อานิสงส์ของการถวายเทียนพรรษา และร่วมอนุโมทนาถวายเทียนพรรษา ๙ วัดค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 23 กรกฎาคม 2010.

  1. Siranya

    Siranya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,051
    ค่าพลัง:
    +9,004
    กราบอนุโมทนาบุญทั้งหมดกับทุกท่านด้วยค่ะ เมื่อวานก็ไปถวายเทียนกับครอบครัว
    ที่วัดชลประทาน วัดสังฆทาน และ วัดที่อยู่เกราะเกร็ด วัดป้อมฯ ท้ายสุดวัดศาลพันท้าย ได้ไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อชลอด้วยค่ะ
     
  2. kanid

    kanid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    342
    ค่าพลัง:
    +2,596
    อนุโมทนาบุญกับคุณน้ำใส และคณะผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน

    เห็นแล้วปลื้มปิติค่ะ สาธุ...สาธุ..
     
  3. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    การจุดประทีปทันทีที่ถวายเทียน

    เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกได้สอบถาม ผ่าน PM เรื่อง อานิสงส์ของการถวายเทียนพรรษาอย่างเดียว กับการถวายเทียนพรรษาพร้อมจุดประทีปว่า มีอานิสงส์แตกต่างกันอย่างไร


    ก่อนขอกราบอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์อภิวิชญ์ อภิชโย ที่ท่านให้ธรรมทานครั้งนี้ค่ะ มา ณ.โอกาสนี้ด้วยค่ะ


    ๖.วัดโกรกกราก.๒.jpg



    อานิสงส์การถวายเทียนพร้อมจุดไฟประทีป ได้อานิสงส์มากกว่าการถวายเทียนอย่างเดียวค่ะ เราสามารถจุดประทีปได้เลย หากเราจุดแล้ว พระท่านจะได้นำเทียนของเราใช้ต่อไปได้


    ทำให้เราได้อานิสงส์แห่งการถวายแสงสว่างด้วย และขอเพิ่มเติมอานิสงส์การจุดประทีป

    อานิสงส์การจุดประทีป

    - มีปัญญาสว่างไสว รู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมคำสอน
    - ทำให้ได้ทิพจักขุญาณ
    - เกิดแสงสว่างทั้งภายนอกและภายใน
    - ทำให้มีดวงตาเห็นธรรม และบรรลุธรรมได้โดยง่าย

    และโบราณจารย์ ได้อรรถาธิบาย เรื่องของเปลวไฟนี้ว่า....


    พระเกศาคล้ายก้นหอย เมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้ เกิดปัญญาแจ่มแจ้ง เกิดเปลวเพลิงขึ้นที่พระเกศ เผาไหม้พระเกศาก้นหอย เปรียบเสมือนปมปัญหา ถูกเปลวเพลิงไหม้ ปมปัญหาทุก ๆ อย่างจะคลายลง

    ปัจจุบันเรามักไม่ค่อยเห็นการจุดประทีปไปพร้อมกับการถวายเทียน เนื่องจากไม่มีผู้ปฏิบัติให้เป็นแบบอย่าง


    หากจะให้ดีควรจัดเชิงเทียนเป็นดอกไม้สด (ดังภาพในกระทู้) เราก็จะได้อานิสงส์การถวายดอกไม้ด้วยค่ะ

    เตรียมเทียน๓.jpg


    อุปกรณ์

    ๑. กระถางต้นไม้ ๒. ดอกไม้สดเลือกตามชอบใจ และใบไม้ที่ใช้ตกแต่ง

    ๓. กระดาษหนังสือพิมพ์ ๔. โอเอซีส สำหรับใช้ปักดอกไม้

    วิธีการจัด

    ๑. วางเทียนพรรษาตรงกลางกระถางต้นไม้ ดูให้เหมาะสมและงดงาม

    ๑.หากระถางต้นไม้ขนาดพอเหมาะกับเทียน มานำเทียนตั้งกลางไว้

    ๒. นำกระดาษหนังสือพิมพ์ และโอเอซีส แช่น้ำไว้จนชุ่ม


    ๓. จากนั้นนำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่เปียกน้ำยัดลงในกระดาษให้แน่น ครึ่งหนึ่ง หรือดูให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เทียนล้ม


    ๔. นำโอเอซีส ยัดลงในกระถางให้แน่น


    ๕. เริ่มปักใบไม้ดูระยะห่างตามความเหมาะสม และปักดอกไม้สดให้ดูสวยงาม สำหรับโทนสีขึ้นอยู่กับความชอบของผู้จัดค่ะ

    และขออนุโมทนาบุญกันท่านผู้ถามคำถามนี้ผ่าน PM อีกครั้งค่ะ:cool:

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กรกฎาคม 2010
  4. vidar_boyzai

    vidar_boyzai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +36
    อานิสงส์การทำบุญด้วยแสงไฟ
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
    อัตตา หิ อัตตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
    อัตตา หิ สุทันเตนะ นาถัง ลภติ ทุลลภัง ตีติ

    ณ โอกาสบัดนี้ อาตมาจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ในความเป็นมาของพระอนุรุทธ เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองค์ศรัทธาบารมี แก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่มาบำเพ็ญกุศลในวันนี้
    สำหรับวันนี้ ตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคม 2535 เป็นวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เราก็เรียกกันว่าวันจะเข้าพรรษา บางวัดก็เข้าพรรษาวันนี้ บางวัดก็เข้าพรรษาวันพรุ่งนี้ แต่สำหรับวัดท่าซุงเข้าพรรษาวันนี้ เป็นอันว่าวันนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ทำบุญมีอานิสงส์ 2 ประการด้วยกัน คือ
    1. ถวายเทียนเข้าพรรษา
    2. ถวายผ้าไตร หรือผ้าวัสสิกสา แก่บรรดาพระสงฆ์
    ทั้งสองอย่างนี้มีอานิสงส์ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่างแรก ถวายเทียนเข้าพรรษาจะเทศน์วันนี้ สำหรับอานิสงส์ถวายผ้าไตรจะเทศน์วันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้ไม่จบ

    พระอนุรุทธ

    เป็นอันว่าเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปรารภพระอนุรุทธ ความจริงพระอนุรุทธนี่เป็นพระอนุชาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุชานะไม่ใช่อาชานะ อนุชานี่เขาแปลว่าน้อง อาชาแปลว่าม้า เป็นน้องพระพุทธเจ้า คือว่าเป็นลูกของอา ในตระกูลมีอยู่ 2 คน คือ ท่านมหานาม 1 สอง พระอนุรุทธ
    ในสมัยเมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ท่านท้าวมหานามก็ปรารภกับน้องชายว่า เวลานั้นท้าวมหานามเป็นพระมหากษัตริย์ ตระกูลอื่นเขาก็มีคนบวชกันหมดแล้ว ตระกูลของเรายังไม่มีใครบวช ถ้ายังงั้นขอให้น้องเป็นพระราชาต่อไป พี่จะบวช พระอนุรุทธก็บอกว่า การเป็นพระราชาทำยังไง เวลานั้นพระราชาต้องทำนาเหมือนกัน ก็ต้องเลี้ยงทหาร เขาบอกว่า ตอนต้นปีก็ไถนาแล้วก็หว่าน พอปลายปีก็เกี่ยวข้าวเอาเข้าฉาง ต้นปีไถนาแล้วก็หว่าน ปลายปีเกี่ยวข้าวเข้าฉาง แบบนี้เรื่อยไปตลอดชีวิต พระอนุรุทธถามว่า ไอ้การทำนานี่ไม่มีการเลิกรึ ท่านมหานามบอก เลิกไม่ได้ พระอนุรุทธก็บอกว่า ถ้ายังงั้นพี่อยู่เถอะฉันบวชเอง ก็ไปชวนเพื่อนอีก 4 คนบวช

    เป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ

    เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็ปรากฎว่า พระอนุรุทธเจริญพระกรรมฐานไม่ช้าไม่นานนัก วันเข้าพรรษาวันนี้ก็ได้บรรลุอรหัตถผลพร้อมไปด้วยทิพจักขุญาณ เป็นพระวิชชาสาม ต่อมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตั้งพระอนุรุทธเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ นั่นหมายความว่า พระอรหันต์นี่มี 4 ขั้น ตัดกิเลสได้เหมือนกัน แต่ความสามารถไม่เท่ากัน คือ
    1. สุกขวิปัสสโก ตัดกิเลสได้ แต่ไม่มีจิตเป็นทิพย์ ไม่สามารถเห็นผี นรก สวรรค์ ได้
    2. เตวิชโช อย่างนี้สามารถมีจิตเป็นทิพย์ เห็นสวรรค์ได้ นรกได้ เปรตได้ อสุรกายได้ เห็นอะไรก็ได้ และสามารถระลึกชาติได้
    3. ฉฬภิญโญ สำหรับหมวดนี้เหาะเหินเดินอากาศได้ แปลงได้ เนรมิตได้
    4. ปฏิสัมภิทัปปัตโต ปฏิสัมภิทาญาณ มีความฉลาดมาก
    ฉะนั้น สำหรับพระอนุรุทธเป็นพระอรหันต์ขั้นวิชชาสาม แต่ความจริงพระอรหันต์ขั้นวิชชาสามนี่ความจริงต้องอ่อนกว่าทุกอย่าง อ่อนกว่าฉฬภิญโญ ฉฬภิญโญก็คืออภิญญาหก แต่ว่านี่ท่านเข้มแข็งในด้านทิพจักขุญาณ จะพิสูจน์ในสมัยองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านิพพานเวลานั้น เวลาที่พระพุทธเจ้านิพพาน พระอนุรุทธเข้าฌานตาม พระอรหันต์ตั้งสองแสนองค์ ไม่สามารถจะเข้าฌานตามได้ ไม่รู้จิตใจของพระพุทธเจ้าว่าเวลานี้อยู่ที่ไหน แต่สำหรับพระอนุรุทธติดตามได้
    พระอานนท์เข้าไปสะกิดถาม หลวงพี่ เวลานี้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ไปนิพพานหรือยัง ในขณะที่ท่านจะเข้านิพพานท่านเข้าสมาธิเต็มที่ ไอ้การเข้าสมาธิเต็มที่นี่ บรรดาพุทธบริษัทบางทีเขานึกว่าหัวใจหยุดเต้น ความจริงไม่หยุด มันเต้นเบาลมหายใจน้อย บางคนคิดว่าไม่มีลมหายใจ ท่านก็บอกว่า เวลาที่พระพุทธเจ้าอยู่ที่ฌาน 1 บ้าง ฌาน 2 บ้าง ฌาน 3 บ้าง ฌาน 4 บ้าง ในอรูปฌานบ้าง แล้วเลื่อนมาในฌาน 4 ของรูปฌาน นิพพานตอนนั้น
    นี่จะเห็นว่าพระอนุรุทธชื่อว่าเป็นผู้เลิศในทิพจักขุญาณ เลิศจริง ๆ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า กล่าวถึงประวัตินะ ตอนนี้ยังไม่นิพพาน ท่านบอกว่า พระอนุรุทธนี่ในสมัยชาติก่อนชอบทำบุญด้วยแสงไฟ
    ก็อย่างที่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย บูชาเทียนเข้าพรรษานี่แหละ บูชาเทียนเข้าพรรษาบ้าง ช่วยค่ากระแสไฟฟ้าบ้าง ช่วยน้ำมันตะเกียงบ้าง อย่างนี้เป็นต้น เป็นเรื่องให้เกิดแสงไฟ ให้เกิดแสงสว่างขึ้น พระอนุรุทธชอบทำอย่างนี้ ทุกวาระถึงปีถึงเวลาเข้าพรรษาก็นำเทียนเข้าพรรษาถวายตามวัด วันละหลาย ๆ วัด เป็นการบูชาให้แสงสว่าง ฉะนั้น มาชาติหลังสุด อานิสงส์ถวายเทียนเข้าพรรษา แสงไฟ จึงได้ทิพจักขุญาณเป็นเลิศกว่าพระอรหันต์ทุกองค์ นี่เป็นประวัติตอนท้ายนะ ประวัติของพระอนุรุทธนี่มีหลายตอน จะขอตัดเป็นตอน ๆ


    จาก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 สิงหาคม 2010
  5. หมูแฮมชีส

    หมูแฮมชีส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +16
    ถวายเทียนแล้วค่ะ วันเข้าพรรษาที่ผ่านมา ได้ฟังเทศน์วันอาสฬบูชาและวันเข้าพรรษาด้วย 2 เลย เกี่ยวกับการรักษาศีล และการระงับความโกรธ โลภหลง ทำบุญแล้วสบายใจจังค่ะ
     
  6. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,267
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,012
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ<!-- google_ad_section_end --> ขอให้ทุกๆท่านมีทิพจักขุญาณอันแจ่มใสสว่างไสวรุ่งเรืองทุกภพทุกชาติจนกว่าจะถึงพระนิพพานนะครับ สาธุ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...