เตรียมพร้อมเผชิญภัยพิบัติกันแล้วใช่มั๊ย?อาจมีภัยเพิ่มขึ้นอีกนะ(เดา)

อย่างที่รู้ๆกัน (หรือพอจะเดาได้) ภัยนั้นมันเริ่มจะมาในทุกรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะภัยธรรมชาติอย่างเดียว.... และถ้าลองประเมินสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน นี้ คร่าวๆ ภัยต่างๆ มันก็กำลังจะก่อตัวขึ้น และเริ่มเข้ามาหาตัวเราทุกคน เรื่อยๆ (มันเริ่มขยายวงกว้าง...เหมือนไฟที่กำลังลามหญ้าแห้ง) ต่อไปนี้ผมจะมาเพิ่มภัยพิบัติ ให้อีก 3 ภัย ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามนะครับ มีดังนี้

1) ภัยจากคนคลั่ง

2) ภัยจากสัตว์และอสุรกายดึกดำบรรพ์

3) ภัยจากสมุนมาร และ พญามาร(จอมมาร)

เดี๋ยวว่างๆ ผมมาขยายความต่อ (ทำไมถึงต้องมีภัยเหล่านี้)

--------------------------------

 

ดูจากหนังมากไปเปล่า
ภัยจากคนคลั่ง คน หมา เดือด
ภัยจากอสูรกายดึกดำบรรพ์ จูราสสิคเวริล
ภัยจากหมู่มาร หนัง การ์ตูน พระพุทธเจ้าหลายรอบแล้ว จะทำใหม่ก็ตามดู เห็นมีภาค 2 ด้วยนิ

 

หัวข้อที่ 1

1) ภัยจากคนคลั่ง

ขยายความ หมายถึง ภัยจากคนที่คลั่ง คลั่งในที่นี้ไม่ใช่คลั่งเพราะฤทธิ์ยา หรือ โดนไวรัสแบบพวกผีซอมบี้แต่อย่างใด แต่การคลั่งนี่คือ คลั่งในอัตตา การเป็นตัวเป็นตน การต้องเป็นแบบนั้น,แบบนี้ อย่างงั้น,อย่างงี้ ตามใจของตนต้องการ จนกระทั่งถึงเวลา ถ้ามีคนมาเบียดเบียนตน ตนจะไม่สามารถยอมรับได้เลย(ไม่ให้อภัย) จะกระทำการต่อต้าน,การตอบโต้กับ ด้วยวาจา หรือการกระทำกลับไปด้วยความรุนแรง หารู้ไม่ว่าตนนั้นอาจจะเคยกระทำกรรมอันใดไว้กับบุคคลนั้นหรือกับกลุ่มคนพวกนั้น,สังคมประเภทนั้น เฉกเช่นอย่างเดียวกันกับที่ตนโดนกระทำ หรือไม่อาจจะไม่กระทำกรรมอันใดเลย แต่เค้าแค่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเรื่องกระทบกระทั่งผิดใจกันเกิดขึ้น(ไม่มีใครอยากให้เป็นแบบนี้หรอก) เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าว ยิงกันตายในโรงพยาบาลเกิดขึ้น 2 แห่ง และก็จบด้วยการที่มือยิงนั้น ยิงตัวตายตาม ซึ่งนี้เป็นการบ่งชี้ถึงลักษณะของคนคลั่ง คลั่งอย่างไม่มีเหตุผล เรื่องเล็กน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ ก็ตัดสินด้วยการฆ่ากัน คลั่งไม่ต่างอะไรกับ "ซอมบี้" ที่ติดเชื้อไว้รัสแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้อะนะ

 

ถ้าจะบอกว่าผมดูหนังมากไป แล้วคิดมากเอามาเป็นภัยที่จะเกิดขึ้นกับโลกต่อในอนาคตข้างหน้าก็อาจจะมีส่วนบ้างอะนะครับ(ผมยอมรับ) แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอะครับพี่ คือ มีบางส่วนที่ผมเห็นในนิมิต(ฝัน) เมื่อเร็วๆนี้ (กลางเดือน) ที่แล้ว จนทำให้ผมต้องสะดุ้ง ก็เพราะว่าคนคลั่งที่ผมเห็นในฝันนั้น ไม่ได้ลักษณะเหมือนซอมบี้หรือเคลื่อนไหวช้าแบบในหนังอะนะ แต่กลับเคลื่อนไหวรวดเร็วและรุนแรงปกติแบบคนเราธรรมดาเนี่ยแหละ แต่ที่ผมห่วงต่อไปให้อนาคตว่าจะเกิดภัยนี้ขึ้น คือ การมีคนคลั่งแบบนี้เยอะขึ้นๆในอนาคต ทำให้มีคู่กระณีเยอะขึ้น มีกลุ่มคนพาลพวกนี้เยอะขึ้น และเวลาทะเลาะกัน แล้วจบด้วยความรุนแรงหรือการฆ่ากัน มันอาจจะมีผลกระทบกับคนอื่น ทำให้คนอื่นโดนลูกหลงได้ ซึ่งผมคิดแบบเดาๆ ว่าทำไมผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ด หรือแม้กระทั่ง ผู้กำกับหนังของแถบประเทศเอเชียบางประเทศเอง เช่น ญี่ปุ่น,จีน,เกาหลี ช่วงนี้ถึงทำหนังเกี่ยวกับซอมบี้,คนคลั่งไล่ฆ่า แล้วก็พวกลัทธิลึกลับ ที่บูชาการฆ่ากันเยอะขึ้นอะนะ ผมคิดว่าผู้กำกับหนังพวกนี้ ต้องเอาแนวคิดเค้าโครงเรื่อง มาจากสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าก็เป็นได้อะนะ

 

2) ภัยจากสัตว์และอสุรกายดึกดำบรรพ์

ขยายความ หมายถึง ภัยจากสัตว์แปลกประหลาดพิลึกพิลั่นกึกกือ...ทีเราไม่เคยเห็นบนโลกในยุคนี้มาก่อน อาจจะเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ อย่างเช่น ไดโนเสาร์ หรือ สัตว์ประหลาดชนิดใหม่ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน อาจเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอยู่ก่อนไดโนเสาร์ที่หลบซ่อนอยู่ในพิภพโลกหรืออาจจะอยู่ในมิติอื่นก็อาจเป็นไปได้ ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจจะออกมา หลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้น เช่น แผ่นดินไหว,ภูเขาไฟระเบิด อาจจะมาโผล่จากรอยแยกของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดจากแผ่นดินไหว หรือ อาจออกมา ก่อนที่ภูเขาไฟจะระเบิดก็ได้ เพราะพื้นดินแผ่นเปลือกโลกร้อนเนื่องจากน้ำลาวาดันขึ้นมา แล้วสัตว์พวกนี้ต้องหนีเอาตัวรอดออกมา เพื่อหลีกหนีจากความร้อนสูงในบริเวณนั้นอะครับ แต่ก็อาจจะไม่มีสัตว์ประหลาดสิ่งเหล่านี้ออกมาก็ได้ (หรือถ้ามีก็อาจจะมีน้อยมากๆ) เพราะสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นของเล่นแถมให้กับโลกนี้ ในช่วงเกิดภัยพิบัติหรือหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว... เพราะไม่มีผลกระทบมากในการสร้างความเสียหายเท่ากับภัยที่ 1และภัยที่ 3 (ซึ่งอาจสามารถสร้างความเสียหายเป็นภัยพิบัติต่อคนและสิ่งมีชีวิตทั้งโลกนี้ได้อะครับ)

 

ผม จขกท. ก็อยากเห็นเช่นกัน (แต่ขอแบบไม่โหดก็แล้วกันนะ)

 

กลัวอะไรครับ Pacific rim เราก็มี ทรานฟอร์เมอร์อีก นี่ถ้ายังเอาไม่อยู่ เหล่าอเวนเจอร์ ต่อท้ายด้วย ซุปเปอร์แมน และ แบทแมน

 

เรามาว่ากันถึงภัยที่ 3 กัน ต่อ(ผมเกือบลืมไปเลยว่ายังไม่ได้กล่าวถึงภัยที่ 3) นั่นก็คือ

3) ภัยจากสมุนมาร และ จอมมาร

ขยายความ หมายถึง ภัยจากสมุน(ลูกน้อง)ของมาร(คือลูกน้องที่ถูกมารชักจูงให้ไปอยู่กับเค้าในด้านมืด) และก็ ตัวจอมมาร เจ้าแห่งความมืด(The Dark Lord)เอง ซึ่งสมุนมารแล้วก็จอมมารนั้น เป็นภัยที่แอบแฝงซ่อนเร้นกายอยู่ รอวันปะทุไม่แพ้ ลาวาของภูเขาไฟและแผ่นดินไหวเลยทีเดียวอะนะ เพียงแต่ว่าเป็นในรูปของคนที่อยู่ในกลุ่มสังคม(และต้องเป็นสังคมใหญ่ๆเท่านั้นถึงจะมีพวกเค้าได้) ซ่อนเร้นตัวอยู่อย่างเงียบเชียบ รอโอกาสที่เหมาะเจาะอยู่ ที่เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ซึ่งผมคิดว่าภัยนี้เป็นภัยที่น่ากลัวมากที่สุดเท่าที่บนโลกนี้เคยมีมาเลยทีเดียวอะครับ....



และภาพข้างบนนี้คือตัวอย่างว่า
จอมมารอาจมีรูปลักษณ์และหน้าตาแบบใดแบบหนึ่งในนี้ ก็อาจเป็นได้อะครับ...

แต่ จากนิมิต ที่ผมเห็นเมื่อกลางเดือนนี้แล้ว จอมมารจะเป็นเหมือนคนธรรมดาๆ เหมือน เราๆ นี่แหละครับ ... แต่ว่าเค้าจะมีพลังความมืดที่เยอะมากๆ มากกว่าผู้ใดในโลกนี้ ซึ่งพลังความมืดนี่เอง จะมีไอควันดำๆ ที่อาจจะมองด้วยตาเนื้อเปล่าๆ ไม่เห็น แต่อาจจะต้องใช้ตาในมองถึงจะเห็นไอความมืดดำ ห้อมล้อมรอบกายของจอมมาร ก็เป็นได้


ภาพตัวอย่างนี่คือ "วอลเทอร์" ตัวละครเอกฝ่ายมืด จากภาพยนตร์เรื่อง "The Dark Tower" ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ใกล้เคียงกับ "จอมมาร" ในนิมิตที่ผมเคยเห็นเมื่อเดือนก่อนอะครับ

 

ใช่ครับ...แต่ที่ผมไม่อยากให้มามากที่สุดในนี้คือ ภัยที่ 3 อะครับ เพราะลำพังแค่ ภัยที่ 1 กับ 2 ถ้ามาแบบ Full Option แล้ว ก็โหดพอตัวแล้วอะนะ ก็แล้วแต่เบื้องบนก็แล้วกัน ว่าจะจัดอะไรมาให้บ้าง

 

ฟังดูมีเค้านะ ตอนนี้ไวรัสมาทางอาหารพวกเนื้อสัตว์ ยาปฏิชีวนะต่างๆ น่ากลัวมากๆ
สงครามไวรัสพันธุ์อสูร!!!

 

ทำไมถึงต้องมีจอมมาร(พญามาร) และสมุนมารของเค้าด้วย

เหตุที่มีก็เพราะว่า อย่างที่เรารู้กันมา มารนั้นมีขึ้นมา ก็เพื่อที่จะทำให้มนุษย์บนโลกนั้นชั่วและชั่วเพิ่มยิ่งๆขึ้น โดยพวกเค้าจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้เราถอยห่างจากความดี,เลิกทำความดี หรือไม่ศรัทธาในความดี(ว่า"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว") และถ้ามนุษย์คนไหนฝ่าฟันอุปสรรคของมารได้ทั้งหมด มนุษย์ผู้นั้นจะถือได้ว่า เป็นคนดี"ที่ดีอย่างแท้จริง"แต่ก็เป็นการยากเอามากๆ เพราะว่ามารนั้นเค้าจะรู้จุดอ่อนของเราทั้งหมดเลย ว่าสิ่งใดบ้างที่เราบกพร่อง จากแนวทางแห่งความดีที่เราควรจะเป็น ซึ่งก็ถ้ามอง ยึดหลักการ ง่ายๆก็คือ หลักของศีลธรรม หรือให้เจาะจง ตรงๆ เลยก็คือ หลักศีล๕ (หรือ เบญจศีล) นั่นเอง...

แต่ ถ้าผมอยากจะบอกว่า ถ้าปฏบัติเพียงแค่ ศีล๕ นั้นถือว่ายังไม่เพียงพอ พวกคุณจะเชื่อผมไหม? สิ่งที่เพียงพอนั้น อย่างที่สุดแล้ว จะต้องมี ธรรมนี้ นั่นคือ "กรรมบถ๑๐" เป็นอย่างน้อยสุด และจะต้องรักษาให้ครบถ้วน พยายามไม่ให้ขาด(เหมือนศีล๕)เลยอะนะ แต่ถ้าบกพร่องบ้าง รู้ตัวก็รีบแก้ไขซ๊ะ ก็ถือว่ายังไม่เลวร้ายอะไรมากอะครับ

กรรมบถ ๑๐ หมายถึง ธรรมที่มนุษย์ต้องปฏิบัติเพื่อคงความเป็นมนุษย์ มีดังนี้

(๑) ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือว่าประทุษร้ายสัตว์ทั้งหลายให้มีความลำบาก

(๒) อทินนาทานา เวรมณี จงเว้นการถือเอาของที่บุคคลอื่นไม่ให้ มาเป็นของตนโดยเจตนา

(๓) กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกามกับบุตร,ภรรยา และ สามี ของผู้อื่น ที่ไม่ได้รับอนุญาต และรวมถึงไม่ดื่มสุราและเมรัยที่ทำให้มึนเมาไร้สติด้วย

(๔) มุสาวาทา เวรมณี จงเว้นจากการพูดเท็จ

(๕) ปิสุณาย วาจาย เวรมณี จงเว้นจากการพูดส่อเสียดยุยงส่งเสริมให้บุคคลทั้งหลายแตกร้าวกัน

(๖) ผรุสาย วาจาย เวรมณี จงเว้นจากการพูดคำหยาบให้เป็นคำสะเทือนใจของบุคคลอื่น

(๗) สัมผัปปลาปา เวรมณี จงเว้นจากการพูดวาจาเพ้อเจ้อ เหลวไหลไร้ประโยชน์

(๘) อนภิชฌา จงเว้นจากการคิดเพ่งเล็งทรัพย์สินของบุคคลอื่น โดยอยากจะได้มาเป็นของๆตน

(๙) อพยาบาท จงเว้นจากความโกรธ ความพยาบาท

(๑๐) สัมมาทิฏฐิ จงมีความเห็นถูก มีความเห็นตรง เชื่อในหลักธรรมและปฏิบัติของพระพุทธเจ้า

แต่ ณ ปัจจุบัน อย่างที่พวกเราก็เห็นๆ กันอยู่ ว่า ขนาดหลักธรมง่ายๆ คือ ศีล ๕ ยังรักษาให้สมบูรณ์หรือแม้แต่บกพร่อง เล็กๆ น้อยๆกันยังทำไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังทำผิดศีลกันอย่างมากมาย จนทำให้เป็นศีลขาดโดยสิ้นเชิง หลุดจากธรรมเบื้องต้นที่บุคคลผู้นั้นควรที่จะทรงไว้ แล้วนับประสาอะไรกับ กรรมบถ ๑๐ ข้อ ซึ่งมองข้ามกันไปเลย ไม่นึกถึงกันอยู่ใน กมลสันดานแล้วอะนะ ถึงทำให้บางข้อหรือหลายๆข้อขาดออกโดยสิ้นเชิง

ทำไมผมถึงคิดว่าหลักธรรมนี้ สำคัญกับมนุษย์(ที่สุด)บนโลกนี้น่ะเหรอ

ก็เพราะว่าหลักๆ แล้วภพมนุษย์ควรที่จะมีหลักธรรมนี้เป็นพื้นฐานอะนะ เพราะถ้าไม่มีหลักธรรมพื้นฐานคือ กรรมบถ ๑๐ นี้ มนุษย์จะขาดความเป็นมนุษย์ทันที จะเสมือนเป็นดังผู้ที่อาศัยอยู่ในภพภูมิอื่นแทน(ต่ำกว่า )ที่ภพมนุษย์ เช่น ภพสัตว์นรก,ภพเปรต,ภพอสุรกาย ส่วนภพสัตว์เดรัจฉานนั้น ที่อยู่ในภพเดียวกับมนุษย์ก็ถือว่ารวมอยู่ในจำพวกที่ต่ำกว่ามนุษย์ด้วย ก็เพราะว่า มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ มีความคิดจิตสำนึกที่สามารถรับรู้ ว่าสิ่งไหนดีและสิ่งไหนไม่ดี ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน ซึ่งไม่ควรเอามาปะปนกัน และอย่างที่บอกเมื่อมนุษย์ทำตัวผิดศีลธรรมเบื้องต้นของความเป็นมนุษย์แล้ว ทำให้ค่าของมนุษย์นั้น จะตกต่ำลงไปเป็นภพภูมิที่ต่ำกว่าเหล่านั้น(อย่างที่กล่าว) แล้วเมื่อดูผลของการประพฤติปฏิบัติธรรมเบื้องต้น (กรรมบถ๑๐)พื้นฐานนี้โดยรวมในหลายๆคน จนถึงทั้งโลกแล้ว ส่วนใหญ่จะไปในแนวทางที่ตกต่ำกว่าภพมนุษย์แทบจะเกือบทั้งหมดเลย โดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็คือ 85% หรือ 90% เลยที่เดียว เมื่อปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงทำให้มีผลกระทบต่อภพภูมิอื่นๆที่อยู่นอกเหนือจากภูมิมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภพภูมิที่อยู่สูงกว่าอย่างเช่น ภูมิเทพ,เทวดา(พระโพธิสัตว์ )และ ภูมิพรหม นั้นรวนอย่างยิ่ง และถ้าขยายความอีก ภพที่มีผลกระทบรวน มากที่สุดนั้นก็คือ ภพภูมิของสวรรค์จาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นภพภูมิที่มีระดับเดียวหรือใกล้เคียงกับภพภูมิมนุษย์(อาจสูงกว่าไม่มาก) และยังมีภพภูมิ อื่นๆย่อยๆ อีกมากมายในภพภูมิสวรรค์ชั้นจาตุฯนี้ ที่เป็นภพซ้อนทับกับภพมนุษย์ แล้วยังมีภพภูมิสวรรค์ชั้นดาวดึงอีกที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภพภูมิสวรรค์ชั้นจาตุฯ และก็ภพภูมิมนุษย์โลกอีกต่อหนึ่ง(ผมเคยอ่านที่เว็บอื่นมา)รวนไปด้วย ซึ่งเหตุที่รวนก็เพราะว่า หลักธรรมที่ทำให้สิ่งที่อยู่ในภพแต่ละภพนั้นๆ ดำรงคงอยู่ในภพๆนั้นอย่างปรกติสุข ได้เกิดรวนแปรปรวน(ไม่มั่นคง)ขึ้น จึงมีผล
กระทบต่อภพภูมิอื่นๆที่เชื่อมเกี่ยวโยงกับภพมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะกระทบเกี่ยวกับภพภูมิที่สูงกว่าภพภูมิมนุษย์(ภพภูมิสวรรค์ขึ้นไป ยกเว้นนิพพาน) ส่วนภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ไม่ค่อยจะมีผลกระทบเท่าไหร่(หรือมีก็มีไม่มาก) อีกอย่างภพที่อยู่สูงกว่าภพมนุษย์จะมองดูว่า แค่หลักธรรมพื้นฐานที่ทำให้คงความเป็นมนุษย์อยู่ยังทำกันไม่ได้ กระทำผิดศีลธรรมกันมากมาย เหมือนกับภพภูมิอื่นที่ต่ำกว่าภพมนุษย์ เลยทำให้ภูมิที่อยู่สูงเฝ้ามองและไม่รู้ว่าบุคคลที่เป็นมนุษย์อยู่ในภพภูมิมนุษย์นี้ เป็นพวกมนุษย์กันจริงๆหรือไม่กันแน่ ภูมิที่อยู่สูงกว่าจึงลังเลใจ และก่อนที่ภพภูมิมนุษย์และภพภูมิอื่นที่มีผลกระทบด้วยจะมีความเลวร้ายมากไปกว่านี้ ภพภูมิอื่นๆที่อยู่สูงกว่า(ส่วนใหญ่จะภพสวรรค์ที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม)แล้วก็อาจจะมีภพที่ต่ำกว่ามนุษย์ เช่น ภพภูมินรก (ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้ปกครองภพภูมินรกนี้) ต่างร่วมกันลงมติกันว่า ควรที่จะชำระล้างภพภูมิมนุษย์นี้เสีย เพื่อที่จะได้ปรับความสมดุลแล้วก็คงความถูกต้องของหลักธรรมพื้นฐานของการเป็นมนุษย์ให้แผ่ขยายและคงอยู่คู่ภพมนุษย์โลกนี้ต่อไป ซึ่งการชำระล้างนี้อย่างปัจจุบันที่เราเห็นกัน แน่ๆ ชัวร์ๆ ก็คือ
1) ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
และ
2) ภัยโรคระบาด

และอื่นๆที่เราไม่รู้ว่า ภพภูมิอื่น จะมีประชามติว่าจะเอาสิ่งใดมาชำระล้างภพโลกนี้อีกเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งอย่างที่ผมลงไว้ในกระทู้นี้ คือ มี

3) ภัยจากคนคลั่ง

4) ภัยจากสัตว์และอสุรกายดึกดำบรรพ์

5) ภัยจากสมุนมาร และ พญามาร(จอมมาร)


ส่วนภัยจากสงครามใหญ่(หรือสงครามโลกครั้งที่ 3 )นี้ ผมจัดรวมอยู่ในภัยที่ 3)ภัยคนคลั่ง ก็แล้วกัน ก็เพราะว่าอาจจะไม่มีสงครามใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงก็จัดอยู่ในประเภทคนคลั่งได้เช่นกัน คือ คลั่งในที่นี้ คือคลั่งในอำนาจ คลั่งในการทำสงครามเพื่อยึดอำนาจประเทศที่ด้อยกว่า(คลั่งกระหายทำสงคราม) แล้วภัยคนคลั่งหรือสงครามใหญ่นี้เอง ก็จะนำพามาซึ่งภัยที่ 5 นั่นคือ ภัยสมุนมารและจอมมาร ได้อีกด้วย(ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม) แต่เมื่อตอนนี้ผมพูดถึงภัยที่5 เป็นภัยสุดท้ายนี้แล้ว ผมจึงคาดการณ์ว่า ภัยนี้จะมีหรือไม่มีก็ขึ้นอยู่กับภพภูมิอื่น ว่าจะมีมติเช่นไร ว่าจะให้มีหรือไม่ในภพมนุษย์ (ซึ่งเค้ารางความมีตัวตน ของภัยที่ 5 นี้ก็มีสูงเหมือนกัน) และถ้ามีประชามติให้มีขึ้นมาจริงๆ จะมีการไปขอความช่วยเหลือจากท้าวพญาปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช(เทวบุตรมาร) ซึ่งปกครองเหล่ามารอยู่สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีให้แบ่งพลังของท่านบางส่วนหรือไม่ก็เกือบทั้งหมดของท่านลงมายังโลกมนุษย์ (แต่ความจริงแล้วพลังของท่านมีมากพออยู่บนภพภูมิโลกมนุษย์อยู่แล้ว เช่น พวกกิเลส ทั้งหลายแค่เก็บเกี่ยวและรวบรวมแล้วอาจจะดึงพลังของท่านเทวบุตรมารมาบางส่วนเท่านั้นก็คงจะเพียงพอแล้วอะครับ) ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้เกิดตัวตนของ"จอมมาร" หรือ "พญามาร" บนโลกมนุษย์นั้น นั่นก็คือ เหล่ามนุษย์ทั้งหลาย ทุกคนที่อยู่ในภพมนุษย์ทั้งหมดนี้แหละ ที่ทำให้เกิดขึ้น มิอาจปฏิเสธได้(โดยไม่ต้องโทษใครทั้งสิ้น) ก็เพราะไม่ประพฤติธรรมตามแบบหลักธรรมพื้นฐานของการเป็นมนุษย์(กรรมบถ10) หลงอยู่ในกิเลสและอบายมุข ทั้งหลายอะครับ


นี่คือ ภาพคลิปตัวอย่างการถือกำเหนิดของจอมมารในภาคตัวตนบนโลกมนุษย์จากหนัง Harry Potter ภาค 4 (ซึ่งหนังจะเป็นการพยายามสื่อเปรียบเปรยเปรียบเทียบ แต่ของจริงอาจจะไม่ได้ถือกำเหนิดขึ้นในรูปแบบอย่างนี้ก็อาจเป็นไปได้)