เพื่อเตือนลูก หลาน และเราไม่ให้ประมาท

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ด้วยรัก30, 31 ธันวาคม 2013.

  1. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    การเตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติ
    • ลงทะเบียนระบบเตือนภัยพิบัติทางอีเมล (ภาษาอังกฤษ) ไว้ล่วงหน้า
    • ตรวจสอบเส้นทางการเดินทางไปยังศูนย์อพยพหนีภัยที่ใกล้เคียงไว้ล่วงหน้า
      แผนที่ศูนย์อพยพหนีภัยในจังหวัดฟุคุโอกะ (เฉพาะภาษาญี่ปุ่น)
      ※แสดงแผนที่ศูนย์อพยพลี้ภัยในจังหวัด (รวมถึงที่หลบภัย) และแสดงสถานที่เสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงเวลาอพยพ
      ตามหน่วยงานแต่ละท้องถิ่นมีการผลิตและแจกแผนที่ป้องกันภัยที่แสดงข้อมูลของศูนย์อพยพลี้ภัยเอาไว้ จึงควรดูแผนทีของหน่วยงานท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย
    • ประชุมการป้องกันภัยในครอบครัว
      ประชุมการป้องกันภัยในครอบครัวเพื่อแบ่งภาระหน้าที่รับผิดชอบเวลาเกิดภัยพิบัติ และเตรียมช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างคนในครอบครัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ
      นัดแนะสถานที่ที่คนในครอบครัวจะมารวมกันเมือเกิดภัยพิบัติไว้ล่วงหน้า
      กำหนดญาติ หรือคนรู้จัก(คนที่อยู่ไกลออกไป) เป็นคนกลางในการติดต่อรับข้อมูลหรือข่าวสารเกี่ยวกับความปลอดภัยของครอบครัว หรือให้ครอบครัวใช้บริการ "สายด่วน 171 ฝากข้อความเมื่อเกิดภัยพิบัติ" ของNTT หรือบริการ "เว็บบอร์ดฝากข้อความเมื่อเกิดภัยพิบัติ" ของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ
    • ควรเตรียมสัมภาระสำหรับอพยพไว้ที่ทางออกฉุกเฉิน และมีความรู้เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลขั้นต้นเพื่อใช้ในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บ
      สิ่งที่ควรเตรียมไว้ล่วงหน้า (ตัวอย่าง)

      <สิ่งของที่ต้องนำติดตัวเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน>
      ตราประทับ, เงินสด, สมุดบัญชี, ไฟฉาย, ถ่านไฟฉาย, ไฟแช็ค, ที่เปิดกระป๋อง, มีด, กล่องปฐมพยาบาล, เทียนไข, เสื้อผ้า, ถุงมือ, ผ้าห่ม, หมวกกันน็อค, ผ้าหนาสำหรับคลุมป้องกันศรีษะ, น้ำดื่ม, ขวดนม, อาหาร, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, วิทยุ (แนะนำให้ใช้ชนิดที่สามารถรับข้อความจากสถานีวิทยุได้)
      ※ หากมีของที่สามารถใช้แทนกันได้ในบ้าน ก็สามารถนำมาใช้ได้ สิ่งสำคัญคือการเตรียมสัมภาระต่างๆให้พร้อม

      <สิ่งของที่ควรเก็บสะสมไว้ยามจำเป็น>
       ปกติแล้วกว่าอาหารจะถูกเริ่มแจกจ่ายจะใช้เวลา 3 วัน จึงควรเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มสำหรับ 3 วัน ( 1 คน 1 วัน 3 ลิตร) ครอบครัวที่มีเด็กทารก และผู้สูงอายุ ควรเตรียมนมผง และอาหารที่ทานง่าย ผ้าอ้อม ยาต่างๆเอาไว้ด้วย

      ชุดปฐมพยาบาล, น้ำดื่ม ( 1 คน 1 วัน 3 ลิตร), อาหาร (ขนมปังแห้ง, ข้าวที่สามารถทานได้เมื่อเติมน้ำร้อน, อาหารกระป๋อง, อาหารแห้ง เป็นต้น) , หม้อ, เตาแก๊สพกพา, เสื้อผ้า, ถุงนอน, ผ้าห่ม, อุปกรณ์กันฝน, ถ่านไฟฉายสำรอง, อุปกรณ์สำหรับเขียน

      ※ช่องบรรทุกของในรถเป็นที่เก็บสัมภาระจำเป็นใกล้ตัว
      ใช้ช่องบรรทุกของในรถเก็บผ้าห่ม อุปกรณ์ตั้งแคมป์ พลั่ว หรืออุปกรณ์ที่ยากต่อการนำติดตัวไปด้วย แม้ว่าในช่วงเกิดภัยพิบัติจะเกิดการควบคุมจราจร ทำให้ไม่สามารถเคลื่ยนย้ายไปในที่ไกลๆได้ก็ตาม แต่ก็สามารถใช้รถอพยพชั่วคราวไปที่ว่างหรือลานจอดรถใกล้เคียงได้ อย่างไรก็ตามให้พึงระวังโรค Economy class syndrome ที่เกิดจากการนั่งรถเป็นเวลานานๆด้วย
    bt_top.gif
    ข้อควรรู้เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง
    • ติดตามข่าวสารและพยากรณ์อากาศจากโทรทัศน์ วิทยุ และสัญญาณวิทยุจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัย อย่าออกจากบ้านโดยพละการ หากอยู่นอกบ้าน ควรรีบกลับเข้าบ้านทันที
      วิทยุคลื่น Love FM76.1 (คลื่น 82.7 หากรับฟังจากคิตะคิวชู) ให้ข้อมูล คำแนะนำ ข่าวเกี่ยวกับภัยพิบัติในหลายภาษา
    • ตรวจดูความเรียบร้อยรอบๆบ้าน
      ・ปิดประตูกันฝน หากไม่มีประตูกระจกไม่มีประตูกันฝน ให้ปิดม่าน หรือหาผ้ามาบุไว้
      ・ของที่แขวนไว้ และกระถางต้นไม้ จะถูกพัดปลิวง่าย ดังนั้นควรนำมาเก็บไว้ในห้อง
    • ในกรณีที่มีการแจ้งเตือนการหนีภัยเกิดขึ้น แสดงว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติ ในกรณีที่มีเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้นจะมีการประกาศหรือแจ้งเตือนให้หนีภัย ขอให้หนีภัยไปยังสถานที่หลบภัยฉุกเฉินที่เตรียมไว้สำหรับเหตุภัยพิบัติที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น
    • ในกรณีที่คาดว่าไม่มีเวลาพอที่จะไปยังที่หลบภัยได้ ขอให้ท่านอพยพโดยคำนึงถึงชีวิตตนเองก่อนเป็นสำคัญในกรณีที่ไม่สามารถไปยังสถานที่หลบภัยได้ ให้เคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเพื่อปกป้องตนเอง แต่หากพิจารณาแล้วว่าการเคลื่อนไหวจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของตนเอง ขอให้เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่าการอยู่ในอาคาร หรือไปหลบภัยในอาคารที่ปลอดภัยบริเวณใกล้เคียง เป็นต้น
    • ในกรณีที่ท่านตัดสินใจแล้วว่าเกิดอันตรายจากการที่ดูสถานการณ์โดยรอบ แม้ว่าจะไม่มีการแจ้งเตือนหรือคำสั่งให้อพยพก็ตาม ขอให้ท่านรีบอพยพโดยด่วน
    • ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกี่ยวกับดินทราย เช่น แผ่นดินถล่ม หินร่วง หน้าดินสไลด์ ทำให้มีผู้ได้รับอันตรายถึงชีวิตหลายครั้ง ในกรณีที่มีการเตือนภัยพิบัติเนื่องจากว่ามีฝนตกหนักหรือฝนตกเป็นเวลานาน ให้รีบอพยพโดยทันที หากดูแล้วว่าไม่มีเวลาพอที่จะที่อพยพไปยังสถานที่หลบภัยได้ และควรหาตึกที่แข็งแรงและมีสองชั้นขึ้นไป และหลบอยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามกับทางลาดของภูเขา
    bt_top.gif
    ข้อควรรู้เมื่อเกิดแผ่นดินไหว
    • มีสติ และสำรวจความปลอดภัยของตนเอง
      ・หากรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ก่อนอื่นให้หลบที่ใต้โต๊ะที่แข็งแรง แล้วใช้อุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น เบาะรองนั่งคลุมศีรษะเอาไว้
      ・หากรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ให้เปิดประตูบ้านเพื่อใช้เป็นทางออกเวลาฉุกเฉิน
      ・สำรวจสถานการณ์รอบๆตัว อย่าด่วนตื่นตระหนกรีบหนีออกไป ควรอพยพหนีออกอย่างมีสติ
    • ไม่ตื่นตระหนก และป้องกันอัคคีภัย
      ・ปิดแก๊ส และเตาที่ใช้อยู่ทันที
      ・ปิดวาล์วแก๊สให้แน่น และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออก
      ・หากอพยพหลังจากเกิดแผ่นดินไหวแล้ว ให้ปิดแผงควบคุมสวิตช์ไฟก่อนแล้วค่อยอพยพออกมา
       (เมื่อเกิดแผ่นดินไหว เครื่องใช้ไฟฟ้าอาจหล่นลงมา หากสัมผัสกับวัตถุที่ติดไฟง่ายจะทำให้เกิดอัคคีภัยตามมา)
      ・หากเกิดอัคคีภัยขึ้น ให้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิง ถังดับเพลิงต่างๆ ใช้ดับไฟขนาดย่อมไปก่อน

      ※ช่วงเวลาที่สามารถดับเพลิงได้มี 3 ครั้ง
      (ควรระมัดระวังกำแพงหรือป้ายถล่ม)
      (1)เมื่อเริ่มเกิดแผ่นดินไหว…ควรดูว่าปลอดภัยหรือไม่ หากไม่ปลอดภัยอย่าฝืนดับเพลิง
      (2)เมื่อแผ่นดินไหวเสร็จแล้ว
      (3)หลังจากเกิดไฟไหม้ขึ้นทันที
      ※ร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน และช่วยกันดับไฟในชั้นต้น
    • อย่าเข้าใกล้ริมแม่น้ำ หน้าผา กำแพง และทางเดินแคบๆ
      ・ทางเดินแคบๆ หรือริมกำแพงนั้น อาจมีอิฐต่างๆหล่น หรือถล่มลงมา ดังนั้นควรอยู่ให้ห่างจากสถานที่เหล่านี้
      ・หน้าผาหรือริมแม่น้ำอาจเกิดดินยุบได้ง่าย จึงควรหลีกไกลจากสถานที่เหล่านี้
    • เทคนิคข้อควรระวังเมื่ออพยพหนีภัย
      ・ในระหว่างการอพยพ อย่าตื่นตระหนก กรุณาอยู่ในความสงบ และอพยพอย่างระมัดระวัง
      ・ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เคลื่อนไหวได้สะดวก
      ・สัมภาระจำเป็นที่นำติดตัวไปให้สะพายไว้ที่ด้านหลัง
      ・ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรง (แรงสั่นสะเทือนระดับ 4 ขึ้นไป) หรือเกิดแผ่นดินไหวเบาๆแต่ต่อเนื่องยาวนาน ให้รีบออกจากชายฝั่ง และอพยพขึ้นที่สูงโดยทันที
      ・ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสึนามิจากวิทยุ เป็นต้น
      ・พื้นที่ใกล้ภูเขา หรือที่ลาดเอียงนั้นจะเกิดดินถล่มได้ง่าย ให้รีบตัดสินใจอพยพโดยด่วน
      ・ขอให้ทุกท่านพึงระลึกอยู่เสมอว่าอาจมีเหตุการณ์ที่คาดไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยเมื่อใดขอให้ท่านใช้วิจารณญาณตัดสินใจด้วยตนเองแล้วทำการอพยพทันที
    • การรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
      ・ติดตามข่าวสารจากโทรทัศน์และวิทยุ อย่าสับสนกับข่าวโคมลอย
      ・ติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐ เช่น หน่วยกู้ภัย ตำรวจ โดยตลอด
      ・ไม่ใช้โทรศัพท์หากไม่จำเป็น เพราะการโทรศัพท์ติดต่อสอบถามหน่วยกู้ภัย จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่
    • ให้ความร่วมมือในการปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ และช่วยผู้อื่นออกมาจากการถูกทับ
      ・สำหรับการปฐมพยาบาลการบาดเจ็บเล็กน้อย ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
      ・หากมีผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของอาคาร หรือสิ่งของที่ทับลงมา ให้ขอความร่วมมือจากคนในพื้นที่ช่วยเหลือบุคคลนั้น
    • เมื่อกำลังเดินทางโดยรถยนต์
      ・ให้จอดรถในที่ว่างข้างทางด้านซ้าย และดับเครื่องยนต์
      ・ฟังข่าวสารเกี่ยวกับภัยพิบัติจากวิทยุในรถ
      ・ในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมการจราจรอยู่ ให้ปฏิบัติตามนั้น
    ขอขอบคุณข้อมูลจากเวปนี้http://www.pref.fukuoka.lg.jp/somu/multilingual/thailand/living/safety.html
     
  2. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    logo.png
    ขอขอบคุณนี้เวปhttps://www.seub.or.th/bloging/เกร็ดความรู้/เรื่องควรรู้ในการใช้ชี/
    เรื่องควรรู้ในการใช้ชีวิตเมื่อเกิดภัยพิบัติ
    Categories:เกร็ดความรู้Posted on2 สิงหาคม 2018
    5,625
    0
    %E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4.jpg


    การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลกในปัจจุบันสืบเนื่องมาจากสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย จึงก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องใกล้ตัวมนุษย์ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และนับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง เป็นสถานการณ์ที่ไม่ทันรู้ตัว หรือรู้ตัวแต่ไม่ทันเตรียมการในการป้องกัน หรือขาดความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ในการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

    ซึ่ง ประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่างๆ อาทิ ภัยน้ำท่วม ดินถล่ม แผนดินไหว สึนามิ ภัยแล้ง ฯลฯ ในขณะเดียวกันมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีข้อมูลสำหรับการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ จึงไม่สามารถหาทางป้องกันและปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องเมื่อเกิดภัย

    ดังนั้น เพื่อเป็นการให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชนเกี่ยวกับภัยพิบัติต่างๆ จึงรวบรวมข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติแต่ละประเภท ดังนี้



    การเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ
    1. เตรียมพร้อมก่อนภัยมา สร้างแผนฉุกเฉิน เช่น หาวิธีแจ้งเหตุ กระจายข่าว เส้นทางอพยพ กำหนดจุดปลอดภัย และประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

    2. เตรียมพร้อมด้านร่างกาย ที่อยู่อาศัย และสัตว์เลี้ยง รวมทั้งต้องซักซ้อมบ่อยๆในเรื่องการอพยพและการสื่อสาร

    3. เตรียมปัจจัยสี่ จัดเป็นชุด ให้หยิบฉวยง่าย จัดเตรียมน้ำ ยารักษา และของใช้ที่จำเป็น ใส่ถุงเป็นชุดๆ เก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย

    4. ติดตามฟังข่าวสารบ้านเมือง

    5. ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั่วไป



    41998044160_1c4a1baf58_b.jpg

    ภัยจากน้ำท่วม
    1. ติดตามข่าวสาร และ เชื่อฟังประกาศ จากเจ้าหน้าที่

    2. สับคัตเอาท์ไฟก่อนออกจากบ้าน แล้วอพยพจากพื้นที่น้ำท่วมสูงอย่างทันที อย่าห่วงทรัพย์สิน ห่วงชีวิตตนและคนรอบข้างก่อน

    3. โทรแจ้งสายด่วน 1669 หากพบผู้ถูกไฟดูด ให้การปฐมพยาบาลตามคำแนะนำ หากหัวใจหยุดเต้นให้รีบกดหน้าอกช่วยหายใจ

    4. ห้าม ลงเล่นน้ำหรือพายเรือเข้าใกล้สายไฟ และระวังอันตรายจากสัตว์มีพิษ และเชื้อโรคที่มากับน้ำ

    5. หากเดินลุยน้ำ หลังจากเข้าบ้านแล้วควรรีบล้างเท้าทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง หากเท้ามีบาดแผลควรชะล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันโรคน้ำกัดเท้า

    6. นำถุงพลาสติก ใส่ทรายหรือดินอุดที่คอห่านและท่อน้ำทิ้ง เพื่อป้องกันน้ำท่วมดันเข้ามาทางโถส้วม



    41998045040_822742996e_b.jpg

    ภัยจากน้ำท่วมเฉียบพลัน
    1. ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำ

    2. สับคัตเอาท์ไฟก่อนออกจากบ้าน แล้วรีบอพยพขึ้นที่สูง โดยหลีกเลี่ยงแนวธารน้ำ ช่องระบายน้ำ

    3. สวมเชื้อชูชีพเสมอ ห้าม เดินฝ่ากระแสน้ำ และใช้ไม้ปักดินคลำทางเพื่อสังเกตุว่าดินตื้นลึกแค่ไหน

    4. ห้าม ขับรถฝ่ากระแสน้ำท่วมและถ้าหากน้ำขึ้นสูงรอบๆรถ ให้รีบออกจากรถ

    5. อย่า เสี่ยงช่วยผู้อื่นหากอุปกรณ์ไม่พร้อม เพราะอาจไม่รอดทั้งคู่

    6. โทรแจ้งสายด่วนฉุกเฉิน 1669 หากพบผู้บาดเจ็บ



    43806982001_5d3bcecb44_b.jpg

    ภัยจากดินโคลนถล่ม
    1. หากฝนตกหนัก ให้สังเกตุสัญญาณเตือนภัยของเหตุดินโคลนถล่ม เช่น เสียงต้นไม้หัก หินก้อนใหญ่ตกลงมาน้ำมีสีขุ่น

    2. อพยพไปในพื้นที่สูงและมั่นคง ตามเส้นทางที่เตรียมการไว้ เมื่อได้รับสัญญาณเตือนภัย

    3. ตั้งสติ ท่องไว้ “รักษาชีวิตก่อน ทรัพย์สินไว้ทีหลัง” ให้นำของใช้เฉพาะที่จำเป็นติดตัวไปเท่านั้น

    4. หากพลัดตกน้ำ หาต้นไม้ใหญ่เกาะแล้วรีบขึ้นจากน้ำให้ได้

    5. หากหนีไม่ทัน ให้ม้วนตัวเป็นทรงกลม ให้มากที่สุด เพื่อป้องกันศรีษะกระแทก



    43806983581_f8f0b6009f_b.jpg

    ภัยจากแผ่นดินไหว และสึนามิ
    1. อพยพตามแผนของหมู่บ้าน ชุมชน หรือจังหวัด

    2. หากออกเรือขณะเกิดสึนามิ ห้าม เข้าใกล้ชายฝั่งเด็ดขาดและให้อยู่ในบริเวณน้ำลึก

    3. หากอยู่ในบ้านขณะเกิดแผ่นดินไหว รีบหมอบลงใต้โต๊ะที่แข็งแรง หากอยู่ภายนอกอาคารให้อยู่บริเวณที่โล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง

    4. ใช้ผ้าปิดปากและจมูก เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งแปลกปลอม

    5. หยุดรถ และจอดชิดขอบทาง อย่า ออกจากรถจนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย

    6. เมื่อเหตุการณ์สงบ เร่งตรวจสอบ ตรวจดูสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส อย่า เปิดใช้จนกว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัย



    43758449312_e5c6530077_b.jpg

    ภัยจากพายุ
    1. ฟังประกาศการเตือนภัย และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    2. ตรึงประตูหน้าต่างให้มั่นคง ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรขณะฝนตกฟ้าคะนอง

    3. เตรียมอุปกรณ์จำเป็น เช่น เทียนไข ไฟฉาย ยาประจำตัวติดตัวตลอด

    4. ขณะฝนตกฟ้าคะนอง ห้าม อยู่ใต้ต้นไม้ เสาไฟฟ้า และ ห้าม โทรศัพท์เด็ดขาด

    5. หากรู้สึกตัวว่าบ้านกำลังจะพังให้ห่อตัวเองด้วยผ้าห่ม หลบใต้โต๊ะ ใต้เตียง หรือที่แข็งแรงมั่นคง



    43758449582_3a10eab352_b.jpg

    ภัยจากเหตุเพลิงไหม้
    1. ตั้งสติ โทร 199

    2. ใช้ถังดับเพลิงดับไฟ หากประเมินว่าเพลิงไหม้ในวงแคบและสามารถดับไฟได้

    3. อพยพผ่านประตูหนีไฟ ก่อนเปิดประตูให้ใช้หลังมือสัมผัสประตูหรือลูกบิด หากพบว่าร้อน ห้าม เปิดและใช้เส้นทางอื่นแทน ห้าม ใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาด

    4. หมอบคลานต่ำ ใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูก เพื่อป้องควันไฟ

    5. หากติดอยู่ภายในอาคาร ใช้ผ้าชุบน้ำอุดตามช่องว่างรอบประตูหน้าต่างเพื่อกันควันไฟ และพยายามขอความช่วยเหลือ เช่น โบกผ้า ใช้ไฟฉายส่งสัญญาณ



    43758447212_cc23ff0639_b.jpg

    ภัยจากความแห้งแล้ง
    1. กักเก็บน้ำสะอาดและวางแผนใช้น้ำอย่างประหยัด

    2. ดื่มน้ำบ่อยๆ หรือใช้ผ้าชุบน้ำประคบเพื่อลดความร้อนในร่างกาย

    3. โทรแจ้ง 1669 หากพบผู้ป่วยหมดสติ ปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในที่ร่ม จัดท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน คลายเสื้อผ้าและใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเพื่อคลายร้อน

    4. รับประทานอาหารร้อนๆ และดื่มน้ำสะอาดเพื่อป้องกันโรคทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง บิด อหิวาตกโรค

    5. ไม่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ เพราะอาจทำให้เป็นลมแดดได้



    43758449802_5c14ab78ea_b.jpg

    ภัยหนาว
    1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ความเชื่อเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายอบอุ่นเป็นความเชื่อที่ผิด

    2. หากเป็นหวัด ถ้าออกนอกบ้านให้สวมผ้าปิดปากป้องกันการติดต่อไข้หวัดสู่คนรอบข้าง

    3. หากเปียกน้ำ รีบเช็ดตัวให้แห้งและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อป้องกันโรคปอดบวม

    4. รีบโทรแจ้ง 1669 หากพบผู้ป่วยฉุกเฉิน และระวังโรคที่มากับภัยหนาว

    5. ทำร่างกายให้อบอุ่น แต่ ควรหลีกเลี่ยง การผิงไฟเพราะควันไฟอาจอันตรายต่อสุขภาพ

    6. เก็บกวาดเศษใบไม้ ขยะ รอบบริเวณบ้าน เพื่อป้องกันไฟไหม้

    นอกจากที่ยกตัวอย่างมานี้ ยังมีอีกหลายกรณีที่เราควรรู้ถึงการรับมือเบื้องต้นในอีกหลายๆ เรื่อง ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ คู่มืออาสาฉุกเฉินชุมชน (อฉช.) สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งประเทศไทย (สพฉ.) หรือโทรสอบถามที่ 02-8721600
    เรียบเรียง อาคม พรรณิกร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
     
  3. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    คำปรารภ
    ของ หลวงพ่อใหญ่ อภินันโท(จุฬ)
    ประวัติของหลวงพ่อได้พิมพ์ไปแล้วครั้งแรก 2,500 เล่ม หมดไปแต่ปีแรกๆ มีศิษยานุศิษย์มาขอหนังสือชีวประวัติที่ไม่มีแจกให้ เพราะไม่มีโอกาสพิมพ์ใหม่ซักที มาบัดนี้ คุณกิมซัง แซ่เต้(เฮียตี๋) เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อขออนุญาตพิมพ์ขึ้นใหม่ 1,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ต้องการที่จะทราบประวัติของหลวงพ่อเพื่อหวังเอาเป็นค่าบูรณะสร้างสถานสิ่งถาวรต่อไป ด้วยพิจารณาเห็นว่าชีวประวัติของหลวงพ่อ มีธรรมะ นรก มีวิญญาณ ตลอดถึงสวรรค์ นิพพานที่ผ่านพบข้างในด้วยตนเองตลอดเล่มพิมพ์ออกเผยแพร่ให้พวกอนุชนรุ่นหลังได้รู้ ได้เข้าใจและเป็นเหตุกระตุ้นเตือนให้ค้นคว้าแสวงหาด้วยตนเองทางภายในต่อไป จะได้ไม่เข้าใจเขวไปว่า เรื่องนรกสวรรค์ นักปราชญ์เขียนเรื่อง นรกขึ้นมาขู่ เขียนเรื่องสวรรค์เข้าล่อ เพื่อให้ชาวโลกเชื่อและเสื่อมใสในลัทธิและศาสนาของตน

    มีความจริงอยู่อีกข้อหนึ่ง คือถ้าค้นคว้าทางด้านในด้วยสมถยานิกะวะ เป็นต้องทราบเรื่อง รู้เรื่องราว นรก สวรรค์ อินทร์ พรหม ยมยักษ์ ฯลฯ ตลอดถึงนิพพานได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เพราะติดต่อกันได้ คุยกันได้ ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าได้ไปเที่ยวด้านใน คราวไหนก็คราวนั้นเป็นต้องพบทุกครั้งไป มิใช่เรื่องสร้างขึ้นมาด้วยจิตของตนเองหรือเป็นนิมิตติดตาอย่างที่เข้าใจผิดๆ

    พวกว่าค้นคว้าด้านใน ทางวิปัสสนายิกะ จะไม่พบเรื่องเหล่านี้เลย หรือพบก็ไม่สนใจ เพราะเข้าใจเอาเองว่าเป็นภาพหลอนบ้าง เป็นภาพวิญญาณไม่จริงบ้างคล้ายกับว่าพวกนี้ ไม่เชื่อว่าวิญญาณมีจริงฯ ความจริงภาพที่ปรากฏขึ้นทางในเป็นภาพที่หลอกลวงมีอยู่ ใช้อุเบกขาญวางเฉยอยู่ ภาพที่หลอกลวงนั้นก็หายถ้าเป็นของจริวแล้วไม่มีหาย กลับพูดบอกสอนเราเสียอีกว่าคิดอย่างนี้ถูก คิดอย่างนั้นผิด ทำอย่างนั้นถูกทำอย่างนี้ผิดผู้ที่เดินทางในมีครูบาอาจารย์ ในคอยบอกสอนอยู่ตลอดกาล (ไม่ไช่มาร) จึงเดินทางตลอดรอดฝั่งถึงจุดหมายปลายทางเดินไม่ผิดทางในเลย แต่ถ้าหากไม่มีศีลสมาธิปัญญาบริบูรณ์ก็ถูกอาจารย์มารหลอกลวงให้เดินผิดแนวทางเหมือนกัน เพราะฉะนั้นผู้เดินทางในจึงต้องระมัดระวังให้มาก เพราะมารคอมมิวนิสต์ย่อมแทรกแซงทำลายทั้งภายในและภายนอกฯ ถ้าเราประคับประคองจิตเดินทางใน ตั้งใจเป็นกลางด้วยความระมัดระวัง จะเดินผ่านพ้นวิญญาณในอบายภูมิ 4 วิญญาณในสวรรค์ 6 ชั้น วิญญในรูปพรหม 16 ชั้น วิญญาณในอรูปพรหม 4 ชั้นตลอดถึงวิญญาณในโลกกุตตรภูมิ 4 ชั้น คือวิญญาณพระโสดาบัน วิญญาณพระสกิทาคามีวิญญาณพระอนาคามี และวิญญาณพระอรหันต์ ตลอดถึงวิญญาณพระพุทธเจ้า

    วิญญาณในยมโลก มนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก และโลกุตตรโลก มีอยู่จริงทั้งนั้น แต่ผู้เดินทางในจะต้องเดินทางสายกลางไปเรื่อยๆ ผ่านวิญญาณเหล่านี้ไปเรื่อยๆ จะถึงอุดมมติสุดที่หมายปลายทาง

    ในชีวประวัติของหลวงพ่อ มีเรื่องที่ผ่านพบเรื่องวิญญาณตั้งแต่จนปลายฯ เรื่องวิญญาณนี้ หลวงพ่อใหญ่องค์หนึ่งล่ะไม่มีความเชื่อเลย เพราะครูบาอาจารย์สอนในให้เชื่อ แต่เมื่อศึกษาเล่าเรียนไปสอบไล่ได้ ป.ธ.3-4 และอ่านดูในพระไตรปิฏกก็มีเรื่องเหล่านี้ปรากฏตลอด จึงตัดสินใจออกธุดงค์ปลาย พ.ศ. 2475 เที่ยวเร่ร่อนไปแสวงหาความจริงทางด้านใน จึงได้รู้และประสพพบเห็นด้วยตนเองทางในใจ เช่น ภูตผีปีศาจ นรก สวรรค์ ตลอดถึงนิพพาน ด้วยความอุสาหะวิริยะพยายาม เดินตามพระไปก็ได้ผ่านพบของจริง อันมีอยู่จริง ทางในโลกทิพย์ หรือ โลกวิญญาณ

    ส่วนชาวพุทธหรือชาวโลกทั่วไป เดินแต่ทางนอกอย่างเดียวจะไปเห็นเรื่องโลกทิพย์ได้อย่างไร เมื่อไม่เห็นก็โมเมว่าไม่มีๆ เรื่องนรก สวรรค์ เป็นเรื่องโกหกพกลบทั้งนั้น พูดออกวิทยุบ้าง ทางโทรทัศน์บ้าง พูดตามความรู้ความเข้าใจเอาเองของตน ซึ่งไม่เคยเดินทางในเลย แสดงความโง่เง่าเต่าตุ่นออกมาให้เห็นชัดว่า ตนมีความรู้เพียงอ่านหนังสือบางเล่ม เคยได้ยินได้ฟังเขาพูดเขาคุยกันบ้าง เลยคาดคะเนนึกเดาเอาเองตลอดเรื่อง

    ส่วนผู้ปฏิบัติหรือผู้เดินทางใน เขาไปเห็นเองรู้เองสนทนาปราศรัย ตลอดถึงฟังธรรมคำสั่งสอนด้วยตนเองสนทนาปราศรัย ตลอดถึงฟังธรรมคำสั่งสอนด้วยตนเองเขาก็ละอายใจแทน พวกโง่เกมหยิ่งว่า “สิ่งที่มีอยู่กลับกล่าวว่าไม่มี” ดังนั้นมันละอายใจเพียงไหนๆ ต่อไปขอให้ชาวโลกทั้งมวลอย่าได้ขื่น พูดเล่นสำนวนว่า “นรก สวรรค์ ตลอดถึงนิพพาน เป็นเรื่องตลก หรือเป็นเรื่องเขียนเสือให้วัวกลัวเลยเป็นอันขาด ที่แท้จริงมันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แต่จะต้องเดินทางด้านใน ไปค้นคว้าพิสูจน์ด้วยตนเอง ได้โดยแน่นอน

    การเดินทางของสัตว์โลก มี 2 ทาง คือด้านนอกและด้านใน เมื่อวิญญาณปุถุชนเดินอยู่แต่ทางนอก ด้วยการเงิน อาชีพบังคัย จะมีโอกาสพบแต่ของนอกๆ ทั้งนั้นต่อเมื่อเดินอีกทางสายในใจ ตามทาง สมถยานิกะและวิปัศสนายานิกะจะต้องพบของจริงด้วยกันทุกๆ คน

    ขอให้คิดดู พระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ ไม่ต่างจากพวกเรา เท่าไร ท่านก็ไม่เห็นนรก สวรรค์ เหมือนพวกเราๆ เช่นเดียวกัน แต่เมื่อพระองค์ออกบวชเดินทางในเดินไปๆ จนสุดทางสายกลาง ก็พบทุกๆ สิ่งทุกๆอย่าง ซึ่งเป็นของจริงมีอยู่ทางด้านในๆ พิพิธภัณฑ์โลกด้านใน หรือพิพิธภัณฑ์โลกทิพย์ มีรอคอยพวกเราให้ไปดูได้ทุกขณะตลอดกาลสมัยฯ เปรียบเหมือนหอสมุดแห่งชาติ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ สวนดุสิต พระราชวังหลวงมีโบสถ์พระแก้ว ฯลฯ รอดอยให้พวกเราไปดูไปชม ไปนมัสการกราบไหว้ได้ทุกๆ วันนี้ทางราชการการเปิด ตลอดยุดตลอดสมัยฯ นอกจากคนตาบอด ตาฟ่าฟางเท่านั้นไม่เห็นอะไรจึงโม้เม้ว่าไม่จริง เรื่องคนตาบอดตาฟ่าฟางไม่ต้องต้องพูดถึงก็ได้ แม้พูดถึงก็ไม่รู้เรื่องอะไรภายในเลย แม้แต่วงชาวพุทธซึ่งเป็นนักค้นคว้านักปฏิบัติแท้ๆ ยังไม่เข้าใจไขว้เขว ยังพูดไม่ตลอด เพราะค้นคว้าด้านวิปัสสนาอย่างเดียวนั้นเอง จึงไม่ต้องกล่าวถึงคนทั่วไปเลย เพราะเขาไม่มีเวลาค้นคว้าได้มากเหมือนนักพรต

    ไหนๆก็ได้พูดถึงเรื่อง ภูตผีปีศาจ นรก สวรรค์ นิพพานมาแล้ว ต่อไปนี้อยากพูดเรื่องนิพพานให้ผู้อ่านพิจารณาเพิ่มอีกซักหน่อย เพราะผู้อ่านผู้ฟังอาจมีความเข้าใจไปต่างๆกัน บางคนว่า “นิพพานมันไม่มีบ้านมีเมืองอะไรเลย มันเป็นเรื่องของทุกขันตัสสะ ที่สุดของทุกข์เท่านั้นฯ เมื่อมีกิเลสตัณหาต้นเหตุให้เกิดทุกข์ที่จิต เมื่อเดินทางใน ทำความเพียรไปจนเกิดอริยมรรคจิตประหาร ละกิเลส ได้เด็ดขาดไม่มีเชื้อเหลือเศษ มีแต่ความว่างจากกิเลส มีแต่ความสูญ คือ กิเลสสุญหมดสิ้นมีแต่ความดัยกิเลส จึงเรียกว่า นิพพาน คือความว่าง สุญ หาย ดับ กิเลสไม่เหลือเลยนั้นเอง ไม่เห็นว่ามีบ้านเมืองที่ไหนพูดอธิบายอย่างนี้ถูกต้องแล้ว พิจารณาตาม เมื่อพระพุทธเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณ ก็นั่งสำเร็จเหนือบัลลังก์ใต้ต้นโพธิ์ เที่ยวไปเทศนา ประกาศพระศาสนาไปตาม คามนิคมชนบทน้อย ใหญ่ก็ทรงพักอาศัยตามร่มไม้ในสมัยต่อมา ผู้ศรัทธาสร้างวัดถวาย มีกุฏิราคาเป็นล้านๆ เช่น นางวิสาขาสร้างกุฏิถวาย ราคา 270 ล้านบาทอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวายหมดเงิน 540 ล้านบาทแต่พระพุทธเจ้าไม่ติด จึงเรียกว่าไม่มีกุฏีวิหารภายในจิตแต่ภายนอกตามหลักพระสูตรก็ว่า เป็นวัดของพระพุทธเจ้าเป็นกุฏิของพระพุทธเจ้าหรือว่าเป็นบ้านเมืองของพระ แต่ผู้สำเร็จนิพพานแล้วไม่มีอะไรๆในใจเลย

    เมือพระอรหันต์ทิ้งสังขารร่างกายไปแล้ว วิญญาณพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เข้าตามลำดับฌารปรินิพพาน ตอนออกจากฌานที่ 4 ไม่เข้าต่อฌานที่ 5 ทีนี้พวกเราชาวพุทธสงสัยกันนักหนาว่า เมื่อวิญญาณที่ไม่มีเชื้อกิเลสตัณหาดับสนิทแล้วก็ไม่ต้องไปเกิดอีก มีแต่พระคุณปรากฏอยู่ในโลกต่อไป ไม่มีตัวตนอะไร ว่างเปล่าจากจิตวิญญาณทั้งหมด

    ฝ่ายผู้เดินทางในไปพิสูจน์ เพื่อให้เห็นจริงก็ยอมรับว่า “พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อทิ้งสังขารแล้วไม่ไปเกิดใหม่จริง” อย่างที่เข้าใจกันอยู่ในวงชาวพุทธทั่วไป แต่หเลืออยู่แต่ส่วนที่เรียกว่า “ปริสุทธิจิต” ปริสุทธิวิญญาณ หรือที่เรียกว่า ธรรมกายก็ได้” ไม่ยอมรับเพราะเข้าใจว่าดับพร้อมกันกับสังขารร่างกายไปแล้วๆ แต่ชาวพุทธ ที่เดินทางในไปพิสูจน์ด้วยตนเองยอมรับว่า “ไม่ดับไปตามสังขาร มีพร้อมตั้งอายตนะทั้ง 6 เหมือนชาวมนุษย์ชาวสวรรค์ แต่ไม่เกิดใหม่เหมือนชาวมนุษย์ และ สวรรค์เพราะไม่มีตัณหาพาไปเกิดนั้นเองฯ อายตนะทั้ง 6 (ตา หู จมุก ลิ้น กาย ใจ)แห่งพระธรรมกายนี้ ปราศจากกิเลสมลทินทั้งปวง จึงเป็นของคนที่ ไม่มีแก่ไม่มีตายเป็นนิพพาน เย็นตลอดกาล เป็นสุขนิรันด์

    ส่วนสัสสตทิฏฐิ ที่ว่าเที่ยงนั้น มีกิเลสตัญหาอยู่ก็ว่าเที่ยงต้องเกิดอีกตลอดยุด และเกิดเป็นคนก็เที่ยงจะต้องเป็นคนตลอดยุด ไม่มีเปลี่ยนแปลง จึงจัดเป็นสัสสตทิฏฐิ

    ส่วนชาวพุทธที่มีจิตบริสุทธิ หมดมลทินเครื่องเศร้าหมองจิตทั้งปวง คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง อชราไม่แก่ อมตะไม่ตาย นิพพาน เป็นสุขนิรันดร์อยู่เหนือโลก หรืออยู่ในโลกุตตรโลกตลอดกาลฯ โลกุตตรโลกอยุ่ในอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีบ้าน ไม่มีเมือง ไม่มีกุฏิวิหาร เพราะไม่มี ลม ฝน ฝุ่นธุลี อะไรปลิวมาถูกต้องฯ ในยมโลก มนุษย์โลก เทวโลก ฯลฯ ก็ผ่านไปได้ทุกแห่ง เพื่อแผ่เมตตาช่วยเหลือให้แก่สรรพสัตว์ บางทีก็ส่งกระแสจิตอย่างเดียวไปช่วยเป็นโมนัยกาย หรือธรรมกายเนรมิต ไปทั่วทุกแห่งทุกแหล่งหล้า เพื่อช่วยเหลือสัตว์ ผู้มีกิเลสเบาบาง จะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ตามหลังพระองค์ไป เมื่อพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพ ลื้อสัตว์ขนสัตว์ไปได้เพียง 20 อสงขัยเท่านั้น แต่สัตว์ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานตามไปทีหลังยังเหลืออีก 4 อสงขัย บารมีของพระโคดมที่สร้าง 20 อสงขัย โปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้ 24 อสงขัย ส่วนพระศรีอริยเมตไตรย สร้างบารมีเต็มเปี่ยม 80 อสงขัย โปรดสัตว์ได้ 80 อสงขัย

    ถ้านับจากชั้นภพเบื้องบน จากชั้นที่ 31 เป็นต้นไป นิพพานจัดเป็นชั้นที่ 32 33 34 35 36 37 ฯลฯ สูงขึ้นไปตามลำดับองค์นิพพานก่อนก็อยุ่ขั้นสูงสุด องค์นิพพานภายหลังก็อยู่ชั้นต่ำลงมา ลักษณะที่นิพพานนั้นไม่มีบ้านเมือง แต่มีต้นโพธิกับบัลลังก์เป็นที่ประทับและไสยาสน์เท่านั้น พระปัญจวัคคีย์ และพระองค์อรหันต์ทั้งหลาย ก็มาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่ใต้ร่มโพธิ์ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแห่งเดียวแต่ลักษณะต้นโพธิ์และบัลลังก์ก็ใหญ่เล็กตามบารมีและกาลเวลาก่อนและหลัง องค์ก่อนๆ ใหญ่ยิ่งกว่ากันองค์หลังๆเล็กใหญ่กว่ากันตามกาลเวลาฯ แต่ถ้าประชุมกันในโลกมนุษย์เทวโลก ก็ไปประชุมกันที่อากาศบริสุทธิ์ที่ว่างเปล่าจึงว่านิพพานอยู่ที่ว่างและอากาศบริสุทธิ์ทั่วโลก เหมือนดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวงดาราในอากาศ เลื่อนลอยไปได้ทั่วนภากาศฉะนั้น

    ชักจะพูดพร่ำไปมากแล้ว แต่จำเป็นต้องพูดให้ผู้อ่านผู้ฟังได้รู้เรื่องนิพพาน ซึ่งเข้าใจยากจนเหลือวิสัย เพราะต้องการให้เข้าใจเรื่องนิพพานตามแนวพระสูตร พอเป็นทางพิจารณา มิใช่ว่าหายไปหมดไปสิ้นไปเหมือนควันบุหรี่เช่นนั้นฯ แต่นักปราชญ์บางท่านอธิบายว่านิพพานสูญหายไปเหมือนควันบุหรี่หรือควันไฟ ไม่มีมาปรากฏอีกเลยก็ถูกเหมือนกัน แต่เป็นการหายสาปสูญไปจากควันไฟ โลภ โกธร หลง มานะ ทิฏฐิ แม้ทิ้งสังขารไปแล้วยังเหลือแต่บริสุทธิจิตส่องแสงสว่างอยู่ตลอดกาล ไม่มีธุลี เมฆหมอกควัน คือกิเลสตัฒหามาแผ้วพานปิดบังจิตอีกเลย เป็นนิตย์นิรันดร์ นี่แหละเขาเรียกว่า “สุขนิรันดร์” ตามศาสนาพุทธละ หรือความสุขในพระนิพพานแน่นอน ขออธิบายไว้เพียงเท่านี้ก่อน ต่อไปมีโอกาสจะอธิบายเทียบเหตุผล และความเห็นของอาจารย์ต่างๆ เทียบเคียงให้ฟังอีกต่อไปคราวหน้า

    การพิมพ์ชีวประวัติคราวแรก เป็นเฉพาะเรื่องจุฬามณีเจดีย์ศรีธรรมราม เกิดปรากฏชัดที่หน้าอก เพื่อชิมลางดูก่อนว่าชาวโลกจะสนใจและวินิจฉัยอย่างไร ใครได้ทราบข่าวเรื่องราวพูดกันต่อๆไป ครั้นใปดูก็เห็นจริงซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจ โดยคาดคิดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ว่าสิ่งนี้จะบังเกิดขึ้นได้ด้วยอำนาจบุญฤทธิ์

    เมื่อเห็นว่าชาวโลกสนใจต่อสิ่งเป็นจริงเช่นนี้ ไม่ดูถูกดูหมิ่นเพราะเห็นจริงประจักษ์แก่ตาเนื้อของตนๆ แล้วหลวงพ่อใหญ่ จึงเปิดต่อไปอีก ซึ่งเป็นของจริงวปรากกฎก็กายเนื้อจริง เช่น กงจักร ดอกบัว ศรพระนารายณ์ เจดีย์ ฯลฯ เมื่อท่านทั้งหลายที่สนใจอยากจะทราบเรื่องอะไร เปิดดูที่หน้าสารบาญอ่านดูก็จะรู้เรื่องความจริงต่อไป

    ขอให้ท่านทุกๆคนที่สนใจ จงประสบแต่ความสุขความเจริญตลอดกาล

    หลวงพ่อใหญ่อภินันโท(จุฬ) จอมไตรโลก

    ชีวประวัติหลวงพ่อใหญ่ อภินันโท(จุฬ) วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคมสร้าง อ.เมือง จ.ลพบุรี

    คำกล่าว

    พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2511

    เนื่องด้วยท่านอาจารย์หลวงพ่อ อภินันโท(จุฬ)ท่านเป็นนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเป็นผู้ที่มีความอุสาหะวิริยะเป็นอย่างยิ่ง ในการเผยแพร่อบรมธรรมะคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านไม่ยอมฉันอาหารซึ่งประกอบด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ซึ่งท่านเห็นว่าจะเป็นเวรภัยในภายหน้า ท่านธุดงค์ไปโปรดสัตว์ในดินแดนธุระกันดารด่างๆ จนกระทั้งไปถึงต่างประเทศ เช่น พม่า และ ลาว เป็นต้น ท่านได้ประสบเหตุการณ์สิ่งลึกลับต่างๆ ซึ่งบุคคนธรรมดาไม่มีโอกาสที่จะพบเห็นได้ ฉะนั้นข้าพเจ้า นายกิมซัง แซ่แต้(เฮียตี๋) จึงได้จัดพิมพ์หน้าสือนี้ขึ้น 1,000 เล่ม เพื่อเผยแผ่ คำสั่งสอน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และชีวประวัติของหลวงพ่อ ซึ่งได้บันทึกไว้เคยจัดพิมพ์ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2503 ได้แจกจ่ายแก่สานุศิษย์ไปหมด ข้าพเจ้าพร้อมด้วย คณะศิษย์หลวงพ่อมีจิตเสื่อมใสชีวประวัติของหลวงพ่อ และศานุศิษย์ส่วนมากยังไม่ได้รับหนังสือเล่มนี้อีกมาก จึงใคร่อยากให้สาธุชนทั้งหลาย ได้ทราบเรื่องราวของหลวงพ่อใหญ่ จะได้เป็นเครื่องเตือนใจ เพื่อประกอบกิจกรรมการกุศลให้เป็นประโยขน์รายได้ทั้งหมดที่ได้จากทั้งปัจจุบันและในอนาคตผู้ที่ประกอบกรรมดี ย่อมได้รับผลดีการจำหน่ายหนังสือนี้ ข้าพเจ้าขอถวาย แต่ท่านอาจารย์หลวงพ่อจุฬที่เคราพอย่างสูง เพื่อนำเงินไปบำรุงวัดถ้ำคูหาสวรรค์ให้เป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลังด้วย

    กิมช้ง แซ่แต้(เฮ๊ยตี๋)

    สารบาญ

    ที่มาแห่งหน้าปก

    คำปรารถพิมพ์ครั้งที่1

    ข้อควรจำ

    เมตตาบารมี

    ชีวประวัติของหลวงพ่อใหญ่ อภินันทโท(จุฬ)

    ปฐมวัย

    เด็กเลี้ยงควาย

    ผู้อารีต่อสหายเลี้ยงควาย

    สละเลือดเนื้อเป็นทาน

    การศึกษา

    เปลี่ยนวัดเรียนต่อ

    เป็นครูประชาบาล

    บรรพชา-อุปสมบท

    บ้านนอกเข้ากรุง

    ธรรมสังเวชบังเกิด

    ออกเนกขัมมะ

    พญามารนำเหยื่อมาล่อ

    ความเศร้าโศกบังเกิดอย่างรุนแรง

    เหยียบแคว้นแดนพม่า

    จำศีลกินลมแก้กระหายน้ำ

    โพธิสัตว์บูชนียวัตถุ

    ปราบผีดิบกินคน

    ควายผี

    ต้องจองจำ

    ถูกปล่อยเข็มเข้าตัว

    ปราบผีป่าช้าที่บ้านดอยใต้

    ปราบผีป่าช้าบ้านดอยเหนือ

    ปราบผีเส้าตกน้ำมัน

    ผีตายโหง

    ปราบผีพราย

    ปราบผีพิษณุโลก

    บ้านแตกสาแหรกขาด

    เตรียมตัวตายบนยอดดอยแสง

    โอวาสเตรียมตัวตาย

    ความกลัวตายโผล่แล้วดับไป

    เหตุผลการเกิดความกลัวตาย

    ข่าวการตายของหลวงพ่อ

    พุทธบูชา

    โพธิสัตว์บูชา

    หล่อพระเงินต่างๆ

    สร้างแผ่นทองคำจารึกชื่อ

    สร้างพระพุทธรูปถือระฆังทองคำ

    กลับประเทศไทย

    ท่าเกษมแดนวิปโยค

    พุทโธช่วย

    ท่าอุดมแดนมิคสัญญี

    ผจญพญายมราช

    ณ ถ้ำมะขามพระพุทธบาท

    ลูกศิษย์คู่บารมี

    พระภูมิเจ้าที่อาละวาด

    ย้ายมาอยู่ถ้ำภูเขาทองเนรมิต

    เลี่ยงสัตย์อธิษฐานบารมี

    ผู้เร่ร่อน

    พบถ้ำคูหาสวรรค์

    ปักหลัก

    ปูธนียวัตถุ และพระพุทธรูปต่างๆ

    สร้างบารมีภายนอก(ต่อ)ฝ่ายพระสูตร

    สร้างบารมีภายใน(ต่อ)ฝ่ายพระธรรม

    ฝ่าเท้าขวามืหลายอย่าง

    ฝ่าเท้าซ้ายมีลายลักษณ์หลายอย่าง

    ฝ่ามือทั้งสอง

    คาง

    จะทิ้งถ้ำเข้าไปอยู่ป่าถึง 3 ครั้ง

    ใบ้หวย

    รับรองเป็นปาราชิก

    ภารกิจที่ท่านกระทำ

    หลวงพ่อใหญ่อภินันโท(จุฬ)

    ภาคผนวกย่อ

    อธิบายนามชื่อต่างๆ ของหลวงพ่อ

    ความหมายเลข 9

    ความเป็นมัชฌิมาปานกลาง

    สร้างวัดกลางสถานที่

    พำนักอยู่ภาคกลางถึงปัจจุบัน

    ชนะผียักษ์ใหญ่

    ส่วนเปรียบเทียบ

    เรื่องรอยพระบาท

    ข้าพเจ้าขออนุญาตพิมพ์ย่อความ ถ้าต้องอ่านครบให้หาจากเล่ม


    ที่มาแห่งหน้าปก

    ดวงตราหยกที่หลวงพ่อถืออยู่ในมือนี้ ภาษาจีนเรียว่า “ยู้อี้แป่” เป็นตราหยกที่เกิดมาจากเมืองจีนหยกเหล่านี้มีสีสรรต่างๆ กัน อันได้มาจากภูเขาของประเทศจีนซึ่งมีลักษณะเหมือนหิน แต่แข็งกว่าหินมากพวกช่างได้นำหยกที่หามาด้วยความยากลำบาก และสีสันต่างๆกันเหล่านี้มาทำเป็นวัตถุต่างๆ เช่น ต้นผักกาดอันมีโคนขาวต้นผักกาดแล้ว มองดูเหมือนของจริงมากที่สุด ช่างที่จะทำวัตถุเหล่านี้ต้องเป็นช่างที่มีฝีมือมากและจะต้องเป็นคนเก่าแก่สืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลช่างมานับเป็นร้อยๆ ปีทีเดียวสำหรับ”ยู้อี้แป่” นี้เป็นอัตราอาญาสิทธิ์ที่ฮ่องเต้ของจีนใช้ถือออกว่าราชการ ณ ท้องพระโรงหลวง หรือเวลามีงานต้อนต้อนรับแขกเมืองที่สำคัญๆ ส่วนขุนนางผู้ใหญ่หรือผู้มีตระกูบลมั่งคั่งด้วยยศศักดิ์ทรัพย์ศฤงคาร ก็มีผู้ยู้อี๊แป่ประจำตระกูลเหมือนกัน แต่สลักกันคนละตรา คือพระเจ้าแผ่นดินก็สลักแผ่นหยกนี้เป็นรูปมังกร ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็สลักเป็นรูปหงษ์หรือสิงห์โตส่วนผู้ ที่ศักดิ์ตระกูลมั่งคั่งก็สลักเป็นรูปค้างคาวหรือดอกไม้ยุ้อี้แป่นี้คนจีนถือว่าเป็นดวงตราที่เป็นศิริมงคล อย่างสูงสุดถ้าผู้ใดมียู้อี้แป่นี้ครอบครองก็แสดงให้เห็นว่าครอบครัวนั้นมีความสุขสมบูรร์อย่างเต็มที่ ผู้ที่จะมียู้อี้แป่นี้ได้จะต้องเป็นคนที่มีศีลธรรม ตลอดถึงความเมตตาอารีย์อย่างสูง ยู้อี้แป่จึงอยู่ในความปกครองของบุคคลผู้นั้นได้สำหรับหยกที่จะทำเป็นยู้อี้แป่นี้จะต้องมีอายุเป็นหมื่นๆปีที่เดียว และจะมีอยู่ในประเทศจีนแห่งเดียวเท่านั้น มีคนเป็นจำนวนมากนำหยกไปทำเป็นกำไลบ้าง แหวนบ้างปั่นปักผมบ้าง ก็เพราะเขาถือว่าหยกเหล่านี้ เป็นเครื่องรางของขลัง สำหรับใส่ป้องกันอันตรายเหมือนกับพระเครื่องรางของไทย ส่วนพระเจ้าแผ่นดินจึนนั้น เครื่องใช้ไม้สอยมักจะทำด้วยหยก เป็นต้นว่าถ้วย ชาม ตะเกียบ เหล่านี้เป็นต้น

    ยู้อี้แป่ที่หลวงพ่อถืออยู่ในมือนี้ เป็นของคุณหมอศิริพงษ์ วงศ์แพทย์ เจ้าของยาซ่อมปอดใหม่ “แห่งยังตังโอสถ” ซึ่งคุณหมอศิริพงษ์ได้อาราธนานิมนต์ให้หลวงพ่อถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกและสักการะบูชา โดยที่คุณหมอมิได้นัดหมายหรือตั้งใจไว้ก่อนเลย นับว่าเป็นนิมิตธรรมอันหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาเองอย่างมหัศจรรย์ สมกับคำดำรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า “สยัมภู”ผู้เป็นเอง ตรา “ยู้อี้แป่” นี้ ข้าพเจ้าได้ถามคุณหมอศิริพงษ์แล้วว่าแปลว่าอะไรคุณหมอศิริพงษ์ก็ไม่สามารถที่จะแปลเป็นภาษาไทยได้

    ฉะนั้น ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2503 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ อาตมาภาพและคุณสวัสดิภาพ บุญนาค ได้ไปฟังอาจารย์เสถียร โพธินันทะ ซึ่งเป็นองค์ปาฐก ได้กันมาตุยาราม พออาจารย์เสถียร บรรยายจบลงอาตมาภาพจึงได้เข้าไปถามดังคำแปลยู้อี้แป่ ซึ่งอาจารย์เสถียรผู้เชี่ยวชาญในอักษรศาสตร์จีน ได้กรุณา ให้คำแปลคำนี้ว่า “ดวงตาที่ประสาทความสำเร็จให้ดั่งที่ประสงค์” ซึ่งคำแปลนี้เป็นนิมิตธรรมแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่หลวงพ่อมุ่งหมายจำนงหวังไว้ในใจนั้น จะต้องสำเร็จดังมโนรถทุกๆประการ ฉะนั้นต่อไปนี้ถ้ามีใครถามว่า รูปหลวงพ่อบนปกนี้ คืออะไร ให้ตอบไปว่าถือ”ดวงตราที่ปราสาทความสำเร็จให้ดั่งที่ประสงค์” อนูกุ-กโมภิกษุ ปิยะ(เปี๊ยก) สัตยวิถี สำนักปฏิบัติธรรม “อริยะเมตตา” วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคม อ.เมือง จ.ลพบุรี


    คำปรารภ

    พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2503

    เนื่องในโอกาสที่หลวงพ่ออภินันโท(จุฬ)จะทำการฉลองถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ และพระบรมพงษ์โพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย 4 กร ตลอดจนปูชนียวัตถุ และสิ่งก่อสร้างทุกชิ้นในครั้งนี้นั้น อาตมาภาพเห็นสมควรที่จะได้จัดให้มีของชำร่วย แจกจ่ายให้แก่บรรดาลูกศิษย์ตลอดจนญาติโยมที่มาในงานนี้สักชิ้นหนึ่ง ของที่จะแจกจ่ายชำร่วยในครั้งนี้นั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะมีค่าไปกว่าคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแนะนำให้ผู้ประพฤติชั่วกลับเป็นคนดีในขั้นต้น และชี้ทางให้ผู้มีอินทรีย์แก่กล้าเดินเข้าสู่พระนิพพานแดนเกษมในขั้นปลาย โดยเหตุนี้อาตมาภาพจึงใคร่ครวญอย่างหนักที่จะสรรหาเรื่องมาลงพิมพ์สำหรับแจกเป็นทานในครั้งนี้ แล้วในที่สุดอาตมาภาพก็ตัดสินใจนำชีวประวัติของหลวงพ่อมาลงพิมพ์เป็นเล่มออกแจกจ่ายไปในหมู่คณะศิษย์ยานุศิษย์ทันที เผื่อต่อไปภายภาคหน้าจะได้นำเรื่องราวต่างๆ ที่หลวงพ่อเคยพบเคยผ่านเหล่านี้ ไปเล่าให้แก่อนุชนรุ่นหลังสำหรับประพฤติปฏิบัติตามต่อไป เรื่องราวที่อาตมาภาพนำมาร้อยกรองลงเป็นรูปครั้งนี้ เกิดจากการได้ยินได้ฟังมาจากองค์ท่าน ซึ่งได้เล่าให้พวกญาติโยมฟังบ้างแนะนำอุบาสกอุบาสิกา พระภิกษุและสามเณรบ้าง ตลอดจนท่านได้เล่าให้อาตมาภาพฟังเป็นการส่วนตัวบ้าง ซึ่งทุกเรื่องทุกตอนที่ท่านเล่าให้ฟังนั้น มีข้อคิดในทางประพฤติปฏิบัติเกี่ยวกับหลักสมถะและวิปัสสนาอยู่มาก อีกทั้งเรื่องอย่างนี้ ก็ยังไม่มีใครจะค่อยเปิดเผยเท่าใดนักเพราะเป็นเรื่องจริงที่หลวงพ่อต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ในขณะที่แบกกลดบุกป่าฝ่าดงขึ้นเขาและลงห้วย เป็นเวลา 28 ปี ซึ่งทุกเรื่องทุกตอนนี้ปรากฏเป็นตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้นั้น คงจะทำให้ท่านได้รับความรู้ความบันเทิงบ้างตามกำลังสติปัญญาของตน พร้อมกับชีวประวัติทางสมถะและวิปัสสนา ตลอดจนหลักธรรมะง่ายๆ ที่หลวงพ่อได้แนะนำชัดเกลา จนเหมาะแก่อุปนิสัยของเวไนยขนที่ยังปัญญาอ่อนลงในหนังสือเล่มนี้ด้วย ฉะนั้นการที่ท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบ จึงเท่ากับได้ประโยชน์ถึงสามทางคือ 1 ได้ทราบซีวะประวัติปฏิปทาของหลวงพ่อที่ใช้ชีวิตอยู่ในแดนทุรกันดารถึง 25 ปี 2.ได้ทราบเรื่องลึกลับมหัศจรรย์เกี่ยวกับเรื่องนรกสวรรค์ อินทร์ พรหม ยม เทพ ตลอดจนโลกทิพย์ต่างๆ 3.ได้ทราบหลักการปฏิบัติอบรมทางจิต และประพฤติทางศีลธรรม ความมีเมตตาอารีต่อสัตว์โลกทุกทั่วหน้า จึงจัดได้ว่าหนังสือเล่มนี้ได้บรรจุอรรถรสไว้ถึง 3 รส ซึ่งใครชอบรสไหน ก็เชิญตักชิมเอาตามใจชอบ

    ถ้าใครได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ อย่างใช้วิจารณญาณแล้ว ก็จะบังเกิดความเบิกบานปลื้มปิติอย่างสูงสุดเป็นเครื่องโน้นน้าวใจตนเอง ให้กระทำแต่ในทางกุศลธรรม ซึ่งจะได้เป็น ศิริมงคลแก่ตนเอง แก่ครอบคัวตลอดจนญาติพี่น้องและมิตรสหาย เรื่อยขึ้นไปจนถึงประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ขอให้ท่านลองอ่านดูให้ตลอดเล่ม แล้วท่านจะได้พบแสงสว่างอันจะส่องนำท่านไปเหมือนกับหนังสืออื่นๆ ที่ท่านเคยละเลยมาแล้ว มิฉะนั้นท่านจะผ่านกองมณีรัตน์อันหาค่าเปรียบมิได้ อย่างน่าเสียดายยิ่ง

    หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นมาได้ เพราะอาศัยทุนทรัพย์จากพวกญาตโยนผู้มีศรัทธาเสื่อมใสดังมีรายชื่อบอกไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้ว จึงขอขอบคุณทุกๆ ท่าน ที่ให้ความร่วมใจในการกุศลครั้งนี้อีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นทางใด ที่จะช่วยกันนำคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและชีวะประวัติของหลวงพ่อ ให้กระจายกว้างออกไปทั่วโลกทั้งหลาย ที่ตกอยู่ในหลุมเพลิงแห่งความทุกข์จะได้หลุดรอดพ้นขึ้นมา รับความเยือกเย็น จากสัจจะธรรมเหล่นี้บ้าง

    ขณะนี้โลกกำลังร้อนระอุ เพราะเพลิงแห่งโลภโกรธหลงเหลือเกินแล้ว ขอพุทธบุตรทุกคนจงช่วยกันนำพระธรรคำสั่งสอนของพุทธองค์ ไปประพรมให้เพลิงนรกเหล่านี้สงบลงบ้างเถิด อย่าให้โลกนี้ต้องลุกไหม้เป็นจุลมหาจุล เพราะไฟคือกิเลส ความชั่วร้ายเหล่านี้ เร็วเกินไปนักเลย

    เมื่อพูดถึงความสำเร็จของหนังสือเล่มนี้ อาตมาภาพก็อดที่จะขอบคุณ คุณกิมซัง แซ่แต้(เฮียตี๋) โดยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือเล่มนี้ให้นี้สำเร็จขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากคุณกิมซ้งผู้นี้แล้ว ก็ยังมีคณะศิษยานุศิษย์อีกมากมายหลายสาย ที่ร่วมเป็นกำลังให้หนังสือเล่มนี้คลอดออกมาสู่โลกภายนอกได้ อาทิ สายคณะเหมืองและชาวตลาดปิล็อด คณะท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ คณะสีลมบางรัก คณะบ่อนไก่คลองเตย คณะกรมโลหกิจ คณะสำเหร่ คณะบางกระบือและคณะโรงเรียนสอนขับรถยนต์พระนครบริการ ตลอดจนคณะศิลป์นแห่งประเทศไทย เป็นต้น

    ซึ่งการร่วมมือร่วมใจของคณะศิษย์ยานุศิษย์ของหลวงพ่อครั้งนี้ ทำให้อาตมาภาพอดที่จะปลาบปลื้มใจจนน้ำตาไหลเสียมิได้ แม้การจัดพิมพ์ชีวประวัติของหลวงพ่อครั้งนี้อาตมาภาพจะต้องเหน็ดเหนื่อย และตรากตรำสังขารร่างกายอย่างหนักเพียงใด อาตมาภาพก็เป็นสุขใจที่ได้มีโอกาศสยกย่องเชิญชูบารมีของหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) อันเป็นที่สักการบูชาของพวกลูกๆ ทุกคน ขอให้อานิสงส์แห่งการแจกจ่ายธรรมทานไปยังหมู่เวไนยสัตว์ทั้งหลายในครั้งนี้ จงดลบันดาลให้ทุกๆ คนทั้งที่เป็นศิษย์และไม่ไช่ศิษย์ของหลวงพ่อใหญ่ ทั้งที่เป็นมิตรและที่เป็นศัตรูของหลวงพ่อจงประสพแต่ความสุข ความเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ ธนสาร สมบัติทุกชั่วกาลปาวสานเทอญ

    ป.สัตยวิถี 14 มกราคม 2503

    ข้อควรจำ

    บัดนี้พระบรมพงษ์โพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย ได้จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงมาสร้างบารมี เพื่อให้เต็ม 30 ทัศ

    โดยที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ในเมืองมนุษย์ดินแดนประเทศไทยแล้ว ขอให้พวกสัมมาปฏิบัติทั้งหลายจงเร่งบำเพ็ญเพียรทางจิตให้สูงยิ่งๆ ขึ้น และเมื่อเวลาจะนั่งทำสมาธิก็ให้อธิษฐานของตนขอพบองค์กายของท่านทางมโนวิถีเถิด ท่านจงมาปรากฏให้เห็นทุกๆ คน อย่ามัวทุ่มเถียงหรืออวดอ้างว่า องค์โน้นองค์นี้เป็นพระศรีอารย์กันอยู่เลย โลกกำลังจะถูกเผาผลาญเพราะไฟบัลลัยกัล์ปอยู่รอมมะร่อแล้ว เร่งทำจิตให้เห็นพระศรีอารย์องค์ในก่อนดีกว่า เวลาพบพระสรีอารย์องค์นอกจนได้หมดความสงสัยกินแหนงแคลงใจ

    อนึ่ง ผู้ที่ปรารถนาจะพบองค์พระศรีอารย์ในปัจจุบัน ชาตินี้ ก็ให้เร่งบำเพ็ญทางเมตตาบารมีให้จงหนัก อาทิเช่น เว้นจากการกินเนื้อสัตว์ที่มีคุณต่อชาวโลก เช่นเนื้อ ช้าง ม้า วัว ควาย แพะ แกะ เต่า เป็นต้น ให้มีจิตใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อสัตว์เดรัจฉานและเพื่อนมนุษย์ทุกตัวตนให้ทำบุญตักบาตรบริจาคทานถือศีล ฟังเทศน์ บำเพ็ญ เพียรภาวนา ตามกำลังสติปัญญาของตนโดยเคร่งครัดเมื่อปฏิบัติได้อย่างนี้ องค์พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยจึงจะแสดงองค์ให้เห็นโดยไม่ต้องสงสัย ส่วนผู้ที่ยังหมกมุ่นอยู่กับความชั่วและบาปอกุศล เชนการฉ้อโกง ปลื้นปล้อน ดื่มสุราเมรัย คบชู้สู่สาว หมกมุ่นอยู่แต่การพนันและการหลงใหลในกามคุณจนโงหัวไม่ขึ้น, บุคคลเหล่านี้จะต้องไปสูอบายภูมิ4 อันมีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอนและอีกหลายอสงไขกัล์ปนัก จึงจะมีโอกาสพบพระพุทธเจ้ามาโปรดสัตว์โลก เพราะพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลนั้น เป็นพระเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัล์ปนี้ เพราะฉะนั้นอาตมาภาพจึงขอเตือนสัตว์โลกทั้งหลายที่ยังประมาทมัวเมาต่อความชั่ว และบาปอกุศลกรรมทุกคนให้เร่งละความชั่วทำความดี และทำใจให้บริสุทธิ์ให้มากที่สุดในชีวิตของเราจะกระทำได้ มิฉะนั้นแล้วจะเอาตัวไม่รอดจากนรกอเวจีเป็นแน่ “อักขาตาโร ตถาคตา”พระตถาคตเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ชี้ทางความสุขให้เท่านั้นส่วนใครจะเดินหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ชนิดของบุคคล

    ป.สัตยวิถี

    เมตตาบารมี

    เมื่อกลางปี พ.ศ. 2502 อาตมาภาพได้ออกจาริกไปเที่ยวโปรดสัตว์ทางด้านอำเภอทองผาภูมิและเหมืองปิล็อก ซึ่งเป็นเขตแดนใกล้ประเทศพม่าตอนใต้ และได้มีโอกาสสั่งสอนศีลธรรมกรรมฐาน ตลอดจนได้ช่วยชีวิต วัว ควาย ไว้เดือน ละประมาณ 60 ตัว และได้ช่วยชัดขวางมิให้ชาวบ้านป่า บ้านไร่เหล่านั้น ฆ่าเต่า เผาเต่า เดือนหนึ่งนับร้อยๆตัว สาเหตุที่อาตมาภาพสามารถช่วยชีวิตสัตว์ผู้น่าสงสารเหล่านั้นไว้ได้ ก็เพราะอาศัยบารมีของหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) จึงได้ไปแสดงความศักดิ์สิทธิ์ให้พวกญาติโยมทางด้านปิล็อกได้ดู ได้รู้เห็นจนทั่วถึงกัน จนเขาเหล่านั้นศรัทธาอย่างแก่กล้า จึงสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอนของอาตมาภาพได้

    ทางด้านทองผาภูมิและเหมืองปิล็อกนั้น ประชาชนส่วนมากมีอาชีพทางเพาะปลูก และทำเหมืองแร่ ผู้คนในด้านนี้ มีทั้ง พม่า, มอญ, ลาว, และกระเหรี่ยง ซึ่งพอจะพูดภาษาไทยกันรู้เรื่อง การครองชีพทางด้านโน้นผืดเคืองมาก ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ด้วยความอดทนและขยันขันแข็ง บางครั้งต้องเดินขึ้นภูเขา วันหนึ่งๆ 50 ถึง 60 กิโลเมตร เพื่อติดต่อการค้าซึ่งกันและกัน เป็นการเดินทางที่ลำบากและทุรกันดารมาก อาตมาภาพเคยเดินทางร่วมกับเขาเหล่านั้น 1 ครั้ง แต่เดินได้เพียง 43 กิโลเมตรเท่านั้น เท้าก็แข็ง ก้าวไม่ออก ปวดเจ็บระบมไปทั่วตัว จนคุณวิเชียร ภูษณะพงษ์ ซึ่งเป็นพ่อค้าทางเหมืองปิล็อก ต้องหาช้างมาให้ขี่ ครั้งนั้นอาตมาถึงกับน้ำตาตกเพราะเป็นการลำบากทุรกันดาร อีกทั้งการทำมาหากินก็ฝึดเคือง อัตคัดขันสน ชาวบ้านพวกนั้นจึงต้องออกป่าล่าสัตว์ตัดชีวิตกันเป็นส่วนมาก บางทีก็หิ้วเต่ามาเผา 5-6 ตัว ทุกวัน และเกือบทุกครอบครัว เนื่องจากภูมิประเทศแถบนั้นมีเต่าชุกชุมมาก บางครั้งอาตามาก็ขอซื้อเต่าจากชาวป่าเหล่านั้นมาปล่อยเสียก็หลายครั้ง ส่วนวัว ควายนั้นก็ล้มตายลงมาก เพราะเขาต้อนมาจากประเทศพม่าได้ง่าย อีกทั้งราคาก็ถูกด้วย ตัวละ 100 กว่าบาทเท่านั้น โดยเหตุนี้เขาจึงล้มวัวควายกันทุกวัน เพื่อเป็นอาหารประจำวันของพวกเขา เมื่ออาตมาภาพไปถึงสถานที่นั้น อันมีบ้านมอญหินแหล ท่าขนุน บ้านไร่ เชิงเขา และเหมืองปิล็อก ถ้ามีผู้คนได้รับความเดือดร้อนจากโรคภัยไข้เจ็บกันมาก อาทิ ไข้ป่า โรคลงท้อง เจ็บปวดแขนขา พุงโร ผอมเหลือง หรือโดนผีป่า ผีปอบ เข้าสิงเป็นต้น ซึ่งอาตมาภาพก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์, หลวงพ่อ ทำน้ำมัน ลักและทาทำน้ำมนต์อาบรด ขับไล่อาเพศอาถรรณ์ต่างๆ เหล่านั้นอยู่หลายวัน ผลก็คือปรากฏว่า ชาวเหมืองชาวไร่ได้รับผลเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจคือ หายจากการเบียดเบียนจากโรคภัยไข้เจ็บกันทุกคน บางคนเป็นอัมพาต มือเท้าตายก็หาย บางคนปวดท้อง ปวดฟันก็หายบางคนเป็นแผลเน่าเปื้อย พุพอง หรือโดยไฟไหม้ น้ำร้อยนลวกก็หาย ด้วยอำนาจน้ำมนต์ของหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) จึงทำให้ชื่อเสียง และบารมีหลวงพ่อกึกก้อง และโด่งดังยิ่งๆ ขึ้นเมื่อทุกคนเสื่อมใสและศรัทธาเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ จึงพากันมาขอรูปเอาไปบูชาอย่างมากมายพอตกตอนเย็นก็หาดอกไม้รูปเทียน มาฟังคำแนะนำตักเตือนในแนวทางแห่งการครองชีพ เพื่อให้ชีวิตในครอบครัวมีความสุข ซึ่งการอบรมสั่งสอนของอาตมาภาพก็ได้ผลดีมาก คือทำให้พวกเขาเหล่านั้น รู้สึกสำนึกในเรื่องบาปบุญคุณโทษยิ่งขึ้นพออาตมาภาพเห็นว่า จิตใจของเขาสะอาดนิ่มนวลและอ่อนโอนพอ อาตมาภาพก็ชักชวนให้เขาเลิกรับประทานเนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อเต่า โดยให้เหตุผลว่า วัว ควายนั้นเป็นสัตว์ที่มีบุญคุณต่อชาวโลกอย่างเหลือหลาย เช่นไถ่นานำข้าวมาให้เรากิน เวลามารดาของเด็กทารกบางคนตายก็ได้น้ำนมของเขามาเลี้ยงชีพจนเติบโต หรือเวลาเจ็บไช้ได้ป่วยไม่มีกำลัง รับประทานอาหารไม่ได้เราก็พึ่งน้ำนมนี่แหละ อีกทั้งเขาก็เป็นสัตว์ที่ชื่อน่าสงสาร เวลานำเขาไปฆ่า เขาก็น้ำตาไหล มีความอาลัยอาวรณ์ในชีวิตของเขาเหมือนกัน ส่วนเต่านั้นเป็นสัตว์ที่ซื่อน่าสงสารเช่นเดียวกัน ทั้งตายยากอีกด้วย ตัดคอจนขาดก็ไม่ตาย เอาไฟเผาจนกระดองไหม้เกรียมหมดทั้งตัวก็ไม่ตาย เนื้อก็มีกลิ่นคาวแรงมาก ทั้งยังเคยเป็นแม่เลี้ยงของพระพุทธเจ้ามาแต่เนกชาติด้วย เพราะฉะนั้น เราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์เหล่านี้อย่างยิ่ง ด้วยคำพูดที่มีเหตุผล และการเน้นอย่างเอาจริงเอาจังของอาตมาภาพ ชาวเมืองแร่เหล่านั้น ต่างก็ตั้งสัจจะและปฏิญาณว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์ที่ว่ามานี้ตลอดชีวิต มีปริมาณเพิ่มขึ้นทุกวัน วันละ 5-6 คนบ้าง 10 กว่าคนบ้างตลอดเวลา 18 วัน ที่อาตมาภาพพักแรกที่เหมืองปิล็อกอาตมาภาพก็สามารถชักชวนให้เสมียนพนักงาน กรรมกรของเหมืองแร่ พวกลาวเหมืองแม่สอด พวกพ่อค้าในตลาดให้เลิกกินเนื้อวัว เนื้อควาย และเต่าได้หมดสิ้นทั้งเหมืองปิล็อก เพราะฉะนั้น ชีวิตของวัว ควาย ที่ส้มตายลงวันละ 2-3 ตัว จึงได้รอดตายมานับตั้งแต่วันนั้น เคยมีคนฆ่าออกมาแล้วไม่มีคนกิน เมื่อไม่มีคนกิน เขาก็ไม่ฆ่า เมื่อเขาไม่ฆ่า วัว ควาย เต่า ก็ได้รอดพ้นจากความตาย เมื่อเขาได้รอดพ้นจากความตาย เพราะพวกเราไม่รวมหัวกันกินเนื้อขา พวกเราก็ได้กุศลผลบุญ ทำให้เกิดความสุขความเจริญ โรคภัยไข้เจ็บก็เบียดเบียนน้อยลง ขณะนี้อาตมาภาพกล้าคุยได้เต็มปากว่า เพราะบารมีของหลวงพ่อ วัว ควาย และเต่า ทางแถบปิล็อกหรือท่าขนุนนี้ จึงให้มีโอกาสรอดตาย เดือนหนึ่งนับร้อยๆ ตัว อาตมาภาพได้นำความสำเร็จ ในการเอาบารมีของท่านไปเผยแผ่ครั้งนี้มาให้ท่านฟัง ท่านฟังแล้วก็ดีใจ และตื้นตันใจมาก ที่บารมีของท่านสามารถช่วยชีวิตสัตว์ให้รอดตายได้ทันตาเห็นสมกับที่ท่านเกิดมาสร้างบารมี ช่วยเชิดชูศาสนาพระศรีอารย์ เพราะศาสนาพระศรีอารย์นั้น ท่านยกย่องเมตตาบารมีเป็นใหญ่

    เมื่ออาตมาภาพได้ห้ามทัพพวกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตลอดทั้งพวกกินเนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อเต่าได้แล้ว อาตมาภาพก็หันไปห้ามทัพ พวกชอบเล่นการพนัน และกินเหล้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง พวกกรรมกรส่วนมาก ได้นิมนต์อาตมาไปแสดงปาฐกถา อบรมและชี้แนวทางแห่งความสุข ความเจริญแห่งการครองชีพ แล้วเขาเหล่านั้นก็พร้อมใจกันจุดธูปสาบานว่าจะเลิกการพนัน และการดิ่มสุรายาเมา ตลอดจนเรื่องอบายมุขทุกชนิด นับว่าการที่อาตมาภาพได้ไปเผยแผ่สัจจธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) ผู้เป็นบูรพาจารย์ของอาตมาครั้งนี้ ได้ผลดีเป็นที่น่าปลื้มปิติอย่างมาก

    บัดนี้นับตั้งแต่เมืองกาญจนบุรี เรื่อยไปตามลำแม่น้ำแควน้อย และน้ำตกไทรโยดอันลือชี่อ ตลอดจนถึงบ้านมอญหินแหลม ท่าขนุน บ้านไร่ และหมู่บ้านเหมืองปิล็อก จะต้องมีรูปหลวงพ่อบูชาไว้ประจำบ้านแทบทุกบ้านและเขาเหล่านี้จะต้องได้รับความเจริญ ถ้าเขากราบไหว้ระลึกถึงหลวงพ่อให้คุ้มครองรักษาและเขาเหล่านั้นจะไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินทองค่ายา ในเมื่อเขาเหล่านั้นเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย หรือได้รับอันตรายจากอาวุธที่เกิดจากของมีคมหรือเขี้ยวงาทุกชนิด อาตมาภาพไม่อย่ากจะกล่าวอะไรให้มากความ แต่ขอย้ำไว้เป็นปัจฉิมพจน์สักนิดว่า ทุกคนที่ได้รูปหลวงพ่อไว้บูชาที่บ้านนั้น หรือประจำตัว เปรียบเหมือนได้แก้วสารพัดนึกไว้ครอบครองในชีวิต ซึ่งวันและเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า คำกล่าวของอาตมาภาพนี้จะเป็นจริงหรือไม่?

    ชีวประวัติของหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ)

    อาตมาภาพผู้มีชื่อ อนุกูกโม(ปิยะ สัตยวิถี) ขอรจนาประวัติของหลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) ตามที่ได้ยินได้ฟังมาจากการบอกเล่าจากองค์ท่านนับแรมปี เพื่อสั่งสอนอบรมให้บรรดาศิษยานุศิษย์ตลอดจนพระภิกษุ สามเณรและแม่ชีฟังเพื่อเป็นศาสนาอุทาหรณ์ สำหรับประพฤติปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่อ ซึ่งท่านได้ฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการมาแทบจะเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง เป็นชีวประวัติที่พวกลูกๆของ ท่าน ควรจะต้องศึกษาให้รู้ไว้สำหรับจดจำ และดำเนินรอยตามทางที่ท่านเคยพบและผ่านมา หวังว่าการรจนาประวัติของหลวงพ่อ ด้วยการนำธรรมะที่เกิดจากภายในของท่านมาบรรยายให้ฟังครั้งนี้ คงจะทำให้ท่านผู้อ่านผู้ฟังได้เกิดปัญญาตาใจ สำหรับดำเนินชีวิตให้อยู่ในหลักของศิลสมาธิปัญญาบ้าง ไม่มากก็น้อย ถ้าหากสำนวนโวหารหรืออรรถธรรมตอนใดขาดตกบกพร่องอาตมาภาพต้องขออภัยจากท่านผู้อ่านผู้ฟังและท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วย เพราะปัญญาอันน้อยนิดของอาตมาภาพที่หาญทำงานใหญ่ อุปมาดังยกเขาพระสุเมรุที่เอนให้ตั้งตรงในครั้งนี้นั้น ที่ไหนเลยจะไม่พ้นความผิดพลาดไปได้

    ปฐมวัย

    หลวงพ่ออภินันโท(จุฬ) เดิมชื่อ กุล เกิดที่บ้านกลาง ตำบลนนทรี หมู่ที่9 อำเภอเมือง จังหวัดกบันทบุรี บิดาชื่อ อยู่ มารดาชื่อ น้อย มีพี่น้องร่วมเกิดในอุทรเดียวกันหลายคน คนแรกเป็นชายชื่อ บุญ คนที่สองชื่ออุ่น คนที่สามเป็นหญิงตายตั้งแต่เล็กๆ คนที่สี่คือหลวงพ่อชื่อ กุล เมื่อครั้งเป็นทารกหลวงพ่อเจ็บไข้ได้ป่วยเสมอ สามวันดีสี่วันไข้ผอมโซ จนกระทั่งพ่อแม่คิดว่าจะไม่รอดเมื่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองเห็นลูกเป็นคนขี้โรคออดๆ แอดๆจึงคิดจะเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ โดยเข้าใจว่าชื่อกุลคงจะเป็นกาลกิณีแก่ตัว บังเอิญหลวงน้าเบ้าน้องของแม่ ซึ่งบวชอยู่วัดใกล้บ้านมาเที่ยวที่บ้าน และทราบความประสงค์ว่าพ่อแม่จะตั้งชื่อให้ลูกคนที่4 ใหม่ ท่านจึงตั้งชื่อให้ว่า “จุฬ” และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านร้านตลาดก็เรียกแต่ “จุฬ”เป็นต้นมา เป็นอันว่าชื่อ กุล และชื่อ เสงี่ยม ที่หลวงปู่ตั้งให้ได้หายไปจากความทรงจำของชาวบ้านนับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น “จุฬ” คนที่ห้าเป็นหญิงชื่อ สุ่ม และคนที่หกเป็นชายชื่อ เย็น

    เพราะความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของโลก ตามคำของพระพุทธเจ้า พี่น้องและพ่อแม่ของหลวงพ่อจึงได้พลัดพรากตายจากกันไปคนละทางสองทาง ตามอายุขัย ของสัตว์ ซึ่งบัดนี้ก็เหลือแต่หลวงพ่อจุฬองค์เดียวเท่านั้นที่ยืนหยัดอยู่บนธรณีนี้เพื่อค้ำจุนโลก และค้ำจุนธรรมให้วัฒนาถาวรต่อไป ทั้งในปัจจุบันและอนาคตกาล คิดให้ซึ้งแล้ว ช่างน่าสลดใจจริงๆ ที่มีพ่อแม่พี่น้องก็ไม่ได้อยู่ร่วมกัน ต้องทิ้งร่างกายไว้ ให้เป็นเหยื่อของหนอนและมดปลวก เอาสมบัติอะไรติดไปไม่ได้เลยสักอย่างเดียว จะเอาติดตัวไปได้ก็แต่บุญและบาปเท่านั้น ซึ่งถ้าใครใจเป็นกุศลทำบุญไว้มาก ก็ได้ไปในที่สุคติ แต่ถ้าหากใจเป็นอกุศหยาบช้าสามานย์ก็แน่เหลือเกินว่า ทุคคติเป็นที่หวังได้ เพราะมนุษย์เราทุกคนจะเกิดมาสร้างบารมี เกิดมาสำหรับค้ากำไรชีวิต ให้เป็นไปทางกุศล ไม่ใช่เกิดมาสำหรับสร้างสมบัติ พัศฐานตึกราม บ้านช่อง เรือกสวนไร่นา ต้วยจิตใจเหี้ยมโหด ขาดมนุษย์ธรรม จงอย่าหลวงทะนงว่าตัวเองและลูกเมียของตนจะอยู่ค้ำฟ้า ไม่ตายไปจากพื้นพิภพนี้ จงคิดไว้เสมอว่าตัวเรานี้เสมือนโคที่ถูกจูงจมูกไปเข้าหลักประหาร นับวันดาบที่อยู่ในมือของนายโคฆาตก็จะบั่นลงบนคอใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ไม่ช้าเราก็ตายจากและพลัดพรากจากของรัก ที่ชอบใจไป โดยไม่มีการอ้อนวอนหรือผัดผ่อน ขอให้พวกเราชาวพุทธทั้งหลายจงสังวรใจไว้ให้จงหนัก จงระลึกอยู่เสมอว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าผู้เป็นแสงสว่างของโลก ก็ยังต้องทิ้งสังขารไป เหลือแต่เกียรติคุณความดี ที่ท่านสร้างสมอบรมมา ให้พวกเราชาวพุทธบุตรได้กราบไหว้บูชาเท่านั้น สำมาหาอะไรกับเราผู้เป็นพวกปุถุชนคนธรรมดาหนาไปด้วยกิเลส สังขารร่างกายของทำไมจะไม่เน่าเปื่อยผุพังไปตามกฏธรรมดาของโลก

    เด็กเลี้ยงควาย

    จากเด็กทารกมาเป็นเด็กชายพอรู้เดียงสา แม่ก็มอบงานเบาๆ ให้ทำเช่นการเลี้ยงไก่ ตักน้ำรดผัก ตากข้าวเปลือก และตำข้าวเปลือกด้วยครกกะเดื่อง เป็นต้น นับว่า งานที่หลวงพ่อทำเมื่อครั้งเป็นเด็กนั้น หนักเอาการอยู่ และออกไปเลี้ยงควายตามชายทุ่งเสมอมิได้ขาด พร้อมกับสั่งว่าถ้าพบเห็นผักที่ขึ้นตามชายทุ่งชายป่า ก็ให้เก็บมาต้มจิ้มน้ำพริก น้ำปลาล้าด้วย เพื่อประหยัดรายจ่ายตามภา ษาของผู้มีชีวิตอยู่ตามชนบท ทุกๆ เวลาเย็นเด็กชายจุฬก็คุมควายกลับบ้าน เมื่อผ่านมาในที่ต่างๆ ก็เก็บผักบุ้งบ้าง ผักตำลึงบ้าง ผักแต้ว มาฝากแม่เพื่อทำอาหารเสมอ ด้วยการปรนนิบัติแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยลักษณะเช่นนี้ นำความปลื้มปิติมาสู่ญาติพี่น้องและพ่อแม่เป็นอย่างยิ่ง ความเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายและมีกตัญญูต่อบุพพการีของเด็กชายจุฬครั้งนี้ ก็เป็นที่เลื่องลือชมเชยของชาวบ้านในจังหวัดกบินทร์บุรีมิได้ขาด ยิ่งได้รับความชมเชยมากเพียงใด เด็กชายจุฬก็เร่งสร้างความดีให้ยิ่งขึ้นเพียงนั้น

    ผู้เอื้ออารีต่อสหายเลี้ยงควาย

    ทุกครั้งที่เด็กชายจุฬ นำควายออกไปเลี้ยงกลางนา มักจะมีเด็กเพื่อนบ้าน ไล่ต้อนฝูงควายออกไปเลี้ยงต้วยกันเสมอ บางคนมีนิสัยตลกคะนอง โห่ร้องป้องปีกบางคนก็เย้าหยอกกันด้วยคำหยาบๆ คายๆ แต่เด็กชายจุฬ ไม่มีอุปนิสสัยอย่างที่ว่านี้เลย เธอมักจะเหม่อมองดูขอบฟ้าอันกว้างใหญ่สุดตา พร้อมกับใคร่ครวญว่าอะไรหนอแอบแฝงอยู่ ณ สิ่งที่ตนไม่เห็น บางครั้งก็เห็นวัวควายทำงานหนักเหงี่อไหลหยดย้อย ซ้ำยังถูกเฆี่ยนตีจากผู้ใช้งานอย่างเหี้ยมโหดอีกด้วย ทำให้เด็กชายจุฬไม่สามารถจะอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ โธ่ นี่เขามีปาก เขาคงร้องของความกรุณาว่า เหนื่อยและหิวกระหายน้ำเหลือเกิน แต่นี่เขาพูดไม่ได้ เขาจึงต้องทนรับความเจ็บปวด และหิวกระหายต่อไปจนกว่าจะเสร็จงาน นี่หรือคือโลกแห่งความอภิรมย์ นี่หรือคือโลกที่ใครๆ พากันหลงไหลใฝ่ฝันในความยั่วยวนของแสงสีวิทยาศาสตร์ นี่หรือคือโลกที่ชาวกรุงเรียกกันว่าเมืองสวรรค์ มันน่าอภิรมย์เฉพาะในเมืองหลวงเล็กๆ ที่ฉาบไปด้วยแสงสีแห่งอารยธรรมในวงจำกัดเท่านั้น ลองมองออกไปนอกๆ ตามป่าเขา และดงดอนดูบ้าง ว่าสิ่งที่ทุกข์ทรมานด้วยน้ำตา และสายเลือดยังมีอยู่อีกมากนัก

    วันหนึ่งเพื่อนเลี้ยงควายคนหนึ่งนำข้าวห่อและบุหรี่มวนใบตองออกมารับประทานและจุดสูบ พวกเพื่อนๆ ต่างก็เข้ารุมล้อมแล้วร้องขอส่วนแบ่งจากเพื่อนผู้นั้นแทนที่เพื่อนผู้นั้นจะแบ่งข้าวห่อและบุหรี่มวนใบตองให้กับสหายผู้ขอเขากลับกล่าวคำผรุสวาทและตะเพิดขับไล่พวกเพื่อนเหล่านั้นอย่าปราศจากความใยดี ทำให้พวกเพื่อนๆเลี้ยงควายต้องถอยห่างออกมาดูเพื่อน ที่มีข้าวกินผู้นั้นด้วยสายตาอันสะท้อน พฤติการณ์เหล่านี้หาได้พ้นสายตาของเด็กชายจุฬไปไม่ เด็กชายจุฬคิดว่าทำไมหนอเพื่อนผู้มีข้าวกินและบุหรี่สูบผู้นี้จึงใจดำหนักหนา ไม่ยอมแบ่งสันปันส่วนที่ตนพอจะแจกออกเป็นทานให้แก่เพื่อนผู้ขอบ้างเสียเลย ถ้าหากเรามีข้าวหรือบุหรี่เหมือนเพื่อนคนนี้แล้ว เราจะแจกออกเป็นทานให้หมดทีเดียวแม้ตัวเองจะอดก็ยอม อย่ากระนั้นเลยพรุ่งนี้เราจะเอาข้าวและหาบุหรี่มาแจกเด็กพวกนี้ โดยไม่ต้องให้มีการขอดีกว่าพอรุ่งขึ้นได้เวลาประชุมเด็กเลี้ยงควายทั้งหลายเด็กชายจุฬก็นำห่อข้าวและห่อยาใบตองออกมาแจกจ่ายพวกเลี้ยงควาย ทำให้พวกเด็กเหล่านั้นดีใจและพากันสรรเสริญ เด็กชายจุฬยกใหญ่ว่าเป็นผู้มีเมตตากรุณา คำชมเชยของพวกเด็กเหล่านี้ ทำให้หัวใจของเด็กชายจุฬพองใหญ่โตอยู่ด้วยความปลาบปลื้ม ดูเถอะของเหล่านี้แม้จะราคาน้อยนิด แต่สภาพของเด็กชนบทพวกนี้แล้วมันช่างมีราคาค่างวดเสียนี่กระไร ฉะนั้นคนทุกคนจึงไม่ควรประมาทของที่มีปริมาณน้อยๆนิดๆเป็นอันขาด

    สละเลือดเนื้อเป็นทาน

    วันหนึ่งเด็กชายจุฬนำวัวควายไปเลี้ยง ณ หนองน้ำแห่งหนึ่งหนองน้ำนี้มีเหลือบ ริ้น และยุงชุมมาก เมื่อเด็กชายจุฬปล่อยวัวควายไปกินหญ้าน้ำตามอำเภอใจแล้ว ก็หลบมานั่งพักร้อนอยู่ต้นทองกวาวหนาดก ขณะนั้นก็มีริ้นและยุงมาไต่ตอมและสูบกินเลือด แทนที่เด็กชายจุฬจะขับไล่หรือตบตียุงริ้นเหล่านั้น เธอกับอดทนบริจาคเลือดของตนเองให้เป็นทาน บางครั้งกลัวไม่อิ่ม ท่านก็ช่วยบีบเลือดให้ การกระทำด้วยการบริจาคเลือดเนื้อเป็นทานครั้งนี้เข้าคั่นทานอุปบารมีทีเดียว

    การศึกษา

    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อได้นำคันเบ็คไปตกปลาดุก ณ หนองน้ำแห่งหนึ่งเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมือตกปลาแล้ว ปรากฏว่าปลากินเหยื่อ ดช.จุฬ จึงวัดคันเบ็ดขึ้นมาปรากฏว่าเป็นปลาดุกขนาดเขื่องเมื่อปลาพ้นจากน้ำขึ้นมา ก็ดิ้นกระแด่วด้วยความเจ็บปวดปากปลาดุกเป็นแผลเลือดไหล เมื่อหลวงพ่อเห็นดังนั้น ก็เกิดความเวทนาในความเจ็บปวดของปลาดุกตัวนั้น ท่านจึงปลดปล่อยปลาดุกตัวนั้นไป โดยที่ปลาดุกตัวนั้นมีแผลที่ปาก ซึ่งในปัจจุบันนี้ที่ริมฝีปากของหลวงพ่อก็มีแผลเป็นรอยจารึกอันเนื่องมาจากการตกเบ็ดปลาดุก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าแปลกปลาด

    พออายุได้ 10 ปีมารดาก็บุตรไปฝากอาจารย์เสี่ยม (พระอุปสมบทได้เป็นกรรมวาจา) ท่านเป็นเด็กวัดหนองรากไถ พระสีดา ซึ่งเป็นลูกของป้า นี้ดุและเคร่งครัดมาก เป็นผู้สอนหนังสือ หลวงพ่อตอนเด็กลำบากมากอุปกรณ์การเรียนก็ไม่ค่อยมี เช่นกระดานชนวน ต้องทำเอง

    เปลี่ยนวัดเรียนต่อ

    พ่อแม่นำไปฝาก วัดพระยาทำ ต.ปากน้ำ อ.เมืองกบินทร์ พระครูกบินทร์จริยาธิมุต(พุก)เป็นเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าอาวาสด้วย ส่งไปเป็นศิษย์หลวงพี่เสาร์ลูกชายของป้าซึ่งเป็นน้องหลวงพี่สีดา วัดหนองรากไถๆ เรียนชั้นป.1 หลวงพี่ฮั้วผู้เป็นอาจารย์สอนเลข หลวงพ่อตอนนั้นก็อายุ12ปี เข้าเรียนต่อ ร.ร.กบินทร์ราษฏรอำรุง เรียนถึง ม.2 อายุประมาณ 14 ปี พ่อก็ถึงแก่ความตาย คะแนนสอบประจำปีของเด็กชายจุฬอยู่ในขั้นยอดเยี่ยมทุกปี ด,ช,จุฬ เป็นนักเรียนที่ยากจนที่สุดสตางค์ค่าขนมไม่มีติดกระเป๋าไปโรงเรียนเลย ได้แต่มองดูเพื่อนๆที่เขามีขนมอร่อยๆรับประทาน ได้แต่อดทนต่อสู้กับความอดอยาก ยากแค้นเหล่านี้มาหลายปี ชุดแต่งกายเกิดชำรุดเก่าและขาดแม้จะปะหน้าหลังแล้ว จนโดนพวกเพื่อนๆด้วยกันล้อเลียนและเหยียดหยาม ต่อหลวงพี่เสาร์จึงมอบเงินให้ 6 บาทให้ไปตัดกางเกงใหม่ แต่เงินจำนวนนี้เป็นให้ยืมไม่ให้เปล่า เลิกเรียน ท่านต้องกลับวัดมาปรนนิบัติครูบาอาจารย์ มีการรดต้นไม้ เช็ดถูปัดกวาดกุฏิ ศาลา และต้มน้ำใช้ น้ำพระฉันเป็นต้น และบีบนวด

    ในขณะเรียน พ่อเคยเอาเงินมาให้ 1 บาทแต่ด้วยความสงสารพ่อที่หาเงินมาได้ด้วยความยากลำบาก ด.ช.จุฬ

    เอาไว้เพียง 25 สตางค์เท่านั้น

    ช่วยตัวเองในวัยเรียน

    ด.ช.จุฬ จึงได้เขียนภาพลายไทย เช่น รูปพรลักษณ์ พระราม รูปหนุมานหรือทศกรรฐ์ เป็นต้น ท่านวาดสวย มีเพื่อนมาให้วาดให้ ก็จะมีรางวัลมาให้เสมอ มีอยู่คราวหนึ่ง ครูเข่งประจำชั้นประถม 3 ต้องการเด็กฝีมือดีในการวาดเขียน จากเด็ก400 คน มาวาดรูปพระลักษณ์ พระราม หนุมานและยักษ์ มีเด็กคนหนึ่งชื่อประเสริญมีฝีมือดีในทางนี้เหมือนกัน ต้องแข่งกันหลายรูปจึงชนะเลิศในการวาดเขียน จากป.3 ถึง ม.1 ใช้เรียนเพียง 2ปีเท่านั้น หลวงพ่อใช้เวลาเรียนเพียง 1 ปี 7 เดือนก็ผ่านการเรียนถึง 4ชั้นนับว่าเป็นการเรียนที่ลัดเร็วที่สุด

    เป็นครูประชาบาล

    เมื่ออายุ 14 ปีเศษต้องออกจากโรงเรียน มาช่วยแม่ทำมาหากินตามหน้าที่ของลูกที่ดี ยามว่างก็เวลาไปสนทนาธรรมมะหาความรู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ กับหลวงพี่บุญ ซึ่งพึ่งธุดงค์กลับมาจากป่าลึกแห่งหนึ่ง ท่านเป็นพี่ชายคนโตของหลวงพ่อจุฬ หลวงพี่บุญได้เล่าถึงความสนุกสนานในการออกธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพรและห้วยเหวต่างๆ ได้ผจญกับผีเปรตตลอดจนคุณไสยทุกชนิด บางครั้งอดข้าวถึงต้องขอบิณฑบาตจากนางไม้ หรือพวกลับแลในป่าก็หลายครั้งหลายหน ธรรมชาติที่พบที่ผ่านมาก็ล้วนสวยงามเพลิดเพลินเจริญใจ จนยากที่จะหาคำมาบรรยายเสกสรรได้หมดสิ้น ดช.จุฬ ฟังแล้วสนใจอยากออกธุดงค์บ้าง หลวงพี่บอกว่าต้องเรียนปริยัติให้ชำนาญเสียก่อน ความรู้ไว้สอนตัวเองจะได้ไม่เหมือนคนเดินทางในที่มืดและปราศจากแสงประทีป

    ต่อมาราชการต้องครูประจำตำบล ท่านสอบได้เป็นครูน้อย เงินเดือน ได้ 15 บาท ครูใหญ่ชื่อนายบุญ เงินเดือน 20 บาท ร.ร.ประชาบาล หลังนี้เป็นหลังแรกที่สุดในตำบลนนทรี มีครูสอนเพียงสองคน ต่อโรงเรียนเจริญก้าวหน้า จนเป็น 200 คนเศษ พระอธิการศรี ครูผู้ช่วยอีกท่านแบ่งเบาภาระอันหนักไปได้บ้าง


    บรรพชา – อุปสมบท

    เมื่ออายุได้ครบ 20 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดโคกสว่างอารมณ์ 1 พรรษาก็ย้ายจากวัด มาอยู่วัดหนองบัว อายุ21ปี ท่านก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ท่านพระครูสิงห์ วัดบ้านโนน อำเภอประจันตคาม เป็นพระอุปปัฒชายะ พระอธิการศรี วัดหนองบัว เป็นอนุสาวนาจารย์ พระอธการเสี่ยน วัดหนองรากไถ(เปลี่ยนชื่อเป็นวัดมุ่งประสิทธิ)

    บ้านนอกเข้ากรุง

    เข้ามาในกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ทันที ท่านเก้ๆ กังๆมองซ้ายมองขวาด้วยความเพลิดเพลินเจริญใจ รู้สึกตื่นเต้นใจต่อตึกรามบ้านช่องและแสงสีของเมืองหลวงอย่างที่สุด มองไปทางไหนพบผู้คนและรถราวิ่งให้ขวักไขว่เป็นภาพสวยงาม บังเอิญถุงข้าวสารที่นำมาเกิดรั่ว ท่านไปยืมเข็มเย็บผ้าจาร้านแห่งหนึ่งมาเย็บ

    ท่านมาเรียนนักธรรมบาลี ที่วัดมหาธาตุ และวัดสระเกษฯ เรียนจริงๆไม่ถึง 3 ปี สอบนักธรรมโทได้ที่ 1จากสำนักวัดสระเกษฯ สอบได้ ปธ.3ใน พศ.2571 ส่วน พ.ศ.2475 ก็เกิดมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พวกปฏิวัติเขาเล่นละครโรงใหญ่กันไป

    ธรรมสังเวชบังเกิด

    การปฏิบัติครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงจากระบอบสมบูรณาญาสิทธราชมาเป็นประชาธิปไตย โดยท่านเจ้าคุณพหลยุหเสนาเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 7 เจ้าฟ้าประชาธิปก ต้องลดตัวเองมาอยู่ใต้อำนาจของกฏหมายรัฐธรรมนูญ พิจารณาไปตามกฎของไตรลักษณ์ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน หลวงพ่อย้อนมาดูตนว่าท่านจะศึกษาไปทำไมเพื่อลาภยศหรือซึ่งไม่จีรังยังยืน ท่านนึกเรื่องหนึ่งได้ เรื่องพระโปฐิละใบลานเปล่า ซึ่งถูกพระพุทธเจ้าตำหนิอย่างแรง พระโปฐิละองค์นี้เป็นพระที่มีความรู้ในทางพระไตรปิฏกอย่างเชียวชาญ สามารถสั่งพระภิกษุ ได้ถึงวันละ 500 องค์ต่อมาท่านไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ไม่ว่าพระโปฐิละจะทำ อิริยาบถต่างๆว่าเป็นภิกษุที่ว่างเปล่า นั้น ก็เพราะเปล่าจากใบลาน เปล่าจากมรรคผลนิพพานต่างหาก พระโปฐิละ ท่านสังเวช ก็ปฏิบัติปัสสนาจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้

    จุดหมายปลายทางของนักบวชที่แท้จริงนั้น ขึ้นอยู่กับการปล่อย การละ วาง จากกิเลสตัญหาต่างๆให้มากที่สุด อยู่อย่างสันโดษ


    ออกเนกขัมมะ

    หลังจากชนะใจตนเองได้แล้ว ก็จะออกธุดงค์ตามป่าเขาดงดอน การธุดงค์สมัยลำบากมากรถก็ไม่ค่อยมีต้องเดิน ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันใครปฏิบัติเครัดหรือมีญาณสูงก็รอดไป ถนนหนทางเป็นป่าเขาทุระกันดารมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ชุกชุม สัตว์ป่าที่ดุร้ายก็เพ่นพ่านอยู่ทั่วไป แม้แต่ในหมู่บ้านหนาแน่น ก็มักมีเสือ ช้าง หมี หรือหมูป่า ตอดเข้ามาเอาคนหรือวัวควายไปกินก็มี ชาวบ้านป่าเมืองดอย ยังชอบทดลองคุณไสยหรือยาสั่งอีกด้วย ดังนั้นท่านหลวงพ่อก่อนออกธุรดงค์ก็ ทดสอบด้วยการนั่งตากแดดกลางแจ้งนานๆ เป็นชั่วโมงๆโดยมิยอมหลบเข้าร่ม บางคราวก็ออกทดลองเดินทางไกลด้วยเท้าเปล่าไม่กางร่มเป็นสิบๆกิโลเมตร พยายามผ่อนการขบฉันให้น้อยลงเท่าที่จะน้อยได้ บ่อยครั้งหลวงพ่อยอมอดดู ตลอดจนทดลองไม่นอนตลอดวันตลอดคืน และพยายามหาสัมภาระหนักๆมาสะพายเพื่อให้สังขารเคยชิน หลวงพ่อ ลดและเลือกสิ่งจำเป็นจริงๆไป เช่น มีบาตร มีดโกน เข็มด้าย กระบอกกรองน้ำและสงบจีวร เป็นต้น แล้วหลวงพ่อก็จัดแจงมอบสิ่งของเครื่องใช้ตลอดจนตำหรับตำราให้กับพระวัดเทพธิดารามและวัดโคกสว่างอารมณ์กบินทร์บุรี เพื่อสาธารณะทานสำหรับบุคคลรุ่นหลังต่อไป

    พญามารนำเหยื่อมาล่อ

    เมื่อเตรียมของเสร็จทุกอย่าง หลวงพ่อก็กำหนดเดินทางพรุ่งนี้ จะขึ้นเหนือเป็นก้าวแรกแห่งการออกธุดงค์ พอรุ่งขึ้นหลังจากฉันจังหันเรียบร้อยก็มีคนนำสลากออมสินมาให้ตรวจ ปรากฏถูกรางวัลเป็นเงินจำนวนมากพอดู ใจหนึ่งก็คิดขึ้นมาว่าจะออกธุดงค์ให้ลำบากทำไม นำเงินจำนวนนี้ไปลงทุนทำมาค้าขายหรือทำไร่ทำนา และหาเมียสาวๆ มาช่วยทำกินสักคน ชีวิตของเธอก็จะมีความสุข เชื่อฉัน อย่าออกไปหาความทุกข์ยากลำบากให้เหนื่อยใจเลย มโนภาพและความนึกคิดที่ผุดขึ้นมา ทำเอาท่านรวนเรและงงงวยไปพักใหญ่ทีเดียว เกือบจะเลิกล้มความตั้งใจ ที่จะออกค้นคว้าหาทางไปนิพพานเสียแล้ว ปัญญาญาณก็ผุดขึ้น พญามารก็เอาสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิมาล่อ โดยบอกถ้าเจ้าชายสิทธัตถะอยู่ครองพระนคร จะนำสมบัติของมหาจักรพรรดิมา มอบให้ภายใน7วัน ส่วนสิ่งที่หลวงพ่อจะได้นั้นเล็กน้อยนัก นี่เขาคงจะมาลองใจเราว่ายังติดในลาภสักการะหรือหวังค้นหาทางนิพพานกันแน่ วันออกธุดงค์ มีฆราวาสชื่อพุธมีศักดิ์เป็นลุงของมหาจุฬ สมัครใจออกติดตามเพื่อปรนนิบัติ ก็ตรงกับอายุ 29 พรรษา 9 เช่นเดียวกันจึงประหลาดใจมาให้ซ้ำสอง



    ความเศร้าโศกบังเกิดอย่างรุนแรง

    วันนั้นรถก็ถึงปากน้ำโพ แล้วท่านก็เดินต่อไป เท้าเปล่าข้ามแม่น้ำไปยังอีกฟากหนึ่ง และวันต่อมาก็เดินทางไปยังจังหวัดตาก ไปอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ประมาณ 1 เดือน ก็เดินไปเข้าป่าลึกและปีนป่าเขาเพื่อตรงไปประเทศพม่าทันที อากาศบางทีก็เย็นยะเยือก เมื่อเข้ามาอยู่ในดงทึบ บางทีก็ร้อนอบอ้าว เมื่อพ้นจากดงทึบออกมา สัตว์ป่าอันมี ลิง ค่าง นกแก้ว และไก่ป่า ต่างก็ปีนป่ายและส่งเสียงกู่ร้องก้องไพร บางตัวก็ตกใจเห็นมนุษย์สองคนเดินเข้ามาในป่าลึก บางครั้งก็พบดอกมะลิป่าเต็มดงส่งกลิ่นหอมสดชื่น บางครั้งก็พบเอื้องไพรออกช่อชูไสวบนยอดไม้ยูงยาง เป็นภาพธรรมชาติที่แสนสงบและสุขสบายใจ กลางคืนเข้ากลดสวดมนต์ และบำเพ็ญเพียรภาวนาตามสติ ปัญญาของตน ตอนเช้าก็ได้อาศัยข้าวตากกับเกลือ และพริกแห้งปะทังเป็นอาหารกลั้วกับน้ำพอกันตาย อากาศในตอนกลางวันทวีความร้อนแรง หินอันแหลมคม ได้บาดที่ฝ่าเท้าของหลวงพ่อ

    หลวงพ่อและลุงพุธก็ได้มาพักแรมที่วัดร้างแห่งหนึ่ง

    หลวงพ่อ ใช้พุทธภาษิตบทหนึ่ง”ปิยโตชายเตโสโก ปิยโต ชายเตภยัง” แปลความว่า ความเศร้าโศกย่อมเกิดแต่ของรัก ภัยคือความสดุ้งหวาดกลัวย่อมเกิดแต่ของรักดังนี้ เรายังมีความรักความใคร่ในสังขารร่างกายของเราอยู่ ยังละยังปล่อย วางสังขารร่างกายของตนยังไม่ได้ เช่นยังกลัวตายอยู่ดังนี้ ถึงเกิดความห่วงใยเศร้าโศรกเสียใจบังเกิดขึ้น ถ้าจะยกขึ้นสู่หลักพระสูตร ยกอารมณ์เศร้าโศรกนั้นให้มีตัวตนขึ้น ได้ใจความว่า การที่มีอารมณ์เหล่านี้เกิดขึ้นนั้น ก็เพราะมารเขามาล่อหลอก พอคิดมาได้อย่างนี้ ญาณปัญญาของหลวงพ่อก็สว่างไสวขึ้น ความรู้สึกเศร้าโศรกอาลัยอาวรณ์ในสิ่งต่างๆ ที่มาหลอกหลอนก็ปราสนาการหายไป เป็นอันว่าหลวงพ่อได้ชนะมารด้วย ลักษณะอย่างนี้

    เหยียบแคว้นแดนพม่า

    รุ่งเช้าพอฉันจังหันเสร็จสองลุงหลานก็ออกเดินทางต่อไปประมาณหนึ่งวันก็เข้าเขตพม่า ก็ขึ้นรถไปไหว้พระธาตุย่างกุ้ง คือ เจดีย์ส่วยดากองทันที ได้มาพบเห็นปูชนีย์วัตถุสถาน ซึ่งเป็นเครื่องหมายแทนองค์พระพุทธเจ้าเช่นนี้ทำให้ดีใจปลื้มปิติ หลวงพ่อและลุงพุธก็เร่เข้าหามุมสงบ ทำการกราบไหว้สักการะและสวดมนต์นั่งสมาธสงบจิตเพื่อขอบารมีที่ตนได้ฝ่าฟันอันตรายจนได้มีโอกาสมานมัสการองค์เจดีย์องค์นี้ เสร็จแล้วท่านก็กลับมา อำเภอแม่สอด ชายแดนไทยได้จำพรรษาที่ วัดมณีไพรสัณฑ์หนึ่งพรรษา หลวงพ่อตั้งใจว่าถ้าออกพรรษาแล้ว จะออกเดินทางไปนมัสการปูชนียวัตถุใน จังหวัดต่างๆ ต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2020
  4. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ตั้งสัจจะอธิฐานไม่เอนกายลงนอน 1 ปี

    ในขณะที่จำพรรษา ณ วัดมณีไพรสัญฑ์ เขตแดนแม่สอดนั้น หลวงพ่อตั้งสัจจะอธิฐานอย่างหนึ่งก็ไม่เอี้ยงหลังลงนอนสำผัสพื้นเลย เนสัชชิกังคะธุดงค์ ถืออิริยาบถ 3 มีแค่ยืน เดิน นั่ง แม้แต่จะง่วงก็เพยามเอาชนะสำเร็จ แม้จะง่วงก็เอาบาตรมาไว้เฉพาะหน้าแล้วหลับ

    เหตุผลที่ฉันหนเดียว

    หลวงพ่อยังอธิษฐานฉันจังหันวันละหนอีกด้วย โดยไม่ต้องเป็นกันวนใจต่อการต้องฉันอาหาร “เรากินเพื่ออยู่ ไม่ไช่อยู่เพื่อกิน” เพราะฉันหนเดียวก็อยู่ได้ไม่อึดอัดเวลาทำความสงบจิตถึงเวลาเย็นก็ไม่หิว เพราะอาหารนำมาซึ่งความโลภ โกรธ หลง ถ้าเราติดในรสชาติอาหาร ก็จะเพิ่มความโลภ โกรธ หลงได้ พาเรากินอาหาร อาหารเป็นที่ตั้งชีวิตจิตใจฯ จึงกลายเป็นคนโลภโกรธหลงไปหมดทั้งตัว

    เหตุผลถอนโลภโกรธหลงในเรื่องอาหาร

    ใช้วิธีจึงเลือกกินอาหารไม่ชอบใจก่อน ก่อน 3-4 คำก่อนแล้วจิตเราก็อยู่ฝ่ายกุศลมูลฯ แล้วค่อยฉันทั่วไปได้ เพราะฉะนั้นในทางพระจึงสอนให้พระเณรและนักปฏิบัติทั้งหลาย พิจารณาอาหารเสียก่อน ไม่ให้บริโภคด้วยตัญหา

    เหตุผลที่ฉันในภาชนะเดียว

    ฉันจังหันในบาตรเดียวโดยเทอาหารอยู่ในบาตรแล้วฉัน

    เหตุผลที่ฉันสำรวม

    หลวงพ่อจึงเอากับข้าวระคนปนเปดลุกเคล้าในข้าวกันหมดแล้วจึงฉัน

    เหตุผลที่ฉันในบาตรให้ลูกศิษย์ทำให้

    ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องทำเองตามต้องการของใจ เอาชนะอารมณ์กิเลสตัณหาในรสอาหารนี้ให้จงได้

    สรุปเรื่องชนะรสตัญหา

    คนและสัตว์ตลอดถึงอินทร์พรหมยมยักษ์ ย่อมมีชีวิตอยู่ได้เพราะอาหาร ต้องเลือกและพิจารณาก่อนทาน ภาษิตว่า อัตตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

    เปิดทางมัชฌิมาสายกลาง

    ที่อยู่อาศัย กุฏิ กลางๆ เรื่องกิน ก็ กลาง เช่น กล้วยกลางหวี เรื่องนอน ก็เวลา 24.00-1.00น.

    เรื่องพูดสายกลางไม่เข้าใครออกใครพูดไปในทางสมัครสมานประสานสามัคดีผูกไมตรีกันไว้อย่างเดียว

    เรื่องความคิด สัตว์โลก มี2อย่าง คิดดีกับคิดชั่ว คิดรักกับคิดชัง หรือคิดถูกกับคิดผิดเท่านั้น

    ตั้งใจไปบำเพ็ญเพียร ณ ภูเขาหิมาลัยประเทศอินเดีย

    ในขณะนั้นคิดจะไปอินเดีย แต่มาอ่านหนังสือของพุทธทาสภิกขุแล้วชอบ หลวงพ่อกับมาพักที่กรุงเทพฯ วัดเทพธิดาราม และได้เจอได้พบท่านพุทธทาสภิข หลวงพ่อได้สนทนาและสอบถามถึงการที่จะไปอยู่ที่สวนโมกขไชยา เพื่ออบรมจิตใจในทางปัญญาญาณให้สูงยิ่งๆขึ้น เมื่อท่านพุทธทาสอนุญาติจึงเดินทางไปไชยาจังหวัดสุราษฏร์ธานีในทันที เดินทางทะเล เรือเดินทะเลชื่อ ไชยเชิงค้า ใช้เวลา3วัน3คืน

    ณ สวนโมกขพลาราม

    ท่านพุทธทาสภิกขุก็อนุมัติให้หลวงพ่อเลือกกระท่อมสำหรับอยู่พักอาศัยได้ตามอำเภอใจ ใกล้สระน้ำใส

    อาหารที่ฉัน ณ สวนโมกขนีเป็นการฉันแบบจานแมวคือตักข้าวและกับใส่จานจนพอแก่ความต้องการแล้วก็แยกกันไปหามุมสงบ และพิจารณาอาหาร ปฏิกูลสัณญาต่อไป

    ความเศร้าโศรกผ่านอีก

    อยู่ที่สวนโมกขฯ แหล่งนี้รู้สึกอำนาจสมาธิทางจิตได้รับแสงสว่างทางปัญญาญาณสูงขึ้น แล้ววันหนึ่ง อารมณเศร้าโศรกสลด รันทดใจ บังเกิดขึ้นมาทำลายความสงบของจิตใจอีกครั้งหนึ่ง

    ออกสร้างบารมีต่อ

    เวลาล่วงต่อมา หลวงพ่ออยากจะไปเที่ยวนมัสการพระบรมธาตุจังหวัดนครศรีธรรมราช และตามจังหวัดต่างๆเพราะคิดได้ ว่าตนเองบารมียังอ่อนมากถ้าหากไม่ออกธุดงค์ เพื่อทรมานร่างกายและใช้หนี้กรรมเก่าเสียแล้ว ความรู้หรือปฏิปทาในทางอบรมจิตก็จะไม่สูงขึ้น การออกจาริกครั้งนี้หลวงพ่อไม่มีกลดติดตัวไปด้วยเวลาฝนตกท่านก็ยอมเปียกหนาวสั่นเหมือนลูกนก ถ้าตกกลางคืนได้พักตามศาลา หรือวัดข้างทาง หลวงพ่อก็เอาผ้าอาบมานุ่งแทนสบง เอาสังฆาฏิมาห่มแทนจีวร แล้วเอาสบงกับจีวรที่เปียกนั้นออกผึ่งจนแห้ง เพื่อเดินทางไปนครศรีธรรมราช หลวงพ่อเดินมาทางรางรถไฟ ระหว่างทางเดินทางมามีรถวิ่งมาด้วยใกล้ประมาณ2-3วาจึงได้เห็นไฟหัวรถจักรท่านจึงได้กระโดดออกมานอกรางเสีย

    ตั้งสำนักวิปัสสนา

    ในที่สุดก็ได้วัดร้าง วัดนี้ชื่อวัดชายนา ชาวบ้านช่วยกันก่อสร้าง เช่น โยมศรีนวล หลวงดุลยพากย์สุวมัณฑ์ คุณนายสุทธิ เป็นต้น และพระภิกษุสามเณรและแม่ชี มีกุฏิ 9หลังๆหนึ่งกว้าง 3 ศอกยาว 4ศอก ระเบียงกว้าง 2 ศอก ยาว 5 ศอกทำเป็นรูปปีกเรือบินเช่นกัน และสร้างแท่นปูนเหนือพื้นดิน สำหรับให้หลวงพ่อพักผ่อนอิริยาบทหรือบำเพ็ญเพียรภาวนา 1 แท่น และฉันอาหาร อีก 1 แท่น หลักการสอนของหลวงพ่อ ใช้องค์ภาวนา พุทโธ คือหายใจเข้า ว่า พุท หายใจออก ว่า โธ เป็นบุรพภาคเบื้องต้น หลวงพ่อเทศนาสั่งสอนให้พวกญาติโยมเว้นจากการประพฤติชั่ว เป็นเวลา 6 ปี ที่หลวงพ่อสั่งสอนจังหวัดภาคใต้หลายจังหวัด

    ถือหลัก “และ”เมื่อจะอบรมจิต

    หลวงพ่อก็ปล่อยวงองค์ภาวนา พุทโธ ทันที จะยืนเดินนั่งนอนหรือทำอะไรก็ปล่อยวางอารมณ์เสียสิ้นแล้วหันมาพิจารณาขันธ์ทั้ง 5 พยายามสำรวมสติแยกขันธ์เหล่านี้เป็นไตรลักษณ์ แยกรูปกระจายออกให้เห็นเป็นธาตุทั้ง4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วเดินญาณให้สูงขึ้นๆไปอีก ทุกธาตุมีการปนผสมกันอยู่บ้าง

    อนัตตาเกิดอีก

    เผ้าพิจารณาเรื่องหลักอนัตตามาก็นมนานแล้วพึ่งจะปรากฏชัดเจน แจ่มแจ้ง เพราะการจับก้อนเมฆมาเป็นอารมณ์ในวันนี้เอง แม้มนุษย์,สัตว์ และสังขารทั้งหลายทั้งสิ้นนั้น ไม่มีตัวตน ย่อมสูญหายว่างเปล่าไป

    ผรณาปีติดับ

    เมื่อฉันจังหันเข้าเสร็จหมดแล้ว หลวงพ่อก็พักผ่อนอิริยาบถครู่ใหญ่ ความปิติอิ่มเอิบซาบซ่านก็ยังคงปรากฏอยู่ประมาณ 11.00 น.ใช้งานคนวัด 2-3 ครั้งไม่ทำงาน ยังเฉย หลวงพ่อก็โทษะขึ้นมาผรณาปีติจึงดับวูบไปทันที หลวงพ่อจึงเกิดความรู้สึกขึ้นใหม่ว่าปิตินี้เหมือนน้ำเย็นในกา ถ้าตั้งบนไฟ คือโทษน้ำหรือปิตินั้นจะกลับเย็นเยือกตามเดิม



    จุฬามณีเจดีย์ศรีธรรมราชเกิด

    กุฏีกรรมฐานที่วัดชายนา หลวงพ่อนั่งเข้าสมาธิ ก็ได้ยินเสียงร้องประกาศมาจากบนฟ้าว่า เจดีย์เกิดขึ้นแล้ว เสียงนี้เป็นเสียงที่มีความไพเราะเสนาะโสตอย่างยิ่ง กระแสเสียงหวานเย็นระรื่นหู คล้ายเสียงนกการะเวก หลวงพ่อจึงถอดออกจากองค์สมาธิ แล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมองดูรอบๆตัว ก็ไม่เห็นมีเจดีย์อะไรเกิดขึ้นตามเสียงเปื้องบนที่ร้องออกมา จุฬามณีเจดีย์ศรีธรรมราชองค์นี้เกิดขึ้นกลางทรวงอก เมื่อ พ.ศ.2477 เดือน 7 วัน 7หรือวันเสาร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ให้เราทราบจึงจักรพรรดิราชสมบัติ 7 ประการ “สัจจังเวอมตาวาจา” แปลว่า วาจาจริงและเป็นสิ่งไม่ตาย

    มุ่งกลันตันแดนแขกอิสลาม

    สอนที่กลันตัน มี 3 ข้อหลัก 1. ปฏิวัติให้นั่งวิปัสสนากรรมฐาน 2.ปฏิวัติให้กินอาหารพรหม คือเว้นจากการเบียดเบียนสัตว์ทุกชนิด หรือที่เรียกกันว่ากินเจ 3.เรียนกรรมฐาน ไม่ต้องเสียค่ายกครู สอนลัดตัดตรงให้คนยึดหลักศีลสมาธิปัญญา การสอนแต่ไปขัดผลประโยชน์พวกขายปลา,หมู,และสัตว์ขายกันไม่ค่อยได้ ตลอดพระที่เรียกเก็บค่าครูค่าใช้จ่ายในการสอนไม่มีคนไปเรียนเสียผลประโยชน์

    ถูกคุณไสย์และชนะคุณไสย์

    หลวงพ่อนอนพักปล่อยอารมณ์แบบสีหไสยาส์คือนอนตะแคงขวา เพื่อรอสามเณรซึ่งกำลังต้มนมถวาย ขณะนั้นนิมิตก็เกิดขึ้นดังนี้ คือ หลวงพ่อเห็นภาพพระองค์ที่จะทำคุณไสยทำร้ายเดินมานั่งทางศีรษะ ในมือมีไม้เท้า 2 อันๆ หนึ่งยาว 1 ศอกกำ อีกอันหนึ่งยาวหนึ่งศอกแบ ไม้อันยาวนั้นทางหัวมีแก้วมณีดวงหนึ่งสีสุกใสประดับอยู่ หลวงพ่อจึงเอื้อมมือไปคว้าไม้อันยาวที่มีแก้วมณีมาพิจารณาด้วยความสนใจพอมือไปสัมผัสกับแก้วสีเขียวดวงนั้นก็รู้สึกว่ามีพิษร้อนแรงวิ่งเข้าไปสู่ร่างกาย พิษนั้นค่อยๆ เลื่อนใกล้หัวใจเข้ามาทุกที หลวงพ่อจึงสำรวมจิตกลั้นใจสกดพิษร้ายนั้นให้ถอยออกมา ด้วยสติสัปปชัญญะอันสมบูรณ์ขณะที่หลวงพ่อกำลังคิดว่าอะไรหนอที่เป็นพิษร้อนวิ่งเข้าตัว ก็มีเสียงเทพองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่เบื้องหลังของหลวงพ่อร้องบอกมาว่า หลวงพ่อถูกพิษงูเสียแล้ว สักพักใหญ่เทพองค์นั้นซึ่งวมีรูปร่างขาวสะอาดและรัสมีสุกใสก็นำน้ำทิพย์มาถวายให้ดื่มขันใหญ่ พิษนั้นก็ไหลผ่านหัวใจไปทางเท้า ก็เป็นเวลาที่เณรนำนมและน้ำชามาถวายหลวงพ่อพอดีในตอนเช้า ก็มีโยมคนหนึ่งนำน้ำมะพร้าวมาถวาย หลวงพ่อก็ดื่มจนหมดลูก น้ำมะพร้าวนี้แก้พิษงูหรือคุณไสย์ได้ดีนัก จึงเป็นอันว่าหลวงพ่อมีคนมาช่วยถอนพิษร้ายนี้ถึง 2 ทางๆทั้งกายในและกายนอก วันต่อมาเขาก็ส่งคุณไสย์มาเข้าร่างอีกแต่มาถึงตัวประมาณหนึ่งศอกก็วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะหลวงพ่ออธิฐานเป็นเกราะเพ็ธร 7 ชั้น ครอบร่างกายเอาไว้ ต่อให้มีอาจารย์ที่เก่งกล้าสักร้อยคนมารวมกำลังกันก็ไม่สามารถจะทำอันตรายแก่หลวงพ่อได้ วันหนึ่งเขาส่งมาทางอากาศมันพุ่งมาทางอากาศอย่างแรงมาก บังเอิญลูกศิษย์คนหนึ่งเคราะห์ร้ายปะทะเข้า หลวงพ่อก็ช่วยรักษาจนหายได้

    ผจญพญานาคเจ็ดเศียร

    ในขณะที่หลวงพ่อกำลังนั่งขบคิดถึงเรื่องต่างอยู่ ท่านก็รู้สึกมึนศีรษะสีรระกายร้อนไปครึ่งท่อน กินยาก็ไม่หาย นอนก็ไม่หลับ กระสับกระส่ายเป็นการใหญ่ ท่านจึงลุกขึ้นไปนั่งสมาธิภาวนา พอจิตเข้าถึงขั้นอุปจารสมาธิ ก็เห็นพญานาคตัวหนึ่งมีเจ็ดเศียรมาปรากฏตัวอยู่เฉพาะหน้าแสดงอาการจะฉกเศียรทำร้ายหลวงพ่อ หลวงพ่อก็นั่งเพ่งอารมณ์เฉยไม่กลัวตาย บัดใจก็มีราชสีห์สีขาวเหมือนสำลีตัวหนึ่งเผ่นผยองออกมาจากว่างคิ้วของหลวงพ่อและมีร่างกายใหญ่ขึ้นๆ จนเท่าพญานาคเจ็ดเคียรตัวนั้น แล้วพญาราชสีห์เผือกนั้นก็แผดสีหนาทกระโจนเข้าพันตูกับพญานาคก็กำลังจะเข้าทำร้ายหลวงพ่อ แล้วพญานาคเจ็ดเศียรนั้นก็ถอยหลังหายลับไป พอหลวงพ่อออกจากสมาธิก็ไปนอนพักกลางวันในกุฏีหลังหนึ่ง ก็ปรากฏว่ามีพญานาคจะเข้ามาทำร้ายอีก คราวนี้มีเพียง 3 เศียรเท่านั้น พอพญานาคตัวนั้นจะเข้ามาถึงตัวหลวงพ่อ ก็ปรากฏมีพญาราชสีห์เผือกออกมาขวางหน้าไว้อีกเช่นเคยหลวงพ่อจึงใคร่คราญนิมิตรก็รู้ว่า มิจฉาทิษฐ คือพญานาคเจ็ดเศียรและสามเศียร ซึ่งมาบังเกิดทำร้ายตัวท่านเมื่อท่านจะเห็นสิ่งผิดเป็นถูกและเห็นสิ่งถูกเป็นผิด ส่วนฝ่ายสัมมาทิฏฐินั้นก็คือ พญาไกรสรราชสีห์เผือกที่กระโดดออกมาจากหว่างคิ้ว คือมัชณิมาปฏิปทา

    มีอยู่ครั้งหนึ่งมีคนจ้างมือปืนมายิงหลวงพ่อจึงรีบเข้าสมาธิทันที โดยตั้งสติไว้ที่กลางกระหม่อมชั่วอึดใจเดียวจิตก็ตกสู่ภวังค์ อายตะทั้ง 6 ดับหมด ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ประมาณ 1 ชม.ผ่านไปหลวงพ่อจึงออกสมาธิ รู้สึกตัว จึงถามตัวเองว่า เมื่อครู่นี้เขาเอาปืนมายิงเลือดคงไหลโทรมกาย จึงคิดว่าเขายิงไม่เข้า แล้วท่านก็นั่งสมาธิใหม่รวมเวลา 11 ชั่วโมง รู้สึกตัวดีแล้วก็ลุกขึ้นยืน ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือเมื่อยขบตรงไหนเหมือนนั่งลงแล้วลุกขึ้นยืนทันที

    สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเกิดขึ้นอีก

    มีลมพัดมาแรงมากพัดพาไม้กระดานปลิวไปไกลเลย ส่วนฝาครอบ บาตร และที่รองอยู่กระที่ไม่กระเด็นไปไกลเลย


    ในมือมาร

    เมื่อเหล่าอันธพาลสันดานชั่วโฉด เอาชนะด้วยวิธีให้คุณไสย์และใช้อำนาจปืนทำร้ายหลวงพ่อไม่ได้ จึงเปลี่ยนนโยบายใหม่ โดยฟ้องร้องไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของอังกฤษ หาว่าหลวงพ่อไม่มีพาสปอร์ต หลวงพ่อถูกสอบสวนแต่หลวงพ่อมีใบพาสปอร์ตถูกต้อง แต่ในใบพาสปอร์ตนั้นบังเอิญขาดอายุ ซึ่งหลวงพ่อก็ลืมตรวจจึงจำเป็นต้องเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้พวกญาติโยมฝ่ายสัมมาทิฏฐิพากันเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง

    จับผิด

    ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีประเพณีอันหนึ่ง คือการบิณฑบาตเทียนในงานประจำวันวิสาขะบูชาทุกปี

    เจ้าคุณว่าหลวงพ่อ ใช้บาตรแทนย่าม หลวงพ่อตอบว่าผมเป็นพระวิปัสสนาจะไปหาย่ามสวยๆ ที่ไหนได้และอีกอย่างคณะกรรมการที่ไปนิมนต์ให้ไปบิณฑบาตเทียนไม่ใช่นิมนต์ให้ไปบิณฑบาตรย่ามเทียน ญาติโยมเห็นด้วย

    “นัตถิโลเก อนินทิโต” คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลกดูแต่พระพุทธองค์ยังถูกนินทา

    ฉัพพรรณรังสี

    การมาอยู่อบรมจิต และบำเพ็ญเพียรวิปัสสนา ณ สวนปันตารามวัดชายนา จ.นครศรีธรรมราช ในระยะ6ปี หลวงพ่อเพียรภาวนาพุทโธ หลายชั่วโมง มีทุกเวทนาเกิดขึ้นมากเลื่อยๆก็ไม่ทิ้งพุทโธ จนสงขารทนไม่ได้ แล้วหงายหลังล้มสลบลงแต่ในขณะที่หงายหลังลงนั้น สติของท่านยังมีอยู่ครบถ้วน ศีรษะกระทบพื้น ยังว่า พุทโธแล้วท่านก็แน่นิ่งไป แต่ท่านแน่นิ่งไปแต่เพียงภายนอกเท่านั้น ส่วนภายในนั้นได้ออกท่องเที่ยวไปยังสวนเขตวันอันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าเคยประทับ เมื่อครั้งยังพระชนม์ชีพอยู่ขณะนั้นหลวงพ่อก็ได้เห็นแสงสว่างชนิดหนึ่งงามสุกใสรุ่งเรืองไปทั่วบริเวณพระเขตวันมหาวิหาร แสงสว่างที่เห็นนี้มีถึง 6สีด้วยกันแล้วพุ่งขึ้นเป็นเสี่ยงๆ สู่ท้องฟ้าเป็นสวยๆแสงปกคลุมไปทั่วพื้นพิภพอันกว้างใหญ่ แสงสว่างนี้เป็นแสงสว่างที่มองแล้วเยือกเย็นชุ่มชื่น มีรัศมีเป็นประกายเลื่อมพรายเหมือนแก้วมณีรัตน์ เล่นแสงไฟ ขณะนั้นหลวงพ่อยืนอยู่ห่างจากเขตวันไม่เท่าใดนัก เมื่อเห็นแสงรัศมีสว่างไสวรุ่งเรืองขึ้นตั้ง 6สี เช่นนั้น ความรู้สึกของท่านก็บอกว่านี่แหละคือ ฉัพพรรรรังษ๊ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลวงพ่อจึงยกมือขึ้นพนมเหนือทรวงอก แล้วย่อกายลงนมัสการด้วยความคารวะอย่างสูง แล้วท่านก็เดินตรงเข้าไปยังเขตวันมหาวิหารนั้น เพื่อหวังพบองค์พระพุทธเจ้า พอเดินมาถึงหน้าประตูวิหารก็เห็นมีพระองค์หนึ่งห่มจีวรสีกลักแก่นั่งอยู่ในเรือกระแซง ซึ่งจอดอยู่ริมคลองข้างวิหารเชตะวัน หลวงพ่อจึงตรงเข้าไปถามว่า ท่านนี้หรือคือพระพุทธเจ้า พอพระภิกษุองค์นั้นได้ฟังคำถามจน ท่านก็ลุกขึ้นยื่นพร้อมกับยกมือขึ้นห้าม แล้วตอบว่าไม่ไช่ๆ เราเป็นตัวแทนต่างหาก ก็พอดีหลวงพ่อรู้สึกตัวถอนออกจากสมาธิ คืนมาสู่ปัญจทวารวิถีพอดี

    พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    วันหนึ่งจิตของหลวงพ่อเข้าสู่ภวังค์แล้วเคลื่อนออกจากภวังค์ไปยังวิหารใหญ่หลังหนึ่ง พอเห็นวิหารใหญ่หลวงพ่อก็เข้าไปนมัสการพระในนั้น เห็นพระสงฆ์แก่ๆองค์หนึ่งอยู่ที่อาสนะ หลวงพ่อก็เข้าไปนั่งใกล้ๆ ท่านยังไม่ทันที่หลวงพ่อจะพูดอะไร พระภิกษุแก่องค์นั้นก็คว้ากระดานหมอดูออกมาขีดๆเขียนๆแล้วพยากรณ์หลวงพ่อว่า ไม่ช้าท่านจะได้เป็นอรหันต์ ยังไม่ทันที่พระองค์นั้นจะกล่าวอะไรอีกต่อไป หลวงพ่อก็ถอนออกจากสมาธิแล้วมาใคร่ครวญดูว่า ปรากฏการณ์ที่ผ่านมาทางใจครั้งนี้ จะเป็นไปได้ถึงเพียงนั้นหรือ

    ในวันต่อมา หลวงพ่อก็ถอนจิตออกไปเที่ยวยังวิหารหลังนั้นอีก แต่ไม่เห็นพระภิกษุชราองค์นั้น คงพบแต่องค์พระประธานใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารนั้น แล้วรูปองค์พระประธานนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นร่างของพระภิกษุองค์หนึ่ง มีลักษณะสวยงาม ผิวเหลืองอร่ามเหมือนทองชมพูนุช พระพักตรอิ่มเอิบ แววตาสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาอย่างสูง นั่งห้อยพระบาททั้งคู่ลงมาจากแท่น ที่ประทับด้วยอิริยบทนั่งอย่างสงบหลวงพ่อก็ทราบทันทีว่าพระภิกษุองค์นี้แหละคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ท่านปรารถนาจะพบนักคิดดังนี้แล้วหลวงพ่อจึงเดินเข้าไปใกล้องค์ท่าน ทรุดตัวลงหมอบกราบลงบนหลังบาทของพระองค์ทั้งสองแล้วกอดพระบาทเอาไว้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอื้อมพระหัตถ์มาลูบไส้ศีระษะของหลวงพ่ออย่างปรานี แล้วตรัสว่าเธอจงไปโปรดญาติและสัตว์โลกให้กว้างขวางออกไป จงอย่าท้อถอย โดยยึดแนวทางที่พ่อได้ประพฤติปฏิบัติมาแล้ว ต่อจากนั้นหลวงพ่อก็กลับมายังร่างมนุษย์ตามเดิมการที่หลวงพ่อได้มีโอกาสเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต่อหน้าพระพักต์ครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ที่หลวงพ่อไม่อาจจะลืมได้ตลอดชีวิต

    อนัตตาและอรหังปรากฏขึ้นภายใน

    กาลต่อมาหลวงพ่อนั่งเข้าที่เช่นเคย ท่านได้ถอนจิตไปเที่ยวยังที่อีกแห่งหนึ่ง เป็นโรงงานจักรกลขนาดใหญ่หลังหนึ่ง จึงเข้าไปเที่ยวพอหลวงพ่อย่างเท้าสัมผัสกับพื้นเหล็กก็รู้สึกร้อนเท้าและสรีระกายแทบแตกดับ ต่อมาความร้อนนั้นก็ทวีความรุนแรงขึ้น แล้วไหม้ร่างทั้งหมดของหลวงพ่อดับวูบหายไปในทันที ไม่มีสิ่งใดเหลืออยู่เลย มีแต่อนัตตาความว่างเปล่า แล้วจึงเกิดความรู้สึกเห็นอรหังปรากฏอยู่เฉพาะหน้า นับตั้งแต่นั้นเป็นด้นมาองค์ภาวนาพุทโธก็ดับหายไป คงใช้แต่คำว่า อรหัง แทนทุกครั้ง แม้เวลาตกใจหรือจะอุทานในเวลาเผออย่างไรคำว่า อรหัง ก็เกิดขึ้นแทนทุกครั้ง

    อรหังดับ อนิจจัง ทุกขัง อนันตาเกิด

    กาลต่อมาในเวลาหลวงพ่อเข้าสมาธิในขณะที่จิตตกภวังค์ชั่วขณะหนึ่ง แล้วเคลื่อนออกจากภวังค์ แต่ยังอยู่ในมโนทวารประมาณชั่วขณะจิต ต่อมาจิตจึงเลื่อนออกมาสู่ปราสาททั้ง 5(รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส)แล้วหลวงพ่อก็อุทานออกมาทางวาจาว่า อนิจัง ทุกขัง อนันตา นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้น คำว่าอรหังก็หายเงียบไปจากห้วงแห่งความจำ เมื่ออารมณ์เป็ที่ตั้งแห่งความตกใจ หรือความหวาดเสียว(แต่จิตเฉยเป็อุเบกขาไม่หวั่นไหว)ต้องอุทานหรือกล่าวคำว่า อนิจัง ทุกขัง อนันตา ทุกครั้งไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2020
  5. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    องค์ภาวนาดับแล้วกลับขึ้นมาใหม่ทั้งหมด

    กาลเวลาล่วงไป ผ่านไป สิ้นไปตามฤดูกาลหลายปีจนถึงทุกวันนี้ คำว่า พุทโธ ก็กลับคืนมาสู่สัญญาอีกคือหลวงพ่อจะประสบเหตุการณ์อะไร หรือเผลออุทานอะไรบางครั้งก็อุทานพุทโธ บางครั้งก็อุทานอรหัง บางครั้งก็อุทานอนิจจัง บางครั้งก็อุทานอนิจจัง-ทุกขัง และบางครั้งก็อุทาน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พร้อมกันทั้งสามคำเลยที่เป็นดันั้น เพราะสัญญาเก่ากลับคืนมาไม่ใช่เป็นการจงใจหรือกลั่นแกล้งที่จะอุทานแต่ประการใดฉะนั้นจึงเป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจำต้องเปิดออกมาให้พวกนักปฏิบัติให้พิจาณาใครครวญดู

    เมื่ออารมณ์เก่าที่หายไปและกลับมาแทนดังเดิมเช่นนั้นหลวงพ่อก็นึกถึงท่านพระพุทธโฆษาจารย์ที่ไปแปลพระไตรปิฏกที่ลังกาอาจารย์ของพระพุทธโฆษาจารย์ได้ทดลองให้ท่านจากหนังสือเรื่องหนึ่งลงในใบลาน เมื่อท่านรจนาจารลงในใบลานเสร็จแล้วก็หลับไป ตื่นขึ้นมาปรากฏว่าหนังสือที่จารลงในใบลานผูกนั้นหายไป เมื่อหนังสือหายไปท่านก็จารใหมีแล้วหลับไป ตื่นขึ้นมาหนังสือที่จารไว้ก็หายไปอีก ในครั้งที่สามท่านจารไว้ก็หายไปอีก ในครั้งที่สามท่านจารใส่ใบลานเสร็จ แล้วท่านก็นอนกอดเอาไว้ด้วย พอตอนเช้าตื่นขึ้นมาปรากฏหนังสือที่หายไปสองครั้งนั้น กลับคืนมาอยู่ใกล้ตัวท่าน รวมทั้งหมดจึงเป็นหนังสือ 3 ผูก อาจารย์เห็นความสามารถของท่านมาก จึงยอมให้แปลพระไตรปิฏกซึ่งเป็นภาษาสันสกฤตมาเป็นภาษามคธ ปรากฏสืบมาจนทุกวันนี้

    เรื่องพระพุทธโฆษาจารย์กับเรื่องของหลวงพ่อช่างคล้ายกันมาก ตอนองค์ภาวนาทั้งสองคือ พุทโธ กับ อรหัง หายไป เมื่อองคืภาวนาใหม่ไตรลักษณ์เกิดขึ้นมาแทนสมบูรณ์แล้ว องค์ภาวนาเก่าคือพุทโธกับองหังก็กลับคืนมาผุดในมโนทวารอีกเหมือนเดิม ส่วนประวัติของพระพุทธโฆษาจารย์นั้นมีว่า หนังสือสองผูกที่หายไปนั้นพระอินทร์เอาไปเก็บไว้ ที่ทำเช่นนั้นเพื่อประกาศความสามารถของท่านให้อาจารย์เห็น ในที่สุดก็เอาคืนมามอบให้หมด แต่องค์ภาวนาของหลวงพ่อทั้งสองคำที่หายไปคงเป็นองค์พระพุทธเจ้านำไปเก็บไว้ หรือถูกสกลไว้เพื่อให้พระธรรมสามัญลักษณะหรือพระไตรลักษณ์ บังเกิดขึ้นมาเพิ่มความสามารถองอาจกล้าหาญชาญฉลาดแตกฉานในแก่นพระไตรปิฏกในตัวหลวงพ่อ ในที่สุดพระพุทธองค์เห็นแจ้งชัดว่า พระธรรมไตรลักษณ์ของ

    หลวงพ่อบังเกิดขึ้นสมบูรณ์แล้ว จึงมอบคือองค์ภาวนาทั้งสองที่เอาไปเก็บไว้มามอบให้ตามเดิม ด้วยเหตุนี้องค์ภาวนาคือ พุทโธ กับ อรหัง ของหลวงพ่อจึงปรากฏในใจเช่นเคย

    พระไตรัตน์บังเกิด

    อารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความสะดุ้งหวาดเสียว หรือ ทำให้ตกใจ จะเปล่งอุทานวาจาออกมาว่า พุทโธบ้าง อรหันบ้าง อนิจจังบัง ทุกขังบ้าง อนัตตาบ้าง เป็นไปตามอารมณ์ที่กระทบแรงมาก เบา ปานกลาง และแรงฯ ถ้าอารมณ์มากกระทบแรงมาก ก็อุทานออกมาแรงมากครบองค์3ไปเลย บางครั้งก็อุทานว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่มีพิเศษออกไปอีก คือ อุทานออกมาว่า “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” ครบพระรัตนไตรทั้ง 3 ไปเลย ซึ่งเป็นที่เป็นเองเกิดเองอย่างน่าอัศจรรย์ใจที่เป็นที่สุด ผู้ใกล้ชิดย่อมได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ นี่ย่อมเป็นพยานให้รู้แจ้งชัดว่า ภายในใจหลวงพ่อมีอย่างไร ก็ต้องเปล่งวาจาออกมาอย่างนั้น แสดงว่าใจมีพระหรือเครื่องรางของขลัง คอยคุ้มครองป้องกันเหมือนพระสงค์องค์อื่นๆ และเหมือนชาวพุทธทั่วไปทั้งนี้ ก็เพราะจิตที่บริสุทธ์ว่างเปล่านั้น เป็นเพราะเครื่องรางของขลังอยู่ในตัวเอง ไม่จำเป็นต้อง แสวงหาพระภายนอกพาไปให้หนักไปทำไมฯ แต่ถ้าชาวพุทธหรือชาวโลกทั้งหลาย ไม่มีพระใน หรือจิตใจยังไม่เป็นพระ ก็จำเป็นต้องอาศัยพระเครื่องรางของขลังภายนอก ไว้ช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตรายย่างๆ ได้ดี ซึ่งดีกว่าคนประมาทเสียอีก โดยไม่เอาไหนซ้ำอวดดี แต่ไม่มีดีอะไรเป็นเครื่องบำรุงใจไว้คุ้มครอง เป็นเกาะกันภัยให้แก่ตัวเอง ตกอยู่ในความประมาท เป็นหนทางแห่งความตายอย่างพระท่านสอน

    ก่อเจดีย์ทราย 84,000 องค์

    ในพรรษาต่อมา หลวงพ่อได้ทำพิธีก่อพระเจดีย์ทรายจำนวน 84,000 องค์ เพื่อบูชาพระรัตนตรัยมีกำหนดประมาณ 1 เดือนครบจำนวนพระเจดีย์ตั้ง 84,000 องค์สำเร็จล่วงไป และสร้างธงปักองค์เจดีย์อีก ธงนี้ทำด้วยก้านมะพร้าวติดด้วยกระดาษ9สีเป็นเครื่องหมายแห่งโลกุตตรธรรม 9 ประการ ในการนี้มีพวกอุบาสก อุบาสิกา หลายคนมาอุทิศแรงกายและแรงใจรวมกำลังกับหลวงพ่อจนสำเร็จ เริ่มจากหลวงพ่อได้สร้างพ่อและแม่เจดีย์เอาไว้ก่อนแล้วสององค์ โดยใช้เวลา3ปี คือถ้าพระเณรหรือชีคนใดทำผิดระเบียบกฎข้อบังคับหรือพระธรรมวินัยแล้วจะต้องทำโทษไปขนทรายมาก่อเป็นเจดีย์ทุกคน

    พบต้นโพธิ์ภายใน

    กาลต่อมา นั่งเข้าสมาธิจนจิตสงบตกลงสู่ภวังค์ เมื่อจิตออกจากภวังค์กำลังดำเนิดอยู่ในมโนทวาร ก็พบภาพตัวเองเดินหลงเข้าไปในดงไม้หนาทึบ ต้องแหวกพงหญ้ารกเหล่านั้นออกมาแทบตาย พอพ้นป่าดงพงรกออกมาได้ก็บรรลุถึงป่าต้นโพธิ์ ซึ่งทั้งป่าไม้อัสถัตถพฤกษ์โพธิ์ใบทั้งนั้นแลดูสุดสายตา พอมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกตัว ทำให้องค์นิมิตดับหายไป

    พอวันต่อมาก็เข้าสมาธิอีก ได้ถอดวิญญาณเข้าไปถึงที่เก่า พบไม้สถัตถพฤกษ์โพธิ์ใบอีกเช่นเคย คราวนี้มีเพียง 4 ต้นเท่านั้น พอมาถึง หลวงพ่อก็เข้าไปนั่งใต้ต้นโพธิ์ 4 ต้น ซึ่งงอกขึ้นมาจากจอมปลวกใหญ่มหึมาหลวงพ่อนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เมื่อหลวงพ่อนั่งใต้ต้นโพธิ์ใหญ่บนจอมปลวกใหญ่ แล้วก็เพ่งมองไปทางทิศตะวันออกพักใหญ่ แล้วจึงเดินออกจากต้นโพธิไป ทางที่ราบแห่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปในวัดโพธิ์ เดินไปดูโรงเรียนนักธรรม ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางที่ราบนั้นก็เห็นครูและนักเรียนกำลังเรียนธรรมะกันเป็นจำนวนมาก มาถึงตอนนี้กายทิพย์ก็เข้าร่างจึงออกจากสมาธิ

    หลวงพ่อได้ขยายนิมิตให้ฟังดังนี้คือ นิมิตให้ฟังดังนี้คือ นิมิตครั้งแรกที่เดินเข้าไปในป่ารกชัฏนั้น ได้แก่ป่ากามคุณทั้ง 5 อันผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อารมณ์รัก-ชัง ในกามคุณทั้ง 5 ก็เข้าไปถึงใจแล้วใจก็สะสมอารมณ์ทั้ง5หมักดองไว้ในขันธสันดาน ทำให้จิตมืดมัวหมองหนาแน่นไปด้วยกิเลสดุจป่ารกชัฏ จิตก็กำหนดยินดีไม่มีออกได้แต่จิตของหลวงพ่อครั้งนี้ได้อบรมบ่มอินทรีย์ ทำความดีในพระธรรมกรรมฐาน จนจิตเบิกบานคลายกำหนัดยินดีในกามคุณทั้ง5 จนเห็นแจ้งในอนัตตา เกิดนิพพิทาเบื่อหน่าย จิตของหลวงพ่อจึงเดินผ่านพ้นป่าชัฏออกไปสู่ป่าต้นอัสถัตถพฤษ์ โพธิ์ใบไกลสุดสายตา อันได้แก่ญาณทัศนะรู้เห็นแจ่มแจ้งในสังขารโลก และสังขารธรรมทั้งหลาย ไม่มีทิ่สิ้นสุด ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งเห็นไปไกล ไม่มีขอบเขต พอเกิดนิมิตครั้งที่ 2 ก็มานั่งภาวนาใต้ต้นโพธิ์ 4 ต้น บนจอมปลวกใหญ่ มีความหมายดังนี้ จอมปลวกใหญ่มี 6 ช่อง ได้แก่ ร่างกาย อันประกอบด้วยมหาภูตรูป คือรูปใหญ่ ร่างกายใหญ่ จอมปลวกใหญ่ มี 6ช่อง ได้แก่ อายตนะ 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ต้นโพธิ์ใหญ่ 4 ต้น คือ โพธิ์ ความรู้แจ้ง 4 ต้นได้แก่รู้อริยสัจ 4 มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จิตที่พ้นจากกิเลสทั้งหลาย จึงได้มานั่งเพ่งสายตาไปทางทิศตะวันออกบนจอมปลวกใหญ่ใต้ต้นทั้ง 4 ต้น จอมปลวกอยู่สูงเหนือน้ำและเหนือพื้นดิน น้ำไม่สามารถจะเปียกผู้นั่งอยู่บนจอมปลวกได้ จึงว่าจิตของผู้อยู่บนจอมปลวกนั้นอยู่เหนือโลก คือเหนืออารมณ์ทั้งหลาย (เหนืออารมณ์รัก-ชัง)อารมณ์ทั้งหลายมีประมาณนับไม่ถ้วนแต่เมื่อประมวเข้ามาแล้วก็ได้เพียงสองเท่านั้น คือ รัก-ชัง

    ต้นโพธิ์ภายนอก

    การบำเพ็ญบารมีนั่งทางใน โดยไปพบต้นโพธิ์ภายใน 4 ต้น นับเวลาได้ประมาณได้ 30 ปีเศษแล้ว เมื่อย้ายมาอยู่วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ เริ่มแต่ พ.ศ. 2497 เป็นต้นมา ได้เอาหน่อโพธิ์เล็กๆ ประมาณ 16 ต้นปลูกแถวธงชัยไตรรัตน์ ถึงหน้าแล้งก็รดน้ำตลอดฤดู แต่ก็ไม่รอดสักต้น ปีต่อมาก็พยายามปลูกซ้ำที่เก่าอีก ก็อย่างว่าไม่มีเหลือ อ่อนใจจึงไม่พยายามปลูกโพธิ์ภายนอกอีกต่อไป เพราะรู้แล้วว่าถึงพยายามเท่าไรมันก็ไม่ได้ผลตามญาณจึงโผล่ผุดขึ้นในกลางใจว่า “ต้นโพธิ์เป็นชื่อของญาณปรีชา ปรากฏขึ้นเอง ณ ภายใน หรือเป็นตัวแทนของญาณภายใน ย่อมปรากฏขึ้นเอง เป็นโลกุตตรธรรมหรือโลกุตตรปัญญา

    เหมือนเมื่อสมัยพระบรมศาสดามีญาณมีปรีชาปรากฏขึ้นภายในไม่มีครูบาอาจารย์สั่งสอน มีภาษาบาลีรับรองไว้ในธรรมจักกัปปวัตตนสูรร์ว่า

    1.จักขุง อุทปาทิ ตา (ใน)บังเกิดแล้ว

    2.ญาณัง อุทปาทิ ญาณความหยั่งรู้ บังเกิดแล้ว

    3.ปัญญา อุทปาทิ ปัญญาความรู้ทั่วถึง บังเกิดแล้ว

    4.วิชชา อุทปาทิ วิชชา ความรู้แจ้งชัด บังเกิดแล้ว

    5.อาโลโก อุทปาทิ ความสว่างกระจ่างแจ้ง บังเกิดแล้ว

    มีคำถามสอดเข้ามาว่า พระโพธิสัตย์โคดม ศึกษาวิชาศิลปะศาสตร์ 17 ประการ ตลอดถึงไตรเพท จบในสำนักครูวิศวามิตร ทางกรรมฐาน เรียนในสำนักอาฬารดาบสได้สมาบัติ 7 เรียนในสำนักอุทกดาบสได้สมาบัติ 8 จะว่าไม่มีครูบาอาจารย์ได้อย่างไรๆ แก้ปัญหาว่า ที่ว่ามานั้นมันเป็นความรู้ฝ่ายโลกีย์ทั้งนั้น จึงต้องมีครูบาอาจารย์สั่งสอน ตลอดถึงสองวิชากรรมฐาน ส่วนตาใน ญาณ ปัญญา วิชชา ความสว่างภายใน เห็นแจ้งชัดในอริยสัจธรรมทั้ง 4 ไม่มีใครสอน รู้เอง เห็นเอง เกิดเอง เฉพาะคนผู้ปฏิบัติเท่านั้น

    ส่วนเรื่องของหลวงพ่อใหญ่ เมื่อต้นโพธิ์ภายในบังเกิดก่อนแล้วได้ 30 ปีเศษ เมื่อมาอยู่ที่วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ก็เพียรพยายามปลูกต้นโพธิ์ภายนอกเท่าไรๆ ก็ ไม่เกิด ในที่สุดก็เกิดเอง เกิดมาแล้วมี 4-5 ใบ จึงเดินไปพบเข้าที่ถ้ำบุญญฤกธิ์ และที่หมู่เจดีย์อนุสาวรีย์ต้นตระกูลของหลวงพ่อใหญ่ เดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ต้นโตใหญ่วัดได้ 6-10 กำแล้ว พ.ศ.2509 เกิดเพิ่มขึ้นอีกต้นหนึ่งใกล้ต้นใหญ่ริมอนุสาวรีย์ (ความจริงต้นโพธิ์ใหญ่ทั้ง 2 ต้นนั้น ยังไม่เคยมีผลจนบัดนี้ พ.ศ.2511)จึงว่าลอยมาเกิดขึ้นเอง อีกต้นหนึ่งเกิดที่หน้าถ้ำใกล้ที่อาบน้ำมนต์ต้นใหญ่ 2 ต้น ต้นเล็ก 2 ต้น รวมเป็นต้นโพธิ์นอก 4 ต้นลอยมาเกิดขึ้นเอง บนจอมก้อนหินทั้ง 4 ต้น ตรงกับต้นโพธิ์ภายในเกิดบนจอมปลวกก่อนหลายสิบปี ซึ่งนับว่าเป็นของแปลกและมหัศจรรย์มาก เชิญทุกท่านที่สนใจไปชมได้ทุกเวลา

    ผจญพญามารและธิดามารทั้ง3

    กาลต่อมา ขณะที่หลวงพ่อเข้าสมาธิก็มีหญิงสาวสวยมาก 3 คน มายั่วยวนและชักชวนให้หลวงพ่อร่วมรสเสน่หากับนางๆ พยายามให้จริตมารยาสารพัด ล่อลวงหลวงพ่อ หญิงสาวทั้ง 3 นี้ เป็นหญิงที่สวยงามมากยากที่จะหานางในเมืองมนุษย์มาเทียบได้ ผิวพรรณวรรณะก็ขาวผ่องร่างอวบอัด ใบหน้าสวยสดหยดย้อย แม้ใครเห็นแล้วจะต้องถึงกับตลึงหลงใหลทันที นางทั้ง 3 ใช้ความสามารถยั่วยวนหลวงพ่อจนอ่อนใจ ก็ไม่อาจทำให้หลวงพ่อเคลื่อนจากสมาธิได้

    ญาณของหลวงพ่อบอกทันทีว่านี้คือ ลูกสาวพญามารจะมาล่อเราด้วยกามราคะ คงจะเป็นนางทั้ง 3 นี้ กระมังที่เคยมายั่วยวนพระพุทธเจ้าองค์เมื่อครั้งกระโน้น เมื่อไตร่ตรองดังนั้นหลวงพ่อก็ยกมือขึ้นไล่ พร้อมกับกล่าวว่าเธอจงไปเราไม่ต้องการ พอนางทั้ง 3 ได้ฟังดังนั้นก็ร้องกรีด แล้วร้องไห้หนีไป ต่อมาพักใหญ่ หลวงพ่อก็เห็นยักษ์ใหญ่ตนหนึ่งร่างมหึมา เดินตรงเข้ามาหาหลวงพ่อพร้อมกับควงพลองในมือเป็นจักรผัน แลดูพราวตาไปหมดพญายักษ์นั้นควงไม้พลางเดินตรงเข้ามาหาหลวงพ่อ พอใกล้จะถึงตัว ก็มีจักรแก้วดวงหนึ่งออกมาจากเบื้องซ้ายหลวงพ่อ แล้วหมุนคว้างเข้าต่อสู้กับพญายักษ์ที่ควงไม้กระบองเข้ามา พอพญายักษ์เห็นจักรแก้วลอยตรงเข้ามาก็หลบหนีหายไป เมื่อออกจากสมาธิหลวงพ่อก็ทราบได้ทันทีว่านั้นคือพญามาร การที่เรียกว่ามารมีตั้ง 1000 แขนนั้น แท้จริงเขามีเพียงสองแขนเท่านั้น แต่เขาแกว่งกระบองวิเศษจนเห็นเป็นจักรผันรอบตัว พญามารจึงแลเห็นเหมือนมีตั้งพันแขน

    พบนายยมบาล

    กาลต่อมา หลวงพ่อนั่งเข้าสมาธิพบชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งมีสิบสองคน เดินออกมาจากป่า ลักษณะดำใหญ่โตและแข็งแรงมาก มีผ้าแดงโพกหัวทุกคน แต่งเครื่องแบบคล้ายทหาร มีอาวุธและเครื่องจองจำเช่น โซ่ตรวน ขื่อคา มาพร้อม เมื่อมาถึงตัวหลวงพ่อเขาเหล่านั้นก็ย่อกายลงทำความคารวะ แล้วกล่าวขออนุญาตหลวงพ่อจะขอเที่ยวพักผ่อนในบริเวณนี้สักหน่อย หลวงพ่อก็อนุญาต เขาเหล่านั้นดีใจมาก จัดแจงวางอาวุธและโซ่ตรวน พร้อมกับถอดเครื่องแบกกองไว้ ณ ใต้ร่มไม้แห่งหนึ่ง ประมาณสักพักใหญ่ๆ เขาเหล่านั้นก็กลับมาแล้วแต่งตัวโพกผ้าสพายอาวุธเช่นเดิม เสร็จแล้วเดินเข้ามาทำความเคารพหลวงพ่อ แล้วเดินทักษิณาวัตรเวียนขวา 3 รอบแล้วก็จากไป

    กลับบ้านกบินทร์บุรี

    เมื่อปราบพญามารและเสนามารทั้ง 5 โดยใช้เวลา 6 ปี จนชนะได้ผลดี อีกทั้งวัดชายนา สวนปันตาราม ก็มีหลักเนติปฏิปทาเป็นระเบียนเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว มาด้วยเท้าเปล่า จากภาคใต้ขึ้นพร้อมคณะ 7-8 คน มีชี-ตาผ้าขาว และพระ รวมระยะเดินทางใช้เวลา 6เดือนทีเดียว จำพรรษา ณ วัดโคกสว่างอารมณ์นั้น คือ ต้นศรีมหาโพธิ จังหวัด ปราจีนบุรี

    ทำธูป 84,000 ดอก

    ในระหว่างพรรษา หลวงพ่อได้เริ่มงานสร้างบารมีครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยการทำธูปให้ครบ 84,000 ดอกเพื่อบูชาพระธรรมในพระไตรปิฏก พอถึงเดือน 12 ทอดกฐินจึงใช้ธูปทั้งหมดจุดบูชาพระรัตนตรัย

    ออกบำเพ็ญบารมีต่อ

    หลังจากนั้นท่านก็ออกธุดงค์ต่อ พร้อมด้วยพระอนุจร 2 รูป มุ่งปากช่องเขา อำเภอปักธงชัย ไปโคราชถึงอุบลฯ จึงเลยไปนมัสการพระธาติพนม แล้วจึงเลยไปพระธาตุเมืองเว้ และเขาได้นิมนต์ให้เทศน์ 3 ธรรมมาศน์เรื่องปฐมสังคายนา เทศน์อยู่หลายวัน คนฟังก็ตั้งใจฟังจริงไม่เบื่อ

    เดินไม่ซ้ำรอย

    เมื่อเทศน์โปรดพวกญาติโยมพอสมควรแล้ว ก็ออกเดินทางไปนมัสการพระธาตุอุเทนที่สกลนครต่อไป ในขณะที่พักใต้ร่มไม้หายเหนื่อยแล้ว ก็ออกเดินทางโดยลืมรองเท้าไว้ห่างจากที่ยืนประมาณ 10 วา หลวงพ่อก็ไม่ซ้ำรอยกลับมาเอา เพราะอธิฐานว่า จะไม่ยอมเดินย้อนกลับมารอยเก่าอีกเป็นอันขาด จะซ้ำรอยเก่าได้ต่อเมื่อได้เดินวงกลมมาบรรจบรอบเท่านั้น หลวงพ่อ เดินทางต่อไปถึงเวียงจันทร์ แวะนมัสการธาตุหลวง แล้วพักเวียงจันทน์ 7 วัน จึงเดืนทางเรือจนถึงเมืองหลวงพระบางแวะนมัสการพระธาตุจอมศรี แล้วเที่ยวนมัสการพุทธสถานต่างๆครบ 15 วัน จึงเดินทางๆ เรือไปตามลำแม่น้ำโขงเทพและพระธาตุจอมทอง ต่อจากนั้นเลยไปนมัสการพระถ้ำเชียงดาว และเข้าไปในแดนพม่า ขึ้นไปนมัสการพระบาทฮ้งฮุ้งและจำพรรษาที่นั่น 1 พรรษา


    อธิษฐานจิต

    เมื่อออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อมีความลังเลว่าจะกลับประเทศไทยหรือจะเดินทางไปนมัสการปูชนียสถานในประเทศพม่าต่อไป หลวงพ่อก็อธิษฐานจิต ก็มีภาพนิมิตให้เห็นว่ามีบุรุษคนหนึ่งเทียมเกวียนมุ่งหน้าไปทางประเทศพม่า 1 เล่ม และในวันรุ่งขึ้นก็ได้ยินเสียงจากเบื้องบนร้องบอกว่า จงไปข้างหน้าย่ามที่ทะลุนั้นให้เย็บเสีย ระยะหว่างเดินทางมาลำบากมากต้อง กันดารน้ำ แต่หลวงพ่อโชดดี เห็นใบไม้ใบหนึ่งมีน้ำขังอยู่ประมาณ 2-3 หยดพอน้ำใบไม้ผ่านลำคอเข้าไป ท่านก็รู้สึกชุ่มชื่นเบิกบานใจ มีกำลังกระปรี้กระเปร่าเหมือนได้ดื่มน้ำทิพย์

    จำศีลกินลมแก้กระหายน้ำ

    วันหนึ่งเดินขึ้นเขาลงห้วย ถึงตอนบ่ายก็ยังติดอยู่บนเขามีความกระหายน้ำอีก แต่ไม่รุนแรงเหมือนครั้งแรก หลวงพ่อจึงนึกถึงหนังสือเรื่อง “มูลบทบรรพกิจ” ที่เคยเรียนเมื่อครั้งเป็นเด็กมีเนื้อความว่า “จำศีลกินวาตาเป็นผาสุก ทุกเดือนปี” หลวงพ่อจึงทดลองดู โดยอ้าปากแล้วสูดลมเข้าปากอย่างแรง แล้วหุบปากกลืนลมเข้าไปถึง 3 ครั้ง ความหิวข้าวแล้วกระหายน้ำก็หายไป

    โพธิสัตว์ปูชนียวัตถุ

    ครั้นแล้วหลวงพ่อก็ออกเดินทางไปนมัสการพระธาตุของพระโพธิสัตว์แห่งเมืองพม่าเหนือนี้ มีนกกามาส่งหลวงพ่อ เพื่อความกล้าหาญชาญชัย เหมือนกา กาเท่ากับความกล้าหาญ

    ปราบผีดิบกินคน

    บังเอิญในปีนั้น มีผีดิบขึ้นมาจากหลุมป่าช้าแห่งบ้านลองตอกนั้นขึ้นมากินผู้คนตายหลายร้อยคน มันอาละวาดฉุดคร่าชีวิตของพวกปล้องชาวเขาในปีนั้นประมาณ 200 กว่าคนจนชาวบ้านไม่เป็นอันทำมาหากิน ค่ำคืนก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องในเรือนไม่กล้าโผล่หัวไปไหนเพราะกลัวพวกผีดิบมาคร่าเอาซีวิตไปกินเสีย ผีดิบที่ป่าช้านี้เฮี้ยนมากมีอยู่หลายศพที่ผุดขึ้นมาจากหลุมออกอาละวาด และทุกหลุมที่พวกผีโผล่ขึ้นมาจะต้องเป็นรูใหญ่ทุกหลุม หัวหน้าหมู่บ้านก็นิมนต์หลวงพ่อให้ไปช่วยปราบผี หัวหน้าผีชื่ออีเปลี่ยว มันพาบริวารออกอาละวาดมาสองปีแล้ว อีเปลี่ยวคนนี้เมื่อยังมีชีวิตอยู่เป็นคนใจดำอำมหิตมาก แต่เป็นคนมีหลักฐานมีหลักทรัพย์ดี เวลาให้เขากู้เงินหรือกู้ข้าวจะต้องเรียกดอกเบี้ยมากเสมอ ซึ่งผู้ที่ยากจนก็ต้องทนรับการดูดเลือดดูดเนื้อ จนกระทั่งมันตายผู้คนจึงเอามันไปฝังไว้ในป่าช้าแล้วมันก็ผุดขึ้นมาคร่าชีวิตคนถิ่นนี้ตายมากมาย เคยมีอาจารย์ดีมาทำพิธีสกดแต่แล้วต้องพ่ายแพ้มัน เพราะวิทยาอาคมไม่ขลังพอ หลวงพ่อสั่งให้ปลูกเพิงหมาแหงนไม่ต้องมีฝาหนึ่งในป่าช้าใกล้หลุมฝังศพอีเปลี่ยวพวกชาวบ้านก็ทำตามคำสั่ง ในตอนเย็นๆ หลวงพ่อก็ไปสรงน้ำบนหลุมฝังศพของอีเปลี่ยวทุกวัน แล้วอธิฐานให้น้ำที่สรงนี้เป็นน้ำกรดทิพย์กัดโลงและตัวมันให้พัง ในตอนกลางคืนก็นั่งสกดอยู่ในป่าช้าผีดิบอันน่ากลัวนั้นองค์เดียวจนกระทั่งหลายวันผ่านไปก็ไม่เห็นมีวี่แววอะไรมาปรากฏ ในคืนวันหนึ่งดึกสงัด หลวงพ่อนอนตะแคงขวาสงบจิตอยู่ขณะนั้นได้ยินเสียงผีเท้าหนักๆ เหยียบใบไม้และกิ่งไม้หักดังสนั่น หลวงพ่อจึงเงียบฟัง เสียงนั้นก็ใกล้มาทุกทีทันใดนั้นก็ได้กลิ่นของเสือร้ายพาดกลอนมากระทบจมูกอย่างแรง ญาณก็บอกให้ทราบทันทีว่า ผีตายโหงได้ไปเข้าสิงร่างเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง และเสือตัวนี้กำลังจะมาเอาชีวิตหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อจึงลุกขึ้นนั่งสมาธิเอาผ้าคลุมแล้วแหวกหน้าเพื่อให้เสือมันเห็นมันจะได้มาคร่าเอาตัวไปง่ายๆ เมื่อนั่งสมาธิไม่นานจิตก็ตกภวังค์ดับไป มารู้ตัวเอาตอนเช้ามีชาวบ้านเอาข้าวมาถวายแล้วถามว่าเมื่อคืนเห็นเสือไหม เพราะชาวบ้านเขาเห็นมันมาเพ่นพ่านใกล้ๆหลวงพ่อๆ ไม่ตอบแต่ชี้มือไปทางหน้าเพิงหมาแหงนปรากฏว่ามีรอยเท้าขนาดใหญ่ย่ำอยู่รอบๆรอยเท้าๆปรากฏชัดเจน เพราะเมื่อคนฝนตกหยิมๆตลอดคืน

    ต่อมาอีก2-3 วันในตอนเกือบสว่างหลวงพ่อนอนทำสมาธิแบบสีหไสยาสน์อยู่โดยมีผ้าขนหนูคลุมศีรษะ ทันใดนั้นก็มีมือดำมะเมื่อมขนรกรุกรังใหญ่กว่ามือคนธรรมดาสัก 2 เท่าเอื้อมเข้ามาในเพิงหมาแหงนแล้วเอื้อมมาจับผ้า พันคอของหลวงพ่อกระตุกอย่างแรง จนหน้าบิดไปข้างหลัง ลักษณะนี้เองที่ผีหักคอคน หลวงพ่อเล่าว่าถ้าท่านไม่มีบุญบารมีคุ้มครองอยู่ป่านนี้หลวงพ่อคงคอหักตายแล้วเมื่อกระตุกผ้าแล้วมืออันน่าเกลียดน่ากลัวนั้นก็หดหายไป หลวงพ่อก็คอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นอีก ไม่เห็นมีอะไรจนรุ่งสว่าง

    ควายผี

    พอรุ่งขึ้นหลวงพ่อก็เตรียมตัวสู้กับผีอีเปลี่ยวเต็มที่ พอได้เวลาเย็นหลวงพ่อก็ไปสรงน้ำสกดผีอีเปลี่ยวที่หลุดแล้วอธิษฐานทับลงไปให้น้ำนี้เป็นกรดอันร้ายแรงยิ่งๆขึ้น ในคืนวันนั้นหลวงพ่อก็นั่งสมาธิเข้าเรียกวิญญาณมันมา ทันใดนั้นมันแปลงเป็นควายเปลี่ยวตัวใหญ่มหึมาเขาโง้งยาวน่ากลัว ควายบ้าตัวนั้นวิ่งตรงเข้ามาจะทำร้ายหลวงพ่อทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อแบบนักรบโบราณมีไม้พลองในมือ กระโดดออกมาจากเบื้องซ้ายของหลวงพ่อแล้วตรงเข้ายกไม้พลองในมือเข้าพิฆาตอ้ายควายผีตัวนั้นทันที ควายผีตัวนั้นก็หายลับไป ต่อมาก็ปรากฏเป็นวิญญาณของอีเปลี่ยวมาหาเป็นผู้หญิงกลางคนหน้าตาดุร้ายเข้ามาหาแล้วกล่าวว่า บัดนี้มันอยู่ที่นี้ไม่ได้แล้วเพราะบ้านที่มันอยู่ผุพังหมด มันขอยอมแพ้และขอย้ายไปอยู่ในป่าดิบ ณ ดอยลูกหน้าโน้น ครั้งแรกหลวงพ่อนึกจะทำลายวิญญาณให้มันแตกดับไปแล้ว แต่นึกเมตตากลัวจะเป็นกรรมต่อกันอีก ทั้งมันให้สัญญาว่าจะไม่มารบกวนอีก หลวงพ่อจึงปล่อยมันไป

    นับแต่นั้นมา การล้มตายของชาวบ้านถิ่นนั้นก็สงบลงที่ป่วยหนักก็เบาขึ้น ที่ป่วยน้อยก็หายไป โดยเอาน้ำมนต์หลวงพ่อไปกินทุกบ้าน และเอาทรายที่ปลุกเศกไปหว่านรวมทั้งขอด้ายมงคลไปผูกข้อมือ และผูกคอทุกคนจนกระทั่งทั่วละแวกบ้าน

    ต้องจองจำ

    ตอนไปพม่า เป็นช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง นายตำรวจนำตัวหลวงพ่อขึ้นเฝ้า เมื่อไต่สวนเห็นหลวงพ่อบริสุทธิ์ไม่มีมนทิลก็รับสั่งให้ปล่อยตัว

    ถูกปล่อยเข็มเข้าตัว

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้ไปนมัสการพระ มีเจ้าอาวาสท่านหนึ่งมีวิชาทางคุณไสย์ ท่านก็ทำตามพิธีปล่อยเข็มของท่านมีดังนี้ คือเอาเข็มมา 4 เล่ม ใส่ในพานเอาผ้าขาวปกคลุมจนมิดชิดแล้วปลุกเสกบริกรรมจนเข็มนี้ล่องลอยไปพิฆาตศัตรู สองเล่มส่วนอีกสองเล่มเป็นเข็มสำหรับคุ้มกันตัวเจ้าของ ที่ต้องทำเข็มคุ้มครองตัวสองเล่มนั้นก็เพื่อมิให้เข้าตัวเพราะการปล่อยเข็มไปนั้น ถ้าเข็มนั้นทำให้ศัตรูตายแล้วก็จะลอยกลับมาหาเจ้าของและที่ปลายเข็มจะมีรอยเลือดแดงๆ ติดมาอันเป็นสัญลักษณ์ว่าศัตรูได้ตายแล้ว แต่ถ้าเข็มที่ปล่อยนั้นไปโดนผู้ที่แก้ไขได้ เข็มที่ปล่อยไปนั้นจะลอยกลับมา แล้วเข็มสองเล่มที่ปลุกไว้คุ้มครองนั้นจะลอยขึ้นรับไว้แล้วตกลงมาในพานทั้ง 4 เล่มพร้อมกัน ถ้าไม่มีเข็มสองเล่มนี้ตัวคนปล่อยจะตายทันที เพราะของที่ปล่อยไปนั้นลอยมาเข้าตัวเข้าทำนองหมองูตายเพราะงู พระชาวปล้ององค์นั้นเล่า พอวันรุ่งขึ้นคนที่เป็นศัตรู ก็ต็็ืกกงกงกงกงกงกกงกงกกดกดกดกดกดกดกดกดกดตายจริง

    เจ้าอาวาสมาโกธรหลวงพ่อที่เอาพระหัตถ์ท่อนมือลงลักพื้นสีดำ ตกกลางคืนประมาณ 5ทุ่มหลวงพ่อกำลัง จำวัดอยู่ก็ต้องสะดุ้งขึ้นมาสุดตัวและรู้สึกเจ็บขณะที่ปลาบที่ต้นแขนอย่างมาก อาการเจ็บนั้นก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เหมือนใครเอาเหล็กแหลมขนาดใหญ่มาทิ่มแทง ครั้งแล้วหลวงพ่อก็บริกรรมว่า อรหังๆแล้วตั้งจิตสำรวมแน่วแน่เป่าพรวดลงไปที่ต้นแขน ความเจ็บปวดนั้นก็หายไป พอไม่นานก็กลับมาอีก ครั้นแล้วหลวงพ่อก็กลั้นใจบริกรรมอรหังๆ เป่าไล่ไปอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็เข้าสมาธิอธิษฐานจิตเป็นเกาะเพ็ชร์ 7 ชั้นกั้นตัวขอให้ครอบหลวงพ่อไว้ให้ทั่วร่าง อย่าให้อันตรายล่วงล้ำเข้ามาได้ เมื่อมโนภาพเห็นเป็นเกราะเพ็ชร์ 7 ชั้นอย่างชัดเจนแล้วหลวงพ่อก็จำวัด ประมาณปัจจุสมัยใกล้รุ่ง ก็มีเสียงเหล็กสองชิ้นกระทบกันในอากาศและเสียงนี้ได้วนรอบๆ ตัวหลวงพ่อหลายครั้ง หลวงพ่อก็นอนฟังเสียงนั้นเฉยอยู่ เสียงนั้นก็วิ่งกระทบกันรอบตัวอยู่ตลอดเวลา หลวงพ่อก็ทราบได้ว่าเข็มเข้ามาไม่ได้ หลวงพ่อก็ปกาสิตว่า กลับไปหาเจ้าของ

    ปราบผีป่าช้าที่บ้านดอยใต้

    ที่บ้านดอยใต้ ได้เกิดการตายโดยอำนาจผีเหมือนครั้งที่หลวงพ่อเคยปราบมาแล้วที่บ้านลองตอก มีคนตายทุกวันละๆ 2-3 คนเป็นประจำ วิญญาณของผีพวกนี้ดุร้ายและเหี้ยมโหดทารุณมาก เมื่อครั้งมีชีวิตก็มีอาชีพในทางปลิ้นปล้อนหลอกลวง คดโกงและเที่ยวรีดนาทาเร้นชาวบ้าน พอตายไปแล้ววิญญาณผีร้ายตนนี้ ก็ยังมีจิตผูกพันต่อความ โลภที่มันเคยได้ หลวงพ่อก็นั่งเข้าที่สำรวจดูวิญญาณทันทีท่านเข้าสมาธตรวจดูวิญญาณตั้งแต่ค่ำจนรุ่งสว่างถึง 7 โมงเข้า จึงทราบได้ทันทีว่า มีศพอยู่ศพหนึ่งฝังอยู่ทางด้านเหนือของป่าช้า หลวงพ่อจึงประชุมลูกบ้านแล้วให้ขุดหลุมฝังศพขึ้นมาก็พบศพผู้หญิงอยู่ในโลงเป็นรูปเป็นร่างไม่เน่าเปื่อย เหมือนร่างธรรมดาเพียงแต่ใบหน้าซีดขาวและตาถลนเท่านั้น ธรรมดาศพที่ถูกฝังตั้งแต่ปีเศษจะต้องเน่าเปื่อยเหลือแต่กระดูก แต่ผีนางผู้นี้ไม่เน่าเปื่อย มีหนังหุ้มอยู่ตลอดตัว ผีที่ฝังแล้วไม่เน่าเปื่อยนี้ต่อไปตามซากก็จะเกิดเป็นขนขึ้นมา ซึ่งผีนางมิ นี้ถ้าหลวงพ่อไม่มาสะกดให้ ต่อไปขนจะงอกเต็มตัวแบบแดร็กคิวล่าไม่มีผิด เมื่อเห็นความอาถรรพ์ของทรากศพดังนี้ พ่อแม่ก็ต้องเชื่อจึงจัดแจงทำพิธีทำบุญตามหลวงพ่อแนะนำ เพื่อส่งวิญญาณไปสู่สุคติภพ แล้วพ่อแม่ผู้ตายก็ถวายเงินไว้ 300 รูปี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นาชาวบ้านดอยใต้ก็อยู่ด้วยความสงบสุขเรื่อยมา

    ปราบผีป่าช้าบ้านดอยเหนือ

    เมื่อชาวบ้านคอยใต้สงบราบคาบลง ชาวบ้านดอยเหนือ ไปประมาณ 2-3 กิโลเมตรก็มีคนตายถึง 4 คนและล้มตายลงทุกวัน ผีที่บ้านดอยเหนือนี้ดุร้ายและแก่กล้ามาก ต้องทำการปราบกันถึง 6วัน 6คืน มันจึงยอมแพ้ราบคาบ กองทัพของผีครั้งนี้มีมากมาย ทั้งผีเด็ก ผีผู้ใหญ่ และผีหญิง ผีชาย หัวหน้าผีมีอาวุธคือไฟฉายอยู่ในมือ เวลามันฉายไฟนี้ไปทางใดหรือบ้านใดจะมีคนเจ็บและตายในเวลาต่อมา แล้วมันก็สั่งให้วิญญาณร้ายเหล่านี้เข้าสิง หรืออาศัยในร่างของคนป่วยคนอื่นๆต่อไปอีก เพื่อกินเลือดเนื้อจนคนไข้คนนั้นๆตายต่อไปเรื่อยๆ

    วันนั้นเจ้าผีร้ายตัวนี้เอาไฟฉายกราดไปที่บ้านหลังหนึ่ง 10คนล้มเจ็บลงหมดบ้าน พอคนไหนหายหุงข้าวต้มแกงได้มันก็ฉายไฟมากระทบตัวคนที่หายนั้นอีก ต่อมามันได้สิงร่างของญาติโยมคนหนึ่งมันแสดงอาการเกรียวกราดต่อหลวงพ่อมาก มันขับไล่หลวงพ่อ มันบอกตั้งแต่หลวงพ่อมา มันฉายไฟฉายไปไม่มีคนตายสักคน ที่ป่วยก็หายหมดทำให้พวกมันอดอยากมากหลวงพ่อตอบว่าที่มาคราวนี้ไม่ตั้งใจจะเป็นศัตรูกับมัน หลวงพ่อก็ขอร้องให้มันหยุดการอาละวาดคร่าชีวิตมนุษย์ หันมาปฏิบัติตามหลักศีล 5มันจะได้ไปผุดไปเกิด แต่มันไม่ยอมได้กล่าวคำอาฆาตหลวงพ่อแล้วก็ออกจากร่างโยมคนนั้นไป

    วันต่อมาหลวงพ่อรู้สึกหนาวสั่นเยือกเย็นไปในหัวใจนำผ้ามาห่มก็ไม่หาย หลวงพ่อก็ขอตัวพวกญาติโยมเข้าที่เพ่งมองดูสาเหตุก็เห็นเจ้าผีร้ายตัวนั้นยืนอยู่ข้างหลัง กำลังส่องไฟฉายมายังหลวงพ่อๆก็รวมกระแสจิตอย่างแรงไปขับไล่ กระแสจิตเป็นรัศมีเหมือนกระบอกไฟพุ่งไปยังเจ้าผีร้าย แล้วมันก็หายไป วันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อกำลังสวดมนต์เย็นอยู่ มันได้ปรากฏตัวต่อหน้าหลวงพ่อๆ จึงหยุดทำวัตรทันที มันมีรูปร่างพญามาร ตัวใหญ่โต ตาโปนและมีเขี้ยวงอกออกมาจากปากทั้งสอง เมื่อมาถึงมันไม่ยอมทำความเคารพหลวงพ่อๆ จึงใช้อำนานจิตบังคับให้มันยกมือขึ้นทำความเคารพมันอิดเอื้อนอยู่นาน แต่แล้วด้วยอำนาจจิตที่หลวงพ่อเพ่งไปยังตัวมัน ทำให้มันเร่าร้อนทนอยู่ไม่ได้ จึงค่อยๆยกมือทั้งสองขึ้นพนมเหนืออกอย่างเฉื่อยชา และช้าที่สุด แล้วหลวงพ่อก็แบ่งภาคเป็นกายทิพย์ขึ้นขี่คอมัน แล้วมันก็พาหลวงพ่อซึ่งอยู่บนคอมันวิ่งเข้ามาในหมู่บ้านที่ในละแวกนั้นแล้วก็หายไปเลย เพราะหลวงพ่อตั้งสัจจะว่าจะไม่ทำพวกสัมภเวสีเหล่านี้ให้ตาย มิฉะนั้นจะเป็นกรรมไม่ดีต่อกันอันเป็นอุปสรรคกีดกั้นทางแห่งความหลุดรอดพ้นอย่างยิ่ง

    เย็นวันหนึ่ง ณ ที่ป่าช้ามีสมภารวัดดอยเหนือนำดาบที่ทำด้วยไม้มาให้โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทันใดนั้นญาณก็บอกว่าจะมีอาเพศเกิดขึ้นในวันนี้ ให้บรรจุบารมีลงในดาบเล่มนี้เสียจะได้สู้กับมารได้ หลวงพ่อขนลุกซู่นึกในใจว่าบารมีของคุณพระนี้ช่างศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิดีจริง ดูซิจะเกิดภัยอันตรายก็บันดาลให้พระสมภาร นำพระแสงอาญาสิทธิ์มาให้ แล้วหลวงพ่อก็พุ่งกระแสจิตบรรจุบารมีลงในดาบไม้เล่มนั้นประมาณ 4 โมงเย็น ก็มีเหยี่ยวฝูงใหญ่บินมาเต็มท้องฟ้านับจำนวนไม่ถ้วน ชาวบ้านและชาววัดต่างแตกตื่นกันใหญ่ มันบินวนเวียนอยู่บนศีรษะหลวงพ่อด้วยดวงตาแดงกล่ำ บางตัวก็โฉบลงมาใกล้ๆ หลวงพ่อๆ ก็รู้ได้ทันทีว่า นี่คืออาเพศชนิดหนึ่งที่พวกผีร้ายและมารส่งมาทำลายบารมีของหลวงพ่อครั้งนี้ถ้าหลวงพ่อแก้อาถรรพ์ไม่สำเร็จหลวงพ่อก็อาจจะต้องตายทันที เมื่อรู้เหตุดังนี้หลวงพ่อก็ออกมายืนกลางแจ้งบริกรรมภาวนาอธิษฐานจิต แล้วตั้งใจอย่างแน่วแน่กวัดแกว่งดาบไม้นั้นเหนือหัวหลายรอบ บรรดาเหยี่ยวจำนวนมากเหล่านั้นก็บินผ่านไปทางทิศตะวันตก พักต่อมาก็มีฝูงกาบินมาบนอีก คราวนี้มากกว่ากองทัพเหยี่ยวหลายเท่ามืดฟ้ามัวดินจริงๆมันบินโฉบลงมายังตัวหลวงพ่อ ตัวแล้วตัวเล่า แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงตัว หลวงพ่อจึงกวัดแกว่งดาบขึ้นเหนือหัวหนึ่งครั้ง ฝูงอีกานับจำนวนมากมายก็บินไปทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกัน ต่อมาเขาก็นิมนต์ไปปราบผีที่บ้านคลองกะลาวอีก แต่ไม่กล้าแข็งเหมือนบ้านดอยเหนือ

    1.ปราบผีเสาตกน้ำมัน บ้านเช่า หอพักของ คุณนายนิภา สายสวัสดิ์ เลขที่ 43/1 ซอยปลูกจิต ต.ลุมพินี อ.ปทุมวัน จ.พระนคร ผีเสาตกน้ำมันอยู่ต้นหนึ่งดุมากใครที่พักห้องนี้จะต้องโดนหลอกเสมอ หลวงพ่อสกดแล้วหลวงพ่อก็จำวัด ประมาณตี 5 เด็ก สองคนเห็นมือๆหนึ่งใหญ่โตมากเล็บแหลมโค้งกำลังเอื้อมมาที่กระจกที่กั้นเป็นฝาห้อง เด็กทั้ง4คนกลัวมากร้องลั่นบ้าน ขณะที่มือนั้นกำลังเอื้อมมาจะถึงตัวเด็กทั้ง4ก็เห็นหลวงพ่อยกไม้เท้าขึ้นตีมืออุบาทว์นี้ก็หายไป

    2.ผีตายโหง คุณซิ้วกี บุนนาค ผู้เป็นมารดา กับคุณลัดดา พิทักษ์สันติพันธุ์ ผู้เป็นบุตรสาว อยู่พระโขนง

    ตอนเย็น มองไปทางประตูบ้าน ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังปืนประตูบ้านจะเข้ามา พอพ้นประตูมาได้ครึ่งตัวก็เอื้อมมืออันยาวเหยียดประมาณ 2 เมตร มาเปิดกลอนประตู มือมันก่อนถึงกลอน มันก็ต้องสดุ้งสุดตัวคล้ายกับโดนตีหัวแล้วตัวมันก็ค่อยๆเลื่อนตกลงไปนอกประตูเหมือนคนไม่มีกระดูก ประวัติก่อนนี้คนร้ายและตำรวจฆ่ากันหลายศพ โดยเหตุนี้วิญญาณผีตายโหงจึงอาละวาด

    3.ปราบผีพราย โยมซิ้มเป็นคนจีน บ้านอยู่หลังอู่เซอรวิซการาจ สามยอด พระนคร หน้าบ้านต้นโพธิ์ขนาดใหญ่เป็นเครื่องหมาย วันหนึ่งแก่เล่าว่า ไปซื้อของที่ตลาดเก่า รู้สึกเสียวปราบที่ด้านหลัง พอมาถึงบ้านก็ล้มป่วยมาเรื่อยๆเป็นเวลาเกือบปี มีอาการปวดบวมที่ด้านหลังเป็นพักๆ จนร่างกายผอมซีดเหมือนผีตายซาก วันหนึ่งหลวงพ่อไป กรุงเทพฯ มีคนนำตัวมาให้รักษา หลวงพ่อได้ตรวจดูก็รู้ว่าโดนคุณผีพราย จึงอาบน้ำมนต์แล้วทำพิธีขับไล่วิญญาณร้ายตนนั้น ให้ออกไปจากร่างกายพร้อมกับเศกด้ายมงคลใส่ให้ ต่อมาโยมซิ้มก็หาย

    4.ปราบผีพิษณุโลก เมื่อ พ.ศ.2500 หลวงพ่อได้ไปทำพิธีปลุกเศกเครื่องรางของขลังที่วัดนางพญา เมืองพิษณุโลก ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อให้ไปช่วยปราบผี ณ ที่ตำบลไผ่ขอดอน หลวงพ่อให้ทำปรำ นั่งสมาธิสกดอยู่สักพักใหญ่ๆก็เกิดลมพายุอย่างแรงกล้า พักใหญ่ผ่านไปลมก็สงบพร้อมกับบังเกิดเสียงฝีเท้าเหมือนคนหลายคนวิ่งหนักๆไปทางป่าช้าและมีฝุ่นฟุ้ง นับจากนั้นบ้านไผ่ขอคอน ก็มีความสุข

    บ้านแตกสาแหรกขาด

    ขณะนั้นมหาสงครามโลกครั้งที่สองกำลังทวีความรุนแรงยิ่งๆขึ้น ญิ่ปุ่นปกครองได้ประมาณ 1 ปี ฝ่ายสัมพันธมิตรก็มาโจมตีเอากลับคืนไปได้โดยทิ้งระเบิดพินาสเสียหายเกือบหมดเมือง ผู้คนพลเมืองทิ้งบ้านช่องไร่นาสาโทไปอยู่ตามห้วยเขาและท้องถ้ำแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่มีใครปกครองได้ ต่างก็ต้องปกครองตัวเองบ้านเมืองในขณะนั้นไม่มีขื่อมีแป ทหารกระเหรี่ยง ถือศาสนาผีมีการฆ่าวัวฆ่าควายเซ่นไหว้กันทุกปี เข้าเป็นลูกมือของอเมริกา ฆ่าพวกญี่ปุ่นและชาวเขา อย่างสบายใจ พระ เณร ชี มันก็ยิงทิ้งอย่างไร้ความปรานี

    เตรียมตัวตายบนดอยแสง

    เมื่อทางเมืองไฟไหม้ไม่มีที่อยู่ หลวงพ่อจึ่งเลื่อนขึ้นมาพักบนดอยแสอีกครั้งหนึ่ง

    โอวาทตอนเตรียมตัวตาย

    ขณะที่ทหารกระเหรี่ยงจับหลวงพ่อและลูกศิษย์มัด หลวงพ่อบอกให้พวกเรายึดองค์ภาวนาพุทโธ แล้วแผ่เมตตาให้แก่ผู้คิดร้ายเราเป็นสุขๆดีกว่า

    ความกลัวตายโผล่แล้วดับไป

    วันต่อมาขณะที่หลวงพ่อนั่งภาวนาอยู่ในที่พักก็รู้สึกว่ามีควากลัวตายผ่านเข้ามาในใจเสมอๆ จึงถามตัวเองว่ากลัวตายมันพ้นตายไหม พอนึกปล่อยชีวิตให้ล่องลอยไปตามยถากรรมเช่นนั้นความกลัวตายก็จืดจางหายไปทันทีกลับมีความปีติเกิดขึ้นแทน

    เหตุผลการเกิดความกลัวตาย

    เมื่อหลวงพ่อพิจารณา ก็รู้ว่ากระแสอันเหี้ยมโหดของมันพุ่งมากระทบใจของหลวงพ่อ จิตใจของหลวงพ่อจึงว่างเปล่าจากอารมณ์กลัวตาย เกิดความปิติผ่องใสเพราะการชนะอารมณ์กลัวตายนั่นเอง

    ข่าวการตายของหลวงพ่อ

    พอบ้านเมืองเข้าขีดแห่งความสุขสงบ ข่าวลือไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าหลวงพ่อตายแล้ว

    พุพธบูชา

    คราวที่ต้องสละเลือดเนื้อถวายแก่พระรัตนตรัยเมื่อครั้งผจญกับพญามารและเสนามาร ที่ จ.กลันตัน นครศรีธรรมราชครั้ง กระโน้นนั้น เป็นการเสียสละให้เป็นพุทธบูชา สังฆบูชา แก่พระสมณโดดมบรมครูของเรา

    โพธิสัตว์บูชา

    ส่วนคราวเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อคราวนี้ ที่ดอยแสงอันเป็นแหล่งที่อยู่ของพระโพธิสัตว์นกยูงทอง จัดเข้าในโพธิสัตว์บูชา หรือเท่ากับเป็นการบูชาพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย ที่จะมาโปรดพวกเราชาวสากลโลกเริ่มแต่ 25 พุทธศตวรรษเป็นต้นไป อันร่างกายของหลวงพ่อนี้จึงเท่ากับเป็นหุ่นให้พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยได้อาศัยใช้สร้างบารมีในปัจจุบันชาตินี้จนครบบารมี 30 ทัส เพื่อที่จะรับตำแหน่งเป็นสมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้าในกาลข้างหน้าโน้น

    หล่อพระเงินปางต่างๆ

    ก่อนที่จะเกิดสงคราม หลวงพ่อได้ชักชวนชาวเมืองสร้างพระพุทธรูปเงินแท้ ปางต่างๆ ไว้ที่วัดพระโหลง มีน้ำหนักเงินประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งเป็นราคา หลายหมื่นบาท

    สร้างแผ่นทองคำจารึกชื่อ

    การหล่อพระเงินครั้งนี้ หลวงพ่อมีเงินเหลืออีกหลายพันรูปี ไปซื้อแผ่นทองคำมาหนึ่งแผ่น กว้างประมาณคืบเศษยาว ประมาณหนึ่งศอกราคา ประมาณ 300 บาท แล้วหลวงพ่อก็จารึกชื่อ และความปรารถนาพระโพธิญาณลงในแผ่นทองคำนั้น เสร็จแล้วก็เอาแผ่นทองคำจารึกชื่อแผ่นนี้ขึ้นไปหุ้มบนยอดพระเจดีย์ส่วยดากอง

    สร้างพระพุทธรูปถือระฆังทองคำ

    หลวงพ่อก็ได้ฝังพระพุทธรูปองค์หนึ่งซึ่งพระหัตถ์เบื้องขวาถือระฆังทองคำไว้บนยอดเจดีย์เมื่อเวลา ลมพัดระฆังก็จะดังกังวาฬไปทั่วบริมณฑลของเจดีย์การสร้างระฆังทองคำให้สั่นกังวาฬบนยอดเจดีย์ครั้งนี้

    กลับประเทศไทย

    เมื่อบ้านเมืองกลับคืนสู่ปกติภาพบ้างแล้ว หลวงพ่อคิดถึงพระแก้วมรกต และบ้านเมือง เพราะจากมาเป็นเวลาสิบเจ็ดปีแล้ว ท่านเดินทางจากเมืองมัณฑเลผ่านย่างกุ้ง,มะละแหม่ง,แล้วมาพักยังวัดมณีไพรสัณฑ์ ต่อจากนั้นก็ข้ามภูเขามายังจังหวัดตากถึงสุโขทัยถึงพิษณุโลก จากพิษณุโลกมาถึงกรุงเทพฯ แล้วหลวงพ่อทราบข่าวว่าวัดและบ้านเมืองไม่มีอะไรเสียหายจากสงครามก็ปิติยินดี หลวงพ่อ นั่งรถไฟ ไปอรัญญประเทศ ลงที่สถานีท่าเกษม อำเภอสระแก้ว จังหวัดปราจีนบุรี หลวงพ่อมีพี่สะใภ้ตั้งหลักฐานบ้านเรือนอยู่ที่นั้น

    ท่าเกษมแดนวิปโยค

    ณ แดนท่าเกษมนี้แต่ก่อนเป็นหมู่บ้าน ที่เจริญรุ่งเรือง ต่อเกิดอาเพศเกี่ยวกับเรื่องผีมันลงกินมนุษย์มากมายกว่า80คน หลวงพ่อได้แนะนำให้พี่สะใภ้และพวกญาติๆ ภาวนา พุทโธๆ เพื่อป้องกันผีซึ่งทุกท่านก็ปฎิบัติเป็นอย่างดี

    พุทโธช่วย

    ประมาณหนึ่งพรรษาผ่านไปหลวงพ่อก็ยังคงพักอยู่ที่ท่าเกษม และได้อบรมบ่มนิสัยให้กับชาวบ้านมีการเทศน์ ปาฐกถาและนั่งวิปัสสนากรรมฐาน โดยให้ภาวนาว่า พุทโธ ทุกคนในระยะนี้ก็ล้มป่วยแต่ไม่ถึงตาย ต่อมาพี่สะใภ้ของหลวงพ่อล้มป่วยลงโดยไม่มีสาเหตุ รักษาพยาบาลอยู่หลายวันก็ไม่หาย อาการก็ไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก เป็นแต่เพียงปวดหัวตัวร้อนและซึมๆ ไปเท่านั้น วันหนึ่งพี่สะใภ้ของหลวงพ่อฝันไปว่า มีพวกผีร้ายจะเข้ามาเอาชีวิตนางมากมายพอมาถึงตัวก็ห้อมล้อมตัวนางเอาไว้ เจ้าผีที่เป็นหัวหน้าถามว่า ใครๆ เขาป่วยเจ็บข้ามาเอาวิญญาณได้ทุกคน แต่สำหรับเอ็งมีอะไรดี ข้าจึงมาเอาชีวิตเอ็งไปไม่ได้ พี่สะใภ้ของหลวงพ่อตอบว่า นางไม่มีอะไรดีเลย เจ้าหัวหน้าผีตวาดว่าไม่เชื่อ แล้วมันเพยามถามต่อไป นางจึงตอบหลวงอา ได้ให้คาถาไว้บนหนึ่ง เจ้าหัวหน้าผีถามทันทีว่าคาถาบทนั้นว่าอย่างไร นางจึงตอบว่า พุทโธ พอนางกล่าวออกมาเท่านั้น พวกผีที่เป็นบริวารก็แตกกระจายไป ส่วนเจ้าตัวหัวหน้า ก็มีอาการตัวสั่นอ่อนปวกเปียกอยู่ตรงหน้านั้นเองและมันกล่าวออกมาว่าเพราะเหตุนี้คงข้าจึงกินเอ็งไม่ได้ และเอาวิญญาณไปก็ไม่ได้มาถึงตอนนี้พี่สะใภ้ของหลวงพ่อก็ตกใจตื่น นับแต่นั้นมานางก็หายป่วย ต่อมาหลวงพ่อก็สร้างวัดหนึ่งวัด เพื่อให้ญาติโยมได้มีโอกาสมาถือศีลอุโบสถ และปฏิบัติกิจทางศาสนา ได้ปัดรังควาณโดยนั่งเพียรเพ่งขับไล่วิญญาณผีร้ายอยู่ถึง 3 เดือนจนมันหนีหายไป ซึ่งมีนิมิตเป็นพยานที่พี่สะใภ้ พ.ศ.2511 มีบ้านประมาณ 400-500 หลังคาเรือน

    ท่าอุดมแดนมิคคสัญญี

    ชาวบ้านท่าอุดมก็มานิมนต์ขอร้องหลวงพ่อ ให้ปกครองสร้างความเจริญให้แก่วัดท่าอุดมบ้าง อยู่ห่างจากบ้านท่าเกษมถึง 80 กิโลเมตร ท่านนั่งรถไฟไปถึง 3 ชั่วโมง หลวงพ่อปกครองพระลูกวัดด้วยความเข้มแข็งและเด็ดขาดและความเมตตา กรุณา และทำวัดให้เป็นสถานสงบ สะอาดเรียบร้อย ปลูกมะพร้าวและไผ่รอบวัดและกล้วยไม้ วัดท่าอุดม หลวงพ่ออยู่ถึง5ปี เช่น สร้างวัด ทำถนน ขุดบ่อน้ำ ปลูกต้นไม้ให้ความร่มเย็น สร้างกุฏิศาลา โบสถ์และวิหาร ตลอดจนอบรมสั่งสอนศีลธรรมกรรมฐาน ให้กับผู้สนใจในทางธรรม

    ผจญพญายมราช
    ที่ท่าอุดมนี้หลวงพ่อมีหลานสาว ลูกของพี่ชายคนหนึ่ง สามีของนางชอบทำบาปเกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาก หลวงพ่อจึงให้เขาตั้งสัจจะว่าจะไม่เบียดเบียนสัตว์ 7 อย่าง เช่น ช้าง ม้า วัว ควาย แพะ แกะ เต่า เพราะสัตว์เหล่านี้มีบุญคุณต่อชาวโลกมาก ให้ทั้งกำลังแรงงานและน้ำนมแก่คนทั่วโลก

    ต่อมามีญาตินำเต่ามาฆ่ากิน เป็นกรรมหนักอย่างร้ายแรงและผิดบารมีของหลวงพ่อด้วย หลานสาวคนนี้ก็ล้มเจ็บลงและตายไป 3 วัน 3 คืน พอวันที่4 ก็ฟื้นขึ้นมา โดยเห็นหลวงพ่อไปนำวิญญาณคืนมาจากยมพบาล โดยหลวงพ่อเข้าไปต่อว่ากับยมพบาลว่า ท่านเอาคนของฉันมาทำไม เพราะยังไม่ถึงเวลาเขากำลังสร้างบารมีอยู่ ให้รีบเอากลับคืนไปสู่เมืองมนุษย์เดี๋ยวนี้ เมื่อหลวงพ่อปกาศิตเช่นนั้นยมพยาลก็จัดแจงปฏิบัติตามคำสั่งของหลวงพ่อทันทีโดยให้นายผีตนหนึ่งนำตัวส่งที่บ้าน เมื่อถึงบ้านแล้ววิญญาณก็เข้าร่างเดิม นางจึงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลวงพ่อท่านอยู่ที่ท่าอุดม นี้เป็นเวลา 7 ปี

    ณ ถ้ำมะขามพระพุทธบาท

    แล้วในปี พ.ศ. 2497 ท่านได้มาพักอบรมจิต ณ ถ้ำมะขาม หลังเขาพระพุทธบาทสระบุรี

    ลูกศิษย์คู่บารมี

    ติดตามใกล้ชิดคือคุณวิศิษฐ์ แสงปราณี ยังและเงี้ยบ หลานเจ้าของรถแหลมทองบริการและนายธูปคนลพบุรี บุคคลเหล่านี้แนะนำให้หลวงพ่อมาพบถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ อันแสนงามวิจิตรตระการตา ตามธรรมชาติ ยากจะหาถ้ำใดในประเทศไทยเสมอเหมือน

    พระภูมิเจ้าที่อาละวาด

    เมื่อเกียรติคุณความดีตลอดจนความเมตตากรุณาของหลวงพ่อ เล่าล่อกันมากเข้าๆ พระเจ้าถิ่นไม่พอใจให้หลวงพ่อย้ายจากถ้ำไปหาที่ใหม่ภายใน 4 วัน

    ย้ายมาอยู่ถ้ำภูเขาทองเนรมิต

    ท่านถูกขับไล่ออกมาจากถ้ำมะขาม ก็มีโยมเลี้ยง แจ่มจันทร์และโยมชุ้น แจ่มจันทร์เป็นผู้ปวารณาตัวช่วยเหลือเรื่องต่างๆ มาอยู่วัดถ้ำภูเขาทองเนรมิต ซอย3 นิคมพระพุทธบาท ก็โดยไล่อีกทั้งที่คนโยมเลี้ยง เคยสร้าง แต่พระที่มียศมีอำนาจการปกครองก็อ้างว่า เขามีสิทธิที่จะอนุมัติให้ใครอยู่ก็ได้ ตามระเบียบกติกาสังฆาณัติ และกฎหมายลักษณะปกครองคณะสงฆ์ทุกประการ

    เสี่ยงสัตย์อธิฐานบารมี

    หลวงพ่อก็เข้าสมาธิสงบจิตทันที พร้อมกับอธิฐานบารมีว่า บัดนี้ไม่มีที่จะสร้างบารมีแล้วไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ถ้าหากอยู่ที่ถ้ำนี้สำเร็จหรือไหม ทันใดนั้นนิมิตก็แสดงให้เห็นไม้หลักอันหนึ่งปักบนโคลนอยู่ หลวงพ่อก็ทราบทันทีแม้จะที่นี้นานเท่าไรก็ไม่สำเร็จ

    ผู้เร่รอน

    ท่านกับลูกศิษย์ก็ค้นหาถ้ำจนทั่วเขตจังหวัดลพบุรี บางถ้ำก็เล็กไป

    พบถ้ำคูหาสวรรค์

    ซึ่งเป็นถ้ำที่มีชัยภูมิถูกใจหลวงพ่อมาก อยู่นิคมลพบุรี มีสระน้ำอยู่ใกล้ถ้ำสำหรับไว้ใช้อาบและใช้กินโดยไม่ขัดสน ธรรมชาติก็เงียบสงบวิเวกวังเวงดีมากถ้ำห่างจากตัวเมืองเพียง 7 กิโลเมตรหลวงพ่อพบเมื่อ พ.ศ.2497 นั้นเต็มไปด้วยค้างคาวและตลอดจนเถาวัลย์พรรณไม้ต่างๆขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด ต้องระวังพวกงูพิษ

    ตะขาบ แมงป่อง และกิ้งกือไฟ ภายในถ้ำมีศิลาแลง และเทวรูปสมัยกรุงละโว้ปรักหังพังทับถมกันเต็มไปหมด แสดงว่าถ้ำนี้เคยเป็นเทวาลัยสถานมาแล้วเมื่อหลายร้อยปีก่อนโน้น เคยมีพระธุดงค์มาแล้วหลายรายแต่อยู่ไม่ยึดสักรายเดียว เพราะเจ้าของถ้ำแรงเหลือเกินมาคอยรังควาญให้ผู้ที่อยู่อาศัยต้องเจ็บไข้และล้มตายไปหลายต่อหลายรายแม้แต่หลวงพ่อเองอยู่ใหม่ๆก็โดนเจ้าถ้ำเล่นงานเหมือนกัน เจ้าของถ้ำซึ่งเป็นชีปะขาวก็แสดงตนออกมา บอกกับหลวงพ่อว่าอยู่เฝ้าสมบัติที่ถ้ำนี้มาหลายร้อยปีและขอขับไล่หลวงพ่อให้ออกไปหาที่อยู่ใหม่เพราะพวกลูกศิษย์แสดงความไม่เคราพสถานที่นี้ หลวงพ่อนิ่งเฉยเป็นอุเบกขาอยู่ เจ้าของถ้ำโกธรมากเดินตรงเข้ามา จะยกไม้เท้าจะทำร้ายหลวงพ่อ ก็เห็นหลวงพ่อมีสีเขียวมรกตเข้ม และมีถึง 4 กรแต่ละกรมีอาวุธคือ ตรี คธา จักร สังข์ ถืออยู่จนครบทั้ง 4 กร เจ้าของถ้ำเห็นเข้าก็จึงยอมตัวลงแล้วพนมมือทั้งสองขึ้นไหว้หลวงพ่อ และยินยอมอนุญาตให้หลวงพ่ออยู่สร้างบารมี ต่อไป หลวงพ่อก็บูรณะซ่อมสร้างสถานที่นี้ให้เป็นบุญสถานต่อไปไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นเจ้าของถ้ำแต่ประการใดและขอแผ่เมตตาจิตให้เจ้าของถ้ำด้วย เจ้าของถ้ำยังช่วยดูแลอันตรายต่างๆอีกด้วย แม้เดี๋ยวนี้เจ้าถ้ำที่ว่านี้ยังรักษาศีลบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่หลังถ้ำ เพื่ออบรมบารมีให้แก่กล้าต่อไป

    ปักหลัก

    จัดแจงหักร้างถางไม้ ทุบหินระเบิดถ้ำเทปูน สร้างแคร่ ก่อแท่นพระ และต่อสู้กับสัตว์ร้าย ตลอดจนโรคภัยต่างๆ จนกระทั่งในปลายปี 2497 รูปร่างของถ้ำก็ปรากฏความสะอาดน่าอยู่อย่างสบายขึ้นลางๆ ทุกท่าน ต้องเหน็ดเหนื่อยมากต้องทุบหินและเทปูน มือเท้าถูกปูนกัด คุณนายแม้น บวรสมบัติ เศรษฐีนีตลาดลพบุรี เป็นโยมอุปฐาก บริจาคเงินสร้างถ้ำ กุฏิ บันไดหินขึ้นเขา หอระฆังและอื่นๆ

    ปูชนียวัตถุและพระพุทธรูปปางต่างๆ

    หลวงพ่อถ้ามากรุงเทพฯ มาพักบ้านคุณสำราย ตั้งอยู่ตรงที่ข้ามวัดเศวตฉัตร์ บางลำพูล่าง ธนบุรี

    พ.ศ.2499 หลวงพ่อทำพิธีหล่อพระเงินแท้ปางไสยาสน์ น้ำหนักเงินหลายร้อยบาทเป็นเงินจำนวนหมื่นบาท

    พ.ศ.2501 ตรงกับวันวิสาขะ ได้ทำพิธีหล่อพระพุทธเจ้า 5 องค์พร้อมด้วยแท่นแก้ว

    พ.ศ.2502 วันวิสาขะบูชา ได้ทำพิธีหล่อพระโพธิ์สัตว์ศรีอริยเมตไตร 4 กร กับพระนารายณ์ปางปราบโลก 4 กร อีกองค์หนึ่ง พ.ศ.2503 หลวงพ่อได้เป็นประธานสร้างพระพุทธชินราชขนาดใหญ่ 1 องค์หน้าตัก2ศอก1คืบไว้สำหรับเสริมสร้างส่งบารมีให้ดีเด่น หลวงพ่อจะต้องมีชัยชนะต่อศัตรูหมู่มารทั่วสากลจักรวาลเยี่ยงชัยชนะของจอมราชาจักรพรรดิ์ตราธิราชทั้งหลาอย่างแน่นอน

    สร้างบารมีภายนอก(ต่อ)ฝ่ายพระสูตร

    พ.ศ.2504 สร้างธงชัยไตรรัตน์ไว้บนยอดขาลูกหนึ่ง ตั้งอยู่กึ่งกลางเขาลูกใหญ่ เพื่อกำจัดภัยอันตรายนานาประการ ให้ปลาสนาการหนีไปจากโลกทั้งหมด

    พ.ศ. 2505-2506 สร้างกุฏิกรรมฐาน ไว้ตามไหล่เขา 13-14 หลัง

    พ.ศ. 2507-2508 เริ่มทำบันไดปูน ถึงยอดเขา ก่อฐานเพื่อสร้างพระจุฬามณีเจดีย์ และฐานปราสาท 9 ชั้นครอบรอยพระโพธิบาท

    พ.ศ. 2509-2510 กลับเข้ามาก่อสร้างภายในถ้ำใหญ่ ต่อตามหลักฝ่ายพระสูตร หลักอำนาจแห่งธรรมานุภาพ เพื่อคุ้มครองป้องกันรักษาสากลโลกต่อไป

    ภายในมีการสร้างแท่นไว้ 3 แท่นแท่นโลภ แท่นโกรธ แท่นหลง ซึ่งถูกทำลายลงและเกลี่ยให้เสมอกัน และทำพื้นให้เท่ากันให้เหมือนจิตใจที่เที่ยงตรง สร้างอีก 3แท่น แท่นศีล แท่นสมาธิ แท่นปัญญา มีหน้าที่ปราบมาร ทำลายมาร ล้างมาร ขยี้มาร เหยียบย่ำมาร อันได้แก่มารโลก มารโกรธ มารหลง

    (ต้องลดละ ความโลภ ความโกธร ความหลง ความมานะ ความมีทิฐิ ลงให้เบาบางให้จงได้)

    อำนาจ2ฝ่ายรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่2(กึ่งพุทธกาล เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2485 ซึ่งมีน้ำท่วมใหญ่ทำลายล้างโลกให้สะอาดมาแต่ต้นจนตลอด พ.ศ.2515 ครบกำหนด30ปีเต็มพอดี)ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ

    พระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์เสด็จลงมาในต้น พ.ศ.2516เพื่อปราบปราบกิเลส

    สร้างบารมีภายใน (ต่อ) ฝ่ายพระธรรม

    หลวงพ่อได้สร้างสมอบรมบารมีโพธิสมภารบุญญาธิการอันแก่กล้า เมื่อบำเพ็ญเพียรต่อ ก่อสร้างบารมีมาทั้งส่วนภายในและภายนอกตามลำดับ เริ่มแต่ พ.ศ.2497 เป็นต้นมาจนถึง พ.ศ.2511 ที่สำนักปฏิบัติธรรม “อริยเมตตา”ที่เขาใหญ่ วัดถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี บารมีธรรมปรากฏขึ้นเป็นประจักษ์พยานหลายประการคือ

    ฝ่าเท้าขวามีหลายอย่าง เช่น

    1.มีลายเส้นปรากฏชัดเป็นรูปปลาตะเพียน มีครีบหลัง มีตาหางพร้อม แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อไปที่ไหนที่นั้นจะสมบูรณ์บริบูรณ์ดีงามมีลาภผล

    2มีรูปกงจักร ทำให้ศัตรูหมู่มารโรคภัยไข้เจ็บนานาประการอันตรายธานสูญหายไปๆ

    3รูปเจดีย์สูงตลอดยอดมีเส้นรัศมีแสดงถึงเดชบารมีธรรมนำคุณงามความดี ไปปรากฏในที่ทุกสถานตลอดทั่วสากลจักรวาล

    4มีรอยเส้นเห็นชัดเหมือนดอกบัวตูม มีก้าน ดูอีกรูปเป็นรูปหัวใจ แสดงถึงเดชบารมีธรรม

    5มีรอยเส้นเล็กๆเป็นดอกบัวบาน1 ดอก ดอกบัวตูม1 ดอกเรียงกันสม่ำเสมอ เพื่อให้คนทั่วโลกที่แตกแยกแบ่งประเทศกันเป็นมิตรกันทั่วโลก

    6มีรอยเป็นหัวลูกศรพระนารายณ์ ซ้อนกัน3ชั้นแสดงถึงเดชบารมีธรรมนำคำสั่งสอนออกเผยแผ่ๆกระจายไปทั่วโลกทั้ง3คือโลกเสรี โลกคอมมิวนิสต์และโลกตั้งตนเป็นกลาง และหรือ กามโลก รูปโลก อรูปโลก ภพทั้ง3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ จักรทั้ง 3 ราชอาณาจักร พุทธจักร เทพจักร เดชบารมีธรรมประเภทนี้ มีอำนาจทั้งปราบและโปรดแผ่ขยายไปทั่วสากลโลก

    7มีรอยเป็นรูปกระดิ่งหรือระฆัง แสดงถึงเดชบารมีธรรม นำชื่อเสียงดังกังวาน

    ฝ่าเท้าซ้ายมีลายลักษณ์ หลายอย่าง

    1เป็นรอยรูปเจดีย์มียอด บนยอดมีรัสมีพุ่งออกเป็น 3 เส้น แสดงถึงเดชแห่งบารมีธรรม เปร่งรัสมีแผ่บารมีทั้ง 4 ไปทั่วไตรโลกธาตุ

    2เป็นลายเส้นรูปคันธนูหรือคันศรพระนารายณ์ ซึ่งเป็นคู่กับลูกศรมีอยู่ฝ่าเท้าขวา ถึง 3 ชั้น อันเป็นหลักสำคัญแสดงถึงเดชบารมีธรรม สำหรับยิงลูกศร 3 ลูกไปปราบใน 3 โลก(โลกเสรี โลกคอมมิวนิสต์ โลกตั้งตนเป็นกลาง) เพื่อให้เผาผลาญ ล้างผลาญ หรือทำลายล้าง ความชั่วร้ายนานาประการ อันสัตว์โลกในโลกทำชั่วไว้ด้วยไตรทวาร ให้อันตราธานสูญหายไป จากตนคนที่ทำผิด เพื่อทำให้แต่ละคนเป็นคนบริสุทธิ์ ตลอดถึงทำให้ไตรโลก สะอาดบริสุทธิ์ หมดมลทิน ต่อจากนั้นก็ปลูกฝังศีลธรรมกรรมฐานวิปัสสนาญาณให้บังเกิดในจิตสันดานต่อไป

    (ลูกศรทั้ง 3 ฝ่ายโลกชื่อ อัคคนิวาต พลายวาต พรหมมาสตร์ ฝ่ายธรรมตรงกับ ศีล สมาธิ ปัญญา สำหรับนักบวช ทาน ศีล ภาวนา สำหรับผู้ครองเรือน ศีลล้างโลภ สมาธิล้างโกรธ ปัญญาล้างหลง

    3เป็นลายเหมือนปลาตะเพียน แสดงถึงเดชบารมีธรรม นำลาภสักการะ และสัมมานะ มาให้แก่เจ้าของบ้านเรือนเจ้าของท้องถิ่น เจ้าตำบล อำเภอ จังหวัด ประเทศ โลก สากลโลกฯ บ้าน เลือก สวนกลายสภาพเป็นที่ๆ นำความเจริญงอกงามนำลาภสักการะมา ตามฐานานุรูปของแต่ละเจ้าของๆ ท้องถิ่น

    ฝ่ามือทั้งสอง

    เป็นลายเส้นปรากฏชัดเหมือนดอกบัวตูม ข้างละ7ดอก เป็นดอกบัวบานข้างละ 1ดอก รวมเป็นข้างละ8ดอก รวมทั้ง 2 ข้างเป็น 16 ดอก ย่อมแสดงออกถึงบารมีธรรม นำบอกลักษณะให้รู้ล่วงหน้าว่า พ้นกึ่งพุทธสักกราช 2511 โพธิสักกราช 11 ปี การสร้างบารมีโพธิสมภาร บุญญาธิการ จึงสมบูรณ์พูลเพิ่มพร้อมมูลบริบูรณ์ทั้งภายในและภายนอก เต็มเปี่ยมเหลือล้นพ้นประมาณแผ่ซ่านไหลไปครอบทั่วสากลจักรวาล ตลอดกาลแห่งศรีอริยยุด

    คาง

    เป็นรูปเนื้อนูนขึ้น มีสัณฐานดังดอกบัวตูม ย่อมแสดงถึงเดชแห่งบารมีธรรม นำให้รู้ซึ้งถึงหลักการพูดการเทศน์หรือปาฐกถาย่อมเป็นไปแต่ในทางธรรมกรรมฐานเป็นไปในทางสมัครสมานประสานสามัคคีผูกไมตรีเป็นหลักฐานฯ ดอกบัวมีรูปร่างเหมือนหัวใจมนุษย์ไม่มีผิดเพี้ยน ปราชญ์คิดเอาดอกบัวมารององค์พระพุทธรูป ก็หัวใจมนุษย์เท่านั้นที่จะทำความเพียร ให้บรรลุธรรมในมรรค 4 ผล4 นิพพาน 1 ซึ่งเรียกว่า นวโลกุตตรธรรได้ พระพุทธรูปเป็นองค์ธรรมกาย สืบจนถึงทุกวันนี้

    ส่วนท่ามกลางอกตรงหัวใจก้มีภาพเจดีย์สีขาวหรือเหมือนรูปพระแก้วมรกต และเหมือนรูปพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรปรากฏชัด มีรสมีสีขาวส่องแสงใส ยิ่งมองนานๆ ก็ยิ่งสว่างชัดเจนมากขึ้น ธรรมมะบันดาลให้เป็นปรากฏการณ์ผุดขึ้น

    จะทิ้งถ้ำเข้าไปอยู่ป่าถึง 3 ครั้ง

    ครั้งที่หนึ่ง พ.ศ2498 หลวงพ่อเห็นว่าถ้ำนี้เจริญมากแล้ว ตลอดจนมีระเบียบข้อวัตรปฏิบัติตามแนวทางที่ท่านได้วางไว้ทุกประการ ท่านจะออกไปอยู่ป่าทางเมืองเวียงจันทน์ ประเทศลาว เช้าตั้งใจจะไป ตกกลางคืนท่านถูกตะขาบไฟขนาดใหญ่ตัวหนึ่งกัดทำให้เท้าก็บวมเป่งเดินไปไหนมาไหนไม่ได้เป็นเดือนรักษาเท่าไรก็ไม่หาย ท่านจึงเลิกล้มไม่เดินทางไปไหน พอรุ่งขึ้นอาการป่วยก็หายไป ท่านจึงรู้ทันทีว่าวิญญาณเทพเจ้าเข้าสิงตะขาบตัวนั้นให้มากัดท่าน เพื่อไม่ให้ท่านทิ้งถ้ำไปอยู่ในป่าทางเวียงจันทน์

    ครั้งที่สอง พ.ศ.2499 พวกคณะลูกศิษย์ไม่ค่อยมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ครั้งนี้หลวงพ่อจะไปอยู่เขาวงพระจันทร์ ซึ่งมีสำนักกินอาหารเจเหมือนกัน กลางคืนหลวงพ่อสวดมนต์แล้วเข้าสมาธิ ได้เห็นเทพยดามีจำนวนมากมายเหาะลอยมาบนฟ้า ในมือของเทพเหล่านี้มีต้นก้างปลาถือมาด้วย พอมาถึงหลวงพ่อหัวหน้าเทพทั้งสององค์ก็ปลูกต้นก้างปลาขึ้นเต็มไปหมดขวางทางเดินหลวงพ่อไว้ แล้วพวกเทพทั้งหมดเหล่านั้นก็เหาะลอยหายไป หลวงพ่อไม่เชื่อได้อธิษฐานไว้ว่า ถ้าเป็นจริงขอให้พบก้างปลาทั้งสองต้นบนทางขึ้นเขาบนหอระฆัง ปรากฏว่ามีขึ้นอยู่จริง

    ครั้งที่สาม พ.ศ.2500 หลวงพ่อเกิดอารมณ์นิพพิทาอย่างหนักพร้อมกันนั้นก็เกิดธรรมสังเวชในชีวิตของสัตว์โลกอย่างบอกไม่ถูก หลวงพ่อคิดว่าเราไม่ควรมาติดตังอยู่ในวัตถุภายนอกอย่างนี้เลย เราควรทิ้งไว้ให้ลูกศิษย์ปกครองกันเองดีกว่า บังเอิญท่านอาจารย์ถนอมวัดนางพญา จังหวัด พิษณุโลก ให้ลูกศิษย์มานิมนต์หลวงพ่อไปทำพิธีปลุกเศกเครื่องลางของขลังที่วัดนางพยา คุณบุญล้อม สุทนต์ชัย ได้ทราบข่าวจากจดหมายหลวงพ่อจะทิ้งถ้ำ ก็กระจายข่าวให้ลูกศิษย์ทุกท่านทราบ คุณนายเล็กจึงอัญเชิญเทพองค์หนึ่งเข้าประทับทรง แล้วถามถึงตำแหน่งแหล่งที่อยู่หลวงพ่อ เทพบอกให้อาราธนายับยั้งหลวงพ่อไว้ให้ได้ มิฉะนั้นพวกลูกๆ จะไม่มีที่พึ่งเพราะต่อไปอีกไม่กี่ปี สัตว์โลกทั้งผ่องจะเดือดร้อนและเกิดยุดเข็ญจลาจลกันใหญ่ ให้อาราธนาหลวงพ่อไว้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกลูกๆ ต่อไป

    เมื่อพระจะสร้างความดี ก็ต้องมีมารผจญเป็นธรรมดาพอท่านมาทำถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์เจริญรุ่งเรือง ก็มีคนอิจฉาริษยาท่านอีก เริ่มหาเรื่องใส่ร้ายท่านต่างๆนานาฟ้องขับไล่บ้าง หาว่าเป็นมหาโจรปล้นถ้ำบ้าง หาว่าเป็นปาราชิก โดยทำให้ชีมีท้องบ้าง หาว่าเป็นพระกาลกิณีทำให้ฝนแล้วบ้าง หลวงพ่อแผ่เมตตาให้ศัตรูเป็นสุขๆ ท่านกล่าวว่าผู้ที่ถ่มน้ำลายรดฟ้าหรือโปรยฝุ่นเหนือลมจะต้องเปรอะเปื้อนฉันใด ศัตรูกล่าวร้ายผู้บริสุทธิ์ก็ต้องได้ผลกรรมฉะนั้น

    ใบ้หวย

    ครั้งหนึ่งมีพวกบ้าหวยสามตัว อ้อนวอนขอลาภจากท่าน ท่านย้ำว่าถ้าท่านให้ไปแล้วต้องแทงนะ รับรองไม่มีกินทุน แทงเมื่อไรถูกเมื่อนั้น และเจ้ามือใช้เป็นอริยทรัพย์ให้เสียด้วย พวกนั้นต่างรับคำ ท่านจึงพูด สองตัวคือ พุทโธ สามตัว อะระหัง ห้าตัว นะ โม พุท ธา ยะ

    รับรองเป็นปาราชิก

    มีคนมาถามหลวงพ่อว่าเขาลือกันว่าหลวงพ่อเป็นพระปาราชิกจริงหรือเปล่าครับ หลวงพ่อตอบว่าปาราชิกแปลว่า ผู้พ่ายหรือแพ้ เมื่อเขากล่าวร้ายป้ายสีหลวงพ่อๆก็มิได้โกธรหรือโต้เถียงต่อปากคำกับเขาเลย ก็แสดงว่าหลวงพ่อเป็นผู้แพ้หรือปาราชิกแล้ว บอกลูกศิษย์ทั้งหลายไม่ต้องไปโกธรใครเขาที่ว่าร้ายมาหรอก

    ภารกิจที่ท่านกระทำ

    หลวงพ่อสอนธรรมกรรมฐานและตอบคำถามข้ออรรถข้อธรรมกับท่านเสมอไม่ได้ขาด หลวงพ่อมีเมตตาสูงมากเหมือนพ่อปกครองลูกๆหลานๆทุกท่านรักท่านมาก

    ท่านที่อยู่วัดต้องปฏิบัติตัวดังนี้

    1บิณฑบาตรทุกวัน

    2ฉันอาหารมื้อเดียว

    3ต้องฉันสำรวมในบาตร จะตักอาหารใส่สำรับไม่ได้

    4ฉันอาหารเจ คือเว้นจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด แม้แต่น้ำปลาก็ไม่ได้ ให้ใช้เกลือ ซีอิ้ว หรือ เต้าเจี๊ยวแทน

    5ทำวัตรสวดมนต์ทุกเช้า-ค่ำ แม้ออกพรรษาแล้วก็ต้องทำเป็นกิจวัตร

    6ห้ามกินหมาก สูบบุหรี

    7ห้ามมั่วสุม พูดเล่นหัว เซาซี้ ถ้าชอบคุยมาก ก็อธิฐานปิดปากตัวเอง 7 วันจึงพูดได้ครั้งหนึ่ง คือวันพระพูดได้ วันธรรมดาพูดไม่ได้ เมื่อมีธุระจะใช้หรือติดต่อการงานให้จดหมายแทนคำพูด

    สำหรับพวกแม่ชี มีกุฎีเล็กๆ ปลูกอยู่เชิงเขาปากถ้ำ มีหน้าที่ทำอาหารเจถวายพระ เณร ตลอดจนเก็บกวาดล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดเกี่ยวกับงานครัวยามว่างก็ปัดกวาดใบไม้ใบหญ้าที่ลานจงกรม หรือตักน้ำ รดต้นไม้ ปลุกไม้ดอก ทำสวนครัวตามอัธยาศัย ตอนค่ำก็สวดมนต์ภาวนาระลึกถึงวันตายทุกๆคืน

    หลวงพ่อใหญ่อภินันโท(จุฬ)

    สำนักธรรม “อริยเมตตา” เขาใหญ่ ถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ต.นิคม อ.เมือง จ.ลพบุรี หากการเขียนประวัติ ของหลวงพ่อขาดตกบกพร่องอะไรไปแล้วก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ จาก ป.สัตยวิถี(พระสงฆ์)

    ภาคผนวกย่อ อธิบายนามชื่อต่างๆของหลวงพ่อ

    ได้เขียนหนังสือคู่มือข้อวัตรปฏิบัติ ใช้นามปากกาว่า “สุริยเมตตา” แปลว่าผู้ถือเมตตาอันประเสริฐดีเยี่มตลอดทุกๆอย่าง อริย แปลว่าประเสริฐหรือแปลว่า ไกลจากข้าศึกศัตรู สุ แปลว่า ดี งามสะดวกซึ่งถอดรูปหรือย่อมาจากศัพท์ต่างๆดังนี้

    สุนักขัตตัง ฤกษ์ดี,สุมังคลัง มงคลดี,สุปะภาตัง สว่างดี,สุหุฏฐิตัง รุ่งดี,สุขะโณ ขณะดี,สุมุหุตโต ครู่ดี,สุยิตถัง บูชาดี,สุกะรัง ทำดี,สุจะริตัง ประพฤติดี,สุสีลัง ศีลดี,สุมะโน ใจดี,สุจิตตัง จิตดี

    นาม “อภินันโท”แปลว่า ผู้มีความเพลิดเพลินเจริญใจอย่างดียิ่งและประกอบไปด้วยอานุภาพแห่งเมตตาชั้นเยี่ยมอันไม่มีขอบเขต

    เดิมใช้คำว่า “จุนทะ แปลว่า ตัดขาด ต่อมาใช้คำว่า จุฬะ แปลว่า ยอด จอม หรือ ละเอียด ส่วน สุริย แปลว่า กล้า และเป็นชื่อของพระอาทิตย์ หลวงพ่อเคยเตือนลูกศิษย์ทุกคนไว้ว่า ต้องยอมใช้กรรมไม่ดีที่ท่านก่อเอาไว้เองอดทนไปจนถึงที่สุด กรรมเก่าไม่ดีหมดสิ้นแล้วจึงจะเจริญดีขึ้นกว่าเดิมเป็นลำดับ ในระหว่างที่ใช้กรรมเก่านี้ ต้องมีขันติออดทนให้มากๆหน่อย อย่าลืมคำว่า “ยามจนทนกัดก้อนเกลือกิน ยามหิววักวารินลูบท้องและยามจนทนกัดก้อนกินเกลือ อย่าคิดเชือดเนื้อเถือพี่น้อง” ตลอดถึงประชาชนคนทั่วไป อย่าได้โกหกมดเท็จฉ้อราษฏร์บังหลวงหลอกลวงปลิ้นปล้อนต่างๆ อย่าเห็นแก่กิน มันจะทำให้เดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด เรายอมใช้กรรมไม่ดีเก่าเพียงชาตินี้ ปีสองปีดีกว่าใช้กรรมเก่าทั้งในชาตนี้และชาติหน้าไม่มีที่สิ้นสุด นับโกฏินับล้านปีก็ยังไม่พ้นได้(ผมคิดเองว่าน่าหมายถึงในนรก) เมื่อใช้กรรมเก่าหมดแล้วหลวงพ่อชุบขึ้นใหม่ให้ดีกว่าเก่ามากมายเหลือหลาย

    ความหมายเลข 9

    หลวงพ่อเกิดที่บ้านกลาง ตำบลนนทรี หมู่ที่9 เมื่ออายุ 29 พรรษา 9 ออกเนกขัมมพรรพชา เดินทางแบกกลดออกธุดงค์เพื่อแสวงหาโพธิญาณ ตามแบบของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายในปางก่อน เลข 9 ทั้ง 3 ตัว เป็นนิมิตแห่งความก้าวหน้าด้วยไตรทวาร คือ กาย วาจา ใจ เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ คือนวโลกุตตรธรรม 9 ประการ ปัจจุบันนี้ถ้ำใหญ่คูหาสวรรค์ ภายใต้วิมุตติเควตฉัตร 9 ชั้น และมีฉัตร 9 ชั้น 4 ต้น คือหัวใจแท่น2ท้าย แท่น 2ล้อมรอบ เพื่อประกอบคุณงามความดี บำเพ็ญบุญญาธิการโพธิสมภารให้ก้าวหน้าโดยลำดับ

    ความเป็นมัชฒิมาปานกลาง

    หลวงพ่อเกิดตกฟากที่บ้านกลาง ที่ตั้งอยู่กลางท้องนา มีนาล้อมรอบ และอยู่ระหว่างบ้านทั้งสอง คือทิศตะวันออกมีบ้านนนทรี มีกำนันหลวงพรหมเป็นเจ้าตำบล เดี๋ยวนี้กลายเป็นบ้านร้าง คือร้างจากเครื่องจองจำ ไม่มีเครื่องผูกพัน ทางทิศตะวันตกมีบ้านเนินยาง ตั้งอยู่ห่างกันเพียง 10 กว่าวาเท่านั้น

    ท่านเป็นครูก็คนกลาง ได้นักธรรม โท ก็อยู่กลางๆ กลางไปธุรดงค์ จำพรรษา ที่พระเจดีย์กลางใจเมืองดอยหลวง รวม 7 พรรษา เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วจึงเดินทางกลับ ปลายปี พ.ศ.2490

    สร้างวัดกลางสถานที่

    ไปจำพรรษาที่บ้านท่าเกษม อำเภอสะแก้ว จ.ปราจีนบุรี ตั้งอยู่กลางระหว่างทางรถไฟและรถยนต์

    พำนักอยู่ภาคกลางถึงปัจจุบัน

    ก็อยู่ภาคกลาง วันหนึ่งเขานิมนต์ไปจำวัดหนึ่งคืนที่บ้านเขาขาด รูปเดียวจำวัดกลางคืนระหว่างหลับและตื่น มองเห็นพระมานอนข้างขวา 1 รูป ข้างซ้าย 2 รูปเป็นสามเณร 1 รูป

    ชนะผียักษ์ใหญ่

    ขณะนั้นมีผียักษ์รูปร่างใหญ่โตและแข็งแรงมากเดินมาถึงโอบกอดรวบรัดหลวงพ่อ พร้อมด้วยพระเณรทั้ง 5เข้าไว้ ญาณจึงโผล่ขึ้น จึงเอามือขวาสอดล้วงเข้าไปในรูทวารหนักมันจกจี้จึงปล่อยวางมือ หลุดพ้นจากความเป็นเหยื่อของผียักษ์มารร้ายนั้นทั้ง 4 รูปจึงเป็นอิสระฯ มาบูรณะที่วัดท่าอุดมฯ ครบ 4 พรรษา

    สรุปความเป็นกลาง

    1 หลวงพ่อเกิดที่บ้านกลาง อันตั้งอยู่กลางนา และ พอศาสนาได้กึ่งพุทธกาล (พ.ศ. 2500)หลวงพ่อก็ระลึกได้ในระหว่างวันเวลากึ่งต่อกึ่ง

    2สอบได้น.ธ.โท

    3อยู่วัดเทพธิดาราม ท่ากลางพระนครหลวงซึ่งมีกำแพงเมืองหลวงล้อมรอบ

    4สร้างวัดท่าเกษมระหว่างทางของรถรัฐบาลทั้งสอง

    5ปัจจุบันอยู่ลพบุรี อยู่ที่ภาคกลาง ณ เขาใหญ่กลางตั้วอยู่ระหว่ากลาง

    6อยู่ภาคกลาง ระหว่างท่ามกลางศาสนา

    7ไปพม่า อยู่ทีศาลาข้างเจดีย์ มีเจดีย์บนยอดเขาตั้งอยู่ท่ามกลางใจเมืองดอยหลวง

    8บำเพ็ญจิตให้ตั้งอยูตรงกลางระหว่างรักกับชัง

    9เป็นผู้แทนเผยศาสนาระหว่างท่ามกลาง ยุดกึ่งพุทธกาล คือเป็นองค์แทนพระโคดมบรมครู และพระบรมโพธิสัตว์ศรีอาริย์

    ส่วนเปรียบเทียบ

    1สิทธัตถะกุมาร เกิดที่มัชฒิมประเทศ สถานที่ ประสูติ ณ ส่วนท่ามกลางประเทศ จุฬกุมาร เกิดมัชฒิมคาม บ้านกลางอยู่ระหว่างบ้านทั้งสอง

    2สิทธัตถะกุมาร เกิดที่เมืองกบัลพัสดุ์ จุฬกุมาร เกิดที่เมืองกบินทร์บุรี

    3สิทธัตถะกุมาร เกิดวันศุกร์ จุฬกุมาร เกิดวันศุกร์

    4สิทธัตถะกุมาร ออกเนกขัมมบรรพชาครบอายุ 29 จุฬกุมาร ก็ออกเนกขัมมบรรพชาอายุ 29

    เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เหลือเกิน โดยคาดไม่ถึงว่าหลวงพ่อจะมีศิริศุภมิตรมหามงคลเหมือนกับพระพุทธองค์ จึงน่าจะต้องเป็นผู้รับตำแหน่งศาสนาทายาท ผู้เขียนไว้คือ ป.สัตยวิถี 4 ก.พ.2503

    เรื่องรอยพระบาท

    โดย สุริยเมตตา

    เทวบัญชาเรื่องรอยพระบาท 5 แห่ง ตามที่ได้รับฟังมาจากเจ้าพ่อหลักเมือง(โดย โอภาสีตั้งให้) ซึ่งได้รับเทวบัญชาจากพระอิศวรผู้เป็นเจ้าว่า มีรอยพระบาทที่แท้จริงอยู่ 5 แห่ง ดังนี้

    1พระบาทเขานางเหม็น(เขาน้ำเหม็นก็เรียก คือเขาเขมรนั้นเอง เหม็น คือ เขมร ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดนครราชสีมา

    2พระบาทเขาสระบาป ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดจันทบุรี(สระบาป คือ สละบาป คือ ล้างบาป)ถือกันว่า ผู้ที่มีบาปกรรมขึ้นไปนมัสการ อธิษฐานล้างบาปล้างกรรมได้ตามเทพบัญชามีเนื้อความต่อไปนี้ว่า “เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจากกรุงราชคฤห์ เสด็จมาโดยอากาศวิถี ถึงที่ลานหินบนยอดเขาอันกว้างใหญ่ จึงเสด็จลงมาประทับลานหินนั้น เสวยบิณฑบาตในบาตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์จึงทรงล้างบาตร แล้วคว่ำบาตรลงไว้บนลานนั้น ปรากฏการณ์เป็นรูปหินคล้าบาตรคว่ำอยู่ ให้ผู้ที่ขึ้นไปนัสการเป็นเป็นสักขีพยานจนถึงทุกวันนี้ ที่นั่นจึงเรียกว่าเขาสระบาปหรือเขาสละบาป อันเป็นสัญลักษณ์บ่งให้รู้ถึงการละบาป สละบาป คว่ำบาปให้หมดไปจากบาตรคือหัวใจ เหมือนพระพุทธองค์คว่ำบาตรไม่มีเมล็ดข้าว และแกงกับเหลืออยู่ในบาตรนั้นเลย ชาวโลกถือเอานิมิตตอนคว่ำบาตรนี้ เป็นเครื่องจูงใจให้เกิดความเลื่อมใส เกิดความอุสาหะพยายามบากบั่น ก้มหน้าก้มตาขึ้นไปบนยอดเขาสระบาปนั้น เพื่อนมัสการ บูชาและอธิษฐาน เพื่อสระบาป สละบาป ละบาปและคว่ำบาปไม่ให้เหลือในจิตใจของตน

    3พระบาทกลางน้ำ ตั้งอยู่บนหินใหญ่หาดทรายแก้ว ริมทะเล เมืองภูเก็ต

    4พระบาทเขาวงพระจันทร์ ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง เมือง จ.ลพบุรี

    5พระบาทสีรอย ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเชียงใหม่ รอยพระบาทพระกุกกุสันโธ ยาวประมาณ 3 วาเศษ ลึกลงไปหน่อย เป็นรอยพระบาทพระโกนาคมโน ยาวประมาณ 2 วาเศษ ลึกลงไปอีกหน่อย เป็นรอยพระบาทพระพุทธกัสสโป ยาวประมาณ 7 ศอก ลึกลงไปอีกหน่อย เป็นรอยพระบาทพระสมณโคดมบรมครู ยาวประมาณ4 ศอก ต่อไปเบื้องหน้าโน้น พระพุทธศรีอริยเมตไตรยจะเสด็จไปประทับกดรอยพระบาท ซ้อนลึกลงไปอีก ยาวประมาณ 3 ศอก

    รอยพระบาททั้ง 5 แห่งนี้ เป็นปูชยนีวัตถุสิ่งทีน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะบังเกิดขึ้นด้วยอำนาจพระธรรมบันดาลโดยแท้จริง หรือทวยเทพผู้มีธรรมรักษาศาสนาดลบันดาลให้เป็นไป พระอิศวรผ้เป็นเจ้าดูแลโลกและศาสนามาตลอดกาล จึงมีเทวบัญชามาให้เจ้าพ่อหลักโลกเปิดเผยความจริงไว้ให้ชาวโลกได้รู้ยิ่งเห็นจริง ในเรื่องรอยพระบาทอันแท้จริง ซึ่งเกี่ยวเนื่องอยู่กับพระพุทธเจ้าทั้ง4พระองค์ อันจัดเป็นบริโภคเจดีย์ และมีรอยพระบาทเป็นอุเทสิกเจดีย์ที่เหล่าพระพุทธบุตรสลักไว้ หล่อไว้มากมาย อุทิศให้เป็นพุทธบูชาเพื่อหวังปลูกศรัทธาแก่ชาวโลกมีอยู่ทั่วไป

    ใครไปไหว้สักการบูชาเคารพนับถือ รอยพระบาททั้งสองประเภทนั้น(คือรอยพระบาทที่เป็นบริโภคเจดีย์และอุเทสิกเจดีย์หรือทั้งของจริงและจำลอง)ย่อมมีเท่ากันเพราะเป็นพุทธานุสสติ คือเป็นวัตถุเตือนใจให้ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า อันได้แก่ปัญญาคุณ บริสุทธิคุณและกรุณาคุณ เท่านั้น

    ไม่ว่าจะเป็นรอยพระบาทประเภทไหน ไม่สำคัญเท่ากับทำกายวาจาใจไตรทวารให้บริสุทธิสะอาดผ่องใส สงบสงัดแน่นิ่งอยู่ภายในเลยอันความสะอาด สว่าง สงบ ระงับอยู่ภายในใจตลอดกาลเป็นนิจนี้ เป็นนิมิตเครื่องหมายการกราบไหว้บูชารอยพระบาทภายใน ดีกว่าการกราบไหว้รอยพระบาทภายนอกร้อยเท่าพันทวีจริงๆ ขอเตือนชาวโลกอย่าไปติดตังแต่วัตถุภายนอกนัก ให้ปฏิบัติกราบไหว้เดินตามรอยพระบาทภายใน จึงจะพบพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ได้โดยไม่ต้องเคลือบแคลงสงสัย ถ้าเราเมามัวติดตังยางเหนียว ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะไปไหว้รอยพระบาทภายนอกอย่างเดียวทุกๆปี พอถึงปีก็ไปกราบไหว้ ต่อให้แสนโกฏิปี-มินับชาติไม่ถ้วน ก็ไม่พบพระเลยเป็นแน่แท้ หลวงพ่อให้รู้เพราะเพื่อเป็นพยานไว้ พอเป็นเครื่องเตือนใจให้เกิดสติปัญญาบารมีต่อไป

    รอยพระพุทธบาท ตามหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวงกล่าวไว้ มี 5 รอย เหมือนกัน

    1สุวัณณมาลิเก ที่เขาสุวรรณมาลึก

    2สุวัณณปัพพเต ที่เขาสุวรรณบรรพต

    3สุมนกูเฏ ที่ยอดเขาสุมมกูฏ

    4โยนกปุเร ที่ใกล้เมืองโยนก

    5นัมมทายนทิยา ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา

    1รอยพระพุทธบาทที่สุวรรณมาลิก เข้าใจว่าตั้งอยู่ในต่างประเทศ แต่จะเป็นประเทศไหนก็เหลือเดา(แต่ทราบจากเทวบัญชา อันเจ้าพ่อหลักโลกรับมาเสนอว่าได้แก่พระบาทเขานางเหม็น จังหวัดนครราชสีมานั้นเอง)

    2รอยพระพุทธบาทที่สุวรรณบรรพตกับสัจจพันธดีรีคงเป็นอันเดียวกัน ที่สัจจพันธฤาษี ขออาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงเหยียบรอยไว้ ให้เป็นที่ไหว้สักการละบูชา แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ใกล้เมือง จ.สระบุรีอันได้แก่พระบาทใหญ่เดี่ยวนี้ และมีรูปสัจจพันธฤาษ๊ไว้เป็นพยาน ซึ่งทำตามตำนานที่เขียนไว้

    3รอยพระพุทธบาทที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสุมนนกูฏนั้นมีอยู่ในประเทศลังกา”ภูเขาสุมนะ” บนยอดมีรอยพระบาท ภูเขาสุมนะดูสูดสูงเด่นอยู่ที่เมืองลังกาตามรูปถ่ายและรูปเขียน มีมณฑปสรวมรอยพระบาทตั้งอยู่บนยอดเขา

    4รอยพระพุทธบาท อยู่ใกล้แว่นแคว้นแดนเมืองโยนกนั้น ปรากฏว่าอยู่ ณ เมืองเชียงใหม่ เข้าใจว่าได้แก่พระบาท 4 รอย อันมีอยู่จริง ปรากฏขึ้นเองบนแผ่นหิน ไม่ไช่แกะสลัก เป็นขึ้นมีขึ้นด้วยธรรมะบันดาลและเทพบันดาลอย่างแท้จริง และทางตำนานว่า เมืองโยนกได้แก่เมืองเชียงใหม่

    5รอยพระบาท ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งหาดทรายแก้วของแม่น้ำนัมมทา มีฝูงปลา จระเข้ เหรา สัตว์น้ำนานาชนิดชาวมนุษย์ และพวกอทิสสมานกาย(คือพวกวิญญาณทุกๆประเภท)มากราบไหว้บูชา มีปรากฏอยู่ที่เมือง จ.ภูเก็ต

    ที่เมืองนี้มีพระบาทปรากฏอยู่บนแผ่นหินชายทะเลมีน้ำเค็มล้อมรอบ มีก้อนหินใหญ่ตั้งอยู่ริมก้อนหินรอยพระบาท มีรูปพัดปรากฏอยู่ที่กลางก้อนหินใหญ่นั้นแสดงเป็นสัญลักษณ์ให้รู้สึกนึกว่า ผู้ที่ไปกราบไหว้นมัสการเคารพบูชา จะต้องปฏิบัติทางใน ทำใจให้สงบจึงจะรู้แจ้ง หลวงพ่อท่านได้ไปถึงแล้วนมัสการกราบไหว้และอธิษฐานแล้ว จึงนั่งภาวนาทำใจให้สงบพักหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นเห็นที่รอยพระบาทนั้นมีรูปมงคล 108 ประการปรากฏชัดอยู่ทุกๆรูป เพื่อจะสำรวจดูว่าจะครบ 108 อย่างตามตำนานกล่าวไว้ไห จึงเอาดอกไม้วางตามรูปจนครบทุกรูป แล้วเก็บดอกไม้นั้นมานับดูใหม่ ก็ได้ครบจำนวน108เท่ากับรูปมงคล108 ประการนั้นทุกประการ ของจริงย่อมพิสูจน์ได้เฉพาะคนทำจริงเท่านั้น ของจริงมีอยุ่ ผู้ไม่จริงจะรู้เห็นของจริงได้อย่างไร เพราะไฝฝ้ากิเลสหนาบังตาไว้หนาแน่นนัก

    ที่พระบาลกลางน้ำนี้ เป็นที่หน้าอัสจรรย์อย่างหนึ่งคือตั้งอยู่บนแผ่นหินกลางน้ำ มีน้ำเค็มล้อมรอบ ใต้น้ำมีทรายขาวใสสะอาด และมีฝูงปลานานาชนิดว่ายแหวกไปมาในระหว่างก้อนหิน มีคลื่นน้ำทะเลซัดดังอยู่ซ่าๆ แต่น้ำทะเลนั้น ไม่ไหลมาท่วมท้มรอยพระบาทสักที แลดูด้วยสายตามองเห็นน้ำล้อมรอบอยู่สูงๆ ส่วนที่ก้อนหินรอยพระบาทตั้งอยู่ในระดับต่ำกว่า น่าจะจมน้ำอยู่ตลอดกาล แต่ตรงกันข้าม กลับลอยอยู่เด่นพ้นอยู่เหนือน้ำทะเลเสียอีก จึงนับว่าเป็นที่น่าอัศจรรย์มิใช่น้อย ลักษณาการของพระบาทกลางน้ำนี้ มีนิมิตตรงกับคำสดุดีในหนังสือสวดมนต์ฉบับหลวงว่า “นัมมทาย นทิยาปุลิเน จ ตีเร” แปลว่า รอยพระบาทตั้งอยู่ริมฝั่งหาดทรายแก้ว

    แห่งแม่น้ำนัมมทา(ชื่อแม่น้ำนี้ ตัวจริงมีอยู่ในประเทศอินเดีย)

    รอยพระบาทมีมากกว่า 5แห่ง

    เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน มีรอยพระบาทหลายแห่ง ครบจำนวน 84000 เท่ากับพระธรรมขั้นธ์ เช่น พระบาทบัวบก,พระบาทบัวบาน พระบาทคอแจ้ง พระบาทหลังเต่า พระบาทนางโอสา พระบาทเวินปลา ข้ามไปนัสการฝั่งเวียงจันทร์ที่พระบาทดินเพียง และพระบาทจอมศรี เมืองหลวงพระบาง ทางภาคเหนือไปไหว้พระบาท 4รอยเขตเชียงใหม่ ทางภาคกลาง ไปไหว้พระบาทใหญ่ที่สระบุรี พระบาทเขาวงพระจันทร์ พระบาทใหม่เขาเลี้ยว พระบาทใหม่โคกสำโรง ฯลฯ

    เหตุผลพระบาทเกิน 5 แห่ง

    เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปโปรดพวกเบญจวัคีย์ที่ป่าอิสิปตนมิคทายวันใกล้เมืองพาราณสี เพียง 5 วัน ได้ตรัสสอนพระเบญจวัคคีย์ 5 องค์ ให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมทั้ง 5 องค์ ในวันแรม 5 ค่ำ เดือน 8 รอยพระบาทภายใน อันได้แก่ รอยวิมุติ 5 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะ หรือ รอยมรรค 8 รอยโลกุตตรบรรม 9 หรือรอยชัยชนะตัณหา 108 ได้เหยียบย่ำกดลงเป็นรอยลึกฝังไว้ภายในใจ อันเป็นดุจแผ่นหินศิลาแลงอันแข็งแกร่งแห่งพระอรหันต์ทั้ง 5 องค์ เป็นรองฝังลึกลงตรงกลางใจทั้ง 5 ในวันแรม 5 ค่ำ อย่างสมบูรณ์เรียบร้อย เป็นปฐมฤกษ์แห่งการเอารอยพระบาทภายใน คือวิมุติ 5 เหยียบลงไปบนหัวใจทั้ง5 ของภิกษุอรหันต์ทั้ง5 สำเร็จพร้อมกันในวันแรม 5 ค่ำ รอยพระบาทฝ่ายธรรมาทิฏฐานปรากฏการณ์พร้อมกันเมื่อครั้งแรกนั้น จึงบันดาลให้ใช้เป็นปรากฏการณ์ฝ่ายปุคคลาธิษฐานประจักษ์พยานแก่ตาโลกทั้งมวลสืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ จึงชี้ให้เห็นได้ชัดว่า พระบาทปรากฏก่อนเพียง 5 แห่งดังแสดงมา

    เมื่อพระพุทธองค์ เหยียบรอยพระบาทภายในลงไว้กลางใจทั้ง5ของพระเบญจวัคคีย์จนชนะมารทั้ง5ตัณหา108ได้แล้ว กลับกลายแปรสภาพมาเป็นมงคล 108 ประการ เป็นปรากฏการณ์เด่นชัดดีแล้ว ต่อจากนั้นพระพุทธองค์จึงเสด็จไปโดยพระองค์เดี่ยวเที่ยวไปโปรดพวกอื่นๆ ต่อไปเช่น ไปโปรดพวกภัททวัคคีย์ ชฏิล 3 พี่น้องพร้อมด้วยบริวาร พระยสพร้อมด้วยสหายและพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวารนับหมื่น ฯลฯ และพวกอื่นๆ เทพอื่นๆพรหมอื่นๆ อีกนับได้ถึง 20 อสงขัย ในระยะกาล 45ปี จึงปรินิพพาน

    รอยพระบาทภายใน อันได้แก่พระธรรมทำลาย อวิชชา จนได้ชัยชนะแก่มารทั้ง 5 กิเลส 1500 ตัฒณหา108 แล้ว แปรสภาพมาเป็นมงคลคุณแห่งพระรัตนตรัย 108 ประการ ปรากฏเป็นรอยลึกอยู่บนกลางแผ่นหินอันแข็งแรงและมั่นคง ณ บนยอดเขา คือยอดหัวใจ หรือยอดกระหม่อมจอมศีรษะของสัตว์โลกทั่วไป จนนับจะประมาณมิได้ จึงเรียกว่าอสงขัยถึง 20 อสงขัย พระบาทภายใน 84000 พระธรรมขันธ์ เหยียบไว้รอยลึกบนยอดหินยอดผาแห่งนานาจิตสัตว์โลกครั้งกระโน้น และต่อๆมา จึงดลบันดาลให้เป็นปรากฏการณ์ในด้านพระสูตรคลอดออกมาเป็นรูปรอยพระบาทภายนอก เพื่อให้ชาวโลกรู้เห็นด้วยตาเนื้อ และเพื่อปลูกศรัทธาเป็นนาบุญสำหรับกราบไหว้เคารพบูชา เป็นมหากุศล แก่ฝูงชนทุกถ้วนหน้าจะได้มีโอกาสสะสมบุญบารมีไว้สำหรับตนส่งให้พ้นจากความทุกข์ต่อไป เหมือนพระสาวกเจ้าทั้งหลาย รอยพระบาทภายนอกจึงมีปรากฏทั่วไป เหมือนเงาตามตัวฉะนั้น

    รอยพระบาทมี 2 ประเภท

    รอยพระบาททั้งหมดที่ปรากฏแก่สายตาของชาวโลกมี อยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือปรากฏบนแผ่นหินโดยธรรมะบันดาล และทวยเทพผู้รักษาศาสนาบันดาลให้ดินฟ้าอากาศฟ้าฝนตกลงมาเซาะหินให้สึกกร่อนร่อยหรอ เป็นรอยลึกเป็นรูปรอยพระบาทอย่างหนึ่ง ตัวอย่างเช่นที่รอยพระบาทเขาเลี้ยว พระบาทใหม่โคกสำโรง พระบาทเขาวงพระจันทร์ พระบาทจอมศรี เมืองหลวงพระบาง เป็นต้น

    และอีกอย่างหนึ่ง เป็นรอยที่นายช่างทำจำลองขึ้นให้มีรูปมงคล 108 อย่าง ตามตำนานกล่าวไว้

    รอยพระบาทมี 2 ขนาด

    รอยพระบาทมี 2 ขนาด คือขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ขนาดเล็กยาวประมาณ 1 ศอก ชาวประเทศอินเดียต้นศาสนานิยมทำขึ้นให้เท่ากับรอยเท้าคน สลักไว้บนแผ่นหินเคลื่อนที่ได้ ตัวอย่างที่สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ นำมาจากพุทธคยาเอาไปไว้ที่มณฑปเกาะสีชัง ก็ยาวประมาณ 1 ศอกเหมือนกัน และที่แกะสลักไว้บนก้อนหินบนยอดเขาเคลื่อนไม่ได้ก็มี แล้วแต่ความนิยมของพุทธบุตรแต่ละบุคคลส่วนที่ปรากฏในต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร ลาว ฯลฯ ใหญ่ยาวประมาณ 3-4ศอกของคนปานกลาง

    เหตุผลที่รอยพระบาทขนาดไม่เท่ากัน

    ประเทศอินเดียเป็นต้นศาสนา เป็นต้นแสงสว่างแห่งพระธรรม คนในต้นศาสนาเมื่อ 2500 ปีเศษ ล่วงเลยมาแล้วกล่าวกันว่า สูง 8 ศอก และในหลักพระสูตรกล่าวไว้ในเรื่องพุทธประวัติว่า “พระวรกายของ

    พระพุทธองค์ สูง 8 ศอก พระบาทก็ต้องยาวประมาณ 1 ศอกพระพุทธองค์ปรินิพพานสิ้นสูยกายเนื้อไปแล้ว บรรดาเหล่าพวกพุทธบุตรจึงสลักหินเป็นรอยพระบาทไว้สักการะบูชาแทนองค์พระศาสดาของตนต่อมา รูปรอยสลักทำให้เท่ากับรอยเท้าจริง ยาวประมาณ 1 ศอก เท้าภายนอกของกายเนื้อและเท้าภายในของภายใน คือ ธรรมกายเหยียบย่ำฝังรากเหง้าลงมั่นไว้ในมัชณิมประเทศต้นศาสนาก่อนแล้ว จึงแผ่ขยายกว้างออกไปทั่วมณฑลภายนอกศาสนาแผ่สร้านไปทั่วสากลจักวาฬ ประดิษฐานตั้งอยู่ทั่วแคว้นแดนปัจจันตประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร มอญ ลาว ฯลฯ รอยพระบาทนอกจึงใหญ่กว่า โตกว่า กว้างกว่า และลึกกว่า ส่วนที่ตั้งอยู่ต้นประเทศดั้งเดิมเป็นธรรมดาเปรียบเหมือนแสงสว่างของต้นไฟฉาย ย่อมเล็กกว่าปลายไฟฉาย หรือเหมือนกับความรัอนแรงแผดแสงกล้าแผ่ซ่านออกรอบดวงอาทิตย์ ย่อมมีวงแคบกว่า ความร้อนอ่อนที่แผ่สร้านไปทั่วรอบขอบเขตแดนสากลพิภพ ความร้อนอ่อนย่อมคลุมรอบครอบไปทั่วสากลจักรวาฬกว้างใหญ่ไพศาลจะนับจะประมาณไม่ถ้วน

    รอยพระบาทมี 2 ประเภทอีก

    รอยพระบาท ที่ปรากฏบนก้อนหินใหญ่บนยอดเขานั้นมี 2 ประเภทด้วยกัน คือ

    1เกิดจากมนุษย์ผู้หวังดี เพื่อให้มีศรัทธาบังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษย์โลก จึงเกิดมุมานะบากบั่น เจาะหินให้เป็นรอยลึกลงไปคล้ายรอยเท้าคน แต่ทว่า โตกว่าใหญ่กว่า กว้างกว่า และลึกกว่ารอยเท้ามนุษย์ธรรมดาประมาณ 4-5 ศอก ทั้งนี้ก็เนื่องจาก ธรรมะบันดาลและเทพผู้รักษาศาสนา บันดาลให้เกิดปฏิภาณความรู้ ในเรื่องรอยพระบาทมีรูปมงคล 108 ประการ ตามตำราทำนายพุทธลักษณะบันทึกไว้ และบันดาลให้โตใหญ่กว่าไว้เป็นนิมิตเครื่องหมายให้รู้ว่า รอยพระบาทภายในคือ รอยพระธรรม คำสั่งสอนคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ความชนะตัณหา 108 นั้น แผ่ไพศาลกว้างใหญ่ ขยายไปทั่วสากลโลกธาตุ ซึ่งเป็นนิมิตบอกให้รู้ชัดแจ้งตามความเป็นจริงว่า ใหญ่โตมากกว่ารอยปฐมต้นเดิมอันมีปรากฏอยู่ที่ประเทศอินเดีย

    2เกิดจากธรรมะบันดาล หรือทวยเทพผู้รักษาศาสนาบันดาลให้ดินฟ้าอากาศ ฟ้าฝนตกลงเซาะแผ่นหินให้เป็นรอยลึกลงทีละน้อยๆ จนได้ขนาดและคล้ายคลึงกับรอยพระบาทขนาดใหญ่ อันปรากฏในปัจจันตประเทศตีวงขอบเขตไปทั่วนานาประเทศ เช่น ประเทศไทย พม่า เขมร มอญ ลาว เป็นต้น

    รอยพระบาทสระบุรี

    ตามตำนานพระบาทสระบุรี มีปรากฏในคัมภีร์พระพุทธศาสนา คือ

    มีในเรื่อง ปุณโณวาทสูตร ในพระไตรปิฏก ถอดใจความย่อว่า “พระพุทธองค์ เสด็จไปกอรอยพระบาทไว้ที่เชิงเขาด้านตะวันออกเฉียงเหนือ แห่งกรุงศรีอยุธยาเดี๋ยวนี้อันเป็นที่อยู่ของสัจจพันธเถระ (เดิมเป็นสัจจพันธฤาษี)ในสมัยแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม มีพระภิกษุไทยหลายรูปไปนมัสการพระบาทที่เขาสุมนกูฏในลังกา พบกับภิกษุลังกาๆ ถามจึงได้ความว่า ที่เขาสุวรรณบรรพตหรือเขาสัจจพันธคีรีมีรอยพระบาทเหมือนกัน เมื่อทราบถึงพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรคสั่งหัวเมืองต่างๆสืบหาพระบาท จึงรู้ได้จากนายพรานบุญผู้ไปพบ จึงมีใบบอกนั้น ก็เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรเสด็จไปทางแม่น้ำ ไปจอดเรือพระที่นั่ง ซึ่งที่จอดเรือเรียกว่าท่าเรือมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเสด็จขึ้นเรือแล้วเสด็จเดินทางป่านายพรานบุญเป็นผู้นำ ครั้นไปถึงได้ทอดพระเนตรเห็นรอยพระบาท ก็ทรงเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง ทรงยกที่ดินถวายเป็นบริเวณพระบาทโยชน์หนึ่งโดยรอบ และโปรดให้สร้างมณฑปครอบพระพุทธบาท และสร้างพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญ กุฏีสงฆ์ ตัดทางกว้าง 10 วา ตรงตลอดมาถึงท่าเรือ เพื่อการไปนมัสการพระบาทสะดวกแก่ประชาราษฏร์ตลอดมาถึงทุกวันนี้

    รอยพระบาทมี 2 ชนิด

    รอยพระบาทที่ปรากฏแก่สายตาของชาวโลกมีอยู่ 2 ชนิด คือรอยพระบาทซ้าย กับรอยพระบาทขวา รอยพระบาทซ้ายปรากฏที่เขาเลี้ยวใกล้เจ้าพ่อเขาตกสระบุรี ที่โคกสำโรง ที่เขาวงพระจันทร์ และพระบาทจอมศรี ที่ประเทศลาวเมืองหลวงพระบาง พระบาทเบื้องขวามีที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งเราเรียกว่า พระพุทธบาทมาจนทุกวันนี้

    1พระพุทธบาท กับพระโพธิบาท

    รอยพระบาทเบื้องขวา เป็นสัญลักษณ์แห่งรอยพระบาทของพระพุทธองค์ ส่วนรอยพระบาทเบื้องซ้ายเป็นสัญญาลักษณ์แห่งรอยพระบาทของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย แต่ชาวโลกคงเข้าใจว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ท้างซ้ายและขวา แต่อย่าลืมว่า ถ้าพระบาทของพระพุทธองค์ทรงประทับยืน ต้องทำคู่กันไว้เหมือนอย่างชาวเมือง อมรวดี ประเทศอินเดียสร้างเป็นพระบาทในประเทศไทยเช่นที่ใกล้พระแท่นศิลาอาสน์ จังหวัดอุตรดิตถ์ และวัดบรวนิเวศ เป็นต้น ดังนี้รับรองได้ว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์ทั้งคู่ แต่หากประดิษฐานปรากฏอยู่คนละแห่ง แสดงว่าไม่ไช่รอยพระบาทของพระพุทธองค์หากเป็นรอยพระบาทของพระบรมโพธิสัตว์เจ้าต่างหาก

    2พระบาทเบื้องขวาทั้งสอง2

    พระบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ปลายนิ้วพระบาททั้ง 5 สม่ำเสมอกันเป็นระเบียบอันดีงามๆ ส่วนนิ้วพระบาททั้ง5 ของพระโพธิสัตว์ศรีอริยเมไตรย ไม่เสมอกัน มีสภาพเหมือนนิ้วมนุษย์ธรรมดาสามัญทั่วไป

    พระโพธิบางเบื้องขวาของพระศรีอริยเมตไตรย ประดิษฐานไว้บนยอดเขาใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างเขาทั้งสองมองดูจากทางเทศบาล จะเห็นเป็นเขา 3 ลูกที่ตำบลนิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี มีการก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ทุกๆปีเป็นประจำตามกำลังทรัพย์ นับจำนวนเงินก่อสร้างที่ส่งเสริมพระบารมีโพธิญาณแก่งพระศรีอริยเมตไตยหลายล้านบาท ผู้มีความปรารถนาร่วมสร้างบารมีเชิญได้ทุกโอกาส ขอต้อนรับด้วยความปิติยินดีทุกเมื่อ

    3รอยพระบาทของพระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรย

    รอยพระบาทของศรีอารย์ ที่สถิตประดิษฐอยู่ที่หัวเขาเลี้ยว เทือกเดียวกันกับเขาพระพุทธบาทใหญ่สระบุรีห่างหันประมาณ 3-4 กิโลเมตรเท่านั้น ปรากฏอยู่ที่เขาเลี้ยว เพื่อให้เป็นสัญญาลักษณ์แห่งการสืบต่อศาสนาของพี่และน้อง ในหัวเลี้ยวหัวต่อระยะกึ่งพุทธกาลนี้ พระบาทของพระศรีอารย์เหยียดย่ำลงบนรอยโค(โคที่เป็นแม่เลี้ยงของพระสมณโคคม)ตามเหตุผลนี้ จึงรู้ว่ารอยพระบาทของพระศรีอารย์ฯ ต่างจะค้านว่ารอยพระบาทเบื้องซ้ายที่เหยียบทับลงไปบนรอยเท้าโคนั้น ก็เป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์เหมือนกัน ดังนั้น เหตุผลไม่เพียงพอ คือว่าโคแม่เลี้ยงนั้นมาเหยียบไว้เพื่อประโยชน์อันใด ถ้าพระพุทธองค์เหยียบทับรอยของแม่เลี้ยงโคลงไปก็แสดงว่าเป็นอาการส่อถึงความกดขี่ และไม่เคราพนับถือพ่อแม่เลี้ยงของพระพุทธองค์เอง ถ้าจะออกตัวว่าเป็นการคารวะ จึงเหยียบทับกันก้ไม่ถูกเหตุผล เพราะความเคารพต่อกันของกันและกัน ต้องอยู่ห่างกันตามเหตุผลที่สมควร รอยจะห่างกันคืบหรือศอกนั่นแหละจึงจะเป็นเครื่องหมายแสดงถึงหลักความเคารพแท้ แต่ที่เป็นปรากฏการณ์ประจักษ์พยานอยู่เฉพาะหน้านี้ หาเป็นดังเช่นกล่าวมานั้นไม่ รอยเท้าโคปรากฏอยู่ตรงกลางระหว่างพระบาทซ้ายจริงๆ และปลายรอยทั้งสองชี้แทงไปทางทิศตะวันออกทั้งสองรอย

    หากรอยเท้าโคกับรอยพระบาทอยู่ห่างกันคืบหรือศอกหรืออยู่ใกล้ๆกันกับบริเวณนั้น อันเป็นสัญญาลักษณ์แห่งความเคารพนับถือของพระพุทธองค์ อันมีต่อมารดาเลี้ยงก็จะรับรองได้ทันทีว่า เป็นรอยพระบาทของพระพุทธองค์แท้แน่นอน แต่นี่หาเป็นดังเช่นว่าไม่ รอยเท้าโคกับปรากกอยู่ตรงกลางจริงๆ ระหว่างรอยพระบาทเบื้องซ้ายอันเป็นนิมิตเครื่องหมายแห่งการสืบต่อเนื่องถึงกันในระหว่างท่ามกลางศาสนาของพี่น้องทั้งสอง(คือศาสนาพระโคดมกับพระศรีอารย์) ต่อกันในระยะท่ามกลางหรือกึ่งพุทธกาล และรอยต่อกันที่หัวเขาเลี้ยว อันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อกันจริงๆ เป็นปรากฏการณ์พยานหลักฐานบ่งชัดว่า รอยทั้งสองต่อกันนั้น ก็คือศาสนาทั้งสองต่อกันเข้าแล้ว เริ่มแต่ พ.ศ.2501-2502

    ส่วนพยานหลักฐานภายนอกประกอบยังมีอยู่อีก คือเมื่อ พ.ศ.2500 พระอาจารย์ทองดีทำพิธีหล่อพระรูปของพระโคดม และพระรูปของศรีอารย์ที่เชิงเขาเลี้ยว แล้วเอาขึ้นไปประดิษฐานไว้บนเขาเลี้ยวภายในมรฑป อันสวยงามราคาเกือบสามแสนบาท ทั้งสองพระองค์ พระรูปของพระโคดมตั้งอยู่บนแท่นสูงใหญ่ ต่ำลงมาเบื้องหน้าทำแท่นสูงครึ่งหนึ่งของแท่นใหญ่ ตั้งพระรูปของพระศรีอารย์บนนั้น อันเป็นนิมิตเครื่องหมายและเป็นเครื่องเตือนใจ สะกิดใจและจูงใจให้รู้ความจริงได้ว่าพอศาสนาของพระโคดมบรมครู ประกาศมาได้ครึ่งหนึ่งหรือกึ่งของศาสนาแล้ว ต้องมีพระโพธิสัตวืพระศรีอารย์ผู้รับตำแหน่งศาสนาทายาท มารับข่าวศาสนาประกาศแทนสืบต่อไปจากพระพุทธองค์โดยแน่นอน

    ถ้าคำคัดค้านถูกก็ต้องหล่อพระพุทธรูปโคตัวเมีย อันเป็นเครื่องหมายถึงแม่เลี้ยงไว้เป็นสักขีพยาน ในระยะกึ่งพุทธกาลนี้ไช่ไหมฯ เพราะไม่เป็นความจริง กล่าวทางด้านธรรมะและทวยเทพที่คุ้มครองปกป้องศาสนาจึงดลบันดาลให้พระอาจารย์ทองดี ลูกศิษย์หลวงพ่อเล็กวัดใหม่โพธิ์ทอง หล่อพระรูปสองพี่น้องไว้เป็นพยาน ในเวลากาลหัวเลี้ยวหัวต่อ เพื่อต่อศาสนาให้ติดต่อสืบเนื่องกันไว้ ในระยะกึ่งศาสนานี้ เมื่อมีพยานเป็นมาตรฐานรับรองให้เห็นชัดเป็นปัจจุบันทันตาอยู่เช่นนี้ จึงชี้ให้เห็นชัดและรับรองเป็นความจริงได้แล้วว่า รอยพระบาทเบื้องซ้ายเป็นนิมิตเครื่องหมายบ่งชี้ให้รู้ว่า เป็นพระบาทของพระศรีอารย์ผู้น้อง ส่วนรอยพระบาทเบื้องขวา จึงเป็นนิมิตเครื่องหมายบ่งชัดไปทางฝ่ายรอยพระโคดมบรมครูผู้ พี่ธรรมดาว่าพี่ต้องใหญ่กว่า โตกว่า ภาคภูมิกว่า จึงใช้ฝ่ายขวาเป็นสัญญลักษณ์ เมื่อพี่ใช้ฝ่ายขวาเป็นสัญลักษณ์ของท่านแล้ว ฝ่ายน้องจำต้องใช้ฝ่ายซ้ายก้าวสืบต่อไปข้างหน้า เป็นสัญลักษณ์ของตน เพื่อมิให้ไขว้เขวเข้าใจผิด ธรรมดาของโลกฝ่ายซ้าย ถือว่าต่ำกว่าฝ่ายขวาอยู่แล้ว เช่นมือซ้ายล้างก้นแต่ใช้มือขวาล้างหน้า ถ้าพระจับด้ายสายสิญจน์ ชักบังสุกุลด้วยมือซ้ายถือว่าไม่เคารพศพ พวกญาติโยมของศพไม่พอใจ ถ้าพระเณรจับด้ายสายสิญจน์มือขวา และหงายมือชักบังสุกุลถือว่าเคราพต่อศพและพวกญาติของศพด้วย บรรดาผู้รู้ย่อมสรรเสริญเยินยอพอใจแก่ประชุมชนทุกชั้น

    สรุปพระบาททั้งหมดมีอยู่5

    พระบาทที่มีลักษณะโตใหญ่เล็กกว้างยาวลึก อันเกิดจากธรรมบันดาลและทวยเทพบันดาลก็ดี และเกิดจากพุทธบุตรผู้มองกาลไกลสลักไว้บนแผ่นหินบ้าง หล่อด้วยโลหะบ้างก็ดี อย่างนี้จัดเป็นรอยพระบาทภายนอกซึ่งประชาชนคนทั้งปวงทั้งภายในและภายนอกประเทศหลั่งไหลไปนมัสการกราบไหว้เป็นประจำทุกๆปี เช่นพระบาทสระบุรี พระบาทเขาเลี้ยวและพระบาทเขาวงพระจันทร์เป็นต้น ประชาชนนิยมไปนมัสการกราบไหว้รอยพระบาทภายนอกกัน นับจำนวนไม่ถ้วนปีหนึ่งๆ ซึ่งพาให้เกิดประโยขน์และได้รับสมบัติ 2ประการคือมนุษย์สมบัติ และสวรรค์สมบัติเท่านั้น เพราะ เราจะเกิดๆตายๆนับชาติไม่ถ้วนวนเวียนไปๆมาๆ กราบไหว้รอยพระบาทภายนอก นับโกฏิครั้งหรือนับครั้งไม่ถ้วน ก็ไม่ทำให้เราดีขึ้น เจริญขึ้น มากขึ้น และเกินเลยไปจากสมบัติทั้งสองนั้นเลย เพราะฉะนั้นชาวโลกทั้งหลาย จงพยายามก้าวไปข้างหน้าอีกเพียงก้าวเดียว ก็จะได้ประสบพบผลประโยชน์สูงสุดกว่านั้นไปอีกได้

    อีกอย่างหนึ่งได้แก่พระบาทภายใน อันได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นอริยมรรคา พาให้สัตว์โลกผู้ดำเนินตามได้สำเร็จประโยชน์และสมบัติทั้ง3ประการคือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ควรที่สัตว์โลกทั้งหลายใฝ่หานิพพานสมบัติกันให้มากๆ เพราะพาให้ตนพ้นจากทุกข์ได้จริงๆ ถ้าหากยังหลงใหลใฝ่หาแต่สมบัติต่ำๆ ทั้งสองนั้นจะมีมากมายหลายโกฏิอสงขัย ก็ไม่นำตนให้พ้นจากทุกข์ภัยได้ เหตุผลดังกล่าวมาโดยย่อนี้ ขอให้ปวงสัตว์โลกจงยินดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปสนใจแสวงหาแต่ทางนิพพานให้มากขึ้นเถิดจะเกิดนาบุญภายใน ได้ดวงตาเห็นธรรม นำให้ตนพ้นจากสังสารวัฏการเวียนว่ายตายเกิดในทะเลหลวงได้

    หลวงพ่อได้อธิบายเหตุผลเรื่องรอยพระพุทธบาทและรอยพระโพธบาท อันเป็นดุจแสงเทียนส่องให้เกิดปัญญาตกใจมีญาณอันผ่องใส พิจารณาใคร่ครวญตามแนวทางที่ชี้แจงมานี้จะเกิดความรู้ ความเข้าใจ กันความเข้าใจไขว้เขวยุ่งเหยิงได้ และเป็นบ่อเกิดปลูกความเชื่อเลื่อมใสในองค์พระบรมโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตรยต่อไป ซึ่งให้สมกับความตั้งใจของประชาชนที่ปราถนาพบประสบพักตร์ให้เห็นประจักษ์ในระยะกึ่งศาสนานี้ และจะรู้ว่าพระศรีอารย์อันเป็นองค์จริงองค์แท้นั้นอยู่ที่ไหน รู้ได้อย่างไร

    ถ้าใคร่ครวญดูให้ดี ก็พอจะมีความรู้ความเข้าใจได้ถ้าหากยังโง่เขลาเบาปัญญาบารมียังอ่อนอยู่ถึงจะชี้แจงแนะนำสั่งสอนก็คงเข้าใจยาก และเชื่อยากด้วย อาจเชื่อในองค์จริงว่าเป็นองค์ไม่จริงได้ และอาจเชื่อในองค์ที่ไม่จริงว่าเป็นจริงองค์แท้แน่นอนได้ เมื่อเรารู้ว่าเป็นองค์จริง แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามโอวาทคำสั่งสอนของพระองค์ก็ไม่ได้รับประผลประโยชน์อะไรนัก สำคัญที่เรารู้แล้วว่า “เป็นองค์จริงองค์แท้แน่แก่ใจตนจริงๆแล้ว”ต้องเข้าไปใกล้นั่งกราบไหว้เคราพบูชาสักการะ แล้วขอคำแนะนำสั่งสอนจากพระองค์ เมื่อตนพิจารณาใคร่ครวญตามเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วปฏิบัติตาม จึงจะสำเร็จประโยชน์แก่ตนอย่างใหญ่หลวงขอให้ประชาชนคน ทั้งปวงจงอุส่าห์พาตนให้เข้าใกล้ ให้ได้รับพระพรชัยและพระโอวาท แล้วประกาศตนเป็นโพธิบุตรทุกๆคนเถิด จงเกิดประโยชน์ โสตถิผลแก่ตน ทั้งชาตินี้และชาติหน้าต่อไปตลอดกาลนาน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2020
  6. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    แหนบรุ่นสี่ เนื้อโลหะชุบทอง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง

    ด้านหน้าสร้างเป็นรูปหลวงพ่อครึ่งองค์หันหน้าตรง ด้านล่างเขียนตัวอักษรว่า "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง"
    ด้านซ้ายขององค์หลวงพ่อเขียนคำว่า "มะ"
    ส่วนอักษรขอมภายใต้อุนาโลมรัศมี มีคำว่า "อะ"
    ด้านขวาขององค์หลวงพ่อเขียนคำว่า "อุ"
    อ่านรวมกันว่า มะอะอุ เป็นความแยบยลของหลวงพ่อที่ได้เมตตาสั่งสอนเราโดยนัย หากเราได้พิจารณาหาความหมายบนตัวแหนบดังนี้คือ
    มะ ย่อ มาจาก มหาปุริสะ หรือ พระมหาบุรุษ ผู้เปี่ยมด้วยบารมีด้วยการการบำเพ็ญ 30 ทิศ มี ศีล เป็นพื้นฐาน มะ ในที่นี้ แทนความหมาย คือ ศีล อันเป็นบาทแรกแห่งการภาวนาทั้งปวง
    อะ ย่อมาจาก อาโลโก หรือ แสงสว่าง มีความหมายอันเกิดจากจิตที่เป็นสมาธิ เพราะสมาธิ ในขั้นต้นนั้น
    ต้องปรากฏแสงสว่าง อันเรียกว่า สี หรือ รัศมี ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จากอำนาจ สมาธิ ดังนั้น อะ แทนความหมาย คือ สมาธิ อันเป็นบาทที่สอง ของการภาวนา
    อุ ย่อมาจาก อุตมปัญญา ก็หมายถึงปณิธาน สูงสุด ในพระพุทธศาสนา นั้นคือ ปัญญา ซึ่งปัญญาในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นลักษณะพิเศษซึ่งไม่ปรากฏในหมู่ พระสาวกในคือพระสัพพัญญุุตญาณ ซึ่งเป็นคุณของพระพุทธเจ้า อันปรากฏแก่ หมู่ชน ด้วย ฉัพพรรณรังสี เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้น
    ดังนั้นอักขระ
    มะ คือ ศีล
    อะ คือ สมาธิ
    อุ คือ ปัญญา
    สรุปสุดท้ายหลวงพ่อก็เน้นสอนเราในเรื่องของ ศึล สมาธิ และปัญญา ครับ

    วัตถุมงคลที่หลวงพ่อแจกส่วนใหญ่ ก็คือ แหนบรุ่นต่างๆ เหล่านี้ อานุภาพของแหนบส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับเรื่องการป้องกันสรรพอันตรายทั้งปวง รวมทั้งนิวเคลียร์ ฝนเหลือง โชคลาภ เมตตามหานิยม และอธิษฐานขอพรอื่นๆได้ตามปรารถนา เรียกได้ว่าครบเครื่องที่สุด
    B16NzGWY_iZAThxx6othTr95Kve8BWyKDCFPB2owdTg&_nc_ohc=nDEylBJYFXsAX8tYI-W&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
    ขอขอบคุณจากเวปนี้นำมาให้ลูกหลานได้ดูกัน

    พระคำข้าวมหาลาภ รุ่น 2 พิมพ์นิยม แขนจุด บัวทุกจุด

    พระคำข้าว (พระมหาลาภ) เป็นพระเนื้อผงสีขาวปางมารวิชัย สร้างแบบพระพุทธชินราช มี ๒ รุ่น
    รุ่นที่ ๑ ปลุกเสกเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๓๓ จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ องค์
    รุ่นที่ ๒ สร้าง ๕,๐๐๐,๐๐๐ องค์ ปลุกเสก ๒ ครั้ง คือ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๓ และ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๓๔
    ด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ นั่งในกรอบรูปพัดยศ มีชื่อ พระราชพรหมยาน อยู่ตรงที่นั่ง

    เกร็ดความรู้จากหลวงพ่อเรื่องพระคำข้าว
    "...อันดับแรกที่เราจะทำอะไรทั้งหมด ตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน นึกถึงด้วยความเคารพ เพื่อหวังพระนิพพานก็ตาม นึกถึงเพื่อขอลาภสักการะก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้าเหมือนกัน อันดับแรกนะ..อย่างมี "พระคำข้าว"

    พระคำข้าวน่ะ..หนักไปในทาง ลาภสักการะ อย่างอื่นก็มีหมด แต่ลาภน่ะหนักมาก และก็หยิบขึ้นมาพนมมือ..สาธุ ว่า.."นะโม ตัสสะ" ใช่ไหม..ว่า "นะโม ตัสสะ" ด้วยความเคารพ และอธิฐานว่าวันนี้ต้องการ... (ลาภอย่างไร)

    เป็นอันว่า เราอยากจะให้ค้าขายดี ทำราชการดี เมตตาปราณี อะไรก็ตามเถอะ ก็อย่าลืมว่าเวลานั้นเรานึกถึงพระพุทธเจ้า เราขอบารมีจากท่าน อย่างนี้ถือว่าเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติกรรมฐาน" ถ้านึกถึงทุกวันน่ะ ถ้าถึงเวลาแล้วต้องทำอย่างนั้นทุกวัน ถ้าไม่ทำแล้วไม่สบายใจ นั่นเป็น "ฌาน" ใน "พุทธานุสติ" เป็นของง่าย ๆ เพราะวันนี้ท่านบอกให้พูดง่าย ๆ ใช้วิธีง่าย ๆ นะ ก็ว่าตามท่าน

    ทีนี้เมื่อเมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัท นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้ว อย่าลืมพระที่คอ นี่คือพระพุทธเจ้า อย่าง พระคำข้าว เป็นพระพุทธชินราช อย่าลืมน่ะ คือก็เหมือนกับพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งนั่นแหละ เป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าท่าน และเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านก็มาทำ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะ พูดให้ฟัง..!

    คือเวลาทำจริง ๆ พระพุทธเจ้าทุกองค์เสด็จมาหมด องค์ปฐม เป็นประธาน อยู่ข้างบนใช่ไหม และ องค์ปัจจุบันคุมฉัน ท่านปล่อยกระแสจิตพุ่งสว่างเป็นลำพุ่งมาที่ใจฉัน แล้วบอกเธอนั่งนิ่งๆ อย่าคิดถึงเรื่องอะไรทั้งหมด ห้ามดูอะไรทั้งหมด ให้ทรงอารมณ์เฉยๆ ๑๐ นาที ก็ทำตามท่าน

    แล้วท่านก็สั่งว่า ให้ว่า อิติปิโสฯ หลัง ๑๐ นาทีแล้ว ท่านบอกดูได้พุ่งใจไปที่ของได้ พอพุ่งใจไปที่ของ ที่เห็นเป็นลำ ไม่เห็นของที่ปลุกเลย แสงพระพุทธเจ้ากลบหมด..หนามาก "พระคำข้าว" เด่นทางมหาลาภ มีรูปพระพุทธชินราช (พระพุทธกัสสป) ด้านหน้า และด้านหลังเป็นรูปหลวงพ่อ.."

    คัดลอกจากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" (ฉบับที่ ๑๔๕ หน้า ๖๓)
    ขอขอบคุณแหล่งที่มา
    Rc3oaBIemvqeWtWryuCtJUlkCezL85hGLgShb9XLWfA&_nc_ohc=ZRuwlf5rKUsAX84G6Oi&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg

    นับตั้งแต่การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ ฮิโรชิม่าและนางาซากิ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกก็ไม่เคยมีการนำอาวุธร้ายแรงชนิดนี้มาใช้อีกเลย เพราะเราได้เรียนรู้ถึงความอันตรายจากมันมามากพอแล้ว
    .
    แต่ถ้าหากว่าวันนึงเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้นมาจริง ๆ ในทางวิทยาศาสตร์แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น และส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อโลก? ศาสตราจารย์ อลัน โรบ็อค (Alan Robock) จากมหาวิทยาลัยรัทเกอร์ (Rutgers University) ได้ทำการหาคำตอบมาให้พวกเราแล้วครับ
    .
    1. เมืองใหญ่ที่เป็นเป้าของนิวเคลียร์จะถูกเผาผลาญเป็นจุณ และลุกเป็นไฟต่อเนื่องแบบนั้นไปอีกนาน
    .
    เนื่องจากอาวุธนิวเคลียร์สมัยใหม่มีความรุนแรงมากกว่าที่เคยใช้ในสมัยสงครามโลกนับร้อยเท่า เถ้าถ่านและควันที่เกิดจากการเผาไหม้จะลอยขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสตราโทสเฟียร์ ความชื้นในอากาศและก้อนเมฆจะหายไป นอกจากนั้นไฟจากนิวเคลียร์จะลุกอย่างต่อเนื่องจากเชื้อเพลิงจำนวนมากในเมืองใหญ่ (ทุกอย่างที่ติดไฟได้ ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเชื้อเพลิงในรถยนต์) และแน่นอนว่าต่อจากไฟ คือกัมมันตภาพรังสีที่ตกค้างต่อไปอีกนับร้อยปี
    .
    2. อุณหภูมิโลกจะเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็น ‘ฤดูหนาวนิวเคลียร์’ (Nuclear winter)
    .
    หลังเกิดสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือฤดูหนาวนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากควันไฟจำนวนมหาศาลไม่น้อยกว่า 150 ตัน ลอยขึ้นไปบนบรรยากาศชั้นสตราโทสเฟียร์และบดบังแสงอาทิตย์เอาไว้ไม่ให้ส่องลงมาถึงผิวโลก อุณหภูมิโลกจะลดลงเฉลี่ย 9 องศาเซลเซียสภายใน 1 ปีแรก และลดต่ำลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
    .
    3. เกิดการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงทั่วโลก
    .
    ความหนาวเย็นทั่วโลกจะทำให้พืชล้มตาย และไม่สามารถทำการเกษตรได้ บางพื้นที่ในเขตเส้นสูตรอาจโชคดีกว่าที่อื่นเนื่องจากพืชจะตายจากความหนาวก็จริง แต่หลังจากนั้นในช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิจะสูงขึ้นเพียงพอให้ปลูกพืชบางชนิดได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามปริมาณพืชผลทางการเกษตรจะไม่เพียงพอกับจำนวนประชากรอย่างแน่นอน
    .
    4. ทะเลจะเย็นลง และเป็นกรดมากขึ้น
    .
    ศาสตราจารย์โรบ็อค ระบุว่าจากงานวิจัยโดยโปรแกรมจำลองเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับมหาสมุทรโลกคือ มันจะค่อย ๆ เย็นลงอย่างต่อเนื่อง และอุณหภูมิที่ลดต่ำลงจะทำให้อัตราการคายคาร์บอนลดต่ำลง ยังไม่รวมกับปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมหาศาลในบรรยากาศ ที่จะถูกดูดซับโดยมหาสมุทร ปะการังและเปลือกของสัตว์ทะเลหลายชนิด เช่นหอย ปู หรือกุ้ง จะถูกละลาย ซึ่งมีความเป็นไปได้ 2 ทางคือ พวกมันอาจปรับตัวและวิวัฒนาการ หรือพากันสูญพันธุ์หมด
    .

    จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เราจึงสามารถสรุปได้ว่าถ้าหากมีสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้นจริง มันจะไม่ใช่เรื่องของประเทศบางประเทศที่ทำสงครามกันเท่านั้น แต่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกนี้จะได้รับผลกระทบตามกันไปด้วยทั้งหมดนั่นเองครับ
    .
    #Fact

    หน่วยวัดแรงระเบิดนิวเคลียร์ จะวัดโดยการนำไปเปรียบเทียบกับระเบิด TNT เช่น ระเบิดนิวเคลียร์ความรุนแรง 1 กิโลตัน มีความแรงเท่ากับระเบิด TNT 1 พันตัน หรือระเบิดนิวเคลียร์ความรุนแรง 1 เมกะตันจะมีความแรงเท่ากับระเบิด TNT 1 ล้านตัน

    อ้างอิง (Ref.)

    https://www.foxnews.com/…/what-happens-in-a-nuclear-apocaly…

    https://www.youtube.com/watch?v=5iPH-br_eJQ

    https://newint.org/features/2008/06/01/nuclear-weapons-facts
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2020
  7. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221

    คําทํานาย หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก เล่าโดย พระวุฒิชัย มททโว วัดสังฆทาน ๒๕ มี.ค.๒๕๖๐
    พูดตรงไว้รวม2 เรื่องลูกเห็บตกใส่หัวคน


    คำทำนาย หลวงปู่สังวาลย์ เขมโก เล่าโดย หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
    ประวัติโดยย่อพระพุทธเจ้าอีก 10 พระองค์ ที่จะมาตรัสรู้ในอนาคต
    พระอนาคตวงศ์นี้ เป็นเรื่องกล่าวถึงประวัติย่อของพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญพระบารมีในชาติหนึ่ง ซึ่งปรากฏเป็นยอดปรมัตถบารมีอันประเสริฐ เกิดสำเร็จผล ทรงพระอภินิหาร ประกอบด้วยพระเดชามหานุภาพ เป็นพุทธสมบัติที่จะมาอุบัติตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิบพระองค์ในโลก ณ อนาคตกาลภายหน้า นั้นคือ
    - พระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์หนึ่ง
    - พระราม พระองค์หนึ่ง
    - พระธรรมราช พระองค์หนึ่ง
    - พระธรรมสามี พระองค์หนึ่ง
    - พระนารท พระองค์หนึ่ง
    - พระรังสีมุนีนาถ พระองค์หนึ่ง
    - พระเทวเทพ พระองค์หนึ่ง
    - พระนรสีหะ พระองค์หนึ่ง
    - พระติสสะ พระองค์หนึ่ง
    - พระสุมงคล พระองค์หนึ่ง
    ซึ่งต่อจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราไป โดยลำดับกัปป์ นับตั้งแต่ภัทรกัปป์นี้เป็นต้นไป พระพุทธเจ้าสิบพระองค์นี้ ทรงสร้างพระบารมีสิบทัศครบบริบูรณ์แล้ว จึงทรงพระคุณ มีอภินิหารต่างๆ ยิ่งหย่อนกว่ากัน ด้วยสามารถพระบารมีนั้นๆของพระองค์ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพยากรณ์ตรัสไว้แก่พระสารีบุตร โดยพุทธภาษิตบรรยาย จัดเป็นพุทธประวัติกาลอนาคตเรื่องหนึ่งฯ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพยากรณ์ไว้แก่พระสารีบุตรถึงการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าในอนาคตไว้ ๑๐ พระองค์ ต่อจากพระองค์ไปโดยลำดับกัปนับแต่ภัทรกัปนี้เป็นต้นไป ซึ่งพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นี้ เมื่อทรงสร้างบารมี ๓๐ ทัศครบบริบูรณ์แล้ว จะทรงมีพุทธานุภาพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน พระอนาคตวงศ์ ๑๐ พระองค์ มีประวัติโดยย่อดังนี้
    ๑.) พระศรีอาริยเมตไตรย
    ในอดีตพระองค์ คือพระเจ้าสังขจักรพรรดิราช แห่งอินทปัตนครในสมัยของพระสิริมิตรพุทธเจ้า วันหนึ่ง พระองค์ได้พบสามเณรในสำนักพระสิริมิตรพุทธเจ้า ทรงเกิดความเลื่อมใสในสามเณรนั้น พระองค์ จึงเสด็จมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ที่บุพพาราม หลังจากที่พระองค์ได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าสิริมิตรแล้ว พระองค์จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์เองแด่พระพุทธเจ้าเพื่อบูชาพระธรรมที่พระ พุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระองค์ แล้วทรงไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต และด้วยอานิสงค์แห่งบารมีนี้เอง จึงทำให้พระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ขณะนี้พระองค์ทรงเสวยทิพยสมบัติเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต และ เมื่อถึงกำหนดเวลา พระโพธิสัตว์เจ้าจะได้ลงมาจุติในโลกมนุษย์ ในวรรณะพราหมณ์ เกิดในครรภ์ของนางพรหมวดีซึ่งเป็นภรรยาของสุพรหมพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าสังขจักรพรรดิราชแห่งเกตุมดีนคร เมื่อทรงประสูติจะมีนิมิต ๓๒ ประการปรากฏขึ้น และมีมหาปราสาทสำหรับเป็นที่ประทับ ปรากฏขึ้น ๓ หลัง ๆ ละ๗ ชั้น ประดับประดาด้วยรัตนะ๗ ประการ พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีระกายสูง ๘๘ ศอก (๔๔เมตร) และทรงกระทำความเพียรเพื่อตรัสรู้นาน ๗ วัน พระฉัพพรรณรังสีของพระองค์จะแผ่ไปหมื่นโลกธาตุ ส่องสว่างตั้งแต่อเวจีมหานรกถึงภวัคคพรหม
    ๒.)พระรามพุทธเจ้า
    คือ อดีตนารทมาณพ ซึ่งเกิดในสมัยของพระกัสสปพุทธเจ้า(พระพุทธเจ้าเมื่อพุทธันดรที่แล้ว)นารทมาณพนั้นได้จุดไฟที่ศีรษะบูชาแด่พระพุทธเจ้าหลังจากที่ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระศรีอาริยเมตไตรย ก็ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิตก่อนจะมาจุติเป็นพระรามพุทธเจ้า และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ 90,000ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก(๔๐ เมตร) มีพระฉัพพรรณรังสีส่องสว่างตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
    ๓.)พระธรรมราชาพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่จะมาบังเกิดเป็นพราหมณ์หนุ่มชื่อ สุทธมาณพ หาเลี้ยงชีพโดยเก็บดอกบัววันละ ๒ ดอกไปขาย ทรงได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าโกนาคมน์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต เมื่อได้เสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ชั้นดุสิตแล้วจะลงมาจุติบนโลกมนุษย์ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าพระธรรมราชา และต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๕๐,๐๐๐ ปี จะมีพระสรีรกายสูง ๑๖ ศอก( ๘ เมตร) ทรงมีพระฉัพพรรณรังสีเกิดขึ้นเป็นนิจ ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
    ๔.)พระธรรมสามีพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระยามาราธิราช (พญาวสวัตดีมาร) ผู้เป็นจอมเทวดาฝ่ายมารบนสวรรค์ชั้นสูงสุด(ชั้นปรนิมมิตวสวัตดี) พระองค์จะได้บังเกิดเป็นมหาเสนาบดีนามว่าโพธิ และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากัสสปะว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต และเมื่อไปบังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว ก็จะจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาต่อมา ทรงมีพระนามว่าพระธรรมสามี พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก(๔๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีจะสว่างดังแสงพระอาทิตย์และพระจันทร์
    ๕.)พระนารทพุทธเจ้า
    คือ อดีตพระยาอสุรินทราหู ผู้เป็นมหาอุปราชครองภพอสูร ได้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นกษัตริย์มีพระนามว่าสิริคุต ครองนิรมลนครในสมัยพระพุทธเจ้ากัสสปะ และได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่านารทะ พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐,๐๐๐ ปี ทรงมีพระสรีรกายสูง ๑๒๐ ศอก(๖๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีบังเกิดขึ้นทั้งกลางคืนและกลางวัน
    ๖.)พระรังสีมุนีพุทธเจ้า
    คือ อดีตโสณพราหมณ์ที่จะมาบังเกิดเป็นพ่อค้ามีนามว่า มาฆมาณพในสมัยพระพุทธเจ้ากกุสันธะ มาฆมาณพเป็นพ่อค้าที่ฉลาด แต่ประสบทุกข์สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทองที่หามาได้จำนวนมากถึง ๓ ครั้ง ๓ คราว จึงเดินทางไปเมืองโกสัมพี เพื่อรักษาอุโบสถศีลในวันเพ็ญขึ้น15ค่ำพระกกุสันธพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า มาฆมาณพจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ทรงพระนามว่าพระรังสีมุนี พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๕,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๖๐ ศอก(๓๐ เมตร) แสงสว่างแห่งพุทธรัศมีสว่างไสวในเวลากลางวันเหมือนดังแสงทอง และสว่างไสวในเวลากลางคืนดังแสงสีเหลือง
    ๗.)พระเทวเทพสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตสุภพราหมณ์ บรมโพธิสัตว์ที่มาบังเกิดเป็นพระยาช้างฉัททันต์ ริมฝั่งสระฉัททันต์ในสมัยพระโกนาคมนพุทธเจ้า พระยาช้างฉัททันต์ได้เห็นสรีระของพระสาวกอันมีพระนามว่าพระอัญญาโกณฑัญญะ ซึ่งดับขันธปรินิพพานที่ริมสระฉัททันต์นั้น จึงได้อธิษฐานขอบุญกุศลที่เคยบำเพ็ญมา ทำให้เกิดเลื่อยมาเลื่อยเอางาทั้งสองของตน โดยเอางาช้างหนึ่งมาทำเป็นราง อีกข้างหนึ่งทำเป็นรูปนกยูง เพื่อประดิษฐานสรีระของพระเถระไว้กับราง แล้วรวบขนบนศีรษะของตนจุดไฟบูชาสรีระของพระเถระ และตั้งความปรารถนาขอให้การถวายงาจงเป็นพลวปัจจัยให้ได้บรรลุพระสัพพัญญุตญาณ สุภพราหมณ์ได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ทรงมีพระนามว่า พระเทวเทพ พระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๘๐ ศอก(๔๐ เมตร) มีฉัพพรรณรังสีประดุจดังช่อดอกไม้ ไม่มีความหนาวร้อน ส่องสว่างไปทั่วสากลโลก
    ๘.)พระนรสีหสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตนันทมาณพ ซึ่งเคยถวายผ้ากำพล ๑ ผืนและทองแสนตำลึงแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าในสมัยหนึ่ง ได้ตั้งความปรารถนาในคราวนั้นว่าขอให้ตนได้เกิดมาเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีอำนาจแผ่ไปตลอดหนึ่งโยชน์ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง ต่อมาเมื่อนันทมาณพตายไปแล้วก็ได้ไปเสวยทิพยสมบัติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แล้วจึงจุติลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ เสวยสัมบัติในเมืองมนุษย์ก่อนจะมาเกิดเป็นโตเทยยพพราหมณ์ ในสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดมซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระพุทธองค์ได้พยากรณ์โตเทยยพพราหมณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต มีพระนามว่าพระนรสีหะพระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีสรีรกายสูง ๖๐ ศอก (๓๐ เมตร) แสงสว่างแห่งพุทธรัศมี กลางวันมีสีประหนึ่งแก้วมณี กลางคืนมีสีประหนึ่งสีทอง เบื้องบนพระเศียร จะมีเศวตฉัตรอันประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ ขนาด ๓ โยชน์ ลอยอยู่เป็นนิจ
    ๙.)พระติสสสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตช้างธนบาลบรมโพธิสัตว์(ช้างนาฬาคีรี) ที่เคยเป็นพระโอรสองค์ใหญ่ของพระธรรมราชาแห่งแคว้นจำปานคร ทรงมีพระนามว่าธรรมเสน ต่อมา พระองค์ได้เสด็จออกผนวชอยู่ในสำนักพระฤาษีธรรมเสนได้ฟังธรรมของพระโกนาคมนพุทธเจ้า จนเกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายศีรษะของพระองค์บูชาพระโกนาคมนพุทธเจ้า และตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ทรงได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตมีพระนามว่าพระติสสะพระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๘๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๘๐ ศอก (๔๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีประดุจเปลวเพลิง สว่างทั้งกลางวันและกลางคืน แสงสว่างจากพระอุณาโลมเป็นประหนึ่งแวดล้อมด้วยเศวตฉัตรนับพัน
    ๑๐.)พระสุมลสัมพุทธเจ้า
    คือ อดีตช้างปาลิไลยกะ ซึ่งได้เคยบังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิในอดีตชาติ ทรงพระนามว่ามหาปนาทะทรงผนวชในสำนักพระกกุสันธพุทธเจ้า ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะได้ตรัสรู้เป็พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต มีพระนามว่าพระสุมงคลพระองค์จะทรงมีพระชนม์มายุได้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี มีพระสรีรกายสูง ๖๐ ศอก (๓๐ เมตร) พระฉัพพรรณรังสีในเวลากลางวันเป็นเช่นเดียวกับแสงสีทอง และในเวลากลางคืนเป็นเช่นเดียวกับแสงสีเงิน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2021
  8. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    คำทำนายสุดท้ายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สาม NOSTRADAMUS เกี่ยวกับรัสเซีย คำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับอนาคตของรัสเซีย VANGA ผู้โชคดีชาวบัลแกเรียที่มีชื่อเสียงพูดในช่วงอายุเจ็ดสิบของศตวรรษที่ XX
    ในหลายศตวรรษของนอสตราดามุสมีการอ้างอิงมากมายเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นแล้วและการสังหารหมู่โลกที่กำลังจะเกิดขึ้นพร้อมกับผลกระทบอันเลวร้าย

    ฉันจะอ้างถึงเพียงบางส่วนของ quatrains ของศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอนาคต

    นอสตราดามุส - 4-43

    จะมีเสียงอาวุธต่อสู้ดังขึ้นบนท้องฟ้า
    ในปีเดียวกันศัตรูของพระเจ้า
    พวกเขาต้องการท้าทายกฎหมายศักดิ์สิทธิ์อย่างดูหมิ่น
    ผู้ซื่อสัตย์ถูกฟ้าผ่าและสงคราม


    1. การปฏิบัติการทางทหารโดยใช้การบิน

    2. จุดเริ่มต้นของสงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์และผู้นับถือศาสนาอิสลามซึ่งอ้างอิงจากนอสตราดามุสจะมีระยะเวลาพักสั้น ๆ จนถึงสิ้นศตวรรษที่ 21

    3-4. การโจมตีโดยผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศคริสเตียนแห่งหนึ่ง ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามมากมาย

    นอสตราดามุส - 3 - 64

    ประมุขแห่งเปอร์เซียจะเติมเต็มผู้ยิ่งใหญ่ -
    กองเรือ Trirem ต่อสู้กับชาวโมฮัมเหม็ด -
    (ทหาร) จาก Parthia และ Media จะเข้าปล้น Cyclades
    กองเรือจะจอดทอดสมอเป็นเวลานานในท่าเรือโยนกขนาดใหญ่


    Olkada - เรือ, เรือบรรทุกสินค้า

    พาร์เทียเป็นดินแดนของชนเผ่าอิหร่านในช่วงรุ่งเรือง (กลางศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช) จากเมโสโปเตเมียไปจนถึงแม่น้ำสินธุ

    Media เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงอิหร่าน

    Cyclades เป็นหมู่เกาะทางตอนใต้ของทะเลอีเจียนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรีซ

    1. การรุกรานของกองทหารอิหร่านบนหมู่เกาะกรีกในทะเลอีเจียน

    2. เรือเดินสมุทรต่อต้านโมฮัมเหม็ด - ความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จในการขับไล่การโจมตีของกองกำลังมุสลิม

    3-4. การปล้นและความรุนแรงระหว่างการยึดเกาะซึ่งอิหร่านจะยึดครองไปอีกนาน

    นอสตราดามุส - 5 - 25

    เจ้าชายอาหรับ - ดาวอังคารดาวศุกร์ในราศีสิงห์ -
    ทำลายอาณาจักรของศาสนจักรจากทะเล
    ไปเปอร์เซียประมาณหนึ่งล้านคน
    ไบแซนเทียมจะบุกอียิปต์เหนือ


    จุดเริ่มต้นของการรุกรานของสหภาพของรัฐมุสลิมในดินแดนที่อยู่ติดกันของประเทศและหนึ่งในประเทศคริสเตียน บางทีมาซิโดเนีย - เป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ปี 1991

    ประมาณหนึ่งล้านคน (กำลังจะ) ไปยังเปอร์เซียซึ่งเป็นความพยายามของกองทัพของประเทศในยุโรปที่จะต่อต้านผู้รุกราน การรุกรานของยุโรปจะถูกขับไล่ไประยะหนึ่ง แต่จากข้อมูลที่อยู่ใน quatrain อื่น (2-96) ดังต่อไปนี้เปอร์เซียจะกลับมา "ยึดครองมาซิโดเนีย"

    ไบแซนเทียมในกรณีนี้เป็นสหภาพของรัฐมุสลิมอาจเป็นอิหร่านตุรกีอิรักและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยึดทางตอนเหนือของอียิปต์

    นอสตราดามุส - 1 - 92

    มีการประกาศสันติภาพภายใต้ (ผู้ปกครอง) ทุกหนทุกแห่ง
    แต่ไม่นาน (จะเริ่ม) การปล้นและการกบฏ
    เนื่องจาก (เขา) ปฏิเสธที่จะ (ยอมจำนน) เมืองจึงถูกโจมตี (จาก) ทางบกและทางทะเล


    คนตายและนักโทษ - หนึ่งในสามของล้าน
    การสู้รบชั่วคราวระหว่างฝ่ายที่ทำสงครามซึ่งจะคงอยู่ไม่นาน

    การโจมตีของผู้รุกรานและการยึดเมือง

    ผู้เสียชีวิตและนักโทษ - หนึ่งในสามของล้าน - เหยื่อจำนวนมากของสงครามและการจับเชลยจำนวนมาก

    นอสตราดามุส - 2 - 91

    เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจะเห็นเปลวไฟขนาดใหญ่
    เสียงดังและฟ้าร้องจะขยายไปทางทิศเหนือ
    ภายในวงกลมคือความตายได้ยินเสียงกรีดร้อง
    ความตายด้วยดาบไฟและความหิวกำลังรอพวกเขาอยู่


    ทำสงครามด้วยอาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์

    ภายในวงกลมเป็นศูนย์กลางของการระเบิด

    เสียงและฟ้าร้องจะขยายไปทางทิศเหนือ - โดยปกติแล้วนอสตราดามุสแสดงถึงประเทศที่ตั้งอยู่ทางเหนือของฝรั่งเศสหรือรัสเซีย

    การรุกรานของผู้รุกรานหลังจากการโจมตีด้วยระเบิดหรือขีปนาวุธ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามจำนวนมากและเป็นผลให้เกิดความอดอยาก

    นอสตราดามุส - 6 - 97

    ที่ 45 องศาท้องฟ้าจะสว่างขึ้น
    ไฟจะเข้าใกล้เมืองใหม่ใหญ่
    เปลวไฟที่ยื่นออกมาจะลุกขึ้นทันที
    เมื่อพวกเขาต้องการทดสอบชาวนอร์มัน


    ที่ 45 องศา - ที่ละติจูด (ภูมิอากาศ) นี้คือฝรั่งเศส

    เมืองใหม่ใหญ่ - ไม่มีการระบุชื่อ ในกรณีส่วนใหญ่ศาสดาพยากรณ์ใช้วลีนี้กับเนเปิลส์

    เปลวไฟที่แผ่ออกมาจะลุกเป็นไฟทันที - การใช้อาวุธนิวเคลียร์ทั่วฝรั่งเศส ("เมื่อพวกเขาต้องการทดสอบชาวนอร์มัน")

    นอสตราดามุส - 4-67

    ในปีที่ดาวเสาร์และดาวอังคารถูกเผาทั้งคู่
    อากาศแห้งมากดาวตกนาน
    ไฟที่ซ่อนอยู่ได้เผาพื้นที่ขนาดใหญ่
    ฝนเล็กน้อยลมร้อนสงครามการรุกราน


    1. การเกิดร่วมกันของดาวเสาร์และดาวอังคารเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหนึ่งในนั้นจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 2064 Burnt เป็นคำที่ใช้ในโหราศาสตร์เพื่ออ้างถึงการอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดของดาวเคราะห์ภายในสามองศา

    2. 4. ภัยแล้งในประเทศหรือทั่วทั้งโลก สงคราม

    3. ไฟที่ซ่อนอยู่แผดเผาพื้นที่ขนาดใหญ่ - อาจเป็นสงครามโดยใช้อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์

    นอสตราดามุส - 9 - 94

    เกลเลียนที่อ่อนแอจะรวมกัน
    ศัตรูตัวร้ายผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในแนวป้องกัน
    ผู้อ่อนแอถูกโจมตี Vratislav จะตัวสั่น
    ลือเบ็คและไมเซนจะเข้าข้างพวกป่าเถื่อน


    Vratislav เป็นชื่อเก่าของเช็กของเมือง Wroclaw ในโปแลนด์ในปัจจุบัน (ชื่อภาษาเยอรมันสำหรับ Breslau)

    ลือเบ็คเป็นเมืองและท่าเรือในเยอรมนีริมทะเลบอลติกชเลสวิก - โฮลชไตน์

    Meissen เป็นเมืองในเยอรมนีรัฐแซกโซนีทางตะวันตกเฉียงเหนือของเดรสเดนริมแม่น้ำเอลเบ

    1. แกลเลอรี่ที่อ่อนแอ - กองเรือคริสเตียน

    2. ศัตรูที่ชั่วร้าย - กองกำลังมุสลิม

    ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแนวป้องกันคือหนึ่งในประเทศในยุโรป

    3-4. การยึดโปแลนด์และส่วนหนึ่งของเยอรมนีโดยกองกำลังมุสลิม น่าจะเป็นบทสรุปของการเป็นพันธมิตรทางทหารกับผู้รุกราน

    นอสตราดามุส - 5 - 68

    ดื่มน้ำดานูบจากแม่น้ำไรน์
    อูฐใหญ่จะไม่กลับใจจากสิ่งนี้
    Rona และผู้แข็งแกร่งจาก Loire จะสั่นสะท้าน
    และใกล้เทือกเขาแอลป์ไก่จะทำลายเขา


    1. การยึดครองประเทศที่มีดินแดนตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำดานูบและเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี

    2. อูฐใหญ่เป็นแม่ทัพมุสลิม

    3. การรุกรานของกองทหารอิสลามเข้าสู่ฝรั่งเศสจากทางตะวันออก อาจมาจากฝั่งอัลไพน์

    4. ความตายของผู้บัญชาการศาสนาอิสลามและความพ่ายแพ้ของกองทัพของเขาในเทือกเขาแอลป์

    Rooster - ผู้นำทางทหารประธานาธิบดีของฝรั่งเศส

    นอสตราดามุส - 5 - 73

    คริสตจักรของพระเจ้าจะถูกข่มเหง
    และเนินศักดิ์สิทธิ์จะถูกปล้น
    แม่จะห่อตัวทารกที่เปลือยเปล่าไว้ในเสื้อ
    ชาวอาหรับจะเข้าเป็นพันธมิตรกับชาวโปแลนด์


    1. ความหวาดกลัวต่อคริสตจักรคริสเตียนการข่มเหงนักบวชและสาวกของลัทธิคาทอลิก

    2. เนินศักดิ์สิทธิ์ - เนินเขาเจ็ดลูกที่กรุงโรมโบราณตั้งอยู่ การปล้นเมืองหลวงของอิตาลี

    3. ประชากรบนคาบสมุทร Apennine ยากจนมาก

    4. การครอบครองโปแลนด์เป็นพันธมิตรของรัฐอิสลาม

    นอสตราดามุส - 8 - 84

    Paterno จะได้ยินเสียงร้องของซิซิลี
    การเตรียมการทั้งหมดในอ่าวเอสเต
    ที่จะได้ยินไปจนถึง Trinacria
    โรคระบาดร้ายแรงไหลมาจากเรือจำนวนมาก


    Paterno เป็นเมืองทางเหนือของโรม

    อ่าวตริเอสเตเป็นอ่าวในทะเลเอเดรียติกใกล้เมืองตรีเอสเตของอิตาลี

    Trinacria (กรีกสามจุดยอด) - ในตำนานเทพเจ้ากรีก (ในโฮเมอร์) เกาะ Helios ซึ่งอาศัยอยู่โดยฝูงวัวที่มีมนต์ขลังซึ่งเป็นจำนวนที่ตรงกับวันของปี มักถูกระบุว่าเป็นเกาะซิซิลี แต่ศูนย์กลางของลัทธิเฮลิออสคือเกาะโรดส์

    การรุกรานเกาะซิซิลีโดยกองกำลังมุสลิม โรคระบาดร้ายแรงไหลมาจากเรือหลายลำบางทีอาจเป็นปฏิบัติการทางทหารโดยใช้อาวุธเคมีหรือแบคทีเรีย

    Centurias of Nostradamus เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 3

    สงครามโลกครั้งที่มีหลายรัฐและผู้คนจำนวนมหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้องจนถึงทุกวันนี้ได้กระตุ้นความคิดของพลเรือน อารมณ์ทางการเมืองตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะมีความขัดแย้งหลากหลายรูปแบบระหว่างประเทศ แน่นอนว่าผู้คนไม่ทิ้งความคิดที่ว่าจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สามอยู่ไม่ไกล และความกังวลดังกล่าวไม่ได้เป็นโคมลอย ประวัติศาสตร์แสดงให้เราเห็นหลายตัวอย่างเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้นเพราะความขัดแย้งเล็กน้อยหรือจากความผิดของรัฐที่ต้องการได้รับอำนาจมากขึ้น มาทำความคุ้นเคยกับความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญรวมถึงประเด็นนี้


    สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญพูด
    เป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจการกระทำทางการเมืองของประเทศต่างๆในปัจจุบันรวมทั้งเข้าใจภาพรวมของปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่างประเทศ

    หลายคนเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจและการค้าและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด รัฐอื่น ๆ กำลังเผชิญหน้ากันอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะเข้าใจสถานการณ์ในโลกปัจจุบันอย่างน้อยก็จำเป็นต้องให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้

    หากคุณถามผู้เชี่ยวชาญว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่คุณแทบจะรอคำตอบที่แน่นอนไม่ได้ มีหลายความคิดเห็น อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกมีจุดติดต่อไม่มากนักในวิสัยทัศน์ของสถานการณ์ในวันนี้ เกือบทั้งหมดเชื่อว่าขณะนี้สถานการณ์ตึงเครียดอย่างยิ่ง ความขัดแย้งทางทหารอย่างต่อเนื่องระหว่างประเทศการแบ่งเขตอิทธิพลที่ยืดเยื้อความปรารถนาของอาสาสมัครเพื่อเอกราชทางการเมืองและเศรษฐกิจตลอดจนสภาพการเงินที่ล่อแหลมอย่างมากของหลายรัฐทำลายความสงบ นอกจากนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับความไม่พอใจที่เป็นที่นิยมและแม้แต่อารมณ์ปฏิวัติของผู้คน นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยลบในประเด็นสงครามโลกครั้งที่สาม


    ผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าการเผชิญหน้าครั้งใหญ่ในขณะนี้ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับประเทศใด ๆ อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของแต่ละรัฐยังคงเป็นที่กังวลของผู้เชี่ยวชาญ อเมริกาเป็นตัวอย่างที่สำคัญ

    สหรัฐอเมริกาและอิทธิพลของรัฐต่อสถานการณ์ทางการเมืองทั่วไปในโลก
    381013.jpg


    วันนี้คำถามที่ว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามนั้นน่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในจิตใจของตัวแทนของโครงสร้างอำนาจ และมีเหตุผลที่ค่อนข้างเข้าใจสำหรับเรื่องนี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐที่พัฒนาทางเศรษฐกิจมากที่สุดได้รับการกล่าวถึงหลายครั้งในบริบทเมื่อพูดถึงความขัดแย้งทางทหารในประเทศอื่น ๆ เชื่อกันว่าสหรัฐอเมริกามีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนสงครามหลายครั้ง แน่นอนในกรณีนี้ประเทศกำลังสนใจผลลัพธ์สุดท้ายซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับอเมริกา แต่ก็ไม่คุ้มที่จะพิจารณาว่ารัฐนี้เป็นเพียงผู้รุกราน ในความเป็นจริงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความซับซ้อนมากกว่าที่พลเรือนคิด และไม่มีใครสามารถใส่สำเนียงเชิงบวกและเชิงลบบนแผนที่ทางการเมืองของโลกได้อย่างมั่นใจ ด้วยเหตุนี้ข้อเท็จจริงของการแทรกแซงทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยอเมริกาจึงได้รับการบันทึกมากกว่าหนึ่งครั้ง และการมีส่วนร่วมของประเทศในความขัดแย้งของรัฐอื่น ๆ นี้ไม่ได้รับการอนุมัติเสมอไป


    สำหรับอิทธิพลโดยตรงของสหรัฐอเมริกาและผู้มีอำนาจในความเป็นจริงประเทศนี้ไม่ได้มีสถานะที่น่าอิจฉาในแง่ของเสถียรภาพทางการเงิน ประเทศมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะพูดถึงเอกราชทางเศรษฐกิจโดยสมบูรณ์ของอเมริกา ดังนั้นการยั่วยุใด ๆ จากสหรัฐอเมริกาสามารถหยุดได้ตามการริเริ่มของคู่ค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรากำลังพูดถึงประเทศจีน

    ความขัดแย้งของยูเครน
    วันนี้ทั้งโลกกำลังติดตามการพัฒนาของสถานการณ์ในยุโรป เรากำลังพูดถึงความขัดแย้งยูเครนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานที่ผ่านมา และทันทีประชาชนจำนวนมากมีคำถามเร่งด่วนว่าสงครามโลกครั้งที่สามอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้หรือไม่ ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ยูเครนได้เปลี่ยนจากสภาพที่สงบสุขมาเป็นสนามฝึกซ้อมสำหรับการเผชิญหน้าทางแพ่ง บางทีการคาดการณ์อาจเป็นจริงแล้วสงครามโลกครั้งที่สามกำลังเริ่มขึ้นแล้ว?


    เพื่อให้เกิดความชัดเจนอย่างน้อยก็จำเป็นต้องพิจารณาสาเหตุของความขัดแย้งระหว่างพลเมืองของประเทศหนึ่งซึ่งนำไปสู่ความไม่สงบอย่างรุนแรงทั่วโลก ยูเครนได้รับเชิญให้เข้าร่วมสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามเงื่อนไขสำหรับประเทศนั้นไม่สะดวกมากนักหากไม่แย่ไปกว่านั้น พรมแดนจะยังคงปิดอยู่ และการปฏิบัติแสดงให้เห็นว่าการเปิดตัวสกุลเงินเดียว (ยูโร) ครั้งแรกทำให้ราคาสินค้าทั้งหมดในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที

    381014.jpg


    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนสนับสนุนความคิดเห็นที่ว่าในกรณีเช่นนี้ยูเครนจะพบว่าตัวเองอยู่ในสหภาพยุโรปโดยเฉพาะในบทบาทของแหล่งแรงงานราคาถูก อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าประชาชนทุกคนจะสมัครสมานสามัคคีกับความคิดเห็นนี้ ความขัดแย้งลุกลามขึ้นเนื่องจากผู้คนจำนวนมากไม่สนับสนุนประธานาธิบดีในการตัดสินใจปฏิเสธเข้าร่วมสหภาพยุโรป ประชาชนเชื่อว่านี่เป็นการทรยศต่อยูเครนอย่างแท้จริงและเป็นการเสียโอกาสครั้งใหญ่ในอนาคต การเผชิญหน้ากลายเป็นที่แพร่หลายและในไม่ช้าก็มีอาวุธ

    ดังนั้นจะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 เนื่องจากความไม่สงบในยูเครนหรือไม่? มีหลายประเทศที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ รัสเซียในฐานะพันธมิตรและหุ้นส่วนของยูเครนมายาวนานตลอดจนรัฐที่ตั้งอยู่ใกล้กับประเทศนี้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความพยายามที่จะขจัดการเผชิญหน้าอย่างสันติ อย่างไรก็ตามการกระทำเหล่านี้ถูกมองโดยรัฐในยุโรปและสหรัฐอเมริกาหลายแห่งว่าผิดกฎหมาย ในเวลาเดียวกันมีพลเมืองรัสเซียจำนวนมากในดินแดนของยูเครนซึ่งไม่ว่าในกรณีใด ๆ จะต้องได้รับการคุ้มครอง โดยทั่วไปเรามีความขัดแย้งที่ใหญ่โตไปถึงระดับโลกแล้ว และหากประเทศใดประเทศหนึ่งตัดสินใจที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนด้วยการปฏิบัติการทางทหารการเผชิญหน้าด้วยอาวุธอนิจจาจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


    HARBINGERS ของสงครามโลกครั้งที่สาม
    หากเราพิจารณาความสัมพันธ์ระดับโลกของรัฐโดยทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราสามารถสังเกตจุดที่ "อ่อนแอ" ได้เป็นจำนวนมาก พวกเขาคือผู้ที่สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ร้ายแรงกว่าในท้ายที่สุด สงครามโลกครั้งที่สามอาจเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาแม้ในรูปแบบของการเผชิญหน้าเล็กน้อยระหว่างพลเมืองของรัฐหนึ่งหรือหลายรัฐ วันนี้ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองชั้นนำผู้ก่อกวนหลักถือเป็นสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างยิ่งในยูเครนการคว่ำบาตรที่เป็นไปได้ต่อสหพันธรัฐรัสเซียจากยุโรปและอเมริการวมถึงความไม่พอใจของมหาอำนาจอื่น ๆ ที่มีอาวุธนิวเคลียร์และอำนาจทางทหารที่น่าประทับใจ การเปลี่ยนแปลงเชิงลบอย่างรุนแรงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่สามารถส่งผลกระทบต่อการค้าและตลาดโลกในเชิงลบ ส่งผลให้เศรษฐกิจและค่าเงินจะเดือดร้อน เส้นทางการค้าดั้งเดิมจะถูกบั่นทอน ผลที่ตามมา - ความอ่อนแอของบางประเทศและการเสริมสร้างตำแหน่งของประเทศอื่น ๆ ความไม่เท่าเทียมกันดังกล่าวส่วนใหญ่มักเป็นสาเหตุของการทำให้ตำแหน่งเท่าเทียมกันโดยมีค่าใช้จ่ายในการทำสงคราม


    คำทำนายของ WANGA
    381012.jpg


    สงครามโลกครั้งที่สามซึ่งเป็นปีแห่งการเริ่มต้นซึ่งตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าอาจใกล้เข้ามาแล้วครั้งหนึ่งถูกกล่าวถึงในคำทำนายของผู้มีญาณทิพย์ต่างๆ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Vanga ที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักวิทยาศาสตร์พบว่าการคาดการณ์ของเธอเกี่ยวกับอนาคตโลกเป็นจริงโดยมีความแม่นยำถึง 80% อย่างไรก็ตามส่วนที่เหลือน่าจะไม่สามารถถอดรหัสได้อย่างถูกต้อง ท้ายที่สุดคำพยากรณ์ทั้งหมดของเธอค่อนข้างคลุมเครือและประกอบด้วยภาพที่ถูกปิดบัง ในขณะเดียวกันเหตุการณ์สำคัญระดับสูงของศตวรรษที่ 20 และ 21 ก็มีการตรวจสอบอย่างชัดเจน

    เพื่อให้มั่นใจในความจริงของคำพูดของผู้หญิงที่น่าทึ่งคนนี้คุณต้องอ่านคำทำนายของเธอหลาย ๆ ครั้ง สงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เธอพูดถึง "การล่มสลายของซีเรีย" การเผชิญหน้าระหว่างชาวมุสลิมในยุโรปและการนองเลือดจำนวนมาก อย่างไรก็ตามมีความหวังสำหรับผลลัพธ์ในเชิงบวก Vanga ในการทำนายของเธอกล่าวถึง "การสอนของภราดรภาพสีขาว" พิเศษซึ่งจะมาจากรัสเซีย จากนั้นเป็นต้นไปโลกที่เธอกล่าวว่าจะเริ่มฟื้นตัว


    สงครามโลกครั้งที่สาม: การทำนายของนอสตราดามุส
    ไม่เพียง แต่ Vanga เท่านั้นที่พูดถึงการเผชิญหน้านองเลือดระหว่างประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น มีความแม่นยำไม่น้อยนอกจากนี้เขายังเห็นชัดเจนในเวลาของเขาหลายเหตุการณ์ในเวลาของเราที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคำทำนายของนอสตราดามุส

    และอีกครั้งที่ผู้ฝันพูดใน quatrains ของเขาเกี่ยวกับการรุกรานจากชาวมุสลิม ตามที่เขาพูดความโกลาหลจะเริ่มขึ้นในตะวันตก (คุณสามารถใช้เป็นยุโรป) ผู้ปกครองจะบิน เป็นไปได้มากทีเดียวที่เรากำลังพูดถึงการรุกรานประเทศทางตะวันออกเข้าสู่ยุโรปด้วยอาวุธ นอสตราดามุสพูดถึงสงครามโลกครั้งที่สามว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหลายคนเชื่อคำพูดของเขา


    ดังที่โมฮัมเหม็ดกล่าว
    381009.jpg


    คำทำนายของสงครามโลกครั้งที่สามสามารถพบได้ในบันทึกของผู้มีญาณทิพย์หลายคน โมฮัมเหม็ดทำนายคติที่แท้จริง ตามที่เขาพูดสงครามโลกครั้งที่สามจะครอบคลุมมนุษยชาติสมัยใหม่อย่างแน่นอน โมฮัมเหม็ดเรียกการแพร่กระจายของความชั่วร้ายของมนุษย์ความไม่รู้การขาดความรู้การใช้ยาฟรีและเครื่องดื่ม "ทำให้มึนงง" การฆาตกรรมและทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัวว่าเป็นสัญญาณที่ชัดเจนของการสู้รบนองเลือด ดังจะเห็นได้จากสังคมสมัยใหม่ปูชนียบุคคลเหล่านี้มีอยู่แล้ว การแพร่กระจายอย่างกว้างขวางของความโหดร้ายความไม่แยแสความโลภของมนุษย์จะนำไปสู่สงครามครั้งใหญ่อีกครั้ง

    คาดหวังการรุกรานจากใคร
    มีความคิดเห็นหลายประการเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีใครบางคนแน่ใจว่าอันตรายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือจีนเนื่องจากพลเมืองจำนวนมหาศาลกองกำลังทหารรวมถึงความรักชาติอย่างไม่น่าเชื่อที่ยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนวาดภาพเปรียบเทียบที่เข้าใจได้ระหว่างประเทศนี้กับสหภาพโซเวียต ในทั้งสองกรณีที่มีประสิทธิภาพ


    ในการเชื่อมต่อกับเหตุการณ์ล่าสุดในโลกสหรัฐอเมริกาก็เริ่มแสดงท่าทีเป็นผู้รุกรานเช่นกัน เนื่องจากรัฐนี้เข้าแทรกแซงความขัดแย้งของโลกอย่างต่อเนื่องและยังใช้อาวุธเป็นประจำเพื่อแก้ไขปัญหาบางอย่างอเมริกาจึงถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามหลัก

    ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามถือว่าเป็นประเทศที่อันตรายไม่น้อย มุสลิมเป็นคนที่มีความขัดแย้งมาโดยตลอด จากที่นั่นการโจมตีของผู้ก่อการร้ายนองเลือดในประเทศที่พัฒนาแล้วและมือระเบิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้น ไม่ได้มีการยกเว้นว่าคำทำนายเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สามซึ่งมีพื้นฐานมาจากการรุกรานครั้งใหญ่ของชาวมุสลิมในรัฐต่างๆของยุโรปอาจเป็นจริงได้


    สงครามโลกครั้งที่สามสามารถนำไปสู่อะไรได้บ้าง
    381011.jpg


    วันนี้อาวุธได้มาถึงระดับใหม่ ระเบิดนิวเคลียร์ปรากฏขึ้น คนทำลายกันด้วยความพากเพียร หากสงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ผลที่ตามมาจะเป็นหายนะอย่างแท้จริง มีโอกาสอย่างน้อยหนึ่งอย่างจะใช้ประโยชน์จากพวกเขาและจัดการกับระเบิดที่ร้ายแรง ในกรณีนี้จะมีพลเรือนเสียชีวิตจำนวนมากอย่างไม่น่าเชื่อ พื้นโลกจะถูกปนเปื้อนด้วยรังสี ความเสื่อมโทรมและการทำลายล้างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้รอมนุษยชาติอยู่

    บทเรียนจากอดีต
    ดังที่คุณเห็นจากประวัติศาสตร์สงครามหลายครั้งเริ่มต้นด้วยความขัดแย้งเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีทัศนคติที่ปฏิวัติของประชากรพลเรือนของประเทศความไม่พอใจของประชาชนจำนวนมากต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจของโลก ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับปัจจัยที่ซับซ้อนหลายประการ จากประสบการณ์อันน่าเศร้าของคนรุ่นก่อนสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้ ไม่ว่าในกรณีใดการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่รุนแรงควรได้รับอนุญาตให้แพร่กระจาย ดังที่นอสตราดามุสกล่าวว่าสงครามโลกครั้งที่สามจะกลายเป็นคติที่ผู้คนรอคอยมาตลอดเกือบทั้งประวัติศาสตร์ ดังนั้นทุกประเทศจำเป็นต้องตรวจสอบการเคลื่อนไหวทั้งหมดอย่างระมัดระวังโดยอาศัยความเกลียดชังความเหนือกว่าของชาติหนึ่งเหนือชาติอื่น ๆ มิฉะนั้นจะมีความเสี่ยงที่จะทำผิดในอดีตซ้ำอีก


    สามารถหลีกเลี่ยงการนองเลือดได้
    ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่ามีโอกาสจริงมากที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสงครามอีกครั้ง ในการดำเนินการนี้จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของรัฐที่ไม่มั่นคงทางการเงินที่สุดปรับความขัดแย้งภายในประเทศและป้องกันการแทรกแซงจากภายนอก นอกจากนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการขจัดต้นตอของการเผชิญหน้าในโลกสมัยใหม่นั่นคือความเกลียดชังทางเชื้อชาติ

    สงครามโลกครั้งที่สาม: รัสเซียและบทบาท
    381008.jpg


    ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสหพันธรัฐรัสเซียกับเบื้องหลังของสถานการณ์ที่ยากลำบากในโลกในปัจจุบัน รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญเหนือประเทศอื่น ๆ เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่หลายรัฐกลัวสหพันธรัฐรัสเซียและมองว่าเป็นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลรัสเซียไม่ได้ดำเนินการยั่วยุทางการเมืองใด ๆ เป็นไปได้ว่าประเทศส่วนใหญ่ต้องปกป้องตัวเองและปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง สงครามโลกครั้งที่สามซึ่งคำทำนายมักกล่าวถึงรัสเซียในฐานะหนึ่งในผู้เข้าร่วมหลักในความขัดแย้งอาจเริ่มต้นในสหพันธรัฐรัสเซียเอง ดังนั้นรัฐบาลของประเทศจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักการตัดสินใจและการกระทำทุกอย่างอย่างรอบคอบ เป็นไปได้ว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับรัฐจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาเชิงลบจากยุโรปและอเมริกาซึ่งจะนำไปสู่สงคราม


    การกระทำของประมุขแห่งรัฐ
    จะมีสงครามโลกครั้งที่สามหรือไม่? บางทีไม่มีผู้ปกครองคนใดในปัจจุบันที่สามารถให้คำตอบที่เป็นรูปธรรมสำหรับคำถามนี้ได้ในปัจจุบัน หลังจากนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทุกวัน เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะคาดเดาสิ่งใด ๆ การตัดสินใจที่ถูกต้องและทันท่วงทีโดยหัวหน้าของรัฐต่างๆมีบทบาทอย่างมากในประเด็นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรากำลังพูดถึงประเทศในยุโรปอเมริกาจีนรัสเซีย ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าพวกเขาครองตำแหน่งผู้นำเมื่อต้องเสี่ยงต่อการเผชิญหน้าทางทหาร นอสตราดามุสพูดถึงสงครามโลกครั้งที่สามว่าเป็นความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างหลายประเทศในตะวันออกและตะวันตก หากคุณตีความคำเหล่านี้อย่างทันสมัยปรากฎว่าการกระทำที่ประมาทเพียงครั้งเดียวในส่วนของประมุขของรัฐใหญ่ - และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนองเลือดได้


    - ใน quatrains และ sixens (หกบรรทัด) ของเขามีข้อบ่งชี้เฉพาะเกี่ยวกับวันที่ของความขัดแย้งทางทหารที่ควรเริ่มในช่วงสี่สิบของศตวรรษที่ 21 ในศตวรรษที่ 6 quatrain 54 Nostradamus ให้การบ่งชี้ที่แน่นอนของจำนวนที่ต้องนับวันที่สี่หลัก (ในปีค. ศ. 1607)

    6-54. 2045

    ในตอนเช้าที่อีกาตัวที่สองของไก่ตัวผู้

    คนตูนิเซียเฟซและบูจิ (โดยทั่วไป)

    โดยชาวอาหรับ - กษัตริย์แห่งโมร็อกโกถูกจับ

    ในปีจากพิธีสวด 1607

    ในปี 1607 ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นในโมร็อกโก นอสตราดามุสระบุว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในปีดังกล่าวและจากพิธีสวดนั่นคือไม่ใช่จากการประสูติของพระคริสต์ เมื่อบวกตัวเลขที่มีเราจะได้ (438 + 1607 \u003d 2045) นั่นคือ ปีคือ 2045


    นอสตราดามุสทุ่มเทการทำนายมากมายในช่วงปี 2040 ถึงปี 2060 บางทีในเวลานี้สงครามอีกครั้งจะเริ่มขึ้นในฝรั่งเศสเยอรมนีและอิตาลี

    หัวหน้าราศีเมษดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์

    พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพช่างเป็นการเปลี่ยนแปลง!

    จากนั้นเวลาผ่านไปนานนับศตวรรษเวลาอันชั่วร้ายของเขาจะกลับคืนมา

    กอลและอิตาลีช่างเป็นเรื่องวุ่นวาย

    1- 2. ตามปฏิทินจูเลียนตามลำดับเหตุการณ์ในยุคนอสตราดามุสต้นเดือนมีนาคม ("หัวของราศีเมษ") ตรงกับปลายเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินเกรกอเรียน ความแตกต่างของวันที่ระหว่างสองปฏิทินในศตวรรษที่ 16 คือสิบวัน ด้วยเหตุนี้เราจะกำหนดเวลาของการรวมกันของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ในสัญลักษณ์ของราศีมีน (กุมภาพันธ์) การรวมตัวของดาวเคราะห์เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างหายากและเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 เปลี่ยน - เหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง


    3 - 4. หลังจากนั้นอีกหลายศตวรรษเวลาอันชั่วร้ายของเขาจะกลับคืนมา - การรวมตัวของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ครั้งต่อไป (ในรอบศตวรรษ) จะเป็นวันที่ 27 ตุลาคม 2583


    คล้ายกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในฝรั่งเศสและอิตาลีในอีก 100 ปีต่อมา

    Michelle Nostradamus เป็นตัวเลขสามหลักซึ่งคุณสามารถกำหนดปีของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ และพวกเขาทั้งหมดทุ่มเทให้กับวัยสี่สิบของศตวรรษที่ 21 เป็นไปได้ว่าหมายเลข 1 ถูกละไว้โดยเจตนาในวันที่เหล่านี้

    XIV. มหาโหดบนบัลลังก์อันยิ่งใหญ่

    จะต่ออายุในจำนวนที่มากขึ้นกว่าเดิม

    หกแสนห้าบนกรีน

    การจับและส่งคืนจะเกิดขึ้น

    ทหารจะอยู่ในทุ่งจนหนาว

    จากนั้นทุกอย่างจะเริ่มต้นอีกครั้ง

    ในหกแสนห้า - เพิ่มตัวเลขนี้ในวันที่มีพิธีสวดคาทอลิกครั้งแรก (1605 + 438 \u003d 2043) เราจะได้รับปี 2043 Siksenes ลำดับต่อมาใช้การถอดรหัสวันที่ที่คล้ายกัน XIX 2043-2045, 2055

    หกร้อยห้าหกร้อยหกและเจ็ด

    มันจะแสดงให้เราเห็นจนถึงปีที่สิบเจ็ด

    ผู้ยุยงคือความโกรธความเกลียดชังและความอิจฉา

    ซ่อนอยู่ใต้ต้นมะกอกมานาน.

    สิ่งที่ตายแล้ว

    จากนี้จะกลับมามีชีวิตชีวา

    XIII. พ.ศ. 2044-2048

    ทหารจ้างในหกร้อยหกหรือสิบ

    จะถูกกระแทกโดยน้ำดีที่วางไว้ในไข่

    และในไม่ช้ามันจะถูกปลดออกจากอำนาจ

    Overlord ที่ทรงพลังทั้งหมด

    ไม่มีใครเหมือนและเท่าเทียมกันในโลก

    และสิ่งที่ทุกคนเชื่อฟัง

    หกร้อยหกหรือสิบ - เช่น ในปี 2044 หรือ 2048 จะติดเชื้อน้ำดีที่อยู่ในไข่ - ปฏิบัติการทางทหารด้วยการใช้อาวุธเคมี

    XXVI. พ.ศ. 2044-2048

    พี่น้องสองคนเป็นสมาชิกของศาสนจักร

    หนึ่งในนั้นจะยกอาวุธให้ฝรั่งเศส

    ระเบิดอีกครั้งในปีที่หกร้อยหก

    ไม่เสียจากโรคร้ายแรง

    ด้วยอาวุธในมือจนถึงหกร้อยสิบ

    ชีวิตของเขาจะไม่ยืนยาวอีกต่อไป

    XI L1. 2048 ปี

    เมืองใหญ่ที่ชายคนแรกอาศัยอยู่

    ฉันตั้งชื่อเมืองให้ชัดเจน

    ทุกคนตื่นตระหนกและทหารในทุ่งนา

    จะถูกทำลายโดยไฟและน้ำ

    และในที่สุดก็ปลดปล่อยโดยฝรั่งเศส

    สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในหกร้อยสิบ

    เมืองที่ดี - โรม ผู้ชายคนแรก- สมเด็จพระสันตะปาปา

    ในหลายศตวรรษของนอสตราดามุสมีการอ้างอิงมากมายเกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นแล้วและสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น - เทอร์โมนิวเคลียร์ซึ่งมีผลกระทบร้ายแรง ฉันจะอ้างอิงเฉพาะบางส่วนของควอเทรินของนอสตราดามุสที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น


    จะมีเสียงอาวุธต่อสู้ดังขึ้นบนท้องฟ้า

    ในปีเดียวกันศัตรูของพระเจ้า

    พวกเขาต้องการท้าทายกฎหมายศักดิ์สิทธิ์อย่างดูหมิ่น

    ผู้ซื่อสัตย์ถูกฟ้าผ่าและสงคราม

    1. การปฏิบัติการทางทหารโดยใช้การบิน

    2. จุดเริ่มต้นของสงครามศาสนาระหว่างชาวคริสต์และผู้นับถือศาสนาอิสลามซึ่งตามคำทำนายของนอสตราดามุสจะคงอยู่โดยมีการหยุดชะงักในช่วงสั้น ๆ จนถึงสิ้นศตวรรษที่ 21

    3-4. การโจมตีโดยผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศคริสเตียนแห่งหนึ่ง ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามจำนวนมาก

    91

    เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจะเห็นเปลวไฟขนาดใหญ่

    เสียงดังและฟ้าร้องจะขยายไปทางทิศเหนือ

    ภายในวงกลมคือความตายได้ยินเสียงกรีดร้อง

    ความตายด้วยดาบไฟและความหิวกำลังรอพวกเขาอยู่

    การระบาดของสงครามโดยใช้อาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ภายในวงกลม - จุดศูนย์กลางของการระเบิด เสียงและฟ้าร้องจะดังไปถึงภาคเหนือ - โดยปกติแล้วนอสตราดามุสจะแสดงถึงประเทศที่ตั้งอยู่ทางเหนือของฝรั่งเศสหรือรัสเซีย การบุกรุกของผู้รุกรานหลังจากการโจมตีด้วยระเบิดหรือขีปนาวุธ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของสงครามจำนวนมากและเป็นผลให้เกิดความอดอยาก


    97

    ที่ 45 องศาท้องฟ้าจะสว่างขึ้น

    ไฟจะเข้าใกล้เมืองใหม่ใหญ่

    เปลวไฟที่ยื่นออกมาจะลุกขึ้นทันที

    เมื่อพวกเขาต้องการทดสอบชาวนอร์มัน

    ที่องศา 45 - ฝรั่งเศสตั้งอยู่ที่ละติจูดนี้ เมืองใหม่ใหญ่ - ไม่ได้ระบุชื่อ ในกรณีส่วนใหญ่ศาสดาพยากรณ์ใช้วลีนี้กับเนเปิลส์ เปลวไฟที่ยื่นออกมาจะลุกขึ้นทันที - การใช้อาวุธนิวเคลียร์ในดินแดนของฝรั่งเศส ("เมื่อพวกเขาต้องการทดสอบชาวนอร์มัน")


    ในปีที่ดาวเสาร์และดาวอังคารถูกเผาทั้งคู่

    อากาศแห้งมากดาวตกนาน

    แสงไฟที่ซ่อนอยู่ได้แผดเผาพื้นที่ขนาดใหญ่

    ฝนเล็กน้อยลมร้อนสงครามการรุกราน

    1. การเกิดร่วมกันของดาวเสาร์และดาวอังคารเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยพอสมควร หนึ่งในนั้นจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 กรกฎาคม 2064เผาไหม้ - คำที่ใช้ในโหราศาสตร์เพื่อแสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิดของดาวเคราะห์ภายในสามองศา


    2. ภัยแล้งในประเทศหรือทั่วทั้งโลก สงคราม

    3. ไฟที่ซ่อนอยู่ได้เผาพื้นที่ขนาดใหญ่ - อาจจะเป็นสงครามเทอร์โมนิวเคลียร์

    68

    ดื่มน้ำดานูบจากแม่น้ำไรน์

    อูฐใหญ่จะไม่กลับใจจากสิ่งนี้

    Rona และผู้แข็งแกร่งจาก Loire จะสั่นสะท้าน

    และใกล้เทือกเขาแอลป์ไก่จะทำลายเขา

    1. การยึดครองของประเทศที่มีดินแดนตั้งอยู่ในลุ่มน้ำดานูบและเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี

    2. อูฐใหญ่ - ผู้บัญชาการมุสลิม

    3. การรุกรานของกองทหารอิสลามเข้าสู่ฝรั่งเศสจากทางตะวันออก บางทีอาจจะมาจากฝั่งอัลไพน์

    4. ความตายของผู้บัญชาการศาสนาอิสลามและความพ่ายแพ้ของกองทัพของเขาในเทือกเขาแอลป์ไก่ - ผู้นำทางทหารประธานาธิบดีฝรั่งเศส

    73

    ฝรั่งเศสโจมตีโดยประมาทจากห้าด้าน

    ตูนิเซียแอลจีเรียชาวเปอร์เซียตกอยู่ในความสับสน

    Leon (ทีน่าที่) ซิซิลีบาร์เซโลนาจะล้มลง

    ไม่ได้รับกองเรือ (สัญญา) จากชาวเวนิส

    1. การรุกรานของรัฐมุสลิมต่อฝรั่งเศส โจมตีดินแดนของฝรั่งเศสรวมทั้งทางอากาศ("โจมตีจากห้าด้าน") ใช้การบิน

    2. การเข้าเป็นสมาชิกของตูนิเซียและแอลจีเรียเป็นสหภาพของรัฐอิสลามที่นำโดยอิหร่าน

    3. การยึดเกาะซิซิลีและเมืองบาร์เซโลนาทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปน

    4. การละเมิดโดยอิตาลีของข้อตกลงที่สรุปไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางทหารอาจเกิดขึ้นกับสเปนและไม่ให้การสนับสนุนชาวซิซิลี

    61

    แม่น้ำเทมส์เสริมความแข็งแกร่งให้กับ Gironde และ La Rochelle

    0. โทรจันเลือด! ดาวอังคารที่ Arrow Gate;

    มีบันไดด้านหลังแม่น้ำ

    มีดไฟ (จะผลิต) การสังหารหมู่ครั้งใหญ่ในช่องโหว่

    1. gironde - ปากแม่น้ำ Garonne และ Dordogne ลาโรแชลล์ - เมืองท่าทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในอ่าวบิสเคย์ ประเทศอังกฤษ (" เทมส์ ") จะให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ฝรั่งเศสในระหว่างการรุกรานของจักรวรรดิมุสลิมในยุโรป


    2. ลูกศร - หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ของปารีส สงครามในฝรั่งเศส

    3-4. ยึดหนึ่งในเมืองของฝรั่งเศสซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำ บางทีอาจจะเป็นปารีสมีดไฟ - กระสุนตามรอยหรืออาวุธชนิดใหม่

    3-49

    อาณาจักรแกลลิกคุณจะเปลี่ยนไปมาก

    จักรวรรดิได้ถูกย้ายไปตั้งที่ต่างประเทศ

    คุณจะเชื่อฟังศีลธรรมและประเพณีของคนอื่น

    รูอ็องและเต๊นท์จะทำอันตรายคุณมาก

    การยึดครองของฝรั่งเศสโดยกองกำลังมุสลิม การสูญเสียเอกราชของประเทศการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในกฎหมายและศาสนา ("คุณจะยอมจำนนต่อศีลธรรมและประเพณีของคนอื่น") การโอนเมืองหลวงและรัฐบาลไปยังดินแดนของรัฐอื่น รูอ็องและเต๊นท์จะทำอันตรายคุณมาก - อาจเป็นการทรยศต่อผลประโยชน์ของฝรั่งเศสจากเมืองเหล่านี้? ร่วมมือกับศัตรู?


    9-73

    ราชาในผ้าโพกหัวสีน้ำเงินจะเข้าไปในฟัวซ์

    และน้อยกว่าหนึ่งการปฏิวัติของดาวเสาร์ขึ้นครองราชย์

    กษัตริย์ในผ้าโพกหัวสีขาวในไบแซนเทียมผู้ลี้ภัยที่ได้รับชัยชนะ

    ดวงอาทิตย์ดาวอังคารดาวพุธใกล้โกศ

    ฟัวซ์ - ภูมิภาคประวัติศาสตร์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในเทือกเขาพิเรนีส การปฏิวัติครั้งหนึ่งของดาวเสาร์ - ช่วงเวลาของการปฏิวัติของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์คือ 29.4 ปี (รอบเล็ก) ผ้าโพกหัวสีน้ำเงิน - ซูฟีเปอร์เซีย ผ้าโพกหัวสีขาว - สุหนี่ตุรกี


    1-2. การรุกรานของกองทหารมุสลิมในฝรั่งเศสและการยึดครองพื้นที่ทางใต้เป็นเวลาเกือบ 29 ปี

    3. ผู้ถูกเนรเทศเป็นผู้ชนะ... ในปูมของปี 1566 ผู้เผยพระวจนะเขียนว่า“ ราชอาณาจักรจะท่วมไปด้วยเลือดของไบแซนไทน์ ผู้ถูกเนรเทศจะขึ้นครองบัลลังก์ ... การย้ายอาณาจักรถูกเปิดเผยว่าเป็นการเสื่อมถอยของลัทธิโมฮัมเหม็ดดานิส หลังจาก 960 ปีในวันครบ 72 ปีจะมีการทะเลาะกันครั้งใหญ่ระหว่างคนหัวขาวกับฟ้าหรือความขาวกับสีสวรรค์ และเหตุการณ์ดีๆบางอย่างจะเกิดขึ้นกับพวกเขา "

    4. การรวมกันของดาวเคราะห์เหล่านี้และดวงอาทิตย์ในเครื่องหมาย Urn (มกราคม) จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2516

    5-74

    จากเลือดโทรจันหัวใจของชาวเยอรมันจะถือกำเนิดขึ้น

    ซึ่งจะกลายเป็นพลังมาก

    จะขับไล่คนอาหรับต่างชาติ

    โดยการทำให้ศาสนจักรกลับคืนสู่ความเหนือกว่าเดิม.

    1- 2. จากเลือดโทรจันหัวใจของชาวเยอรมันจะเกิด - ผู้ปกครองชาวเยอรมันที่มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส

    3. การขับไล่ผู้รุกรานชาวมุสลิมออกจากเยอรมนีซึ่งก่อนหน้านี้จะยึดดินแดนส่วนหนึ่งของเยอรมัน

    4. การฟื้นฟูศาสนาคริสต์และอิทธิพลของคริสตจักรในดินแดนที่ถูกยึดครอง

    3-99

    ในทุ่งหญ้า Alain และ Vernegu

    ใกล้ Mount Luberon ใกล้ Duran

    จากด้านข้างของทั้งสองค่ายการต่อสู้จะเฉียบคมที่สุด

    ในฝรั่งเศสเมโสโปเตเมียจะจางหายไป

    1-2. Alain, Vernegu - การตั้งถิ่นฐานทางตะวันออกเฉียงเหนือของ Salon ลูเบรอน - ภูเขาทางตอนเหนือของแม่น้ำ Duran ในโพรวองซ์

    3. การสู้รบอย่างเด็ดขาดทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสระหว่างชาวอิสลามและชาวฝรั่งเศส

    4. เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) - อิรักสมัยใหม่. ดังที่คุณเห็นในกรณีนี้สัญลักษณ์ของพันธมิตรของรัฐมุสลิม ชัยชนะครั้งสุดท้ายเหนือผู้นับถือศาสนาอิสลามในฝรั่งเศส ("เมโสโปเตเมียจะจางหายไป").

    3-100

    คนสุดท้ายที่เคารพในหมู่กอล

    เอาชนะคนที่เป็นศัตรูกับเขา

    ทันทีที่สอดแนมความแข็งแกร่งและแผ่นดิน (ของเขา)

    เมื่อคนอิจฉาตายถูกลูกศรฟาด

    1. รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสผู้นำทางทหารภายใต้การนำของผู้รุกรานจะถูกขับออกจากดินแดนของฝรั่งเศสและพ่ายแพ้

    2- 3. ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพฝรั่งเศสในดินแดนของผู้รุกราน.

    4. ความตายของฝ่ายตรงข้าม ("อิจฉา") - ผู้ปกครองของรัฐใดรัฐหนึ่ง สังหารด้วยลูกศร - คำพ้องความหมายของอาวุธ

    5-80

    Ogmius ผู้ยิ่งใหญ่จะเข้าใกล้ Byzantium

    สหภาพป่าเถื่อนจะถูกเนรเทศ

    จากกฎหมายสองฉบับ (จะชนะ) หนึ่งคนนอกรีตจะอ่อนแอลง

    คนเถื่อนและฟรังก์เป็นศัตรูกันอย่างต่อเนื่อง

    1. Ogmius ผู้ยิ่งใหญ่ - ผู้บัญชาการฝรั่งเศสที่โดดเด่นหรือรัฐบุรุษที่มีชื่อเสียง

    2. การขับไล่ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ("สหภาพคนเถื่อน") จากยุโรป

    3. การฟื้นฟูอิทธิพลของคริสตจักรคริสเตียน.

    4. คนเถื่อนและแฟรงค์เป็นศัตรูกันตลอดเวลา - การเผชิญหน้าและสงครามระหว่างฝรั่งเศสและโลกมุสลิม

    6-85

    เมืองใหญ่ของ Tare โดยชาวกอล

    จะถูกทำลายทั้งหมดในกังหันที่ถูกจับ

    จากชาวโปรตุเกสผู้ยิ่งใหญ่ (จะมา) ช่วยทางทะเล

    ในวันแรกของฤดูร้อนอุทิศให้กับ St. Urban

    1. ผักเสี้ยน (Tarsus) เป็นเมืองของตุรกีทางตะวันออกเฉียงใต้ของเอเชียไมเนอร์

    2. การทำลายเมืองตุรกีโดยฝรั่งเศสและการจับนักโทษ

    3. สนับสนุนกองทัพเรือโปรตุเกสในการทำสงครามกับชาวมุสลิม

    4. ในวันแรกของฤดูร้อนอุทิศให้กับ St. Urban - 25 พฤษภาคม (ปฏิทินจูเลียน)

    8-59

    เพิ่มขึ้นสองครั้งและลดลงสองครั้ง

    ตะวันออกและตะวันตกจะอ่อนแอลง

    คู่ต่อสู้ของเขาหลังจากการต่อสู้หลายครั้ง

    ไล่ออกจากทะเลเมื่อจำเป็นจะไม่มา

    1-2. การทำนายการขึ้นและลงของประเทศในตะวันออกและตะวันตก อาจเป็นรัฐมุสลิมและคริสเตียน

    3- 4. คู่ต่อสู้ของเขา - เช่น ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ความพ่ายแพ้ของกองกำลังมุสลิมในการรบหลายครั้งและความพ่ายแพ้ของกองทัพเรือ

    4-68

    ปีหน้าใกล้ดาวศุกร์

    สองแห่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียและแอฟริกา

    จากแม่น้ำไรน์และอิสตราตามที่พวกเขากล่าวว่าจะมา

    เสียงกรีดร้องร้องไห้ในมอลตาและชายฝั่ง Ligurian

    1. ไม่ไกลจากดาวศุกร์ - อาจเป็นแอนนาแกรมซึ่งศาสดาพยากรณ์ผู้ยิ่งใหญ่ใช้หลายครั้งในควาอินของเขานั่นคือ เมืองเวโรนาของอิตาลีใกล้เมืองเวนิส

    2. สองประเทศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียและแอฟริกา - ผู้นำของพันธมิตรของประเทศในเอเชียและแอฟริกา

    3. จากแม่น้ำไรน์และอิสตรา - พันธมิตรของเยอรมนีกับรัสเซียเพื่อต่อต้านผู้รุกราน แม่น้ำอิสตราใกล้มอสโกเป็นสัญลักษณ์ของมอสโกวและรัสเซีย

    4. เสียงตะโกนร้องในมอลตาและชายฝั่ง Ligurian - ปฏิบัติการทางทหารในมอลตาและในอิตาลีซึ่งตามข้อมูลที่มีอยู่ในควอเทอรินก่อนหน้านี้จะถูกยึดครองโดยผู้นับถือศาสนาอิสลาม

    10-86

    เช่นเดียวกับกริฟฟินราชาแห่งยุโรปจะปรากฏตัว

    มาพร้อมกับผู้คนในภาคเหนือ

    จะนำกองทัพสีแดงและสีขาวจำนวนมาก

    และ (พวกเขา) จะต่อสู้กับกษัตริย์แห่งบาบิโลน

    1. กริฟฟิน - ในตำนานโบราณสัตว์บินที่น่าอัศจรรย์มีร่างกายเป็นสิงโตปีกนกอินทรีและหัวของนกอินทรีหรือสิงโต ราชาแห่งยุโรป - ผู้นำสหภาพของประเทศในยุโรป

    2. มาพร้อมกับคนทางเหนือ - กองทหารเยอรมันหรือสแกนดิเนเวีย

    3. กองทัพสีแดงและสีขาวขนาดใหญ่ - กองกำลังของชาวสเปน ("สีแดง") และฝรั่งเศส ("สีขาว"). สีขาวเป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์บูร์บง

    4. และ (พวกเขา) จะต่อต้านกษัตริย์แห่งบาบิโลน - ทำสงครามกับพันธมิตรของรัฐมุสลิม

    - เกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรทำนายโดยศาสดาพยากรณ์มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าทึ่ง และนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มนุษยชาติจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำเตือนมากมายเหล่านี้และใช้มาตรการทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด แม้ว่าตามคำทำนายเดียวกันทั้งหมดนี้ก็ไร้ประโยชน์ จะไม่มีใครใช้มาตรการใด ๆ เพื่อป้องกันการสังหารหมู่นองเลือดอีกครั้งนั่นคือสงครามโลกครั้งที่สาม




    โลกมีความซับซ้อนมากขึ้นความตึงเครียดเพิ่มขึ้น สิ่งนี้ผลักดันให้หลายคนมองไปในอนาคตเพื่อค้นหาว่าทั้งนักวิเคราะห์ที่ชาญฉลาดและผู้มีญาณทิพย์ทำนายอะไรไว้สำหรับเรา พูดตามตรงเราทุกคนต้องการความปลอดภัยเชื่อมั่นในสิ่งที่ดี และสื่อมักวาดภาพที่เต็มไปด้วยภัยคุกคาม คนเพิ่งเบื่อเรื่องนี้ ดังนั้นวัสดุที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ

    ตัวอย่างเช่นตอนนี้กลายเป็นเรื่องแฟชั่นที่จะพูดถึงสิ่งที่นอสตราดามุสพูดเกี่ยวกับรัสเซีย หน้ามันมีวัสดุมากมาย มีการพิจารณาด้านต่างๆ การตีความขัดแย้งกันเอง เรามาลองทำความเข้าใจความคิดเห็นและวิเคราะห์และทำความเข้าใจสิ่งที่ประเทศควรเตรียมรับมือ

    เกี่ยวกับศาสดาพยากรณ์
    คุณต้องรู้ว่าเรากำลังพูดถึงบุคคลจริงที่เสียชีวิตในกลางศตวรรษที่สิบหก ใช่แล้วคำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับรัสเซียซึ่งตอนนี้หลายคนพยายามที่จะถอดรหัสได้ถูกเขียนขึ้นเมื่อกว่าห้าศตวรรษที่แล้ว ผู้เขียนอาศัยอยู่ในฝรั่งเศส เขามีส่วนร่วมในศิลปะการแพทย์ช่วยชีวิตผู้คนจากโรคระบาดที่กำลังโหมกระหน่ำในยุโรป ควรเข้าใจว่าในสมัยนั้นไม่ค่อยมีใครรู้จักประเทศทางตะวันออก เธอเพิ่งเริ่มติดต่อกับประชาคมยุโรปโดยไม่ได้แสดงถึงความสนใจอย่างจริงจังต่อประชากรในท้องถิ่น อย่างไรก็ตามนอสตราดามุสคิดเป็นอย่างอื่น เขาเขียนเกี่ยวกับรัสเซียไว้มากมาย อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ วิสัยทัศน์ของเขาไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นบวกโดยเฉพาะ ผู้เผยพระวจนะทำนายการทดลองหลายอย่างในโลกซึ่งบางครั้งก็เป็นจริงแล้วและจมดิ่งลงไปในอดีต เป็นเพราะความเป็นไปได้ในการคาดการณ์ในระดับสูงที่ทำให้ quatrains ของ Nostradamus ยังคงเป็นที่นิยม มีผลงานมากมายเรื่องนี้คือความพยายามที่จะถอดรหัสออกมา ควรสังเกตว่าผู้เขียนเองกล่าวว่าโดยสิ้นเชิง quatrains ของเขาจะได้รับการแก้ไขหลังจากผ่านไปหลายศตวรรษเท่านั้น วันหนึ่งพวกเขาจะพบกุญแจที่ถูกต้องและความจริงทั้งหมดของพรสวรรค์อันล้ำลึกของเขาจะถูกเปิดเผยให้โลกรู้ มันอาจจะเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามเราเรียนรู้สิ่งนี้บนผิวหนังของเราเองเท่านั้นโดยได้สัมผัสกับความน่ากลัวทั้งหมดที่นอสตราดามุสเขียนถึง อย่างไรก็ตามเขาพูดสิ่งดีๆเกี่ยวกับรัสเซียซึ่งทำให้ฉันมีความสุข แต่ลองมาดูข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศของเราให้ละเอียดยิ่งขึ้นโดยให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ผู้ทำนายไม่อาจทราบได้ แต่อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาก็เป็นจริงมานานแล้ว ยังไงซะก็มีเยอะนะ


    เกี่ยวกับ QUATRAINS
    ชาวฝรั่งเศสภูมิใจในศาสดาโบราณของตน คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสถูกพิมพ์ซ้ำไม่น้อยกว่าเก้าร้อยครั้ง ข้อเท็จจริงนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความนิยมของพวกเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับความผิดพลาด ความจริงก็คือการคาดการณ์ถูกเขียนในรูปแบบของควอเทรินที่ไม่มีวันที่หรือ "ชื่อสถานที่" และผู้ทำนายและโหรไม่สามารถใช้ศัพท์สมัยใหม่ได้ ท้ายที่สุดเขาทำงานในศตวรรษที่สิบหก ในเวลานั้นยังไม่รู้จักดินแดนทั้งหมดในยุโรป โลกดูเล็กน่ากลัวบางครั้งก็น่ากลัว Quatrains of Nostradamus เขียนเชิงเปรียบเทียบ


    794924.jpg


    นักวิจารณ์หลายคนไม่เชื่อว่ามีการคาดการณ์ ข้อโต้แย้งหลักของพวกเขาคือข้อความสามารถ "ดึง" เหนือข้อเท็จจริงใด ๆ ศาสดาพยากรณ์เองพูดถึงเรื่องนี้เมื่อเขาชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของกุญแจที่ยังคงต้องพบ นอสตราดามุสอธิบายถึงความเป็นไปไม่ได้ของการนำเสนอวิสัยทัศน์โดยตรงโดยข้อเท็จจริงที่ว่าคนรุ่นเดียวกันไม่เพียง แต่ไม่เชื่อเขาเท่านั้น แต่ยังไม่ยอมรับข้อมูลดังกล่าว เขาต้องการฝากข้อความถึงบรรพบุรุษที่ห่างไกลซ่อนความหมายส่วนหนึ่งจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน เชื่อกันว่าเขาประสบความสำเร็จได้ดีทีเดียว Quatrains of Nostradamus ได้รับการตีความมาเกือบห้าศตวรรษแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้เป็นเอกฉันท์ นักวิทยาศาสตร์และคนธรรมดาพบแง่มุมและความแตกต่างใหม่ ๆ ในตัวพวกเขาซึ่งได้รับการยืนยันจากเหตุการณ์บางอย่าง


    เกี่ยวกับรัสเซีย
    เราจำได้ว่าในสมัยนั้นดินแดนทางตะวันออกไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ร่วมสมัยของศาสดาพยากรณ์เป็นพิเศษ สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือความสนใจของเขาที่มีต่อพวกเขา ไม่พบชื่อรัสเซียใน quatrains เขาตั้งชื่อประเทศนี้ในลักษณะที่แตกต่างออกไปอย่างไรก็ตามมันค่อนข้างเป็นที่รู้จัก เป็นที่น่าสนใจว่าคำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาที่ยาวนานพอสมควร บางเรื่องกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ห่างไกลสำหรับเราไปแล้วซึ่งผู้เชี่ยวชาญพูดถึงและคิดว่าส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่นใน quatrains ของเขามีข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของตัวละครของ Ivan the Terrible จำนวนภรรยาและทายาทของเขา นอกจากนี้นอสตราดามุสยังอธิบายถึงการสืบทอดบัลลังก์รัสเซียอย่างถูกต้อง เขาพูดถึง False Dmitry และการปฏิรูปของสังฆราชนิคอน ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งใดที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้ด้วยสายตาที่มองเห็นทั้งหมดของเขา เขาเห็นและบรรยายเหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งผู้ชายในยุคนั้นไม่สามารถมีความคิดได้ คำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับรัสเซียในยุคกลางมีรายละเอียดค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามเราไม่สนใจพวกเขา การทำความเข้าใจสิ่งที่โหรชาวฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่เห็นในสมัยของเรามีประโยชน์กว่ามาก นอกจากนี้เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ตามที่นักวิจัยกล่าวว่าสอดคล้องกับ quatrains ของเขา ดังนั้นเขาสามารถไว้วางใจได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าในกรณีใดในบรรดา quatrains จำนวนมากควรมองหาสิ่งที่บ่งบอกถึงอนาคตของรัสเซีย การทำนายของเขานั้นน่าทึ่งจริงๆแล้วมีความแม่นยำอย่างเหลือเชื่อ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้


    794928.jpg


    สิ่งประดิษฐ์ในปัจจุบันและมีวิสัยทัศน์
    ตัดสินด้วยตัวคุณเองคน ๆ หนึ่งรู้อะไรในศตวรรษที่สิบหกแม้ว่าเขาจะได้รับการศึกษาดีก็ตาม ยังไม่มีการค้นพบทฤษฎีความน่าจะเป็นเคมีอยู่ในช่วงวัยเด็กเท่านั้นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับฟิสิกส์ชีววิทยาอยู่ในระดับที่เข้าใจง่าย อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ของนอสตราดามุสในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีข้อเท็จจริงที่เฉพาะเจาะจงมาก ตัวอย่างเช่นเขาพูดถึงลมที่เหม็นและร้ายแรงที่จะพัดมาในยุโรป มันฟังดูแปลก ๆ แล้ว ตอนนี้ด้วยการประดิษฐ์อาวุธเคมีและชีวภาพเส้นต่างๆได้รับความหมาย ผู้ทำนายเขียนเชิงเปรียบเทียบเกี่ยวกับระเบิดปรมาณู ควรสังเกตว่านอสตราดามุสทำนายปัญหามากมายให้กับชาวยุโรป เขาพูดเกี่ยวกับรัสเซียแตกต่างกัน ในประเทศนี้ซึ่งเขาเรียกว่า Glory ตอนนี้ Akvelon บางครั้ง New Babylon ดวงอาทิตย์แห่งอนาคต "ยุคทอง" จะขึ้น แต่เพิ่มเติมในภายหลัง ลองย้อนกลับไปที่สิ่งประดิษฐ์ที่นักโหราศาสตร์เห็นผ่านกาลเวลา ใน quatrains ของผู้หยั่งรู้และกวีมีการพาดพิงถึงการก่อสร้างทางบกและทางน้ำอย่างชัดเจน เขายังอธิบายถึงเรือดำน้ำซึ่งคุณจะเห็นว่าไม่สามารถเป็นเพียงแค่จินตนาการของนักปรัชญาในยุคกลาง เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่หลายคนเข้าใจผิดในการตีความควาอิน ดังนั้นตามที่นักวิจัยบางคนคาดการณ์ว่านอสตราดามุสในปี 2558 นั้นมืดมนและเป็นลบ พวกเขากล่าวว่าในปี 2014 หายนะที่แท้จริงรอเราอยู่ ล่ามเห็นพ้องต้องกันว่านอสตราดามุสทำนายความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ยังไม่เกิดขึ้นโชคดี บางทีผู้คนอาจเข้าใจคำทำนายของนอสตราดามุสผิดไป รัสเซียและยูเครนหรือมากกว่านั้นในทางกลับกันความขัดแย้งระหว่างพวกเขาก็เข้ากันได้ดีกับคำทำนาย ไม่ใช่เรื่องลับสำหรับทุกคนที่การนำทหารเข้ามาในประเทศเพื่อนบ้านอาจทำให้เกิดผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดรวมถึงภัยพิบัติด้วย


    794927.jpg


    ย้อนกลับไปที่ประวัติศาสตร์ของรัสเซีย
    นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องสังเกตเหตุการณ์หลายอย่างที่ Nostradamus คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครโต้แย้งข้อเท็จจริงดังกล่าว ดังนั้นจากช่วงเวลาที่เขาไปอนาคตของรัสเซียนักโหราศาสตร์เห็นนองเลือดหนักเต็มไปด้วยปัญหา เขาพูดถึงช่วงเวลาอันยาวนานของการกดขี่ข่มเหงที่คนทั่วไปจะต้องอดทน นอกจากนี้เขายังทำนายการปฏิวัติการถ่ายโอนอำนาจและทรัพย์สินไปยังมือคนอื่น ๆ Nostradamus อธิบายชะตากรรมของ Nicholas II ได้อย่างแม่นยำมาก เขาแน่ใจว่าความอ่อนโยนจะทำลายกษัตริย์ นอกจากนี้นักโหราศาสตร์ยังอธิบายสภาพจิตใจของผู้ประหารนิโคลัสที่สองอย่างชัดเจน “ เมื่อย่ำรุ่งด้วยความกลัวพวกเขาจะนำเขาไปสู่การประหารชีวิต” เขาเขียน เห็นด้วยในช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องยากที่จะมองเห็นอนาคตของรัสเซียได้อย่างแม่นยำ การคาดการณ์เกี่ยวกับช่วงสังคมนิยมในศตวรรษนี้ก็มีความแม่นยำเช่นกัน ดูเหมือนว่านอสตราดามุสเองได้ไปเยี่ยมอนาคตและอธิบายสิ่งที่เขาเห็นตามที่เขาเข้าใจ เขาเขียน:


    ฉันกลัวผู้ปกครองที่สามที่ไม่รู้จัก

    ประเทศลึกลับป่าเถื่อนน่ากลัว

    สหายในอ้อมแขนของเขาถูกเขาฆ่า

    และนรกเท่านั้นที่จะรักษาความชราของเขา

    ในบรรทัดเหล่านี้นักวิจัยรู้จักโจเซฟสตาลินอย่างชัดเจน มันก็ดีเหมือนกันที่ผู้ทำนายชี้ไปที่ฮิตเลอร์และการกระทำของเขา การทำนายของนอสตราดามุสในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีข้อมูลเกี่ยวกับและระบุผู้ชนะด้วย อย่างไม่น่าเชื่อ quatrains อธิบายชีวประวัติของ Fuhrer ในอนาคตและความตายอันน่าสยดสยองของเขา นอสตราดามุสมองว่าอนาคตของรัสเซียเป็นเรื่องยากและประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง หากเราพิจารณาว่าควาอินบางส่วนเป็นจริงแล้วก็ควรศึกษาเพิ่มเติม เห็นด้วยเนื่องจากผู้เชี่ยวชาญสามารถมองเห็นอดีตของเราใน quatrains จึงเป็นเรื่องที่ควรลองร่วมกับผู้เขียนเพื่อยกม่านไปสู่อนาคต


    ยุโรปในผู้ทำนาย QUATRAINS
    สำหรับคนยุคใหม่ความแพร่หลายของโลกไม่ใช่ความลับ อนาคตของรัสเซียมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับเพื่อนบ้านตำแหน่งของพวกเขาสถานการณ์ในประเทศเหล่านี้ ผู้ทำนายทำนายปัญหาและความทุกข์ทรมานในพื้นที่ดั้งเดิมของเขา โดยทั่วไปนี่เป็นลักษณะเด่นของโหรฝรั่งเศส เขาพยายามเตือนลูกหลานที่อยู่ห่างไกลว่าคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่คุณสามารถพยายามทำให้อ่อนแอลง การคาดการณ์ของนอสตราดามุสในปี 2558 เต็มไปด้วยคำใบ้ที่คล้ายคลึงกัน เช่นเขาบอกว่าจะมีสงครามในยุโรปแน่นอน อย่างไรก็ตามหลายคนเชื่อในเรื่องนี้ โดยทั่วไปความคิดเกี่ยวกับความจำเป็นในการตั้งถิ่นฐานใหม่ในซีกโลกใต้ได้รับการกล่าวถึงในสังคมยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว ตามที่นักวิจัยระบุว่าทวีปนี้จะตายภายใต้การโจมตีของนิวเคลียร์ เห็นด้วยมีบางอย่างที่ต้องคิด ผู้มีญาณทิพย์คนอื่น ๆ ก็พูดถึงปัญหาของยุโรปด้วย ดังนั้น Vanga จึงเห็นดินแดนแห่งนี้ปราศจากพิษไม่มีใครอยู่ นอสตราดามุสเขียนเช่นเดียวกันก่อนหน้านี้ Quatrains เกี่ยวกับรัสเซียไม่ได้มืดมนนัก ผู้ทำนายเชื่อว่าดินแดนนี้จะรอดพ้นจากการทดลองที่เกิดขึ้นกับผู้คน ซึ่ง Wanga ก็ไม่ปฏิเสธ.


    794923.jpg


    เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สาม
    ผู้ปลอบประโลมชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าอนาคตทั้งหมดไม่ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า บางเหตุการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเขาจึงเห็นว่าสงครามระดับโลกสามารถเริ่มต้นได้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ประการแรกผู้ปกครองของสี่ประเทศจะถูกสังหาร เหตุการณ์นี้ควรเกิดขึ้นในปี 2010 นอสตราดามุสกล่าว สงครามจะแตกออกและส่งผลกระทบต่อทุกทวีป ผู้ทำนายกล่าวว่ามีเพียงไม่กี่คน นอกจากนี้เขายังชี้ไปที่ผู้ที่จะเป็นหัวหน้าของผู้ยุยงให้เกิดไฟไหม้โลก เขาเล่าว่าเขาเป็นมุสลิมที่มีเครา ตามคำสั่งของเขาการปฏิบัติการทางทหารจะเริ่มขึ้น อย่างไรก็ตามนักวิจัยบางคนแน่ใจว่าบุคคลนี้ได้เข้าสู่ (ตามลำดับเหตุการณ์ของผู้ทำนาย) ในข้อตกลงกับผู้ปกครองของรัสเซียแล้ว พูดได้ทันทีว่าไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วยกับการตีความนี้ ยิ่งกว่านั้นเวลาผ่านไปกว่าสี่ปีนับจากวันนี้และโชคดีที่ขีปนาวุธนิวเคลียร์อยู่ในเหมืองของพวกเขา บางทีนักวิจัยที่ไม่จริงจังเขียนเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สาม แต่เป็นผู้ที่ต้องการโปรโมตตัวเองใน "หัวข้อทอด" สำหรับวันนี้สิ่งสำคัญคือเงื่อนไขทั้งหมดที่ผู้ทำนายระบุไว้ได้ผ่านไปแล้วและไม่มีเหตุการณ์เลวร้ายตามมา นั่นหมายความว่านอสตราดามุสไม่ได้ถูกเสมอไป นอกจากนี้เขายังเขียนเกี่ยวกับอนาคตของรัสเซียโดยไม่ จำกัด การดำรงอยู่ในปี 2015 และในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ทั่วโลกคนสมัยใหม่ก็ตระหนักดีถึงเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้


    เกี่ยวกับผู้นำของรัสเซีย
    ใน quatrains ของผู้ทำนายนักวิจัยพบข้อมูลมากมายเกี่ยวกับบุคลิก โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้สนใจประชาชนทั่วไปเป็นพิเศษ เขาพูดถึงผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุด ดังนั้นใน quatrains ของเขาเยลต์ซินหลายคนได้รับการยอมรับซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของประเทศ "สีแดง" จากนั้นนอสตราดามุสเขียนถึงความทุกข์ยากของคนทั่วไปโดยทั่วไป ถัดไป quatrain นี้:

    ประเทศได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่ยากลำบาก

    คนฉลาดถูกขับออกไปเขาปกครองประเทศ

    ระมัดระวังด้วยจิตใจที่สูงส่ง

    ชีวิตของผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงไปทุกที่

    มีความเห็นว่าบรรทัดสุดท้ายกล่าวถึงผู้นำปัจจุบันของรัสเซีย แม้ว่านักวิจัยบางคนค่อนข้างระมัดระวังเกี่ยวกับการตีความดังกล่าว ไม่ว่าในกรณีใดเวลาจะบอกได้ว่าใครเหมาะสม บางคนบอกว่าอนาคตที่อธิบายไว้ใน quatrain นี้มาแล้ว คนอื่น ๆ แนะนำให้รอจนถึงปี 2568 ที่นี่คนสมัยใหม่ทุกคนมีสิทธิที่จะมีและแสดงความคิดเห็นของตนเอง ท้ายที่สุดเราเป็นผู้สร้างและเป็นพยานของเหตุการณ์ เราต้องตัดสินพวกเขา พูดถึงรัสเซียในแง่บวกมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในตัวเธอเขาเห็นแหล่งที่มาของการเกิดใหม่ของมนุษยชาติ


    794922.jpg


    การทดสอบครั้งสุดท้าย
    ควรสังเกตว่านักวิจัยเกือบทั้งหมดยอมรับว่า“ วัยทอง” ใกล้เข้ามาแล้ว วันที่เกิดขึ้นแตกต่างกันไป คนมองโลกในแง่ร้ายชี้ไปที่ปี 2025 ผู้มองโลกในแง่ร้ายแนะนำให้รออีกสิบปี อย่างไรก็ตามก่อนเวลารุ่งสางทั่วไปจะมีอีกครั้งหนึ่งควรสังเกตจากตำแหน่งของเราการทดสอบลึกลับ quatrains พูดถึง "ความขัดแย้ง" กับจีน แต่ความสัมพันธ์ของเรากับประเทศนี้ยังไม่น่าตกใจ ความหมายของความขัดแย้งคืออะไรซึ่งบางคนเรียกว่าสงครามยังไม่ชัดเจน มีความเห็นว่าจะเป็นการโต้แย้งอุดมการณ์ และเป็นไปได้มากทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วจีนเป็นประเทศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงโดยวิธีการที่อารยธรรมโบราณ การหาภาษากลางกับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้คนที่นั่นคิดและใช้ชีวิตแตกต่างกันยอมรับคุณค่าที่แตกต่างกัน หากบางครั้งคนธรรมดาสองคนไม่สามารถหาข้อสรุปเดียวกันและอยู่อย่างสงบสุขได้แล้วจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับอารยธรรม! เพื่อให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ตามปกติและพัฒนางานที่ยิ่งใหญ่จะต้องทำในระดับของความหมายและความคิด แต่มนุษยชาติสมัยใหม่ยังไม่เข้าใกล้สิ่งนี้ แต่มีเวลาเหลือเพียงสิบถึงยี่สิบปีก่อน "วาระ"


    วัยทอง
    หวังว่ารัสเซียจะรอดจาก "การทดสอบครั้งสุดท้าย" โดยมีการสูญเสียน้อยกว่าครั้งก่อน ๆ นอกจากนี้ยังมีบางสิ่งที่ต้องมุ่งมั่น นอสตราดามุสเรียกประเทศของเราว่า "ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของโลก" ในอนาคต เขาเชื่อว่าจะมีศาสนาใหม่เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ มันจะเหมือน "เรือใบ" เบาสบาย ความสุขมาจากการทำนายนี้ ผู้คนจะเริ่มปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเมตตาห่วงใยและพยายามช่วยเหลือ จะเปิดแหล่งพลังงานใหม่ ผู้คนจะได้สัมผัสกับช่วงเวลาแห่งการบูชา“ ลูกวัวทองคำ” ค่าอื่น ๆ จะปรากฏขึ้น บางทีวันนี้เรายังไม่เข้าใจพวกเขา อย่างไรก็ตามนอสตราดามุสแนะนำมา แต่ไหน แต่ไรแล้วว่าจะเป็นเช่นนั้น คนเราเองจะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นแตกต่าง พวกเขาจะไม่มุ่งมั่นเพื่อการสะสมวัตถุ แต่เพื่อจิตวิญญาณ คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจะถือเป็นความคิดสร้างสรรค์ความสามารถในการสร้างความสุขให้กับผู้อื่น มีนักวิจัยที่เชื่อว่านอสตราดามุสทำนายจุดเริ่มต้นของศตวรรษที่สวยงามสำหรับรัสเซียในช่วงต้นปี 2014 แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่เห็นอะไรแบบนั้นในปัจจุบัน บางทีต้นกล้าแห่งความงามก็มีอยู่แล้วมีเพียงเราเท่านั้นที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างจากชีวิตประจำวันที่เจ็บปวดได้ เราอาจกำลังมองหา "ไปในทิศทางที่ผิด" ยิ่งไปกว่านั้นเสียงพื้นหลังที่คงที่ในพื้นที่ข้อมูลไม่ได้มีส่วนในการสะท้อนลึกและการสังเกตอย่างรอบคอบ ผู้ทำนายกล่าวว่าผู้คนจะเรียนรู้ที่จะสร้างอวัยวะใหม่ประดิษฐ์สิ่งมหัศจรรย์มากมายรอเราอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้หากควอเทรินของนอสตราดามุสได้รับการถอดรหัสอย่างถูกต้อง มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงว่าผู้เขียนเองก็แน่ใจ: การตีความควาอินของเขาผิดนั้นเต็มไปด้วยภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ


    794929.jpg


    เกี่ยวกับการตีความที่แตกต่างกัน
    Quatrains of Nostradamus เป็นที่นิยมอย่างมาก บางทีอาจกล่าวถึงบ่อยที่สุดในการศึกษาต่างๆผู้ที่พูดถึงอนาคตต้องพึ่งพาพวกเขา เครือข่ายได้สะสมข้อมูลที่แตกต่างกันมากมายในเรื่องนี้ การดูย้อนหลังของพวกเขาน่าสนใจยิ่งขึ้น คุณทราบดีว่าบ่อยครั้งที่คุณพบข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เขียนพยายาม "ดึง" มุมมองที่เอนเอียงออกจากควาอิน ดังคำกล่าวที่กล่าวไปนกอีก๋อยแต่ละตัวต่างยกย่องหนองน้ำของมัน ผู้เขียนการตีความนำเสนอมุมมองของตนเองพยายามพิสูจน์ด้วยความช่วยเหลือของเส้นจากผลงานของโหรผู้ยิ่งใหญ่ "ผลงาน" ดังกล่าวแทบไม่สามารถนำมาเป็นพื้นฐานสำหรับวิสัยทัศน์ของอนาคตของเราได้ แต่เป็น "กระสุนข้อมูล" ในสงครามเสมือนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้นหลายคนจึงเตรียมตัวสำหรับวันสิ้นโลกในปี 2555 จากนั้นวัสดุต่างๆก็เริ่มปรากฏว่านอสตราดามุสมองเห็นอนาคตของเราในลักษณะนี้ แต่เรารอดจากระยะเวลาที่กำหนด? ดาวเคราะห์ไม่ได้ล่มสลายหลีกเลี่ยงการสั่นสะเทือนของโลก คุณสามารถและลืมเกี่ยวกับโฆษณานั้นได้ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำสำหรับผู้อ่านที่มีวิจารณญาณ อันที่จริงมันคุ้มค่าที่จะอาศัยเหตุการณ์ดังกล่าวหากคุณไม่ต้องการถูกนำโดยนักโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่ดีที่สุด คุณต้องเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างความคิดเห็นที่เอนเอียงและการให้เหตุผลที่เป็นกลาง และผลงานของนอสตราดามุสสมควรที่จะมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับพวกเขาและไม่ได้ใช้ในสงครามข้อมูลราคาถูกโดยไม่มีความหมายและเป้าหมายระดับโลก ผู้ทำนายมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของมวลมนุษยชาติซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานจากการที่ประชาชนของเขาตกอยู่ในภาวะตกต่ำ อย่างไรก็ตามเขามองอนาคตด้วยมุมมองเชิงบวกและแง่ดี ฉันแน่ใจว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะไม่ตกอยู่ในความบ้าคลั่งของการทำลายตัวเอง ตอนนี้ทุกคนพยายามที่จะเห็นในงานเขียนของเขาสะท้อนมุมมองเล็ก ๆ ของเขาเอง "ผู้เชี่ยวชาญ" ดังกล่าวจะต้องถูกคำนวณและแยกออกจากพวกเขามิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าใจการไหลของวัสดุเพื่อแยกความจริงออกจากสิ่งประดิษฐ์


    โดยสรุปควรสังเกตว่าระยะเวลาการทดสอบสำหรับรัสเซียตาม Nostradamus นั้นสิ้นสุดลงแล้ว แม้แต่ "สงครามกับจีน" ที่ฉาวโฉ่ในตอนนี้ก็ดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ ท้ายที่สุดผู้ที่ไม่ชอบสหภาพแรงงานในปัจจุบันของสองประเทศที่ยิ่งใหญ่ก็สามารถคิดได้ เราควรหวังว่าเหตุการณ์จะมีการพัฒนาในเชิงบวก ในบรรดาบทความและรายงานที่น่ากลัวเราควรแยกบทความที่ยืนยันวิสัยทัศน์ของผู้ทำนายเกี่ยวกับ "วัยทอง" ท้ายที่สุดคุณและฉันรู้อยู่แล้วว่าอนาคตไม่ได้สร้างขึ้นจากการกระทำหรือการกระทำเท่านั้น แต่ประการแรกเกิดจากความคิดของผู้คน ทุกคนควรควบคุมพวกเขา ให้โลกหมุนไปสู่จุดสูงสุด เราสามารถร่วมกันทำสิ่งที่นอสตราดามุสผู้ยิ่งใหญ่เห็นเมื่อห้าศตวรรษก่อน!


    Michel Nostradamus เป็นนักวิทยาศาสตร์นักปรัชญาและนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีความสามารถ แต่เขาเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ปลอบประโลม นักวิจัยที่ศึกษาต้นฉบับของนอสตราดามุสอ้างว่าหนังสือทำนายของเขาครอบคลุมช่วงเวลาอันยาวนานตั้งแต่ปี 1557 ถึง 3797 อย่างไรก็ตามคำพยากรณ์ทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับอนาคตไม่รอดมาถึงยุคของเรา

    จนถึงทุกวันนี้นักประวัติศาสตร์พยายามที่จะถอดรหัสคำทำนายของเขาจนถึงที่สุด ในความเห็นของพวกเขาความแม่นยำของการทำนายของนอสตราดามุสคือ 70-80% แม้ว่าคุณจะพบกุญแจที่ถูกต้องสำหรับคำพยากรณ์ในรหัสของเขาแล้วก็เป็นไปได้มากว่าต้นฉบับของเขาจะมีค่ามาก อะไรตามการคาดการณ์ของเขารอเราอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้?


    nostradamus5.jpg


    ส่วนใหญ่นักวิทยาศาสตร์เขียนไว้ในงานเขียนของเขาเกี่ยวกับชะตากรรมในอนาคตของประเทศในยุโรป เขาพยากรณ์ถึงผู้ปกครองที่มีอำนาจสูงสุดของยุโรปและสำหรับพระสันตะปาปาเอง การสร้างสรรค์ของเขาคือ quatrains (quatrains) หลายร้อยชิ้นซึ่งรวมกันอยู่ในเซนทูเรีย

    ตามที่นักวิจัยสมัยใหม่กล่าวว่า quatrains ของ Nostradamus ส่วนใหญ่มีเนื้อหาที่คลุมเครือมาก การคาดการณ์บางอย่างของเขาไม่ชัดเจนในลำดับขั้นตอน เมื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ในอนาคตนักเล่นแร่แปรธาตุผู้ยิ่งใหญ่แทบไม่ได้ตั้งชื่อวันที่ที่เฉพาะเจาะจง แต่ระบุเฉพาะเหตุการณ์ที่มีลักษณะทางดาราศาสตร์ ตัวอย่างเช่นเมื่อพูดถึงวันที่ของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเขาตั้งชื่อเฉพาะปรากฏการณ์จักรวาลที่จะเกิดขึ้นในปีนี้


    ผู้มีญาณทิพย์และผู้ปลอบประโลมหลายคนพูดถึงจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สาม ตามคำทำนายส่วนใหญ่สงครามครั้งนี้น่าจะกลายเป็นสงครามที่นองเลือดและน่ากลัวที่สุดและผลที่ตามมาของการสู้รบจะนำไปสู่ความจริงที่ว่าโลกของเราจะไม่น่าอยู่อาศัย นั่นคือในคำทำนายตลอดเวลาเหตุการณ์นี้สมกับการเปิดเผย

    หากเราหันไปหาศตวรรษของมิเชลนอสตราดามุสจากนั้นในการคาดการณ์ของเขาก็ไม่ค่อยชัดเจนว่าสงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดขึ้นในปีใดและอะไรจะเป็นจุดเริ่มต้น คำพยากรณ์ทั้งหมดของเขาถูกเข้ารหัสในลักษณะที่ไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญของเนื้อหาได้ นักวิทยาศาสตร์ได้ต่อสู้เป็นเวลานานเพื่อถอดรหัสข้อความเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สามและนำเสนอต่อสาธารณชนในหลาย ๆ การตีความ


    “ สงครามจะเริ่มต้นเมื่ออูฐดื่มน้ำจากแม่น้ำไรน์และดานูบและไม่สำนึกผิด จากนั้นโรน่าและลอร่าก็จะตัวสั่น แต่ไก่ในเทือกเขาแอลป์จะทำลายเขา " Quatrain นี้บอกว่าสงครามจะเริ่มขึ้นเมื่ออูฐดื่มน้ำจากแม่น้ำไรน์และดานูบ ตามที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอูฐในคอกม้านี้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอาหรับ จากการตีความข้อหนึ่งกลุ่มพันธมิตรอาหรับจะนัดหยุดงานที่ยุโรป

    nostradamus7.jpg


    มีอีกเวอร์ชันหนึ่งตามที่อูฐเป็นผู้อพยพชาวอาหรับที่อาศัยอยู่ในประเทศในยุโรป พวกเขาดื่มน้ำจากแม่น้ำดานูบและแม่น้ำไรน์ หากการตีความถูกต้องคำทำนายนี้ก็เป็นจริงแล้ว เมื่อพูดถึงไก่ในคำทำนายของเขานอสตราดามุสนึกถึง "ไก่กอลลิก" นั่นคือฝรั่งเศส

    ตามเวอร์ชันที่สามสงครามอาหรับจะเมาไปด้วยเลือดของชาวยุโรปหรือมากกว่าชาวเยอรมันเนื่องจากในตอนแรกมีการกล่าวถึงแม่น้ำไรน์และดานูบ แม่น้ำโรนเป็นแม่น้ำในฝรั่งเศสซึ่งหมายความว่ารัฐนี้จะต้องทนทุกข์ทรมานเช่นกัน Laura เป็นภูเขาในประเทศกินี จากนี้สงครามจะส่งผลกระทบต่อทุกทวีป ไก่จะทำลายเขาใกล้เทือกเขาแอลป์ - คำทำนายนี้สามารถตีความได้ว่าเป็นการมาของผู้ช่วยให้รอดที่เกิดในปีระกาตามปฏิทินตะวันออก


    ตามต้นฉบับของนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสสงครามครั้งต่อไปที่จะยึดครองโลกทั้งใบจะเลวร้ายและนองเลือด ด้วยเหตุนี้จึงเหลือเพียงสองประเทศที่มีอำนาจ - รัฐอินเดียและจีน

    มีการคาดการณ์ที่สำคัญอีกหลายประการเกี่ยวกับสงคราม นอสตราดามุสกล่าวเกี่ยวกับคนทั้งเจ็ดว่า“ ทั้งเจ็ดจะมาจากทิศตะวันออกและพวกเขาจะนำความตายมาพร้อมกับภัยอันตรายของพวกเขา ทักทายความโกรธความชั่วร้ายภัยพิบัติ ทั้งตะวันตกต้องหนีไปเพราะราชาแห่งตะวันออก” ในคำทำนายนี้เรากำลังพูดถึงการเผชิญหน้าระหว่างตะวันตกและตะวันออกอีกครั้ง

    "เซเว่น" - บางทีโดยคำนี้นอสตราดามุสหมายถึงประเทศอาหรับเจ็ดประเทศที่พร้อมใจกันยึดยุโรป "การแก้แค้นของมนุษย์" ตามการตีความของนักวิจัยไม่มีอะไรมากไปกว่าพันธมิตรของประเทศที่รุกราน “ ทักทายความโกรธความชั่วร้ายภัยพิบัติ” - นี่อาจเป็นวิธีที่ผู้ปลอบประโลมต้องการอธิบายช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ “ ตะวันตกหนีไปแล้ว” - การทำนายชัยชนะของประเทศอาหรับ


    ตามที่นักประวัติศาสตร์ระบุว่าวันที่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สามนอสตราดามุสได้เข้ารหัสข้อความต่อไปนี้:“ จะเริ่มในปีที่วันแห่งการตรึงกางเขนของพระคริสต์ตรงกับวันเซนต์จอร์จ วันแห่งการฟื้นคืนชีพอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าจะตรงกับงานเลี้ยงของนักบุญมาระโกและวันคริสต์มาสตรงกับวันเซนต์จอห์น

    ควรสังเกตว่ามีวันดังกล่าวมาแล้วในประวัติศาสตร์ - ในปีพ. ศ. 2429 และ พ.ศ. 2486 ปีหน้าซึ่งตรงกับวันหยุดที่ระบุไว้ทั้งหมดจะตรงกับปี 2038 เป็นที่น่าสนใจว่าแม้จะมีปฏิทินที่แตกต่างกัน แต่ปีนี้ก็เหมือนกันสำหรับชาวคาทอลิกและคริสเตียน

    nostradamus4.jpg


    ศตวรรษที่ 21 ในคำทำนายของนักเล่นแร่แปรธาตุถูกนำเสนอว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากและไม่แน่นอนเมื่อของเก่าจะล่มสลายและใหม่จะถูกสร้างขึ้น นี่คือยุคของราศีกุมภ์ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนแปลง

    นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ทำนายความหายนะของโลกอันเป็นผลมาจากการสิ้นสุดของโลก... สึนามิภูเขาไฟระเบิดไฟและเฮอริเคนทั้งหมดนี้ตามคำทำนายจะเป็นหนึ่งในปัญหาของศตวรรษที่ 21

    การคาดการณ์ของนอสตราดามุสเกี่ยวกับศตวรรษที่ 21 เริ่มเป็นจริงในปี 2544 นักประวัติศาสตร์อ้างว่าเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2544 ได้รับการอธิบายไว้ในหนึ่งในนั้น

    ตามที่นักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ตีความ quatrains ของนอสตราดามุสสงครามระดับโลกครั้งต่อไปจะเริ่มในปี 2581 การใช้นิวเคลียร์และอาวุธอื่น ๆ จะทำให้ชีวิตมีความทุกข์ยากในหลายประเทศ ตะวันตกและตะวันออกจะเผชิญหน้ากัน


    ปี 2017 ในปฏิทินการทำนายมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของอำนาจของผู้ปกครองทั้งสี่ พวกเขาจะมีอิทธิพลต่อการเมืองและเศรษฐกิจของทุกประเทศ อย่างไรก็ตามการปะทะกันของพวกเขาจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงระหว่างประเทศในยุโรปและอเมริกา

    กลางศตวรรษที่ 21 จะถูกหมายหัวด้วยอำนาจและเศรษฐกิจของหลายประเทศในตะวันตกที่อ่อนแอลง... สหรัฐอเมริกาและบางรัฐในยุโรปจะเป็นศัตรูกัน การเผชิญหน้านี้จะทำให้พวกเขาอ่อนแอลงอย่างสิ้นเชิง ประเทศในเอเชียและตะวันออกจะได้ครองโลก

    นอสตราดามุสทำนายการเกิดโรคใหม่ที่อาจครอบคลุมทั้งโลก พวกเขาจะมองหาวิธีรักษาเป็นเวลานานและโรคร้ายจะคร่าชีวิตคนนับล้าน โรคที่รักษาไม่หายจะเป็นผลมาจากการใช้อาวุธแบคทีเรียและเคมี ผู้เผยพระวจนะยังเขียนเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสร้ายแรงซึ่งจะจับเกือบทั้งโลก แหล่งที่มาของไวรัสจะเป็นประเทศทางตะวันออก


    สาระสำคัญของการทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับศตวรรษที่ 21 - เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองของโลกและการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งใหญ่

    nostradamus0.jpg


    หากเราศึกษาการตีความการทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับอนาคตเราสามารถสรุปได้ว่าทศวรรษที่จะมาถึงนี้จะเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญการค้นพบและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

    • ปี 2558 - จุดเริ่มต้นของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นักวิทยาศาสตร์จะเรียนรู้วิธีการรับพลังงานราคาถูก
    • 2558 ถึง 2560 ส่วนหนึ่งของดินแดนมอลโดวาอาจรวมเข้ากับยูเครน ยูเครนหลังปี 2560 จะเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศโดยสิ้นเชิงและกลายเป็นพันธมิตรของรัสเซีย
    • ปี 2559 จะถูกทำเครื่องหมายด้วยวิกฤตทางประชากรในโลก นอกจากนี้ในปีนี้ยังอาจเกิดภัยพิบัติทางระบบนิเวศซึ่งจะนำโรคและการกลายพันธุ์ใหม่มาสู่มนุษยชาติ
    • 2017 ปี จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศ เยอรมนีจะกลายเป็นรัฐแรกที่เปลี่ยนลำดับและรากฐานอย่างรุนแรง ยุคของระบอบกษัตริย์จะสิ้นสุดลงในบริเตนใหญ่ สหภาพยุโรปจะยุติลง แต่จะมีพันธมิตรใหม่ในหลักการและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
    • ในปี 2561 จีนจะเริ่มเป็นผู้นำ ยุโรปและอเมริกาจะอ่อนแอลงและสูญเสียความน่าเชื่อถือ
    • ในปี 2561 เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังสงครามบนคาบสมุทร
    • ในปี 2020 จะมีการสร้างอาวุธเปลือกโลกที่ทรงพลังที่สุดในโลก ผู้คนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการมาของมาร การรวมกันของชาวคาทอลิกและคริสเตียนออร์โธดอกซ์จะเริ่มขึ้น คริสตจักรที่เป็นหนึ่งเดียวแห่งแรกจะถูกสร้างขึ้นในยูเครน
    • 2022 ถึง 2041 - ในช่วงเวลานี้ความขัดแย้งทางอาวุธอาจเกิดขึ้นซึ่งจะมีหลายประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง
    • ในปี 2566 วงโคจรของโลกอาจเปลี่ยนไปอาจเป็นอุกกาบาตหรือดาวเคราะห์น้อยตก อีกทั้งในปีนี้จะเกิดภัยธรรมชาติระลอกหนึ่งทั่วโลก ส่วนใหญ่ของอังกฤษจะถูกน้ำท่วม ชายฝั่งทางใต้ของทวีปอเมริกาใต้จะลงไปใต้น้ำ ความหิวจะแตกออก
    • 2024 ปี จะถูกทำลายโดยอุบัติเหตุที่เกิดจากฝีมือมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในอเมริกาและยุโรป
    • ในปี 2568 ระเบียบโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ยูเครนและเบลารุสจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของยุโรป
    • 2027 ปี - เผด็จการเผด็จการคนใหม่จะปรากฏตัวในอินเดียหรือจีนซึ่งหนึ่งในห้าของประชากรโลกจะได้รับการเคารพบูชา
    • ในปี 2571 ผู้คนจะบินไปดาวศุกร์เป็นครั้งแรก
    • 2034 ถึง 2043 จะเกิดการวิวัฒนาการนาโน การใช้หุ่นยนต์ในทุกกิจกรรมจะเป็นที่นิยม
      nostradamus3.jpg
    • ในปี 2511 การสำรวจอวกาศครั้งใหญ่ที่สุดจะดำเนินการอันเป็นผลมาจากการที่นักบินอวกาศส่วนใหญ่เสียชีวิต เป็นครั้งแรกที่มนุษย์จะได้พบกับจิตใจรูปแบบใหม่
    • 2084 ปี เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ตามระบบใหม่ที่จะผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกัน
    • ในปี 2533 เผด็จการจะมามีอำนาจบนโลก
    • 2087 ถึง 2098 มนุษยชาติจะต่อสู้กับกลุ่มอาการของริ้วรอยก่อนวัยในทันที
    • ในปี 2115 นักวิทยาศาสตร์จะสร้างไซบอร์กสำหรับเที่ยวบินในอวกาศและการปกป้องจากอารยธรรมนอกโลก
    • ในปี พ.ศ. 2150 จะมีการสร้างเทห์ฟากฟ้าเทียม
    • ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2170 มนุษยชาติจะเริ่มพัฒนาชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่นและการอพยพจำนวนมากไปยังโลกอื่นจะเริ่มขึ้น
    • ในปี พ.ศ. 2260 ดาวหางจะเข้าใกล้โลกซึ่งจะเปลี่ยนวงโคจรและนำมาซึ่งความแห้งแล้ง
    • 2280 ปี - ผู้คนเริ่มเดินทางข้ามเวลาโดยใช้พลังงานของหลุมดำ
    • ในปี พ.ศ. 2292 อันเป็นผลมาจากภัยพิบัติบนดวงอาทิตย์สมดุลความโน้มถ่วงบนโลกของเราจะเปลี่ยนไป
    • ในปีพ. ศ. 2350 นักวิทยาศาสตร์จะอนุมานสัตว์ฉลาดชนิดหนึ่ง
    • ในปี พ.ศ. 2410 เป็นไปได้ที่จะเทเลพอร์ตไปยังระยะทางไกลรวมถึงดาวเคราะห์ใกล้เคียง
    • ในปี พ.ศ. 2485 ดวงอาทิตย์ตามธรรมชาติจะออกไปสัตว์โลกจะถูกทิ้งไว้โดยไม่มีร่างสวรรค์เป็นเวลานาน
    • ภายในปี 2713 มีน้อยคนนักที่จะยังคงอยู่บนโลกของเรา - ส่วนใหญ่จะย้ายไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น
    • ในปี 3005 ดวงอาทิตย์จะเกิดใหม่ความขัดแย้งทางทหารระหว่างดาวเคราะห์จะเริ่มขึ้น
    • ใน 3500 จะมีโลกเสมือนจริงที่มนุษย์โคลนจะอาศัยอยู่
    • ในปี พ.ศ. 3977 อันเป็นผลมาจากภัยพิบัติบนดาวเทียมบรรยากาศบนโลกแทบจะหายไป คลื่นแห่งภัยธรรมชาติจะเริ่มขึ้นบนโลก
    • ใน 4000 Earthlings จะบินไปยังกาแลคซีใกล้เคียง - เมฆแมกเจลแลน
    • ในปีพ. ศ. 5000 ยุคของเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์จะสิ้นสุดลง จิตใจของมนุษย์จะมีทรัพยากรที่ไม่รู้จักเหนื่อย
    nostradamus2.jpg


    อนาคตของรัสเซียตามการคาดการณ์ของนอสตราดามุสเป็นบันไดที่ทอดขึ้นไป รัฐจะเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและยกระดับอำนาจ ที่สำคัญที่สุดคือรัสเซียจะกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจเหนือกว่า

    • 2017 ถึง 2018 รัสเซียจะสามารถหลุดพ้นจากวิกฤตและก้าวแรกสู่อิทธิพลระดับโลก เศรษฐกิจจะเข้มแข็งขึ้น การเกษตรจะเริ่มพัฒนา ปีเหล่านี้มีลักษณะในคำทำนายที่คลุมเครือผู้คนที่มีอิทธิพลหลายคนจะเปิดเผยสีที่แท้จริง จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลหรือรัฐบาลจะเปลี่ยนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาของรัฐ
    • ปี 2019 - ช่วงเวลาแห่งความไม่สงบและความไม่พอใจในที่สาธารณะ มีความเสี่ยงที่ชาวรัสเซียจะถูกแยกออกเป็นหลายกลุ่ม
    • ในปี 2020 รัฐของเราจะรับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินโลกซึ่งจะต้องแก้ไขความขัดแย้งส่วนใหญ่ในยุโรปเอเชียและตะวันออก
    • ในปี 2566 ขอบเขตใหม่จะเปิดขึ้นต่อหน้ารัสเซีย แต่ผู้ปกครองของรัฐจะต้องตัดสินใจอย่างยากลำบาก
    • ในปี 2568 รัสเซียจะขยายพรมแดน ความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและบางประเทศในยุโรปจะถดถอย สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความขัดแย้งทางอาวุธ ประธานาธิบดีจะริเริ่มการสร้างพันธมิตรที่มีประสิทธิภาพของหลายประเทศ สหภาพนี้จะรวมถึงรัสเซียจีนบริเตนใหญ่และอินเดีย จากนั้นจะมีหลายประเทศเข้าร่วม นี่จะเป็นก้าวใหม่สำหรับรัสเซียซึ่งจะทำให้เข้าใกล้อิทธิพลระดับโลกมากขึ้น
    • ตั้งแต่ปี 2572 รัสเซียจะเริ่มต่อสู้กับศัตรูใหม่ บุคคลจะปรากฏตัวบนเวทีการเมืองซึ่งอิทธิพลและอำนาจจะคุกคามมนุษยชาติทั้งหมด
    • 2035 ปีตามคำทำนายจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับสหพันธรัฐรัสเซีย รัฐจะมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและการค้าที่พัฒนาแล้ว ชาวรัสเซียจะเป็นหนึ่งในผู้ที่จะทำการค้นพบใหม่ ๆ ทางวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์
    • 2039 ปี - รัสเซียแม้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็จะตกอยู่ในวิกฤตเนื่องจากความขัดแย้งทางอาวุธทั่วโลก
    • 2045 ปี - ภัยใหม่สำหรับรัสเซียกำลังจะมาถึง ประเทศจะเริ่มรวมรัฐเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติและสงครามครั้งใหม่
    ตามคำทำนายเหล่านี้รัสเซียจะกลายเป็นมหาอำนาจของโลก... เธอถูกกำหนดให้เป็นผู้ตัดสินโลกแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐและสร้างโลกใหม่และรากฐานใหม่

    nostradamus22.jpg


    หนังสือทำนายโดยนอสตราดามุสตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1555 ในหน้าชื่อเรื่องผู้ปลอบประโลมทิ้งข้อความที่เข้ารหัสไว้ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญซึ่งได้รับการแก้ไขซึ่งทุกคนสามารถรับรู้อนาคตจากหนังสือเล่มนี้ได้ การเข้ารหัสนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงขณะนี้

    ในศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ Raphael และ Zadkiel พยายามถอดรหัสรหัสและเข้ามาใกล้การแก้ปัญหามากขึ้น จากการเข้ารหัสนี้พวกเขารวบรวมตารางที่ช่วยในการค้นหาอนาคต

    ตารางเหล่านี้ได้รับชื่อของนอสตราดามุสแม้ว่าจะไม่ได้ถูกคิดค้นโดยเขาก็ตาม... ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่านักวิทยาศาสตร์ถอดรหัสรหัสของมันได้อย่างถูกต้องหรือไม่มันมักจะยังคงเป็นปริศนาตลอดไป ตอนนี้บนพื้นฐานของตารางนอสตราดามุสการทำนายอนาคตจะถูกรวบรวม


    ทำไมไร้สาระ. ตัวอย่างเช่นการคาดการณ์หลายอย่างกำลังเป็นจริงแล้วโดยเฉพาะในปี 2560 ในรัสเซีย อ่านผลงานของหมอดู - แล้วคุณจะพบว่ามีอะไรที่เหมือนกันมากมาย นอกจากพลังจิตอื่น ๆ แล้วฉันหมายถึงคนที่ไม่ได้มีชีวิตอยู่ในศตวรรษของเราคนอื่น ๆ ที่ทันสมัยกว่าที่รู้มากเกี่ยวกับด้านที่มีรอยต่อของโลก ตัวอย่างเช่น Mehdi Zlata Obolenskaya เป็นคนหนุ่มสาวที่เปิดเผยต่อโลกและได้ประกาศตัวเองแล้ว

    แน่นอนว่ามันเป็นจริง))) เผยแพร่ที่นี่ในปีใด? การมองย้อนกลับ - มันชัดเจน

    ฉันพบหนังสือพิมพ์ในยุค 90 ซึ่งเป็นคำทำนายของผู้มีญาณทิพย์ทั้งหมดรวมถึงนอสตราดามุสจนถึงปีนั้น - เมื่อบันทึกนั้นเขียนทุกอย่างก็เป็นจริงและหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องไร้สาระเราก็หัวเราะกับแม่มา 30 ปีแล้วและเราจะไม่ทิ้งหนังสือพิมพ์นี้ไป

    สาธุ ขอขอบคุณเครดิตมาจากเวปนี้ครับ https://monster-evo.ru/th/angel-hranitel/poslednee-predskazanie-nostradamusa-o-tretei-mirovoi-voine/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 381013.jpg
      381013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.4 KB
      เปิดดู:
      39
    • 381014.jpg
      381014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      16.2 KB
      เปิดดู:
      42
    • 381012.jpg
      381012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      67.4 KB
      เปิดดู:
      90
    • 381009.jpg
      381009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.4 KB
      เปิดดู:
      44
    • 381011.jpg
      381011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.2 KB
      เปิดดู:
      103
    • 381008.jpg
      381008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.9 KB
      เปิดดู:
      32
    • 794924.jpg
      794924.jpg
      ขนาดไฟล์:
      22.3 KB
      เปิดดู:
      43
    • 794928.jpg
      794928.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.2 KB
      เปิดดู:
      95
    • 794927.jpg
      794927.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.7 KB
      เปิดดู:
      31
    • 794923.jpg
      794923.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.9 KB
      เปิดดู:
      97
    • 794922.jpg
      794922.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      39
    • 794929.jpg
      794929.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.1 KB
      เปิดดู:
      32
    • nostradamus5.jpg
      nostradamus5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.7 KB
      เปิดดู:
      33
    • nostradamus7.jpg
      nostradamus7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      69.8 KB
      เปิดดู:
      39
    • nostradamus4.jpg
      nostradamus4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.5 KB
      เปิดดู:
      40
    • nostradamus0.jpg
      nostradamus0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.6 KB
      เปิดดู:
      43
    • nostradamus3.jpg
      nostradamus3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.7 KB
      เปิดดู:
      42
    • nostradamus2.jpg
      nostradamus2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.7 KB
      เปิดดู:
      41
    • nostradamus22.jpg
      nostradamus22.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.3 KB
      เปิดดู:
      97
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2021
  9. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    วันที่3มค.2563(2020)ปีชวล usa ใช้โดรนทำร้าย นายพลท่านเสียชีวิต อิหร่าน มาดูกันว่ามันใช้เวลาจากนี้อีกกี่ปี มันจะทำอะไร ต่อไปเป็นการเดา เช่น อาจจะมีอาวุธเชื้อโรค ลุยเข้าไปในอิสรา แล้วไปใช้นิวเครียร์ยิงไปที่ เมกา เวลาประมาณ20.00น เวลาเช้า 8 โมงที่เมืองไทย
    ระหว่างนั้น มันก็ก่อการร้ายไปที่ยุโรปที่หนักน่าจะเป็นฝรั่งเศล ชื่อโคมันคงมีพวกในฝรั่งเศลเพราะมันเคยหนีไปอยู่ที่นั้นแต่ถ้าให้พวกมันก่อการร้ายถือว่ามันไม่กตัญญูกับประเทศที่เคยให้พึ่งอาศัย

    มีค.59-30กค.65ใครไม่เปลี่ยนจะถูกเปลี่ยน (วันนั้นพวกเราไปยืนรวมตัวกันชักธงไทยกัน)
    สค65-ธค72เป็นเรื่องเศรษฐกิจล้วนๆต่างชาติมาเอาเปรียบเรื่องเศรษฐกิจ

    มีค59-1มค63-30กค.65 ใครไม่เปลี่ยนก็จะถูกเปลี่ยน
    21มีค63-30เมย64 ระวังเรื่องอุบัติเหตุหนักๆ -มีค65 ปัญหาเรื่องหนี้
    กค.65-ธค72 เรื่องเศรษฐกิจล้วนๆต่างชาติจะรุมเข้ามาเอาเปรียบ


    เอามาลงได้อ่านเอง
    Tommy Kung1 สัปดาห์ที่ผ่านมา (แก้ไขแล้ว)
    สรุปให้นะ 1. ทุกคน ต้องปฏิวัติตัวเอง คือ เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเศรษฐกิจยุคใหม่มันไม่เหมือนเดิม ใครไม่เปลี่ยนแปลง จะตกขบวน จะตามไม่ทัน (ก็ตามเศษรฐกิจ ก็จะรู้เรื่อง เช่น การขายของปัจุบัน เข้ามาอยู่ใน Online เป็นต้น) 2. การจะย้ายเมืองหลวง มีความเป็นไปได้ แต่ห้ามใช้คำว่าย้าย แต่ให้ใช้คำว่า ขยายเมืองหลวง (ก็ตามข่าวก็จะทราบว่า ปัจุบัน รัฐบาลทุกยุคก็กระจายความเจริญสู่หัวเมือง ในยุคลุงตู่จะพยายามเน้นไปสร้างเมืองใหม่ที่ EEC เป็นต้น) 3. ถ้าประเทศเราสงบจากภัยภายนอก คนไทยจะทะเลาะกันเอง (ก็ปกติ ที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันเองตลอด ถ้าไม่ได้รับภัยจากภายนอก เช่น ภัยธรรมชาติ หรือ สงคราม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2020
  10. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    เรามันทุนน้อย
    ไม่มีรถ หรือ ใครจัดกระเป๋าลองดูกันจะได้รู้ต้องเตรียมการอย่างในกระป๋อง ถ้าไม่รถก็ขนใส่อะไรอื่นๆไปอยากเช่นกระป่องของต้องใช้หรืออื่นๆหลายอย่าง หรือไปเที่ยว หรือลองออกจากกทม.ด้วยเส้น 304 สำรวจ ไปถึง อุทยานทับลาน หรือเขาใหญ่ ถ้าไม่ไกลเกินไปหรือเปล่าสำหรับการเดินทางของคนกทม.ทุกคน ช่วยกันหามุมมองหลายมุม (ไม่ถามหรือทำไมไม่มองไปตะวันตกบ้างที่ใกล้ๆกทม.สูงๆก็มี ถามมาก็ไม่ตอบ ต้องหาข้อมูลใส่ตัวกันเอง เรามาเขียนไว้เพื่อตัวเองได้จำแผนการจะไปทำไปตามขั้นตอน)
    ถ้าไม่ไกลนักจากกรุงเทพฯไปกลับไม่นานขับรถไม่นาน ก็เตรียมกระป่องสังฆทานไปถวายพระ เผื่อต้องเข้าสำรวจตามวัดระหว่างทางที่ขึ้นเขาแล้วก็เข้าไปทำบุญ จะเป็นสำนักสงฆ์ก็ดี ได้รู้จักกับพระไว้ ได้รู้ว่าท่านยังขาดแคลนอะไรที่จำเป็นแก่กิจสงฆ์ หรือท่านผู้ไปสำรวจมาก่อนมาเป็นหัวเรือใหญ่จัด ผ้าป่าไปถวายวัดต่างๆกระป๋องละวัด9วัดก็ได้ เผื่อวานชวนพวกเราไปด้วยนะ ก็เอาข้อมูลมาบอกในเวปพลังจิตนี้เผื่อใครได้ไปทำบุญกันด้วย สนใจนะ ออกหนีออกจากกทม.ทางนี้น่าสนใจนะ

    ปีใหม่หน้าฝากสำรวจข้างทางถนน304ไป อุทยานทับลาน เช่นสำรวจถนนข้างทาง ร้านอาหาร ที่่ท่องเที่ยว ที่กางเต้นตามสถานที่หน่วยงานจัดบริการก็ดี ที่สำคัญวัด หรือปฏิษิตธรรมะ(ได้ยินว่าถ้ารถติดมากให้มาทางถนนเส้นนี้หนีทันปลอดภัย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2020
  11. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    บันทึกไว้เพื่อเตือนตัวเอง(เราบอกเตือนใครได้ ตัวเรามีปัญหาอะไรก็ได้มีใครมาช่วยคิดช่วยบอกอะไรได้เลย ต้องต่อสู้ด้วยตนเอง)
    ถ้าได้รู้ก่อนว่าภัยอะไรมาการได้เตรียมตัวไว้ก่อนก็คงทุกข์น้อยลงกว่าคนอื่นๆนะ

    ได้ข่าวพระคำข้าว
    ปีพศ.2564 ราคาจะแพง

    ถ้าสงครามเกิด
    1อาหาร ข้าวสาร เมล็ดพันธ์ เกลือ น้ำมันพืช
    2ยารักษาโรคสามัญประจำบ้าน
    3น้ำดิ่มที่สะอาด
    4เสื้อผ้า
    5สถานที่ปลอดภัย(ที่อยู่),ที่พักอาศัย
    6เชื้อเพลิง,อุปกรณ์ให้แสงสว่าง,ไฟแซ็ก มากๆ
    7อุปกรณ์ป้องกันตัว มีด
    8พลังงานไฟฟ้าสำรอง ไฟฉาย แบตเตอรี่
    9วิทย์ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์
    10เงินซื้อของช่วงแรกของสงคราม

    มีค59-1มค63-30กค.65 ใครไม่เปลี่ยนก็จะถูกเปลี่ยน
    21มีค63-30เมย64 ระวังเรื่องอุบัติเหตุหนักๆ -มีค65 ปัญหาเรื่องหนี้
    กค.65-ธค72 เรื่องเศรษฐกิจล้วนๆต่างชาติจะรุมเข้ามาเอาเปรียบ

    ต้องเปลี่ยนแปลงทำสิ่งใหม่ๆ อย่าเสี่ยงมาหรือสร้างหนี้เครียหนี้ให้หมด ปลูกต้นไม้

    ๒๓ มนุษย์เป็นอันมาก ได้ยึดถือเอาที่พึ่งผิดๆ -บาลี ธ. ขุ. ๒๕/๓๙/๒๔. มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก ถูกความกลัวคุกคามเอาแล้ว ย่อมถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง สวนศักดิ์สิทธิ์บ้าง รุกขเจดีย์บ้าง ว่าเป็นที่พึ่งของตนๆ : นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันทำความเกษมให้ได้เลย, นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด; ผู้ใดถือเอาสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่หลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวงได้. ส่วนผู้ใดที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว เห็นอริยสัจทั้งสี่ด้วยปัญญาอันถูกต้อง คือเห็นทุกข์, เห็นเหตุเป็นเครื่องให้เกิดขึ้นของทุกข์, เห็นความก้าวล่วงเสียได้ซึ่งทุกข์, และเห็นมรรคประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ ซึ่งเป็นเครื่องให้ถึงความเข้าไปสงบรำงับแห่งทุกข์ : นั่นแหละคือที่พึ่งอันเกษม, นั่นคือที่พึ่งอันสูงสุด, ผู้ใดถือเอาที่พึ่งนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวง ได้แท้.



    ชอบดีไม่ไกลกรุงเทพฯขับรถไม่ไกลให้เหนื่อย ปีใหม่หน้าฝากสำรวจข้างทางถนน304ไป อุทยานทับลาน เช่นสำรวจถนนข้างทาง ร้านอาหาร ที่่ท่องเที่ยว ที่กางเต้นตามสถานที่หน่วยงานจัดบริการก็ดี ช่วงอยู่บนภูเขาก็ดี ที่สำคัญวัด หรือปฏิษิตธรรมะ(ได้ยินว่าถ้ารถติดมากให้มาทางถนนเส้นนี้หนีทันปลอดภัย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2020
  12. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ข้อมูลสนใจ จากเวปนี้ขอขอบคุณถ้าอยากอ่านมากๆเข้าไปอ่าน
    https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1742161

    สมมติเมื่อเกิดมหาวิบัติ "สงครามโลกครั้งที่ 3" เต็มไปด้วยอาวุธร้ายแรงระเบิดนิวเคลียร์ทำลายล้าง ชาวโลกควรทำอย่างไรเมื่อเกิดภาวะสงคราม แน่นอนไม่พ้นวิกฤติข้าวยากหมากแพง หากมีการเตรียมพร้อมน่าจะอยู่รอดปลอดภัยได้ ไม่ใช่สิ่งที่ก่อให้เกิดความตระหนกกับผู้คน เพราะที่ผ่านมาในปี 2018 ประเทศสวีเดน เคยออกคู่มือให้พลเมืองเตรียมพร้อมรับมือสงครามมาแล้ว อันดับแรกต้องเตรียมสถานที่หลบภัย กักตุนอาหาร น้ำ และยา เพื่อการดำรงชีพให้ยาวนานที่สุด

    “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” พูดคุยกับ “ปิยะชีพ ส.วัชโรบล” ประธานเครือข่ายรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภาคประชาชน ได้ออกมาแนะวิธีเตรียมพร้อมรับมือหากเกิด "สงครามโลกครั้งที่ 3" เริ่มจากการปลูกพืชกินเอง เนื่องจากหากเกิดสงครามจะเกิดไฟไหม้ น้ำท่วมไปทั่วโลก โดยสต็อกอาหารทั้งในอเมริกาและออสเตรเลีย จะถูกน้ำพัดพาไป ซึ่งแน่นอนราคาอาหาร น้ำ และยารักษาโรค จะขึ้นราคา

    นอกจากนี้จะเกิดเชื้อโรคแพร่กระจายในอากาศ จากฝุ่นของนิวเคลียร์ที่มีขนาดเล็กฟุ้งกระจายในอากาศไปทั่วโลก อย่างกรณีระเบิดนิวเคลียร์ถล่มเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ได้กลายเป็นฝุ่นพิษรังสีกระจายไปทั่ว และกระตุ้นน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ-ใต้ ละลายซึมลงสู่พื้นดินข้างใต้ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นควรเดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้า หรือเอาน้ำล้างเท้า เพื่อล้างสารพิษ

    สิ่งสำคัญที่สุดควรหาแหล่งหลบภัยในต่างจังหวัด หรือเข้าพื้นที่ป่ามีแหล่งน้ำ ซึ่งไม่ใช่ในเขตเมืองหลัก เพื่อป้องกันรังสีนิวเคลียร์ อีกทั้งขณะนี้ไทยประสบปัญหาภัยแล้งขาดน้ำ ซึ่งในอนาคตภัยแล้งจะดำดิ่งเกิดวิกฤตินานไป 3 ปี หรือปีหน้าจะมีน้ำประมาณ 30-40% เท่านั้น และควรกินเกลือโพแทสเซียม ไอโอดายด์ เพื่อให้ระดับไอโอดีนในร่างกายสูง ทำให้การดูดซึมไอโอดีนกัมมันตรังสีจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายลดลง หรือใช้แผ่นฟอยล์หรืออะลูมิเนียมฟอยล์ คลุมหัวป้องกันรังสี และใช้บุปิดรอบห้องให้แน่นหนา เพื่อป้องกันสารกัมมันตรังสี รวมถึงปลูกต้นลิ้นมังกร เพื่อกรองฝุ่นกรองพิษในอากาศ
    Dtbezn3nNUxytg04Oai7i2kmh3KzABppJR9vJXvsl7f8U9.jpg
    ในฐานะผู้ที่ศึกษาระบบสุริยะพบว่า ขณะนี้ระบบสุริยะเคลื่อนที่จากระบบอวกาศผ่านทางช้างเผือก และดวงดาวที่เรียงตัว เกิดพลังงานกำลังเดินทางมายังจุดกึ่งกลางของโลก ข้ามประเทศนอร์เวย์มาแล้ว บ่งบอกว่าโลกกำลังปรับสมดุล จะมีคนตายมากขึ้น ทำให้ประเทศออสเตรเลีย ร้อนมากสุด รองลงมาประเทศไทย ซึ่งบ่งบอกมีรอยแตกบางอย่างของเปลือกโลกกับจุดศูนย์กลางของเส้นศูนย์สูตร ทำให้ขณะนี้ไทยมีอากาศร้อนผิดปกติประมาณ 33 องศาฯ แทนที่จะอากาศหนาว

    ขณะเดียวกันพลังงานจากอวกาศ ทำให้คลื่นความถี่ของโลกเปลี่ยนแปลงกระทบต่อเลือดและสมองของมนุษย์ ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 และตั้งแต่เดือน มี.ค.เป็นต้นไป
    จะเกิดการระเบิดของดาวฤกษ์ หรือซุปเปอร์โนวา มีการแผ่รังสีรุนแรงมายังโลก ทำให้ผู้คนปวดหัวโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดอารมณ์ร้อน บ่งบอกว่าโลกปีนี้เริ่มอันตรายและยาวนาน 5-10 ปี เกิดสงครามและโรคระบาด เนื่องจากโอโซนบนชั้นบรรยากาศลดลง ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียและฝุ่นอวกาศจากฝนดาวตกที่ผ่านโลก

    “สงครามตัวแทนเริ่มเกิดมาตั้งแต่ปี 2017 และจะลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แม้ที่ผ่านมารัสเซียพยายามสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านตอบโต้รุนแรง แต่คิดว่าอิสราเอลคงจะชิงโจมตีก่อน ส่วนสหรัฐฯ จะโดนการก่อการร้ายแน่นอน ตามไปด้วยอังกฤษที่ออกมาแสดงตัวชัดเจน ต้องระวังการก่อการร้าย และโดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียได้ให้อิรักเทียบเชิญนายพลคาเซม โซไลมานี่ของอิหร่าน มาร่วมประชุมหาทางแก้ไขความตึงเครียดในตะวันออกกลาง กระทั่งถูกลอบสังหารที่แบกแดด ทำให้อิรักแค้นมากที่ถูกหลอกใช้ และนับแต่นี้จะเป็นการเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างแน่นอน”.
     
  13. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ขอขอบคุณเวปนี้
    https://www.kid-dd.com/5014
    เคนย่า ประเทศแรกที่สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำดื่มสะอาดได้
    01/06/2020 - by adminkim
    Untitled-1-copy-12-735x400.jpg


    เคนย่า ประเทศแรกที่สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้เป็นน้ำดื่มสะอาดได้

    ปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของคนเราร่างกายต้องการสารอาหารเกลือแร่และอะไรอีกหลายๆอย่างแต่ที่ขาดไม่ได้คือน้ำแน่นอนว่าเราทุกคนล้วนต้องการน้ำดื่มเพื่อไปหล่อเลี้ยงร่างกายแต่จะยังคงมีอีกหลายที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้นยังคงมีประเทศอื่นอีกที่ยังต้องการน้ำดื่มที่สามารถหล่อเลี้ยงคนได้ทั้งประเทศ

    1-3.png

    ปัญหาเหล่านี้ยังคงต้องการบุคลากรที่สามารถคิดค้นแก้ไขปัญหานี้แต่ปัญหาเหล่านี้กำลังจะหมดไปเมื่อมีองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อว่า Give Power ได้ทำการติดตั้งแผงพลังงานแสดงอาทิตย์ที่สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำดื่มได้เพื่อช่วยคนอีกมากกว่า 25,000โดยเริ่มที่ประเทศเคนย่าเป็นประเทศแรกก่อนเลย และองค์กรดังกล่าวก็ได้เริ่มติดตั้งแผงพลังงานนี้ที่แรกเพื่อทดสอบในเดือนสิงหาคมปีนี้ อีกทั้งผลปรากฎว่ามันประสบความสำเร็จในเมือง Kiunga ประเทศเคนย่าผู้ซึ่งได้ดื่มน้ำสะอาดจากการติดตั้งแผงพลังงานในครั้งนี้และพวกเขาเองยังคงวางแผนว่าจะไปติดตั้งทั่วโลก

    2-3.png

    ถึงแม้ 1 ใน 3 ของคนไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดนี้ได้ เมืองนี้จึงถือได้ว่าเป็นเมืองอันดับต้นๆ ที่ต้องรีบเข้าช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จในครั้งนี้ทางองค์กรก็ยังคงวางแผนที่จะไปติดตั้งที่โคลัมเบียและเฮติอีก
    ความสำเร็จในการติดตั้งครั้งนี้ทำให้มีการแจกจ่ายน้ำไปได้สูงสุดถึง 35,000 คน ต่อวันอักด้วย

    3-4.png

    โดยปกติแล้วการแยกเกลือออกจากน้ำนั้นใช้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมากแต่ถ้าหากหันมาใช้เป็นพลังงานแสงอาทิตย์แทนก็จะเป็นทางออกที่ดีในระยะยาวอีกด้วย Give Powerได้เรียกการทำงานนี้ว่าฟาร์มน้ำแสงอาทิตย์ ซึ่งพลังงานที่ได้มานั้นประมาณ50 กิโลวัตต์จะสามารถนำไปหล่อเลี้ยงปั๊มน้ำทั้ง 2 ตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

    5-5.png

    ก่อนหน้าที่จะมีเครื่องนี้ ผู้คนหลากหลายคอยเดินทางไกลเป็นชั่วโมงเพื่อไปเสาะหาน้ำที่สามารถดื่มได้ น้ำทุกหยดมันมีค่าสำหรับพวกเขามาก นอกจากนี้น้ำในทะเลก็ไม่ค่อยดีต่อร่างกายในการใช้ในการใช้ชีวิตประจำวัน

    4-3.png

    ประธานของ GivePower ชื่อ Hayes Barnard เขาเล่าว่าได้เห็นบาแผดลบนลำตัวของเด็กๆมากมายเป็นเพราะฤทธิ์ของเกลือเล่าว่าเขาเห็นแผลเป็นบนตัวเด็กมากมายเพราะว่าฤทธิ์ของเกลือoนั่นเองหรือบางทีน้ำก็ไม่ค่อยสะอาด และการติดตั้งครั้งนั้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขามีน้ำดื่มแต่ยังช่วยให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย

    ขอขอบคุณที่มา : https://bit.ly/2umyR3e
     
  14. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ที่จริงไม่อยากให้กระทู้เลื่อน แต่เตรียมไว้เต็มก็เลยต้องหาช่องไว้

    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ขอกราบขอบคุณในคำสอน
    ในพระบริสุทธิ พระเมตตา ต่อข้าพเจ้า

    เอาสิ่งดีมาลง ส่วนข้างบนไม่ลบ ผู้สร้างกรรมไม่ดีก็เป็นของเขาเอง อยู่ดีไม่ชอบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2020
  15. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ศีล สมาธิ ปัญญา ได้ความรู้ จากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

    มีสิ่งดีนำมาลง ส่วนข้างบนไม่ลบ เราเขียนไว้ดีแล้ว ส่วนคนมีกรรมมากดโกธรเองก็เป็นกรรมไม่ดีของเขาเองเราไม่เกี่ยว ขอแผ่เมตตาให้เขามีความสุข
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มกราคม 2020
  16. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์ ผู้มีเมตตาสอนให้ชาวโลกรู้ สาธุุ สาธุ สาธุ

    ข้างบนเขียนไว้ดีแล้ว แต่สงสารเป็นกรรมของสองคนที่มันคิดไม่ดีเอง

    จะเขียนฝากไว้เรื่องอื่น เช่น น้ำแล้งจะหมดแล้วเขาพึ่งเห็นหน่วยรัฐ พึ่งลงไปในพื้นแล้ง
    ท้้งที่จริง ดร.เสรี ก็เคยบอกเตือนไว้ก่อนแล้วเป็นปีๆส่วนกรมอุตุเตือนไว้ล่วงหน้า3แต่หน่วยงานที่มีหน้าที่ต่อไม่ทำอะไรไว้ป้องกันภัยแล้งน่าสงสารคนเดือดร้อนภัยแล้วจัง ว่าเกิดความเดือดร้อนแบบนี้มาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว แต่ไม่ใครสนใจ แล้วต่อไปคำเตือนและความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่นๆจะยังจะเชื่อถือได้ไหม ทุกอย่างเป็นคำถามให้หน่วยงานเอกชนเราต้องช่วยเหลือตัวเอง เขียนเตือนตัวเอง ดีนะกรุงเทพฯยังมีน้ำประปาใช้ไม่เดือดร้อนเหมือนคนอยู่บ้านนอก จะถือว่าเป็นกรรมของเขาหรือ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2020
  17. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    มงคล 38 ประการ ได้ทราบจากคำสอนของ พระุพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

    เก็บเรื่องอื่นๆด้วย

    น่าสนใจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2020
  18. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    ความยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
    คำสอนของพระพุทธเจ้า
    การบังเกิดของพระพุทธเจ้า



    ข้อมูลข้างล่างดีขออนุญาติเอามาลงเก็บไว้ด้วยครับ
    บุรีรัมย์ ถิ่นภูเขาไฟ เท่าที่จำได้มีไม่น้อยกว่า 3 ลูก ได้แก่ เขากระโดง เขาพนมรุ้ง และเขาอังคาร ซึ่งผมไปดูมาหมดแล้ว มันยังคงทิ้งหลักฐานเป็นปล่องภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วให้เห็น

    ผมว่าบุรีรัมย์อยู่ได้หมด ทั้งใกล้และไกลจากแหล่งภูเขาไฟเก่า ถ้าไกลก็ดูทิศทางลมแล้วหนีไปที่อื่นได้หลายทิศทาง เพราะมีถนนเชื่อมจังหวัดใกล้เคียงทุกจังหวัด หากอยู่ใกล้แหล่งภูเขาไฟเหมาะกับคนที่ช่างสังเกตุ หากมีอะไรที่ผิดสังเกตุเช่น แผ่นดินไหวทั้งที่ไม่เคยมีมาก่อน หรือมีกลิ่นกำมะถันและอาจมีสัตว์ล้มตายผิดปรกติ ก็สามารถเริ่มย้ายหนีได้ทันที

    สิ่งที่น่ากังวลนอกจากภัยแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด คือ น้ำจากเขื่อนจังหวัดอื่นที่หลากมาตามลำน้ำสู่ที่ลุ่ม เช่น ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำลำชี ลุ่มน้ำลำปลายมาศ จนทำให้สะพานตามถนนหลักถูกตัดขาดได้ (อีสานตอนล่างมีลำน้ำสาขาย่อยถึง 67 สาย) แต่ทั้งนี้โอกาสเกิดน้อยมากเพราะน้ำพุร้อนยังไม่มีเหมือนบางภาคเลย แต่ที่น่าสนใจคือ มีแหล่งขุดเจาะน้ำมันหลายที่ในอีสานรวมถึงบุรีรัมย์ด้วย

    ส่วนตัวแล้วอีสานก็ยังถือว่าปลอดภัยกว่าที่อื่นมากเว้นแต่เรื่องน้ำจากเขื่อนต่างๆ ส่วนอีสานตอนบนจะเผชิญกับน้ำหลากจากแม่น้ำโขงที่รุนแรงเกินคาดเพราะเขื่อนสามผาและเขื่อนต่างๆของลาวนั่นเอง

    ข้อดีคือ ลักษณะพื้นที่ของภาคอีสานส่วนหนึ่งจะเป็นพื้นที่ดอนมาก น้ำจึงไม่น่าจะท่วมถึงแต่จะเจอโคลนถล่มแทน

    ดังนั้นการหาทำเลดีๆหาไม่ยากแต่ต้องหาดูดีๆไม่ให้ใกล้เขตเขามากนัก มีถนนตัดผ่าน มีที่พอทำกินได้ มีน้ำบาดาลหรือสระน้ำสามารถกักเก็บน้ำได้ดี ล้อมรั้วบ้าน ขุดหลุมทำที่หลบภัยถาวรไว้กันน้ำได้ ไม่ติดไฟ และไม่ชื้นมาก จัดเตรียมอาหารแห้ง เมล็ดพันธุ์พืช จอบ เสียม มีด 3 ขนาด น้ำสะอาดใส่ถัง เครื่องกรองน้ำสะอาด เตรียมยารักษาโรค โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ ยาล้างแผล ยาฉีดกันเชื้อบาดทะยัก กระดาษทิชชู ผ้าอนามัย หูฟังกันเสียง (กันคลื่นกระแทกได้ยิ่งดี แต่แพง) หน้ากากกันแก็สพิษ แว่นตาแบบใส และแบบกรองแสง UV เสื่อ ถุงนอน เทียนไข ไฟเช็ค หินรับมีด หินจุดไฟ ขี้ไต้ ฟื่นแห้ง ตะเกียงเจ้าพายุ น้ำมันก๊าซ เกลือไอโอดีน น้ำตาล เครื่องเทศ กล่องสูญญากาศ เสื้อผ้าเท่าที่จำเป็น เสื้อกันหนาว รองเท้าบู้ต วิทยุมัลติแบรนด์ รถจักรยานและอะไหล่กับเคลื่องมือซ่อม หม้อหุงต้ม หม้อหรือกระทะทองแดง (เชื้อแบตทีเรียไม่ถูกกับโลหะทองแดง) เข็มเงินหรือช้อนเงินไว้ตรวจพิษจากอาหาร เต้นท์สำรอง เชือก ซองใส่เอกสารสำคัญไว้ระบุตัวตนและความเป็นเจ้าของ ผักดองต่างๆ ดาบ หน้าไม้ ตะบอง ปืนกระสุน ไฟฉาย 2 ขนาด เสื้อชูชีพ เรือยางชูชีพ (หากมีงบพอ) ตำราการเอาตัวรอด ฯลฯ

    ถ้าเกิดเหตุจริงๆ คุณมีเวลาเตรียมของต่างๆไม่เกิน 1 วัน เคลื่อนย้ายคน 1-3 วัน ดำรงอยู่ในพื้นที่ปิดได้ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1-2 ปี ขึ้นกับความสามารถในการดำเนินการของท่านเอง

    สุดท้าย ก่อนเกิดเหตุขึ้นจริง ควรหาเวลาศึกษาจากตำราการเอาตัวรอดก่อน เพื่อท่านจะได้เตรียมตัวได้ถูกและทันกาล

    Spammer, 28 พฤษภาคม 2013 ผู้เขียนไว้ให้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 26.png
      26.png
      ขนาดไฟล์:
      49.9 KB
      เปิดดู:
      39
    • 105.png
      105.png
      ขนาดไฟล์:
      50.4 KB
      เปิดดู:
      101
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2021
  19. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
    ขออำนาจจากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์และบุญของข้าพระเจ้า และขอพระโปรดเมตตา ให้กับคนมากดโกธรไว้ด้วยเถิดให้อภัยเขาเหล่าและขอให้เขาเหล่านั้นมีความสุขมากๆ

    คำทำนายเรื่อง " โลกเสื่อม "

    " โลกจะละลายในปลายปี พ.ศ.๒๕๗๕ การละลายของโลกนั้นได้เป็นไปตามกาล แต่มวลมนุษย์ไม่ได้เป็นไปตามความเสกสรรนั้นๆ ศาสนายังเคียงคู่อยู่ประจำผู้ปฏิบัติธรรมยังมีอยู่ ยุคนั้นเรียกยุคสมบูรณ์แบบสมัยโลกนิยม เพราะการปกครองต้องเป็นไปตามความต้องการของโลก พระราชาอยู่ใต้อำนาจ ราษฎรหาความสุขมาสู่ตัวเอง สมบัติเป็นของกลางสตางค์ไม่มีใช้ ต้นไม้สูญพันธ์ กรมราชทัณฑ์เปิดทาง คนตะรางมาอยู่ข้างนอก

    โลกเสื่อมนั้นเสื่อมจากภาวะการปกครอง ต่อไปอีกศาสนาจะคล้อยเหมือนคล้อยลงเหว พระก็ทำไม่ดี ชีก็ทำไม่งาม เป็นเสี้ยนหนามของโลก ฝ่ายปกครองก็ไม่เอาใจใส่ทางศาสนา ต่อนั้นลงมาเป็นยุคไฟเผาโลก เพราะโลกขาดธรรมะ เมื่อพระสูญพันธุ์พระอาทิตย์พระจันทร์มืดหมอก โลกร้อนเผากันเอง สัตว์ป่าในมนุษย์ก็สูญพันธุ์ของมันไป "
    •••••••••••••••••••••••••••••••••••
    คำทำนายขององค์หลวงปู่สาย เขมธัมโม วัดป่าพรหมวิหาร บ้านภูศรีทอง ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู
    •••••••••••••••••••••••••••••••••••
    หลวงปู่บอก อาจจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกอย่างแต่จะเป็นไปในทำนองนี้
    •••••••••••••••••••••••••••••••••••
    คัดลอกบางส่วนจาก : กัณฑ์เทศน์เมื่อปี ๒๕๔๔
    ดูน้อยลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2021
  20. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,776
    ค่าพลัง:
    +1,221
    พระอิริยะสงฆ์ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์

    คำทำนายประเทศไทย ปี พ.ศ. 2575 โดย หลวงปู่สาย เขมธัมโม พระอรหันต์แห่งวัดป่าพรหมวิหาร
    คำทำนาย " เรื่องโลกเสื่อม " ขององค์ หลวงปู่สาย เขมธัมโม
    วัดป่าพรหมวิหาร บ้านภูศรีทอง ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู

    "โลกจะละลายในปลายปี พ.ศ.2575 การละลายของโลกนั้นได้เป็นไปตามกาล แต่มวลมนุษย์ไม่ได้เป็นไปตามความเสกสรรนั้นๆ ศาสนายังเคียงคู่อยู่ประจำผู้ปฏิบัติธรรมยังมีอยู่ ยุคนั้นเรียกยุคสมบูรณ์แบบสมัยโลกนิยม เพราะการปกครองต้องเป็นไปตามความต้องการของโลก พระราชาอยู่ใต้อำนาจ ราษฎรหาความสุขมาสู่ตัวเอง สมบัติเป็นของกลางสตางค์ไม่มีใช้ ต้นไม้สูญพันธ์ กรมราชทัณฑ์เปิดทาง คนตะรางมาอยู่ข้างนอก โลกเสื่อมนั้นเสื่อมจากภาวะการปกครอง ต่อไปอีกศาสนาจะคล้อยเหมือนคล้อยลงเหว พระก็ทำไม่ดีชีก็ทำไม่งาม เป็นเสี้ยนหนามของโลก ฝ่ายปกครองก็ไม่เอาใจใส่ทางศาสนา ต่อนั้นลงมาเป็นยุคไฟเผาโลกเพราะโลกขาดธรรมะ เมื่อพระสูญพันธ์พระอาทิตย์พระจันทร์มืดหมอก โลกร้อนเผากันเอง สัตว์ป่าในมนุษย์ก็สูญพันธ์ของมันไป "

    ที่มา: คุณ Pradej หนองบัวลำภู
    บันทึกคำทำนายเมื่อ พ.ศ.2544

    -------------------------------------------------------------------------------------

    หลวงปู่สาย เขมธัมโม

    - หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้รับรองว่าหลวงปู่สายท่าน "สำเร็จ" แล้ว

    - หลวงปู่หลอด ปโมทิโต ท่านกล่าวว่าหลวงปู่สาย ท่านเป็นพระอรหันต์

    - มีพระลูกวัดพบประสบการณ์แปลกๆ เช่นหลวงปู่หายตัวได้ อยู่หลายครั้ง

    - มีคนที่วัดเคยประสบเหตุการณ์หลวงปู่ "ย่นระยะทาง"(เดินออกมาทีหลัง แต่มาถึงก่อน)

    - มีคนเคยเห็นหลวงปู่พูดคุยกับสัตว์ได้ (ในเหตุการณ์นั้นคือ "นก")

    - หลวงปู่เคยเล่าว่า มีลูกศิษย์หลวงปู่อยู่บ้านนึง นำรูปหลวงปู่พร้อมรอยจาร เข้าบ้าน ปรากฏว่าผีหนีออกหมด

    ฯลฯ

    ไฟล์ที่แนบมา:


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2021

แชร์หน้านี้

Loading...