เรื่องเด่น เด็กหญิงอายุ 12 ปี ท่องนรก-สวรรค์

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย picko, 6 มิถุนายน 2018.

  1. picko

    picko เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2014
    โพสต์:
    635
    กระทู้เรื่องเด่น:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,126
    Untitled-0.jpg

    เด็กหญิงอายุ 12 ปี ท่องนรก-สวรรค์

    จาก น.ส.พ.บางกอกไทม์ ประจำวันที่ 26 ม.ค. พ.ศ.2513 บันทึกจากการเล่าเรื่องของนายชั้น รุ่งอินทร์


    เป็นเรื่องของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ผ่านประสบการณ์เกี่ยวกับนรก-สวรรค์ เด็กหญิงคนนี้มีชื่อว่า ลัดดา อินทรจิตร อายุเพียง 12 ปี บิดามารดาเป็นชาวจังหวัดสมุทรสาคร ชื่อนายยวน และนางเติม แต่ทว่าได้ยกเด็กหญิงลัดดาให้กับ จ.ส.ต.ผาด และนางวงค์ จูงใจ โดยเด็กได้นับถือว่าเป็นปู่เป็นย่า ซึ่งอาศัยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 14 ตรอกพญาไม้ ธนบุรี

    ด้วย จ.ส.ต.ผาดกับนางวงศ์เป็นผู้มีใจเป็นกุศล ชอบทำบุญไหว้พระ เด็กหญิงลัดดาจึงได้รับการอบรมสั่งสอนให้รู้จักทำบุญทำทาน ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยปู่ย่าหุงข้าว ใส่บาตร จากนั้นตอนสายก็นำหนังสือพิมพ์ไปถวายพระที่วัดประยูรวงศ์ใกล้ ๆ บ้าน แล้วก็กลับมาเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว นำข้าวสารไปโปรยเลี้ยงนกตามที่ต่าง ๆ โดยเด็กหญิงลัดดาได้ปฏิบัติเช่นนี้ มาเป็นเวลาติดต่อกัน 7 ปี


    จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2500 เวลาตีห้า เธอเกิดนอนหลับไปแล้วไม่ตื่น เมื่อนางวงศ์ลองจับเนื้อตัวดู ก็เย็นชืด อ่อนปวกเปียก จึงได้เอะอะกันขึ้น จ.ส.ต.ผาดได้ลองเอามืออังที่จมูก ก็สัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจ แต่ที่ลำคอยังเต้นอยู่อย่างแผ่วเบา จึงได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช

    ในขั้นแรกหมอสงสัยว่ากินยาตาย แต่เมื่อทำการตรวจแล้ว ผลกลับว่าไม่ใช่ จึงทำการรักษาต่อไป จนเด็กหญิงลัดดาได้ฟื้นขึ้นมาขณะเวลาประมาณสิบนาฬิกา


    เมื่อเธอฟื้นขึ้นมา เธอก็ร้องว่า “หนูกลัวแล้ว หนูกลัวแล้ว อย่าทำหนูเลย” พร้อมกับมีอาการสั่นด้วยความกลัว จ.ส.ต.ผาดได้พูดปลอบโยนต่าง ๆ จนเด็กหญิงลัดดาคลายความกลัว ครั้นถึงเวลาสิบห้านาฬิกา หมอจึงให้กลับบ้านได้

    เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน เด็กหญิงลัดดาก็ได้เล่าประสบการณ์ขณะที่หลับไม่ตื่นนี้ ให้แก่ปู่ผาด ย่าวงศ์ และท่านพระครูปลัดสุพจน์ วัดประยูรวงศ์ ฟังว่า ขณะที่เธอนอนหลับอยู่ในคืนวันที่ 24 เมษายน นั้น ได้มีชาย 4 คน รูปร่างใหญ่โต มือถือกระบอง เข้ามาทางหน้าต่าง อุ้มเธอออกไป เธอร้องเรียกให้คนช่วย แต่ดูเหมือนไม่มีใครได้ยิน

    เมื่อเธอออกจากบ้านแล้ว ก็ถูกบังคับให้เดินไปในทางที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย ระหว่างทางมีต้นไม้แปลกๆ ขึ้นอยู่มากมาย ต้นไม้นั้นมีหนามแหลมอยู่เต็มไปทั้งต้น ชายหญิงที่ปีนป่ายอยู่ ถูกหนามแหลมทิ่มแทงจนเลือดไหลโทรมกาย คนไหนไม่ยอมปีน ก็จะมีคนคอยเอาหอกแทงก้นบังคับให้ปีนขึ้นไป พอขึ้นไปข้างบนก็มีนกปากเหล็กตัวใหญ่คอยจิกกิน คนเหล่านั้นก็ได้แต่ส่งเสียงร้องครวญครางระงมกัน


    เมื่อเดินต่อไป ก็พบชายหญิงหลายคนถูกมัดมือยืนอยู่ บนหัวก็มีกงจักรพัดให้เลือดไหลออกมา ไหลกระจายนองอย่างน่าหวาดเสียว ผู้ที่คุมตัวเธอออกมาบอกว่า คนพวกนี้เมื่อเป็นมนุษย์ เป็นคนเนรคุณ ทำร้ายพ่อแม่ จึงทำให้ถูกลงโทษอย่างนี้

    เมื่อเด็กน้อยเดินต่อไป ก็พบศาลาหลังหนึ่ง มีผู้หญิงแก้ผ้าอยู่หลายคน ใช้มือกำผ้าอ้อม ทุบตัวเองจนเลือดไหลโทรม ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ผู้คุมบอกว่า บาปกรรมที่หญิงพวกนี้ทำ คือเมื่อชาติก่อนเคยทารุณลูกเลี้ยง เคยทำแท้ง

    เมื่อเดินต่อไปอีกก็พบปู่แท้ ๆ ของเธอ ถูกจับมัดไว้ ไม่ได้นุ่งผ้า มีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม เน่าเฟะทั้งตัว ปู่ของเธอบอกว่า เมื่อมีชีวิตอยู่ ได้รังแกคนและสัตว์มากมาย พอตายไป จึงต้องมารับโทษเช่นนี้ เด็กหญิงลัดดา พยายามที่จะช่วยปู่ของเธอ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงต้องเดินทางผ่านต่อไป


    แล้วก็พบคนขายปลาถูกมัดมือมัดเท้า ที่หัวถูกผ่าออกเป็นสองซีก ตัวซูบผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก พบกระทะใบใหญ่มีน้ำร้อนเดือดพล่าน มีคนถูกต้มเคี่ยวอยู่หลายคน ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่ตลอดเวลา

    นอกจากคนที่ถูกทรมานอยู่กลางแจ้งแล้ว สองข้างทางก็มีภูเขายาวเหยียด ภูเขาเหล่านี้มีถ้ำเต็มไปหมด ในถ้ำก็มีผู้ถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ


    เด็กหญิงลัดดาเล่าต่อไปว่า เมื่อได้ผ่านแดนทรมานอันน่ากลัวไปแล้ว ก็เดินทางไปถึงสถานที่อันสวยงามแห่งหนึ่ง มีสำรับจัดอย่างดีเต็มสองฝากทางยาวเหยียดสุดสายตา ถาดและถ้วยชามล้วนทำด้วยทองคำ

    ผู้คุมถามว่า หนูอยากกินไหม เธอตอบว่า อยากกิน เขาบอกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของหนู จำได้ไหมว่า หนูเคยทำบุญร่วมกับปู่ผาดและย่าวงศ์ หนูน้อยจึงได้กินอาหารจนอิ่ม จากนั้นก็ได้พบข้าวสารเมล็ดโตอยู่ในตุ่มแก้ว

    พ้นจากสถานที่เก็บอาหารทำบุญแล้ว มาถึงกำแพงใหญ่ ก็พบพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนอยู่ พระสงฆ์รูปนี้ ใบหน้าเหมือนพระพุทธรูปที่บ้านที่เคยกราบไหว้ พระท่านกล่าวว่า โยมจะพาเด็กคนนี้ไปไหน จงนำเขากลับไปที่บ้านเสียเถิด เอามาผิดตัวเป็นคนละคนกัน เพียงแต่มีชื่อเหมือนกัน พร้อมพูดกับเด็กหญิงลัดดา ว่า จำไว้นะหนู ต่อไปนี้ ความชั่ว ความบาป จงอย่าได้ทำเลย

    จากนั้นผู้ที่คุมตัวเธอมาก็จะให้เธอกระโดดลงไปในแม่น้ำที่ขวางทางอยู่ พระท่านบอกว่า ทำอย่างนั้นไม่ได้ พาเขามาอย่างไร ก็ควรที่จะพาเขากลับไปอย่างนั้นซี


    ผู้คุมจึงนำเธอขึ้นหลังนกบินขึ้นไปบนอากาศ เด็กหญิงลัดดาเล่าว่า นกตัวนั้นเหมือนหงส์ที่วาดอยู่ตามวัด ปีกและขนเป็นทองคำทั้งตัว ขณะบินอยู่บนอากาศ ก็พบชายหญิงแต่งตัวสวยงามมาก และเห็นบ้านเรือนสวยงามอีกมากมายลอยอยู่กลางอากาศ ชายหญิงเหล่านั้นได้โบกมือให้แก่ ด.ญ.ลัดดา

    เมื่อหงส์ทองบินมาสักพักใหญ่ ก็ได้ร่อนลงตรงหน้าบ้าน ผู้คุมพูดขึ้นว่า อ้าวถึงแล้ว เธอลงจากหลังนกใหญ่วิ่งเข้าไปในบ้าน ปากก็ร้องว่า “หนูกลัวแล้ว อย่าทำหนูเลย” จากนั้นเธอก็รู้สึกตัวขึ้น แต่เป็นที่โรงพยาบาล ไม่ใช่ที่บ้านตามที่ผู้คุมมาส่ง นี้เป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างหนึ่ง

    จากประสบการณ์ของเด็กหญิงลัดดา อินทรจิตร บางกอกไทม์ได้รับคำชี้แจงจาก ท่านพระครูปลัดสุพจน์ วัดประยูรวงศ์ฯ ปู่ผาด และย่าวงศ์ จูงใจ สองตายายผู้อุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิงลัดดาว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ประหลาดนี้ เด็กหญิงลัดดาไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยแต่อย่างใด และไม่เคยได้อ่านหนังสือมาลัยสูตร หรือหนังสือเนมิราชชาดก หรือฟังเทศน์ฟังธรรม เกี่ยวกับเรื่องนรกสวรรค์มาก่อนเลย จึงนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง ซึ่งตรงกับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และเหตุการณ์ต่างๆที่เธอเล่าก็พอจะเชื่อถือได้ เพราะเป็นเด็กที่ไม่เคยโป้ปดมดเท็จเหลวใหลมาก่อน



    ขอให้ผู้อ่านจงพิจารณาใคร่ครวญด้วยปัญญาดูเถิด
     
  2. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,190
    ค่าพลัง:
    +1,095

แชร์หน้านี้

Loading...