*เปลือกไม้*สายกรรมฐานล้านนาและหลวงปู่พระมหาศิลาสวนสงฆ์แกเป๊ะกาฬสินธุ์ครับ

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

จองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

โอนเงินแล้วครับ 450 บาท เวลา 18.25 น. ส่งที่อยู่เดิมครับ ฝากช่วยตรวจสอบยอดด้วยนะครับว่าได้เข้าบัญชีท่านหรือยัง เนื่องจากผมใช้มือถือโอนแล้วมันค้างพอดี แต่เช็คบัญชีได้โอนออกไปแล้วครับ

 

เรียบร้อยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอจองครับ

 

ขอจองครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ

 

ลป.กุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ (พระนันทวิริยาจารย์)เดิมทีกำเนิดในจังหวัดนนทบุรี ในปีพ.ศ. 2443 ต่อมาเมื่ออายุครบ 11 ปีจึงบรรพชาเป็นสามเณร และย้ายไปพำนักอยู่วัดอนงคาราม ศึกษาร่ำเรียนอยู่กับ "สมเด็จพุฒาจารย์ (นวม)" เมื่ออายุครบ 21 ปีจึงเดินทางกลับมาอุปสมบทอีกครั้งที่จังหวัดนนทบุรี โดยมี "ลป.ช่วงแห่งวัดบางแพรกใต้ "เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นจึงกลับไปพำนักอยู่วัดอนงค์ตามเดิม

ลป.กุหลาบ ท่านเป็นประธานการปลุกเสกพระเครื่องพิธีใหญ่ๆในจังหวัดนนทบุรีในยุคราว 2500 เกือบทั้งสิ้น อาทิเช่นการสร้างเหรียญทุกรุ่นของลพ.ทองสุข วัดสะพานสูง ทั้ง "บล็อคเอื่อม" , "บล็อคเอี่ยม" , "ข้าวหลามตัดยันต์เล็ก /ยันต์ใหญ่" เป็นต้น

ในสมัยที่ ลป.กุหลาบ ยังพำนักอยู่วัดอนงค์นั้น ทุกครั้งที่สมเด็จ(นวม)ท่านติดธุระไม่อยู่วัด เมื่อมีใครเจ็บไข้ หรือเดือดร้อนสิ่งใดมาท่านก็แก้ไขรักษาไปให้แทนทุกครั้ง อีกทั้งบางครั้งคราว สมเด็จ ฯ (นวม) ยังให้ ลปกุหลาบ ถือพัศยศของสมเด็จฯ ไปนั่งร่วมพิธีแทนกับเถราจารย์รูปอื่นๆ อยู่ในบางครั้งซึ่งบางพิธีปลุกเสกพระเครื่องนั้น ลป กุหลาบนั่งถัดจาก ลป.กลิ่นวัดสะพานสูงเพียงไม่กีรูปเท่านั้น อีกทั้งในช่วงที่เป็นพระภิกษุอยู่วัดอนงค์นั้นท่านเคยถูกนิมนต์ให้ไปแสดงพระธรรมเทศนาในพระราชวังอยู่เสมอครับ

ลป.กุหลาบ ท่านรับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดใหญ่สว่างอารมณ์ในปี 2472 ซึ่งในขณะนั้น วัดใหญ่สว่างอารมณ์นับเป็นวัดเล็กๆ ในต่างจังหวัดที่รอการพัฒนาลป.กุหลาบตัดสินใจละทิ้งยศฐาบรรดาศักดิ์จากกรุงเทพฯ (ซึ่งถ้าท่านยังอยู่วัดอนงค์แน่ใจเหลือเกินว่าท่านต้องได้ดำรงค์ยศฐาบรรดาศักดิ์ในชั้นสูงต่อไปในภายหน้า)แต่ท่านเลือกมา ตรากตรำพัฒนาวัดใหญ่สว่างอารมณ์ แถบปากเกร็ด นนทบุรีจนได้รับความเจริญ โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ตลอดจนเกจิฯชื่อดังในยุคนั้นแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นประจำสม่ำเสมอ อาทิเช่น สมเด็จพระสังฆราชและลป.โต๊ะ วัดประดู่ฯ เป็นต้น

ในการสร้างพระเครื่องของท่าน ท่านสร้างไว้มากมายหลายรุ่นที่เห็นบ่อยๆก็จะเป็นพระลอย , เหรียญต่างๆ , และพระปรกใบมะขาม ซึ่งมักจะลงเหล็กจารเล็กๆไว้ด้านหลังขององค์พระ ซึ่งลอยจารที่ปรากฏนั้นมีขนาดเล็กมาก (พระปรกใบมะขามท่านบรรจุอักขระจารไว้ถึง 4 ตัวอักษร) และขณะที่ท่านจารอักขระผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าท่านมิได้มองเหรียญแต่อย่างใดท่านจะปรกหลับตาเฉยๆ เหล็กจารก็อยู่นิ่งๆ แต่เกิดเป็นรอยจารที่มีเส้นที่คมแน่วแน่ไม่สั่นคลอน แสดงให้เห็นกสิณที่ไม่ธรรมดาครับพุทธคุณครบเครื่องทุกรุ่นครับ ลป.กุหลาบวัดใหญ่สว่างอารมณ์ ท่านมรณภาพอย่างสงบ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2519

วัตถุมงคลมีประสบการณ์ในพื้นที่ คนปากเกร็ดทราบกันดีครับ พุทธคุณท่านครบเครื่อง ทั้งเมตตา แคล้วคลาด มหาอุด คงกะพัน

 

เหรียญ รุ่น 1 หลวงพ่อกุหลาบวัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุุรี ปี 2483
เหรียญรุ่นนี้เป็นบล๊อคสองครับ น่าจะสร้างไล่เลี่ยกัน กับบล๊อคแรกที่นิยมกว่า (ราคาหลักหมื่นต้นๆครับ) หลังจากที่บล๊อคแรกสร้างแจกไปแล้วไม่เพียงพอแก่ความต้องการและมีการแก้ไขแม่พิมพ์ให้สวยคมยิ่งขึ้นแต่ยังคงเอกลักษณ์แบบเหรียญยุคก่อนปี ๒๕๐๐ ที่แกะพิมพ์แบบตื้น
เหรียญสวยเก็บไว้ดีมากได้มาจากบ้านญาติแถวปากเกร็ดครับ รับประกันความแท้เต็มร้อยครับ เรื่องพุทธคุณไม่ต้องพูดถึงครบทุกด้านครับ
ปิดรายการนี้ครับ

 

พระนาคปรกใบมะขาม หลวงพ่อกุหลาบ รุ่นแรก วัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทบุรี พิมพ์ 2 ชั้น
เป็นอีกรุ่นที่เป็นที่นิยมของท่านครับ องค์เล็กเหมาะสำหรับเลี่ยมทองให้ลูกหลานหรือสุภาพสตรีครับ พระอายุเกินกว่า ๖๐ ปี
ปิดรายการนี้ครับ

 

เหรียญพระลอย หลวงพ่อกุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ เนื้อเงิน ด้าน หลังมีจาร
สภาพสวยเก่าเก็บเดิมๆครับ เป็นพระที่มีประสบการณ์และนิยมที่สุดของท่านเนื่องด้วยมีการสร้างมาหลายครั้ง มีหลายบล๊อคครับ ปริมาณจึงมีมากพอหมุนเวียน พระรุ่นนี้มีประสบการณ์เด่นในด้านคุ้มครองอันตรายที่สุดครับ ที่เคยผ่านตาคือเคยมีวัยรุ่นเล่นเจ็ตสกีที่พัทยาแล้วเกิดอุบัติเหตุสลบลอยอยู่ในน้ำนานมากกว่า จนท.จะเข้าไปช่วย ก็ไม่จมน้ำ รอดตายมาได้ครับ (แม้ใส่ชูีพแต่ทะเลมีคลื่นครับ)
ปิดรายการนี้ครับ

 

2รายการโอนตังแล้วครับ ที่อยู่แจ้งทางpm

 

รับทราบครับ ขอบคุณครับ

 

พระสมเด็จ วัดชากลูกหญ้า พิมพ์คะแนน เนื้อผง ปี 2515 จ.ระยอง(หลวงปู่ทิม ปลุกเสก ) "พร้อมบัตรรับรอง" หายากครับ....ปัจจุบันไม่ค่อยได้เจอ.....น่าเก็บมากครับ
บูชาเก็บไว้สบายใจหายห่วงด้วยบัตรรับรองการันตีพระที่เชื่อถือได้ครับ ปิดครับ



การสร้างพระสมเด็จวัดชากลูกหญ้า(หลวงปู่ทิมร่วมปลุกเสก)

เนื่องด้วยหลวงพ่อสมพงษ์ท่านเลื่อมใสในคุณความดีและปฏิปทาในองค์สมเด็จพุฒาจารย์(โต)
เป็นอย่างมาก โดยท่านได้ปั้นรูปเหมือนขององค์สมเด็จโตไว้เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ได้กราบไหว้
ระลึกถึงคุณท่านโดยท่านได้กล่าวว่า

"อาตมาได้สร้างรูปปั้นดังกล่าวนี้ด้วยใจน้อมรำลึก
ถึงท่านสมเด็จมหาเถระองค์นี้ ซึ่งปั้นด้วยใจแน่วแน่ ดุจปั้นด้วยวิญญาณของอาตมาเองก็ว่าได้
อาตมาจึงฝังความรู้สึกนี้ไว้อย่างแน่ชัดเจนมาก จึงเสมือนหัวใจของอาตมาสถิตย์อยู่ ณ รูปนี้
ดังที่ท่านเห็นที่ศาลา เสมือนมีสิ่งมั้นคงอยู่กับวัดชากลูกหญ้านี้
ด้วยคล้ายกับมีจอมภูเขาที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่หวั่นไหวด้วยสายลมและแสงแดด
ไม่ไหวติงต่อโลกธรรม สงบแล้วด้วยวิญญาณของอริยสัจจ์ "

พระพิมพ์สมเด็จจึงเป็นสิ่งที่ท่านสร้างเพื่อเจริญรอยตาม
มวลสารสำคัญที่ท่านเก็บรักษาไว้นั้นได้มาจากหลวงปู่เจียม วัดตะพงใน
ซึ่งหลวงปู่เจียมได้นำมามอบให้ตอนอายุ ๙๐ กว่าๆโดยบอกว่าเป็นมวลสารสำคัญ
ของคุณพ่อสังข์เฒ่า ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของหลวงปู่ทิม ซึ่งมวลสารที่ว่านั้นมี ๓ อย่างคือ
ยางกระทึง,ขึ้ผึ้งและเสือร้องไห้ ซึ่งทั้งสามอย่างนี้ท่านได้นำมาเป็นส่วนผสมกับ
ผงอื่นๆที่ได้มาโดยแปลกเช่นสมเด็จโตมานิมิตให้ไปเอาซึ่งเมื่อท่านไปก็ได้พบจริงๆ

พระสมเด็จที่สร้างนั้นมีอยู่หลายพิมพ์ซึ่งก็ได้สร้างล้อจากพิมพ์ของสมเด็จโตทั้งสิ้นดังนี้
๑.พิมพ์ใหญ่
๒.พิมพ์ไกเซอร์
๓.พิมพ์หูบายศรีหลังเรียบ ( ยืมพิมพ์หลวงปู่ก๋วนมาใช้ )
๔.พิมพ์หูบายศรีหลังยันต์หลวงปู่ก๋วน ( ยืมพิมพ์หลวงปู่ก๋วนมาใช้ )
๕.พิมพ์เกศไชโย ๕ ชั้น
๖.พิมพ์เกศไชโย ๙ ชั้น
๗.พิมพ์จัมโบ้ ( ยืมพิมพ์หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือมาใช้ )
๘.พิมพ์คะแนน

พระสมเด็จที่ท่านสร้างนั้นท่านได้เป็นผู้ลงมือทำเองทั้งสิ้นโดยไม่ได้นับจำนวนว่ามีเท่าไร
ท่านสร้างแค่มวลสารที่มีเมื่อมวลสารหมดก็หยุดทำแต่คาดคะเนคร่าวๆอยู่ในหลักหนึ่งหมื่นเท่านั้นเอง
เมื่อสร้างเสร็จแล้วท่านได้นำพระสมเด็จชุดนี้พร้อมทั้งเหรียญพระพุทธชินราชทั้งสองแบบ
(หลังยันต์และหลังเก้าราชกาล)พร้อมทั้งรูปถ่ายของท่านจัดพิธีพุทธาภิเษก
ในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕โดยมีพระคณาจารย์ที่เมตตามาร่วมพิธิตามฏีกามิได้ขาดเลย

โดยท่านได้เป็นผู้ไปนิมนต์ด้วยองค์เองทุกรูปด้วยมีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน
เนื่องจากแต่ละองค์นั้นก็ได้เคยร่วมกันในพิธีพุทธาภิเษกของวัดต่างๆในระยองและใกล้ไกล
ร่วมกับหลวงพ่อสมพงษ์นั่นเอง หลวงพ่อสมพงษ์เล่าว่างานของท่านนั้นเริ่มตั้งแต่
๖ โมงเย็นยัน ๖ โมงเช้า สวดกันเต็มที่เป็นงานพุทธาภิเษกที่สนุกสนานมาก
พระเกจิมาครบหมดแถมพระที่ติดตามพระเกจิมาก็มาร่วมกันสวดมนต์พุทธาภิเษก
ต้องแบ่งพระสวดเป็นถึง ๒ ชุดเลยทีเดียว ท่านเล่าถึงความประทับใจในว่า
หลวงปู่ทิม ท่านเมตตามาถึงเวลา ๒ ทุ่มเมื่อมาถึงก็ขึ้นประจำที่แล้วนั่งตัวตรงคอเอียงจนถึง ๖ โมงเช้าโดย
ไม่ยอมหยุดพักหรือขยับตัวเลย เมื่อถึงเวลาท่านออกจากสมาธิหลวงพ่อสมพงษ์ก็เข้าไปกราบ
และนิมนต์ท่านฉันข้าวต้ม หลวงปู่ทิมตอบปฏิเสธและเดินทางกลับวัดในทันทีโดยไม่พักเลย
โดยหลวงปู่ทิมมาในปี ๒๕๑๕ ครั้งเดียวและไม่ได้มาอีกเลยจนท่านมรณะภาพ
พระเกจิอาจารย์ที่มาปลุกเสก
๑. พระวินัยการกวี วัดลุ่ม ระยอง
๒. พระอมรเวที เจ้าคณะจังหวัดระยอง
๓. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อยุธยา
๔. หลวงพ่อวงษ์ วัดปริวาส ธนบุรี
๕. หลวงพ่อหอม วัดชากหมากป่าเรไร
๖. หลวงพ่อสน วัดตะเคียนทอง ระยอง
๗. หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า ระยอง
๘. หลวงพ่อทิม วัดไร่วารี(ละหารไร่) ระยอง
๙. หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ ระยอง
๑๐. หลวงพ่อเซ่ง วัดป่ากร่ำ ระยอง
๑๑. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
๑๒. หลวงพ่อสวน วัดบางกระดาน ตราด
๑๓. หลวงพ่อกี๋ วัดแหลมมะขาม คราด
๑๔. หลวงพ่อหนองสะ ระยอง
๑๕. หลวงพ่ออภิชาติ วัดยายร้า
๑๖. หลวงพ่อโต่ง วัดเภตราสุขารมย์ ระยอง
และพระปลัดสมพงษ์ วัดชากลูกหญ้าโดยหลังจากวันงานท่านได้นำพระทั้งหมด
อธิษฐานจิตต่ออีก ๑ พรรษาโดยอธิษฐานจิตอัญเชิญ
หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและคุณพ่อสังข์เฒ่า มาเสกให้ด้วย
โดยท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือสูจิบัตรงานฝังลูกนิมิตไว้ว่า
"เพราะฉนั้น พิธีนี้จึงถือว่ากระทำโดยถูกต้องดีแล้ว ในเรื่องของการปลุกเศกคราวนี้
จึงได้บันทึกเพื่อให้ท่านทั้งหลายได้อ่านดูและทราบเรื่องพระสมเด็จของวัดวากลูกหญ้า
ตามความประสงค์ของท่านผู้มีสรัทธา และผู้ที่ได้ไปไหว้สักการะบูชาพอสมควร

เมื่อท่านจะใช้สมเด็จของวักชากลูกหญ้า ให้ส่าคาถาเสียก่อน
พุทธัง รัตตะนัง อะระหังสุคะโตภะคะวา
ธัมมัง รัตตะนัง อะระหังสุคะโตภะคะวา
สังฆัง รัตตะนัง อะระหังสุคะโตภะคะวา "
เสร็จแล้วก็นำติดตัวไป ท่านจะปลอดภัยและมีโชค"

 

เหรียญ " สมเด็จพระสังฆราช (จวน) วัดมกุฏกษัตริยาราม " ฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา พ.ศ. 2511 สภาพสวยเดิม หายากครับ พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับอาราธนาทำพิธีปลุกเสกและนั่งปรก จำนวน 100 รูป รวมถึงหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด ได้ร่วมปลุกเสกพิธีนี้ด้วยครับ
นับว่าเป็นเหรียญดีที่ทรงคุณค่าน่าบูชาอย่างยิ่ง แบ่งบูชาเพียง ๓๕๐ บาทพร้อมส่งครับ



เหรียญ " สมเด็จพระสังฆราช (จวน) วัดมกุฏกษัตริยาราม " ฉลองพระชนมายุ 70 พรรษา พ.ศ. 2511 สภาพสวยเดิม หายากครับ

ประวัตการสร้าง
-เมื่อ พ.ศ. 2511 เป็นปีที่วัดมกุฎกษัตริยารามฯ มีอายุครบ 100 ปี และเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช (อุฏฐายีมหาเถระ) มีพระชนมายุครบ 70 พรรษา ทางคณะกรรมการวัดได้จัดงานฉลองวัดและฉลองพระชนมายุถวาย

และได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเททองหล่อพระพุทธรูป , พระกริ่ง ,พระชัยวัฒน์ และเหรียญพระรูปสมเด็จพระสังฆราช "จวน" (อุฏฐายีมหาเถระ)

พระเกจิอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับอาราถนาทำพิธีปลุกเสกและนั่งปรก จำนวน 100 รูป อาทิเช่น
-พ่อท่านคล้าย วัดจันดี นครศรีธรรมราช
-พระอาจารย์ฝั้น วัดป่าอุดมสมพร สกลนคร
-พระอาจารย์มหาบัว วัดป่าบ้านตาด อุดรธานี
-หลวงพ่อเงิน(พระราชธรรมาภรณ์) วัดดอนยายหอม นครปฐม
-หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว สุพรรณบุรี
และพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ปัตตานี เป็นต้น

ชนวนโลหะสุดยอด
-เนื่องจากวัดมกุฎกษัตริยาราม เป้นวัดที่พระมหากษัตริย์ (พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4) ทรงสร้างเป็นพระอารามหลวง มีอายุยั่งยืนมาหลายปี ยังไม่เคยสร้างของที่ระลึกเป็นส่วนพระอารามหรือส่วนพระองค์เลย การสร้างในครั้งนี้จึงเป็นค

และการสัตยาธิษฐาน แผ่นโลหะที่ลงคาถาอาคมเลขยันต์ ซึ่งนำมาเป็นส่วนผสมในการหล่อหลอมเป็น "พระวชิรมงกุฏ" และเหรียญรูปพระสังฆราชในครั้งนี้ พระเถระและพระเกจิอาจารย์ได้ตั้งสัตยาธิษฐานให้เกิดคุณานุภาพต่างๆ ดังนี้

1. เพื่อให้เป็นมหาอุต
2. เพื่อให้แคล้วคลาด
3. เพื่อให้อยู่ยงคงกระพัน
4. เพื่อให้คุ้มกันอันตราย
5. เพื่ให้มีเมตตามหานิยม
6. เพื่อให้มีโชคลาภ
7. เพื่อให้เกิดสวัสดิมงคล
8. เพื่อให้เกิดชนะศัตรู
9. เพื่อให้แล้วแต่อธิษฐาน

ตั้งแต่อดีตจวบปัจจุบัน วัดมกุฎกษัตริยาราม มีศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่เคารพนับถืออยู่ทั่วราชอาณาจักร จึงเป้นเรื่องสมควรอย่างดียิ่งที่ได้มีการสร้างพระพุทธรูปบูชา ,พระกริ่ง ,พระชัยวัฒน์ และเหรียญรูปสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเป็นอนุสรณ์ และเป็นที่เคารพสักการะสำหรับปวงชนชาวไทย ตราบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป

 

พระผงนาคปรก หลวงพ่อโอด ปี 2513 วัดจันเสน ลพ.พรหม วัดช่องแค ปลุกเสก กล่องเดิมจากวัด วัตถุมงคลที่ท้าให้ลองหลังจากปลุกเสกเสร็จ พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ให้เห็นกันคาตาเลยครับ ถ้าหาพระ หลวงพ่อพรหม ซึ่งราคาขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช้ไม่ได้ ก็สามารถใช้พระหลวงพ่อนาค แทนได้ เพราะหลวงพ่อพรหม ท่านปลุกเสกโดยตรงและรับประกันครับ
แม้แต่เฉพาะหลวงพ่อโอดวัดจันเสนองค์เดียวท่านก็สุดยอดแล้วครับ เพราะท่านเป็นหลานและเป็นลูกศิษย์ของทั้งหลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวลและหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ แบ่งบูชาเพียง ๖๐๐ บาทพร้อมส่งครับ
คุณj999จองแล้วครับ



พระเนื้อผงหลวงพ่อนาค ได้จัดสร้างเมื่อปี 2513 โดยหลวงพ่อโอด ได้ทำเข้าพิธีใหญ่ ปี 13 (พิธีเสาร์ 5) โดยจำลองมาจาก หลวงพ่อนาคเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางนาคปรก ประดิษฐ์ฐานอยู่ในโบสถ์วัดจันเสน เจตนาเพื่อแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่เดินทางมางานปิดทองฝังลูกนิมิต และบรรจุกรุที่หอระฆังและหลุมลูกนิมิต จำนวนการสร้าง 84,000 องค์

โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน

1 จำนวน 20,000 องค์ แจกให้อดีตแม่ทัพภาค 3 พลเอกสำราญ แพทยกุล

2 จำนวน 42,000 องค์ บรรจุฝังพร้อมลูกนิมิต รอบโบสถ์ และใต้หอระฆัง วัดจันเสน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีไว้บูชา หรือทางวัดต้องการปัจจัยในการบำรุงเสนะสถาน ก็จะได้เปิดกรุนำออกมาให้บูชาได้ ต่อมาเมื่อประมาณ ปี 2544-2545 ได้ขุดขึ้นมาตอนบูรณะโบสถ์ และนำขึ้นมาให้บูชา

3 จำนวน 22,000 องค์ ให้บูชาในขณะนั้น

พระเนื้อผงรุ่นนี้ผู้ที่ดำริในการแกะแม่ พิมพ์ก็คือ ท่านพระครูนิวิฐธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเจริญ) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ให้ช่างที่กรุงเทพฯแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาด้วยหินมีดโกน และจึงนำไปถวายหลวงพ่อโอด ท่านชอบใจในพระพุทธลักษณะที่งดงามมากและอนุญาตให้กดพิมพ์ได้ ท่านกล่าวว่า “ คุ้มครองผู้ที่ดวงไม่ถึงคาดได้ ”

เนื้อหามวลสาร ประกอบด้วย ผงพุทธคุณ ผงเกสรดอกไม้บูชาหลวงพ่อนาค เกสรบัวในบึงจันเสน เปลือยหอยโข่งโบราณ ถ้วยชามโบราณจากเมืองจันเสน โดยใช้กล้วยและข้าวเหนียวเป็นตัวผสาน

พิธีพุทธาภิเษกจัดขึ้นในวันเสาร์ ๕ ขึ้น ๕ค่ำ เดือน ๕ ของปี พ.ศ.๒๕๑๓ โดยนิมนต์พระเกจิ มานั่งปรกปลุกเสกจำนวนมาก โดยมีเรื่องน่าแปลกก็คือ หลวงพ่อพรหมวัดช่องแค ท่านไม่เคย ไปนั่งปรกปรุกเสกนอกวัดเลย ไม่ว่าใครจะมานิมนต์แต่งานนี้ท่านกลับมานั่งปรกปลุกเสกซึ่งน่า จะมาจากหลวงพ่อโอดท่านเป็นศิษย์ที่หลวงพ่อพรหมท่านเมตตานั้นเอง

รายชื่อพระ คณาจารย์มีดังนี้

1.หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์

2.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู จ.ลพบุรี

3.หลวงพ่อบุญมีวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี

4.หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา

5.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี

6.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม จ.สิงห์บุรี

7.หลวงพ่อแกล วัดส้มเสี้ยว จ.นครสวรรค์

8.หลวงพ่อเจ็ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี

9.หลวงพ่อสด วัดหางน้ำสาคร จ.นครสวรรค์

10.หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.ลพบุรี

11.หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ จ.สิงห์บุรี

12.หลวงพ่อโอด วัดจันเสน จ.นครสวรรค์

หลัง จากเสร็จพิธีแล้ว หลวงพ่อพรหม ได้ออกมานอกพระอุโบสถ แล้วร้องประกาศว่า “เฮ้ย ใครมีปืนบ้าง ลองยิงข้ามหลังคาโบสถ์ดูทีหรือ ถ้ายิงออกอ้ายพรหมเอาหัวเป็นประกัน” มีนักเลงใจเด็ดชื่อพยับ ชักปืนลูกโม่ขึ้นมายิงไปทางพระอุโบสถ 3 นัด ปรากฏเสียงดัง แชะๆๆ นายพยัพเห็นดังนั้นก็เลยหันปากกระบอกปืนไปทางหน้าวัดและยิงออกไป เสียงปืนดังลั่น เปรี้ยงๆๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงห่ไปเช่าบูชากันอย่างล้นหลาม จนได้เงินมาบูรณะวัดจันเสนได้มากมาย

และหากท่านใด ถ้าหาพระ หลวงพ่อพรหม ซึ่งราคาขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช้ไม่ได้ ก็สามารถใช้พระหลวงพ่อนาค แทนได้ เพราะหลวงพ่อพรหม ท่านปลุกเสกโดยตรงและรับประกัน

 

พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก วัดบางแหวน จังหวัดชุมพร พ.ศ.2500 เนื้อดินผสมว่านด้านหลังมีรอยนิ้ว รุ่นเดียวของท่านครับ อายุพระ ๖๓ ปีแล้วครับ แบ่งบูชาเบาๆเพียง ๔๐๐ บาทพร้อมส่งครับ
คุณryuma9จองแล้วครับ



พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก วัดบางแหวน จังหวัดชุมพร เนื้อผงผสมว่านด้านหลังมีรอยนิ้วมือ จัดสร้างเป็นรุ่นแรกของท่านเมื่อปี พ.ศ.2500 หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอภินิหารแปลกกว่าพระเกจิอาจารย์ท่านอื่นๆ คือหลวงพ่อรุ่งท่านเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียวที่สามารถไว้หนวดเคราได้ สาเหตุก็คือหนวดเคราของท่านนั้นไม่สามารถโกนได้ คือโกนไม่เข้านั่นเองครับ แต่สำหรับผมของท่านนั้นสามารถโกนได้ หนวดเคราของท่านนั้นต่อให้มีดโกนที่คมขนาดไหนก็ตามก็โกนไม่เข้า จนชาวบ้านพากันเรียกท่านว่า "หลวงพ่อรุ่งเคราเหล็ก" ตามคุณวิเศษของท่าน หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งจะแข็งจนมีดโกนโกนไม่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ แต่คิดว่าคุณวิเศษข้อนี้ของท่านคงเกิดขึ้นมาหลังจากที่ท่านได้บวชและบำเพ็ญภาวนาเป็นเวลานานแล้ว ต่อมาเมื่อหนวดเคราของท่านยาวขึ้นมา ก็ไม่สามารถโกนได้ เป็นที่เล่าขานกันไปทั่ว ทางเจ้าคณะจังหวัดชุมพรก็ได้ส่งพระสงฆ์มาทำการสอบสวน และจัดการโกนหนวดเคราของท่านออก แต่พระสงฆ์ที่เจ้าคณะจังหวัดส่งมานั้น โกนหนวดเคราของท่านเท่าไรก็โกนไม่เข้า ทั้งๆ ที่ใบมีดโกนคมกริบ โกนเส้นผมสบายๆ แต่พอมาโกนหนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งกลับโกนไม่เข้า พยายามโกนเท่าไรก็โกนไม่เข้าเหมือนกับว่าหนวดเคราของท่านเป็นเหล็กอย่างนั้นแหละ พระสงฆ์ที่มาทำการสอบสวนหลวงพ่อรุ่งจึงกลับไปรายงานเจ้าคณะจังหวัดว่า "โกนไม่เข้า" เมื่อการณ์เป็นเช่นนี้ เจ้าคณะจังหวัดจึงรายงานเรื่องมายังคณะสงฆ์ผู้ปกครองที่กรุงเทพฯ ฝ่ายคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ เมื่อทราบรายงานก็ได้ส่งพระสงฆ์เจ้าหน้าที่ ลงไปสอบสวนและพิสูจน์ที่จังหวัดชุมพร คณะสงฆ์ที่ลงไปทำการสอบสวนและพิสูจน์การไว้หนวดเคราของหลวงพ่อรุ่งก็กลับมารายงานหัวหน้าคณะสงฆ์ที่กรุงเทพฯ ว่า "โกนไม่เข้า" เช่นกัน นี่ก็เป็นเอกลักษณ์และคุณวิเศษของหลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร ปกติธรรมดาหลวงพ่อรุ่งท่านจะบำเพ็ญภาวนาไม่ค่อยชอบสุงสิงกับผู้คนมากนัก ในวัดบางแหวนสมัยที่ท่านยังอยู่ จะมีสัตว์ป่าลงมาอาศัยหากินอยู่เสมอ โดยเฉพาะไก่ป่า จะลงมาหากินเศษอาหารที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้วตามลานวัดเป็นจำนวนมากทุกวัน แต่หลังจากหลวงพ่อรุ่งมรณภาพแล้ว สัตว์ป่าเหล่านั้นก็ไม่กล้าลงมาอาศัยหากินในบริเวณวัดบางแหวนเหมือนแต่ก่อน สมัยที่หลวงพ่อรุ่งยังมีชีวิตอยู่ชาวบ้านได้เห็นอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อรุ่งเสมอๆ อย่างที่กุฏิของท่านทำด้วยแฝกมุงด้วยหญ้าคา ปลูกสร้างอยู่กลางป่า วันหนึ่งไฟป่าลุกลามมาไหม้ต้นไม้และหญ้าคารอบๆ กุฏิของท่าน แต่ไฟป่าหาได้ไหม้กุฏิของท่านแม้แต่น้อย เวลาชาวบ้านมาขอตะกรุดจากท่าน ท่านก็จะทำตะกรุดและรวบรวมปลุกเสกพร้อมๆ กันหลายดอก ขณะที่ท่านกำลังบริกรรมปลุกเสกอยู่นั้น ตะกรุดบางดอกจะละลายไปเอง เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้ว หลวงพ่อรุ่งท่านบอกว่าตะกรุดดอกที่ละลายนั้นแสดงว่าไม่ขลังนำไปใช้ไม่ได้ผล เข้าใจว่าท่านจะปลุกเสกด้วยเตโชกสิณ ตะกรุดดอกที่ละลายคือไม่อาจต้านทานความร้อนได้ ตะกรุดของหลวงพ่อรุ่งจะส่งผลในทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุต รวมทั้งป้องกันไฟได้ด้วย เคยมีคนไปพบรูปเหมือนและตะกรุดของท่านตกอยู่ในกองไฟที่ชาวบ้านเขาเผาป่าเพื่อทำไร่ แต่ปรากฏว่ารอบๆ บริเวณนั้นไม่ถูกไฟไหม้ วัตถุมงคลของท่านนั้นส่วนมากจะเป็นตะกรุด ผ้ายันต์เสียเป็นส่วนใหญ่ พระเครื่องของท่านนั้นมีอยู่เพียงรุ่นเดียวคือ พระผงรูปเหมือน และเหรียญรูปท่านที่สร้างในปีพ.ศ.2500 โดยสร้างเป็นรูปท่านแต่มีหนวดมีเครา ครับ

 

จองครับ