เขาว่าผมจะบวชไม่สึก

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย โซ, 22 เมษายน 2016.

  1. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    [​IMG]

    อีกสักกระทู้ครับ(ก่อนนอน)อาจไม่ค่อยมีสาระ ก็ขออภัย เห็นห้องนี้ดูเงียบๆ
    เห็นเขาว่ามา เราก็แอบดีใจนิดๆ ถ้าไม่ตายซะก่อนคงได้บวชแน่
    หรือท่านใดมีแบบนี้ก็เอามาดูกันหน่อยน่ะครับ ว่ามีความคิดว่ามันเป็น
    เช่นนั้นมั้ย ว่าท่านอยากจะบวชไม่สึก ตั้งปฏิปทา เพื่อต่ออายุพุทธศาสนา
    ช่วยเผยแผ่พุทธศาสนาให้ไปในทางที่ถูกต้องที่สุด จะเป็นแบบอย่าง
    ของความเชื่อมั่น เคารพ ดึงศรัทธาของมหาชนกลับมาในทางที่ถูก
    ที่ดี ที่ควร เป็นผู้เป็นแบบอย่าง ในศีล ในธรรม ในจริยวัตร เป็นผู้ที่ควร
    ต่อคำว่า พระสงฆ์อย่างแท้จริง
    (ผมจะพยายามลดความหลงมันลงมาเรื่อยๆน่ะครับ)
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ได้บวชก็เพราะมีบุญบวช

    ได้สึกก็เพราะหมดบุญบวช ครับ ถ้ามีเหตุมา วาระมาถึงก็อยู่ที่ กำลังจิตกำลังใจ ว่ารักษาตัวรอดหรือไม่
     
  3. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณ คุณ saber มากน่ะครับ แม้หาความเป็นสาระไม่ค่อยได้
    ยังมาให้ข้อคิดครับ ทุกวันนี้มีเหตุการณ์ที่ต้องให้ ท้อ หดหู่ ก็พยายาม
    ใช้สติ ปัญญา เสริมกำลังเข้าไป สติละลึกว่าเราจะให้จิตตกไม่ได้
    การได้บวช ส่วนตัวผมคิดว่านั่นคืองาน ที่เราหวังไว้ ต้องทำมันให้ได้
    สิ่งที่ต้องตระหนัก คือความอดทน ผลคือ ตบะ บารมี เราไปคือการมีจุดมุ่งหวัง
    หรือเป้าหมาย ที่เฝ้ารอมันมานานแล้ว แต่บางคนเข้าไปเพียงเพื่อ ความเบื่อหน่าย
    หรือไม่รู้จะไปทำอะไร ไม่มีจุดมุ่งหวัง ไม่มีสัจจะ อธิษฐาน กระทำโดยไม่หยั่งลึก
    ลงไปในสัจจะ เพื่อความเป็นไตรลักษณ์ ประเภทนี้จะอยู่ไม่ได้นานในศีล ธรรม
    ไม่มีความเป็นผู้ ปฏิบัติดีชอบ ไม่น่าเคารพ เชื่อมั่น ศรัทธา ผลมันเลยออกมาที่เราเห็น
    กันอยู่ในปัจจุบัน
     
  4. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,836
    ค่าพลัง:
    +2,232
    บวชเป็นหนทางหนึ่งในหลายหนทาง ในการประพฤติปฏิบัติธรรม.
    เปรียบเหมือนแม่น้ำหลายสายไหลลงทะเลหลวงฉันนั้น
     
  5. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับ แม้บางท่านยังมองเห็นว่า บวชไม่สำคัญ
    ชีวิตฆราวาสก็ยังสามารถบรรลุธรรมได้ คิดปฏิบัติอาจต่าง
    แต่ก็มองว่าสิ่งนี้เป็น ตบะ ความเพียร บารมี เป็นหนทางที่สะดวกเข้าไกล้
    ความเป็นอริยะบุคคลได้ดีที่สุด
     
  6. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    หลายท่านอยากบวชไม่สึก แต่ทำไม่ได้ กฎแห่งกรรมและภาระหน้าที่มันบีบบังคับให้ต้องสึก

    ได้บวชวันเดียวก็ถือเป็นบุญนักหนาแล้ว ถ้าได้รู้เห็นธรรม

    ยิ่งได้พบครูบาอาจารย์ดี ยิ่งเป็นบุญอันล้ำเลิศ

    แต่ถ้าจะให้ประเสริฐ นั้นต้องเลิศด้านการปฏิบัติ

    แต่ถ้าจะทำให้อยู่หมัด ก็ต้องหัดละกิเลส

    แม้จะไม่ได้เป็นสมุทเฉทฯ

    แต่ก็เป็นต้นเหตุที่ดี

    ปล. การประหารกิเลสในมรรคญาณ เรียกว่า สมุทเฉทปหาน

    (ออกแนวกลอนอีกแล้วเรา ก็คนมันอดไม่ได้อ่ะนะ ขอหน่อย ^_^ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 28 เมษายน 2016
  7. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับตามนั้น
    บางคนเชื่อศรัทธา โดยขาดสติ และปัญญา โดยมีความ
    ตั้งมั่นที่จะอยู่ในชายคาผ้าเหลืองเพศสมณะจนตลอดชีวิต
    เพียงคิดว่า เราเห็น เรียนรู้ เชื่อมั่น ศรัทธา เห็นในทุกข์
    ความเบื่อหน่าย กำหนัด สิ่งที่จะทำไห้ส่วนหนึ่งให้เราอยู่
    เป็นนักบวชได้นานๆนั้น ผมมองว่า (ถ้าไม่นับจากบุญ บารมีที่เรามี)
    ต้องมีความตั้งมั่น ศรัทธา มีเป้าหมาย ใช้ สติ ปัญญา
    ประกอบในความเพียร
    เป้าหมายของพุทธสาวก ปฏิบัติความเพียรเพื่อเชื่อว่า มรรคผล นิพพาน
    เป้าหมายพุทธภูมิ ปฏิบัติความเพียรเพื่อเชื่อว่า ตบะ บารมี
    บุคคลปฏิบัติไม่มีเป้าหมาย ย่อมอยู่ไม่นาน ถ้านาน ก็นานเพื่อจุดประสงค์อื่น
    ต้องรู้จักมีสติ ปัญญา ใช้สติปัญญาในการเป็นแรงผลักดัน กระตุ้นหรือเจริญ
    ในความเพียร เพื่อไม่ให้จิตคลายความตั้งมั่น
    ส่วนตัวผมจะวางแผนแบบนี้ เรียนธรรม ถ้าเบื่อไปสมาธิ วิปัสนา
    สมาธิ วิปัสนา ถ้าเบื่อ เดินปัญญา
    แต่จริงๆถ้าเราได้บวชแล้ว ต้องทั้งสามไปด้วยกัน ศีล สมาธิ ปัญญา
    แต่เราก็สามารถเรียนรู้ หยั่งในตนเองได้ ขอให้เรามีความปราถนา
    เชื่อมั่น ศรัทธา ตั้งมั่น สติ ปัญญา เราจะรู้ว่าต้องทำอะไร ทำเพื่ออะไร
    ผลของมันมีจริง เชื่อมรรค ผลนิพพาน ก็กระทำให้แจ้งเพื่อมรรค ผลนิพพาน
    เชื่อในตบะ บารมี บำเพ็ญเพียร ในโพธิญาณ ก็กระทำให้สำเร็จสู่เป้าหมาย
    ในโพธิญาณความเป็นโพธิสัตว หนทางมีอยู่แต่เราจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างไร
    ในแบบที่คุณควรจะเป็น
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    แล้วท่าน มีสถานปฏิบัติธรรม ที่เป็นของตนเองหรือยังครับ

    ไม่งั้นถ้าไปอยู่กับพระรูปอื่น แล้วพาแต่ ทำพุทธพาณิชย์ ก็อยู่ร่วมกันไม่ได้อีก หรือไปอยู่กับพระที่นั่งพิมพ์แต่ซองผ้าป่า แบ่งปัจจัยไม่ลงตัวก็อยู่กันไม่ได้อีก หรือไปอยู่กับพระที่หลงแต่นั่งปลุกเสกเครื่องรางของขัง หรือไปอยู่กับสถานปฏิบัติธรรมของคนอื่นแล้วท่านไม่มีญาติโยมอุปฐาก ไม่มีปัจจัยเข้าวัดก็หาว่าท่าน เข้ามากินฟรีอยู่ฟรี ไม่มีประโยชน์ต่อสถานที่อีก หรืออยู่ไปอยู่มาก็โดนไล่ที่อีกว่าไปแย่งป่าสาธารณะอีก.....

    มันต้องเตรียมสถานที่ปฏิบัติธรรมเองครับ เตรียมที่พัก ห้องน้ำ น้ำดื่มน้ำใช้ แหล่งอาหาร...ให้พร้อมครับ แล้วเป็นเจ้าสำนักเอง..จะได้ไม่มีใครมาไล่ครับ สร้างโรงธรรมเอง สร้างโรงทานแก่คนยากคนจนเองเลย

    แล้วค่อย หาเพื่อนที่จริตตรงกัน รับเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันครับ สมทบทุน ให้มันมั่นคง ขึ้น ด้วยป่าไม้ธรรมชาติ รับคนจนเข้ามาเป็นแรงงานอุปฐาก..สอนธรรมไปด้วย...แบบนี้ ..ถ้าใหญ่ขึ้นก็ตั้งเป็น มูลนิธิของแผ่นดินเพื่อในหลวง ไปเลยครับ...กลุ่มอื่นที่อิจฉาจะได้ไม่คอยมาหาเรื่องจับผิดครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2016
  9. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    จะปฏิบัติธรรม แต่คิดถึงเรื่องเป็นเจ้าสำนักซะแล้ว คงพ้นทุกข์ได้หรอกนะ รู้สึกว่าคุณจะมโนเก่งเหลือเกินตั้งแต่เรื่องจิตกับใจโน่นละ คราวนี้มาแนะนำเขาไปไกลโน่น พูดมาแต่ละอย่างทำได้รึยังครับ ไปตั้งสำนักเองไม่มีครูอาจารย์แนะนำสั่งสอนทางออกก็มีแค่ 3 อย่างคือ 1.หลงทาง 2.ไม่ก้าวหน้าไปไหน 3.ยึดติดอยู่กับตำแหน่งเจ้าสำนัก

    ถ้าคนเขาอยากบวช ก็ไม่ควรไปขัดแข้งขัดขาเขานะครับ คุณไม่ศรัทธาในผ้าเหลือง ก็อย่าหวังว่าจะก้าวหน้าในธรรมได้ คุณไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องเอาตัวคุณไปยัดเยียดให้คนอื่น
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    อย่าเรียกว่ายัดเยียด สิครับ...ให้เรียกว่าแนะนำ..ที่ให้เรียกว่าแนะนำเพราะ ให้เขาได้รับรู้มุมมองอื่นเพิ่มเติมบ้าง แล้วนำไปพิจารณา ตัดสินใจเอง...นี่แนะนำ

    ส่วนไอ้ยัดเยียดของคุณน่ะ มันเหมือนไม่มีหนทางอื่น ต้องไปทางนี้ ๆ เท่านั้น

    อีกอย่างใครว่าผมห้าม เขาบวช..(อย่ามโนเองสิครับ) ก็ที่ให้หาสถานที่ปฏิบัติธรรมรองรับตนเองนี่...ก็บวชนะครับ(อย่ามโนได้แค่นี้สิครับ)
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ไม่เห็นด้วย ก็บอกมาสิครับว่าไม่เห็นด้วย...จะมาถือเป็น อารมณ์ ไปทำไมกันครับ

    คุณไม่รู้เริ่อง กับสิ่งที่ผมพูด...ก็อย่ามโน ด้วยอารมณ์ ไปเองสิครับ ว่าเป็นการยัดเยียด

    มันบ่งบอกว่าตัวคุณ มโนได้เท่านี้ นะครับ....
     
  12. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับ สำหรับแนวทาง ก็ตามนั้นที่ท่านกล่าว
    ผมยังไม่ได้บวชน่ะครับ เพราะยังไม่เสร็จกิจทางโลก
    ผมกำลังใช้สติ ปัญญาที่มีอยู่ กำลังเรียนรู้ธรรมทางโลก
    ความเป็นไปของปถุชนคน สัตว ว่าสิ่งเหล่านั้นธรรมที่เกิด
    ดำเนินไปตามธรรมชาติ ธรรมชาติในการดำรง ดำเนิน
    ไปแห่งมวลมหาสัตว์ ความเป็นไปตามวิถีแห่งธรรมชาติ
    สิ่งที่เกิดขึ้นที่ดึงเรามาด้วยคำว่า กรรม นั้นได้ปรุงแต่ง
    เสริมสร้างให้เราได้มารวม ร่วมอยู่ด้วยกัน ให้เราได้อาศัย
    พึ่งพิง ในความเป็นสัตว์ บุคคล ได้ให้ใช้ชีวิตเป็นอาหาร
    มีความต่อเนื่องของกรรมที่เราได้สะสมมาแล้วนานนับไม่ถ้วน
    ทุกเรื่องราวที่ขึ้นจาก อดีต ปัจจุบัน และอนาคต มีเรื่องราวที่ดี
    เลวร้าย สวย หล่อ ขี้เหล่ หอม เหม็น หวาน เค็ม มัน อร่อย
    ไพเราะ รำคาญ สดชื่น สบายใจ หดหู่ ฯล
    ทุกเรื่องราวได้ผ่านให้เราได้ เรียนรู้ จดจำ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง
    แบบอย่าง ที่ดี เลว ให้เราเลือกปฏิบัติ เราเห็นความดีที่พึงมี
    ย่อมมีใจสดชื่น เบิกบาน เห็นสิ่งเลวร้าย ย่อมหดหู่ อยากเห็นความ
    ยุติธรรม ทรงธรรม อยากเห็นความวิบัติเกิดแก่ผู้มีจิตใจโหดร้าย
    คนชั่วช้าสามาญ บางครั้งก็ใช้ความคิดตนว่าที่ถูกที่สมควร
    ไห้เกิดขึ้น กระทำตามใจตนเองที่โหดร้าย เพียงเพื่อบอกว่า
    มันสมควร
    นั่นแหละครับคือธรรมส่วนหนึ่ง ที่ผมพิจารณาอยู่ทุกวันนี้
    ได้รับเรื่องราวที่ดี เลว บุญ กุศล บาป อกุศล สิ่งเหล่านี้เรา
    จะเลือกปฏิบัติมันได้ถูกต้อง เมื่อเรามีโอกาสเข้าไปกระทำ
    ในสิ่งที่เรามุ่งหวัง มองว่าเราควรจะทำเพื่อความดี เลว เป็น
    กุศล อกุศล หรืออุเบกขา ตัวอย่างจาก บุคคล พระ อริยะ
    เราจะน้อมนำมาปฏิบัติเพื่อความเป็นให้เห็นใน จริยวัตร
    ปฏิปทา ความเชื่อมั่น สร้างแรงศรัทธาให้เกิด โดยเป็นผู้มี
    ศีล ข้อวัตร ปฏิบัติ ให้เลื่อมใสได้โดยสนิทใจ

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ ที่เราเห็นไม่ว่าจะ สัตว์ บุคคล
    ผู้คน พระ นักบวชฤาษี โยคี เราได้เห็นปฏิปทา หรือการกระทำ
    นั้นได้แจ่มแจ้งแล้ว เราจะมาประยุกต์เป็นแบบอย่างของความ
    พอดี ที่ผู้คนทุกชนชั้นได้ใช้ หรือเห็นร่วมกันโดยสันติ เช่น
    เห็นการเมื่อง เหลือง แดง แบ่งพรรคพวก แบ่งแยก แบ่งฝ่าย
    เราเห็นแล้วอยากทำลาย หรือ ส่งเสริม เราจะมองสีของที่ตนชอบ
    นั้นว่าดีแล้วถูกต้องที่สุด เราก็อยากไห้คนอื่นมองสีในแบบของเราบ้าง
    อยากให้คนมามองสีที่เราว่าดีที่สุด ใครไม่ชอบสีที่เราชอบก็คอย
    คิดจะมุ่งร้าย อาฆาต พยาบาท ใครชอบในความเป็นอย่างที่เราเป็น
    ก็จะยุยง ส่งเสริมให้เป็นอย่างที่เราเป็น แม้บุคคลที่ชอบสี สีดำ ก็มองว่า
    สีดำคือพลัง คืออำนาจ คือความเป็นผู้อยู่เหนือ
    สีขาว ก็มองว่า สะอาด บริสุทธิ์ สดใส ต่างความคิด ความเชื่อ ถ้าเรามองให้ดี
    เราจะรู้ว่า บุคคลที่ชอบสีดำนั้น ไม่ได้มี หรือเป็นคนดี หรือเลวไปเหมือนกันหมด เพียงเป็นความเชื่อ ชอบ ศรัทธา ส่วนตัว
    และผู้ชอบสีขาวนั้น ก็ไม่ได้มี หรือเป็นคนดี หรือเลวไปเหมือนกันหมด เพียงเป็นความเชื่อ ชอบ ศรัทธา ส่วนตัวเช่นกัน เรื่องราวมีให้เราเรียนรู้ การเรียนรู้
    บางทีเราควรมองเป็นอุเบกขาบ้าง เพราะสิ่งเหล่านั้นที่เกิด มันเกิดจากความเข้า
    ไปไม่ถึงสติ ปัญญาที่จะต้องเรียนรู้
    ยิ่งถ้าเราเป็นพระ เราจะเป็นผู้ปฏิบัติดีชอบ อยู่ในศีลธรรม ข้อวัตรปฏิบัติโดย
    เคร่งคัด ค่อยๆให้เขาเหล่านั้น เข้าใจธรรม ที่เป็นแก่นสารอย่างแท้จริงทีละนิด
    ความเชื่อในอวิชชาต่างๆ
    สุดท้ายสิ่งที่ท่านกล่าวมาข้างต้น มีประโยชน์ครับ ทำไห้ผมได้รู้ว่า สิ่งที่คุณ
    กล่าวมันควร ไม่ควรเช่นไร ผมเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ก็เพราะท่านทั้งหลายนี่แหละครับ
    ทั้งในอดีต ปัจจุบัน ที่แสดงเรื่องราวให้ผมได้ดู คิด พิจารณา โดยใช้สติ ปัญญา
    เท่าที่ผมมีอยู่ ความถูกต้อง สมบูรณ์ที่สุด ก็เพราะความรู้ ความคิด ความขัดแย้ง
    เหล่านี้แหละครับ พอก่อนแค่นี้ครับ มีอีกเยอะ เหนื่อยพิมพ์:cool:
     
  13. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    คุณคงไม่คิดว่า ผมยัดเยียด ให้คุณหรอกนะครับ
    ขอบคุณครับที่เข้าใจ...คนมีปัญญาแบบคุณ...ก็เข้าใจไปในทางที่ดี...ก็ยินดีด้วยครับ
     
  14. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ขอบคุณครับ ความเห็นต่างที่มองว่าผิด แต่การสื่อสารอาจจะไม่ละเอียดครับ
    ผมก็เคยมีความคิดแแบบ จขคห เหมือนกันครับ แต่ถ้าบอกกล่าว หรือแสดง
    ความคิดเห็นออกไป มันจะดูแย้งต่อ พุทธพจน์ทันที สิ่งที่ผมคิดคือ
    การที่เราจะยังเชื่อมศรัทธาของมวลมหาชนนั้น สิ่งที่เราจะดึงเขาเหล่านั้นมาได้
    เราจะต้องมีหรือกระทำในความคิดทางโลกคือ จะต้องทำแฟรนไชด์ คือเราเป็น
    ผู้ประกอบการเป็นแฟรนไชด์ หรือเป็นเจ้าสำนักอะไรก็ว่ากันไป โดยเจ้าของ
    แฟรนไชด์นั้นคือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้กำหนด กฏเกณฑ์
    ข้อบังคับ ไม่ว่าจะเป็น ทาน ศีล ภาวนา จริยวัตร ข้อปฏิบัติของศีลต่างๆ
    เราจะต้องกระทำมันด้วยความเคร่งคัด ไม่นอกลู่ นอกทางในอวิชชาต่างๆ
    เราจะปฏิบัติเพื่อยังความเป็นปฏิปทา น่าเคารพ น่าเลื่อมใส ยังตนเป็นต้นแบบ
    หรือแบบอย่างของผู้ปฏิบัติดีชอบ ให้คนในยุคสมัยปัจจุบันได้เห็นสิ่งนั้น
    ที่เคยมีมาแล้วในอดีต เพียงความเห็นต่างในผู้คนปัจจุบันย่อมมอง เห็นแต่เพียง
    ภายนอกของความเจริญในด้านวัตถุ เทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ ไม่เห็นสิ่งสำคัญ
    ในด้านจิตใจของผู้ที่ต้องปฏิบัติว่ามันมีประโยชน์และพลัง อนุภาพมากขนาดไหน ที่เขาเหล่านั้นจะต้องเชื่อ ศรัทธา ปฏิบัติกัน
    สิ่งที่ผมคิดอาจแสลงในความคิดของคนจำนวนมากคือต้อง เป็นแฟรนไชด์ของพุทธองค์ สร้างโลโก้ของตัวเอง เพราะผมเห็นความสำคัญในยุคนี้
    ตัวอย่างเช่น หลวงปู่มั่น(พระอริยะสายหลวงปู่)โลโก้ สายพระป่าผู้ประกอบความ
    สันโดษ
    พระอาจารย์คึกฤทธิ์ สร้างโลโก้ พุทธวจนะที่คิดว่าตรงต่อพุทธองค์
    หลวงปู่พุทธอิสระ สร้างโลโก้ที่คิดว่าความชอบธรรม ยุติธรรม
    หลวงตาม้า สร้างโลโก้ความเป็นพุทธภูมิ
    หลวงพ่อธัมมชโย โลโก้ บาป บุญ ทาน นรก สวรรค์
    อดีตหลวงพ่อเกษม สร้างโลโก้วัตถุนิยม เครื่องราง ของขลัง
    รูปปั้นบูชา
    หลวงพ่อท่านโพธิรักษ์ แบบอย่างในการดำรงชีวิต
    หลวงปู่เณรคำ โลโก้พระอรหันต์
    ไม่ว่าจะอดีตพระยันตระ ฯล
    สิ่งเหล่านี้แหละครับที่ท่านเหล่านั้นแสดงให้ดูแล้วว่า ความพอดี และไม่พอดี
    มันอยู่ตรงไหน ที่ที่ใคร เห็นถึงโทษ ประโยชน์ที่เราได้รับ กับคำว่าเลื่อมใส
    ผมจะเอาสิ่งเหล่านี้มาปรับปรุงให้ถึงพร้อมความเสมอภาค เห็นต่างให้เป็นแนวทางกลางๆที่ทุกคนรับได้
    ความผิด ถูกมีเกิดขึ้น อยู่ที่ปัญญาเราว่า เราจะเอาอะไร หรือทำอะไร เมื่อรู้ว่ามันถูกต้อง หรือผิดจากธรรมที่ควรจะเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2016
  15. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ถ้าคุณบอกว่ายาบ้าดี จงบอกมาครับว่ามันดีตรงไหน
    ผมจะพิจารณาเองว่าจะเอาหรือไม่เอา ดีหรือไม่ดี
    :cool:
     
  16. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    ว้าวๆๆๆๆๆๆ คนมีปัญญาดี เขาพูดแบบเปิดอก แสดงความใจกว้าง..อย่างนี้นี่เอง

    มันต้องแบบนี้สิ..จะได้ ไม่ หน่อมแน้มเหมือน อิสตรี.....ดีชั่ว เราเป็นคน เลือกเอง ไม่มีใครมายัดเยียด....หรือมาหลอกลวงกัน...แล้วก็กล่าวโทษให้ ปัจจัยภายนอก ว่าเป็นต้นเหตุ...นายแน่มาก...(ขอชื่นชมครับ)...ไปบวชดูท่าจะรุ่งครับ สนับสนุนครับ:cool:
     
  17. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,312
    ค่าพลัง:
    +5,247
    ทางที่พระพุทธเจ้าทำไว้ให้เป็นทางสายกลางอยู่แล้ว ขืนไปหาจุดกึ่งกลางระหว่างทางของพระพุทธเจ้า กับทางของพระปุถุชนอีก ทางมันก็คลาดเคลื่อนจากทางสายกลางน่ะสิ
     
  18. โซ

    โซ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +872
    ไม่ต้องทำงานกันล่ะวันนี้ ตอบสนทนาธรรมกันดีกว่า :d
    ที่ท่านกล่าวก็ถูกครับ บางทีทางสายกลางมันเป็นหนทางที่เรา
    ก็ทำกันอยู่ในชีวิตประจำวันนี้แหละครับ
    สิ่งที่ควรปฏิบัติสิครับมันยาก ยากตรงไหน
    ไม่ได้ยากบอกว่าคุณต้องบวชน่ะ หรือต้องศีล
    ต้องหลับตา สมาธิ วิปัสนา มันยากตรงเดินปัญญา
    ที่จะเข้าไปเห็นในไตรลักษณ์นี่แหละครับ
    บางท่านครั้งในพุทธกาล บางท่านเห็นผ้าสีขาว
    แล้วเอามือลูบจนผ้านั้นดำเปลื้อน เศร้าหมอง
    ท่านจึงบรรลุธรรมได้ นี่แหละครับ คนไม่มีปัญญา
    ที่จะเข้าไประลึกได้ กระทำไม่ได้แบบนี้น่ะครับ
    ผมไม่รู้ว่าใครกล่าวว่า จะต้องไปหาจุดกลึ่งกลาง
    ระหว่างธรรมของพระพุทธเจ้า กับปถุชนจริงๆคำนี้
    มันไม่น่าจะใช้กับทางพุทธศาสนาครับ เพราะคำเหล่า
    นี้ไม่มีในพุทธวจนะ แต่ที่ผมมองเห็นและเข้าใจคือ
    ธรรมที่จะเข้าไปเห็นกระทำ ปฏิบัติได้จริงนั้นมันยาก
    เพราะเป็นธรรมที่เหนือปถุชนธรรมดาเข้าไปรู้ สัมผัสได้
    ต้องใช้สติ ปัญญาในการเข้าไปเป็นอย่างมาก
    ถ้าเราจะกล่าวให้ผู้รู้ธรรม ที่ได้ศึกษามาดีแล้ว
    เราก็จะกล่าวธรรมแก่เขาเหล่านี้ว่า ให้ใช้ สมาธิ
    วิปัสนา กรรมฐาน เข้าไปเพื่อเพิ่มเป็นแรงผลักดัน
    ให้เจริญตั้งมั่น เพื่อเป็นกำลังในธรรมขั้นสูงต่อไป
    ถ้าเป็นธรรมของปถุชนผู้ไม่มีปฐมธรรม หรือไม่ได้
    เรียนรู้หลักของพุทธศานาเลย เราควรให้เขาเริ่มต้น
    ด้วย ทาน ศีล ก่อนจะมาสมาธิปัญญาดีกว่ามั้ย
    ให้เขาได้เข้าถึงความยึดมั่น ถือมั่นในตัวตน ปรัชญา
    ที่ตนมีอยู่ เพียงเพื่อเพิ่ม ทานกับศีล เข้าไป ให้เห็น
    ถึงประโยชน์ ผล อานิสงค์ ของมันและไห้ก้าวต่อไปด้วย
    สมาธิ ภาวนา ปัญญาต่อไป สิ่งนี้ท่านจะมองว่าเป็นกึ่งกลาง
    ของธรรมโลกุตละ และธรรม โลกียะ ได้มั้ยครับ คือเป็นการ
    อ่อนน้อม ผ่อนตน ไปตามกระแสค่อยๆซึมซับเข้าไปทีละน้อย
    เมื่อใดธรรมเขาแข็งแรง แข็งแกร่ง หรือเจริญในธรรมระดับ
    สูงขึ้นให้เขาได้ใช้ปัญญาอย่างแท้จริงในความเชื่อ ศรัทธา
    ที่จะนำมาปฏิบัติ
     
  19. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,084
    ค่าพลัง:
    +3,025
    นั่นสิ คลาดเคลื่อนจากทางส่ยกลางยังไงกันนะ...ก็คนปฏิบัติธรรมมันจะเป็นกลางในตนเองเลย ได้หรือครับ มันก็ต้องศึกษาปฏิบัติฟังธรรมจากสัตตบุรุษ ...แบบผมอยู่เนือง(ชื่นชมในตนเอง)
    แล้ว เมื่อเดินตามเส้นทางแห่ง สัมมาทิฐิความเห็นชอบ มีดวงตาเห็นทางแห่งธรรม มันก็จะนำพาเราเข้าสู่ทางสายกลาง...ตามพระศาสดาเองนั่นแหล่ะ...สัมมาทิฐินะ...ที่ว่าเนี่ย

    ไม่ไช่คิดเอง เออเอง...
     

แชร์หน้านี้

Loading...