เรื่องเด่น เมื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 5 กันยายน 2018.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,469
    เมื่อผู้หญิงที่สวยที่สุดได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ โดย หลวงตาอู๋

    พระนางรูปนันทาท่านเป็นพระน้องนางของพระพุทธเจ้า โดยมีพระบิดาองค์เดียวกัน แต่ท่านประสูติจากพระนางปชาบดีที่เป็นพระมารดาเลี้ยงของพระพุทธเจ้า แต่เมื่อพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้วออกสอนเทศน์ให้ผู้คนบรรลุพระอรหันต์ไปเป็นจำนวนมาก แต่พระนางกลับไม่ยอมมาฟังธรรมของพระเชษฐาเลย ทั้งนี้ก็เพราะพระนางเป็นหญิงที่มีความสวยงามเป็นเลิศ แต่ได้ยินใครๆ ก็พูดว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยยกย่องผู้ที่มีความสวยงาม พระนางจึงไม่อยากมาฟังธรรมของพระพี่ชายเลย แต่ก็ด้วยผลบุญที่พระนางได้เคยทำมาจึงดลบันดาลให้พระนางได้มีโอกาสฟังธรรมจากพระเชษฐาของพระองค์จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในที่สุด.....

    40470626_2116000581767472_7579440099918610432_n-jpg.jpg
    เมื่อครั้งที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมมาพุทธเจ้า ทรงประกาศพระพุทธศาสนา พระองค์มีความสนิทสนมกับพระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์เป็นอันมาก ทราบข่าวว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปกรุงพาราณสีมากกว่าทุกประเทศ คือประเทศนี้องค์สมเด็จพระมหามุนีเสด็จไปถึง ๒๕ ครั้ง สำหรับประเทศอื่นๆ เสด็จไปน้อยกว่านั้น แต่ทว่าปรากฏในกาลไม่นานนัก อัครมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์ คือ พระนางมัลลิกาเทวีถึงแก่สิ้นชีพิตักษัย ฉะนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลปรารถนาใคร่จะได้มีความใกล้ชิด กับองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดามากขึ้น จึงได้ไปขอสตรีในราชนิกูลของกรุงกบิลพัสดุ์มหานครซึ่งเป็นหลาน จะกล่าวกันไปก็เป็นน้องสาวขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา คือเป็นลูกของพระเจ้าอา ชื่อว่ารูปนันทาเทวี

    ครั้นเมื่อนางได้เข้ามาอยู่ในสำนักของพระเจ้าปเสนทิโกศลนี่แล้ว ปรากฏว่าเธอเป็นคนสวยมาก ยากที่จะมีสตรีอื่นเทียบทันได้ แต่ทว่าได้ทราบข่าวว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระเชษฐา เทศน์ทรงตำหนิความสวยของร่างกาย

    ฉะนั้น พระนางนี้จึงไม่ตั้งใจคือไม่สนใจจะสดับรับรสพุทธพจน์เทศนา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมากรุงพาราณสีแต่ละคราวนานๆ จะมาสักทีหนึ่ง เพราะว่าพระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นเวลา ๔๕ ปี แต่ก็มีโอกาสพักที่กรุงพาราณสีเพียง ๒๕ ครั้ง เป็นอันว่าไม่ได้มาทุกปี

    พระนางไม่ยอมไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
    ฉะนั้น ขณะที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ เสด็จประทับยับยั้งสำราญอิริยาบทปรากฏอยู่ในพระราชอุทยานของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลและบรรดาประชาชนทั้งหลาย ต่างคนก็ต่างไปเฝ้าองค์สมเด็จพระจอมไตรเป็นปกติ เพื่อสดับพระธรรมเทศนา แต่ทว่าพระนางรูปนันทาไม่ยอมไปด้วย พระเจ้าปเสนทิโกศลจะช่วยชักชวนแนะนำประการใดก็ดี พระนางนี้ก็ไม่ยอมไป ที่ไม่ยอมไปก็เพราะว่า ไม่ได้โกรธพระพุทธเจ้า มีความรู้สึกว่า ตัวท่านเป็นคนที่มีความสวยสดงดงามมาก ยากที่จะมีบุคคลใดเทียบเท่าได้ แต่ทว่าองค์สมเด็จพระจอมไตร ข่าวว่าอย่างนั้นว่า พระพุทธเจ้าทรงตำหนิรูปสวยหรือรูปคนว่าไม่ดี พระนางนี้จึงไม่ยอมไป

    ต่อมาพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงได้ให้คนแต่งกลอน เป็นกลอนพรรณนาถึงพระราชอุทยาน ว่ามีความงามเสมอด้วยสวนสวรรค์ และให้นางกำนัลขับร้องกล่อมให้พระนางรูปนันทาฟังทุกวัน พระนางรูปนันทาก็สงสัยถามเธอเหล่านั้นว่า การที่เธอขับร้องกันอยู่นี่ อยากทราบว่ามันเป็นสวนที่ไหน หญิงทั้งหลายเหล่านั้นก็กราบทูลว่า สวนของพระเจ้าแม่เองพระเจ้าค่ะ สวยสดงดงามเหลือเกินเวลานี้ นับตั้งแต่องค์สมเด็จพระมหามุนีพร้อมด้วยบรรดาพระอริยสงฆ์ทั้งหลายมาพัก พระเจ้าปเสนทิโกศลพระบาทท้าวเธอให้จัดการให้สวยสดงดงามเป็นพิเศษ มาวันรุ่งขึ้นเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ แต่ว่าอยากจะไปดูสวน เขาลือกันว่ามันสวย

    ในตอนเช้า เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเสวยพระกระยาหารเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้เข้าไปหานางถามว่า รูปนันทาวันนี้จะไปชมสวนไหม นางก็บอกว่า วันนี้ตั้งใจจะไป วันนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลจัดกระบวนเป็นพิเศษ สวยงามมาก พอได้เวลาตอนบ่ายจึงได้พานางไปเฝ้าองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า แต่ทว่าขณะที่ไปเฝ้านั้นแล้ว ก็ปรากฏว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วกำลังแสดงพระสัทธรรมเทศนาอยู่ นางเห็นองค์สมเด็จพระบรมครูเทศน์อย่างนั้น ก็เลยนั่งอยู่ไกลๆ ท้ายบริษัท เพราะว่าไม่ได้ตั้งใจจะไปเฝ้าองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ นั่งอยู่ไกลที่สุดคือท้ายหมู่คน

    พระพุทธเจ้าเนรมิตหญิงสาวที่สวยกว่า
    ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดา ทรงทราบว่าน้องสาวเสด็จมา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเห็นว่าวิสัยของรูปนันทานี้ จะได้อรหัตผล เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาในวันนี้ ฉะนั้น องค์สมเด็จพระมหามุนีขณะที่เทศน์อยู่ สมเด็จพระบรมครูจึงได้ทรงเนรมิตผู้หญิงคนหนึ่งที่มี ความสวยสดงดงามมากว่าพระนางรูปนันทา รูปร่างก็สวยกว่า ทรวดทรงก็ดีกว่า ผิวพรรณก็ดีกว่า เครื่องประดับก็ดีกว่าพระนางรูปนันทามาก ยืนอยู่ใกล้ๆ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าถวายงานพัด ก็หมายความว่าองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เทศน์ ฝ่ายหญิงนั้นก็ยืนพัดเรื่อยไป เป็นเหตุให้พระนางรูปนันทามองดูหญิงคนนั้น แล้วก็มองดูสมเด็จพระภควันต์ แล้วก็ดูตัวเอง

    ก็นึกในใจว่า ข่าวเขาลือกันว่าสมเด็จพระเจ้าพี่ตรงตำหนิสตรีผู้มีความงาม แล้วผู้หญิงคนนั้นก็สวยกว่าเรา แล้วเครื่องประดับประดาก็ดีกว่าเรา ถวายงานพัดอยู่ใกล้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า ก็คือพระเจ้าพี่ แล้วทำไมข่าวลือจึงลือกันไปว่าพระเจ้าพี่นี้ทรงตำหนิ ความงามของร่างสตรีใดๆ เป็นอนว่าข่าวคราวที่ลือกันไม่เป็นความจริง ฉะนั้น เจ้าหญิงรูปนันทาจึงตั้งใจสดับรับรสพุทธพจน์เทศนาของ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะมีความเบาใจว่าเธอเป็นคนสวย แต่ว่าสวยน้อยกว่าหญิงคนนั้น เมื่อหญิงคนนั้นองค์สมเด็จพระภควันต์ให้อยู่ใกล้ถวาย งานพัดได้แสดงว่าไม่รังเกียจฉันใด เธอซึ่งมีความงามต่ำกว่า องค์สมเด็จพระศาสดาก็คงไม่รังเกียจในรูปฉันนั้น เธอก็ตั้งใจฟังเทศน์

    พระนางรูปนันทาฟังเทศน์
    พระพุทธเจ้าวันนั้นเทศน์ใน ไตรลักษณ์คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต่อมาองค์สมเด็จพระจอมไตรก็เทศน์เป็นใจความสั้นๆ ว่า เวลามันสั้นนะ ท่านกล่าวว่าชีวิตเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นมาแล้วก็มีความเสื่อมไป เดิมเป็นเด็ก แล้วต่อมาก็เป็นหนุ่มเป็นสาวร่างกายสมบูรณ์แบบมีความ งามทุกอย่าง แต่ความงามของทรวดทรงทั้งหลายเหล่านี้มันไม่ทรงตัวอยู่ แล้วสมเด็จพระบรมครูก็ตรัสว่า หลังจากความเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วร่างกายก็จะร่วงโรยลงทีละน้อยๆ จนไปถึงวัยกลางคน มาตอนนี้เอง หญิงสาวคนสวยที่ถวายงานพัดอยู่ เมื่อสมเด็จพระบรมครูเทศน์ไปแบบไหน ร่างกายเธอก็ทรุดโทรมไปตามนั้น ค่อยๆ คลายความสวยไปทีละน้อยๆ จนถึงวัยกลางคน

    พระนางรูปนันทานั่งมองดูฟังเทศน์ขององค์สมเด็จพระบรมครู แล้วก็มองดูหญิงกลางคนนั้นแล้วก็แปลกใจว่า หญิงคนนี้เมื่อกี้นี้มันสาวสวยกว่าเรา แต่เวลานี้ก็แก่ไปทีละน้อย ๆ จนถึงวัยกลางคน ผมเริ่มเป็นดอกเลา ต่อมาสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงเทศน์ต่อว่า กลายจากความเป็นคนกลางคนแล้ว ร่างของบุคคลนั้นก็จะต้องแก่ไปทีละน้อย ๆ ทรุดโทรมไปทีละน้อย ๆ ถึงวัยแก่ชราร่างของหญิงนั้นก็แก่ไปตามวาจาของสมเด็จ พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าเทศน์ ท่านก็บอกว่า เมื่อความแก่เข้ามาถึงผมที่ดำสนิทก็กลับค่อย ๆ ขาวเริ่มเป็นดอกเลา แล้วก็ขาวหมดทั้งศีรษะ ผมของหญิงคนนั้นก็เริ่มคลายตัวไปทีละน้อย ๆ ในที่สุดก็ขาวหมดหัว พระนางรูปนันทาก็แปลกใจ

    ต่อไปองค์สมเด็จพระจอมไตรก็บอกว่า หนังที่เคยเปล่งปลั่งมันก็เหี่ยวย่นกลายเป็นคนที่ไม่ มีความสวย ร่างกายของหญิงนั้นก็เป็นตามนั้น แล้วสมเด็จพระภควันต์ก็ตรัสว่า แม้แต่ฟันที่อาศัยอยู่เต็มปากทั้ง ๓๒ ซี่ นี้มันก็ยังหลุดไปทีละซี่สองซี่ ในที่สุดองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเทศน์อย่างนี้ปั๊บ ฟันของหญิงนั้นก็หลุดไปทีละซี่สองซี่จนหมดปาก ปากบุ๋มเข้าไป เวลาต่อไปองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็ตรัสว่า นอกจากความแก่จะเข้ามาถึงแล้ว โรคภัยไข้เจ็บก็เข้ามาเบียดเบียนมีอาการต่างๆ
    มีอาการเสียดท้อง ปวดท้อง ปวดศีรษะ มีอาการอาเจียน เป็นต้น แล้วองค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดากล่าวแบบไหนหญิงนั้นก็ มีสภาพแบบนั้น ผลที่สุดก็อาเจียนเกือบล้มก็เกือบตาย ในที่สุดองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาก็กล่าวว่า ที่สุดของชีวิตนั่นก็คือความตาย หญิงคนนั้นก็ล้มลงมาทันทีถึงแก่ความตาย

    แล้วองค์สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสต่อไปว่า ความตายมันไม่หยุดเพียงแค่นี้ ในเมื่อธาตุลมหมดไป ธาตุไปหมดไป เหลือแต่ธาตุน้ำกับธาตุดิน ธาตุดินไม่มีอะไรเป็นเครื่องประคับประคอง คือไม่มีไฟประคับประคอง ในที่สุดธาตุน้ำก็ละลายดิน ดินละลายแล้วเกิดอาการเน่าขึ้นมา บรรดาอสุภะคือของที่น่าเกลียดทั้งหลายในร่างกายก็ผุด ขึ้นมามีกลิ่นเหม็นฟุ้ง ขึ้นอืด สภาพของหญิงนั้นก็เป็นสภาพแบบนั้น

    ในที่สุดองค์สมเด็จพระภควันต์ก็กล่าวว่า เมื่อน้ำหมดไปร่างกายก็โทรมลง เนื้อหมดไปเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ภาพของหญิงนั้นก็เป็นตามนั้น ในที่สุดท่านก็บกว่า กระดูกเรี่ยรายหายไปจากสภาพร่างกาย หายไปในพื้นปฐพี ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธ เจ้าเทศน์ตามนี้ ร่างกายของหญิงนั้นมีสภาพไปตามนั้น

    พระนางรูปนันทาก็มองดูตามภาพนั้นตามลำดับ ในที่สุดก็มีความคิดว่า หญิงคนนี้สาวกว่าเรา หญิงคนนี้สวยกว่าเรา รูปร่างหน้าตาดีกว่าเรา เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทรงเทศน์เธอก็มีสภาพดีกว่าเรา พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทรงเทศน์จบ พระนางรูปนันทาพิจารณาร่างกายหญิงคนนั้นแล้วก็พิจารณาร่างกายของตัวเองว่า สภาพต่อไปในเบื้องหน้าก็มีสภาพเป็นอย่างนี้ เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์เทศน์จบ พระนางรูปนันทาก็บรรลุอรหัตผลในพระพุทธศาสนา

    ที่มา (บางส่วน): https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-32
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 กันยายน 2018

แชร์หน้านี้

Loading...