เจ้ากรรมนายเวร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย attasade, 30 ตุลาคม 2014.

  1. attasade

    attasade เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,554
    เจ้ากรรมนายเวร

         ..เจ้ากรรมนายเวร หมายถึงบาปที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ในอดีตชาติก็ดี ในชาติปัจจุบันก็ดี อย่างคนที่เราฆ่าเขาบ้าง เราทำร้ายเขาบ้าง เขาอาจจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่สนใจแล้ว แต่ไอ้ตัวบาปที่เราทำไว้ อย่างคนที่ไปขโมยของเขา เจ้าของเขาไม่ติดใจแต่ตำรวจมีหน้าที่ตามไม่ใช่อยากตาม แต่กฎหมายให้ตาม

         ฉะนั้น กรรมหรือเวรตัวนี้คือกฎหมาย ถ้าหากปฏิบัติในขั้น สุกขวิปัสสโก ก็จะบอกว่าไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยเห็น แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช ขึ้นไปเขาเห็น ดังเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟังประกอบเรื่องนี้

         เมื่อ พ.ศ. 2517 คืนหนึ่งอาตมาเจริญพระกรรมฐานเสร็จ ก็อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ขณะที่อุทิศส่วนกุศลก็มายืนกันมากแต่ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวร เป็นคนมาโมทนาบุญ พอเขาโมทนากันเสร็จ ก็มีชายคนหนึ่งคลานเข้ามา ถือขวานเล่มใหญ่

         พอเข้ามาใกล้ก็บอกว่า "ผมกับท่านหมดเรื่องกัน"
         อาตมาก็ถามว่า "หมดเรื่องอะไร"
    เขาก็บอกว่า "หมดเรื่องที่จะต้องติดตามจองล้างจองผลาญกัน"
         ก็ถามอีกว่า "จองล้างจองผลาญฉันทำไม"
    เขาก็บอกว่า "เปล่าครับ ผมไม่ได้จองล้างจองผลาญ"
         ก็ถามว่า "แล้วเข้ามาทำไม"

         เขาก็เลยเล่าประวัติความเป็นมาให้ฟังว่า "ในอดีตนับเป็นสิบ ๆ ชาติ ท่านกับผมรบกันมาเรื่อย" เป็นคู่สงครามกัน ตัวเขาเก่งขวานทุกชาติ ส่วนอาตมาเก่งดาบสองมือทุกชาติ ถ้าเวลาให้รบตัวต่อตัว ต้องเอาคู่นี้มารบกัน ถ้าคนอื่นหัวขาด พอถึงเวลากินข้าวก็บอกว่า "พักรบก่อน กินข้าวเสร็จมารบกันใหม่" วันนั้นทั้งวันไม่มีใครเสียท่ากัน

         อาตมาถามว่า "มันมีเวรกรรมอะไรกันล่ะ"
    เขาบอกว่า "กฎของกรรมเขาถือว่ามี แต่เวลานี้กฎของกรรมสลายตัวแล้ว"
         ก็เลยถามว่า "เวลานี้ไปเกิดที่ไหน"
    เขาก็บอกว่า "ผมเป็นพรหมครับ"
         ถามว่า "พรหมยังจองกรรมหรือ"
         เขาตอบว่า "ผมไม่ได้จองแต่กฎของกรรมมันจอง เรื่องของกรรมหนัก ๆ ระหว่างสงครามหมดกันแค่นี้"

         เราอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็ตาม บุญที่เราทำเป็นผลให้เกิดความสุข ไอ้กรรมต่าง ๆ ที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไปแล้ว เราไปยับยั้งมันไม่ได้ แต่ทว่าถ้าเราทำกรรมดีให้มีกำลังเหนือบาป บาปต่าง ๆ ก็จะตามเราไม่ทันเหมือนกัน เรียกได้ว่า เป็นการทำบุญหนีบาป ไม่ใช่ทำบุญล้างบาป ทุกคนที่เกิดมาในโลกที่ไม่ทำความชั่วเลยน่ะไม่มี ดังนั้นถ้าเราจะชดใช้บาปก็คงจะชดใช้กันไม่ไหว มีทางเดียวในกิจของพระพุทธศาสนาคือ หนีบาป ด้วยการปฏิบัติดังนี้

         1) การคิดถึงคุณพระรัตนตรัยคือ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระอริยสงฆคุณ
         2) ทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์
         3) มีพรหมวิหาร 4 ให้ครบถ้วน
         4) มีอิทธิบาท 4 ทรงตัว
         5) มีการภาวนาให้จิตทรงตัว
         6) พยายามรวบรวมบารมี 10 ประการให้มีในจิตให้ครบถ้วน
         7) พยายามตัดสังโยชน์ 10 ประการให้หมด
         8) จรณะ 15 ปฏิบัติให้ครบถ้วน

         เมื่อมีการทรงตัวดังกล่าวมาแล้วนี้ได้ทั้งหมด ก็เป็นอันว่าไม่ต้องเกิดกันอีกต่อไป นั่นคือตายเมื่อใดก็ไปพระนิพพานอันเป็นแดนที่มีความสุขที่สุด.."

    *คัดลอกจากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน เรื่องที่ 175 หน้า 359 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...