อานิสงส์การรักษาศีล

ถ้าประชาชน ทำทาน รักษาศีล ภาวนา เหตุใดฝนฟ้าจึงตกต้องตามฤดูกาลครับ ตามคำกรวดน้ำตอนเช้า เทวตาทิปัตติทานคาถา ข้อความที่ว่า ขอฝนทั้งหลายจงหลั่งลงตกต้องตามฤดูกาล ขอฝนจำนำความสำเร็จมาสู่พื้นปฐพี เพื่อความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลาย บทสวดนี้หมายความว่าอย่างไรครับ

 

กลุ่มไอน้ำไปรวมกันเป็นเมฆได้ยังไง กลุ่มคนประเภทเดียวกันเขาก็ไปรวมกันอย่างนั้น
เหมือนมีคอนเสิร์ต คนที่มีความชื่นชอบเดียวกันเขาก็ไปรวมกัน
พอนักร้องขอให้คนดูช้วยกันยกมือชึ้น เขาก็พร้อมใจกันยกมือขึ้น ถึงจะมีความชอบ
เดียวกัน เขายังมียกมือขึ้นบ้าง บางพวกไม่ยกมือ แล้วตัวเราเองนั้นมีกำลังใจระดับไหน
อยู่ในระดับกำลังใจที่ว่า ขอให้ยกมือแล้วยกมือขึ้นทุกคน หรือยกเฉพาะเรา
แล้วมีคนยกตามแบบหลอมแหลม เหนือฟ้ายังมีดิน เหนือดินยังมีฟ้า
ทิฐิ ของคนให้ความสูง ต่ำ ไม่เหมือนกัน ดินก็มีความไม่ราบเรียบไม่สม่ำเหมอ
น้ำก็ไม่ราบเรียบ ลมก็ไม่ราบเรียบ ไฟก็ไม่ราบเรียบ ทาน ศีล ภาวนา
อันนั้นเป็นธรรม ธรรมให้ความเย็นใจ แต่ความเย็นใจไม่ได้แปลว่าสังขารจะไม่แปรปรวน

 

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พระราชาเป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้พวกข้าราชการ ก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อพวกข้าราชการไม่ตั้ง อยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้พราหมณ์และคฤหบดีก็เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อ พราหมณ์และคฤหบดีไม่ตั้งอยู่ในธรรม สมัยนั้น แม้ชาวนิคมและชาวชนบท ก็ เป็นผู้ไม่ตั้งอยู่ในธรรม เมื่อชาวนิคมและชาวชนบทไม่ตั้งอยู่ในธรรม พระจันทร์ และพระอาทิตย์ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อพระจันทร์และพระอาทิตย์หมุน เวียนไม่สม่ำเสมอ หมู่ดาวนักษัตรก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อคืนและวัน หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนก็หมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ เมื่อ เดือนหนึ่งและกึ่งเดือนหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ ฤดูและปีก็ย่อมหมุนเวียนไม่สม่ำ เสมอเมื่อฤดูและปีหมุนเวียนไม่สม่ำเสมอ ลมย่อมพัดไม่สม่ำเสมอ เมื่อลมพัดไม่ สม่ำเสมอ ลมก็เดินผิดทางไม่สม่ำเสมอ ย่อมพัดเวียนไป เมื่อลมเดินผิดทางไม่สม่ำ เสมอพัดเวียนไป เทวดาย่อมกำเริบ เมื่อเทวดากำเริบฝนย่อมไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล