อาการแบบนี้คืออะไร อันตรายหรือเปล่าคะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongnewinbkk, 21 พฤษภาคม 2014.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,047
    เอ๊า! สวัสดีครับ คุณ Supop ยินดีต้อนรับที่เข้ามาตอบกระทู้น้อง นิวครับ
    พอดีเลยงั้นขอเล่าเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ.
    เพื่อว่าจะพอมีประโยชน์บ้างครับ
    ..เกี่ยวกับเรื่องกสิณไฟนะครับ..
    คือเราฝึกตามตำราได้จะปลอดภัย..
    ..ส่วนกรณีที่จะไปเพ่งเปลวไฟเลยถ้ายังไม่ได้
    สามารถลืมตาได้นานไม่ควรทำ..ส่วนตัวจึงแนะนำในกระทู้ว่าเพ่งแล้ว
    ให้ละแล้วมาจับที่อุคคนิมิตรแทน..ส่วนตัวพอเข้าใจครับว่ากสิณไฟในระดับ
    ที่สามารถใช้ได้แล้วมันจะมีอาการต่อร่างกายและส่งผลต่อสภาพจิตใจ
    อย่างไรที่พูดคือใช้ได้แบบลืมตาเห็นๆนะครับ
    ในแบบนามธรรมนะครับ.เหตุเพราะต้องป้องกันตัวจากพวกภูตที่จะมาทำร้าย
    ถึงในห้องนอนเมื่อ ๒ ปีก่อนหลังจากอุทิศแล้วอะไรก็แล้วนะครับ
    .และตอนนั้นต้องใช้เวลาดับความร้อนที่จิตพอสมควรคือมันจะร้อน
    ออกมาจากตัวจิตเราเลย. และดับสภาพอารมย์ให้เป็นปกติ
    ได้ใช้เวลาประมาณ ๒ ถึง ๓ วัน.

    ต่อมาจึงได้พบวิธีการแก้ปัญหาตรงนี้จากครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ
    ท่านหนึ่งท่านที่เป็นบทความเรื่องกสินที่เขียนๆไว้ในเวปนี้นี่หละครับ
    และได้รับการสอนเทคนิคต่างๆให้ระหว่างฝึก...คือ ให้เปลี่ยนไปฝึกกสิณน้ำให้ได้ก่อน
    ..พอเราฝึกการใช้นิมิตรเราจะสามารถที่จะบังคับนิมิตรกสิณน้ำ มารวมกับนิมิตรกสิณไฟได้..
    สีของนิมิตรกสิณไฟจะอ่อนลงและความร้อนของกสิณไฟจะเย็นลง
    ถึงไม่ส่งผลกับร่างกายเวลาเราออกมาสู่สภาวะปกติครับ..
    และให้ฝึกรวมๆทุกกองให้ได้ในนิมิตรและถ้าทำได้ในเวลาลืมปกติ
    ก็จะสามารถเรียกใช้กสิณกองไหนก็ได้ครับ..และสามารถทำให้
    ใครก็ได้ที่มีของเดิมทางกสิณมา..สามารถสัมผัสได้เกือบทุกกอง
    ด้วยตาเปล่า.โดยที่ไม่ต้องเห็นหน้า หรือหลับตาเข้าสมาธิให้ยุ่งยากด้วยครับ
    ส่วนการจะเพิ่มความเข็มแข็งหรือการเพิ่มกำลังจิต..แล้วแต่ความเพียรของ
    แต่บุคคลครับซึ่งตรงนี้ส่วนมากจะเป็นบุคคลที่มีความเพียรสูง
    หรือไม่ก็ระดับพระเกจิที่ท่านสามารถต่อยอดสมาธิระดับสูงได้.

    ..แต่ผลของกสิณไฟที่มีต่อร่างกายนั้น..สามารถใช้วิธีการเท
    พลังงานส่วนเกินที่เคยได้แนะนำไปแล้วได้ผลครับ..ส่วนหลังจากสามารถ
    น้ำกสิณน้ำมารวมกับไฟได้แล้ว..ต่อไปกสิณไฟจะไม่ส่งผลต่อความร้อน
    ของจิตเราด้วยครับไม่ว่าในเวลาฝึกหรือว่าเวลาลืมตาปกติในชีวิตประจำวัน
    หรือแม้กระทั้งหลังจากใช้งานไปแล้ว เพียงแต่พลังงานตกค้างจากการ
    ที่เราไปช่วยเหลือคนอื่นๆจะยังมี ซึ่งสามารถถ่ายพลังงานส่วนเกินตรงนี้
    ออกได้ตามวิธีที่เคยแนะนำไปให้ น้อง นิว ก่อนหน้านี้

    ส่วนการใช้งานนะครับ หลังจากที่เรารู้หลักในการหนุน ดึง
    และส่งพลังงานตรงนี้แล้วไว้ต่อไปจะเล่าให้ฟังครับ.
    และปกติทั่วไปมันจะใช้ไฟกับน้ำ มักจะใช้ควบคู่กัน ซึ่งมีลมเป็นตัวหนุน อากาศเป็นตัวนำ
    แต่กสิณดินจะใช้น้อยมากที่สุดเพราะจะส่งผล
    ต่อการขยายธาตุของผู้ที่เราทำการช่วยเหลือเป็นเหตุให้เจ็บปวดรุนแรงได้
    ส่วนถ้าจะรักษาที่ดีที่สุดคือต้องอาศัยแพทย์ปัจจุบันร่วมกับการดูสุขภาพ
    ตัวเองของผู้ป่วยตลอดจนสภาพร่างกายปัจจุบันร่วมด้วย
    .เพราะเราจะไม่สามารถสร้างร่างกายส่วนที่มันเสื่อมสลายไป
    ตามเหตุให้ขึ้นมาใหม่ได้.ณ ระดับนี้นะครับ

    ปล.ทั่วไปประมาณนี้ ครับ คุณ Supop
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2014
  2. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,152
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาคุณ nopphakan ครับ ที่มาให้ความรู้เพิ่มเติมครับ ข้าพเจ้าเองก็มีครูบาอาจารย์จากทางภพภูมิ มาบอกมาสอนการทดสอบทางธรรมพร้อมทั้งการเตือนเมื่อเริ่มจะผิดทางอยู่เรื่อยๆเช่นกันครับ ตั้งแต่ครั้งแรกๆเลยครับ จึงทำให้ข้าพเจ้าไม่เคยทิ้งการปฏิบัติ และก้าวหน้ามาโดยตลอด

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้ากล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2014
  3. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    เท่าที่ไปติดตามอ่านในกระทู้ต่างๆ เวลานั่งสมาธิ แต่ละท่านจะเห็นนิมิตที่แตกต่างกันไป
    เห็นแสง เห็นภาพ หรือเกิดอาการต่างๆ ดูๆแล้วหลากหลายมาก

    ส่วนดิฉัน คือ เห็นเป็นแสงมีลักษณะเป็นวงกลม ใหญ่ประมาณเท่าจานใส่ข้าวทั่วไป จะมีแสงขาวนวลรอบๆวงกลม แต่ตรงกลาง เป็นสีดำ มืด คล้ายๆการเกิดดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์อะไรแบบนั้น

    เห็นอยู่สักพัก พอดิฉันไม่สนใจ ปล่อยวาง ไม่เอาจิตไปจับดูมัน มันก็หายไป

    บางครั้ง ก็เห็น เม็ดสี หลากหลายสี เท่าเม็ดทราย ลอยพุ้งใส่หน้าดิฉัน สีสันสวยงามมากคะ แสงระยิบระยับ พอดิฉันไม่สนใจมัน มันก็หายไปอีก

    แต่บางครั้งก็ไม่เห็นอะไร แต่สงบ เงียบ นิ่ง เหมือนตัวเองไม่มีตัวตน มีแต่ความรู้ตัว ล่องลอยอยู่ในความว่าง มืด อย่างนี้

    อันนี้เพียงแต่มาเล่าสู่กันฟังคะ ไม่ได้ยึดติดอะไร เห็นก็ว่าเห็น

    บางท่านก็เห็นแปลกๆ

    อย่างไรก็นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เพื่อความบันเทิงนะคะ

    แต่เวลานั่งสมาธิ ไม่ต้องไปอยากเห็นอะไรทั้งนั้นคะ ไม่ต้องไปสงสัยอะไร ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้นคะ

    มันเห็น มันก็เห็นของมันเอง เราไม่ได้อยากเห็น แต่เห็น

    แต่ถ้าอยากเห็น ยิ่งจะไม่ได้เห็นก็เป็นได้นะคะ เฉยๆเข้าไว้ นี่ดิฉันทำแบบนี้นะ

    ดิฉันนั่งสมาธิเกือบทุกวันคะ แต่เป็นไปอย่างช้าๆ

    บทจะนิ่งก็นิ่งเอาง่ายๆ หายไปเฉยๆ

    บทจะฟุ้งซ่าน ก็ฟุ้งซ่านไปเรื่อย ทั้งๆที่เรารู้ตัวนะ ว่า ไม่ได้อยากคิดเรื่องนี้เลย แต่ทำไมมันคิดของมันขึ้นมา บางเรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ไม่ได้สนใจอะไร แต่มันเอามาคิด เราก็ตามดูความคิดของตัวเอง บางครั้ง ก็เหมือนเราคิดซ้อนมันขึ้นมา คือมันคิดเรื่องนี้ แล้วเราก็คิดอีกว่า จิตของเราคิดเรื่องนี้ทำไมกัน ทั้งๆที่มันไม่น่าจะอยู่ในความคิดของเราเลย แต่มันคิด มันหาเรื่องมาคิดเยอะเยอะไปหมด รู้สึกว่า ทำไมมันคิดอะไรไร้สาระจริง อันนี้คือความคิดฟุ้งซ่านของตัวเราเอง เราตามดูความคิดของตัวเอง ก็รู้สึกขัดแย้งกับความคิดของตัวเองอะไรแบบนี้คะ แปลกนะ เหมือนว่า ความคิดมันคือตัวตนของมันต่างหาก แล้วอีกความคิดหนึ่งก็มีตัวตนต่างหาก คอยตามดูมัน ว่ามันคิดอะไร แล้วตามรู้ว่ามันคิดเรื่องนี้อยู่ เหมือนคนสองคนที่ตามดูพฤติกรรมของอีกคนอะไรแบบนี้ นี่ความรู้สึกส่วนตัวของดิฉันนะคะ

    แต่ส่วนใหญ่ ที่ดิฉันนั่งสมาธิ จุดจักระทั้ง7ของดิฉันจะหมุน มันจะหมุนพร้อมๆกัน แต่เอ๊ะ จะใช้ว่า จักระทั้ง7 ก็คงไม่ใช่ซินะ เพราะมันหมุนมากกว่านั้น อิอิ คือ ฝามือ กับฝาเท้าด้วย ปลายจมูกด้วย บางครั้งรูสึกเหมือนรูจมูก เชื่อมต่อกันกับตรงกลาง ระหว่างคิ้ว เพราะเวลา หายใจ เหมือนมีลมผ่านเข้าไปตรงหว่างคิ้วด้วย นี่แค่รู้สึกว่าอย่างนั้นเฉยๆนะ

    จักระหมุนๆนี่ เป็นเพราะดิฉันไปกำหนดรู้ อีกจุดหนึ่ง จุดต่างๆจะหมุนเชื่อมกันเองโดยอัตโนมัติ มันเหมือนทำงานเป็นระบบของมัน จนดิฉันรู้สึกว่า เหมือนเราเป็นเครื่องจักรเลยแฮะ เวลามันหมุนพร้อมๆกันทุกจุดนะ เหมือนมันยกตัวเราขึ้นจากพื้นเลย อันนี้ก็แค่รู้สึกว่าอย่างนั้นเฉยๆ

    เอาหละคะ ที่เราเล่าๆมาทั้งหมดนั้น ก็คิดเสียว่ามาคุยกันเพื่อความบันเทิง เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นคะ แค่มาพูดคุยกัน อาจไม่มีสาระอะไร ก็ขออภัยหากเป็นการทำให้บางท่านไม่เห็นด้วย หรือ ไปขัดกับผู้รู้ท่านใดเข้า เพราะอันนี้ดิฉันเล่าตามความรู้สึกของดิฉัน หากอยากจะชี้แนะ หรือ แสดงความคิดเห็นใดๆ ยินดีคะ
     
  4. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    น้องนิว

    ในทางปฏิบัติ ท่านไม่ให้ไปสนใจในนิมิตที่เกิดขึ้นจ้ะ เมื่อเกิดมีนิมิตใดๆขึ้นมา ก็ให้เพิกเฉยไปเสีย แล้วให้เอาใจไปจรดจ่อกับข้อกรรมฐานที่เรากำลังปฏิบัติอยู่เป็นสำคัญ

    ส่วนจักระจะหมุนยังไง ก็ปล่อยไปตามเรื่องเถอะจ้ะ แค่เอาใจไปรับรู้แล้วก็ปล่อยวาง แค่นี้ก็พอ อย่าเพิ่งไปคิดควบคุม อย่างที่กระผม นายยอยุทธ ได้เล่าข้อปฏิบัติส่วนตัว ให้อ่านเลย เนื่องจากยังเป็นขั้นตอนต่อไปอีกยาวไกลจ้ะ

    อย่างนี้เรียกว่าเป็นผู้มีสติรู้ในหน้าที่การงานของตัวเอง มิใช่เถลไถลไปเรื่อยเปื่อยจนเสียงานเสียการในทางการปฏิบัติกรรมฐานนะจ๊ะ
     
  5. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย เนื่องจากเห็นว่ากำลังคุยกันในเรื่องของนิมิตอยู่

    เรื่องของนิมิต ก็มีประโยชน์ หากรู้จักการเลือกใช้นิมิตให้เหมาะสม ดังนี้

    1.นิมิตที่มีประโยชน์ ในการฝึกกรรมฐานนั้น จะต้องเป็นนิมิตที่ผู้ฝึกสร้างขึ้นมาเอง ตลอดจนสามารถควบคุมบังคับบัญชานิมิตนั้น ให้เป็นไปตามความประสงค์ การฝึกกรรมฐานกับนิมิตแบบนี้ จัดว่าเป็นประโยชน์กับผู้ฝึกในกรรมฐานกองที่เกี่ยวข้องกับนิมิตดังกล่าว

    2.สำหรับนิมิตที่ไม่ได้ตั้งใจจะกระทำให้เกิดขึ้น มีลักษณะเลื่อนลอย ลอยไปลอยมา มิหนำซ้ำยังไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามความประสงค์ อยากเกิดขึ้นก็เกิด อยากหายไปก็หาย ไม่รู้ที่ไป ไม่รู้ที่มา อย่างนี้ ไม่สมควรที่จะให้ความสนใจ เพราะจะทำให้เกิดความฟุ้งซ่าน ขัดต่อการปฏิบัติตามข้อกรรมฐานในขณะนั้นๆอีกด้วย

    ส่งมาให้น้องนิว เพื่อพิจารณาต่อไปจ้ะ
     
  6. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบคุณคุณyooyutที่มาแนะนำ

    ตามที่น้องนิวได้บอกไว้แล้วข้างต้นนะคะว่า น้องนิว ไม่ได้สนใจ แล้วมันก็หายไป ตามที่เล่าให้ฟังว่า มันมาของมันเอง เราไม่สนใจมัน แล้วมันก็หายไป ที่เราไม่สนใจมัน เพราะสนใจกับ ลมหายใจเข้าออก คำภาวนา อย่างนี้คะ

    คือที่คุยเรื่องนิมิตนี่ ไม่ได้ไปยึดตึด และไม่ได้สงสัยอะไรคะ เพียงแต่เห็น แล้วก็ปล่อยวาง นำมาเล่าให้ฟังเฉยๆ อิอิ(f)
     
  7. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    น้องนิวทำถูกแล้วล่ะจ้ะ เพียงแต่เข้ามาย้ำเตือนมิให้เผลอไผลไปกับความเย้ายวนของนิมิตทั้งหลายเท่านั้น หากมีหลักการที่ชัดเจน ย่อมมิต้องลังเลในสิ่งใด

    หนูทำได้ดีแล้ว เดินหน้าต่อไปได้เลยจ้ะ
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ในการปฏิบัติธรรมในแต่ละครั้ง ให้คุณนิวปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ปฏิบัติ
    ใหม่อยู่เสมอ ๆ ปริศนาธรรมปฏิบัติในแต่ละวันแต่ละครั้งเปลี่ยนอยู่เสมอ
    ไม่เที่ยงแท้ ตายตัวคุณนิวเป็นผู้ดูอาการของจิต แต่คุณนิวอย่ากระโจน
    ไปเล่นกับจิต ดูอาการของจิตแล้วก็ละ แบบทดสอบทางจิตก็จะเกิดใหม่
    อยู่เรื่อย รีบเรียนให้จบ จะได้บทเรียนใหม่อย่าย่ำอยู่กับที่ในการปฏิบัติ
    ให้คิดเสียว่า เป็นผลพลอยได้จากการฝึกจิต ปัญญาถ้ามีมากไปไปไม่ได้
    ปัญญาอย่าให้มากไป ปัญญามีน้อยไปก็ไปไม่ได้ ปัญญาอย่าให้น้อยไป
    ปัญญาในการขบปริศนาในข้อธรรมให้มันพอดี มันจึงจะไปได้คุณนิว

    รำคาญ แต่เหมือนได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรเจาะกระโหลก หรือกระดูก แกร๊กๆๆ เหมือนจะเจาะออกมาจากหน้าผาก เหมือนจะดันออกมา แต่ก็ดันออกมาไม่ได้ เพราะมันหนืดๆ

    ที่มันหนืด ๆและดันพยายามจะให้เจาะทะลุหน้าผาก ตรงจุดนี้เป็นจุดกำเนิดตาที่สาม ตาที่สามถึงจะเคยเปิดได้แล้ว หากแต่ถ้ามีอมนุษย์ไปอุดเอาไว้ ตาที่สามก็จะปิดลงไป ฉะนั้นเมื่อช่องตาที่สามตีบตัน จึงต้องมีการทะลุทะลวงให้ตาที่สาม
    กำเนิดขึ้นมาใหม่ ให้คุณจินตนาการ ว่าติดตั้งปืนครกไว้ที่ตำแหน่งท้ายทอยบรรจุกระสุนพร้อมยิง ไปที่ตำแหน่งหน้าผาก เงื้อนไงกำหนดให้วิถีกระสุนที่ยิงออกไปให้มีกำลังแรงมากพอที่จะเจาะทะลุหน้าผากคุณนิวออกไปเลยไปสู่อิสระภาพภารดรภาพ
     
  9. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบคุณคะ อาจารย์ดา

    พยายามยิงกระสุนอยู่หลายครั้ง เกือบจะทะลุ แต่ไม่ทะลุ มันเหนียวจริงๆคะ

    เคยกำหนด ปืนใหญ่ 3 ลำ ยิงพร้อมกันเต็มแรง เหมือนหน้าผากนูนออกมาเลยคะ มันก็เหนียวจริงๆ ใช้แสงเลเซอร์ก็แล้ว แต่ไม่เป็นไรคะ จะพยายามต่อคะอาจารย์ คงต้องใช้เวลานานเป็นแน่ และจะพยายามอุทิศบุญให้กับพวกอมนุษย์เพื่อให้เปิดทางให้คะ
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,047
    ของน้อง นิว ตาที่ ๓ เปิดมานานแล้วครับ แต่จะให้ถึงระดับ
    ใช้งานได้ก็ต้องฟิตพอตัวและอาศัยองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย
    ลองใช้มือขวานะคับ ใช้นิ้วโป้ กับนิ้วชี้ ยกมาอยู่ตรงเหนือระหว่างคิ้ว
    เล็กน้อย ให้นิ้วทั้ง ๒ ห่างกัน ๑ ซม. และขยับนิ้วชี้ลงมาหานิ้วโป้เบาๆ
    อย่าให้นิ้วชี้ชนนิ้วโป้ และค้างนิ้วชี้ไว้เมื่อรู้สึกผัสผัสอะไรได้ แล้วค้างไว้
    และดึงออกไปตรงๆข้างหน้าซัก ๑ ฟุต แล้วปล่อยนิ้วทั้งสองให้กางออกทันที
    ความรู้สึกว่ามีอะไรตีกลับมาที่หน้าฝากนั่นหละครับ
    ใช้ตรวจสอบได้ว่าตาที่ ๓ เปิดหรือยัง
    ทำดูหลายๆรอบก็ได้ครับ จะเข้าใจที่พูด
     
  11. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    พี่นพคะ น้องนิวลองทำดูแล้วคะ มีความรู้สึกดังนี้

    เวลาเอานิ้วโป้งกันนิ้วชี้ ไปวางตรงเหนือระหว่างคิ้ว จะรู้สึกเหมือนเราไปจับเนื้อหนังบริเวณนั้น เกิดการเคลื่อนตัว คือขยับยุกยิกๆ

    พอเราเอานิ้วชี้ขยับลงมาหานิ้วโป้ง ความรู้สึกเหมือนเราบีบก้อนเนื้อบริเวณนี้ พอหยุดนิ่งค้างไว้ เหมือนเราบีบไว้

    พอดึงออกไป มันเหมือนยืดๆๆๆๆตามมือเราไป พอปล่อยนิ้วแยกออก เหมือนมันเด่งกลับมาปะทะหน้าผาก ความรู้สึกเหมือนดึงหนังเราออกไป แล้วปล่อยกลับมา หรือคล้ายๆลมมาประทะหน้าผากอะไรแบบนี้คะ

    ไม่แน่ใจว่าใช่ตามพี่นพบอกหรือเปล่าคะ แต่ทำดูแล้วมันเป็นยังงั้นจริงๆ อาจจะอธิบายไม่เป็น แต่รู้สึกมีการเด้งกลับมาปะทะคะ
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,426
    ค่าพลัง:
    +35,047
    ถูกต้องแล้วคับ นั่นหละที่พี่บอกครับ ถ้าใช้เฉพาะนิ้วชี้ของมือทั้งสอง
    มาวางต่อกันแบบไม่ชนกันนะเหนือตํ่าแหน่งนั้น
    ขยับเบาๆพอรู้สึกสัมผัส แล้วเราลากนิ้วไปรอบ
    ศรีษะและไปชนกันข้างหลัง เค้าเรียกการฝึกขยายตาที่๓ ให้มองเห็นได้รอบตัวเช่นกัน (^_^)
    จะช่วยทำให้เรารู้ได้ถึงต่ำแต่งที่มีการมองเราไม่ว่าคนหรือสัตว์ จากด้านหลัง (^_^)
    พวกนี่ถือว่าของแถมระหว่างทาง ไม่มีอะไรขำๆ กิ๊บกิ้ว
     
  13. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบคุณคะ พี่นพ

    น้องนิวทำตามแล้วคะ

    วิ่งตามนิ้วชี้ทั้งสองข้าง เป็นวงรอบหัวไปจรดที่ด้านหลังเลยคะ อิอิ (one-eye)
     
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ความรู้อาจจะวน ๆ แบบนี้มาหลายชาติแล้วก็ได้
    จะข้ามได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับกำลังสติปัญญาของผู้นั้นเอง

    "ตัณหาคือยางเหนียวผู้สร้างภพ การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ร่ำไป"
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มาถูกทางแล้วคุณนิวอย่างที่ได้เล่าสู่กันฟัง เพื่อให้เกิดองค์ความรู้กับญาติธรรม
    จึงขออนุญาตเจ้าของกระทู้แบ่งปัน กับเพื่อนนักปฏิบัติ
    ให้กำหนดปืนใหญ่แค่หนึ่งกระบอกพอคับ แสงของจิตบวกกับพลังจิตเป็นแสงเลเซอร์ที่พุ่ง
    ออกไปจะมีกำลังรวมเป็นหนึ่งเดียว พุ่งไปทะลุตำแหน่งจุดญานทวาร
    ทำลายยางเหนียวได้ แล้วไม่สะท้อนกลับมาตกอยู่ในหัวแบบเดิม ๆ
    เมื่อฝึกสำเร็จ จะมีดอกไม้พวงดอกไม้สวรรค์ปรากฏให้ทราบ ไม่ก็พระฤาษีตาไฟ
    พระศิวะพระแม่อุมาเสด็จมาประทานพรด้วยพระองค์เอง ตาทิพย์ที่ได้มานี้
    ถ้าทำผิดก็จะถูกริบคืนได้เช่นกัน จึงขอให้ทุกคนตั้งตนอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
     
  16. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอบคุณคะ อาจารย์ดา
    เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนนักปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งคะ
    รวมทั้งตัวน้องนิวเอง ได้ความรู้จากจากหลายๆท่านที่เข้ามาแนะนำ
    ผู้ที่ปฏิบัติใหม่ๆ ย่อมไม่เข้าใจ และเกิดข้อสงสัยต่างๆ
    เมื่อมีผู้รู้มาชี้แนะ แนวทางที่ถูกต้อง ก็ทำให้การปฏิบัติไปได้เร็วขึ้นคะ
    ศิษย์กับครู ย่อมเป็นของคู่กันจริงๆคะ
    ขอบคุณคะ
     
  17. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    วันอาทิตย์นี้ น้องนิวจะไปฝึกมโนมยิทธิ ที่ศูนย์พุทธศรัทธาดูคะ เพราะอ่านข้อมูลในเวปนี้หลายครั้ง เลยเกิดความสนใจคะ
     
  18. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ก่อนการไปฝึกมโนมยิทธิ น้องนิว มีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม พื้นฐานการปฏิบัติ ก่อนการไปเข้ารับการฝึก อย่างไรบ้าง?

    แล้วน้องนิว ต้องการสิ่งใดจากการฝึกมโนมยิทธิบัาง? พอจะเล่าให้พี่ๆ ในบอร์ด ได้อ่านกันบ้าง ไดัไหม?
     
  19. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154
    ขออนุโมทนากับน้องนิวด้วยจ้ะ

    การฝึกปฏิบัติทางด้านมโนมยิทธิ พื้นฐานการปฏิบัติสำคัญ ที่ควรเสริมสร้างให้เกิดมีไว้ นั่นคือ ความคล่องตัวด้านการทำใจให้สงบ มีสมาธิ เป็นประการแรก ส่วนพื้นฐานประการที่สอง ที่ควรจะต้องมีไว้ประจำตัว คือ การรู้จักเอากำลังของสมาธิที่เกิดมีขึ้น มาใช้ในการพิจารณาทางวิปัสสนาเพื่อทำการตัดความห่วงใยในร่างกายของเราให้ได้เป็นการชั่วคราว และพื้นฐานประการที่สาม ที่ควรต้องมีไว้ประจำตัว นั่นคือ การเจริญด้านสติ ไว้ให้เป็นปกติวิสัย

    หากมีพื้นฐานทั้ง 3 ประการนี้ไว้ประจำใจ จะทำให้การฝึกมโนมยิทธิ สามารถทำได้อย่างราบรื่น เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ต่อไป

    โดยเหตุที่การฝึกมโนมยิทธิ มีความเกี่ยวข้องกับการรู้การเห็นต่างๆ คล้ายกับการฝึกทางด้านทิพยจักขุญาณ สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ ควรจะต้องรู้จักแยกแยะว่า การรู้เห็นในสิ่งใด เป็นเรื่องจริง ที่สามารถยึดถือเอาเป็นผลทางการปฏิบัติได้ และการรู้เห็นในสิ่งใด เป็นเรื่องเท็จ เรื่องลวง เรื่องไม่จริง ที่สมควรจะละทิ้งไปเสีย เพื่อไม่ให้สภาพจิตใจของเราเกิดความเสื่อมถอยในทางการปฏิบัติได้

    เรื่องการไม่รู้จักแยกแยะนิมิตดี นิมิตไม่ดี เหล่านี้ ทำให้ผู้ปฏิบัติหลายราย เสียเวลาไปเปล่าๆ โดยก้าวไปไม่ถึงหนทางแห่งความดี เพราะมัวแต่ไปยึดถือนิมิตที่หลอกลวง ว่าเป็นของดี ว่าเป็นของจริง ใครเตือนก็ไม่รับฟัง เพราะถือตัวว่า ตัวเอง มีความดีอยู่มากแล้ว จึงไม่ฟังใคร จนทำให้เสียผู้เสียคนไป อย่างนี้ เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังไว้ อย่าให้เกิดขึ้นกับเราได้

    การป้องกันตัว ก็ต้องอาศัยพื้นฐานทั้ง 3 ประการ ที่กล่าวไว้ข้างต้น คือเรื่องของ สมาธิ ความสะอาดของจิตใจจากกำลังของการพิจารณาวิปัสสนากรรมฐาน และความมีสติสัมปชัญญะอยู่เสมอ เหล่านี้ จะช่วยป้องกันตัวเรา จากความผิดพลาดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

    เหนือสิ่งอื่นใด การฝึกด้าน มโนมยิทธิ เวลาจะทำการฝึก ให้กราบขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าให้คุ้มครองรักษาตัวเราขณะทำการฝึกด้วยทุกครั้ง ก็จะปลอดภัยหายห่วง และจะทำให้เกิดความก้าวหน้าในการฝึกได้ต่อไป

    ฝากมาให้น้องนิว เพื่อพิจารณาต่อไปจ้ะ
     
  20. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239


    การเตรียมตัวของน้องนิวตอนนี้ ก็ฝึกสมาธิคะ จากที่เคยภาวนา พุทธโท
    ก็เปลี่ยนมาภาวนา นะมะ พะทะ อย่างอื่นก็ไม่ได้ทำไรคะ แค่ฝึกสมาธิให้คล่อง ส่วนการรักษาศีล น้องนิวก็พึงปฏิบัติตนอยู่ในศีลตลอดอยู่แล้วคะ

    ส่วนเรื่องต้องการสิ่งใดจากการฝึกมโนมยิทธิ นั้น น้องนิวเห็นว่า เป็นการฝึกที่ต้องมีครูคอยกำกับ คอยแนะนำตลอดการฝึก จึงคิดว่า อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ และปฏิบัติ จากครูอย่างไกล้ชิด อาจไปได้เร็วขึ้นคะ

    เพราะที่ผ่านๆมา เคยแต่ไปฝึก สวดมนต์ ทำสมาธิ ตามวัด และก็กลับมาฝึกนั่งสมาธิเองที่บ้าน

    น้องนิวก็ไม่ได้คาดหวังอะไร ถ้าทำได้ ก็จะได้ถือโอกาสไปกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระนิพพาน ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ยังไง องค์พระศาสดาท่านก็อยู่ในใจของน้องนิวอยู่แล้ว ระลึกเห็นท่านในจิตในใจตลอด อยากเห็นท่านก็เห็นอยู่ทุกวันที่หิ้งพระ กราบท่านก็ได้กราบทุกวันอยู่แล้ว อันนี้ก็ปล่อยไปตามกำลังของเราคะ

    อีกอย่างก็อยากพิสูจน์ตัวเองว่า เราทำได้หรือเปล่า บุญบารมีของเราถึงหรือไม่ ของเก่าของเรามีบ้างหรือเปล่า ทำไมเราถึงชอบมาทางนี้ ชอบวัดวาอาราม ชอบป่า ชอบธรรมชาติ ที่สงบ ร่มเย็น เห็นการใช้ชิีวิตของทุกคนล้วนแต่มีความทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่างทุกข์ๆๆๆ หิวก็ทุกข์ ได้กินก็ทุกข์เดี๋ยวอร่อย เดี๋ยวไม่อร่อย เดี๋ยวเป็นพิษ เดี๋ยวท้องเสีย แค่ร้อน แค่หนาวก็ทุกข์ ไม่รู้สิชีวิตนี้ ทำไมเห็นแต่เรื่องทุกข์ๆๆ

    ที่ทำได้ตอนนี้ คือปล่อยวาง ไม่ไปยินดียินร้ายกับสิ่งใดทั้งสิ้น ปล่อยวาง

    พบคำสอนของพระศาสดา เป็นหนทางทำให้พ้นทุกข์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำๆมา และปราถนา คือ เพื่อพ้นทุกข์คะ

    ขอยอมรับว่า น้องนิว เบื่อกับกาย หน่ายกับชีวิตคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...