จนเกิดความตั้งมั่น ....เกิดอุเบกขา
    เหมือนการทำให้น้ำนั้นสงบลง....
    ....ไม่จำเป็นต้องกระโดดไป
    ก็จะ...เห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำนั้นได้....
    ไม่ต้องตะกายน้ำ...
    ....เพราะมันอาจจมไปในวงวนความคิด
    วังวนของอุปทาน....
    ...แต่เป็นผู้ยืนดูน้ำนั้นอยู่
    ก็จะเห็นความจริง.....อย่างที่มันเป็น
    และจะเข้าใจ....
    ว่าธรรมชาติทั้งหลาย...มันเป็นแบบนั้นเอง
    เมื่อเจออะไรร้ายๆ....ก็ไม่ผลักไส
    เจอสิ่งดีๆ....ก็ไม่ได้อยากกอดเอาไว้
    จะเห็นธรรมชาติเป็นไปตามเหตุปัจจัย
    แล้วจะไปทุกข์กับอะไร...ที่ไหนได้อีก
    แค่นั้นฮับ
     
  4. อินทรี

    อินทรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    418
    ค่าพลัง:
    +562
    ส่วนใหญ่ส่งไปหามันก่อนทั้งนั้น เพราะคิดในสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็เลยต้องคิดแล้วคิดอีก แต่อย่างว่าจิตมันมีหน้าที่รับรู้อารมณ์แล้วคิดตามอารมณ์ที่รับมา จะให้หยุดคิดคงยากหน่อย "ถ้าปากไม่พูด จิตไม่คิด อารมณ์ไม่รั่ว" มันก้เป็นสมาธิกันหมดพอดี สำหรับคนที่ภาวนาพุทโธ พอรุ้ว่าคิดเรื่องอะไรไปแล้ว ให้ดึงจิตที่คิดนั้นกลับมาที่ลมหายใจแล้วระลึกรู้ในพุทโธอย่างเดิม หลักการคืออย่างนี้คับ เมื่อดึงบ่อยๆเข้า ความคิดที่มันฟุ้งซ่านจะน้อยลง สมาธิจะมากขึ้น และเข้าใจภาวะ ที่จิตไม่คิดเป็นเช่นไร สมาธิเกิดขึ้น กายและจิตจะเบาลงมาก เพราะจิตมันตั้งมั่นทำให้นั่งได้นานและทนขึ้นด้วยด้วยอำนาจสมาธิ พอถึงจุดนี้ได้ อะไรที่มากระทบจิตให้เพียงกำหนดรู้ๆๆ ไปแล้วปล่อยวางด้วยอุเบกขาธรรม จากนั้นค่อยไล่ตาม กาย เวทนา จิต ธรรม ตามstep
     
  5. pl12

    pl12 มุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นโดยสันติวิธีการ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2020
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณครับ แล้ว "จิตวน"คืออะไรครับ
     
  6. pl12

    pl12 มุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นโดยสันติวิธีการ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2020
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +4
    ชอบเกิดจากหลังทำสมาธิน่ะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...