อีกวีธีทำบุญ แบบผม จาคานุสติ ทำบุญใหญ่ได้ทุกวัน สำหรับคน กำลังทรัพย์น้อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หมี พลเสน, 13 พฤศจิกายน 2011.

  1. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ผมจะทำ บุญการแบบนี้เอามาเผยแพร่ครับ ตามปรสาคนทรัพย์น้อยครับ เนื่องจาก มนุษย์เงินเดือนแบบผม กำลังใจเยอะ แต่กำลังทรัพย์น้อย แต่อยากทำบุญให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะตาย จะให้ผมรอเงินเดือนออก แล้วทำทีละร้อย 2ร้อย เดือนนึงคงทำได้ ไม่กี่ครั้ง แล้วถ้าเผื่อเราตายก่อนเงินเดือนออกล่ะ แต่เราอยากทำเยอะๆ พระก็อยากร่วมสร้าง โบสถ์ ก็อยากสร้าง พระก็อยากร่วมบวชกับเขา กฐินก็อยากร่วมด้วย และอยากร่วมทุกบุญครับ ผมจะหาร่วมทำบุญในเวปต่างๆ เช่น เวปพลังจิต เวปวัดท่าขนุน และอีกหลายเวป ใชับัตรATMโอนเข้าบัญชี ถ้าเป็น ธนาคารเดียวกับของเราจะดีมาก เพราะเราจะไม่เสียค่าโอน25บาท วันไหนไม่มีตังค์ก็ ทีละ1บาท 5บาท บ้าง10 วันไหนพอมีก็ 20 30 50วันไหนมีมาก ก็มากหน่อย สร้างพระบ้าง สร้างโบสถ์บ้าง ซื้อที่ให้วัดบ้าง กฐินบ้าง ประไตรปิฎกบ้างและร่วมบุญกับเขาได้ทุกอย่าง เราทำได้ทุกวัน ไม่เดือดร้อน แต่ทำทุกวัน ตอนกลางคืน จดใส่มือไว้เลยครับ ผมคิดว่า ถ้าเผื่อ ผมตายในทุกขณะ ผมมีหลักฐาน ที่จดไว้ที่มือ ในการ ยืนยัน กับใครๆก็ได้ เวลาผมตายแล้วไปรอการตัดสิน ว่าผมทำบุญนะ มีหลักฐานนะ และ การทำบุญทุกครั้งถ้าไม่มีใครอยู่หน้าตู้ATMนอกจากเราก็ขอให้ท่านพยายมราชเป็นสักขีพยานด้วยจะดีมาก บางทีมีคนอยู่ ผมก็ไม่กล้าพูด เขินๆ และเราก็จะ ทรงอารมณ์ ในจาคานุสติ เพราะวันไหนไม่ได้ทำเครียด5555 แล้ว ผมคิดว่าตายเมื่อไหร่ ผมพอจะมั่นใจเลยว่าผมคง ไม่ไปอบายภูมิแน่ๆ เพราะเราเกาะบุญ ตลอดวันและทุกวัน
     
  2. บัวมรกต

    บัวมรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    812
    ค่าพลัง:
    +1,071
    อ่านแล้วก็อมยิ้มค่ะ จดใส่มือ น่ารักดี ^-^
     
  3. พชรไพลิน

    พชรไพลิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +113
    น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อนุโมทนาสาธุนะคะ ไอเดียดีๆแบบนี้เผยแพร่ให้เยอะๆเลยนะคะ
     
  4. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ถ้าตัดค่าธรรมเนียมการโอนไปได้ หรือ ลดลงบ้างเหลือซัก10 บาทได้ก้อดีมากๆๆเลยครับ
    สาธุในกำลังใจท่านที่เป็นกุศลและกุศลทั้งหลายที่ท่านทำไว้ด้วยครับ สาธุ
     
  5. ศักยิ์กมล

    ศักยิ์กมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    824
    ค่าพลัง:
    +1,316
    ขออนุโมทนาในบุญของท่านด้วยครับ

    ต้องอาศัยอนุโมทนาเอาครับเงินไม่มีที่จะทำอย่างท่านได้
     
  6. คลี่สกุล

    คลี่สกุล สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +0
    สาธุ ค่ะ ส่วนดิฉันใช้วิธี จบเงินตอนสวดมนต์ 2 ยูโรบ้าง 5 ยูโร บ้างมากน้อยตามกำลังเพราะอยู่ต่างแดน แล้วใส่ซองไว้หิ้งพระ ถ้ามีใครไปไทย หรือบอกบุญก็จะนำเงินนั้นทำบุญค่ะ เพราะบ้างครั้งมีคนบอกบุญแล้วเราไม่มีเงินเลยก็มี เลยต้องใช้วิธีนี้ค่ะ.
     
  7. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ขอให้ เอาจริง กันนะครับ ของจริง เหมาะกับคนจริง เท่านั้นครับ เหมือนมีคนบอกว่า เป็นชาวนา อย่ารอฝนตก ครับ เพราะมันจะตกเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่รู้คือ ท้องเราหิววันละหลายครั้งครับ มันรอไม่ได้ครับ ทำ กันมากๆนะครับ 1บาท 2บาท ก็ได้ครับ ทำมั่งไม่ทำมั่งก็ยังดี อย่ารอ โอกาศครับ เราเกิด เหมือน มีพระท่านนึงเทศไว้ว่า อย่านึกว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์ แบบนี้ เป็นผู้มีบุญมาก ถ้าเรามีบุญมาก เราไปเป็นเทวดา หรือ พรหม หรือมีความดีที่สุด ก็ได้ไปนิพพานแล้ว แต่เรามา เกิดเป็นมนุษย์ ด้วยอาศัยกำลังบุญเพียงนิดหน่อยที่ได้นึกถึงก่อนตาย ถ้าเรา ยังหลงระเริงว่าเราดีแล้ว เป็นการประมาทเกินไป เกิดมาชาตินี้ เจอ พระธรรม คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว และยังมาเจอ ครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็น ผู้ปฎิบัติจริง เข้าถึงจริง ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างหาประมาณไม่ได้ คนรวย หมายถึงคนมี ทรัพย์มาก ก็ทุกข์แบบเขา สู้เรา มารู้ แล้ววาง ไม่ได้ครับ ผมขอยืนยันอีกคนว่า คำสอนของพระพุทธศาสนา พิสูจน์ได้จริง แล้วเป็นจริง ตามภูมิธรรมของแต่ละบุคคล แต่ถ้าปฎิบัติจริง เอาจริง ไม่เกินวิสัยครับ อันนี้ เป็น การสืบค้นและ ลงมือปฎิบัติด้วยตนเอง แล้วบุญธรรมทานอีกอย่างคือเฟสบุ๊ค ครับ แค่กด แชร์คำสอนของครูบาอาจารย์ต่างๆ โอ้โอ บุญใหญ่ ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ทำกัน เยอะๆนะครับ เราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ครับ โชคดีครับ ทุกๆท่าน
     
  8. เฮียเครียด

    เฮียเครียด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +332
    ขออนุโมทนาสาธุกับความคิดที่ดีครับ....................
     
  9. Red people

    Red people เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +153
    คุณ หมี พลเสน<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5335733", true); </SCRIPT> มีใจทำบุญโดยไม่ย่อท้อ มุ่งมั่น ขออนุโมทนาบุญครับ

    .
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เอ่อ ต้องระวังหน่อยนะครับ การกล่าวชักชวนให้ทำบุญ เพื่อ ให้กองบุญมันมีมากๆ
    มันไม่ใช่การ พูดให้ถึงธรรม ซ้ำร้าย เป็นการพูดเพื่อ ขวางทางนิพพาน อีกต่างหาก

    มันเข้าข่าย การกล่าว "การเจริญ การเสื่อม" ซึ่งเข้าหมวด เดรัจฉานกถา ทันที

    ทำไมเป็นเช่นนั้น

    เพราะ การพูดเรื่องเจริญ หรือ เสื่อม โดยการทำบุญ มันเป็นเรื่องของการกระตุ้นให้
    เกิดการพอกพูล ไม่ใช่พูดให้เบื่อหน่าย คลายกำหนัด

    สังเกตดูดีๆ เวลา พูดถึงเรื่องทำบุญ"เพื่อความเจริญ หรือ เสื่อม" แล้ว มันจะวิ่ง
    ไปหาเรื่อง ภพภูมิอัตโนมัติ คือ กล่าวถึง ภูมิมนุษย์ ภูมเทวดา ภูมิของพรหม ภูมิ
    ของเจ้านาย(เทพ ราชา ฯ)

    แล้วสังเกตุดีๆจะพบว่า มันเป็น จิตที่ติดบัญญัติ เรื่อง ปริมาณ แบบชาวโลก
    หากเป็นทางธรรมแล้ว จะพ้นบัญญัติเหล่านี้ ทำบาทเดียวสามารถระลึกซ้ำ
    อุทิสซ้ำได้ไม่จำกัด อัปมัญญา ไม่มีการทอน ไม่มีการลด ไม่การแบ่งสมบัติ
    ไม่มีเรื่องสมบัติมากน้อยบ้าๆแบบโลกๆมาเกี่ยวข้อง

    แล้วสังเกตดีๆว่า หากยิ่งเพิ่มพูลการกระทำเข้าไปแล้ว มันจะยิ่งเสพติด ถอนไม่
    ขึ้น หากถูกทักท้วง ขัดขวาง หรือไม่ได้ทำ จะ เครียด

    ทำไม เครียด เพราะ โทษะ เริ่มกุมจิต

    ทำไม โทษะ กุมจิตได้ เพราะ โลภะ กุมจิตมาก่อน (อยากเจริญ หรือ กลัวเสื่อม เป็นเหตุ)

    เรียกว่า ตอนที่ทำบุญเพราะอยากเจริญ หรือ กลัวเสื่อม ตอนนั้น จะได้เกิดเป็น เปรต

    หาก เกิดโทศะรุมเร้าเพิ่มเติม เนื่องจาก โลภะล้อมจิตไว้หมดแล้ว ก็เป็น อสุรกาย เพิ่มด้วย

    แต่ถ้าคลาย โลภะ และ โทษะ ลงมาได้ แต่ยัง งง งวย อยู่กับว่า ทำไมเรื่องนี้ถึงกลาย
    เป็นเรื่องไม่ดีเสียเล่า อันนี้ คือ พาไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

    * * * *

    จาคานุสติ คือ การระลึก สภาพจิตที่มีปิติ อันเกิดจากการทำบุญ ไม่ใช่เรื่อง
    เนื้อหาสาระของปริมาณ หรือ จำนวนครั้งในการทำบุญ หรือ สิ่งของในการทำบุญ

    อย่างในพระสูตร พระโมคัลลานะ ไปสวรรคิ์ ไปเจอ เทพธิดาองค์หนึ่ง มีวิมานใหญ่
    และรังษีแรงกล้า เหมือนจะมากกว่า พระโมคคัลานะ(ถ้าจำไม่ผิด) แล้วท่านเลย
    ถามเทพธิดานั้นว่า ทำบุญมาอย่างไร เทพธิดาก็บอกว่า เราทำบุญ ด้วยเงาะในมือ
    เพียงผลเดียว โดยเงาะผลนั้นเป็นอาหารชิ้นสุดท้ายที่ตนมี ครั้นเมื่อเห็น สมณะ
    เดินผ่านมาในป่า จึงหวังทำบุญมากกว่าจะหมายเก็บไว้กินเอง พอให้ไปแล้ว เธอ
    ก็ตายเพราะขาดอาหาร (...จะเห็นว่า ทำหนเดียว และ ผลเดียว ผลเล็กๆ ด้วย )

    ทำไมบุญถึงใหญ่ ในคำอธิบายนั้น ก็ชี้ไปที่ เพราะ เธอระลึกถึง ปิติ ในการทำทาน
    ครั้งนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ระลึกอยู่ตลอดเวลา ทำครั้งเดียว แต่ ระลึกได้เป็นร้อยเป็น
    พันครั้ง เป็นหมื่นครั้ง เป็นแสนครั้ง ก็ระลึกใน "ปิติ" ได้(สติ)

    แบบนี้ ถึงจะเป็น "จาคานุสติ"

    ดังนั้น สาธุชนท่านใด ต้องการทำบุญ ทำบาทเดียวก็ได้ หาก จิต ที่ทำบุญ
    ในครั้งนั้นเป็นไปด้วยกุศล ไม่ใช่ไม่พอใจเรื่องฐานะ เพราะแอบโลภ ซึ่งเกิด
    จากหลงไม่เข้าใจวิธีการ ก็จะ สามารถระลึก ปิติ ได้จากการทำบุญ แม้บาท
    เดียวนั้น และมีผลใหญ่กว่า อสีติมหาสาวกได้ เหมือนกัน ไม่ใช่ไม่ได้

    อย่างไรคือ "จิตกุศล" จึงควรใคร่ครวญพิจารณา และ ยังกุศลให้ถึงพร้อม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2011
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อันนี้ เป็น เทศนา จากครูบาอาจารย์ ซึ่งบริสุทธิกว่า ลองพิจารณา ตามอัธยาศัย

    ......

    สังเกตุนะ ในธรรมบทนี้ แม้แต่ พระอินทร์เทพแท้ๆ ก็ยัง ทำบุญไม่ถูก ยังหวงบุญ ตระหนี่
    ในบุญ ดังนั้น ไม่ต้องโทษตัวเอง ที่ยังทำอะไรไม่พ้น ไม่เข้าใจ ว่า เขาภาวนากันอย่างไร

    เข้าเจริญทางธรรมจริงๆ กันอย่างไร
    ......

    อ้างอิง click
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2011
  12. bork

    bork Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +37
    ผมเห็นด้วยกับคุณ นิวรณ์ คับ นี้ละ คือสาเหตุทีทำไมคนทำบุญมาตลอดชีวิต จึงไปสู่ทุกขติ
    ธรรมดาผมสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน วันไหนไม่ได้สวดรู้สึกไม่สบายใจเลยต้องลุกขึ้นมาสวดจึงจะนอนหลับ มีวันหนึ่งผมนึกว่า ถ้าวันใดเราป่วยแล้ววันนั้นเราสวดไม่ไหวแบบว่าใกล้จะตายนะคับ แล้วเราจะดำรงค์จิตอย่างไร ก็แปลกคับมีความคิดว่า ให้คิดว่า ไม่มีอะไรเที่ยง กายใจ หรืออะไรไม่เที่ยง แม้แต่จิตที่คิดจะสวดมนต์ก็ไม่เที่ยง มันเป็นเพียงจิตที่ไปยึดติดกับสิ่งที่เราเคยทำประจำซึ่งไม่เที่ยงเช่นกัน พอคิดได้แบบนี้ก็สบายใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าหยุดสวดนะคับ ทุกวันนี้ก็ยังสวด แต่ก็เข้าใจมากขึ้นว่าควรจะดำรงค์จิตอย่างไร ทุกวันนี้สวดมนต์นึกบทสวดทุกครั้งมันยังไม่เที่ยงเลยคับ คือมันดับไปเมื่อสวดผ่านไป พอเริ่มบทใหม่มันก็เกิดขึ้นอีก แสดงว่า มีเกิดมีดับ อยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรเที่ยงเลย แม้แต่บทสวดมนต์ที่เราสวดกันเป็นประจำ ผมมองเห็นแบบนี้ครับ
     
  13. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358

    สิ่งที่เราพึงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งก็คือ ในเวลาที่มีคนตั้งใจจะ

    ทำบุญ แล้วเราไปขัดขวางเขา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม เราก็ได้ทำบาปลงไปแล้ว

    เหมือนเรื่องราวของพระโลสกะ (อรรถกถาเล่มที่ 56 พระสุตตันนปิฏก
    ขุททกนิกาย ชาดก ภาค1 หน้าที่ 2 อรรถกถาโลสกชาดก
    ที่ 1) ที่เคย ขัดขวางบุญของผู้อื่น โดยในชาติหนึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาส
    ของวัดหนึ่ง แล้วมีพระธุดงค์มาแถวนั้นและพักในวัดของท่าน

    เย็นวันนั้นมีเศรษฐีมาฟังธรรมจากพระธุดงค์ แล้วได้นิมนต์ท่าน
    และพระธุดงค์รูปนั้นเพื่อถวายอาหารในวันรุ่งขึ้น แต่พอตอนเช้าท่าน
    กลัวว่าเศรษฐีจะชอบใจพระธุดงค์มากกว่าตน ท่านจึงเคาะระฆังเบาๆ
    แล้วออกไปที่บ้านเศรษฐีคนเดียว ท่านบอกเศรษฐีว่าสงสัยพระธุดงค์
    จะขี้เกียจ จึงยังไม่ตื่น แล้วท่านก็ฉันอาหารรูปเดียว

    พอฉันเสร็จ เศรษฐีคนนั้นก็ได้ฝากอาหารให้ท่านนำไปให้พระธุดงค์
    ด้วย แต่ท่านกลัวว่าหากพระธุดงค์ได้อาหารแล้วจะติดใจและอยู่ต่อ
    ท่านจึงได้นำอาหารไปทิ้งทั้งหมด

    ด้วยผลบาปนั้นเอง ทำให้ท่านต้องตกนรกหลายแสนปี แล้วก็มา
    เกิดเป็นยักษ์ 500 ชาติ เกิดเป็นสุนัข 500 ชาติ โดยที่ทุกชาติจะ
    ไม่ได้กินจนอิ่มเลย นอกจากมื้อสุดท้ายก่อนตายเท่านั้น พอมาเกิด
    เป็นคน ก็ต้องอยู่ด้วยความลำบาก ได้กินข้าวทีละเม็ดจากพื้นที่เขาใช้เทน้ำล้างหม้อข้าว

    หลังจากนั้นพระสารีบุตรมาพบก็ชวนให้บวช แม้จะเป็นพระ ท่าน
    ก็ยังไม่ได้ฉันจนอิ่ม และด้วยบาปที่ท่านทำมา ใครใส่บาตรท่าน
    เพียงนิดหน่อย คนก็จะเห็นเหมือนเต็มบาตรแล้ว จึงไม่ถวายอะไร
    ให้อีก และด้วยผลบาปที่เคยทำมา บางคนอาหารที่คนนำมาถวาย
    ให้ท่านก็จะหายไป

    ต่อมาท่านเจริญวิปัสสนาจนบรรลุอรหันต์ แม้จะเป็นพระอรหันต์
    แต่ท่านก็ยังไม่เคยได้ฉันจนอิ่มเลยแม้แต่มื้อเดียว จนวันสุดท้ายของ
    ชีวิต พระสารีบุตรท่านทราบว่าวันนี้ท่านจะปรินิพพาน จึงคิดจะให้ท่าน
    ได้ฉันจนอิ่มให้ได้ ด้วยการชวนท่านไปบิณฑบาตด้วยกัน แต่ด้วยบาป
    ที่ท่านได้ทำมา ทำให้ชาวบ้านไม่สนใจแม้แต่จะยกมือไหว้พระสารีบุตร

    พระสารีบุตรจึงให้ท่านกลับไปรอที่วัด พระสารีบุตรจึงได้บิณฑบาตร
    แล้วจึงให้คนนำอาหารที่ได้มอบให้พระโลสกะ แต่ด้วยบาปของท่าน
    ทำให้คนที่รับอาหารนั้นลืมแล้วกินเอง

    พอพระสารีบุตรกลับมาถามพระโลสกะ ก็พบว่ายังไม่ได้ฉันอะไรเลย
    พระสารีบุตรจึงเข้าไปบิณฑบาตรในวัง ได้ขนม 4 อย่างมาจนเต็มบาตร
    พระสารีบุตรต้องถือบาตรให้ พระโลสกะจึงได้ฉันจนอิ่มก่อนตาย
    (เพราะถ้าหากให้ท่านถือเอง อาหารอาจจะหายไป)

    จะเห็นว่าบาปจากการขวางบุญผู้อื่นนั้นน่ากลัวมาก นี่แค่ขวางบุญ
    แค่ครั้งเดียวนะครับ แล้วลองคิดดูสิครับว่า คนที่ชอบพูดว่าอย่าไปทำบุญที่วัดนั้น เพราะรวยแล้ว อย่าทำบุญที่วัดนี้ เพราะคนเยอะแล้ว
    อย่าทำบุญ เพราะบุญไม่มีจริง อย่าทำบุญที่วัดนั้น เพราะวัดนั้นไม่ดี อย่า
    เพิ่งทำบุญเลย ทำมาหากินก่อน อย่าทำบุญเกินตัว อย่า อย่า อย่า

    คนที่ทำแบบนี้ เวลารับกรรมจะมีชีวิตที่ยากลำบากแค่ไหน ไม่อยากจะคิดเลยครับ


    มาจากหนังสือ บุญใหญ่ พลิกชีวิต
     
  14. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    ขอชี้แจงสักนิดนะครับ ผมกลัวผู้มาศึกษาใหม่จะหลงทาง มันไม่เข้าข่ายไหน หรอกครับ เพราะนี่เป็น วิธีเบื้องต้น สำหรับการ สร้างกำลังใจที่จะไปต่อครับ ขอบพระคุณ สำหรับความคิดเห็นครับ ผมแนะสำหรับผู้เริ่มครับ ท่านใด เกินจุดตรงนี้ไปแล้ว ก็โมทนาบุญด้วยครับ ที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย ไม่มีอะไรเลย 5555555 เหมือน หนู ถูกหลอกให้ถีบจักร แค่หยุด วงล้อจักร ก็จะหยุดหมุน ปล้วเดินออกมาจาก กงล้อนั้น นอน แผ่ได้สบาย รู้แล้วหนอ 5555555555555 เจริญในธรรมครับ
     
  15. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ผมคิดว่า อย่างน้อย เจ้าของกระทู้ ก็ได้จุดประกาย ให้คนหันมาทำบุญได้
    ดีกว่า ปล่อยให้คนเราอยู่ไปวันๆ ไม่สนใจบุญกุศล
    อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ เช่น พุทธศาสนาสำหรับผู้เริ่มต้น อะไรทำนองนี้
    สาธุ ครับ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เราไม่จำเป็นต้อง ดึงฟ้าลงต่ำ ดึงสัทธรรมให้เอออวยไปกับ คนพึ่งเริ่ม หรือ คนเริ่มแล้ว
    หรือแม้กระทั่ง คนเสร็จกิจแล้ว เพราะ ธรรมย่อมคือธรรม

    หลวงตามหาบัว ท่านจบกิจ ก็ไม่เห็นว่า ท่านจะต้องเลิก สลัดคืน ท่านแค่พูดนิดหน่อย
    เหล่าทรัพย์ก็มาที่ท่าน คืนกลับไปหาท่าน แต่ท่านก็ สลัดออกหมด จาคะ ออกหมดไม่มีเหลือ
    เหตุนี่ใช่เพราะท่านติดบุญหรือเปล่า ย่อมไม่ใช่

    มาดูกันต่อ จาคานุสติ มันเป็นอย่างไรแน่ เราสามารถแจกแจงให้ตรงธรรมได้ทันที
    ไม่ต้องอ้อมค้อม ว่าผู้เริ่ม ผู้ผ่านแล้ว หรือ ผู้จบ เพราะ บุญนั้นย่อมไม่อิ่มไปจากใจ
    ของคนใฝ่ดี นี่คือข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง

    แต่ การพูดเพื่อให้ทำบุญ ทำทาน พูดอย่างไรให้เป็น การสลัดคืน ไม่สะสม ตรงนี้
    หากเราใช้ปัญญาของเรา ย่อมเห็นความขัดแย้ง แต่หากเราใช้ สัทธรรมของพระ
    พุทธองค์ ตั้งสติใช้วาจาของพระพุทธองค์เท่านั้น จะเห็นความอัศจรรย์

    การทำบุญ ทำแล้ว ให้ระลึกถึง อารมณ์ปิติ ทำครั้งเดียว หากยังระลึกถึงผลบุญ
    คือ ปิติ ที่เกิดกับจิตได้ ยิ่งทรงไว้ ปิติก็จะนำไปสู่ ฌาณจิต อย่างหนึ่งทันที

    แต่ถ้าเราทำบุญแบบหวังสะสมผลบุญ เน้นปริมาณ เน้นขอบเขต จะผลิกกลับ
    ทันที จะตกข้างฝ่ายโลก กิเลสของคนดี ทันที มันดี ก็จริง แต่มันติดข่ายใน
    ภพ ไม่เหมือนการมุ่งตบแต่งจิต เอาปิติ เป็นผัสสะ ตรงนี้ตบแต่งภพพรหมก็จริง
    อยู่แต่เราต้องยกว่า อาศัยระลึก เท่านั้น ถ้าเราละ ปิติ ที่กำลังระลึกได้เป็นบาท
    อย่าว่าแค่ ฌาณ3 จะไป ฌาณ4 ก็ยังได้ ขอให้แยบคายในการพิจารณา ไม่
    ติดบัญญัติ

    จาคานุสติ จึง ตัดกิเลสได้ ตรงนี้ เราต้องพิจารณาให้ดั ในพุทธพจน์ชี้ชัดเจนว่า
    ตัดกิเลสได้ ทำไมตัดได้

    เพราะ ทำแล้ว ธรรมคู่จะปรากฏว่า เราทำเพื่อสะสม หรือ สลัดคืน

    ธรรมคู่จะปรากฏว่า เรามุ่งติดบัญญัติ อนุพยัญชนะ เช่น จำนวนเงิน
    ชือพระ ชื่อวัด หรือ มุ่งสู่ ปรมัตถบัญญัติ คือ ธรรม(มีพระพุทธ พระธรรม
    และ สงฆ์ รวมกันอยู่เป็นหนึ่ง)

    ดังนั้น ตอนทำบุญ ทำทาน หาก ทำจาคานุติ ถูกต้อง ตรงหลักการ
    โลภ โกรธ หลง จะกระเด็นไปในคราวเดียว หากเราพิจารณาจิตที่ยัง
    ติด บัญญัติ หรือ จิตพิจารณาน้อมไปในปรมัตถ์ นี้ ต่อที่หนึ่ง

    ส่วนผลของทานนั้น เราจะวางไว้ในฐานะ มันต้องให้ผล แต่ ผลนั้นเรา
    จะไม่ติดใจ ต๊ะใจ แอบใจคอยทวงคืน

    เมื่อเราทำบุญ สาธุชนคนภาวนาเป็น จะชักชวนให้ คนอื่น อนุโมทนา

    นั่นก็เพราะ ให้เขาระลึก จาคานุสติ ได้เช่นกับเรา แต่หาก ไม่ได้ฟังธรรม
    เขาก็จะแค่ อนุโมทนาบุญกันอย่าง ทำตามๆกันไป ไม่มีการฝึกจิต ฝึก
    จาคานุสติ ที่ถูกต้องเอาไว้ด้วย

    ทำไมเป็นเช่นนั้น

    เพราะ เราไปเปิดช่อง ว่า คนพึ่งเริ่ม ทำอย่างไรก็ได้

    แทน การพูดว่า จาคานุสตินี้ดีนะ ดีมาก ทำให้ตัดกิเลสได้ หากทำถูก

    เมื่อเราพูดอย่างนี้ เขาย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมสนใจ ซึ่งต่างจาก เราให้
    เขาทำอย่างคนพึ่งเริ่ม(คนขาดการสดับ)


    ธรรมทาน จึง ชนะการให้ทั้งปวง

    ธรรมใดเป็นไปเพื่อการสะสม การคลุกคลี ธรรมนั้น ไม่ใช่คำสอนของตถาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2011
  17. sazukia007

    sazukia007 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    350
    ค่าพลัง:
    +710
    ทำใจให้สบายครับ เวลาป่วย ก็ทำใจให้สบาย เราไม่สามารถนั่งสวดได้ ก็นอนสวดเลย ถ้าก่อนนอนๆ สวดจนหลับจะดีมากมาย

    ส่วนเรื่องพยานนั้นเราเราบอกให้ทุกท่านอนุโมทนาครับดังนี้

    ขออุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศล ให้
    ข้าพเจ้า เทวดาประจำตัวข้าพเจ้า

    พ่อแม่พี่น้อง
    ครูบาร์อาจารย์
    เจ้ากรรมนายเวร
    พระภูมิเจ้าที่รุกขเทวดา
    สิ่งศักสิทธิ์ทั้ง 16 ชั้น ฟ้า 15 ชั้น ดิน
    สิ่งศักสิทธิ์ที่เกี่ยวพันธ์เกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบัน ณ ชาติ
    พระยายมราช นายนิริยบาล
    สัมภเวสี เปรตอสุรกาย
    ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4
    พระแม่ทรณี
    พระแม่คงคา
    พระเพลิง

    ประมาณนี้ครับ มีพยานเยอะ

    ปล. เมิงทำบุญ 5 บาท บอกกันขนาดนี้เลยเหรอ ในเมื่อกล้าบอก เราก็กล้าอนุโมทนา
    ปล2. เราสามารถทำบุญใหญ่ด้วยใจได้ด้วยนะ ทำได้ทุกวัน ทุกเวลา ยกเว้นช่วงที่กำลังใจตกด้วยเหตุบางประการ กำหนดจิตให้เป็นบุญ (ควรมีกรรมฐานเป็นพื้นนะครับ )
     
  18. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    1.ทำบุญเพื่อสละ ละวาง ความตระหนี่ ความเป็นเงินของเรา อัตตา เป็นไปเพื่อความโปร่งโล่งใจ เงินอันเราบริจาคเป็นกุศลแก่โลกสาธารณะแล้ว ความดีอันสำเร็จไปแล้ว

    หรือ
    2.ทำบุญหวังผล ชื่อเสียง ลาภผล โชคลาภ คะแนนนิยม ทำ20อธิฐานไป2000 เหนียวแน่นในอัตตา บุญเราของเราเหนี่ยวหนึบ

    เรื่องนี้มันของธรรมชาติสังเกตุในใจก็จะเห็นด้วยตนเองนะครับ ทำบุญเหมือนกันต่างที่การวางใจไว้ตรงไหนนะครับ
     
  19. หมี พลเสน

    หมี พลเสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    620
    ค่าพลัง:
    +358
    555555 โดน ด่าจนได้ 5555555555 เมิงทำบุญ5บาท บอก กันขนาดนี้เลยเหรอ5555 กล้าบอก กูก็กล้าโมทนา โดนโลกธรรมเล่น งานอีกแล้ว ไม่เป็นไรครับ ผมอยากเกิดเอง โดนด่าเป็น ธรรมดาครับ
     
  20. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    :boo::boo:เราคือบูบูผู้มาแก้มิจฉาทิฎฐิครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...