เปิดเผยเคล็ดลับการหลอมพระแก้วยืนเป็นวิทยาทานแก่คนรุ่นหลัง หน้า 2 #30 ขึ้นไป

กระทู้นี้เคยชื่อว่า : ใช้หม้อหุงข้าวหล่อพระแก้วได้ (อนาคตที่ใกล้มาถึงเร็วๆนี้) [อาจทันเห็นในชาตินี้]

ขออนุญาตเวปพลังจิตตั้งกระทู้ในเชิงวิทยาศาสตร์ที่กำลังก้าวหน้าอย่างมาก

โปรดติดตามอ่านกระทู้นี้ครับ ในอนาคตอันใกล้ อาจทันเห็นในชาตินี้อีกเพียงไม่กี่สิบปี มนุษย์อาจสามารถใช้หม้อหุงข้าวหล่อพระแก้วได้แล้ว

ผมจะค่อยๆเขียนนะครับ ปัจจุบันปี พ.ศ. 2563 บริษัทฮิตาชิประเทศญี่ปุ่นค้นคว้าจนกระทั่งได้สูตรการหลอมเหลวแก้วในอุณหภูมิต่ำเพียง 220 เซลเซียส ได้น้ำแก้วที่สามารถไปสร้างชิ้นงานแก้วได้แทบทุกชนิดแล้ว

 

สำรองพื้นที่

 

สำรองพื้นที่ 1

 

ผมคาดการณ์เองนะครับว่า ในเมื่อนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทใหญ่ๆอย่างฮิตาชิญี่ปุ่น เขาค้นคว้าและทดลองจนประสบความสำเร็จในการหล่อแก้วในจุดหลอมเหลวที่ต่ำพิเศษ คือประมาณ 220C ผมคาดเดาว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ นักวิทยาศาสตร์ในค่ายอื่นๆในประเทศอื่นๆ ก็น่าจะค้นคว้าหาสูตรเคมีภัณฑ์ใหม่หมด จนกระทั่งสามารถหล่อ หรือหลอมได้ที่ต่ำกว่า 220C โดยผมฝันนอกกรอบไปเลยนะครับว่า อาจลดเหลือแค่ 100C

 

ถ้าเมื่อใดจุดหลอมเหลวลดลงเหลือประมาณ 100C การหลอมเหลวในหม้อหุงข้าวเป็นอันว่า ใช้ได้เลย

 

อดีตเมื่อพันปีก่อน มนุษย์ยังไม่มีเคมีภัณฑ์ใช้กัน มนุษย์หลอมทรายทะเลสีขาวบริสุทธิ์ด้วยความร้อนที่เขาเองก็ไม่ทราบว่ากี่องศา ( ต่อมาเมื่อมีเครื่องวัดอุณหภูมิ เราจึงรู้ว่า การหลอมทรายทะเลสีขาวบริสุทธิ์ให้มาเป็นน้ำแก้วได้นั้น ต้องใช้อุณหภูมิถึง 2,000 C เซลเซียส ) และต้องหลอมอยู่นานไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงขึ้นไป

 

ต่อมาประมาณ 100 ปีก่อน มนุษย์มีเคมีภัณฑ์ใช้กัน มนุษย์จึงรู้จักการใช้โซดาแอซมาใส่เข้าไปในเบ้าหลอมแก้วในปริมาณมาก จึงสามารถลดอุณหภูมิการหลอม จาก 2,000C ลงมาเหลือประมาณ 1,650C

หมายเหตุ
100 ปีก่อนคือปี ค.ศ. 1920

 

ต่อมาประมาณ 90 ปี มนุษย์จึงมีเคมีภัณฑ์มากมายหลากหลายขึ้น จึงผสมเคมีภัณฑ์อื่นๆเข้าไปในเบ้าหลอมอีก นอกจากทำให้แก้วใสมากยิ่งขึ้น แก้วก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่ดีขึ้น พร้อมๆกันนั้นก็ลดอุณหภูมิการหลอมเหลวลง จาก 1,650C ลงมาเหลือ 1,480C แต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการหลอมมากกว่า 12 ชั่วโมงเหมือนเดิม

หมายเหตุ
90 ปีก่อนคือปี ค.ศ. 1930

 

นับจากปี ค.ศ. 1930 เป็นต้นมา มนุษย์ก็หลอมน้ำแก้วกันที่จุดหลอมเหลว 1,480C โดยต้องใช้เวลาการหลอมเหลวจากเม็ดทรายแห้งๆกับเคมีภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมงขึ้นไป

 

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 - 2020 โรงงานหลอมแก้วมีพัฒนาการของแต่ละโรงงานไม่เหมือนกัน ส่วนมากยังคงยึดสูตร ทราย + เคมีภัณฑ์ + 1,480C = Glass ส่วนน้อยยึดสูตร ทราย + เคมีภัณฑ์ (เพิ่ม???) + 1,200C = Glass ส่วนน้อยฉีกแนวสูตรเคมีภัณฑ์ไปในแต่ละวัตถุประสงค์ออกไป เช่น บางโรงหลอมแก้วมุ่งเน้นแก้วตะกั่วที่ใช้ป้องกันรังสี X-Ray บางโรงหลอมแก้วมุ่งเน้นวัตถุประสงค์อื่นๆกันออกไป แต่อุณหภูมิก็ยังอยู่ในช่วง 1,200 - 1,650C

 

ประมาณปี ค.ศ. 2000 ได้มีนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกจากทุกค่าย ได้คิดค้นหรือค้นคว้าสูตรเคมีภัณฑ์ที่ยิ่งโดดเด่นออกไปอีก ทำให้อุณหภูมิจุดหลอมเหลวต่ำลงเป็นอย่างมาก จาก 1,480C ลงมาเหลือประมาณ 780C แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก และไม่ค่อยมีตลาดไว้รองรับ

 

เมื่อมาถึงปี ค.ศ. 2020 อเมริกาจากการทุ่มเทให้ประชาชนของเขาได้เรียนรู้วิชาหลอมแก้วในระบบสตูดิโอ คือเปลี่ยนรูปแบบจากโรงงานหลอมแก้วขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ซึ่งขนาดเล็กก็เริ่มต้นที่การหลอมแก้ววันละไม่ต่ำกว่า 2.3 ตันและต้องหลอมทุกวันต่อเนื่องไม่มีวันหยุด มาเป็นสตูดิโอที่วันไหนจะหลอมก็หลอมได้เลย วันไหนไม่ทำงานก็หยุด และจำนวนการหลอมมีทั้งแบบหลอมวันละ 100 kg ก็ได้

เขาดักสอนประชาชนของเขาเช่นนี้มาสิบกว่าปีแล้ว ประเทศไทยยังไม่รู้เรื่องเลย โดยสตูดิโอที่อเมริกานี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ แบบจุดหลอมเหลวที่ประมาณ 1,480C และแบบ 780C

หมายเหตุ
1,480C เป็นเบ้าหลอมวันละ 100 kg ขึ้นไปไม่เกิน 500 kg
780C เป็นการหลอมด้วยเทคนิค Lost Wax Glass ที่ไม่จำกัดปริมาณน้ำแก้ว จะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ได้

 

เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ที่บริษัทดังๆระดับโลกหลายบริษัท กำลังค้นคว้าต่อไป ทำให้จุดหลอมเหลวแก้วลดลง เหลือเพียง 220C และอาจใช้เวลาการหลอมไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็อาจเป็นได้

น้ำแก้วสามารถนำไปขึ้นรูปชิ้นงานแก้วได้ทุกอย่าง และมีความแข็งผิวที่ยังคงใกล้เคียงเดิมคือประมาณ 5 โมล์สเกล คือแข็งมาก ยังคงแข็งแรงเท่าเดิม

 

การก้าวกระโดดขั้นตอนนี้ถือว่าเป็นการกระโดดได้ไกลที่สุดที่มนุษย์เคยค้นคว้า แต่ไม่ทราบว่า มีเรื่องลิขสิทธิใดๆเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือไม่ ? อย่างใด ?

จุดหลอมเหลวแก้วที่ 220C นานเพียง 2 ชั่วโมงนั้น ยังคงถือเป็นความลับ เพื่อขายความรู้นี้ให้แก่บริษัทใดก็ตามที่ต้องการมาซื้อความรู้นี้

 

ดังนั้น ในปี ค.ศ. 2020 นี้ สิ่งที่ผมเห็นว่าลงตัวที่สุดคือ ก้อนแก้วเพื่อการหลอมต่อจากทุกค่าย ทุกประเทศ ที่ใช้จุดหลอมเหลวที่ 780C และใช้เวลาการหลอมเพียง 1 ชั่วโมงเศษๆเท่านั้น

 

อาจจะอีกไม่กี่ปี มนุษย์คงค้นคว้าพบจุดหลอมเหลวน้ำแก้วที่เพียง 100C ก็เป็นไปได้ และชั่วโมงการหลอมอาจลดลงเหลือเพียง 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้น หากถึงวันนั้น แม้แต่หม้อหุงข้าวก็สามารถหลอมน้ำแก้วได้แล้วครับ

 

ภาพนี้ผมทำขึ้นนะครับ ไม่ใช่ภาพจริง ผมทำเพื่อให้เห็นว่า การปั้นแก้วมือเปล่าฟรีฟอร์มหรือที่เรียกกันว่าแฮนด์เมด ต้องใช้เบ้าหลอมแก้วขนาดไม่ต่ำกว่า 100 kg ขึ้นไป ใช้อุณหภูมิการหลอมเหลวที่ 1,480C

 

พระแก้วกลวงเป่าด้วยปอดหน้าตัก 9 นิ้วที่ผมสร้าง ใช้จุดหลอมเหลวที่ 1,400C สร้างโดยโรงงานแก้วเจษฏา สมุทรสาคร สร้างสำเร็จ 500 องค์ น้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนา แจกจ่าย และแจกผู้ร่วมโครงการไปแล้วทั้งหมด

หมายเหตุ
แม่พิมพ์เหล็กยังอยู่ที่ผม

 

พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วที่ผมสร้างด้วยจุดหลอมเหลวที่ 780C ใช้เวลาการหลอมเพียง 1 ชั่วโมง 15 นาที

สร้างสำเร็จประมาณ 6 องค์ น้อมถวายไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งหมด

 

พระแก้วหน้าตัก 9 นิ้วสีใสองค์แรกของปางนี้ ผมตอนนั้นยังกลัวว่า พระเศียรส่วนยอดคือเปลวเพลิงจะแหลมเกินไป จึงตัดให้สั้นไว้ก่อน แล้วค่อยหลอมแก้วเฉพาะส่วนยอดแหลมมาทากาวไร้รอยทาติดไว้

สร้างสำเร็จ 1 องค์ ผมมอบให้เพื่อนสนิทผมคุณวิชัย 1 องค์