อานิสงส์ผลบุญของการบริจาคโลหิตคืออะไรครับ

การบริจาคโลหิตถือเป็นการทำบุญไหมครับ?

แล้วผลจากอานิสงส์ผลบุญที่ได้กระทำไปจะส่งผลในภพนี้อย่างไรและภพหน้าอย่างไรครับ

ถ้าหากทำเป็นประจำ ผลบุญที่ได้จะเป็นอย่างไรครับ

 

ถือว่าเป็นการทำบุญครับ

น่าจะถือว่าเป็นการให้ชีวิตนะครับ ถ้าจำไม่ผิด

ยังไงรอท่านอื่นมาเสริมอีกที่แล้วกันนะครับ

 

ถ้าหากเราได้ช่วยชีวิตใครคนหนึ่ง ได้รอดชีวิต แค่นั้นผมก็ถือว่าอานิสงส์มากแล้วครับ
และทำให้ใครๆหลายๆคนพ้นจากความตาย
อานิสงส์ เปรียบเหมือน การให้ชีวิตเป็นทาน
อานิสงส์ย่อมมากอยู่แล้วครับ ดูที่เจตนาของเรามุ่งหมายที่อะไร
หากเราไม่อธิฐานอะไร เกิดภพใดย่อมเป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง ผิวพันดี ถึงเวลาจะตายก็ไม่ตาย
ย่อมมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเสมอ เว้นแต่กรรมเข้ามาขัดขวางจริงๆ

 

หวังแค่ว่า เลือดของเรา เพียงน้อยนิด จะช่วยคนอื่นได้ แค่นี้แหล่ะครับ ไม่ได้อธิฐานอะไร^^

 

สาธุ...
เติมเพิ่มให้ครับ
ก่อนให้ ตั้งใจไป นึกในใจว่าเลือดเนื้อ และชีวิตของเราจะให้เป็นทาน ผู้ใดมีความประสงค์ทุกข์ยากลำบาก ขอจงมีความสุข ความสวัสดี ปลอดภัยจากทานคือเลือดเนื้อของเรา
พอนอนบนเตียง เลือดออกจากแขน นึกต่อไปว่า คนบริจาคมีมาก่อนเรา ตายไปหมด คนรับๆแล้วก็ตายหมดช้าเร็วเท่านั้น เราก็เป็นรายต่อไป เลือดนี้มาจากภายในร่างกายของเรา มาจากอาหารต่างๆที่เราดื่มกินเข้าไป มีแต่ความสกปรก ด้วยอาหาร และน้ำเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกายที่มีความสกปรก ร่างกายเลวๆ แบบนี้เราไม่ต้องการอีก ถ้าเลือดที่ให้ไปนี้จะทำให้เราตายลงตรงนี้ เราก็ยินดี ไม่ปราถนาการเกิดในที่ทุกสถาน และปราถนาใดๆอีก ตาย ณ. เวลานี้ก็ช่างมัน ถอดเข็มลุกขึ้นถ้าหน้ามืดตายก็ช่างมัน เอาแค่นี้ ส่วนจะได้อะไร ชาติหน้าเป็นไง ไม่ต้องสนใจครับ ตายเดี๋ยวก็รู้เองว่าไปไหน

 

ขอบคุณครับ^^

 

เคยอยากทำครับ แต่ตอนนี้ขยาดไปเลย
สมัยเรียน ร.ด. ผมก็อยากจะบริจาค ต่อคิวซะเป็นกลุ่มท้ายๆ
ดันไปเจอคนขับรถอยากจะเจาะให้แต่ตัวเองทำไม่เป็น
เขาเสียบเข็มแล้วดึงออก เสียบแล้วดึงออก เพื่อหาเส้นเลือดผมอยู่ 10 รอบ
รอบแรกๆก็ไม่เท่าไหร่หรอก เข็มยังลื่นอยู่ ไอ้รอบหลังๆนี่สิ
หนังมันฝืดตามเข็มขึ้นมาด้วยเลย เจ็บมาก แถมพอบอกว่าเจ็บก็โดนด่าอีก
...สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ไปเจอคนอีกคนมาทำให้ โอ้โห อดีตเสนารักษ์
เก่งกว่าพยาบาลอีก ตบแขนผม 2 - 3 ที แล้วเจาะแบบไม่ลังเลเลย
เลือดกระฉูดเลย ของเขาดีจริง 55++

 

ขอบคุณครับ แบบนี้ต้องทำบ่อยๆ ทุก 3 เดือนแล้วสิ เวลาบริจาคเลือดแล้วรู้สึกดี ครับ

 

บริจาคโลหิตถือเป็นอุปบารมี การสละโลหิตให้คนป่วยเมื่อเกิดชาติใดก็จะมีสุขภาพแข็งแรง ไร้ซึ่งโรคภัยไข้เจ็บ โลหิตช่วยฟื้นฟูกำลังของคนป่วยก็จะทำให้มีกำลังดังช้างสาร การยอมเจ็บเพราะโดนเข็มเจาะก็จะทำให้ศาสตราวุธใดๆไม่อาจกล้ำกราย การช่วยชีวิตคนก็เท่ากับให้ทุกสิ่ง ก็จะทำให้ได้ทุกสิ่งโดยง่าย ฯลฯ

 

พี่อายุ 45 ปี บริจาคมา 25 ครั้ง อยากบอกว่าทุกวันนี้ร่างกายแข็งแรงดี ไม่เคยเจ็บป่วยเลย การให้ทำให้จิตใจเป็นสุขค่ะ นั่นคืออานิสงค์หลัก

 

อยากบริจาคครับ
แต่เห็นเข็มฉีดยาทีไรแล้ว...เครียดครับ

 

เมื่อวานพึ่งบริจาคมาหยก ๆ

 

การบริจาคเลือด ก็เหมือนการต่อชีวิต ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อได้

ทางวิทยาศาสตร์ ก็ทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนด้วย

แต่ในทางธรรม คุณทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้ อายุคุณก็ยืนขึ้นด้วยเหมือนกัน

บุญใหญ่ครับ ทำต่อไปครับ...สาธุ

 

ขอยกบทสนทนาธรรม มาให้อ่านกัน

ถ้าการบริจาคโลหิตทำให้ได้ บุญมาก อย่างนั้นการอุทิศร่างกายให้แก่โรงพยาบาลหลังจากที่เราตายไปแล้ว ก็น่าจะทำให้ได้อานิสงส์มากกว่า ใช่หรือไม่เจ้าคะ?




คุณโยม ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า

จะทำบุญด้วยอะไรก็ตาม เราต้องทำ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ทำหลังจากตายแล้ว เพราะบุญเกิดขึ้นที่เจตนาอันเป็นกุศล



การบริจาคโลหิต ทำให้ได้บุญมากก็เพราะว่า

๑. ผู้ให้มีเจตนาที่เป็นบุญกุศลจริงๆ เพราะเจตนาในการเสียสละครั้งนี้ ได้แฝงความเมตตากรุณาเอาไว้ด้วย


๒. ผู้ให้ต้องใช้กำลังใจสูง เนื่องจากโลหิตในตัวของคนเราไม่ใช่มีเหลือเฟือ อย่างมากก็มีแค่พอใช้เท่านั้น ในเมื่อยังมีความจำเป็นต้องใช้โลหิตนั้น แม้สักหยดหนึ่งก็ไม่น่าจะให้ใคร แต่ด้วยความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น ก็เลยตัดใจให้ไป



เมื่อเป็นเรื่องของการตัดใจให้กันอย่างนี้

จึงเป็นการฝึกให้มีกำลังใจในการฆ่าความโลภ ฆ่าความตระหนี่ ที่ฝังลึกอยู่ในใจ เพราะลึกๆ ในใจของคนเรานั้น มีเชื้อตระหนี่ มีเชื้อโลภอยู่ด้วยกันทุกคน

แม้ข้าวของต่างๆ ของเรา ยังอดที่จะหวง ยังอดที่จะเสียดายไม่ได้



แต่ว่าวันนี้เห็นความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมโลก จนทำให้เกิดความเมตตากรุณาอย่างเปี่ยมล้น แม้เลือดในร่างกายก็สามารถตัดใจให้ได้ บุญก็เลยได้มาก

ยิ่งผู้รับโลหิต เป็นประเภทที่ถ้าไม่ได้เลือดกรุ๊ปนี้ของเรา เขาต้องตายแน่ๆ การบริจาคโลหิตของเราครั้งนี้ จะทำให้ได้บุญอย่างยิ่ง ยิ่งเขาได้เลือดของเราไปแล้ว เอาไปสร้างความดี เราก็ยิ่งได้บุญเพิ่มขึ้นไปอีก



"ส่วนการบริจาคร่างกายหลังจากที่ตายแล้ว"


ก็ต้องบอกว่า ร่างกายของคนที่ตายไปแล้วนั้น ความจริงก็ไม่สามารถเกิดประโยชน์อะไรกับเจ้าของร่างได้อีก เป็นร่างที่ถูกเจ้าของทิ้งแล้ว


ถ้าทางโรงพยาบาลเอาไปให้นักศึกษาแพทย์ ศึกษาหาความรู้ ก็พอได้ประโยชน์บ้างนิดๆ หน่อยๆ


แต่ถามว่า ได้ฆ่าเชื้อตระหนี่ที่ฝังลึกอยู่ในใจบ้างไหม?

ไม่มีเลย เพราะตอนตายแล้วร่างกายไม่ใช่ของเราแม้แต่เพียงเล็กน้อย เราไม่ได้เป็นเจ้าของและใช้ร่างกายนั้นไม่ได้อีกแล้ว


เพราะฉะนั้น ถ้าหวังจะได้บุญ หวังจะได้กุศลกันจริงๆ ละก็

"จะบริจาคอะไร ก็บริจาคเสียตั้งแต่ตอนที่มีชีวิตอยู่ "

เช่น อยากบริจาคดวงตา เพราะผู้ที่จะรับดวงตา เป็นคนมีคุณงามความดีมากมาย ถ้าอย่างนี้ควักเอาไปให้เลย คุณเอาไปข้างหนึ่ง ฉันเก็บเอาไว้ข้างหนึ่ง


หรือว่าฉันมีไต ๒ ข้าง คุณก็เป็นคนที่มีความดีไม่น้อย เมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้นมาว่า ถ้าไม่ได้ไตของฉัน คุณต้องตายแน่ๆ อย่างนั้นคุณเอาไปเลย ๑ ข้าง ฉันเก็บเอาไว้ข้างเดียวก็พอ อย่างนี้จึงจะทำให้ได้บุญมาก


แต่ว่าเอาไว้ฉันตายแล้วคุณค่อยมาเอาไปก็แล้วกัน

ก็ในเมื่อตัวเองใช้ไม่ได้แล้วถึงยกให้เขา อย่างนี้จะพอได้บุญบ้างก็นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น เพราะถึงไม่มีใครเอาไปทำอะไร

หนอนมันก็กิน และเราเองก็คงไม่ได้คิดจะไปเอาบุญกับหนอนหรอกนะ

หรือบ้านของฉันหลังนี้ ถ้าเธออยากได้ รอไว้ ให้ฉันตายก่อนก็แล้วกัน ค่อยมาเอา
ก็พอจะได้บุญบ้างนิดๆ หน่อยๆ


แต่ถ้าจะให้ได้บุญกันจริงๆ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หยิบโฉนดมาเซ็นให้เขาไปเลย ทำอย่างนี้บุญก็ได้เต็มที่ แถมยังได้ความเมตตากรุณาติดอยู่ในใจ กลายเป็นนิสัยข้ามภพข้ามชาติอีกด้วย



ความตระหนี่ก็จะถูกฆ่าทิ้ง เนื่องจากเราต้องใช้กำลังใจสูง แล้วยังเป็นต้นแบบแห่งความมีน้ำใจให้คนอื่นๆ ได้เห็น

ความหวงแหนที่มีอยู่ในใจ ของมนุษย์ก็จะได้คลายลงไป เราจะได้บุญใหญ่กันตรงนี้อีกด้วย



เพราะฉะนั้น


ถ้าตั้งใจที่จะสร้างบุญโดยการเสียสละ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์ เป็นสิ่งของ เป็นเลือด เป็นเนื้อ เป็นอวัยวะ รีบทำขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ จะทำให้ได้บุญมากเลย

 

สวัสดีค่ะ อร บริจาคมา 14 ครั้งแล้วค่ะ วันที่ 23 กันยา นี่ จะเป็นครั้งที ่15 ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ

 

มีที่ไหนรับบริจาคบ้าง ในวันหยุด

 

เป็นทานบารมีระดับกลาง เรียกว่า ทานะอุปบารมี กำลังใจไม่ถึงทำไม่ได้ครับ บารมีทำเพื่อให้เต็ม เมื่อเต็มแล้วก็สามารถจะตัดโลกเข้าถึงนิพพานได้ ถ้าไม่มีกำลังหรือกำลังไม่พอก็ตัดไม่ขาด

 

สำหรับตัวผมเองแล้ว เลือดผมแค่นั้นไม่เสียดายหรอกครับ ถ้าเลือดของผมมันมีค่ามากสำหรับคนอื่น ผมก็ยอมให้ได้ ขอเพียงแค่ อย่าเอาไปหมดตัวจนผมตายก็พอ ฮาๆๆๆ ตามจริงไปบริจาคเลือด แต่ละครั้ง ใจมันบอกว่า เอาแบบดับเบิ้ลเลย สองถุงไปเลย ตัวผมก็อยากบริจาคยุนะ อยากมาก แต่กลัวว่า เราจะวูบ เพราะเสียเลือดมาก อาจจะเป็นอันตราย แต่ถึงยังไง ก็อยากลองบริจาค แบบดับเบิ้ลสักครั้งในชีวิต อ่ะครับ คงจะรู้สึกดีมาก ๆ เลย

 

อนุโมทนากับสมาชิกทุกๆท่านด้วยเช่นกันครับ ผมเองก็จะไปบริจาคเลือดบ้างเหมือนกัน เพิ่งจะครั้งที่ 2 เอง แต่ก็คิดว่าจะไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอมิให้ขาดเลยครับ ทว่ารอบนี้ต้องรอสอบปลายภาคให้เสร็จก่อนนะ อิอิ